คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ทะเบียนรักขื่นขม 1 reup ต่อ
“แกไม่ต้องมาพูด แกไม่รักฉัน แกมันก็ดีแต่บอกให้ฉันเลิกแก้แค้น แกคงไม่รักแม่แกเลยใช่ไหม แกถึงไม่ยอมแก้แค้นให้ ออกไป!! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก ไอ้ลูกไม่รักดี” ชี้นิ้วไล่อย่างไมใยดี หัวใจดวงนี้มีแต่ด้านมืด ปราศจากแสงสว่าง
“ผมรักคุณพ่อและคุณแม่สิครับ ผมถึงไม่ยอมทำตามคำขอของคุณพ่อ ผมไม่อยากให้เวรกรรมมันติดตัวคุณพ่อไป แกด้วยเจ้ารามเลิกล้มความคิดนี้ซะ แกไม่สงสารหนูเพียงบ้างหรือไง”
ฝ่ายรามยืนนิ่งไม่ยอมตอบ หัวใจนั่นมืดบอดไม่แต่ไปจากผู้เป็นปู่ ในหัวของรามแต่คำว่าแก้แค้นเพียงเท่านั้น ตั้งแต่เล็กราเชนก็พร่ำสอนให้รามจงเกลียดจงชังคนในตระกูลบริพักตร์ พอโตมาในหัวของรามมันจึงมีแต่แผนการแก้แค้น
เมื่อเห็นลูกชายนิ่ง แววตามีแต่ความแข็งกระด้าง รามิลก็รู้รับว่าลูกชายไม่มีคิดได้ “แล้วแกจะเสียใจเจ้าราม รู้เอาไว้ว่าหากวันไหนที่หนูเพียงเขาทนไม่ไหว แล้วทิ้งแกไป ฉันจะไม่ช่วยแกเลย” บอกเสียงเหนื่อยอ่อน
“ไม่ต้องไปฟังพ่อแกเจ้าราม แกทำแบบนี้ถูกแล้ว” น้ำเสียงแสนจะพอใจกับการกระทำของหลานชาย ชื่นชม มุมปากยกสูงเมื่อคิดว่าอีกไม่นานจะเห็นความย่อยยับของอีกฝ่าย
“ครับ คุณปู่พักผ่อนเถอะครับ” เมื่อพูดจบ เท้าหนาก็ก้าวเดินออกจากห้อง เดินตรงไปหาภรรยาป้ายแดงซึ่งกำลังทำแผลอยู่ที่ชั้นล่างของตัวคฤหาสน์
ฝ่ายคนช้ำก็ยังไม่เลิกสะอึกสะอื้น ก้อนเนื้อข้างซ้ายเจ็บจนชาจนแทบไม่รู้สึกอะไร เจ็บกับแววตาที่ว่างเปล่ากับการกระทำที่นิ่งเฉย นี่หล่อนไม่มีค่ากับเขาถึงเพียงนี้เลยหรือ ตลอดเวลาที่เขาและเธอคบกันมา เขาไม่เคยรู้สึกดีๆ กับหล่อนเลยหรือ รามคนที่เธอเจอเมื่อห้าเดือนก่อนหายไปไหน รามคนที่อ่อนโยนหายไปแล้ว เหลือไว้แต่อสูรใจร้าย
เมื่อเห็นว่าการทำแผลสิ้นสุดลง เท้าหนาก็ก้าวตรงไปหาพร้อมกับกระชากแขนของคนสะอื้น แล้วลากให้ตามไปยังบ้านหลังน้อย ซึ่งอยู่ด้านหลังของคฤหาสน์
“อยู่ที่นี่ ห้ามออกไปเพ่นพ่านที่ไหน แล้วห้ามขึ้นไปที่เรือนใหญ่เด็ดขาด ถ้าฉันไม่ได้เรียก ก็ไม่ต้องไปเสนอหน้าให้เห็น” พูดจบก็จับจ้องดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนหยาดน้ำตา แววตาหม่น รอยยิ้มสะใจก็ปรากฏบนใบหน้า ก่อนที่จะหมุนตัวกลับ และตั้งใจจะเดินจากไป แต่แล้วก็ต้องหันตัวกลับเป็นอีกฝ่ายร้องถาม
“คุณจะไม่อยู่ที่นี่กับเพียงหรือคะ เราสองคนแต่งงานกันแล้วนะคะ”
“ฉันจะขึ้นไปนอนที่เรือนใหญ่ ถ้าว่างเมื่อไหร่จะลงมาหา” เสียงตอบสั้นๆ ห้วนๆ แล้วเดินจากไป ปล่อยให้คนหัวใจช้ำ ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง แล้วหลับตาลง ข่มกลั้นความเจ็บปวด ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมามองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนเดินตรงเข้ามา
“คุณรามให้เอากระเป๋าเสื้อผ้าของคุณมาให้ค่ะ” ดอกรัก สาวใช้วัยยี่สิบปี ยื่นกระเป๋าให้ แล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณจ๊ะ” รีบปาดน้ำตาทิ้ง แล้วรับกระเป๋าใบนั้นมา
“อันนี้ด้วยเอาไป ไม่รู้ว่าจะเป็นเสนียดหรือเปล่า ถือกระเป๋าของคนบ้านนั้น” โยนกระเป๋าลงดังโครม ก่อนจะเบะใส่อย่างรังเกียจ
“ทำไมเอ็งไปโยนกระเป๋าของคุณเขาแบบนั้นล่ะ นางจัน” จัน สาวใช้ขี้ประจบประแจง มารยาเป็นที่หนึ่ง
“ทำไมจะโยนไม่ได้ ในเมื่อคุณท่านบอกว่าฉันเองว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นเสนียดของบ้าน ไม่ต้องต้อนรับ ให้ขับไสออกไป” หยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“แต่/ไม่มีแต่ทั้งนั้นล่ะอีดอกรัก” หันมาบอกเสียงแข็ง ก่อนจะปรายหางสายมองไปยังเพียงตะวัน แล้วยื่นมือไปกระชากมือดอกรักให้ออกมาจากบ้านหลังน้อย
ฝ่ายเพียงตะวันก็ไม่ได้ใส่ใจกับกากระทำของจัน เพราะหล่อนเตรียมใจมาแล้วว่ามันอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ก่อนจะเดินสำรวจบ้านหลังนี้ แล้วจัดการกับข้าวของของตัวเอง พอเสร็จก็ออกมาโทรศัพท์หาผู้เป็นพ่อและน้องชาย เพราะรู้ดีว่าคนทั้งสองเป็นห่วง และจำใจโกหกอกไปว่าทุกคนที่นี่ต้อนรับเธอเป็นอย่างดี ทั้งที่จริงมันตรงกันข้าม แล้วพ่นลมหายใจผ่านจมูกโด่งอีกหน เพราะท่าทางปมแก้ที่อยู่ในใจของรามมันจะเป็นดั่งรากไม้ที่ชอกไซ ยากจะถอดถอนได้ง่าย และหล่อนอยากจะรู้เสียงจริงว่า ต้นเหตุมันคืออะไรกัน!!
ยามค่ำคืนผ่านมาแล้วหลายราตรี บ้านหลังน้อยหลังนี้ ยังคงไม่มีเงาของผู้ชายที่ได้ชื่อมาเป็นสามี ภรรยาสุดเศร้าอย่างเพียงตะวันได้แต่เฝ้ารอคอยทุกค่ำคืน ดวงตาคู่โตนั้นหมองหม่น รู้สึกโหยหาอยากเห็นหน้า
“คุณเพียงอยู่หรือเปล่าคะ คุณท่านให้มาตามไปทานข้าวด้วยคะ” ดอกรักร้องเรียก ก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้เมื่อเห็นเพียงตะวันเปิดประตูออกมา
เมื่อได้ยินสิ่งที่สาวใช้ร้องบอก ใบหน้าเรียวเล็กก็ปรากฏความสงสัยขึ้น ขมวดคิ้วเป็นปม“คุณท่านหรือจ้ะที่ให้มาตาม” ร้องถามเสียงสูง
“ใช่ค่ะ คุณเพียงรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณท่านจะโมโหเอา”
“แต่ว่าคุณรามบอกฉันว่าไม่ให้ไปที่เรือนใหญ่นะจ๊ะ ฉันไม่อยากจะมีปัญหา ฉันไม่ไปได้ไหมจ๊ะดอกรัก” เอ่ยถามอย่างหนักใจ กลัวว่าหากไปแล้ว สามีของหล่อนอาจจะไม่พอใจ เพราะเขาย้ำหนักหนาว่าห้ามขึ้นไปที่เรือนใหญ่ ที่สำคัญหล่อนกลัวไม่หายกับการกระทำของราเชน
“หนูว่าคุณเพียงไปเถอะค่ะ อย่าขัดใจคุณท่านเลย” พลางทำสีหน้าเจื่อนๆ เพราะรู้ดีว่าราเชนนั้นอารมณ์ร้ายแค่ไหน ขืนทำอะไรไม่ถูกใจมีหวังเดือดร้อนกันไปถ้วนหน้า
“ก็ได้จ๊ะ” ในเมื่อขัดไม่ได้ หล่อนก็จะไป
เมื่อเพียงตะวันก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน ชายชราวัยแปดสิบก็เหยียดยิ้มอย่างน่ากลัว ก่อนจะเรียกให้หลานสะใภ้เข้ามานั่งที่โต๊ะทานข้าว
“มานั่งนี่สิ”
“ค่ะ” รับคำเสียงสั่น เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นยังเขย่าขวัญให้กลัวไม่หาย ก่อนจะเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งเก้าอี้ตัวท่าเชนนี้ชี้
“เป็นไงอยู่บ้านนี้สบายดีไหม” ถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใย แต่มันกลับเป็นเสียงที่จะเยาะเย้ยเสียมากกว่า นัยน์ตานั้นก็ขุ่นคลั่กไปด้วยความเกลียดชัง
“สบายดีค่ะ” ก่อนจะลอบกลืนนำลายเมื่อเห็นแววตาที่ชายชราส่งมาให้ เพราะมันช่างน่ากลัวซะเหลือเกิน แล้วลืมก้มหน้าหนี ไม่อาจจะทนเห็นแววตาแบบนี้ได้
“คุณท่านคะ ให้ดิฉันตักข้าวเลยไหมคะ”ช้อย หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยถาม
“ยังไม่ต้อง รอตารามก่อน” เอ่ยไม่ทันขาดคำ รามก็ก้าวเท้าหนาเข้ามาในคฤหาสน์ “พูดถึงก็มาพอดี มานั่งนี่สิตาราม พาน้องมานั่งนี่ด้วย”
คำว่าน้องทำให้เพียงตะวันต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง เพราะเท่าที่รู้ ไลลา น้องสาวของรามอยู่ต่างประเทศ แล้วน้องที่ชายชราคนนี้พูดถึงคือใครกัน แล้วก็พบว่า ข้างๆกายของรามมีผู้หญิงสาวใบหน้าเรียวเล็ก จมูกโด่งเข้ารูป ปากเรียวสวย กำลังยืนเคียงข้าง ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าคม แล้วเจ้าหล่อนต้องหลบสายตาทันที เพราะรามส่งสายตาที่ขุ่นคลั่กด้วยความไม่พอใจมาให้
“หล่อนย้ายไปนั่งตรงโน่นซิ ตรงนี้ที่ของหลานสะใภ้ของฉัน พาภรรยาในอนาคตของแกมานั่งตรงนี้ซิเจ้าราม” เอ่ยเสียงหยัน พลางชี้นิ้วสั่ง ก่อนที่จะทำสีหน้าสะใจเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของเพียงตะวัน
เพียงตะวันถึงกับตกใจกับสิ่งที่ราเชนกล่าวออกมา หัวใจตกหล่นไปอยู่ที่พื้น แล้วเงยหน้าไปมองรามซึ่งยังคงทำหน้านิ่ง นึกน้อยใจกับท่าที นี่เขาไม่คิดที่จะปฏิเสธกับสิ่งที่ราเชนพูดออกมาบ้างหรือ ทำไมทำเหมือนว่ามันคือเรื่องจริงแบบนี้ หัวใจดวงน้อยที่มีรูพรุนอยู่แล้วกับการกระทำที่เย็นชาในหลายวันที่ผ่านมาของราม ที่ทำเหมือนเธอเป็นอากาศ ไม่มีชีวิตจิตใจ ทอดทิ้งไปไม่เคยมาดูแล ได้เพิ่มความเจ็บปวดเป็นหลายเท่าตัว น้ำตาใสไหลมาออคลออยู่ที่เบ้าตา
เม้นกันบ้างเน๊อะ
ความคิดเห็น