[นางสิบสอง] #เมรีพ่ายรัก
ครั้งหนึ่งข้าเมรีเคยเจ็บชำเพราะพี่รถเสนเจ้าดวงใจ ครั้งนี้เมื่อได้โอกาสครั้งใหม่กลับมา ข้าจะไม่มอบความภักดีจนโง่งมให้ใครทั้งสิ้น!
ผู้เข้าชมรวม
1,211
ผู้เข้าชมเดือนนี้
14
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
พระรถเสนหลอกลวงให้ข้าไว้ใจและภักดีสุดท้ายกลับตีจากทิ้ง 'เมรีขี้เมา' ตนนี้ไว้เบื้องหลังไม่เหลียวแล ผู้อื่นกล่าวว่ารักมากก็ชังมาก ทว่าข้าเจ็บปวดถึงเพียงกลับลืมถ้อยคำหยอกเย้าที่ท่านแสร้งยิ้มประโลมหลอกไม่ได้เสียที
แผ่นหลังแกร่งที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆทำข้าเจ็บปวดใจปางตาย ทว่าข้ากลับไม่อาจหักใจใช้กำลังบังคับท่านได้ ด้วยเกรงเผลอไผลสักเพียงนิดอาจทำร่างกายบอบบางนั่นบอบช้ำได้ง่ายๆ ท้ายที่สุดข้าทำได้เพียงวิ่งตามท่านให้ทันเท่านั้นไม่อาจหาญเอื้อมมือคว้าได้สักครั้ง ในใจเฝ้าภาวนาให้คนเบื้องหน้าสนใจฟังนางสักคำ
' พี่รถเสนเอ๋ย น้องยอมท่านถึงเพียงนี้แล้ว พี่ช่วยเห็นใจข้าสักครั้งเถิด '
............................................
" เมรี... เมรีลูกรัก! " เสียงตะโกนก้องจากแม่บุญธรรมเรียกสติของเมรีกลับมา
ข้านั่งร้องไห้ตัวสั่นระริกภายในใจเจ็บปวดเหลือคณา ข้าเหลือตัวคนเดียวแล้ว แม้แต่พี่รถเสนยังหลอกลวงทอดทิ้งข้าไป ท่านแม่ก็ไม่อยู่เมืองเราแล้ว...
ท่านแม่...เมรีเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหญิงสาวที่กำลังกอดตนอยู่ ดวงหน้านางเรียวงาม หางตาชี้ขึ้นดั่งนางหงส์ ริมฝีปากอวบอิ่มรับกับจมูกรั้นได้รูป ข้าตะลึงมองจนไม่ทราบเวลาผ่านไปนานเท่าใด
ยักษ์ตรงหน้าคือแม่สนธมาร มารดาบุญธรรมของข้าไม่ผิด !
ท่านแม่มาได้อย่างไรเล่า มิใช่ท่านอยู่ในเมืองมนุษย์หรือ ข้ากวาดตามมองรอบห้อง ตั้งคำถามกับตัวเองอีกอย่างหนึ่ง แล้วเหตุใดข้าถึงมาอยู่ในห้องบรรทมตำหนักรองได้เล่า
" เมรีเป็นอย่างไรบ้าง ลูกฝันร้ายหรือ " น้ำเสียงอบอุ่นของมารดาเอ่ยถามข้า พร้อมกับฝ่ามือเรียวที่ลูบไล้แผ่นหลังข้าอย่างปลอบโยน
ข้ามองเข้าไปในดวงตาหงส์ด้วยคาดหวังจะจับได้ว่านางยักษ์หรือภูติพรายตนใดแปลงกายมาสร้างภาพลวงตา ทว่าสิ่งที่สะท้อนมาจากนัยน์กลมโตนอกจากความรักเอ็นดูแล้วข้ายังเห็นนางยักษ์ตัวเล็กนางหนึ่งที่หน้าตาคล้ายข้าครั้งยังเป็นเด็กสะท้อนออกมา
ข้าอ้าปากค้างอย่างตกใจก็พบว่าร่างในดวงตามารดาก็ทำเหมือนกัน คราวนี้ข้าลองทำสีหน้าแปลกประหลาดยู่ปากยู้ตาก็พบว่าร่างได้ในทำได้ไม่ผิดเพี้ยนเช่นกัน!
" คิก เมรีเจ้าลูกคนนี้นี่ มาวันแรกก็ทำแม่ตกอกตกใจแทบตายแล้ว ยังจะมาทำหน้ายับย่นล้อเลียนอีก " นางสนธมารหลุดหัวเราะออกมา นางกอดเมรีตัวน้อยไว้แน่นอย่างปลอบโยน ไม่ได้หันมองดวงตาเบิกโตผิดสังเกตของธิดาบุญธรรมสักครา
..........................................
ข้าเมรีเดินทอดน่องเรื่อยเปื่อยจนตอนนี้เผลอไผลเดินออกจากเมืองของพระมารดาเข้าให้แล้ว ทว่าข้ายังเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมายจนถึงบึงน้ำใสสีเขียวมรกตบึงหนึ่ง
ข้ามองรอบข้างไร้ผู้คนในบึงน้ำใสก็ไม่มีฟองอากาศผุดพรายขึ้น ข้าจึงร่ายอาคมกางเขตแดนบังตา ไม่ให้ผู้อื่นมองเข้ามาเห็นบึงน้ำใส
เมรีปลดสร้อยสังวาลทองออกพร้อมเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยวางบนพื้นอย่างเป็นระเบียบ ต่อด้วยสไบสีเหลืองนวลกับจงกระเบนจนทั่วทั้งร่างเหลือเพียงผ้าผืนบางที่เสกขึ้นมา
ข้าค่อยๆยื่นฝ่าเท้าบางลงในน้ำใส สัมผัสเย็นเฉียบเบาสบายทำข้าผ่อนคลายตัวเองข้าเดินลงน้ำเรื่อยๆที่ละก้าวจนถึงบริเวณจุดหนึ่งกลางบึง ใต้น้ำคล้ายมีขอนไม้เรียบลื่นขนาดใหญ่ขอนหนึ่งอยู่ ข้าขยับตัวหาที่สักพักก่อนนั่งลง ไม้ไหญ่คล้ายขยับทีหนึ่งน่าจะเพราะน้ำหนักข้าที่กดลงไปกระมัง
เมรีเล่นน้ำในบึงกว้างอยู่นานสองนาน จนใกล้ถึงเวลาที่นางยักษ์สนธมารผู้เป็นมารดากลับเมืองนางจึงลุกออกจากขอนไม้กลับขึ้นบกห่มสไบสวมเครื่องประดับทองจนเรียบร้อยไม่ได้รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาจากใต้น้ำ
ข้าบิดขี้เกียจทีหนึ่ง ขากลับคราวนี้เปลี่ยนเป็นเหาะเหินขึ้นกลางอากาศ เร่งกลับเมือง
หลังร่างเมรีหายไปลับหายตา ขอนไม้ไต้น้ำคล้ายขยับไหวที่หนึ่งก่อนหายออกไป กลายเป็นร่างกึ่งเปลือยของชายหนุ่มผิวขาวโผล่ขึ้นมาแทน ใบหน้าคมงดงามราวงานปั้นแสนวิจิตร เขามองตามทางที่เมรีเหาะกลับไปใบหูหนาคล้ายขึ้นสีแดงระเรื่อน่าดูชม
ผลงานอื่นๆ ของ กลอสูร ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กลอสูร
ความคิดเห็น