ตอนที่ 4 : ตอนที่ 2 (ต่อ)
อนงค์นางนั่งเงียบ ในจานยังมีข้าวเหลืออยู่อีกนิดหน่อย เธอพยายามที่จะกินให้หมดทั้งที่อิ่มตื้อ พอยกสำรับอาหารขึ้นจากพื้น ก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้นอยู่ที่หน้าบ้าน
“น้อง...น้อง...”
เธอหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นผู้หญิงสองคนเดินขึ้นมาตามบันไดบ้าน คนหนึ่งน่าจะอายุสี่สิบกว่า อีกคนเป็นเด็กสาววัยรุ่นหน้าละอ่อน
“พี่ชื่อนก วันนี้มีงานเลี้ยงแต่งงาน ตอนนี้พวกเรากำลังช่วยกันทำกับข้าวกันอยู่ เลยมาดูน้องสักหน่อย”
“ค่ะ” หญิงสาวขานรับอย่างเข้าใจ ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมาที่นี่
“แล้วน้องชื่ออะไร”
“นางค่ะ”
“พี่ชื่อนก นี่ลูกสาวพี่ ชื่อฝัน” คนขึ้นเรือนมาแนะนำตัวเองอีกครั้ง ก่อนที่จะแนะนำคนข้างๆ ที่มีสีหน้าบูดบึ้งและแววตาชิงชังเธอ
อนงค์นางมองสีหน้าของเด็กสาวอย่างไม่เข้าใจ โกรธเธอด้วยเรื่องอะไร ทำไมมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น แล้วคนเป็นแม่ก็พูดขึ้นมาอีก พร้อมกับสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอที่ยังยืนถือสำรับอยู่กลางห้องโถง
“วันนี้แต่งตัวสวยๆ นะ แต่งหน้าอีกนิดก็ดี มีเครื่องสำอางหรือเปล่า”
เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังสื่ออะไร ก็วันนี้เธออยู่ในฐานะเจ้าสาวที่ต้องสวยและดูดีเป็นพิเศษ จึงตอบออกไป
“ค่ะ มีอยู่”
“จะว่าไปชุดนี้ก็ดีแล้วนะ” สายตาของอีกฝ่ายกวาดมองทั่วเรือนร่างของเธอยิ้มๆ “เหมาะแล้ว นี่พวกเราอยากผูกข้อไม้ข้อมือเพื่อเป็นสิริมงคลให้เขม”
เธอนึกขอบคุณคนที่นี่ที่เอ็นดูและเอาใจใส่ เขาพูดไม่ผิด คนที่นี่เป็นมิตรและนิสัยดี แต่ยกเว้นคนหนึ่งที่กำลังจ้องมองมาตาเขียวปั้ดอย่างไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“ฤกษ์ผูกข้อไม้ข้อมือเก้าโมงเช้า ส่วนอาหารกำลังทำกันอยู่”
“จัดงานที่ไหนหรือคะ” เธอถามเพราะไม่เห็นมีใครมาที่นี่ นอกจากคนงานที่เข้ามาหาเขาเมื่อเช้า แล้วก็แยกย้ายกันออกไปทำงานในสวน
“ที่นี่สิ ที่หน้าบ้าน พอทำกับข้าวกันเสร็จก็จะยกหม้อแกงมาตั้ง เดี๋ยวจะมีลังจากโรงน้ำแข็งมาตั้งแช่เบียร์และโซดาให้เย็นๆ ส่วนเครื่องเสียงไอ้ก้อนมันจัดการ”
คนเป็นเจ้าสาวในวันนี้พยักหน้ารับรู้ และเพราะสีหน้าที่ปราศจากรอยยิ้ม ขณะวันนี้เป็นวันมงคล ที่บรรดาสาวๆ อยากจะมีสักครั้งในชีวิต แม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่บนใบหน้าก็น่าจะมีรอยยิ้ม จึงทำให้คนที่มาหาถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ทำไมไม่ยิ้มเลยล่ะจ๊ะ”
“คะ?”
“ไม่เห็นยิ้มเลย”
“จะให้ยิ้มได้ยังไงล่ะแม่ ก็ไม่ได้แต่งงานด้วยความรัก” เด็กสาวพูดแทรกขึ้นมาเสียงเขียว เพราะแอบหลงรักและหมายปองปัณณวัตรเอาไว้ แต่ไม่กล้า เนื่องจากชายหนุ่มไม่ใช่คนเจ้าชู้หรือกะลิ้มกะเหลี่ยที่จะจีบผู้หญิงคนไหน
คนถูกจี้ใจดำเงียบ ประกอบกับมีสีหน้าอึดอัดขึ้นมา
“แกพูดอะไร ไม่ต้องพูดก็ได้นะ!” คนเป็นแม่เอ็ดลูกสาว
“ถ้าไม่อยากแต่งงานแล้วมาทำไม!?” เหมือนฝันยังไม่เลิกเหวี่ยงใส่
“นังฝัน!” นกน้อยเอ็ดลูกสาวเสียงเขียว พลางถลึงตาปรามไม่ให้พูดอีก แต่เด็กสาววัยรุ่นที่กำลังช้ำชอกใจห้ามตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“ไม่อยากมีผัว! แล้วดันมาหาผัวผ่านแม่สื่อทำไม”
“นังฝัน!” นกน้อยลากลูกสาวลงจากเรือนไปในทันที ขณะตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ลูกสาวก็แสดงท่าทางต่อต้านแบบนี้ออกมา
“ก็มันเรื่องจริงนี่แม่! ไม่เห็นหน้าหรือไง หน้าตาเหมือนไม่เต็มใจที่จะมาเป็นเมียน้าเขม!”
“แกหุบปากไปเลยนะ”
“น้าเขมไม่น่าหาเมียด้วยวิธีนี้ มีผู้หญิงอื่นเยอะแยะไปอยากเป็นเมียน้าเขม”
“แกหรือไง”
“ใช่สิแม่ ฉันเอง”
“นังบ้า! ลามปามใหญ่แล้ว”
“โอ๊ย!”
อนงค์นางฟังเสียงทะเลาะของสองแม่ลูกที่ดังอยู่ที่หน้าบ้าน เด็กสาวคนนั้นพูดถูก เธอไม่ได้เต็มใจที่จะเป็นเมียเขา ก็น่าจะเปิดทางให้ผู้หญิงอื่นที่ชอบเขา แต่สายไปเสียแล้ว เพราะว่าจดทะเบียนสมรสกันแล้ว อีกทั้งเธอไม่มีที่ให้กลับไป เธอจะต้องอยู่ที่นี่ให้ได้
หลังจากไม่ได้ยินเสียงทะเลาะของสองแม่ลูก คนที่ยืนอยู่ก็หมุนตัวเดินเข้าไปในครัว ขณะที่กำลังจัดเก็บสำรับอาหาร สมองครุ่นคิดถึงอดีตอีกครั้ง วันที่ใจของเธอแตกสลายไม่มีชิ้นดี หน้าซีดเผือด และน้ำตาไหลออกมา
“คุณแม่...ทำยังไงดีคะ ส้มท้อง”
“ท้อง! ท้องกับใคร”
“พี่ไมค์ค่ะคุณแม่”
“ตายแล้ว!”
บทสนทนานั้นลอยเข้ามาเข้าหูโดยบังเอิญ ทุกคำพูดราวกับเป็นมีดกรีดหัวใจ นี่น้องสาวของเธอท้องกับแฟนของเธออย่างนั้นหรือ ทั้งคู่แทงข้างหลังเธอ ทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง
“คุณแม่...ฮือ...ฮือ...ส้มจะทำยังไงดี”
“ผู้ชายต้องรับผิดชอบ จะให้ท้องไม่มีพ่อได้ยังไง”
“แล้วพี่นางล่ะคะ”
“นางคงเข้าใจ ก็ผู้ชายดันมาทำแกท้องนี่”
ความทรงจำที่เจ็บช้ำผุดขึ้นมาอย่างเด่นชัด หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน เธอก็ระหกระเหินมาอยู่ที่นี่ มารดาขอให้เธอเป็นคนจัดการแก้ไขเรื่องนี้ ด้วยการแต่งงานกับผู้ชายไปสักคน และเธอก็เลือกที่จะตกลง โดยไม่ปริปากค้าน เนื่องจากอยากไปให้พ้นจากสภาพนั้น
อนงค์นางนึกถึงอดีตแล้วก็ถอนสะอื้น ขอบตาร้อนผ่าวจนหยาดน้ำตาคลอคลอง กระทั่งต้องกะพริบตาไล่มันให้ไหลย้อนกลับไป พอออกมาจากห้องครัว ดวงตาก็ทอดมองออกไปยังหน้าบ้าน เพราะมีเสียงพูดคุยของบรรดาผู้ชายที่กำลังตั้งเครื่องเสียง กับให้คนของทางโรงน้ำแข็งวางลังแช่เครื่องดื่มใต้ต้นไม้
“วางเอาไว้ตรงนั้นเลย ตรงนั้น”
เธอไม่ได้ขยับไปดู เพราะตอนนี้ไม่อยากคุยกับใคร ทางหนีที่จะกันผู้คนเข้ามาคุยด้วย ก็คือหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอน แล้วก็เอื้อมมือออกไปเปิดกระเป๋าสัมภาระ ข้าวของต่างๆ ยังไม่ได้ถูกรื้อออกมา รูปภาพใบหนึ่งที่ซุกอยู่ข้างในถูกหยิบ เป็นภาพของเธอกับอดีตคนรัก แต่เขาทำให้น้องสาวของเธอท้อง และเขาต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับน้องสาวของเธอ
แค่ดวงตาที่พร่ามัวมองรูป เสียงสะอื้นรื้นขึ้นมาจุกอก ใจเจ็บแปลบปลาบ เพราะคำหวานและท่าทางเอาใจใส่ของเขาเสมือนภาพลวงตา เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาทำแบบนี้กับเธอ พอถามออกไปหลังจากที่รู้เรื่อง คำตอบของเขาเหมือนโยนความผิดให้น้องสาว ซึ่งใครกันแน่ที่เป็นคนโกหก
“ส้มอ่อยผม และมันก็เกิดขึ้น ผมขอโทษ”
“ส้ม...” ตอนนั้นเธอถามออกไปเหมือนไม่เชื่อ
“ใช่ ผมขอโทษ ผมรู้สึกผิดต่อคุณจริงๆ ผมอยากจะบอกคุณหลายครั้งแล้ว แต่ผมพูดไม่ออก”
“แค่ครั้งเดียวหรือ” เธอถามออกไป เพราะอยากเชื่อใจเขา ความรักที่มีให้ทำให้เธออยากจะเชื่อ
“ใช่ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
เธอรู้อยู่แล้วว่า...ความผิดพลาดไม่สามารถกลับมาแก้ไขให้ดีเหมือนเดิมได้อีกแล้ว พอเข้าไปคุยกับน้องสาว อีกฝ่ายพูดกับเธอราวกับหึงหวงเขา แสดงให้เห็นเลยว่าต้องการผู้ชายคนนี้ เพราะเป็นพ่อของลูกที่อยู่ในท้อง
“อะไรนะ พี่ไมค์บอกว่าครั้งเดียวหรือ ครั้งเดียวซะที่ไหน อยากดูหลักฐานไหม พี่แหกตาดูสิ”
เธอเห็นหลักฐานที่ปรากฏอยู่บนหน้าจออย่างเด่นชัด ภาพของทั้งสองที่อยู่บนเตียงและในสถานที่ต่างๆ ด้วยกัน ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มันเหมือนเข็มแหลมกำลังทิ่มตำหัวใจเธอ
“ส้มทำแบบนี้กับพี่ได้ยังไง” เธอถามออกมาขณะพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อขึ้นมา
“ฉันรักพี่ไมค์”
“ส้มก็เลยอ่อย”
“ใช่ ฉันอ่อย แต่ถ้าผู้ชายไม่เล่นด้วย มันก็ไม่เกิดขึ้น และตอนนี้ฉันกำลังท้อง พี่จะเอายังไง”
คำตอบของเธอคือปล่อยให้ทั้งสองไปมีความสุข ส่วนตัวเองจมอยู่ในความทุกข์ เพราะแผลใจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เธอคิดว่าอีกนานเลยกว่าจะหายดี กว่าจะลืมเรื่องราวอันเลวร้ายนั้นได้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่กับถึงต้องหาใครสักคนแต่งงานด้วยเหรอ?/// เอาเถอะ เดียวเรื่องไม่เดิน 55
สู้ๆค่ะ เรื่องน่าสนใจ