คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่2 อุบัติเหตุรัก(???)
ฉันที่วิ่งทะเล่อทะล่าไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนยืนอยู่หน้าห้องจนกระทั่งเสียหลักก้าวพลาดไปสะดุดขาตัวเองล้มก่อนจะ
โครม ปึก จุ๊บ!
ล้มลงจุ๊บปากผู้ชายเหมือนในนิยายหรือละครหลังข่าว
ฮะ เฮ้ย!!!OoO นี่มันอีตาคุณชายกลัวกล้องนี่ นี่ฉัน............
จุ๊บกับหมอนี่งั้นหรอเนี่ย >///< อ๋ายยยยยย อุบัติเหตุรักชัดๆเรยยยอ่า ~ หมอนี่ยิ่งดูใกล้ๆทำไมยิ่งหล่อ
ฉันเผลอมองสบตานายนั่นอย่างลืมตัวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าฉันนอนทับเขาอยู่ ฉันรับกระเด้งตัวออกจากเขาทันที ทำไมนายหล่อนี่ทำหน้าเอ๋อๆล่ะ??
“คือ ฉันขอโทษนะ พอดีว่าเมื่อกี๊ฉันจะรีบไปเข้าห้องน้ำน่ะเลยไม่ทันระวัง” พูดไป เขินไป นี่ลุคร้ายกาจของฉันไปอยู่ที่ไหนเนี่ยปกติต้องวีนแตกไปแล้วทำไมตอนนี้ฉันถึงได้เจี๋ยมเจี้ยมอยู่แบบเน้ =[]= ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาหมอนั่นอย่างกล้าๆกลัวๆอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าหมอนั่นหันหน้าหนีไปแล้วและกำลังส่ายหน้าอย่างเอือมๆใส่ฉัน
ก๊าซซซซซ > < สวยอยากพ่นไฟใส่ไอ้หุ่นหล่อเดินได้นี่ให้ไหม้ตายจริงๆ คนอะไรเย็นชาชะมัด คนอย่างแคมเปญน่ะ ใช่ว่าจะขอโทษใครง่ายๆนะยะแต่หมอนี่กลับมองข้ามไปแบบไม่ไยดี มากไปหน่อยแล้วมั้ง ฉันหุบยิ้มลงในทันควันพร้อมทั้งกลืนคำทักทายที่กำลังจะพูดออกไปลงคอในทันที เรื่องอะไรจะต้องญาติดีกับคนพรรค์นี้ หล่อแต่มนุษย์สัมพันธ์ไม่ดี ไม่คบ!! แล้วไอ้อุบาทว์รักเมื่อกี๊ถือซะว่า ทำบุญก็แล้วกัน ฉันเดินกระทืบส้นเท้าเสียงดังก่อนจะแกล้งเดินกระแทกไหล่หมอนั่นอย่างจงใจ หึ! นี่ถือเป็นการเอาคืนเล็กๆน้อยๆมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ นายเสร็จฉันแน่ ไอ้คุณชายเฮงซวย!!
แม้จะยืนยันกับตัวเองว่าไม่พอใจนิสัยเย็นชาของอีตาคุณชายนั่นแต่ฉันก็ยังอุตส่าห์ไปแต่งหน้าใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิมอยู่ดี แต่ฉันไม่ได้แต่งเพราะหมอนั่นหรอกนะเพราะฉันห่วงสวยเป็นเรื่องปกติธรรมดาและฉันจะต้องเจิดจรัสเปล่งรัศมี มีออร่าอยู่ตลอดเว
ฉันเดินกลับเข้ามาในห้องประชุมด้วยรูปร่างหน้าตาและท่วงท่าที่งามสง่าไร้ที่ติก่อนจะปั้นหน้าเริด เชิดใส่อีตาคุณชายไก่กานั่น ความจริงแล้วที่หมอนั่นทำหน้าเบื่อโลกใส่ฉันมันก็ไม่ใช่อะไรที่สาหัสสากรรจ์ขนาดนั้นหรอกเพียงแต่ว่าไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้าทำแบบนั้นใส่ ฉันก็เลยรับไม่ได้เท่านั้นเองและฉันก็เป็นคนที่มีความอดทนค่อนข้างต่ำและอะไรที่ทนไม่ได้ฉันก็จะไม่ทน!!
“เบเกอรี่ โปรเจ็กต์นี้แกเป็นนางเอกแทนนะ ฉันไม่มีเวลามาถ่ายทำ” ฉันเอ่ยขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจพ่อคุณชายหน้าใสใจหยาบนั่นอยู่และก็ได้ผล ทุกคนหันมามองฉันเป็นตาเดียวฉันแกล้งทำเป็นตีหน้าพาซื่อ และลอยหน้าลอยตาพูดต่อ
“พอดีว่าที่บ้านฉันธุรกิจส่งออกเหงือกปลากำลังมีปัญหาและฉันก็ต้องไปช่วยคุณป๋าดูแล ไหนจะแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดเหลืองอีกไม่มีฉันท่านก็ไม่มีใครดูแล ฉันคงไม่มีเวลาถ่ายทำMV.ประกอบโปรเจ็กต์นี้หรอก” ฉันแกล้งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จและหาหนทางที่จะไม่ต้องทำงานร่วมกับอีตานั่นในฐานที่ไม่ชอบขี้หน้าด้วยการแช่งแม่ตัวเอง แคมเปญจงเจริญTToTT
“มันยังไงๆอยู่นะแคมเปญ แกไม่เคยคิดจะช่วยงานพ่อแกไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทำไมจู่ๆถึงได้คิดอยากช่วยพ่อขึ้นมา” อีกละ อลิซตัวขัดลาภเมื่อไหร่หมอนี่จะเลิกจับผิดฉันสักทีก็ไม่รู้
“ก็ตอนนี้การเงินที่บ้านฉันวิกฤตขั้นรุนแรงและฉันก็ไม่อยากกัดก้อนเกลือกินเพราะงั้นฉันถึงได้ทำใจเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว มันคงไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้แล้วล่ะ” ฉันว่าพลางหันไปจ้องหน้าอีตาคุณชายนั่นเขม็ง หมอนั่นมองฉันอย่างรำคาญก่อนจะหันหน้าหนีไป ไอ้หมอนี่อยากตายนักใช่มั้ยถึงได้ทำท่าทางแบบนั้นใส่ฉันน่ะ ฉันนับหนึ่งถึงล้านในใจก่อนจะรีบปั้นหน้าเดิมอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมวงมองมาด้วยสายตาจับผิดโดยเฉพาะยัยอลิซที่หรี่ตามองฉันอย่างโจ่งแจ้ง ฉันนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้านใดๆเพื่อส่อแววพิรุธออกมาให้ยัยนี่จับได้ แต่ดูแล้วยัยอลิซก็ไม่เชื่ออยู่ดีนั่นแหละ
“แม่แกป่วยแล้วทำไมไม่นอนโรงพยาบาลวะ เมื่อวานท่านยังชวนฉันไปฮาวายด้วยกันอยู่เลย คนป่วยที่ไหนมีกะจิตกะใจไปเที่ยวทั้งที่ตัวเองอาการแย่” คริสตัลแทรกมาอีกคน ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อฉันเลยสักคนสินะToT แต่ไม่เป็นไรฉันใส่ไฟต่อเอง
“แม่ไม่อยากทำตัวเหมือนคนป่วยน่ะ แม่ทนรับสภาพตัวเองไม่ไหวเลยฝืนตัวเองให้ทำตัวเหมือนคนปกติทั่วไป แม่น่าสงสารมากเลยนะ” ฉันว่าพลางเช็ดน้ำตาที่ร่วงแหมะจากตาอย่างจงใจให้ทุกคนเห็น
“แต่โรคมะเร็งเม็ดเลือดเหลืองไม่มีในโลกนี้โลกหน้าหรือว่าโลกไหนๆหรอกนะยัยออสการ์ราคาแพงเลิกเล่นละครแล้วบอกเหตุผลทีแท้จริงของแกมาซะหรือไม่งั้นก็ยอมตกลงเล่นให้มันจบๆไป” อลิซขัดฉันขึ้นมาอีกรอบทำเอาฉันน้ำตาหดตดหายกันเลยทีเดียว ว่าแต่โลกนี้ไม่มีมะเร็งเม็ดเลือดเหลืองจริงๆน่ะหรอ ไม่น่าพลาดเลยฉัน คราวหน้าต้องหาข้อมูลมาให้เป๊ะกว่าเดิม(มิได้สำนึกใดๆ) และในเมื่ออยากจะฟังความจริงจากหญิงสาวทรงคุณค่าที่โดนดูถูกทางสายตาโดยคุณชายปัญญาอ่อนที่กลัวกระทั่งกล้องอย่างหมอนั่นฉันก็จะไขความกระจ่างสว่างสไวให้แก่ทุกคนเอง ฉันปาดน้ำตาก่อนจะสะบัดหน้าหันไปทางอีตาคุณชายนั่น
“ฉันเกลียดหมอนี่” ฉันชี้ไปที่คุณชายเช รัชชานนท์ว่าที่พระเอกโปรเจ็กต์พันล้านที่เป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของใครหลายคน แน่นอนล่ะว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่ฉัน หมอนั่นเงยหน้าจากหนังสือที่อ่านอยู่มามองหน้าฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มลงไปอ่านหนังสือต่ออย่างไม่สนใจไยดีไอ้คำว่าเกลียดที่ฉันพูดไปเมื่อกี๊แม้แต่น้อยเสมือนดั่งมันเป็นคำพูดลอยๆของยายคำม้อยขายหอยหลอด มันจะเย็นชาเกินไปแล้ว!!
“นี่นาย ฉันบอกว่าฉันเกลียดนายได้ยินมั้ย!!”
“........”นั่งนิ่งไม่ไหวติง
“นี่ ฉันบอกว่าฉันเกลียดนายนะไอ้บ้า!!” ฉันเริ่มโมโหเมื่อหมอนั่นไม่ตอบโต้ใดๆ อย่างน้อยก็ด่าฉันให้เพื่อนฉันเห็นสิ เพื่อนฉันมันจะได้รู้ว่านายมันนิสัยไม่ดีและบังอาจมากที่ด่าฉันด้วยสายตาแบบนั้น
“นี่!! ฉันบอกว่าฉันเกลียดนายนะ เมื่อไหร่จะพาร่างและหน้าเหมือนคนตายของนายออกไปจากโรงแรมฉัน ฮะ?” ฉันเริ่มปาข้าวของที่อยู่ใกล้มือใส่อีตาคุณชายอย่างไม่หยุดยั้ง
“พอได้แล้วนะแคมเปญ เธอก็รู้ว่างานนี้ส่งผลต่อความมั่นคงของวงเรามากขนาดไหน ลดอคติลงแล้วคุยกันด้วยเหตุผลสิ”
เจ๊แฟนตาซีเอ่ยเตือนฉัน แต่ฉันไม่สน!! ยังคงขว้างและปาต่อไปแม้ว่าตอนนี้ใครต่อใครจะเริ่มเข้าไปยืนเป็นเกราะกำบังให้อีตาคุณชายนั่นแล้วก็ตาม
“ แกก็เห็นว่าคุณชายเขานั่งนิ่งเพราะไม่อยากมีปัญหากับแก แกควรที่จะระงับอารมณ์บ้างนะยัยเปญ” เบเกอรี่พูดขึ้นบ้าง
“แต่แกก็เห็นไม่ใช่หรอเกอรี่ว่าหมอนี่มันด่าฉันทางสายตา” ฉันเริ่มตีโพยตีพายเมื่อไม่มีใครเข้าข้างฉันสักคน
“แกเป็นเจ๊แฟนซีภาคสองหรือไง ที่มองตาก็รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่แบบนั้นน่ะ” คริสตัลขัดขึ้น นี่แม้แต่เพื่อนสนิทสุดๆอย่างยัยนี่ก็เห็นหมอนี่ดีกว่าฉันงั้นหรอ ไม่ยอมโว้ยยยยย > <
“พอเหอะป้า ดูคุณชายของเมลสิช้ำในใกล้ตายแล้วมั้งนั่น” เมโลดี้ยัยเด็กโลกสวยบ้าผู้ชายบอกฉันก่อนจะเดินเอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดคราบน้ำที่ฉันสาดจากแจกันใส่หมอนั่นเมื่อตะกี๊ ถ้าตายจริงๆก็ดีน่ะสิเพราะไอ้ที่ฉันทำอยู่นี่ก็มีเป้าหมายเพื่อสิ่งนี้นั่นแหละ !!
“ใช่ ถ้าแกหาเหตุผลที่ดีกว่านี้มาปฏิเสธงานนี้ไม่ได้ล่ะก็ แกก็ควรที่จะผูกมิตรกับคนที่แกจะต้องร่วมงานด้วยไปอีกนานอย่างคุณชายไว้ซะ” อลิซบอก คนพวกนี้ไม่ใช่เพื่อนฉันเพราะทุกคนเข้าข้างหมอนั่นและฉันไม่ยอม!!
แต่เดี๋ยวก่อนนะเมื่อกี๊ยัยอลิซพูดว่าผูกมิตรงั้นหรอ ฉันว่าฉันคิดอะไรดีๆออกแล้วแหละ ฉันยิ้มให้กับความชั่วร้ายของตัวเองในใจก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้กับทุกคน
“เพื่อนๆ คุณชายคะ เมื่อกี๊เปญขอโทษด้วยนะ พอดีว่าเปญซ้อมบทที่จะไปถ่ายทำวันพรุ่งนี้เช้าน่ะ ต้องการความสมจริงก็เลยไม่ได้บอกใครว่ากำลังซ้อมบท” ฉันพูดอย่างเสแสร้งแกล้งทำสุดๆ ทุกคนมองฉันด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเข้าใจบวกกับไม่เชื่อเพราะฉันกลับคำรวดเร็วมาก ยกเว้นคุณชายที่มองฉันด้วยสายตาเย็นชา....................เหมือนเดิม -__-;:
หึ! คอยดูเหอะฉันจะทำให้นายตีหน้าตายไม่ออกเลยล่ะพ่อคุณชายน้ำแข็ง!! J
ฉันเดินไปหยิบบทโปรเจ็กต์Love interก่อนจะหันไปบอกกับทุกคน
“เปญจะเอาบทไปแก้และท่องจำ ห้ามใครขึ้นไปหรือว่าโทรไปรบกวนเด็ดขาด เข้าใจตรงกันนะ” พูดจบฉันก็หมุนตัวเดินออกมาจากห้องประชุมด้วยรอยยิ้มเย็นเยือกแล้วเดินตรงไปยังลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นที่ฉันอาศัยอยู่ ก่อนจะลงมือแก้บทที่ได้มาตามอำเภอใจและไม่ปรึกษาใครหน้าไหนทั้งสิ้น ทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่าถ้าไม่เอาบทตามที่ฉันแก้ ฉันก็จะไม่ยอมเล่นแม้ว่าในบทนั้นฉันอาจจะแค่เดินผ่านฉากเท่านั้นก็ตาม แต่คนอย่างแคมเปญน่ะอยากได้อะไรก็ต้องได้และตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากได้มากที่สุดคือหัวใจของหมอนั่น รู้ไว้นะอีตาคุณชายว่าเกมนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะชนะ!!
ความคิดเห็น