ตอนที่ 4 : แมงมุมตัวที่3 : แสงตะวันแรก
ผ้าม่านผืนยาวสีน้ำตาลทึบถูกเลื่อนเปิดออกอย่างฉับไวด้วยฝีมือของฮีโร่อย่างอิเรเซอร์เฮด ไม่ทันได้ฟังเสียงห้ามเล็กๆของเด็กชายบนเตียง แต่มันก็ช้าไปทันทีที่ผ้าม่านเลื่อนเปิดออก แสงอาทิตย์ก็สาดเข้ามาในตัวห้องโดนร่างของทั้งคู่ รุยยกลำแขนขึ้นบังสายตาของตน พยายามหลบ แต่มันก็สายไป อสูรน้อยคิดว่าตนคงตายแน่ๆแต่หากมันไม่เป็นอย่างนั้น
"แสบตาเหรอ"
ชายผมดำหลังเปิดผ้าม่านออก หันมาดูปฏิกิริยาของเด็กชาย เห็นว่าเด็กน้อยยกแขนปิดหน้าหลับตาปี๋ รุยนิ่งอยู่ครู่นึงแต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่คิด ดวงตากลมเล็กเปิดขึ้น ลดแขนลงมองดูสภาพร่างกายตนและจับไปทั่วใบหน้าเช็คดูว่าไม่ได้สลายไป แต่มันกลับไม่มีอะไร ผิวหนังยังอยู่ดี ไม่แสบร้อนเหมือนโดนเผาไหม้เมื่อครั้งโดนนักล่าอสูรใช้ดาบหินแสงอาทิตย์ฟันผ่านลำคอเลยสักนิด รุยหันสายตาไปยังต้นแสงที่หน้าต่างมันส่องแสงอาทิตย์เข้ามาผ่านบางอย่างใสๆ(หน้าต่างกระจก)
"ก็ไม่นี่ งั้นฉันเปิดหน้าต่างเลยละกัน"
ไอซาวะเห็นว่าเด็กชายจ้องมองออกไปทางหน้าต่างนิ่งๆ เห็นว่าไม่เป็นอะไร จึงวิสาสะเปิดมันออก
สายลมของเวลากลางวัน แสงแดดความร้อนอบอุ่นๆ ความสว่างที่มีมากกว่าดวงจันทร์ยามราตรี นานแค่ไหนแล้วที่อสูรน้อยข้างแรมลำดับ5ไม่เคยได้รับสัมผัสมัน นานจนลืมวันเวลา อุดอู้อยู่ในราตรีที่มืดมนกับความโหดร้ายของอสูร ดวงตาน้อยๆขับของเหลวใสออกมาอย่างไม่รู้ตัว จดจ้องภายนอกไม่วางตา
'คิดถึงจัง'
นึกคิดในใจเบาๆ พร้อมมองไปข้างนอก อสูรน้อยไม่รู้ตัวเลยว่าตนร้องไห้อยู่ แต่นั่นอยู่ในสายตาของไอซาวะจนอีกฝ่ายตกใจขึ้นมา
"เฮ้ นี่ร้องไห้เหรอ"
ชายผมดำมีท่าทีลนลานอย่างเห็นได้ชัด เดินตรงเข้ามาดูเด็กชายที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างทั้งน้ำตา เสียงทักของอีกฝ่ายทำเอาเด็กชายหลุดจากภวังศ์หันมามองไอซาวะกระพริบตาปริบๆ ก่อนอสูรน้อยจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาไปมาและกล่าวว่าไม่มีอะไรออกมา
ไอซาวะถอนหายใจโล่งอกที่เด็กชายหยุดน้ำตาไหล เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นแล้วคิดว่าฮีโร่อิเรเซอร์เฮด หรืออาจารย์โรงเรียนมัธยมUAรังแกเด็กไม่มีทางสู้(?) ไอซาวะหันสายตามองตามเด็กชายก่อนหน้านี้ออกไปนอกหน้าต่างนึกคิดว่าอะไรทำให้เด็กน้อยต้องร้องไห้ออกมาอย่างนั้น แต่ไม่ถามจะดีกว่า กลัวว่าจะไปกระทบอะไรให้เด็กชายเสียใจเข้าอีก
"หืม?"
ระหว่างมองดูบรรยากาศภายนอกจู่ๆก็ต้องหลุดออกมา เมื่อรู้สึกถึงแรงดึงเบาๆที่กางเกง ไอซาวะหันมาตามแรงดึงที่กางเกง เป็นรุยที่ก้มหน้าก้มตาดึงอยู่ ก่อนเด็กชายจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา
"ผมอยากไปเดินเล่น....ได้ไหมครับ"
รุยกล่าวอย่างลำบาก นึกเผื่อใจหากชายร่างสูงปฏิเสธ แต่หากมันไม่ได้เป็นแบบนั้น
"อ่า ได้สิ ฉันไปเป็นเพื่อนละกัน"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ชายร่างสูงผมสีดำหน้าตาขรึมสวมผ้าพันคอเดินผ่านเหล่าพยาบาลต่างๆมาพร้อมกับเด็กชายข้างตัวที่สวมชุดคลุมตัวบางสีขาวโคล่งๆของเด็กโรงพยาบาล ไอซาวะยอมรับเลยว่ารุยนั้นประหลาดแสดงท่าทีแปลกๆกับคนในโรงพยาบาล ทั้งหลบหน้า เดินหลบ พอใครจะเข้ามาทักก็หลบหลังเขาแทบจะทันที แถมคอยถามสิ่งตามๆนั่นนี่ว่าคืออะไรอย่างไม่รู้ จนชายผมดำคิดว่าเด็กคนนี้อยู่ในป่ามารึยังไงกัน
เดินมาสักพักตามทางเดิน ไอซาวะตัดสินใจว่าจะพารุยออกไปนอนที่สวนด้านล่างสักหน่อย เขาพารุยเข้าลิฟต์มาเห็นท่าทีเด็กชายที่ประหม่าหนักขึ้นมาเรื่อยๆ เดาคงจะไม่เคยเข้าลิฟต์มาก่อน
"ไม่มีอะไรต้องกลัว ฉันอยู่นี่"
ไอซาวะกล่าวกับเด็กชายพลางลูบปอยผมสีขาวไปด้วย มันได้ผลรุยแสดงสีหน้าดีขึ้นมาแต่ยังคงเกาะขาอยู่แน่นไม่วาง
ทั้งคู่ลงจากชั้น5มายังชั้นล่างสุด ฮีโร่อิเรเซอร์เฮดพาเด็กชายเดินลัดเลาะคนส่วนมากไปยังสวนของโรงพยาบาล เมื่อเดินมาถึงรุยมองดูสวนตรงผน้าด้วยความประหลาดใจ เด็กๆในชุดผู้ป่วยเดินเล่นกันอย่างสนุกตามประสาวัยซน มีเด็กหลายคนที่ใช้พลังแปลกๆออกมา รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกบางคนที่แปลกด้วย(อัตลักษณ์)
รุยกำกางเกงของไอซาวะแน่นพลางหลบสายตาจากเหล่าเด็กๆ จนไอซาวะสังเกตเห็น
"ไม่ต้องกลัวหรอก ลองไปเล่นกับคนอื่นๆสิ"
ไอซาวะเอ่ยพร้อมกับหลบออกห่างจากเด็กชาย แต่ถึงจะหลบออกไป รุยก็เดินตามไปยืนอยู่ข้างหลังตามเดิมและส่ายหัวบอกว่าไม่อยากไปเล่น
"ทำไมล่ะ"
"ผมกลัว....กลัวทำคนอื่นเจ็บ...."
รุยพูดเบาๆขึ้นพร้อมกับจับกางเกงไอซาวะแน่นขึ้น แสดงสีหน้าเศร้าออกมา
"แล้วจะเดินเล่นกับฉันเหรอ"
"ครับ แค่กับคุณก็พอ..."
รุยกล่าวอย่างราบเรียบ สีหน้าเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด ถึงในใจอยากโลดเล่นเพียงใดแต่หากล้ำเส้นเกินไป อาจจะทำร้ายคนอื่นได้ แต่ความเศร้าบนใบหน้าก็ลดลงเมื่อมือของชายผมดำข้างกายเข้ามาจับมือเขาออกจากกางเกงและจับไว้
"จับมือดีกว่านะ จับขากางเกงฉันซะเเน่น คงเดินเล่นลำบาก"
"ครับ"
ถึงอสูรน้อยจะนึกเศร้าที่ไม่ได้เล่นกับเด็กวัยไล่เลี่ยกัน แต่การเดินไปเรื่อยเปื่อยสัมผัสบรรยากาศใต้แสงตะวันกับชายร่างสูงผมดำขลับคนนี้ที่เป็นคนเงียบๆ ก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว
แสงตะวันที่ไม่เคยสัมผัสมาแสนนาน นานจนลืมกาลเวลาที่แน่นอน ทำเอาเด็กชายคลายความเศร้าในใจไปได้ เดินเล่น ถามนู่นนี่กับชายร่างสูงสวมผ้าพันคอ ดวงตาแห้งหยาบ ดูขี้เซา ก็สามารถทำให้อสูรน้อยหลุดรอยยิ้มมาได้ไม่หยุดหย่อนในช่วงกลางวันของวันนั้น
.
.
.
.
.
.
ทั้งคู่เดินเล่นกันเป็นชั่วโมง มีพักนั่งเล่นบ้างตามประสา แต่ระหว่างนั้นก็มีเสียงขัดบรรยากาศแสนผ่อนคลายนี้ขึ้น เป็นเสียงโทรศัพท์ของไอซาวะ รุยสะดุ้งตกใจกับเสียงนั้นเพราะเป็นเสียงที่แปลกและได้ยินเป็นครั้งแรก ไอซาวะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย พูดคุยตอบโต้ปลายสาย โดยมีรุยยืนมองด้วยความสงสัยไม่ว่างตา ว่าสิ่งของสี่เหลี่ยมที่แนบใบหูของชายสวมผ้าพันคอคืออะไร แล้วอีกฝ่ายพูดอะไรกับมัน(โทรศัพท์)
"นี่เธอ ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม"
คุยกับปลายสายสักพัก ไอซาวะก็กดวางมือถือลง และหันมาถามรุยที่ยืนเงยมองจ้องตาแป๋วอยู่
"ครับ?"
"เธอหายดีแล้วใช่ไหม ยังเจ็บอะไรอยู่รึเปล่าล่ะตอนนี้"
ไอซาวะย่อตัวลงนั่ง ยกมือเข้ามาจับไหล่ของเด็กชายพลิกตัวดูไปมาเพื่อเช็คว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า แต่ก็ไม่มีอะไรผิดแปลกไป
"ไม่ครับ ไม่เป็นอะไรแล้ว"
"งั้นกลับบ้านกัน"
"ตะ แต่ผมไม่มีบ้านนี่ครับ"
รุยลนลานตกใจขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเศร้าหมองออกมา แต่ก็ต้องหยุดลงเมื่อชายร่างสูงหัวเราะใส่เบาๆพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือขึ้นมาลูบหัวเด็กชายอย่างแผ่วเบา ให้เด็กชายคลายความเศร้าความกังวล
"ผู้อำนวยการเนซึบอกแล้วนิ ว่าฉันต้องดูแลเธอ กลับบ้านฉันกัน"
"เอ่อ....ครับ..."
เด็กชายตอบรับคำอย่างว่าง่าย จับมือหนาแน่นเดินตามไอซาวะออกไปจากสวนของโรงพยาบาล
สาเหตุที่ต้องหยุดการเดินเล่นเพราะปลายสายที่โทรเข้ามาเป็นหนูขาวเนซึที่โทรเข้ามาและสั่งให้เขาพาเด็กชายอสูรกลับไปยังบ้านของเขา ในตอนแรกจะปฏิเสธแต่พอเห็นรุยจับมือเขาแน่พร้อมกับความกังวลในการใช้พลัง ทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง สุดท้ายก็มาจบแบบนี้ ก่อนหน้านี้ไอซาวะยังกังวลอยู่เรื่องรุยว่าจะวุ่นวาย เป็นเด็กดื้อด้านไม่ฟังใครรึเปล่า แต่หลังจากได้สังเกตที่ห้องผู้ป่วย และเดินเล่นกันมาสักพักใหญ่ ก็เห็นว่าเด็กชายไม่ได้เป็นอย่างที่คิดในตอนแรก ดูเรียบนิ่ง เชื่อฟัง ขี้สงสัย ขี้กลัว ถึงสองข้อสุดท้ายจะเป็นข้อเสีย แต่ก็พอรับได้
.
.
.
.
.
'อิเรเซอร์เฮดคุงงงงง' [ข้อความแชท]
'มีอะไร มิดไนท์...'[ข้อความแชท]
'ยินดีสำหรับคุณพ่อมือใหม่ด้วยน้าา'[ข้อความแชท]
'หาเรื่องกันรึไง'[ข้อความแชท]
'เปล่าซักหน่อยย ฉันไปทำงานก่อนล่ะ ดูแลน้องรุยจังดีๆล่ะ~'[ข้อความแชท]
".............."
ไอซาวะ โชตะ ปวดหัวกับสิ่งนี้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
______________________________________________________________________
รู้สึกตอนนี้ตัดได้ดีรึเปล่านะ~ไม่รู้สิ แต่ตอนก่อนหน้ารีดบอกไรท์ตัดได้ทำร้ายมาก55555
ปล.รู้สึกว่าตอนนี้จะไปคุกนิดนึงรึเปล่า? (ไม่หรอกมั้ง)
ปล.2 ทุกคนต้องทนความเด๋อของน้องรุยหน่อยนะคะ น้องเขามาจากยุคก่อนนู่นน จึงไม่รู้จักสิ่งของในสมัยใหม่
ปล.3ไรท์เห็นว่ามีรีดท่านนึงถามในคอมเม้นว่าอสูรถ้ากินมนุษย์นี่ จะออกล่าใหม่ตอนไหน
ไรท์จะตอบว่า ไม่รู้เหมือนกันค่ะ55555 แต่ไรท์คิดว่าคงจะเหมือนมนุษย์เรานี่แหละที่กินข้าวเพราะหิว หิวตอนไหนก็ไปหาซื้อกิน อาจจะอดข้าวได้วันสองวัน แต่ก็อดไปตลอดไม่ได้มันต้องไปหากินเอาอยู่ดี
อสูรอาจจะเป็นแบบนี้ หิวก็ออกล่า แต่บางคนที่กลายเป็นอสูรแล้วก็รับไม่ได้ที่เป็นแบบนี้ เลยตั้งใจที่จะไม่กินมนุษย์ แต่ก็ทนไม่ได้ตลอดสุดท้ายสัญชาตญานก็ปล่อยออกมา ยิ่งอสูรที่หิวมากๆสติก็น้อยลงฆ่ากินไปทั่วไม่เว้นญาติพี่น้องหรือคนที่รัก สุดท้ายพอสติกลับมาก็ต้องเสียใจที่ตนทำร้ายคนที่รักไป แต่มันก็เป็นเรื่องที่อสูรเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
(งั้นก็ลาไปก่อน รอชมตอนต่อไปจ่ะ)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อืม อยู่ๆก็นึกให้น้องไปซื้ออวัยวะจากรพ.รึไม่ก็พวกค้าอวัยวะ ว่าไปนั่น555
รอน้องโตเลย---อยากอ่านเเล้ว
คุณDaddyระวังFBIด้วยค่ะ555
น้องน่ารักมากกกกก
คุณไอซาว่าคิดถูกค่ะน้องเค้าอยู่ป่า แถมเป็นป่าสมัยนู้นนนนนนด้วย