คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : แผนการร้าย (1) ตอนที่ 1
เสียงรองเท้าคนเดินออกมาจากตรอกทางเดินอย่างเงียบสงบยามตีสามของกรุงเทพมหานคร ไร้ผู้คนสงสัย บุรุษลึกลับในชุดสีดำหิ้วของบางอย่างมาด้วยเขามองว้ายขวาก่อนจะโยนลงไปในถังขยะและรีบเดินออกไปยังรถที่ตอดอยู่อีกฝากของถนน
รุ่งเช้า คนที่อาศัยอยู่แถวพัฒนาการออกมาทิ้งขยะที่ถังขยะใบเดิมและทันทีที่เปิดเขาก็แทบจะร้องแบบไม่มีเสียงหัวคนกำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาไร้ชีวิต
วีรภาพจอดรถที่นอกแนวเส้นกั้นของเจ้าหน้าที่และรีบกระโดดลงมาจากรถและเมื่อมาถึงด้านในเขาก็หยุดอย่างรุนแรงเพราะว่ามีชายคนหนึ่งกำลังยืนถ่ายรูปหัวในถังขยะอยู่ รูปร่างหน้าตาคุ้นเคยจนวีรภาพยกมืออกสองข้างและพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“กรวิก”
“รู้แล้วว่าผมชื่อกรวิกไม่ต้องตะโกนก็ได้”
“คุณพระคุณมาทำอะไรที่นี้ คุณต้องพักไม่ใช่เหรอ”
“ผมพักมาหลายเดือนแล้วนะสารวัตรวี ผมกลับมาทำงานได้แล้ว”
“แล้วแผล”
“นั้นมันเรื่องส่วนตัวของผม ไม่เป็นไรน่าผมยังไหว”
“ตามใจ” วีรภาพเดินเข้าไปใกล้ๆ และมองดู “คิดว่าไง”
“ตัดได้เฉียบมาก ดูเหมือนฆาตกรไม่รีบร้อนที่จะฆ่า ค่อยๆทำ”
“เลือดเย็น”
“ติดลบเลยละ ไม่พูดก็ต้องพูดอะนะว่าผมดีใจแค่ไหนที่ได้พูดแบบนี้อีกครั้ง เรามาหาฆาตกรกันดีกว่า”
“ยินดีต้อนรับกลับ เจ้านาย”
วีรภาพยืนสอบถามคนที่พบศพครั้งแรกในขณะที่กรวิกสวมถุงมือและจับหัวออกมาอย่างแผ่วเบาและวางลงบนถาดสีดำของกรม และถ่ายรูปอีกครั้งก่อนจะหันไปเจอขากับรองเท้าสีดำส้นเตี้ยเขาเงยหน้าดู วิภาดากำลังเท้าสะเอวมองเขาอยู่ผ่านแว่นตาดำ
“ดีครับหมอ”
“มาจนได้นะ ไม่เจ็บเหรอไง”
“ก็แปลบๆ นะ แต่ว่าผมเบื่อการนอนเฉยๆแล้ว”
“เดินยังไม่ตรงเลยนะกร รีบมาแบบนี้”
“คุณก็รู้ว่าใครก็รั้งผมไม่ได้ทั้งนั้นแหละ นี้มันงานที่ผมรักนะ”
“จ๊ะ ไม่เถียงแล้ว ไหนดูสิผู้โชคร้ายของเรา”
“ตายรับปีใหม่ เยี่ยมไหมหมอ ปีใหม่คุณไปไหนมา”
“ก็ไม่ไปไหน เที่ยวตอนหนีน้ำท่วมแล้วเลยอยู่บ้านล้างขัดถู เหนื่อยแทบขาดใจ หวังว่าปีนี้คงไม่แล้วละนะ”
“ผมว่านายกคงเข็ดแล้วละ เอาเป็นว่าเหยื่อของเรานี้ยังไง”
“บอกยากนะ ตัดได้เนี๊ยบจริงๆ”
“ต้องใจเย็นมากเลยนะ คอเป็นชิ้นส่วนมนุษย์ที่ผ่าตัดยากที่สุด อย่างมากแต่ตัดเลย”
“ใช่ ถ้าตัดแบท่านเปานะต้องมีร่องรอยความเสียหายแล้วก็มากกว่านี้ ยกเว้นตัดด้วยดาบคาตานะแบบครั้งเดียวถึงจะขาดได้แบบนี้อะน่ะ”
“นอกจากดาบคาตะนะต้องค่อยๆทำแล้วก็สิ้นเปลืองมีดผ่าตัดด้วย”
“ความเป็นหมอยังอยู่นี้กร สนใจลงมาทำงานข้างล่างไหม”
“ไม่ละ ผมชอบหน้าต่างแล้ว”
“เอาเป็นว่าถึงแล็ปแล้วจะวิเคราะห์เท่าที่จะทำได้แล้วกันของมันไม่ครบ”
“งั้นผมก็ต้องออกตามหาส่วนที่เหลือ”
“ประมาณนั้น โชคดีนะค่ะผู้กำกับ”
“ครับ” เขาสวมแว่นตาดำและมองไปรอบๆ
ที่ห้างสรรพสินค้าย่านปิ่นเกล้า ณัฐพัชร์กำลังยืนมองแขนสองขาที่อยู่ในถังขยะหน้าร้านเคเอฟซี ในขณะที่เบญญาภาและนพรัตน์กำลังเดินมาจากรถที่เพิ่งจะจอด
“ว่าไงหมอ” นพรัตน์ทักขึ้น
“แขนสองข้างนี้เพิ่งทำลายวันหยุดอันแสนจะหายากของผมลงเมื่อยี่สิบนาทีที่ผ่านมานี้เอง”
“ผมเข้าใจหมอ กว่าเราจะมีวันหยุดแต่บางครั้งงานก็ชอบวิ่งเข้ามาหาเราโดยที่เราไม่ต้องการ”
“อืม พูดแบบนี้ได้ด้วยเหรอนพ”
“ไม่เอาน่าพี่เบญผมก็มุมดีๆ บางนะ”
“แต่ก็หายากพอๆ กับวันหยุดของพวกเรา” ณัฐพัชร์พูดต่อก่อนชี้ไปที่แขน “เด็กคนนั้นเจอร้องลั่นเลยผมยังไม่รู้จะทำยังไงกับเธอดี ผมได้แต่ขอให้แม่อยู่กับเธอตรงนี้ก่อน”
“ดีมาค่ะหมอ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เบญญาภาเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้น ส่วนนพรัตน์หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายแต่ณัฐพัชร์ยื่นไอโฟนให้และพูดว่า
“เมื่อห้านาทีมันไม่ได้เป็นสีนี้ มันเป็นสีปกติก่อนจะมาสีน้ำเงินเรืองๆ ผมถ่ายรูปไว้ระหว่างรอพวกคุณ”
“คุณนี่ท่าจะสนิทกับกรมากนะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“ไม่เอาน่า ผมรู้นะว่าคุณเป็นหวานใจคนใหม่ของด๊อกเตอร์นะ”
“นพ” ณัฐพัชร์พูดกัดฟันเชิงดุ แต่นพรัตน์ทำหน้าไม่รู้เรื่องก่อนถ่ายรูปต่อไป
“รอยตัดเยี่ยมมากผมต้องยอมรับเลย”
“คุณเป็นหมอมีใครตัดได้ดีแบบนี้ไหมละ”
“มี อาจารย์ผมไง”
“หมอวิ”
“ใช่ ในศิริราชไม่มีใครผ่าตัดได้ดีเท่าอาจารย์แล้วเว้นแต่อาจารย์เลือกผ่าศพมากกว่าคนเป็น”
“คงงั้น” เบญญาภาเดินเข้ามาหา
“ไม่ได้อะไรมาก คือหมายถึงนอกจากเรื่องเล่าธรรมดาแต่ว่าก็ขอเบอร์แม่ไว้แล้ว”
“คุณหมอคุณบอกได้ไหมว่ายังไง”
“ไม่ได้ เว้นแต่คุณจะหาส่วนที่เหลือให้ผม”
“ได้ พี่เบญจัดไป” เบญญาภาพูดแบบมั่นใจ
พนิดายืนจดสมุดจดหลังการสอบสวนคนที่วิ่งอยู่ในสวนลุมพินีที่พบขาข้างขวาที่อยู่ใต้พุ่มไม้ ระหว่างที่ภูวดลและปาราตีกำลังเดินเข้ามาหา
“โบว์ หน้าเครียดเชียว” ปาราตีทัก
“ค่ะ งานเช้ายังไม่ได้กินข้าวหิวมากเลย ฉันก็เลยหวังว่าพวกคุณจะทำให้ความปรารถนาฉันเป็นจริง”
“ผมจะพยายาม” ภูวดลยิ้ม ปาราตีถึงกับดีใจรีบพูดอธิบายทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
“โบว์หิวจริงๆด้วย”
“โทษทีนะปาคือไม่ไหวแล้ว ฉันไปหาแซนด์วิชกินก่อนได้ไหม”
“ได้ รีบไปรีบมาละ” พนิดารีบวิ่งไปอย่างเร็ว “ก็โบว์อยู่เวรเมื่อคืนนะยังไม่ได้กลับบ้านเลย”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าผมจะเอาไปฟ้องเจ้านายเหรอ”
“ก็ใช่ กรกลับมาแล้วเห็นพี่วีบอก เจอกันที่พัฒนาการ”
“หมดกันช่วงเวลาเสรีภาพ”
“เอาเถอะรีบทำงาน ห้องชันสูตรรอเราอยู่” ปาราตีรีบเอากล้องถ่ายรูปมาถ่ายรูปไว้ในขณะที่ภูวดลกำลังมองดูและทำท่าสนใจ
“มีอะไรแม็ก”
“คุณดูรอยตัดสิเนี๊ยบมาก สุดยอดในประเทศนี้หาผ่าเยี่ยมแบบนี้ยากนะ”
“งั้นฆาตกรเราก็แบบว่า....ยากแก่การอธิบาย”
“และโหดร้ายมากด้วย”
ห้องชันสูตรของกรมซีเอสไอ วิภาดาเดินเข้ามาในชุดปฏิบัติงานและกำลังเก็บตัวอย่างที่ปากเอาไปเช็กดีเอ็นเอ และณัฐพัชร์ลากเอาแขนสองข้างและขาเข้ามาและทำการเช็กดีเอ็นเอและเก็บรายละเอียดก่อนหันไปมองหัวที่โต๊ะของหมอวิภาดา
“มีอะไรจ๊ะ เพิ่งเห็นเรามีสพไม่สมประกอบเหมือนกัน”
“แต่ผมว่าเรากำลังจะต้องต่อชิ้นส่วน”
“อะไรนะ”
“ดูรอยตัดสิครับทั้งขา แขนแล้วก็หัว” วิภาดามายืนมองก่อนมองหน้าณัฐพัชร์และเสียงของเครื่องตรวจดีเอ็นเอสามเครื่องก็ดังขึ้น ทั้งคู่หันไปมองก็ต้องมองหน้ากัน
“ดีเอ็นเอเดียวกันร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ฉันจะโทรหากร” วิภาดารีบคว้าโทรศัพท์มาโทร
กรวิกกำลังนั่งอ่านรายงานระหว่างเขาไม่อยู่ในห้องทำงาน และท่าสบายๆ และเปิดเพลงบรรดากีตาร์อยู่ในห้อง เบญญาภาเดินผ่านก็ถึงกับต้องถอยหลังกลับมามองและเดินเข้ามาในห้อง
“พ่อคุณกลับมาไม่คิดจะโทรบอกสักคำเลยนะ”
“ถ้าผมโทรก็ไม่เซอร์ไพรส์นะสิ” กรวิกพูดพลางกดรีโมทลดเสียง
“กร มาทำไม”
“ก็มาทำงาน ผมเป็นข้าราชการนะลานานๆ เดี๋ยวก็ถูกไล่ออกหรอก”
“นี้คุณหญิงทราบหรือเปล่า”
“ทราบ”
“กรนี้นะ” กรวิกทำหน้าเป็นใส่ก่อนก้มลงอ่านรายงานต่อ เบญญาภานั่งลงและพูดต่อว่า
“กลับมาก็ดีแล้ว งานยุ่งมากนะตอนกรไม่อยู่มีคนจ้องนั่งเก้าอี้กรอยู่”
“เก้าอี้ผมมีอะไรน่าพิสมัยนักเหรอ”
“ก็หลายอย่างส่วนใหญ่ก็เรื่องเงิน”
“ราชการไทยถึงไม่เจริญไงละ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกรวิกรับสายก่อนจะพูดครับไม่กี่คำก็วางสาย
“อะไรเหรอกร”
“หมอวิเรียกนะ”
“รวดเร็วทันใจจริง”
“คือความจริงไม่ใช่แค่ผมนะ พี่เบญ นพ ปา และก็แม็ก” เบญญาภาทำหน้างงก็เดินตามกรวิกไปที่ลิฟท์
ความคิดเห็น