ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CSI:Bangkok IV

    ลำดับตอนที่ #7 : ฆาตกรใกล้ตัว ตอนจบ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 54


    ภูวดลกับนพรัตน์เข็นรถเข็นวางกล่องนิรภัยมาในห้องแล็ปแล้วทั้งสองก็เปิดกล่องนำพระพุทธรูปโบราณออกมาว่างบนโต๊ะในแล็ปเล่นเอาคนทั้งแล็ปหันมาดูกันเพราะความงามขององค์พระที่เป็นศิลปะขึ้นเอกของประเทศเลยก็ว่าได้ ทั้งคู่ถอดเครื่องทรงออกมาเรียงบนโต๊ะและแยกประเภท มนัสเดินเข้ามาดูและร้อง

                    ว้าว นี้เหรอของที่คุณหาอยู่

                    ใช่ พระพุทธรูปสมัยต้นรัตนโกสินทร์

                    ด๊อกเตอรือยู่คงได้ฟังเรื่องเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์แน่

                    แล้วหัวหน้าเป็นไงบ้าง นพรัตน์ถาม

                    ยังไม่ฟื้นเลย

                    สิบเจ้ดครั้ง หนักเอาเรื่องนะ ภูวดลพูด แต่ว่าเราจะตรวจยังไงไม่ให้เสียหาย

                    ผมว่าผมมีวิธี มนัสพูดและยิ้ม

                    ณัฐพัชร์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์เดินเข้ามาในห้องพักของกรวิก กรวิกนอนอยู่บนเตียงคนไข้มีสายต่างๆเต็มตัวไปหมด มีสายออกมาจากปาก จมูกจนคนเป็นหมออกจะตกใจเหมือนกัน ณัฐพัชร์ว่างดอกลิลลี่สีขาวบนโต๊ะหัวเตียงและหันมาพูดว่า

                    ดอกลิลลี่สีขาวมีความหมายแทนสุขภาพที่ดี ผมเลยเอามาเยี่ยม คุณเป็นไงบ้างมันเป็นคำถามที่บ้ามากใช่ไหม ณัฐพัชร์จับมือกรวิกขึ้นมากุมไว้ ผม...ผมน่าจะไปบ้านคุณเมื่อวานนี้ผมคงพอจะช่วยคุณได้ กรผมไม่ขออะไรมากขอร้องที่รักตื่นทีเถอะ คุณนอนมานานแล้วนะ ตื่นเถอะ

                    ณัฐพัชร์ก้มหน้าและพยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาแต่มันก็ไหลออกมาอย่าหยุดไม่ได้ ทันใดนั้นเองมือของกรวิกก็ขยับและตาเขาก็ค่อยลืมตื่นแลเกิดอาการสำลัก ณัฐพัชร์ตาโตด้วยความดีใจรีบคว้าเครื่องกดสัญญาณถึงพยาบาล พยาบาลก็วิ่งเข้ามาทันที

                    เบญญาภารีบเดินมาในโรงพยาบาล วีรภาพยืนรออยู่ที่หน้าห้องพัก เบญญาภามาถึงก็พูดว่า

                    เป็นไงบ้าง

                    ฟื้นแล้วแต่ว่ายังพูดอะไรไม่ได้นะดูเหมือนจะเป็นอัมพาตชั่วคราวด้วย แต่สติสัปชัญญะครบถ้วน ฟังนะ กรยังไม่พร้อมจะบอกอะไรทั้งนั้นต่อรอไปอีกสองสามวันกว่าเขาจะพูดได้คุณจะรีบไปหรือเปล่า

                    ฉันว่ากรคงใจร้อนพอๆกับฉันนั้นแหละ

                    แต่ผมว่าไม่

                    ทำไม

                    เดี๋ยวคุณก็รู้ แต่ว่าผมตรวจสอบคำพูดของเกียรติศักดิ์แล้วเขาไม่ได้โกหก

                    ไม่แน่ เขาอาจกลบร่องรอยเก่งก็ได้ ฉันจะหาคำตอบเอง วีรภาพยอมแพ้ปล่อยในเบญญาภาเดินเข้าไป กรวิกนอนอยู่บนเตียงมีเครื่องช่วยหายใจและท่อที่สอดเข้าไปในคอ ร่างกายขยับไม่ได้มีรัฐพัชร์ที่นั่งเช็ดตัวอยู่ข้างๆ กรวิกส่งสายตาให้เบญญาภาสูดหายใจรวบรวมสติและพูดว่า

                    กร พี่อยากให้กรช่วยอะไรหน่อย พี่จะให้ดูรูปผู้ต้องสงสัยถ้าใช่ก็พยักหน้าบอกนะ กรวิกได้แต่กระพริบตาให้ เบญญาภาพยักหน้าและชูรูปเกียรติศักดิ์ กรวิกหลับตาและส่งสายตาว่าไม่ ทำเอาเบญญาภามองหน้าวีรภาพที่ยิ้มให้อย่างมีชัยว่าเขาถูก เบญญาภาชูรูปคนอื่นแต่กรวิกก็บอกไม่จนมาหยุดที่รูปของนิตยา พี่สาวคนโต กรวิกดูจะอึดอัดมากและนิ่งอยู่นานเพื่อตัดสินใจว่าจะตอบยังไงดีและพยายามหลบสายตาของเบญญาภาก่อนส่งสายตาว่าไม่ใช่ เบญญาภามองวีรภาพที่เห็นเหมือนกันก่อนพูดว่า ขอบใจพักผ่อนเถอะ ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องก่อนที่จะพูดพร้อมกันว่า

                    กรโกหก

                    เกียรติศักดิ์เขาพูดจริงวี แต่นิตยานี้สิไม่น่าเลยนะ

                    ใช่มันแปลกมากพยานรู้เห็นเหรอ

                    ไม่รู้สิ สืบเรื่องเธอดู

                    ได้

                    นพรัตน์กับภูวดลกำลังตรวจลายนิ้วมอที่ได้จากพระพุทธรูปด้วยฟีมือการส่องไฟหลายสีของมนัสที่ไม่ทำลายศิลปวัตถุโบราณ ทั้งสองเจอรายชื่ออีกสามคนซึ่งเป็นเด็กวัดในนั้นเอง

                    เอาละหนึ่งในนี้คงบอกเราได้ เพราะนายณนคงต้องไปอยู่ศรีธัญญาเป็นการถาวร

                    เด็กวัดทั้งหมด นายคิดว่าไงนพ

                    เกลือเป็นหนอนเหรอ

                    เดี๋ยวนะเด็กที่เป็นพยานให้เราบอกว่ามีพระห้ารูปกับเจ้าตัวที่รู้เรื่องนี้

                    แต่ไม่มีลายนิ้วมือของเด็กคนนั้นนะ

                    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้รู้เห็นเป็นใจซะหน่อย

                    หนุ่มๆ พนิดาเดินเข้ามา อยากฟังข่าวหรือยัง

                    พอดีทีเดียวว่ามา

                    ฟังนะเด็กพยานของเรายอมพูดบ้างอย่างออกมา เขาถูกซ้อมให้บอกความจริงและหัวโจกคือพระมหาสัญญา รองเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสผู้นี้มีชาวบ้านเห็นว่าท่านอยู่วัดในเวลาที่เกิดเหตุแต่ไม่มีใครเห็นท่านไปทำวัตรเย็น

                    มุสา ศีลพื้นฐานก็ผิดแล้ว

                    เพราะเขาเป็นคนบ่งการไงเพื่อน แม็กเราต้องการดีเอ็นเอลึกลับที่นายพบฉันว่าเราหาได้

                    นายจะหายังไง

                    วิธีของสารวัตรจิรายุ เรามีลายนิ้วมือของคนทั้งวัด และทั้งคู่ห็พูดพร้อมกัน

                    มันมีดีเอ็นเอ

                    ปาราตีเดินเข้ามาในห้องทำงานของเบญญาภาและพูดว่า

                    พี่เบญ เป็นอะไรไปเหรอค่ะ

                    พี่คาใจเรื่องปฏิกิริยาของกร ทำไมเขาต้องโกหก เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย

                    กรอาจจะมีเหตุผลก็ได้นะ

                    เหตุผลอะไรพี่ไม่เข้าใจ

                    นี้อาจจะทำความเข้าใจได้บ้าง หมอวิแยกดีเอ็นเอจากกองเลือดของกรปรากฏว่ามีดีเอ็นเอที่ไม่ใช่ของกร แต่มีคู่โครโมโซนที่คล้ายกรแต่เป็นผู้หญิงและมีอาการของคนที่ป่วยเป็นเบาหวาน

                    เบาหวาน

                    ใช่

                    มิน่ากรถึงโกหก

                    รู้แล้วเหรอ

                    ถูก เข้าใจมากเลยละ เบญญาภากดโทรศัพท์และพูดว่า วี ไปที่บ้านนิตยาเดี๋ยวนี้เธอเป็นคนร้าย คนทำร้ายกรชื่อนิตยา

                    นพรัตน์กับพนิดาเดินลงจากรถและตรงไปที่ศาลาการเปรียญอย่างรวดเร็ว พระมหาสัญญารองเจ้าอาวาสที่กำลังเทศน์นักเรียนที่มาเข้าค่ายอยู่ นพรัตน์กับพนิดาเดินไปถึงและนพรัตน์ก็พูดว่า

                    สอนคนอื่ได้แต่ดูเหมือนว่าท่านจะลืมสอนตัวเองนะครับ หมดหันไปมองทีเดียว

                    โยมพูดอะไร

                    ก็กำลังพูดความจริงไงครับว่าผมกำลังจะจับท่านในข้อหาฆาตกรรม จ้างวานจัดหาและลักลอบขนย้ายขายโบราณวัตถุอันมีค่าของแผ่นดิน

                    ดยมคงจับอาตมาไม่ได้

                    แต่อาตมาทำได้ เสียงสมเด็จพระวันรัตเจ้าคณะหนกลางใหญ่เดินทางมากด้วยตัวเองด้วยตำแหน่งอำนาจ พระสัญญาต้องลงมาจากเวทีมากราบตามฐานะ ท่านทำผิดอันมิอาจให้อภัยในทางสงฆ์ได้ อาตมาจึงนำคำตัดสินมาทางทัณฑ์แก่ท่านให้อาบัติปราชิกออกจากคณะสงฆ์ไปซะอาตมาจะเป็นคนลาสิกขาเอง พระสัญญาหมดท่าได้แต่เดินตามไปที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาท่ามกลางเสียงพูดที่สนใจกับเหตุการณ์ข้างหน้าพอสึกเสร็จ สวมเสื้อผ้าออกมาพร้อมตำรวจที่คุมพนิดาก็คว้ากุยแจมือมาสวมและพูดว่า

                    คุณมีสิทธิที่จะไม่พูด คำพูดของคุณจะเป็นหลักฐานในชั้นศาล ไปได้

                    สามสิบพรรษา นพรัตน์พูดหลังจากอ่านประวัติในห้องสอบสวนของสัญญา ไม่ได้ทำให้คุณมีจิตใจอันสูงส่งได้เลย

                    เกิดอะไรขึ้น ผ้าเหลืองมันอดอยากขนาดนั้นเลยหรอต้องฆ่าพระที่ดีอีกห้ารูปเลยเหรอ

                    คุณพูดเรื่องอะไร

                    เราเลิกโกหกกันเถอะ ผมพบหลักฐานที่บอกว่าคุณเป็นคนทำไอ้เด็กที่คุณจ้างมาร่วมหัวจมท้ายกับคุณสารภาพแล้วแต่รู้ไหมไม่ทันจะได้รับโทษก็เป็นบ้าแล้วสอง ตายระหว่างหนีหารจับกุมผมว่ามันเป็นกรรม คุณก็เหมือนกันแต่จะมากหน่อยเพราะคุณเป็นพระ เอาเถอะน่าอย่าให้ผมต้องสาธยายต่อเถอะ คุณทำทำไม

                    ผม ผมต้องหาเงินผมเป็นหนี้เลยต้องหาเงินผมบอกให้พวกเขาขายแต่ก็ไม่ยอมอะไรนักหนาก็ไม่รู้

                    คุณเลยต้องลงมือถอดรากถอนโคน

                    ผมรับผิดทุกอย่าง

                    มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะได้เจอมารศาสนาตัวจริง

                    นิตยานั่งอยู่ในห้องสอบสวนต่อหน้าเบญญาภา เธอมองสายตาที่เสียใจสุดๆเช่นกัน

                    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นคุณ พี่สาวที่รักดูแลและคอยเป็นกาวใจให้พ่อกับน้องชายคนเล็ก พี่สาวที่กรเคารพที่สุด

                    คุณจะพูดอะไรฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น

                    เลิกโกหกสักที ฉันมีหลักฐานคุณมาที่บ้านกรตอนตีสอง เป็นธรรมดาที่เขาจะรับแต่คุณไม่ได้มีเรื่องปรึกษาคุณใช้ความวางใจของเขาทำร้ายเขาเพราะคุณอยากได้มรดกมากกว่านี้

                    ฉันไม่เข้าใจ

                    ต่อนะ ฉันพบดีเอ็นเอคุณในที่เกิดเหตุมันเป็นเลือดใช้เวลานานอยู่แต่ก็หาเจอ แต่ว่าฉันก็หาเจอภาพคุณในก้องของหมู่บ้านในเวลาเกิดเหตุและมีดที่คุณเก็บซ่อนในบ้านคุณฉันเจอมันเต็มไปด้วยเลือดของกรและลายนิ้วมือคุณ คุณมีแผลที่มือคงเกิดจากตอนที่คุณพยายามดึงมีดออกจากร่างของกรก่อนจะแทงซ้ำ

                    ฉันไม่ได้ทำ ฉันไปเยี่ยมเขาด้วย

                    คุณไม่ได้ไปเยี่ยม คุณไปดูว่าเขาตายหรือยัง เบญญาภาลดเสียงลง ไม่เอาพอเถอะคุณรู้เรื่องพินัยกรรมของกรท่าเขาตายคุณเป็นผู้รับมรดกเพียบเลย คุณเลยต้องการมันทำไม คุณทำได้ไง

                    ฉันต้องทำ

                    ทำไมล่ะ คุณได้ไปตั้งร้อยล้านไม่พอเหรอ

                    ฉันอยู่ตัวคนเดียว ฉันทุ่มเทดูแลพ่อและครอบครัวมานาน ฉันป่วยและไม่มีคนสนใจฉันฉันต้องมีหลักประกันให้ตัวฉันสิ มรดกฉันกลายเป็นของสามีเก่าเพราะกระดาษแผ่นเดียวที่ฉันเซ็นตอนหย่านั่นมันของๆฉัน ฉันต้องได้

              ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่นิตที่ฉันรู้จักกลายเป็นแบบนี้ได้

                    ความจริงกรก็ไม่มีความผูกพันกับพวกเราอยู่แล้วเขาไม่ควรได้ด้วยซ้ำ

                    แต่มันเป็นของเขา เป็นของกร ฉันจะบอกอะไรให้นะ กรรักคุณมากนะเขาบอกว่าเขาจะเอาคุณมาดูแลที่บ้านเขาเพราะคุณอยู่ตัวคนเดียว ส่วนทรัพย์สินของคุณกรกได้คืนมาหมดแล้วฉันเดาว่าตอนที่คุณจะทำร้ายเขาเขากำลังจะบอกคุณพอดี นิตยาตาโตด้วยความตกใจ ส่วนลูกชายคุณที่ร่ำเรียนเมืองนอกเวลานี้กรเป็นคนส่งเสียให้ไม่ใช่สามีหรือพ่อคุณ คุณทำร้ายคนที่รักคุณเพราะความโลภเท่านั้นเอง นิตยานั่งอย่างตกใจและน้ำตาไหลออกมา เบญญาภากลืนน้ำลายและพูดว่า

                    ที่สำคัญตอนที่ฉันสอบสวนเขาเขาไม่พูดด้วยซ้ำว่าคุณเป็นคนทำ

                    พระเจ้า นิตยาร้องไห้ออกมา

                    ฉันจะปล่อยให้คุณคิดอะไรสักพักก่อนก็แล้วกัน ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณถูกจับข้อหาพยายามฆ่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเกือบถึงแก่ชีวิต เบญญาภาพยักหน้าและเดินออกจาห้องปล่อยให้นิตยาร้องไห้อยู่ตรงนั้น

                    กรวิกฟื้นตัวได้มากเขาพูดได้แล้วแต่ยังไม่สามารถขยับร่างกายได้มากและเป็นอัมพาตท่อนล่างด้วยซ้ำซึ่งแพทย์บอกว่ามันเป็นชั่วคราวเท่านั้นต้องทำกายภาพบำบัดก็จะกลับมาเดินได้ กรวิกนั่งอยู่บนรถเข็นออโต้เมติกที่ควบคุมด้วยจอยสติ๊กบนที่เท้าแขนและปุ่มต่างๆอยู่ที่ระเบียงของโรงพยาบาล เบญญาภายืนคุยกับเขาอยู่

                    พี่จับได้นะว่ากรโกหก

                    พี่รู้จักผมดีที่สุด

                    แต่พี่รู้ว่าทำไม กรคงทำใจยากสิใช่ไหม

                    ผมเข้าใจเขานะ ผมเองก็ชั่งใจไม่รู้จะทำยังไงแต่ว่า ผมแค่...ช่างมันเถอะมันผ่านไปแล้ว

                    ต่อจากนี้คงหนักสำหรับกรนะ

                    ผมเจออะไรมามากพี่ แต่ตอนนี้ผมต้องไปพัก พักยาวเลยทีเดียว

                    ใช่และกรจะไปอยู่ไหน บ้านกรท่วมแล้วนี้

                    ผมมีที่อยู่ก็แล้วกัน ณัฐพัชร์เดินมานั่งลงข้างเขาและส่งแก้วมีหลอดให้เขาดูดน้ำและพูดว่า

                    คุณคงไปอยู่บ้านผมไม่ได้แล้วละ

                    ทำไม

                    มีคนมารับคุณนะสิ กรวิกจับคันโยกหมุนรถกลับ วีรภาพ ภูวดล วิภาดา นพรัตน์ ปาราตี พนิดายืนดูเขาอยู่และก็หลีกทางให้สุภาพสตรีร่างท้วมสวมผ้าไหมสีชมพูอ่อนถือกระเป๋าสีขาวราคาแพงที่มองด้วยกรวิกด้วยสายตาอบอุ่นอย่างที่เคยได้รับตลอดมา ไม่ต้องบอกกกรวิกก็รู้ว่าเขาคือแม่ที่เลี้ยงเขามาศาสตราจารย์มาลินี พิสิษฐวงศ์ กรวิกยิ้มพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า มาลินีเดินเข้ามาลูบหัวก่อนประคองกอดอย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรักที่มหาศาล

                    แม่มารับลูกไปเชียงราย บ้านแม่ที่นั้นอากาศกำลังดีเลยไม่เถอะนะ ไปอยู่กับแม่

                    ครับ กรวิกหันมาส่งสายตาให้กับเบญญาภาก่อนที่วีรภาพจะเข้ามาเข็นรถไปส่งกรวิกขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ไปสนามบิน ทุกคนยืนมองเขาอย่างดีใจที่เพื่อนของเฟื้นตัวได้ และกรวิกก็ได้อยู่กับผู้หญิงที่รักเขาอย่างแท้จริงแน่นอน

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×