คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ฆาตกรใกล้ตัว ตอนที่ 2
ปาราตีกำลังแยกหลักฐานในแล็ปและตรวจหาร่องรอยอะไรก็ตามที่หาได้ ในขณะที่มนัสกลังเช็ครูกุญแจและคอมพิวเตอร์กำลังสแกนตรวจสอบสถานะของกล่องเตือนภัยของกรมที่ติดไว้ทุกบ้านของเจ้าหน้าที่กรมซีเอสไอเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง เบญญาภาเดินเข้ามาและพูดว่า
“ได้อะไรบ้างแล้ว”
“พี่เบญคือ ตรวจสอบแล้วเบื้องต้นไม่มีคนบุกรุก ไม่มีการงัดแงะไม่มีการต่อสู้เลยแสดงว่ามันเกิดในห้องนั้น ไม่มีอาวุธแต่เราตรวจปริมาณเลือดแล้วระบุเวลาได้ว่าตีสอง กรออกจากที่นี้ตีหนึ่งสิบห้า รถไม่ติดกลางคืนขนาดนั้นเลยถึงเร็วตามรหัสสัญญาณกล้องวงจรปิดหน้าหมู่บ้าน รถกรถึงบ้านราวๆตีหนึ่งสี่สิบห้าและตีสองก็ถูกทำร้าย ยามบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”
“กล่องเตือนภัยละ”
“สัญญาณปกติครับมันเชื่อมเข้ากับเมมเฟรมหลักของกรมเพื่อที่จะส่งสัญญาว่าเราต้องอยู่ในอันตรายแต่ว่าไม่มีอะไร มันทำงานปกติไม่มีการบุกรุกไม่มีอะไรทั้งสิ้น”
“มันบันทึกสถานะบ้านนี้นัดดึงออกมาเราต้องรู้ให้ด่าเกิดอะไรขึ้น” เสียงเครื่องตรวจเสร็จและปาราตีหันมาดูและพูดว่า
“พี่เบญ เศษผงที่เก็บได้จากบ้านกรมันเป็นผงชีวภาพเก็บรักษาด้วยสารอบแห้งมันเป็นยากดประสาท”
“อะไรนะ”
“มอร์ฟีนโทรเมลิดามีน ยาระงับอาการปวดในโรงพยาบาลในรูปแบบรมควันใช้ในโรงพยาบาลทหาร กรใช้ยาพวกนี้เหรอ”
“ไม่กรจะฟังเพลงก่อนนอนเพื่อจะได้หลับสบาย สืบดูว่ามาจากไหนมันต้องมีที่มาที่ไป”
“ค่ะ”
“พี่เบญคิดว่ามีผู้ต้องสงสัยไหมครับ”
“ถ้านับคดีที่กรทำก็เพียบเลยละแต่ว่าที่คิดออกมีคนเดียว” เบญญาภากดโทรศัพท์และเดินออกไป
ภูวดลและนพรัตน์กำลังเปิดไฟสีฟ้าให้สว่างทั่วโบสถ์และสวมแว่นตากรองแสงฉีดลูมินอร์ไปทั่วเพื่อหารองเท้าแปลกปลอมที่เก่ากว่าของพวกเขาและก็เจอเข้าให้ ก่อนที่พนิดาจะเดินเข้ามาและพูดว่า
“หนุ่มๆ มเรื่องจะบอก”
“อะไร”
“เด็กวัดคนหนึ่งที่รับใช้ใกล้ชิดเจ้าอาวาสบอกบางอย่างกับเราแลกกับการที่เขาจะไปอยู่ที่ปลอดภัย”
“ความลับใหญ่หลวง”
“ถูกแล้วผู้หมวด สามเดือนก่อนเจดีย์โบราณของวัดมีรอยร้าวเด็กคนนี้ไปเจอเลยแงะดูด้านในปรากฏว่าพบพระโบราณและของโบราณมีค่ามากมาย เจ้าอาวาสและพระอีกสี่รูปเหยื่อของเรามาดูเลยเรียกกรมศิลปากรมาเก็บไป แต่ว่ามีอย่างหนึ่งไม่ได้เอาไป”
“ขอเดาพระพุทธรูป”
“พระพุทธรูปทรงเครื่องต้นรัตนโกสินทร์ พิสูจน์ว่าองค์พระเป็นสำริดหุ้มด้วยทองทั้งองค์เครื่องทรงจักรพรรดิเป็นทองประดับอัญมณีเลิศค่าโดยเฉพาะทับทิมที่ได้รับพระราชทานมาจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวประดับที่ทับทรวง กรมศิลปากรเห็นว่าเป็นสมบัติของวัดควรตั้งเป็นพุทธบุชาตามพระราชประสงค์ของผู้สร้างเจดีย์ รัชกาลที่ 3 นะเลยไว้ในพระอุโบสถ”
“นั้นคือเหตุผลที่เจ้าอาวาสเปลี่ยนระเบียบวัดใหม่ ได้กลิ่นแปลกๆไหมแม็ก”
“เจ้าอาวาสไม่ไว้วางใจคนในวัดเอง”
“ถูกเพราะนอกจากเด็กคนนั้นที่ฉันเอาไปเก็บตัวแล้วก็มีพระห้ารูปกับเจ้าหน้าที่กรมศิลป์เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
“หักหลัง พระพุทธรูปนี้คงมีมูลค่ามากพวกตลาดมืดคงอยากได้แน่” พนิดาส่งไอแพ็คให้ภูวดลดู
“จริงด้วยนพ มีค่ามากแน่ๆดูจากฐานก็น่าจะใช่พระที่เราสงสัยอยู่”
“มูลค่าของพระองค์นี้ ราวๆ 100 ล้านอย่างต่ำ”
“คุณพระ เรากำลังตามหาศิลปวัตถุอันมีค่ามหาศาลเลยนะ”
เบญญาภาเดินอยู่ที่ห้างเดอะ มอลล์งามวงศ์วาน เธอเดิมมาหาชายที่หน้าตาคล้ายเธอแต่แก่กว่าในชุดอยู่บ้านสบายๆเขาคือ พลวิทย์ พ่อของเธอเอง
“ลูกรักว่าไง จู่ก็โทรหาซะงั้นน้องายตัวแสบมาทวงลุกคืนเหรอ บอกมันนะว่าลูกมันอยู่กับพ่อแน่จริงก็มาเอาไป”
“เปล่าค่ะ หนูมาบอกเรื่องสำคัญและมีเรื่องจะถามพ่อด้วย”
“โอเคว่ามา”
“กรถูกทำร้ายบ้านเขาตอนตีสองถูกแทงสิบเจ็ดแผล”
“พระเจ้า เป็นอะไรไหม”
“อยู่ที่ห้องฉุกเฉินยังบอกไม่ได้ค่ะว่าจะรอดหรือเปล่าเขาเสียเลือดมาก”
“กรเขาเอบี หายากด้วยเลือดกรุ๊ปนี้ แต่ว่ามีเรื่องอะไรถามละ”
“นั่งก่อนค่ะพ่อ” เบญญาภากบัพลวิทย์นั่งที่โต๊ะในศูนย์อาหาร “คือหนูสอบสวนคดีนี้และอยากรู้เรื่องมรดกของอากิตตินะค่ะ”
“ไอ้กิตตินะเหรอ เท่าที่รู้ตอนมันตายมันแบ่งมรดกให้ลูกเจ็ดคนนะคนละล้านแต่ว่าคนที่เจ็ด”
“คือกร”
“ใช่ ดูเหมือนเขาจะเกิดสำนึกผิดเรื่องลูกตัวเองได้ที่ร้ายใส่เลยยกเงินให้เกือบพันล้าน มีที่ดินทั้งหมด ตึกแถวที่สีลมและก็ทองคำในธนาคารเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีเลย แต่กรเขาก็เป็นอยู่แล้วนี้นะ”
“แล้วมีใครที่โวยวายไม่ค่ะ”
“ไม่ใจแต่เดี๋ยว ถ้าพ่อคิดไม่ผิดลูกสาวคนเก่งของพ่อกำลังสงสัยว่าเป็นเรื่องนี้เหรอ”
“ค่ะรายละเอียดบอกไม่ได้”
“ใช่พ่อจำได้กำลังสืบสวนอยู่ แต่พ่อคิดว่าน่าจะนะเพราะมีคนไม่พอใจจริงๆด้วยเราเดาได้นี้
“ค่ะ หนูอยากดูพินัยกรรมฉบับนั้น พ่อจัดการให้หน่อยได้ไหม”
“เอางั้นเลย ให้พ่อไปคัดมาจากอำเภอเลยเหรอ”
“พ่อเป็นปลัดนะค่ะตรวจสอบแค่นี้ทำได้แน่คิดว่าช่วยกรก็ได้ตราบใดที่เขายังไม่ฟื้นเราต้องทำแทนเขา”
“ได้พ่อจะทำให้แล้วแม่เลี้ยงเขารู้เรื่องยัง”
“หนูยังไม่กล้าบอกเลย”
“เบญ ลูกกล้าเสมอ นึกสิถ้าลูกชายเบญเป็นอะไรไปพี่สาววีคงบอกเราแน่ใช่ไหม”
“ค่ะพ่อ ขอบคุณค่ะ หนูออกมานานแล้วต้องกลับแล้วค่ะ”
“ได้ พ่อจะส่งอีเมมล์ให้นะ”
“ขอบคุณค่ะพ่อ” เบญญาภาลุกโน้มตัวมาหอมแก้มพ่อและเดินออกไป
ที่ห้องแล็ปนพรัตน์กับภูวดลกำลังเอากระสุนมาตรวจดูและเช็กรายละเอียดดีเอ็นเอที่เก็บได้อยู่และนพรัตน์ก็พูดขึ้นว่า
“เรามีทุกอย่างแต่เป็นของคนนิรนามหมดไม่มีชื่อให้”
“ใช่ รองเท้าผ้าใบแบบนี้ใครก็ใช่นายยังใช่เลย”
“ดูเหมือนเรากลับที่ทางตันนะ”
“ใช่ แล้วดีเอ็นเอที่พระที่ถูกย้ายมาละ”
“กำลังตรวจอยู่” ผลตรวจเสร็จแล้ว “ของยืมคำพูดนาย
“เยี่ยม ณน สิริวัตน์ ประวัติความผิดยาวเหยียดไปหาเขากัน”
เบญญภากำลังเอาไพล์พินัยกรรมขึ้นบนจอใหญ่เพื่ออ่านดูว่ามีรายละเอียดใดบ้างในขณะที่ปาราตีเดินเข้ามาในห้องและพูดว่า
“พี่เบญ กรออกจากห้องผ่าตัดแล้วปลอดภัยดีแต่ว่ายังไม่ฟื้น”
“ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา”
“อ่านอะไรอยู่ค่ะ”
“พินัยกรรมของนาย
“พ่อของกร”
“ใช่เศรษฐีที่นาใหญ่รวยมหาศาลเชียวละ มีลุกเจ็ดคนกรเป็นคนที่เจ็ดแต่กรเป็นเด็กอัจฉริยะเลยถูกคิดว่าเป็นปัญญาอ่อนพ่อเขาเลยไม่รักและร้ายใส่จนพ่อพี่ต้องแยกออกมาตอนนั้นเองนายทหารเรือปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วชื่อพลเรือเอก นายแพทย์ บดินทร์ พิสิษฐวงศ์กับภรรยาศาสตราจารย์ มาลินีมาพบและรับไปเลี้ยงเลยกลายมาเป็นกรยอดอัจฉริยะในปัจจุบันนี้ไง”
“แต่ดูจากพินัยกรรม ลูกที่ถูกเกลียดได้มากสุดเลยนะ”
“เรียกว่าได้ทุกอย่างเลยดีกว่า ตอนที่อาเขาจะเสียมีกรคนเดียวที่วิ่งมาดูแลและรักษาจนวาระสุดท้าย อาจเป็นเพราะก่อนตายเลยสำนึกได้มั้ง”
“แต่พินัยกรรมนี้เป็นแบบเมืองเก็บไว้ที่อำเภอไม่ใช่เหรอค่ะ”
“ใช่แปลกไม่ละ”
“แปลกมาก ถ้าพ่อจะทำพินัยกรรมให้ลูกทำไมถึงต้องทำเป็นแบบเมืองเก็บไว้ที่อำเภอ”
“ก็เพราะพ่อไม่ไว้ใจลูกตัวเองไง เพราะตอนที่อ่านพินัยกรรมพ่อพี่บอกว่ามีคนไม่พอใจ”
“ใคร”
“ณพัตน์ สุรารักษ์ และ เกียรติศักดิ์ สุรารักษ์” เบญญาภากดรูปออกมา มนัสวิ่งเข้ามาและพูดว่า
“ผมแก้ปริศนาออกแล้ว เช็คจากเครื่องตรวจของเรามันปกติมันบันทึกการเข้าออกบ้านฟังดีๆนะ สามวันก่อนหน้านั้นกรรับแขกเข้าบ้านตอนตีสองและเมื่อวานตอนเกิดเหตุมีแขกเข้าบ้านตอน ตีหนึ่งห้าสิบห้านาที”
“นั่นฆาตกรของเรา”
“ครับ แต่พี่เบญต้องหาคนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์นะเพราะผงที่เก็บได้เป็นยากดประสาทอย่างที่บอกแต่ว่ามันอยู่ในระดับทดลองเท่านั้นยังไม่มีการออกใช่จริงตามบันทึกของมหาวิทยาลัยมหิดลครับ” มนัสส่งให้ปาราตีดู
“แล็ปมหิดล”
“งั้นเราก็เจอแล้ว เกียรติศักดิ์ สุรารักษ์เป็นนักวิจัย”
นพรัตน์ ภูวดลและพนิดาใส่เสื้อเกราะกำลังบุกเข้าไปที่บ้านย่านจอมทอง ตำรวจพังประตูเข้าไปทั้งสามยกปืนและวิ่งเข้าไป
“เจ้าหน้าที่ซีเอสไอ” พนิดาตะโกน ทั้งหมดวิ่งไปชายร่างผอมนั่งอยู่กับพื้นกำลังทำท่ากรีดร้องเหมือนกลัวอะไรสั่งอย่างแต่ว่าไม่ใช่ตำรวจที่ยกปืนเล็งเข้าแน่
“ณน สิริวัฒน์ยกมือขึ้น” นพรัตน์ตะโกน
“อย่า อย่า กลัวแล้ว กลัวแล้ว อย่า” ณนร้องหนักกว่าเก่าอีกและยกมือท่วมหัวร้องขอชีวิตอยู่ตรงนั้น นพรัตน์ ภูวดลมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้ตำรวจมาจับตัวไป
“เขาเป็นอะไร” นพรัตน์พูด
“ภาพหลอนจากการเสพยามั้ง”
“ผมว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากกว่า”
“อันนี้ผมไม่เถียงเพราะคิดเหมือนกัน”
“พวกคุณ” พนิดาร้องเรียก “มาดูนี้สิ” ภูวดลกับนพรัตน์เดินตามพนิดามาที่ตุ้เสื้อผ้าในห้องนอนพนิดาเปิดประตูออกก็เจอพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องจักรพรรดิสีทองอร่ามทรงเครื่องฝีมือช่างไทยอย่างแทนโดยเฉพาะทับทิมสีแดงที่พระอุระที่งดงามมาก”
“คุณพระ” นพรัตน์ร้อง “ไม่แปลกใจเลยที่จะปล้น”
ในห้องสอบสวนเกียรติศักดิ์นั่งอยู่ในห้องตรงข้ามกับเบญญาภาที่ยืนมองอยู่
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อลูกรักได้มรดกแค่หนึ่งล้านแต่ลูกที่ไม่รักกลับได้ทุกอย่างคงทำนายเสียใจมากเลยนะ สำหรับลูกชายที่ทุ่มเทให้พ่อมาหลายปี”
“เบญพูดเรื่องอะไร ไม่เข้าใจ”
“โทษทีนะ ในที่นี้ฉันเป็นตำรวจและคุณกำลังถูกสอบสวน”
“เรื่องกรใช่ไหม ผมไม่ได้ทำ ผมอยู่ที่บ้านถามเมียกับลูกก็ได้”
“ฉันถามแน่แต่ว่าเขาจะไม่น่าเชื่อถือเท่าไร เอาละคุณเป็นนักประดิษฐ์และกำลังทำโครงการใหญ่การรมยาก่อนการผ่าตัดทางเลือกใหม่ของคนไข้ แต่มันยังไม่ได้ออกใช้ปรากฏว่ามันเข้าไปอยู่ในบ้านกรวิกตอนที่เกิดเหตุมันเข้าไปอยู่ได้ไง เพราะคุณเข้าไปไงละเอาไปทำให้อดีตหารเรือต่อสู้ไม่ได้และแทงเขาด้วยมีดสิบเจ็ดที ทีนี้จะจำได้ไง”
“ผมไม่แทงกรนะ”
“แล้วผลงานของคุณเข้าไปในบ้านเขาได้ไง”
“ก็ผมเอาไปให้เขาดูนะสิ”
“เล่ามาสิ”
“สามวันก่อนผมไปเจอเขาที่หน้าบ้านและให้เขาดูและวิจารณ์ให้ที กรน่ารักมากเขาเหมือนจะไม่จำด้วยซ้ำว่าผมตะโกนใส่เขายังไงในวันเปิดพินัยกรรม เขาพาผมเข้าบ้านและกรีดดูและแนะนำผม คำแนะนำนั้นมีค่ามากเลยนะผลงานผมกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ ผมอยู่แค่ในห้องนั่งเล่นไม่ได้ไปไหนเสร็จก็ออกมาเท่านั้น ผมไม่เคยทำร้ายเขาถึงแม้ว่าผมจะไม่พอใจทีเขาได้มากกว่าแต่ผมไม่คิดอะไรกับเขาแล้ว ผมไม่ได้ฆ่าเขาผมรู้ข่าวก็ตกใจเหมือนกันผมยังไปเยี่ยมเขาอยู่เลย”
เบญญาภามองหน้าก่อนเก็บแฟ้มและเดินออกมาปาราตีเดินออกมาจากอีกห้องและพูดว่า
“คุณเชื่อเขา”
“ไม่รู้สินอกจากผงอะไรนี้แล้วเราไม่มีหลักฐานที่จะบอกว่าเขาทำ มีแค่กรเท่านั้นที่รู้”
“และเขายังไม่ฟื้น”
ความคิดเห็น