คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ฆาตกรใกล้ตัว ตอนที่ 1
วีรภาพวิ่งลงจากรถโตโยต้า นิวอัลติส รถตำรวจใหม่ของกรมลงมายังสำนักงานแล็ปอย่างรวดเร็วผ่านกลุ่มทหารที่กำลังเอากรสอบทรายกั้นพื้นที่หน้ากรมเพื่อป้องกันน้ำที่เริ่มเข้ามาแล้ว วีรภาพกดลิฟต์ไปที่ชั้นห้องทำงานของเบญญาภาด้วยอาการเหนื่อยหอบ เบญญาภานั่งอยู่ในห้องกำลังคุยกันเรื่องคดีกับนพรัตน์อยู่
“อยู่นี้เอง พวกคุณต้องไปกับผมเกิดคดีขึ้นที่วัดปทุมคงคา”
“เกิดคดี” เบญญาภาพูด “ทำไมไม่ส่งข้อความมาละ ต้องมาด้วยตัวเองเลยเหรอ”
“ก็ตอนนี้เครือข่ายปั่นป่วนไปหมดเลย ศปภ.เอาสัญญาของเราไป ต้องนี้กำลังโต้แย้งกันอยู่แต่ดูเหมือนฆาตกรจะไม่รอระบบของเราเลย”
“น้ำท่วม วุ่นวายไปหมดเลย” นพรัตน์พูด “นี้ผมต้องมานอนที่ทำงานแล้วนะ”
“เอาเถอะนพ ทำงานของเราไป” เบญญาภาปิดคอมพิวเตอร์และลุกออกไปคว้าเสื้อนอกมาใส่และไปที่ลานจอดรถ
เบญญาภาจอดรถเชฟโรเล็ตออฟดราและก้าวลงจากรถพร้อมนพรัตน์ที่หน้าโบสถ์ถวัดปทุมคงคาพร้อมกับชาวบ้านและนักเรียนที่มามุ้งดู เบญญาภาและนพรัตน์เดินไปที่โบสถ์พร้อมกับวีรภาพที่เดินตามาติด พอเข้าไปในโบสถ์วีรภาพก็พูดว่า
“คงไม่ต้องบอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น”
“คุณพระคุณเจ้า” นพรัตน์อุทานออกมา ภาพพระสงฆ์ห้ารูปนอนเรียงอยู่ในโบสถ์ทั้งห้ารูปถูกยิงแสกหน้าพร้อมกับเลือดไหลนองพื้นโบสถ์
“คุณว่าแรงจูงใจคืออะไร” วีรภาพถาม
“ขัดผลประโยชน์ ชู้สาว เพียบเลยละ” เบญญาภาพูด “แต่เราต้องรู้ก่อนว่าเกิดอะไรในนี้”
เบญญาภาถ่ายรูปพระอยู่ในขณะที่นพรัตน์กำลังใช้ไฟฉายส่องไปทั่วพื้นที่ ภูวดลเดินเข้ามาในโบสถ์และพูดว่า
“พระเจ้า”
“นายตกใจด้วยเหรอ” นพรัตน์ถามทันที
“ฉันเป็นอิสลามแต่ก็ให้ความเคารพกับศาสนาอื่นนะ นี้มันรับไม่ได้ฆ่าพระเนี่ยนะ”
“เดี๋ยวนี้คนเลวมันเยอะเพื่อน” นพรัตน์พุด
“เอาละคุณหมอ พอจะบอกอะไรได้ไหมนอกจากความเละในนี้” เบญญาภาถาม ภูวดลหยิบถุงมือยางมาสวมและก้มไปตรวจศพพระและมองไปรอบๆก่อนบอกว่า
“นี้เป็นรูปแรกที่โดน ถัดมาที่รูปนี้ก่อนเป็นแถวสองรูปนี้และนี้ก่อนหัวแถวเป็นรูปสุดท้าย”
“สุดยอด”
“อะไรครับ”
“ก็คุณรู้ได้ไงว่ารูปไหนโดนก่อน โดนหลัง”
“ก็ดูรอยเลือดการกระจายและการกองของเลือดก็ลำดับได้แล้ว”
“คุณพระ สุดยอดเลยคุณหมอ”
“เป็นวิธีที่ผมเรียบเรียงมาจากประสบการณ์ของอาชีพในหลายปีที่ผ่านมา”
“ว้าว” นพรัตน์ร้องและหันไปมองรอบๆก่อนพูดว่า “ต้องบอกก่อนเลยนะว่านี้เป็นครั้งแรกที่ผมใส่รองเท้าเข้าโบสถ์เพราะปกติต้องถอดรองเท้านะเนี่ย” เบญญาภาอมยิ้มแล้วก็นึกอะไรออก
“นพเมื่อกี้ว่าไงนะ”
“ผมบอกว้าองถอดรองเท้าก่อนเข้าโบสถ์ไง”
“ใช่ ปกติทั่วไปแต่ถ้ามีคนเข้ามาฆ่าเขาคงไม่ทำตามประเพณีเท่าไรหรอกใช่ไหม”
“คุณคิดอะไรอยู่” ภูวดลถาม
“เราต้องคลุมโบสถ์วะแล้ว”
“บิงโก” นพรัตน์ร้องออกมา
วีรภาพกำลังยืนคุยกับพระรองเจ้าอาวาสวัดอยู่ที่ให้การอย่างดีแต่จับจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนไม่อยากให้มีการสอบสวนเท่าไรนัก
“ท่านบอกว่าพระห้ารูปเข้าไปสวดมนต์เย็นใช่ไหมครับ”
“ถูกแล้วดยม ท่านเข้าไปสวดมนต์เย็น”
“และพระรูปอื่นละไม่ลงโบสถ์เหรอครับ”
“อาตมาติดภารกิจเทศน์นอกวัด และที่มห้โยมได้คือบางส่วนติดภารกิจค่ายคุณธรรมและก็พวกวิปัสสนา และเราไม่คอยเข้าดบสถ์กันเพราะว่าเจ้าอาวาสท่านเห็นว่ามันเล้กเลยให้มาทำที่ศาลาใหญ่แทน”
“เหรอครับ แล้วเวลาที่มีการสวดมนต์เห็นอะไรแปลกๆไหม”
“ไม่นะโยมอาตมาไม่ได้อยู่ในวัด แต่พระรูปอื่นอาจบอกได้ แต่อาตมาว่าไม่มีใครสังเกตหรอก”
“ท่านรู้ได้ไง”
“เดาไง เหมือนที่โยมทำ”
“ผมไม่ได้คาดเดา แต่กำลังทำความเข้าใจ”
“นั่นแหละคือสิ่งที่โยมอุปโลกน์ขึ้นมาอยู่ โยมเองไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเป็นเครื่องมือของทางโลกเท่านั้น”
“คงงั้นครับ ตราบใดที่ผมยังเป็นตำรวจอยู่คงยากที่จะเป็นพระผู้มีเมตตานะครับ ถ้ายังไงขอตัวก่อนครับ” วีรภาพยกมือไหว้และเดินออกมาหาเบญญาภาที่เดินลงมาที่รถพอดี
“ว่าไงสารวัตร”
“พระเจ้าเอะอะเทศน์ตลอด เป็นเครื่องมือกิเลสรู้ไหมคนเราเกิดมาต้องตายเป็นธรรมดาโลกไม่เห็นต้องค้นหาเลย ค้นหาไปก่อนเสียเปล่าเพราะไร้ประโยชน์ ค้นหาสัจธรรมดีกว่านะโยม พูดเหมือนไม่อยากให้สอบสวน”
“ท่านเป็นพระนี้ ได้อะไรบ้าง”
“ได้สิ ท่านเจ้าอาวาสเป็นผู้มีความเห็นว่าควรให้พระทำวัตรที่อื่นส่วนในโบสถ์เฉพาะในพิธีซึ่งมีห้ารูปไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งห้าอยู่ในนั้นเจ้าอาวาสพระราชวิจิตรธาดา พระครูสีหลาจาร พระมหาบัญชา พระปลัดอุดมและพระวรวิทย์ ทั้งหมดตายเมื่อวาน ไม่มีใครเห็นเลยเหรอ”
“ที่นี้ใหญ่นะแถมมีนักเรียนมาเข้าค่ายเป็นธรรมดาแหละที่ไม่มีคนเห็นบ้าง”
“และคิดจะทำอะไร”
“ฉันจะย้ายโบสถ์”
“อะไรนะ” เบญญาภาจะตอบแต่โทรศัพท์ของเธอดังซะก่อน เบญญาภายกมือห้ามเป็นสัญญาณรับโทรศัพท์
“กรโทรมานะ อัลโหลว่าไงน้องชาย” เสียงเงียบไประยะสั้นๆแล้วเสียกรวิกที่แปลกก็ดังเข้ามา
“พี่เบญ ช่วยยยยผมด้วย” เสียงเงียบไปหรือกับเสียงล้มดังลั่น
“กร กร เป็นอะไรนะกร”
“เกิดอะไรขึ้น”
“กรขอความช่วยเหลือ หาสัญญาณโทรศัพท์เขาที”
“ได้” วีรภาพยกวิทยุสื่อสารขึ้นมากรอกข้อความลงไปทันที “นี้สารวัตรวีรภาพขอพิกัดโทรศัพท์ของพันตำรวจเอกกรวิก เบอร์
“อยู่ที่บ้านเลขที่ 651/84 พุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา”
“ที่นั้นยังไม่ท่วมนี้”
“แต่ก็ใกล้แล้วไปเถอะ”
รถตำรวจเบอร์ไซเรนวิ่งอย่างเร็วข้ามพื้นที่ไปยังหน้าบ้านของกรวิก เบญญาภาเดินลงจากรถพร้อมวีรภาพอย่างรวดเร็วพวกเขาใส่เสื้อเกราะกันกระสุน เบญญาภาไขกุญแจเปิดประตูบ้านเข้าไปไขประตูเลื่อนหน้าบ้านและถอดออกมาคว้าปืนมาเตรียมพร้อม วีรภาพเดินนำขึ้นมาพร้อมปืนในมือ
“นี้เจ้าหน้าที่ซีเอสไอ กรได้ยินไหม” เสียงเงียบไป วีรภาพพยักหน้าตัดสินใจเลื่อนประตูออกและเข้าไปพร้อมเบญญาภาและกำลังตำรวจที่แยกไปตามห้องต่าง เบญญาภามองไปเห็นไฟโคมจากห้องหนังสือ เธอเลยเดินเข้าไปปรากฏว่าดคมไฟตกอยู่บนพื้นและกรวิกนอนจมกองเลือดในท่าคว่ำหน้าอยู่
“กร” เบญญาภาส่งเสียงดังลั่น วีรภาพวิ่งตามเข้ามาเบญญาภาเก็บปืนและลงไปที่ข้างไม่สนใจเลือดที่กองอยู่คล้ำชีพจรกรวิกและร้องขึ้นว่า
“ยังไม่ตายชีพจรแผ่วมาก วีเรียกรถฉุกเฉินเร็ว” วีรภาพแจ้งรหัสฉุกเฉินทันทีที่วิทยุสื่อสาร ในขณะที่เบญญาภาคว้าเอากรวิกมากอดและร้องไห้พร้อมพยายามเรียกให้กรวิกตื่น
รถของปาราตีและมนัสจอดที่หน้าบ้านพร้อมรถเบนซ์ส่วนตัวของวิภาดาที่มาจากบ้าน เบญญาภานั่งอยู่หลังรถฉุกเฉินด้วยสภาพเปื้อนเลือดไปหมดและอยู่ในอาการเสียขวัญมากทีเดียว วีรภาพก็มีเลือดติดตามตัวแต่คงมาจากการแกะเอาเบญญาภาออกจากกรวิกนั่นเอง วีรภาพยืนสั่งการด้วยอาการเหนื่อยไม่แพ้กัน ปาราตีเดินไปกับมนัสหาวีรภาพและถามว่า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“กรโทรมาหาเบญและขอความช่วยเหลือมาถึงก็เจอเข้านอนจมกองเลือดอยู่แล้ว”
“พี่เบญเป็นไงบ้าง”
“ก็อย่างที่เห็น”
“พี่น้องกันนี้” มนัสพูดและมองเบญญาภาด้วยอาการเป็นห่วง ก่อนที่ปาราตีจะสะกิดให้มนัสเข้าไปข้างใน วิภาดาเดินมาหาเบญญาภาแล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไรนะ”
“คงประมาณนั้น แล้วมันเกิดได้ไงกรระวังตัวมานะเขาไม่เคยประมาท แต่นี้บ้านเขานะยัง...”
“เอาละ เอาละใจเย็นไว้ที่รัก กรจะไม่เป็นไรเข้าใจไหม” วิภาดาจับคว้าตัวเบญญาภามากอดโดยไม่รังเกียจคราบเลือดที่ติดอยู่แล้ว
ในบ้านกรวิกปาราตีกับมนัสยืนดูกองเลือดที่นองเต็มพื้น ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะแยกย้ายไปเก็บหลักฐานทั้งหลายก่อนที่วีรภาพจะเดินเข้ามาและพูดว่า
“ไม่มีรายงานผู้บุกรุก กล่องสัญญาณเตือนภัยของกรมไม่มีการทำงานมันปกติดีและไม่มีร่องรอยการงัดแงะ”
“เป็นไปได้ไง” ปาราตีพูด “คนที่เข้ามาทำร้ายถ้าไม่บุกเข้ามาจะเข้ามาได้ไง นี้กรนะอดีตนาวิกเลยนะ”
“คงประมาณเคาะประตูและแทงเลยก่อนลากเข้ามา” มนัสพูด
“ถ้างัดมันต้องมีร่องรอยการต่อสู้ การเคลื่อนย้ายนี้เราหาแล้วไม่มีเลยทุกอย่างเกิดในห้องนี้”
“งั้นมันเกิดอะไรขึ้น”
“คงมีกรคนเดียวที่บอกได้ละ”
ภูวดลเดินเข้ามาในโบสถ์ที่นพรัตน์กำลังเก็บหลักฐานอยู่หลังจากที่ศพออกไปแล้ว และพูดว่า
“กรอยู่ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตอนนี้”
“พระเจ้าเดือนที่แล้วก็หมอวิ เดือนนี้ก็กร ปีแห่งการแก้แค้นเหรอ”
“งั้นเราต้องระวังว่าใครจะเป็นคนต่อไป”
“ใช่ถ้าเป็นฉัน นายช่วยจับไอ้คนที่ทำและตบกะโหลกสักทีก่อนโยนเข้าคุกนะ”
“ไม่ดีมั้ง ต่อยก็พอ”
“ร้ายนะ เอาละหลังจากตรวจสอบโบสถ์ทั้งพื้นที่ระหว่างที่นายไปจัดการคลุมโบสถ์อยู่ ฉันเป็นข้อผิดปกติ นายเห็นอะไรไหม”
“อะไร” นพรัตน์ส่องไฟฉายไปที่หมู่พระประธานของโบสถ์และภูวดลก็เห็นพระที่วางอยู่ “แล้วไง”
“ดูที่ฐาน ใช่สมองหน่อย”
“รอยฝุ่น มีคนสับเปลี่ยนพระ”
“ถูกมีพระที่ใหญ่และหนักอยู่ในนี้แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว”
“แน่ใจ”
“ชัวร์”
“งั้นเราก็มีแรงจูงใจที่สำคัญเข้าให้ โบราณวัตถุเหรอ” ทั้งคู่มองหน้ากันและพยักหน้า
เบญญาภายืนอยู่ในห้องล็อกเกอร์เธอเพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เบญญาภามองตัวเองในกระจกและเห็นภาพของน้องชายนอนจมกองเลือดอยู่ ถ้าให้พูดกันจริงๆเธอทำใจไม่ได้หรอก น้องที่เธอสนิทด้วยมากที่สุด ยืนเคียงข้างเธอมาตลอดคนทั้งแล็ปเองก็เหมือนกันหัวหน้าที่เข้มแข็งกลับถูกปองร้ายในบ้านตัวเอง เบญญาภาเดินออกมาจากห้องวีรภาพยืนรอเธออยู่ด้วยความเป็นห่วง
“ผมมีข่าวมาบอก กรกำลังได้รับการช่วยเหลืออยู่”
“ดีแล้ว เขาจะไม่เป็นไร”
“ไม่รู้สิ แต่หมอบอกว่าไม่รับประกันว่าจะรอดได้ไหมเขาเสียเลือดไปมากทีเดียว”
“พอจะรู้อะไรไหม”
“การตรวจปริมาณกองเลือดและจุดสัมพันธ์เวลา หมอวิบอกว่าเขาถูกแทงตอนตีสอง อึดทีเดียวสำหรับคนถูกแทงสิบเจ็ดครั้ง”
“สิบเจ็ดเหรอ พระเจ้า”
“เบญ ไม่เอาน่าเข้มแข็งหน่อยเราทำงานไม่ได้นะถ้าคุณไม่เข้มแข็ง อีกอย่างกรทนมาตั้งแปดชั่วโมง เขาเข้มแข็งมากนะ”
“โอเค ฉันอยากทำคดีกร”
“ปกติกรกับจิรายุคงไม่ให้ แต่ผมจะลองข้ามๆไป”
“ขอบใจมากวี” เบญญาภาเดินออกไป วีรภาพพูดว่า
“เบญ ดูแลตัวเองด้วยนะ” เบญญาภาพยักหน้าและเดินไป
ความคิดเห็น