ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CSI:Bangkok IV

    ลำดับตอนที่ #11 : แผนการร้าย (2) ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 56


    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงถูกเรียกตัวเข้ามาทำการดับเพลิงรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ของกรวิกที่ถูกระเบิดในขณะที่วีรภาพกำลังควบคุมให้กำลังตำรวจของซีเอสไอควบคุมพื้นที่รักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบ นพรัตน์กับภูวดลกำลังตรวจสอบรอบลานจอดรถด้านล่างของกรม ในขณะที่เบญญาภารีบวิ่งออกมาจากกรมพร้อมกับณัฐพัชร์ทั้งคู่ตรงไปที่รถพยาบาลกรวิกนั่งอยู่ท้ายรถ แพทย์กำลังดูแผลที่หัวเขานั่งหลับตาอยู่สภาพเขม่าดับเต็มตัวเรียกได้ว่าระเบิดแรงเต็มที่

                “กรเป็นไงบ้าง” เบญญาภารีบวิ่งเข้ามา ณัฐพัชร์มองดูแผลบนหัวเขาอยู่

                “ก็ดีกว่าสี่เดือนที่แล้ว ผมไม่ได้หยิ่งนะแต่ผมเพิ่งหยอดตาไปขอเวลาสักนาทีให้มันกลับสู่สภาพเดิมก่อน”

                “ไม่เป็นอะไรมากไม่ลึกอยู่ในระดับปลอดภัย สบายใจได้คุณชาย” ณัฐพัชร์พุดกวนประสากรวิกแต่เขากลับยิ้ม เบญญาภาเลยพยายามเปลี่ยนประเด็น

                “กรรีบลืมตาจะดีกว่านะ”

                “ทำไมเหรอเจ้านายใหญ่มาเหรอ”

                “เปล่า นักข่าว เข้ามาได้ยังไง” เบญญาภาเดินไปหาวีรภาพ กรวิกทำท่าจะลงไป

                “จะไปไหน”

                “แบงค์พาผมเข้าข้างในหน่อยซิ”

                “โอเค ค่อยๆเดินนะ” ณัฐพัชร์ประคองแขนพากรวิกกลับเข้าไปในตึกหลบนักข่าวได้ทัน

                นพรัตน์ถ่ายรูปซากรถที่ระเบิด ในขณะที่ปาราตีกับภูวดลกำลังเดินวนรอบเก็บเอาซากรถที่กระเด็นออกไปมาวางเรียงบนผ้าใบสีฟ้าและถ่ายรูปเก็บหลักฐานอยู่ วีรภาพเดินกลับมาจากการจัดการเอานักข่าวไปไว้ด้านหน้าสำนักงานกรมไม่ให้เข้ามาในลานจอดรถด้านหลัง ปาราตีกำลังเอาก้านสำลีเช็ดไปที่เศษโลหะชิ้นหนึ่งอยู่

                “ว่าไง ได้อะไรบ้าง”

                “ทำงานแทนกรเหรอค่ะสารวัตร”

                “ประมาณนั้น กรเป็นเหยื่อในคดีนี้”

                “หรือถูกกำหนดให้เป็นเหยื่อ” ปาราตีพูดที่สื่อถึงความสงสัยถึงคดีที่แล้วที่เพิ่งปิดไปตอนเย็นวันนี้

                “เรายังไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันไหม อย่าลืมว่ากรเองก็มีศัตรูอยู่ไม่น้อยเหมือนกันถ้านับตามคดีที่กรทำมาตั้งแต่เริ่มเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนที่เกิดเหตุแล้วละก็นับว่าโอกาสที่มีคนตั้งใจปองร้ายกรก็หลายพันคดีทีเดียว”

                “ก็อาจจะนะเราจะตรวจสอบเดี๋ยวก็รู้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าสารนี้คืออะไร”

                “รูปแบบระเบิดพอจะดูออกไหม” วีรภาพเบนกลับมาที่ระเบิด

                “ระเบิดวงกว้าง” ภูวดลลุกขึ้นมาชี้ไปรอบๆพื้นที่ “ดูจากร่องรอย แรงกระแทกที่ทำให้กรกระเด็นออกไปเกือบสิบเมตรไปจนชิดกำแพงตึกฝั่งนั้น ต้องใช้แรงมากน่าจะเป็นกลุ่มระเบิดขั้นสูง อาจจะเป็นพวกทหารหรือหน่วยรบพิเศษ”

                “คือดูจากสภาพรอยระเบิดแล้วถ้ามันระเบิดตอนที่กรอยู่ในรถก็เละ” นพรัตน์สรุปได้เห็นภาพเลยว่าถ้าระเบิดตอนกรอยู่ในรถพวกเขาคงจะไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เห็นศพของกรด้วยซ้ำไป

                กรวิกเดินออกมาจากห้องทำงานตรงไปที่ห้องศูนย์คอมพิวเตอร์ มนัสกำลังดึงภาพจากกล้องวงจรปิดทุกมุมที่มองเห็นการระเบิดของรถกรวิก เบญญาภาก็นั่งดูอยู่ด้วย จนหันมาเห็น

                “ว่าไงกรโอเคแล้วเหรอ”

                “ครับ แบงค์กลับลงไปที่เกิดเหตุไปดูนะ”

                “อืม” เบญญาภาไม่พูดอะไรก่อนตัดกลับมาว่า “คือพี่ดูเทปวงจรปิดของกรม กรขับรถกลับมาจากการสอบสวนสุรชัยที่โรงพักเป็นเวลาสี่ชั่วโมงที่รถถูกจอดอยู่ตรงนี้มีรถเข้าออกตลอดแต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่งรถของกรนะ ถ้ามีการติดตั้งระเบิดเขาก็ต้องเป็นซุปเปอร์แมนเท่านั้นแหละถึงจะทำได้”

                “สี่ชั่วโมงนี้ผมอยู่บนตึกและก็กลับลงมาจะขึ้นรถกลับบ้าน”

                “แต่มันก็บูม” มนัสพูดและกดภาพให้ดู

                “นัดขอดูตอนระเบิดอีกรอบสิ”

                “ครับบอส” มนัสย้อนภาพให้ดู กรวิกมองภาพและเลิกคิ้วขึ้น

                “ผมกระเด็นไกลขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย” กรวิกกอดอก “เสียชื่อนาวิกโยธินหมด”

                “เออ เท่าที่พี่จำได้กรเป็นแพทย์ภาคสนามนะ ไม่ได้เป็นทหารออกรบ”

                “แต่ก็เรียกว่าทหาร”

              “ก็จริงนะครับ แต่ว่าทำมเหรอผมไม่เข้าใจ”

                “นัด นายทำงานที่นี้มานานแค่ไหนแล้ว”

                “เจ็ดปีจะแปดแล้ว”

                “แล้วเห็นภาพระเบิดกี่ครั้ง”

                “เกือบร้อย”

                “เคยเห็นแบบนี้ไหม”

                “ไม่” เบญญาภามองหน้าและยิ้มก่อนจะจับไหล่มนัสและพูดว่า

                “ก็นัดไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นนะสิ มันไม่ใช่ระเบิดแบบทั่วๆ ไป เป็นระเบิดสังหารแบบไอเอ็มโฟว์หรือระเบิดสังหารแบบทหาร ตั้งหวังผลตายสถานเดียว”

                “แล้วทำไมด๊อกเตอร์ไม่ตายละ” มนัสตั้งคำถามขึ้นมา กรวิกเลยตอบว่า

                “ก็ไม่ได้ตั้งใจให้ผมตายก็แค่เตือน”

                ปาราตี นพรัตน์และภูวดล นำเอาทุกอย่างที่ได้มากลับมาในโรงรถและพยายามประกอบร่างทุกอย่างกลับมาจะได้มองภาพกันอีกครั้ง ในขระที่ประกอบปาราตีก็เอาสารที่เก็บมาได้จัดการตรวจผลสารเคมีที่ชั้นแล็ป กรวิกเดินลงมาในโรงรถหลังจากขับรถของกรมกลับบ้านไปอาบน้ำและนอนงีบใหญ่

                “ว้าว กรดูดีเชียวกลับมาใส่สีน้ำเงินแล้วใช่ไหม”

                “ปากเหรอนั้น” ภูวดลพูดแซวเพื่อนตัวเอง

                “ว่าไงได้อะไรบาง”

                “ซากรถคุณและซากระเบิดระหว่างที่พวกเราประกอบกันผมคิดว่ามันไม่ได้ติดกับรถคุณ แต่วางไว้ใต้รถคุณ และตามที่นัดบอกเราจากภาพพยานตัวเก่งของพวกเราน่าจะเป็นลักษณะวางเนี้ยเตะเข้าไปและกดตั้งเวลา”

                “คือระเบิดเป็นระเบิดไดนามิกเซตรัม แบบที่คุณบอกเลยทีเดียวมันอยู่ในกระเป๋าถือเศษพลาสติกพวกนี้บ่งบอกว่ามันกระเป๋าทหาร และด้วยลาดจอดรถนี้ใครก็มาจอดได้นอกจากพวกเรา ตำรวจผู้มาติดต่อ ผู้ต้องสงสัยเราเพียบเลย”

                “วางไว้และกดเวลา ตั้งเวลาเหรอแล้วพวกเขารู้ได้ไงว่าผมจะออกมาตอนไหน”

                “ผมว่าไม่ เจ้าสิ่งนี้เป็นตัวรับสัญญาณ”

                “กดระเบิดหวังผลร้ายจริงๆ”

                “หวังไม่ให้ผมตายและรู้ว่าผมจะตามล่าเขาแน่ถ้าไม่ตายเนี้ยนะ” กรวิกตั้งคำถามที่ทำเอานพรัตน์และภูวดลเงียบและพยายามมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กรวิกเดินเข้าไปมองโต๊ะประกอบระเบิดเขามองซากระเบิดที่เอามารวบรวมประกอบกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง กรวิกมองและนิ่งเงียบไปเมื่ออยู่ ก่อนจะหยิบถุงมือออกมาจากกล่องถุงมือบนโต๊ะมาหยิบชิ้นส่วนเล็กๆ ขึ้นมาดูก่อนจะอมยิ้มที่มุมปาก

                “กรยิ้ม รู้ไหมไม่ชอบแบบนี้เลย” นพรัตน์พยายามทำให้บรรยากาศเงียบๆ หายไป กรวิกพยักหน้าและรีบเดินกลับขึ้นไปในแล็ปทันที

                วีรภาพวิ่งออกจากลิฟท์ตรงไปที่ห้องทำงานของเบญญาภา ที่กำลังนั่งอ่านแฟ้มคดีที่จะขึ้นศาลในอาทิตย์หน้านี้อยู่

                “ยุ่งอยู่เหรอ”

                “นิดหน่อย แต่ก็มีเวลาฟังอะไรดีๆเสมอ”

                “มีแน่ ผมติดต่อไปที่กองทัพนะพยายามอธิบายสารพัดวิธีเพื่อให้เขาบอกถึงเรื่องรูปแบบระเบิดที่บอมหลังกรมของเรา”

                “อ้าปากทหารเนี่ยนะ ไม่มีทาง”

                “ใช่ ยากแต่ก็ไม่เกินไป”

                “วี ดูเหมือนจะมีไม้เด็ดนะ”

                “ก็ผมแค่บอกว่าจะโทรสายตรงหาผบ.ทบ. พวกเขาก็ประนีประนอมกับผมทันที”

                “ได้อะไรมาบ้าง”

                “ระเบิดเป็นแบบหวังผลตายสถานเดียว เป็นรูปแบบระเบิดที่มีวิธีการทางวิทยาการฟิสิกส์ขั้นสูงบวกเคมีหน่อยนี้ไง”

                “อ้า ตรงตามที่กรพูดเลย”

                “รู้ไหมบ้างครั้งผมก็คิดว่าจิรายุกับกรวิกมีอาชีพเสริมเป็นหมอดู”

                “หน้าที่ของพวกเราคือหมอดู แต่เราดูอดีต”

                “แล้วเขาทำอะไรอยู่”

                “อยู่ในแล็ป ก็รู้อยู่กรแบบว่า...”

                “ใช่”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×