ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CSI : Bangkok II

    ลำดับตอนที่ #9 : ปริศนาอุบัติเหตุ ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 53


    เช้าราวแปดโมงบนนถนนวิภาวดีรัสิตขาเข้าอันจอแจไปด้วยรถที่ติดกันอย่างมากเป็นปกติของกรุงเทพ รถบัสโดยสารที่ขับร่วมมาด้วยในครั้งนี้ซึ่งขับมาดีๆแล้วนถคันนั้นก็เริ่มขับแปลกๆ ในที่สุดรถคันนั้นก็เสียหลักพุ่งเข้าชนรถคันข้างหน้ากระจายไปทั่วก่อนไปชนกันเสามอเตอร์เวย์ ส่งผลให้รถที่ตามมาต่างก็ชนกัด้านหน้าระเนระนาด กลายเป็นอุบัติเหตุใหญ่ในทันที

                    จิรายุกับกรวิกลงจากรถและเดินมาหาวีรภาพกับจ่ามานะที่ยืนรอพวกเขาอยู่ด้านหน้าจุดเกิดอุบัติเหตุที่พวกตำรวจและหน่วยกู้ชีพกับทีมแพทย์ทำงานอยู่ จิรายุเดินมาถึงก็พูดว่า

                    อธิบายมซิ

                    ก็อย่างที่เห็น วีรภาพตอบ ฎรถบัสเจ้ากรรมขับมาดีๆก่อนเซไปชนดะรถคันข้างหน้าไปยี่สิบคัน ก่อนไปหยุดที่ตอม้อะพาน ทำให้มีรถที่ตามหาพากันเฮโลสาระพา ชนกันอีกสี่สิบคัน รวมหกสิบ คนเจ็บเป็นร้อย คนตายเป็นสิบ

                    แล้วมันเกี่ยวกับเรายังไง กรวิกถาม           

                    ส่วนของเราอยู่ที่รถบัสคันนั้นวีรภาพชี้ทั้งหมดก็เดินผ่านกองอุบัติเหตุคนเจ็บคนตาย ไปที่รถบัสคันนั้นแล้วจ่ามานะก็พูดว่า

                    หน่วยกู้ชีพเห็นคนขับ เด็กรถและผู้โดยสารสลบอยู่เลยงัดรถเข้าไปแต่พอไปถึงปรากฎว่าทั้งหมดตายแล้ว

                    ตาย กรวิกทวนคำพูดและมองศพจาก้างนอกรถ ใบหน้าผู้โดยสารอยู่ในสภาพตายแล้วทั้งนั้น วีรภาพเลยพูดต่อว่า

                    หน่วยแพทย์บอกว่ ทุกคนไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ อุณหภูมิก็แปลกๆเหมือนพวกเขาตายก่อนเกิดอุบัติเหตุ

                    งั้นเราก็ต้องหาว่าพวกเขาตายยังไง กรวิกพูด

                    และหาว่าใครทำ จิรายุพูดและสวมแว่นตา

                    เบญญาภา ปาราตีและภูวดลลงจากรถและเดินผ่านการช่วยเหลือและซากรถที่ยังได้เคลียร์ออกมาที่รถบัส เบญญาภากับภูวดลมองดูผู้บาดเจ็บ ในขณะที่ปาราตีพยายามกดโทรศัพท์หานพรัตน์อยู่ เบญญาภายืนดูและพูดว่า

                    รถชนใหญ่ในกรุงเทพ ข่าวใหญ่แน่

                    ใช่ ภูวดลพูด แถมสาเหตุมาจากรถี่มีคนตายยกคัน

                    เป็นไรปา เบญญาภาถาม

                    โทรหานพ แต่ไม่มีคนรับเลย วันนี้วันหยุดเขาแต่บ้านเขาอยู่แถวนี้เอง

                    บางที่อาจนอนอยู่ก็ได้ ภูวดลพูด ไปกันเถอะ

                    พี่เบญกับแม็กไปก่อนเถอะ เดี๋ยวตามไป

                    ได้ เบญญาภาพูดและเธอกับภูวดลก็เดินออกมาจาปาราตี ส่วนปาราตีก็เดินไปหาวีรภาพ

                    บนรถบัสกรวิกกำลังใช้ที่วัดอุณหภูมิตับเสียบเข้าไปวัดในศพ เพื่อวัดอุณหภูมิหาเวลาตาย ส่วนจิรายุกำลังมองดูศพด้วยการส่องไฟฉายอยู่ ตอที่เบญญาภากับภูวดลเดินขึ้นมาบนรถ ภูวดลก็พูดว่า

                    ตายเท่าไรกัน

                    สามสิ กรวิกพูด ไม่นับบนถนน

                    ตายยกรถ พวกทำหนังคงเอาไปทำรถผีสิง ภูวดลทำเสียงน่กลัวก่อถ่ายรูปศพ เบญญาภาพูดต่อว่า

                    หน้าซีด ปากคล้ำเป็นสีม่วงคอพับลงเหมือนหลับลงแล้วก็ตาย จิรายุพยักหน้าด้วย

                    อุณหภูมิตับปกติ กรวิกพูด ตายมาแล้วสองสามชั่วโฒงไม่มากกว่านี้ ประมาณแปดโมงสิบ

                    วีบอกว่าอุบัติเหตุเกิดตอนแปดโมงสิบสอง ตามคำบอกขอตำรวจจราจร จิรายุพูด พวกเขาตายก่อนสองหรือสามนาที

                    ดูเหมือนจะมีคนใช้อุบัติเหตุกลบเกลื่อนความผิดนะ ภูวดลพูด เบญญาภาหันไปองอีกศพและพูดว่า

                    ไม่มีรอยแทง ยิง รัดคอ บีและเลือด แปลกจัง

                    เป็นการฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบ จิรายุพูด ฆาตกรไม่อยากให้เรารู้ว่าเขาทำยังไง แต่ห้องชันสูตรอาจบอกได้

                    งานล้นแน่ห้องชันสูตร ภูวดลพูด รวดเดียวสามสิบศพ

                    กรวิกหัวเราะแต่พอตอนที่เขากำลังลุกขึ้นยืน กรวิกก็เกิดอาการมึนหัวถึงกับเซจนเกือบล้มแต่จิรายุรับตัวไว้ได้ทันและพูดว่า

                    เป็นอะไรไปกร

                    ไม่รู้สิมึนหัวนิดหน่อยนะ อากาศในนี้คงอับ

                    ผมว่าไม่ ภูวดลพูด กลิ่นมันแปลกๆนะ ว่าแล้วเขาก็เอากระบอกฉีดยามาสูบเอาอากาศในรถเข้าไปและพูดว่า เป็นอะไรก็ช่างแต่ผมจะรู้ให้ได้

                    ดี จิรายุพูด ผมจำพากรออกไปละนะ

                    ค่ะ แล้วเราจัดการเอง เบญญาภาพูดและหลบให้จิรายุพากรวิกออกไปและหันมาพูดกับภูวดลว่า เอาละเหลือเราสองคนแล้ว

                    งั้นครึ่งหน้าของพี่ ครึ่งหลังของผม

                    ได้

                    ด้านนอกจิรายุพากรวิกมานั่งในรถเขาก็พิงรถเหมือนกันแล้ววีรภาพก็เอายาดมมาแจกให้จิรายุกัยกรวิกและพูดว่า

                    สารวัตรดมซะ ผมลงจากรถนั้นแล้วตอนนี้ก็เริ่มมึนหัวเหมือนกัน

                    เราสามคนเป็นกลุ่มแรกที่ขึ้นไป จิรายุพูด แล้วพวกหน่วยแพทย์ที่ขึ้นไปก่อนเราละ

                    ไม่ต่างจากเราบงคนสลบเลยต้องเปลี่ยนกลุ่มแต่เราสอบสวนพวกเขาได้

                    แต่เบญกับแม็กไม่เห็นเป็นอะไรเลย จิรายุพูด กรวิกเลยว่า

                    ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปอะไรก็ตามที่ทำให้เรามึนหัวคงออกไปหมดแล้ว เราเปิดประตูรถทิ้งไว้นี้ จิรายุมองเบญญาภากับภูวดลที่กำลังอำนวยการการเคลื่อนย้ายศพอยู่ ตอนนั้นเองปาราตีก็เดินมาหาพวกเขากรวิกเลยทักว่า

                    เพิ่งมาเหรอ

                    เปล่ามาตั้งนานแล้ว แต่โทรหานพอยู่ติดต่อไม่ได้เลย

                    เขาอยู่แถวนี้ วีรภาพพูด ผมให้จ่ามานะไปตามแล้ว และผู้เห็นเหตุการณ์เท่าที่ผมสอบสวนต่างพูดไปคนละทิศละทางบอกจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย

                    ไม่แปลก โกลาหลขนาดนี้ จิรายุพูดแล้วโทรศัพท์ของวีรภาพก็ดังขึ้นเขาเลยรับและพูดว่า

                    อะไรนะ ไม่อยู่เหรอโอเคได้ วีรภาพวางสาย ปาราตีเลยถามว่า

                    อะไรค่ะ

                    จ่ามานะโทรมาบอกว่านพไม่อยู่ ผู้ดูแลตึกบอกว่าเห็นเขาออกมาตั้งนาแล้ว

                    หาจีพีเอสรถเขา จิรายุสั่ง วีรภาพคว้าวทยุสื่อสารขึ้นมาพูดว่า

                    นี้ผู้กองวีรภาพแล็ปอาชญากรรมให้ติดตามหาพิกัดจีพีเอสรถเอสยูวโตโยต้าฟอร์จูเนอร์ของกรมหมายเลขสี่ห้าห้าสองสาม ร้อยตำรวจโทนพรัตน์ วิทยากุลเป็นคนขับ

                    พิกัดสี่ห้าห้าสองสาม เสียงตอบกลับมา อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ

                    ทราบ วีรภาพตอบกลับและพูดว่า เขาอยู่ที่นี้ จิรายุรีบคว้าโทรศัพท์มากดเบอร์นพรัตน์และเริ่มมองหาแลไปสะดุดตาตรงคลองข้างทาง จิรายุเลยเดินไปดูพร้อมกับวีรภาพโดยมีกรวิกกับปาราตีเดินตามไปติดๆ ภาพที่เห็นคือรถโตโยต้าฟอร์จูเนอร์หงายท้องคว่ำอยู่ในน้ำครึ่งคันและด้วยอยู่พ้นสายตาคนกับความวุ่นวายเลยไม่มีใครมองเห็นและคนที่ติดอยู่ในนั้นคือ นพรัตน์

                    ทันทีที่เห็นวีรภาพก็รีบลงไปในคลองพร้อมจิรายุไปที่รถ ในขณะที่กรวิกเรียกหน่วยกู้ภัย จิรายุพยายามเคาะกระจกเรียกสตินพรัตน์แต่นพรัตน์ไม่ตอยกลับในขณะที่วีรภาพใช้ปืนพยายามทุบกระจกหาทางออกให้นพรัตน์แต่ด้วยรถของกรมถูกทำเป็นหุ้มเกราะเลยทำอะไรไม่ได้เลย ส่วนปาราตีได้แต่ยืนดูในขณะที่กรวิกจับตัวเธออยู่

                    ทางด้านเบญญาภากับภูวดลที่กำลังดูการยกรถบัไปที่กรมอยู่พวกเขาก็เริ่มสังเกตุเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

                    เกิดอะไรขึ้น เบญญาภาพูดและทั้งคู่ก็หันไปมองที่ต้นตอ เห็นจ่ามานะกระโดดลงไปในคลองพร้อมหน่วยกู้ภัย เบญญาภากับภูวดลเลยวิ่งไปดูเห็นปาราตีนั่งลงกับพื้นโดยมีกรวิกโอบกอดเธออยู่และภาพรถของนพรัตน์ทั้งคู่ก็เข้าใจทันที ภูวดลรีบกระโจนลงไปช่วยเอาตัวนพรัตน์ออกมาในขณะที่เบญญาภาเริ่มเคลียร์ทางให้

                    ภูวดลกับหน่วยกู้ภัยงัดประตูออกมาได้และภูวดลก็เป็นคนแรกที่ดึงนพรัตน์ออกมาเช็คชีพจรก่อนพูดว่า

                    เขายังอยู่ ตามรถพยาบาลเร็ว ไอ้นพอย่าเป็นอะไรนะเว้ย จิรายุรีบมาช่วยภูวดลดึงตัวนพรัตน์ออกมาและส่งให้หน่วยแพทย์ ภูวดลตามมาที่รถพยาบาลและกระโจนขึ้นรถไปด้วย

                    ที่ห้องชันสูตร กรวิกเดินเข้ามาพร้อมชุดห้องชันสูตรที่เขาสวมเข้ามา วิภาดกำลัวผ่าศพแรกอยู่ ห้องชันสูตรวุ่ยวายที่สุดในรอบปีเลย วิภาดาเงยหน้าเห็นกรวิกก็พูดว่า

                    ว้าว สุ่ดนี้เลยเหรอ

                    เห็นที่นี้คนขาดเลยมาช่วยนะครับ

                    ยินดีจ๊ะ โต๊ะนั่นแนะนำพวกเด็กๆด้วยดูท่าจะงมอีกนาน

                    ครับ กรวิกสวมถุงมือแล้ววิภาดาก็ถามว่า

                    ได้ข่าวนพไหม

                    ไม่เลยครับ แต่แม็กบอกว่าหมอจะเอาเข้าห้องผ่าตัด มีซี่โครงทะลุปอดท่าทางเขาเป็นคนแรกที่ถูกชน

                    แย่จัง กรวิกยักคิ้วและก็เดินไปที่โต๊ะที่เจ้าหน้าที่ฝึกหัดและพูดว่า เด็กๆ หลบหน่อย แล้วเขาก็จับมีดผ่าศพในทันที

                    อาคารจอดรถชั้นสองถูกเคลียร์ออกสำหรับเป็นพืนที่ตรวจรถบัส เบญญาภากับมนัสกำลังช่วยกันเอากระเป๋าของผู้โดยสารออกมาจากรถอยู่ ปาราตีก็รีบร้อนเดินเข้ามา มนัสเลยพูดว่า

                    คุณไม่พักเหรอ

                    ฉันไม่เป็นไรนี้ ทำงานดีกว่า

                    ไม่เป็นอะไรแน่นะ เบญญาภาถาม

                    ค่ะ ไม่ป็นอะไรจริงๆ ปาราตีฟื้นยิ้มเบญญภาพยักหน้าและเธอก็เข้ามาช่วยเอาของที่อยู่ในรถออกมาข้างนอก

                    ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์หน้าห้องไอซียู จิรายุยืนอยู่หน้าห้องนั้นและมองภูวดลเดินไปเดินมาอยู่เลยพูดว่า

                    เป็นอะไรไป ไหนว่าไม่ถูกกัน

                    ใช่ครับ แต่ว่าเขาก็เพื่อนผมผมยังอยากมีคนทะเลาะด้วย

                    ถ้อยากมีคนทะเลาะด้วยก็ไปหาอะไรกินซะ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจิรายุรับมาและพูดว่า ได้ จะไปเดี๋ยวนี้

                    อไรเหรอครับ

                    เจ้าของรถมาแล้ว ผมไปก่อนละ

                    มีอะไรผมจะโทรบอก

                    ได้ จิรายุสวแว่นและเดินออกไป

                    ในห้องสอบสวนวีรภาพนั่งอยู่ตรงข้ามกับโกศล มงคลวิทย์ เจ้าของรถบัสโดยที่จิรายุยืนอยู่ข้างหลังเขา

                    นี้ฟังนะ โกศลพูด รถเราเยอะ ผมทำตามระเบียบสามเดือนครั้งแล้วจะให้ทำอะไรอีก

                    ก็อย่างที่ควร วีรภาพพูด การตรวจสอบคุณไม่พอ

                    คุณตำรวจพูดบ้ๆ เฉพาะค่าน้ำมันก็มากพอดูแล้วแล้วการตรวจก็ใช้เงินมากเรามีรถตั้งสี่สิบคัน ผมทำไม่ได้หรอก

                    แต่รถคุณเป็นต้อหุสำคัญของอุบัติเหตุ ซ้ำยังมีคนตาบนรถคุณอีก

                    ผมเสียใจคุณตำรวจ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานเอาผิดผมก็อยากมาพูดมั่วๆดีกว่า

                    คุณโกศล จิรายุพูด รถบัสคุณมีคนตายปริศนาทั้งยังเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่มีผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บและตาย ยังไม่นับรวมเจ้าหน้าที่ของผมที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ในโรงพยาบาล หวังว่าคุณจะพร้อมรับมือกับมัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×