ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CSI:Bangkok IV

    ลำดับตอนที่ #12 : แผนการร้าย (2) ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 56


    กรวิกเอาอุปกรณ์มาแกะอย่างเบามือเอาน้ำยาล้างทำความสะอาดและเอาส่วนประกอบที่เล็กมามาหนีบและต่อสายเข้ากับคอมพิวเตอร์ในห้องแล็ป เพื่อเปิดระบบภายในและเอาสารที่ล้างมาตรวจหาสสารจะเครื่องตรวจสสาร ในขระที่กำลังตรวจอยู่ปาราตีก็เดินเข้ามา

                “ดีขึ้นแล้วเหรอค่ะ”

                “ใช่” กรวิกยิ้มให้ “อะไรนะ”

                “แฟ้มระงานนะ คือฉันได้ตรวจวิเคราะห์สารที่ใช้ในการทำระเบิดรู้ไหมค่ะฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

                “อะไร”

                “เดตร้าโทรพีลีนเอฟโซซีลีนเมโทรปิลิโทร”

                “ยาวเลย” กรวิกรับแฟ้มมาดู “อืมแปลก”

                “ใช่”

                “สำหรับคุณ ยกเว้นฝ่ายสรรพาวุธทหาร”

                “หมายความว่าไง”

                “นี้เป็นเคมีประกอบสามสิบสองชนิดในการประกอบระเบิดวงทำลายล้างสูงแบบอเมริกัน มีน้อยคนที่จะรู้จัก”

                “ก็เข้าเค้าที่คุณตั้งเอาไว้ระเบิดตั้งใจสังหาร”

                “ชนิดไม่เหลือซากเคมีนี้คือตัวกระตุ้นในเกิดความไม่เสถียรให้ระเบิดทำงานได้ประสิทิผลมากกว่าเดิมร้อยเท่า ถ้าผมนั่งในรถแล้วระเบิดผมไม่เหลือซาก”

                “แล้วทำไมมันกดระเบิดตอนที่อยู่นอกรถละ กรกระเด็นมาตั้งไกลนะ” เสียงคอมพิวเตอร์ดังกรวิกเดินไปดูที่คอมพิวเตอร์และกดมองก่อนจะทำหน้าตกใจและหันมาพูดกับปาราตี

                “ผมรู้แล้วว่าใครกดระเบิด”

                “ดีเลยใครละ”

                “ผมเอง”

                ในห้องประชุมของกรมซีเอสไอ  กรวิกกดภาพถ่ายในที่เกิดเหตุขึ้นจอภาพใหญ่ในห้องในขณะที่เบญญาภา วีรภาพ พนิดา ปาราตี นพรัตน์ ภูวดล นั่งดูอยู่ในห้อง

                “เอาละที่เราเห็นและจากการอธิบายรูปแบบระเบิดของปาเราเห็นแล้วว่าระเบิดนี้อันตรายแค่ไหน”

                “แล้วทำไมไม่เอากรถึงตายละ”

                “เพราะว่านี้เป็นการทดลองอีกนัยหนึ่งก็คือเตือน”

                “อธิบายสิ” เบญญาภาเปิดทาง

                “ระเบิดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นคำเตือนในขณะเดียวกันก็เป็นการทดลองก่อนทำจริงโดยอาศัยผม คนที่ทำต้องการเพียงดูว่าอานุภาพทำลายล้างมีมากแค่ไหนก่อนที่จะทำของจริงออกมากับเป้าหมายจริง”

                “รู้ได้ไง” วีรภาพถาม

                “เจ้านี้ไง” กรวิกกดภาพเครื่องรับสัญญาณ “นี้เป็นเครื่องรับสัญญาณเพื่อเปิดระบบกลไกระเบิดให้ทำงานใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเรียกว่าสังหารแบบสายฟ้าแลบ ผมตรวจสอบมันตั้งขึ้นเพื่อรับสัญญาณจากรีโมทรถยนต์ของผม”

                “กรเลยบอกว่ากรเป็นคนกดระเบิด” ปาราตีพูด “คนร้ายไม่ได้ต้องการให้เอากรไปไว้บนรถแต่แรกแค่ทดลอง”

                “มั่นใจได้ไง สัญญาณรีโมท์เนี้ยนะมันรีโมท์อันไหนก็ได้ไม่ใช่เหรอ” ภูวดลแย้ง

                “แม็กตัดทฤษฎีทั้งหลายออกไป บางครั้งฆาตกรก็ทำอะไรโดยไม่ต้องมีหลักการมากมายแค่ทำงานให้สำเร็จ สัญญาณตัวนี้รับสัญญาณจากรถเบนซ์รุ่นของผมซึ่งก็อย่างที่รู้สัญญาณรีโมท์เบนซ์แตกต่างและมีลักษณะเฉพาะเป็นเอกลักษณ์มากและรถส่วนตัวของทั้งกรมมีผมคนเดียวที่ขับเบนซ์”

                “เป้าง่าย ถ้าโตโยต้าคงระเบิดเละกว่านี้แน่” นพรัตน์พูดเพราะส่วนใหญ่ใช้โตโยต้า

              “งั้นเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไรล่ะ” พนิดาถาม

                “ยังไม่รู้” เบญญาภาตอบให้แต่กรวิกกลับพูดขึ้นมา

                “ผมคิดถึงคำพูดในห้องสอบสวนของสุรชัย พี่วีจำสิ่งที่เขาพูดได้ไหม”

                “ได้ เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่คุณจะห้ามได้ พวกเราทำให้สิ่งที่สำคัญและยิ่งใหญ่ ดูจากการฆ่าบรรดาคนทั้งหลายที่เรายังค้างคาอยู่ก็น่าจะใหญ่ที่เดียว”

                “ก่อการร้าย” ปาราตีพยายามตั้งประเด็น เวลานั้นมนัสวิ่งเข้ามาและพูดว่า

                “สายไฟที่คุณให้ผมตรวจได้ผลแล้วนะเป็นของเกรดทหารสั่งซื้อเมื่อสามเดือนก่อนและหายไป จากการทดสอบไอโซโทปมันมาจากห้องเก็บที่มืดและอยู่ริมน้ำผมเลยค้นคว้ารู้ไหมมีคนเช่าโกดังริมคอลงแสนแสบในการเก็บวัตถุพวกนี้เมื่อสามอาทิตย์ก่อนด้วย”

                กรวิก เบญญาภา วีรภาพและพนิดา สวมเสื้อเกราะและถือปืนนำพวกตำรวจบุกเข้าไปในเขตพื้นที่โกดังต้องสงสัยริมคลองแสนแสบ พอพังที่ล็อคเปิดเข้าไป คนข้างในก็ร้องขึ้นมาดีทีวีรภาพล้อมพื้นที่ไว้แล้วมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นแต่สุดท้ายฝ่ายซีเอสไอก็ควบคุมไว้ได้และจับผู้ต้องสงสัยได้ส่งไปที่ห้องสอบสวน

                เบญญาภาเดินจดสิ่งที่อยู่ในโกดังในขณะที่นพรัตน์ ปาราตีและภูวดลถุกเรียกมาบันทึกหลักฐานและทำการเก็บกลับไปที่แล็ปท่ามกลางการคุ้มกันที่แน่หนาทีเดียว

                “สายไฟ รูปแบบระเบิด เหมือนกันเลย” นพรัตน์พูด
                “ที่นี้คือกองบัญชาการของมัน” ภูวดลเสริม “ดูจากทุกอย่างแล้ว”

                “ทำเป็นระบบ คนใหญ่คนโตเกี่ยวข้องระบบเยี่ยมมีแผนอะไรนะ” เบญญาภาตั้งข้อสงสัยตอนที่ปาราตีเดินออกจากห้องออฟฟิศที่ชั้นลอยของโกดังมาตะโกนลงมาว่า

                “พี่เบญค่ะเราต้องใช้บริการมนัสแล้วละ”

                กรวิกเดินเข้ามาในสำนักงานตำรวจสอบสวน ห้องสอบสวนถูกจัดสอบสวนคนร้ายที่จับมาได้จากโกดังแต่ทว่าดูเหมือนพวกนี้พูดไม่เป็น ไม่ยอมพูดและทำสายตาแข็งกราวจนตำรวจหลายคนทนไม่ได้ กรวิกเดินไปหาวีรภาพที่เดินออกมาจากห้องด้วยความหงุดหงิดมาก

                “ให้ตายเถอะ ไม่ติดมีกล้องวงจรปิดละก็มันถูกผมอัดไปแล้ว”

                “ใจเย็นสารวัตร ไม่ตอบเลยใช่ไหม”

                “แบบนั้นไม่ตอบไม่เท่าไร ทำหน้ากวนตีนแบบนั้นมันน่าจริงๆ”

                “ในห้องนั้นล่ะใครสัมภาษณ์”

                “โบว์ แต่ตอนนี้เธอขอสงบสติอารมณ์ก่อน”

                “งั้นฉันจัดการเอง เอาประวัติมา”

                “นี้” วีรภาพยื่นแฟ้มประวัติให้ “กิติพัชร์ สุขวิจิตร เป็นอาสาตำรวจ มาจากอุบลราชธานี ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม อายุ 28 ปี”

                “โอเค” กรวิกพยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องสอบสวน ในห้องกิติพัชร์นั่งก้มหน้าเขามีทีท่าทีค่อนข้างหวาดกลัวก็บรรยากาศห้องมืด มีไฟน้อยดวงไม่มีหน้าต่างโต๊ะเหล็กเย็นเฉียบ กิติพัชร์ในสายตาของกรวิกยังเด็กอยู่มาก เหมือนกับว่าถูกกรอกข้อมูลที่ทำให้ชวนเชื่อมาทำงานนี้ด้วย กรวิกนั่งลงวางแก้วน้ำสองใบในเลื่อนแก้วหนึ่งส่งให้กิติพัชร์ เขาเหลือบมองและหยิบมาจิบสองสามอึก

                “กล้าดื่มน้ำที่ฉันให้ไม่กลัวฉันวางยาเหรอ”

                “คุณดูไม่น่ากลัวเหมือนคนที่อยู่ข้างนอกพวกนั้น”

                “นายคงไม่รู้จักฉันถึงได้พูดแบบนั้น”

                “ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร นายแพทย์กรวิก อธิบดีกรมซีเอสไอ ตัวทดลองที่ผิดพลาด”

                “โอเค เข้าประเด็นเร็วจัง เอาเป็นว่านายรู้จักฉันก็คงรู้จักกิติสัพท์ฉันดีกว่าฉันนะร้ายกาจกว่าคนที่อยู่ข้างนอกอีก”

                “แต่ดูแล้วคุณไม่ได้น่ากลัว จริงๆคือผมหวังให้คุณมาพบเราเร็วๆ”

                “หมายความว่าอะไร นายต้องการพูดอะไร”

                “ผมเห็นคุณผมเลยไม่หนีให้จับเลยเพราะคุณจะช่วยผมออกไปจากที่นี้ ผมไม่ได้มาเพื่อทำแบบนี้มันหลอกผม เอาผมมาทำเรื่องบ้าพวกนี้”

                “เอาละอธิบายสิให้ผมเข้าใจชัดๆ ตรงไหนก็ได้ของบทสนทนาระหว่างเรา”

                “ผมพูดผมตายแน่พวกนี้เอาถึงตายคุณก็เห็นแล้ว คุณจะสัญญาได้ไหมว่าผมจะมีชีวิตอยู่”

                “เราจะจัดการคุ้มครองทุกอย่างให้นาย นายจะมีชีวิตอยู่ ทุกสิ่งที่นายพูดจะเป็นเรื่องที่รู้เฉพาะฉันกับนายโอเค” กรวิกพูดพร้อมกับลุกไปกดปุ่มปิดการมองและฟังจากห้องที่มองจากห้องข้างๆ และยังกดปิดการบันทึกทุกอย่าง แต่ในช่วงที่ลงมานั่งกรวิกกดโทรศัพท์ไอโฟนอัดเสียงโดยที่กิติพัชร์ไม่ทันได้มองเห็นหรือความจริงเขาไม่ได้สังเกตดูเขาต้องการความมั่นใจมากกว่า

                “เอาละเพื่อนว่ามา”

                “ผมได้ฟังบรรยายเมื่อสามเดือนก่อนจากกลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่ารักชาติไทย มาพูดถึงปัญหาทางสังคมการเมืองและหลายอย่าง แล้วเขาพูดว่าเราเปลี่ยนแปลงมันได้ถ้าจัดการตัวอุปสรรคออกไป”

                “ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงประเด็นนั้นที่ฉันเริ่มพอเข้าใจแล้ว นายระเบิดรถฉันใช่ไหม”

                “ครับ ผมเป็นคนประกอบระเบิดนั้น เขาฝึกผมผมทำได้ดีเขาระบุว่าเป้าหมายทำลายมีคุณรวมอยู่ด้วยคุณคือตัวขัดขวางที่จะทำให้ไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคที่จะให้รัฐไทยก้าวหน้าไปได้”

                “พวกนั้นมีคำสั่งฆ่าฉัน”

                “แต่ผมไม่อยากทำแล้วและต้องการที่จะยุติเรื่องนี้คุณเท่านั้นที่ทำได้ ผมเลยเปลี่ยนรูปแบบระเบิด จัดชุดสายไฟที่ติดตามได้และจูนสัญญาณระบบให้ระเบิดเกิดขึ้นเมื่อคุณกดรีโมท์”

                “นายไม่ฆ่าแต่ส่งข้อความให้”

                “มันใหญ่กว่าที่ผมจะแก้ไขได้เองได้ ผมเลย”

                “แล้วพลาดนายไม่ถูกจัดการ”

                “คนที่ไปวางระเบิดถูกจัดการ พวกเขาเชื่อว่าความผิดพลาดเกิดจากการนำไปวางไม่ใช่ผม คือความจริงพวกเขายังใช้ผมทำระเบิดชุดสำคัญอยู่”

                “เอาละไหนบอกมาสิ่งสิ่งที่กลุ่มที่ลากนายมาร่วมวงด้วยมีเป้าหมายทำอะไร” กิติพัชร์มองหน้ากรวิกก่อนจะพูดเรื่องสำคัญที่ทำเอากรวิกตกตะลึง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×