ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่เป็นชินอ๋องทั้งทีไม่ขอเป็นพระรองได้ไหมครับ?

    ลำดับตอนที่ #4 : สนามลุมพินี เวทีราชดำเนิน

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 64


     เสียงโหวกเหวกโวยวายดังข้ามเขตรั้วของเหล่านกน้อยในกรงทองมาถึงภายนอก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดเรื่องตบตีกันระหว่างหลายสาวและหนึ่งหนุ่มภายในนั้น

    เหอซั่วชินหวังทันทีที่เข้าใกล้เขตนั้นก็สั่งการให้เหล่าบริวารผู้อยู่ในอาณัติตนเข้าล้อมประตูวังหลังเอาไว้ อ้าแขนอ้าขากางอาณาเขตกีดกันเหล่าคนหูผึ่งตายื่นยาวให้ออกไปห่างๆหน่อย ส่วนตนจ้ำอ้าวก้าวเข้าไปพร้อมอู๋กงกงและขันทีเฒ่า

    เหล่าดรุณีงดงามน้อยใหญ่ไม่มีใครสังเกตถึงการมาของชินอ๋องทั้งสิ้น

    ท่ามกลางทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวนวล แม่นางแน่งน้อยส่วนหนึ่งนั่งร้องไห้ให้บ่าวประคบหน้าบวมเป่งสีเขียวจนจะม่วงของตน คู่หนึ่งจิกหัวกันและกัน ง้างมือหมายจะฟาดให้แก้มหลุดกันไปข้าง แม่นางคนหนึ่งถูกทุ่มลงพุ่มดอกไม้จนกลีบดอกปลิวว่อนไปทั่วลาน อีกคู่หนึ่งประลองกันด้วยกระบี่ไม้ขัดเงา ส่วนหนึ่งส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจผู้ที่จิกหัวกันอยู่ และส่วนสุดท้ายนั่งจิบชาอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่โดยมีนายเอกหนึ่งเดียวของภาคหลักนั่งตัวสั่นเป็นสัตว์กินพืชน้อยอยู่ข้างกายพระสนมที่น่าจะมีตำแหน่งสูงที่สุดในนี้

    เหล่าหญิงงาม ณ ลานแห่งนี้แต่งกายเรียบง่ายไม่ต่างจากชาวบ้าน รวบผมสูงปักปิ่นไม้ เครื่องประทินผิวไม่ปรากฏบนใบหน้า อย่างมากที่สุดก็เพียงแต้มชาดอ่อนๆ ไว้บนริมฝีปากกันเท่านั้น พวกนางหากไม่มีบาดแผลช้ำบนร่างกายก็ตัวมอมแมมคลุกฝุ่น เหล่านั้นล้วนประพฤติตัวอยู่กลางลานไม่ต่างจากบุรุษวัยฝึกยุทธแม้แต่น้อย สร้างความประหลาดใจให้ผู้มาใหม่ยิ่งนัก

    นี่หรือเหล่านกน้อยในกรงทอง

    หวังจื้อหรงขมวดคิ้วมองภาพที่ไม่ต่างอะไรจากสนามมวยลุมพินีตรงหน้า

    รีบสาวขายาวใต้ผ้าเนื้อหนาเข้าไปคว้าข้อมือดรุณีอายุน้อยนางหนึ่งผู้ดูเป็นมวยที่สุดในนี้อย่างทันท่วงที ดูจากท่าตั้งการ์ดหมายจะชกเบ้าหน้าสวยคมของฝ่ายตรงข้ามแล้วหากหวังจื้อหรงไม่รั้งเอาไว้มีหวังคนสวยคนนั้นได้โดนหมัดตรงจนหน้าเม้แน่

     

    ทันใดทั่วบริเวณเงียบสงัดจนหวังจื้อหรงไม่กล้าสูดน้ำมูกใกล้ไหลย้อยให้กลับเข้าไปในจมูก เหล่าดรุณีรีบถอนเล็บออกจากก้อนผมยุ่งเหยิงของฝ่ายตรงข้ามทรุบฮวบลงยอบกายทันที ยกเว้นดรุณีน้อยผู้โดนจับข้อมือเอาไว้ แม้จะเป็นมวยก็หาใช่รุ่นเฮฟวี่เวท นางถูกชินอ๋องยกลอยขึ้นด้วยมือเดียวได้อย่างง่ายดาย เมื่อนางตัวลอยหวิวขึ้นก็ดีดดิ้นตีขาจนกระโปรงผ้าฝ้ายอย่างเลวสะบัดพั่บๆ ไร้ซึ่งกิริยาสำรวมทั้งสิ้น

    "โอ๊ยๆ ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสัมผัสข้อมือข้า เจ้าพวกขันทีน่าตาย! คิดข่มเหงพวกเรางั้นหรือ!"

    "อี้เหยาซุ่นฉาง[1]สำรวมกิริยาเดี๋ยวนี้!"

    หญิงใต้ต้นไม้ผู้ที่แต่งกายไม่ได้งดงามสมตำแหน่งพระสนมของโอรสสวรรค์เท่าใดนักแผดเสียง แม้นางจะยอบกายต่ำแต่ก็ส่งเสียงน่าเกรงขามออกมา แม่นางน้อยในกำมือของชินอ๋องหยุดดิ้นพล่านทันที ก่อนจะเงยใบหน้างดงามเยาว์วัยขึ้นมองผู้กอบกำข้อมือตน พลันใบหน้ามอมแมมของหล่อนกลับซีดเป็นผักกาดขาว ยิ่งเห็นใบหน้าเรียบตึงแต่แดงก่ำ(จากพิษไข้) ประสมฝ่ามือร้อนฉ่าที่จับนางไว้ของชินอ๋อง ทำให้นางยิ่งหวาดหวั่นว่าอาจทำเหอซั่วชินอ๋องกริ้วเข้าแล้ว

    แต่ชินอ๋องกลับนุ่มนวลยิ่งนัก เมื่อเพิ่งนึกได้ว่าหยิบแม่นางน้อยลอยติดมือมาก็จับวางลงเบาๆ เหมือนดังต้นไมยราบ นางรีบยอบกายขดตัวแทบเท้าทันทีแม้ยังไม่เคยพบเจอเหอซั่วชินหวังผู้ทรงอำนาจที่สุดในวังหลวงมาก่อน แต่เมื่อเห็นเค้าโครงหน้าสูงศักดิ์และสีตาอันเป็นเอกลักษณ์หล่อนย่อมรู้ว่านั่นคือพระญาติของฮ่องเต้เป็นแน่

    "ถวายพระพรแด่เหอซั่วชินหวังเจ้าค่ะ"

    เหล่าพระสนมขานพร้อมกัน ก้มต่ำคำนับหน้าแทบชิดพื้น ข้าวปั้นค่อนข้างขยาดกับวัฒนธรรมโบราณเหล่านี้ ครั้นจะสั่งห้ามก็ใช่ว่าตนจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จมาล้มล้างประเพณีวัฒนธรรมได้ในข้ามคืนจึงได้แต่อดทนเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น นัยน์ตาสีฟ้าของราชวงศ์กวาดไปมองหนุ่มน้อยหนึ่งเดียวของวังหลัง สำรวจใบหน้าคุ้นเคยไม่ต่างอะไรจากที่เขาเคยได้วาดเอาไว้นั้นชั่วครู่แล้วจึงหันมองนางสนมระดับสูงที่สุดในนี้

    "พระสนมจางเหลียงเหริน[2] อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดนี่ให้เราฟังได้หรือไม่"

    หวังจื้อหรงคั้นความทรงจำหาชื่อและตำแหน่งของแม่นางผู้นี้ก่อนเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเสียงแหบพร่านี้ก็ฝังความหวาดกลัวจะถูกลงโทษเข้าไปในก้นบึ้งจิตใจเหล่าพระสนม บ่าวรับใช้วังหลังจะวิ่งมาพลีกายหวังรับโทษแทนก็ถูกหยุดเอาไว้ที่เดิมด้วยสายตาเดียว

    จางเหลียงเหริน หรือจางฮวาหยาบุตรสาวคนเดียวของเสนาบดีกรมขุนนาง กำมือขาวผ่องแน่น นางหลับตาขมวดคิ้วราวกำลังข่มกระแสขมใจเอาไว้หนึ่งขุมในอก แม้นางจะเป็นพระสนมขั้นสูงที่สุดในวังหลังแห่งนี้ซ้ำยังเป็นถึงบุตรีของเสนาบดีกรมขุนนางแต่พระยศก็ไม่อาจเทียบพระญาติอย่างผู้สูงส่งตรงหน้าได้ ทุกการกระทำต่อชินอ๋องจึงแสดงออกอย่างเคารพที่สุด อ่อนน้อมที่สุด

    "กราบทูลเหอซั่วชินหวัง หม่อมฉันจำต้องดำเนินกิจกรรมเช่นนี้เพื่อความเป็นอยู่ของเหล่าพระสนมเพคะ"

    หวังจื้อหรงงุนงง "หมายความเช่นไร? เหตุตบตีเมื่อครู่แท้จริงแล้วเกิดจากความตั้งใจของพวกท่านหรือ?"

    นางลังเลเล็กน้อย ขบกัดริมฝีปากแต้มชาดบางเบา "เหอซั่วชินหวัง หม่อมฉันสาบานต่อฟ้าดินว่าสิ่งที่หม่อมฉันจะอธิบายต่อไปนี้เป็นความจริงทุกประการ เพียงแต่หม่อมฉันขอเพียงอย่างเดียวว่าพระองค์จะต้องสัญญาว่าหากพระองค์จะทรงลงโทษ ให้ทรงลงโทษเพียงหม่อมฉันเพียงผู้เดียวได้หรือไม่เพคะ"

    ".. พระสนมจางเหลียงเหริน"

    "เงียบเสีย"

    เสียงโต้แย้งต่อสัญญาที่จางเหลียงเหรินเสนอถูกเอ่ยแผ่วเบาแต่ก็ถูกจางเหลียงเหรินเอ็ดจนเงียบลง ข้าวปั้นไม่ได้คิดจะลงโทษใครอยู่แล้วแม้จะกำลังรับบทหวังจื้อหรงอยู่ก็ตามที เขาไม่ใช่คนซาดิสต์บ้าอำนาจ การสัญญาครั้งนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรจึงตอบคำโดยไม่ต้องคิดทบทวน

    "ได้"

    "เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ"

    นางโขกศีรษะหนึ่งหน ก่อนลุกขึ้นสั่งการให้บ่าวไพร่ทำการต้อนรับการมาของชินอ๋องอย่างดีที่สุด

    ซุ่นฉาง [1] - หนึ่งในตำแหน่งพระสนมขั้นตรีหรือชั้นล่างสุดในองค์จักรพรรดิ โดยอยู่ในลำดับขั้นที่13จากทั้งหมด14ขั้น มีศักดิ์เทียบเท่าขุนนางระดับข้าราชการกองบันทึกประวัติศาสตร์

    เหลียงเหริน [2] -  หนึ่งในตำแหน่งพระสนมชั้นโทหรือชั้นกลางในองค์จักรพรรดิ โดยอยู่ในลำดับขั้นที่ 10 จากทั้งหมด 14 ขั้น ซึ่งเทียบเท่าขุนนางระดับข้าราชการผู้ดูแลองค์รัชทายาท 

     

     

     

    บ่าวของนางนำหวังจื้อหรงไปที่เรือนรับรองโดยมีเหล่าพระสนมคนอื่นๆ เกือบสามสิบชีวิตตามต้อยมาจนถึงหน้าห้อง จางเหลียงเหรินขอเปิดบานประตูเอาไว้เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสที่นางมีต่อชินหวังและพระสนมอื่นๆ ไม่นานนักนางกำนัลผู้หนึ่งจึงเสิร์ฟน้ำชาร้อนและขนมให้ผู้สูงส่งด้วยมือสั่นมะล่อกมะแล่ก อู๋กงกงไม่ลืมหน้าที่หยิบเอาเข็มเงินจากแขนเสื้อมาแกว่งในชาจิ้มลงขนมอยู่หลายทีเพื่อทดสอบพิษ 

    แต่เมื่อได้ลองลิ้มรสแล้วลิ้นราชวงศ์ที่คุ้นเคยแต่ของดีของหวังจื้อหรงคนเก่าก็บ่งบอกให้ได้รับรู้ดั่งที่เขาเอะใจเอาไว้ ว่านี่ไม่ใช่ของคุณภาพสมเกียรติเหล่าดอกไม้แห่งวังหลวงเลยแม้แต่น้อย

    กระทั่งกาน้ำชาในมือเขายังเป็นของดาษดื่น

    ห้องรับรองตำหนักจางเหลียงเหรินเรียบง่ายไร้ของประดับสวยงาม มีเพียงเครื่องใช้จำเป็นไม่กี่อย่าง

    การแต่งกายเหล่าพระสนมเองก็ล้วนเรียบง่าย ดีกว่าบ่าวไพร่พวกเขาเพียงนิดเดียว

    เหล่าบริวารไม่คุ้นเคยต่อการปรนนิบัติผู้มีศักดิ์เหนือกว่าจางเหลียงเหรินอย่างเห็นได้ชัด

    เหล่านี้ล้วนต่างจากภาพพระสนมแต่งกายสวยงามที่เขาเคยเห็นในละครทีวีราวฟ้ากับเหว

    แต่สิ่งเดียวที่คล้ายกันคือการถูกลืมเลือนตัวตนไปจากความทรงจำของฮ่องเต้ไปโดยสิ้นเชิง

     

    จางเหลียงเหรินผู้เฉียบแล้วรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ชินอ๋องคิดนางขืนยิ้มออกมาบางเบา

    "เป็นดั่งที่สัมผัสเฉียบแหลมของพระองค์สัมผัสได้เพคะ นี่คือสำรับที่ดีที่สุดที่พวกหม่อมฉันจะนำมารองรับพระองค์ได้แล้ว ทั้งเรือนรับรองนี้ก็อาจไม่น่าดูเท่าใดนัก ได้โปรดชินอ๋องอย่าถือสา" นางสูดหายใจเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ "ดังที่พระองค์ทราบ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมิได้แต่งตั้งฮองเฮาอย่างเป็นทางการทั้งยังมิได้พึงใจต่อเหล่าพระสนมแม้แต่น้อย อนุภริยาที่สามีไม่รักใคร่เอ็นดูย่อมไร้ค่า ยิ่งเป็นอนุที่ถูกขายเป็นตุ๊กตาประดับเรือนแลกตำแหน่งยิ่งแล้วใหญ่"

    หวังจื้อหรงเขี่ยก้านใบชาคุณภาพต่ำด้วยฝาแก้ว ดูนิ่งสงบฟังพระสนมไม่คิดแทรก นางจึงเอ่ยต่อ

    "แต่เดิม เบี้ยเลี้ยงที่เหล่าพระสนมขั้นต่ำอย่างพวกพวกหม่อมฉันได้รับนั้นก็ไม่ได้มากอันใดอยู่แล้ว นำมาแบ่งบริวารยังไม่พอ ยิ่งฝ่าบาทไม่เหลียวแลเบี้ยเลี้ยงที่พวกหม่อมฉันยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ บิดามารดาตัดหางปล่อยวัดจึงไม่ส่งสินใดมาทบ และเมื่อย่างเข้าปีที่สี่ที่หม่อมฉันถูกยกเป็นพระสนม เบี้ยเลี้ยงก็ไม่ถูกส่งมาที่วังหลังอีก บ่าวบางส่วนทนลำบากไม่ได้ลอบหลบหนีออกไป ผู้ที่จงรักภักดีต่อคุณหนูคุณชายก็อยู่ต่อ

    แต่เหล่าพระสนมนั้นเมื่อก้าวเข้ามาแล้วมิอาจเยื้องย่างออกไปได้อีก หากไม่ตัดสินใจปลิดชีพตนก็จำต้องหาทางทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดภายในกรงสนิมเคลือบทองแห่งนี้อย่างสุดความสามารถ หม่อมฉันจึงสั่งให้บ่าวไพร่รวบรวมสินมีค่าทั้งหมดนำไปขายนอกวัง รวมทั้งเพาะดอกหมู่ตาน[3] หาเงินซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาแจกแจงเหล่าดรุณีน้อยผู้น่าสงสารเหล่านี้"

    หมู่ตาน [3] - หรือดอกโบตั๋น ในสมัยโบราณเป็นดอกไม้ที่นิยมเลี้ยงกันในหมูสังคมชนชั้นสูง ซื้อขายกันในราคาแพง โดยกวีสมัยราชวงศ์ถังนามไป๋จวีอี้ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า ดอกโบตั๋นเพียงไม่กี่ดอกยังมีมูลค่ามากกว่าเงินภาษีของชนชั้นกลางสิบคนเสียอีก

    นางมองออกไปยังนอกประตู เห็นสภาพอดีตลูกสาวขุนนางหรืออนุภรรยาเศรษฐีเก่าต่างแต่งตัวมอซอน้อมกายแนบพื้นแล้วกล้ำกลืนฝืนทนความโศกเศร้าในใจไม่ไหว 

    "ส่วนกิจกรรมที่หม่อมฉันติดค้างอธิบายท่านอยู่ มีเหตุมาจากการขัดสนเงินทองเช่นกัน

    ปกติแล้วทุกสิ้นเดือนจะเป็นเวลาที่หม่อมฉันจะแจกจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้เหล่าพระสนมไปแบ่งบ่าวตนใช้จ่ายในเดือนต่อไป ไม่ว่าใครจะตำแหน่งสูงหรือต่ำกว่ากันเบี้ยที่ได้รับก็เท่าเทียมอยู่ดี ทว่าดรุณีน้อยเหล่านี้ยังสาวนักจะอยากได้สินฟุ่มเฟือยเพิ่มเติมสักนิดมิใช่เรื่องผิด แต่หม่อมฉันก็มิอาจให้ไปเปล่าๆ ทุกคนได้ จึงได้จัดกิจกรรมแข่งกันแสดงความสามารถหกแขนง วาดภาพ เล่นดนตรี แต่งกลอน เล่นหมากล้อม และประการสุดท้ายคือประลองทักษะการต่อสู้ นอกจากเพื่อให้ได้รางวัลพิเศษแล้วยังจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เหล่าดรุณีน้อยสุขภาพดีทั้งกายและใจ โดยกิจกรรมนี้จะจัดขึ้นทุกๆครึ่งปี จัดขึ้นมาได้หกครั้งแล้วเจ้าค่ะ"

     

    สิ้นคำนั้นแล้วพลันห้องรับรองก็เงียบไป คนทุกผู้รอให้หวังจื้อหรงดื่มชาจนหมดแก้วอย่างใจจดใจจ่อ คาดหวังต่อสิ่งที่ชินอ๋องจะกระทำต่อไปกันทั้งสิ้น

    ระหว่างนี้ข้าวปั้นในร่างหวังจื้อหรงพูดอะไรไม่ออก ความสงสาร หงุดหงิด โกรธ และชื่นชมต่อจางเหลียงเหรินมันจุกแน่นอยู่ที่คอ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังรับฟังอะไรอยู่กันแน่ เรื่องราวของพระสนมในวังหลังหรือรายการปลดหนี้สู้ชีวิต เขาแยกไม่ออกแล้ว

    แต่ที่แน่ๆ คือเขากำลังไม่พอใจต่อพฤติกรรมไร้ความรับผิดชอบของไอ้พี่ใหญ่ของหวังจื้อหรงผู้นี้เป็นอย่างมาก

    เก่งนักเรื่องโยนขี้เนี่ย โยนไปทั่ว ทำคนเดือดร้อนไปทั่ว ไอ้เฮี้- ไอ้เฮียเอ๊ย เป็นพระเอกไปได้ยังไงวะ

    อยากตั๊นหน้าแม่งสักหมัดจริงๆ

     

    หวังจื้อหรงข่มใจไม่ให้กระแทกแก้วชาลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์และพยายามสอบถามอย่างใจเย็น

    "พระสนมจางท่านบอกว่ากิจกรรมนี้ถูกจัดขึ้นมาหกครั้งแล้ว แต่เหตุใดขันทีเฒ่าผู้นั้นถึงได้วิ่งแจ้นไปแจ้งเราว่าเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างพระสนมเล่า?"

    ขันทีเฒ่าและพระสนมหนุ่มหนึ่งเดียวสะดุ้งโหยง

    "เป็นเพราะขันทีเฒ่าผู้นั้นและนายของเขาเพิ่งเข้ามายังวังหลังได้เพียงสามวันเพคะ"

    อ้อ นายเอกเพิ่งมา แสดงว่าเพิ่งเริ่มได้ไม่กี่บทสินะ หวังจื้หรงพยักหน้ารับรู้

    "แล้วกิจกรรมนี้จำเป็นต้องเข้าร่วมทุกคนหรือไม่"

    "ไม่เจ้าค่ะ แล้วแต่ความสมัครใจรายบุคคล อยากเข้าร่วมกิจกรรมใดก็ได้ทุกรายการแข่งมีเงินรางวัลให้แก่ผู้ชนะเล็กน้อยทุกประการเจ้าค่ะ"

    หวังจื้อหรงเงียบไปอีกครั้งทิ้งบรรยากาศน่าอึดอัดไว้รอบกาย เหล่าพระสนมแทบจะกลั้นหายใจเพื่อไม่ให้เสียหายใจของตนดังรบกวนความเงียบอย่างยิ่งยวดของเหอซั่วชินหวังผู้นี้ 

     

    ทันใดหัวอันสูงส่งของผู้เป็นรองคนคนเพียงหนึ่งเดียวกลับค้อมลงอย่างนอบน้อมที่สุด ไร้แววถือตัวที่สุด

    ทุกผู้ ณ ที่นี้ตาโต ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ตนได้เห็นอีกต่อไป

    "ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งผู้ดูแลราชกิจส่วนใหญ่ในวังและนอกวัง เราขอยอมรับความสะเพร่าของตนเองที่ไม่อาจตรวจสอบความโปร่งใสได้ทั่วถึงจนทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนเช่นนี้ .... เป็นเราที่ไม่ดีทั้งสิ้นที่ไม่กำชับข้าราชการใต้อานัตให้ดี"

    "ชินอ๋อง..."

    "พระสนมจางโปรดวางใจ หลังกลับตำหนักไปเราจะเร่งตรวจสอบเรื่องนี้และนำไปเสนอในที่ประชุมให้เร็วที่สุด"

    "เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนักเพคะ"

    ชินอ๋องผงกหัว เบนสายตาออกไปมองนอกหน้าประตู

    "นี่เริ่มมืดแล้ว บุรุษอย่างข้าอยู่ที่นี่ต่ออาจไม่ดี ขอตัวก่อน"

     

    ไพร่ฟ้าหน้าดำรู้ว่าชินอ๋องผู้นี้คำพูดเปรียบได้ดั่งทอง วาจาเปรียบได้ดั่งหยก เพียงได้ยินก็เกิดตื้นตัน พลันน้ำตาจึงรินไหลออกมาแม้กระทั่งจางเหลียงเหรินผู้เข้มแข็งยังไม่อาจอดกลั้นหลั่งน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ มองความหวังเดินได้ผู้สูงส่งตรงหน้า

    พอหวังจื้อหรงลุก ทุกคนก็ลุกตาม พระสนมส่วนใหญ่ร้องห่มร้องไห้กันไม่หยุด เท้าเดินตามปากก็พูดขอบคุณๆๆจนเหมือนพูดเป็นอยู่คำเดียว หวังจื้อหรงกลัวจีนมุงหน้าประตูไกลๆ จะเห็นภาพเหอซั่วชินหวังออกมาจากวังหลังพร้อมกับเหล่าพระสนมที่ร้องไห้กันตาปูดตาบวมเดินตามกันมาเป็นขบวนลูกเป็ดแล้วจะกลายเป็นข้อครหาใหญ่หลวง จึงยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ต้องมาส่ง เขาและอู๋กงกงจะออกไปกันด้วยตนเอง

    จังหวะนั้นหวังจื้อหรงสาบานต่อฟ้าดิน ว่าเขาแอบเห็นประกายประหลาดในตาไอ้เด็กนายเอกนั่นแวบๆ

    เขาขนลุกซู่ ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้มันเกิดความคิดประหลาดในหัวไอ้เด็กนั่นเลย

     

     

     

     

    เมื่อกลับมาถึงตำหนัก อาการประชวรของชินอ๋องก็ทรุดหนักลงด้วยเหตุจากการตรากตรำทำงานและวิ่งเต้นไปทั่ววังตั้งแต่คืนก่อนมาจนถึงคืนนี้ หนนี้อู๋กงกงไม่ปล่อยให้นายเหนือหัวตนดื้อดึงอีกแล้วเมื่อกลับมาชินอ๋องก็น้ำมูกไหลเป็นทะเล ทั้งไอทั้งจามนับครั้งไม่ถ้วนในหนึ่งเค่อ อู๋กงกงจึงริบเอาเหล่ากระดาษ พู่กัน หมึก แม้กระทั่งหนังสือออกจากห้องจนเกลี้ยง กำชับให้ชินอ๋องนอนติดเตียงห้ามขยับไปไหน และห่มผ้าฟูฟ่องจนชินอ๋องกลางเป็นก้อนสีขาวติดเตียงอีกครั้ง

    ซึ่งรอบนี้เหมือนก้อนหมั่นโถวอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

     

    แสงเทียนในห้องริบหรี่ ก้อนชินอ๋องร้อนระอุตาปรือเหม่อมองไปรอบห้องด้วยพิษไข้

    แม้หวังจื้อหรงคนเก่าจะไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยทั้งยังเรียบง่ายยิ่งกว่าขุนนางใหญ่บางคน แต่อย่างไรเชื้อพระวงศ์ก็เป็นเชื้อพระวงศ์ ของที่ใช้ทุกอย่างบ่าวไพร่ย่อมจัดหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้อยู่แล้ว สุดท้ายในคำว่าเรียบง่ายนั้นก็ยังติดคำว่าหรูหราอยู่ดี

    เมื่อเทียบกันกับเหล่าพระสนมที่หลายคนคิดว่าเป็นตำแหน่งอันหรูหราฟุ่มเฟือย แต่ในความจริงหญิงสาวในวังหลังนั้นมีชีวิตแล้งแค้นยิ่งกว่าเหล่าพ่อค้าชั้นล่างเสียอีกนั่นก็ทำให้ข้าวปั้นรู้สึกเจ็บใจอย่างประหลาด

    นึกถึงท่าทางดีใจของเหล่าพระสนมพวกนั้น ดูก็รู้ว่าเชื่อใจหวังจื้อหรงคนนี้เหลือเกินว่าจะช่วยให้อนาคตของพวกเธอสดใสขึ้นมาได้บ้าง ... แต่ข้าวปั้นในร่างของหวังจื้อหรงไม่ได้มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่นัก

    ในอดีตสมัยที่ยังเป็นฟรีแลนซ์นั้นเขาได้แต่มองปัญหาเหล่านี้ผ่านตามามาก แต่ไม่อาจเข้าช่วยแก้ไขใดได้

    เพราะเขาก็แค่มนุษย์เดินดินธรรมดา ไร้เงินทอง ชื่อเสียง หน้าตา และพื้นที่ยืนในสังคม

    แต่ก็คิดว่าในเมื่อมีอำนาจและกำลังทรัพย์มากพอให้ช่วยเหลือคนอื่นได้โดยไม่ขัดสนแล้ว เขาก็อยากช่วยหญิงสาวพวกนั้นให้ได้สุดความสามารถสักตั้งดูเหมือนกัน ดูเอาว่าจะไหวไหม หากไม่ไหวแสดงว่าภาระหน้าที่อื่นที่หวังจื้อหรงคนก่อนเคยแบกเอาไว้ ก็อาจจะไม่ไหวเช่นเดียวกัน

     

    หวังจื้อหลงปรือตาลงปิดทับดวงตาสีฟ้ากระจ่างเพื่อเรียบเรียงสิ่งที่เขาคิดจะทำต่อไป

     

    อู๋กงกงมองชินอ๋องอยู่นาน ใบหน้าเยือกเย็นแม้ในยามป่วยไข้นั้นฉายแววผิดปกติเล็กน้อย อู๋กงกงจึงอุปโลกน์ไปก่อนว่าชินอ๋องคงกำลังนึกถึงเรื่องวังหลังอยู่เป็นแน่

    "ชินอ๋อง"

    อาการเจ็บคอรุนแรงขึ้น ชินอ๋องผู้นี้จึงประหยัดคำกว่าเก่า "หืม"

    "กระหม่อมขอทูลถามบางสิ่งได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

    "อืม"

    "เหตุใด.. พระองค์ถึงได้รับปากว่าจะช่วยเหลือวังหลังหรือพ่ะย่ะค่ะ" ... ไม่ใช่ว่าพระองค์ไม่สนใจเรื่องชาวบ้านมุ่งแต่จะทำงานส่วนพระองค์หรือ

    หวังจื้อหรงรู้ว่าประโยคที่อู๋กงกงพูดไม่หมดคืออะไรจึงนิ่งไปสักพัก แล้วเอ่ยทั้งหลับตาอยู่อย่างนั้น

    "สิ่งนี้ก็ถือว่าเป็นงานมิใช่หรือ"

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×