ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่เป็นชินอ๋องทั้งทีไม่ขอเป็นพระรองได้ไหมครับ?

    ลำดับตอนที่ #2 : 2 อยากหวนคืนสู่วิถีกุ้งต้ม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63
      0
      4 ส.ค. 64


     

    ร่างหนึ่งถูกห่อหุ้มด้วยผ้านวมผืนหนาจนตัวกลมนั่งอยู่บนตั่งมู่ฉวง[1]ปูเบาะหนานุ่มอย่างสงบนิ่ง อีกหลายร่างวิ่งวุ่นพยายามทำทุกอย่างให้ผู้สูงส่งตัวกลมฟูไม่จับไข้

    แม้เข้าฤดูร้อนแล้วแต่อากาศในวังหลวงยังมีลมหนาวพัดผ่านบ้างประปราย น้ำในบึงบัวจับลมก็เย็นเฉียบ การที่ชินอ๋องของพวกเขาทรงทุ่มตัวลงไปจนน้ำมิดพระเศียรเช่นนี้ ไม่ว่าเหตุเกิดจากพระองค์จะทรงทุ่มตัวลงไปเองหรือผู้ใดทำให้พระองค์ทรงร่วงลงไปก็ตาม ทว่าหากผู้สูงส่งผู้นั้นเกิดประชวรหนักขึ้นมา

    อย่างไรคนที่ซวยก็คือบ่าวไพร่ทั้งตำหนัก

    หลังทรงหายประชวรย่อมสำเร็จโทษบ่าวไพร่ผู้สะเพร่าทั้งหลายเป็นแน่

    หวังจื้อหรงเหอซั่วชินหวัง แม้เป็นคนเยือกเย็น สงบนิ่ง มั่นคง ดั่งภูเขาหิมะตั้งตระหง่านนับพันปีเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์และพันธุ์พืชนานาประการ ทว่าสายตาเองเฉียบคมเด็ดขาดยิ่งนัก ความผิดเล็กน้อยชินอ๋องผู้นั้นไม่เคยคิดปล่อยผ่าน จัดการลงโทษตามกฎเกณฑ์ไม่ละเว้นผู้ใดไม่รับสินบนผู้ใดอย่างเที่ยงธรรม โดยไม่มีผู้ใดบังอาจคัดค้านความเด็ดขาดนี้ได้

    ขุนนางในวังสามารถเอ่ยได้เต็มปากโดยไม่กลัวหัวขาดว่า แม้แต่ฮ่องเต้ยังมิอาจเทียบบารมีของเหอซั่วชินหวังได้

    ถึงพวกเขาจะกัดฟันพูดก็เถิด

    กิจการใดๆ โครงการใดๆ ในรั้วราชสำนักและนอกราชสำนัก ล้วนมีหวังจื้อหรงเหอซั่วชินหวังควบคุมกอบกุมอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ในมือ อย่างกับว่าชินอ๋องเป็นฮ่องเต้เองอย่างไรอย่างนั้น

    เหตุผลการมาของอำนาจราวลูกไก่ในกำมือไม่ได้ซับซ้อนอันใดนัก เหอซั่วชินหวังมิได้คิดฮุบอำนาจ มิได้ตะล่อมฮ่องเต้ชักใยเบื้องหลัง มิได้ใช้วิธีสกปรกอันใดแม้แต่น้อย

    แต่ไอ้พี่ใหญ่ฮ่องเต้แม่งไม่เต็มใจรับตำแหน่งต่อจากพ่อแม่ที่ถูกลอบสังหาร งอแงไม่ว่าราชการมานานนับปี มิมีใจปกครองบ้านเมือง ทำตัวเหมือนลูกชายมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อน้ำมันแต่ดันบริหารอะไรไม่เป็น เลยนอนกินบำนาญอยู่บนตำแหน่งสูงส่งไปวันๆ รอความตาย ขุนนางคนไหนเสนอลูกสาวเสนออนุตนมาแลกตำแหน่งก็รับมาส่งๆ ให้ตำแหน่งไปส่งๆ ไม่คิดตรวจคุณสมบัติใด เป็นเหตุให้เกิดตำแหน่งขุนนางพระราชทานไร้ประโยชน์จำนวนมหาศาล นางสนมมหาศาล งบประมาณในวังหลวงจำเป็นต้องเพิ่มสัดส่วนภาษีขึ้นมาอีกหนึ่งเท่าตัว ลำบากราษฎรทั่วแว่นแคว้นที่ต้องมารับผิดชอบการกระทำน่าตายของโอรสสวรรค์

    แล้วใครที่ต้องดูแลขี้ที่ไอ้พี่ใหญ่มันโยนระเกะระกะไปทั่วอย่างนี้น่ะหรือ

    ก็น้องรองอย่างหวังจื้อหรงเหอซั่วชินหวังผู้ไม่มีแม้แต่ทางเลือกนี้นี่แหละ

    ทุกคนรู้ ประชาชนรู้ ว่าหากไม่มีเหอซั่วชินหวัง รัชศกหวังก็อาจล่มสลายไปแล้ว

    ฮ่องเต้เหลวแหลก ตัวหลัวจวิ้นหวัง(องค์ชายสาม)ประชวรหนักไม่อาจรักษาให้หายขาด ตัวหลัวเป้ยเล่อ(องค์ชายสี่)เสเพลกินเที่ยวไปวันๆ กู้หลุนกงจู่(องค์หญิงห้า)เป็นหญิงไม่อาจคิดครอบครองบัลลังก์มังกรแม้แต่เสี้ยว

    เหล่าพระญาติล้วนเป็นดังนี้มีหรือจะมีทางเลือกใดได้อีก ขุนนางไร้ประโยชน์ กรมวังไม่อาจไว้ใจ สุดท้ายมีเพียงหวังจื้อหรงเหอซั่วชินหวังตรากตรำทำงานผู้เดียว ส่งผลให้ชาวประชาร้องระงมว่าผีห่าตนไหนเข้าฝันฮ่องเต้องค์ก่อนให้พระราชทานตำแหน่งองค์รัชทายาทแก่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน มิใช่ให้ชินอ๋องผู้น่าสงสารกันหนอ

    คิดแล้วก็รู้สึกขมใจไล่มาถึงคอ ได้แต่นั่งหน้าซีดมองภาระหน้าที่หนักอึ้งเท่าผืนดินถมอยู่บนบ่า
     

    แล้วนายพงศธร แซ่เฉินในร่างสะโอดสะองนี้รู้เรื่องทั้งหมดได้อย่างไรน่ะหรือ

    ก็หลังจุ่มน้ำเย็นๆ ไปทั่วตัวเปียกโชกไปถึงสมอง จิตนึกคิดจึงปลอดโปร่งพอให้เหล่าความทรงจำของหวังจื้อหรงเหอซั่วชินหวังมีโอกาสได้ไหลเข้ามาประสมโรงเสียที นายข้าวปั้นจึงได้แต่นั่งตัวสั่นจากความหนักอึ้งของภาระที่จำต้องแบกรับในอนาคตอยู่อย่างนี้

    ดีทุกอย่างทั้งฐานะ หน้าตา หลังไม่ปวด ไหล่ไม่ตึง กระดูกไม่คด เสียอย่างเดียวคือชะตาชีวิตดูไม่น่ายืนยาวหมื่นปี หมื่นหมื่นปีสักเท่าไหร่ ท่าทางว่าชิงอ๋องผู้นี้มีศัตรูไม่น้อยแน่ เผลอๆ นักวาดฟรีแลนซ์ผู้ไม่มีประสบการณ์เอาตัวรอดในวังหลวงเลยสักกระผีกอาจอยู่ไม่พ้นคืนนี้ก็เป็นไปได้

    ข้าวปั้นไม่เคยอ่านซีรีส์นิยายที่ตัวเองหลุดเข้ามาเลยสักบรรทัด ซ้ำแล้วทั้งชีวิตเคยดูแต่โฆษณาเซียงเพียวอิ๊วกับซีรีส์กระบี่ไร้เทียมทาน สิ่งที่ได้เรียนรู้มาก็มีแค่ท่าวิทยายุทธปลอมๆ กับเพลงประกอบซีรี่ย์เท่านั้น จะเอาอะไรไปสู้เหล่าพระญาติอนาคตพระเอกนายเอกสปินออฟพวกนั้นได้วะ!!

    นึกถึงภาพแต่ละภาพที่ถูกจ้างวานวาดแล้วหน้าหล่อเหลาของชินอ๋องยิ่งซีดขาวกว่าหยกมันแพะ

    โคมม้าวิ่งในหัวทำงานอีกครั้ง จะกี่ภาพต่อกี่ภาพ ชินอ๋องผู้น่าสงสารเหนื่อยจากการทำงานยังไม่พอดันบังเอิญไปเข้าซีนให้นายเอกพระเอกเขาผิดใจกันอยู่ร่ำไป จนภาพสุดท้ายที่เขากำลังวาดนั่นแหละข้าวปั้นก็พอเดาได้ว่าไปชินอ๋องคงยุ่งกับผัวเมียชาวบ้านเขาเกินเหตุกระบี่จึงได้จ่อคอหอยอยู่อย่างนั้น

    ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่เป็นแล้วชินอ๋องคนใหญ่คนโต

    กูอยากกลับไปเป็นกุ้งต้ม จะหลังขดหลังแข็งวาดอีกกี่ปกก็มาเถอะพี่จ๋า แต่เอากูกลับไปเป็นกุ้งที ฮือๆๆๆๆ

     [1] มู่ฉวง- ตั่งนอนไม้โบราณ

     
     

    ทุกการกระตุกเล็กน้อยของคิ้วหงส์ ทุกเม็ดเหงื่อบนใบหน้า ร่างกายสั่นราวลูกนก ท่าทางกล้ำกลืนอย่างคนใบ้กินบอระเพ็ด ขมแต่พูดไม่ออก[2]นั้นล้วนอยู่ในสายตาของกงกงผู้ใกล้ชิดพระองค์ที่สุดทั้งหมด ขันทีหนุ่มผู้นั้นแม้ตัวเองก็เปียกปอนพอกันแต่ก็เป็นกังวลเจ้าเหนือหัวตนเองยิ่งนัก จากยอบกายอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล บัดนี้ขยับเข้าใกล้เข้ามาอีกหนึ่งชุ่น
     

    "ระหว่างนี้กระหม่อมได้สั่งคนให้เตรียมพระกระยาหารและพระโอสถอุ่นๆมาถวายแล้ว โปรดทรงเอนพระวรกายลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

    "..." ชินอ๋องสูดน้ำมูกใสไหลย้อยหนึ่งที กงกงผู้นั้นก็รีบถลานำผ้าเช็ดพระพักตร์เนื้อดีมาจ่อจมูกให้ทันที

    "สั่งเลยพ่ะย่ะค่ะ สั่งใส่ผ้านี้เลย แต่หลังจากนี้ชินอ๋องทรงพักผ่อนเสียหน่อยเถิด ดูท่าว่าไข้จะจับพระองค์เสียแล้ว"

    นัยน์ตาสีฟ้ากระกระจ่างสัญลักษณ์ของราชวงศ์ตวัดมองขันทีผู้นั้นทันที เห็นดังนั้นกงกงจึงสะดุ้งถอยหลังหมอบต่ำลงไม่อาจสบตาได้ จึงไม่อาจเห็นดวงตาเรียวคมนั้นมองตนเองอย่างพินิจพิจารณา

    "..." เจ้าขันทีนี่หน้าตาคมคายใช้ได้ กล้ามเนื้อแน่นหนึบ อายุก็คงไม่เกิน25 ขนาดถูกตอนน้องชายไปแล้วยังมีกลิ่นอายหนุ่มฉกรรจ์มาดแมนขนาดนี้ จะมีโอกาสหลุดไปอยู่ในสปินออฟไหนในอนาคตไหมนะ

    พวกรักต้องห้ามงี้?

    "ชินอ๋อง โปรดอย่าดุด่าว่ากระหม่อมยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่กระหม่อมทราบว่าพระองค์อาจเป็นกังวลว่าการขอเข้าเฝ้าของมหาเสนาบดีอาจเป็นการตรวจสอบการทำงานของพระองค์ว่าโปร่งใสหรือไม่ แต่กระหม่อมอยู่ข้างกายพระองค์มาตลอดย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าแท้จริงแล้วประสงค์ของพระองค์เป็นเช่นไร พระองค์มิใช่พวกมิอาจแยกแยะเขียวแดงดำขาว[3] ดังนั้นโปรดอย่าได้เป็นกังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ"

    "..." พี่เปล่ากลัวเขาหาว่าพี่คอร์รัปชัน พี่แค่กลัวโดนปักธงตาย

    "เพราะฉะนั้น ชินอ๋อง.."

    "อย่าพล่ามให้มากนักอู๋กงกง"

    ข้าวปั้นแสร้งทดลองกดคิ้วขมวด ส่งเสียงแหบแห้งเอ่ยบทพูดในความทรงจำของชินอ๋องคนเก่าออกมา เท่านั้นก็สร้างความกดดันต่ออู๋กงกงจนไม่กล้าแม้แต่จะโงหัวได้แล้ว ข้าวปั้นตาโต ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความประหลาดใจ

    ไอ้ก้อนผ้าห่มขาวนั่งน้ำมูกย้อยนี่ดูน่ากลัวตรงไหนวะเนี่ย

    "ออกไป ข้าจะพักผ่อน" ข้าวปั้นในร่างหวังจื้อหรงค่อยๆเอนตัวลงกับตั่งนอน รักษากิริยาให้เยือกเย็นที่สุดแม้จะถูกห่อเป็นก้อนหมั่นโถว คีพคาร์ คีพคาร์ จะหลุดโป๊ะไม่ได้

    "เช่นนั้นกระหม่อมจะกลับมาอีกครั้งในยามโหย่ว[4]พร้อมพระกระยาหารนะพ่ะย่ะค่ะ"

    "..."

    "ขออวยพรให้พระองค์หายประชวรในเร็ววันพ่ะย่ะค่ะ"

    ร่างบนตั่งไม่ตอบอันใดอีก พลิกกายหันแผ่นหลังกว้างสู้โลกใบนี้ เบื้องหน้าขดซุกเข้ามุมตั่งราวหาไออุ่นจากตั่งเตียงเยือกเย็น ส่งเสียงคัดจมูกออกมาเบาหวิว เรียกเอากระแสขมใจขึ้นมาแก่อู๋กงกงกระแสหนึ่ง

    ชินอ๋องไม่เคยนอนขดตัว ไม่แม้แต่จะพยายามซุกตัวเข้ามุมตั่งด้วยซ้ำ

    ขันทีหนุ่มกำหมัดแน่นใต้ชายเสื้อยาว สายตาฉายแววสับสนบางสิ่งอยู่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะยอบกายถอยออกจากห้องบรรทมอย่างนอบน้อมที่สุดแม้เจ้าเหนือหัวตนมองไม่เห็น

     

    โดยหารู้ไม่เลยว่าผู้ที่สร้างอารมณ์สงสารให้แก่ตนกำลังนอนแทะเล็บคิดหาวิธีหลบหนีจากธงตายและหลีกเลี่ยงเหล่าเหตุการณ์ผิดใจตามประสานิยายรักชายชายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

    [2] คนใบ้กินบอระเพ็ด ขมแต่พูดไม่ออก- ทุกข์ใจอย่างหนักแต่ไม่อาจแสดงออกมาได้
    [3] มิอาจแยกแยะเขียวแดงดำขาว - ไม่รู้จักแยกแยะดีหรือชั่ว
    [4] ยามโหย่ว - ช่วงเวลาตั้งแต่ 17:00 น. - 18:59 น.

     

     

     

    วันต่อมาข่าวลือแพร่สะพัดทั่วทั้งราชสำนักว่าเหอซั่วชินหวังคิดปลิดชีพตนเองด้วยการกระโดดลงบึงบัวหลีกหนีจากความเครียดต่อภาระทั้งสิ้นบนบ่า แต่ไม่สามารถสำเร็จตามประสงค์ได้เมื่ออยู่ภายใต้สายตาของบ่าวไพร่จนเกิดประชวรหนักไม่สามารถว่าราชการใดได้ชั่วคราว

    ขาดหางเสืออย่างเหอซั่วชินหวังไปแล้วขุนนางบางส่วนขาดแรงจูงใจการทำงาน เพราะนอกเหนือจากชินอ๋องแล้วเหล่าพระญาติก็คงไม่มีองค์ได้เข้าร่วมองค์ประชุม งานประชุมว่าราชการประจำสัปดาห์จึงถูกเลื่อนไปจนกว่าชินอ๋องจะหายจากการประชวร

    ข่าวลือนี้แตกผลกระทบออกเป็นสองสาย

    สายหนึ่งเป็นขุนนางน้ำดีจากหลักฐานความทรงจำของหวังจื้อหรงคนเก่า เหล่านั้นโอดครวญตัดพ้อว่าภาระหนักอึ้งเหล่านี้ลำพังเหอซั่วชินหวังผู้เดียวอาจไม่สามารถแบกรับต่อไปได้อีก เช่นนั้นแล้วผู้ใดจะควรค่าแก่การไว้ใจจะรับช่วงต่อได้ ย่อมไม่มี ไม่มีอีกแล้ว จึงเรียกร้องให้เพิ่มจำนวนบ่าวไพร่ในเรือนเพื่อจับตาดูแลเหอซั่วชินอ๋องอย่างแน่นหนา กองกำลังคุ้มกันก็ควรจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวหนึ่งด้วย

    สายนี้เมื่อถึงหูชินอ๋องผู้นอนซมอยู่แต่ในตำหนัก ข้อเสนอแนะก็ถูกปัดตกทันที พร้อมคำตอบรับว่าสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินโดยใช่เหตุ

    สายที่สองเป็นสายของขุนนางขั้นสูงเป็นส่วนใหญ่ ดูรื่นเริงกันจนออกหน้าออกตา ดูก็รู้ว่าเป็นสายที่หวังหลอกใช้ฮ่องเต้ไม่ได้ความผู้นี้เป็นเครื่องมือ รอคอยวันเวลาที่คานอำนาจใหญ่จะหายไป แล้วมั่นหน้ามั่นโหนกสวมรอยขึ้นเป็นคานอำนาจคานใหญ่ด้วยตัวเอง

    สายนี้ชินอ๋องไม่เก็บมาใส่ใจ น่าจะด้วยรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองคงไม่ตายในเร็ววันจากไข้หวัดเล็กน้อยเป็นแน่ จึงไม่กังวลต่อแผนชิงอำนาจนี้นัก แต่วันใดขุนนางเหล่านั้นเกิดกินดีหมีหัวใจเสือลอบสังหารชินอ๋องสายบุ๋นผู้นี้เมื่อไหร่ ชินอ๋องผู้นี้ก็ไม่แน่ใจว่าตนเองจะสามารถอยู่รอดได้เกินครึ่งวันหรือไม่เหมือนกัน

     

     

    อย่างไรเสียนี่ก็เป็นครั้งแรกที่หวังจื้อหรงเหอซั่วชินหวังล้มหมอนนอนเสื่อจนถึงขั้นต้องหยุดราชการเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่เหล่าบุคลากรในราชสำนักจะกระสับกระส่ายกับอีแค่การที่ชินอ๋องประชวรต่อให้จะป็นขุนนางฝ่ายเลวก็ตามที

    ของขวัญอวยพรจำนวนมากถูกส่งมาถึงตำหนัก ทั้งโอสถน้ำ โอสถลูกกลอน โสมขาว ไก่ดำไท่เหอ ผ้าแพร สินฟุ่มเฟือยใดๆ กระทั่งทั้งหรูอี้[5]หยกประดับพลอยราคาแพงต่างถูกส่งมาไม่หยุดหย่อนทำเอาไม่แน่ใจว่ากำลังถูกอวยพรให้หายจากอาการประชวรหรือกำลังเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ไม่มีชินอ๋องมาขัดขวางเรื่องการเมืองได้สักพักกันแน่

    ชินอ๋องฟังความทั้งหมดจากอู๋กงกงแล้วจึงพยักหน้ารับรู้ สั่งให้นำของขวัญที่เป็นเครื่องบริโภคไปเผาทิ้งให้สิ้นโดยที่สายตาไม่ละออกจากตัวอักษรในเล่มหนังสือ บรรยากาศเยือกเย็นรอบกายไม่อาจถูกบ่อนทำลายลงได้แม้ทั้งร่างฝังอยู่ใต้ผืนผ้านวมหนา ไหล่ห่มหุ้มด้วยผ้าห่มขนสัตว์ผืนใหญ่โดยมีโต๊ะทำงานวางคร่อมอยู่บนตัก เอกสารบันทึกการทำงานในราชสำนักมากมายยามถูกอ่านจนหมดเล่มก็ถูกโยนทิ้งระเกะระกะเต็มตั่งนอนไปหมด

    คืนก่อนชินอ๋องหลับไปไม่นานก็เบิกตาโพล่งขึ้นมากลางดึกขณะที่อู๋กงกงกำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ ทำเอาอู๋กงกงถอยกรูดออกไปแทบไม่ทันหลังกระแทกฉากกั้นไม้หรูหรา ร่วงทับหัวจนเสี้ยวหน้าผากงามฝั่งหนึ่งปูดแดง ตื่นแล้วก็ไม่คิดจะสนใจก้อนปูดนั้นแต่สั่งให้นำบันทึกราชกิจในวังหลวงตั้งแต่รัชสมัยที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเพิ่งขึ้นครองราชออกมาให้ตนตรวจสอบทบทวนใหม่ทันที ดึกดื่นคืนนั้นเหล่าบริวารในตำหนักชินอ๋องจึงได้วิ่งพล่านกันทั่ววังเพียงเพื่อสนองความต้องการของชินอ๋องผู้เกิดอยากทรงงานเอากลางดึก

    อู๋กงกงเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากขินอ๋องผู้ทำงานไม่เป็นเวลามากที่สุด แต่รายนี้ไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยล้าใดบนใบหน้า กระโดดลงน้ำไปช่วยชินอ๋องก็ไม่ยักจะป่วยไข้อย่างนาย ยังคงอยู่ปรนนิบัติเคียงข้างชินอ๋องไม่ไปไหนเป็นเงาตามตัว

    "ชินอ๋องทรงสัญญากับกระหม่อมว่าหากจบเล่มที่แล้วจะหยุดพักไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ" ขันทีหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจดจ้องชินอ๋องอยู่นานแล้ว

    "อีกเล่มเดียว อย่าพูดมาก เร่งมือฝนหมึกให้ข้าเสีย"

    "เล่มที่แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเช่นนี้"

    "อู๋กงกงเจ้าลืมอันใดไปหรือไม่"

    "กระหม่อมลืมอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

    "ลืมไปว่าเจ้าไม่มีสิทธิ์มาบ่นข้า"

    ขันทีหนุ่มสงบปากสงบคำทันที เร่งฝนหมึกแดงสีชาดเตรียมไว้ให้ชินอ๋องจนมือแดงไปหมด ชินอ๋องไม่คิดจะสนใจยังคงก้มหน้าก้มตาศึกษาบันทึกต่อ บางหนก็นำหมึกแดงที่มาขีดเขียนบ้าง วงกลมบ้าง ขีดฆ่าบนหน้ากระดาษบ้าง ยามน้ำมูกไหลอู๋กงกงก็เข้าเช็ด นานๆ ทีจะยื่นหลังมือสัมผัสพระพักตร์เพื่อวัดไข้ ยามถึงเวลาพระกระยาหารอู๋กงกงก็นั่งใช้ช้อนเงินคนซ้ำๆ อยู่หลายหน เมื่อแน่ใจว่าไม่มียาพิษแน่จึงบรรจงใช้ช้อนทองป้อนชายผู้ไม่เคยเงยหน้ามองเขามาตั้งแต่เมื่อคืนทีละคำ เป็นกิริยาวนเวียนเช่นนี้ติดต่อกันมาหลายชั่วยามแล้ว แต่ชินอ๋องก็ไม่หยุดพักเสียที

    ข้าวปั้นไม่เคยมีใครดูแลปรนนิบัติใกล้ชิดอย่างดีแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เด็กจนโต แม้ในใจจะรู้สึกนุ่มฟูขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่อาจเมินเฉยต่อก้อนหนักอึ้งยิ่งกว่าที่ทาบทับกระแสอ่อนโยนในใจได้ ทุกการกระทำที่อู๋กงกงทำจึงส่งผลต่อเขาไม่ต่างอะไรกับส่งผลต่อชินอ๋องคนเก่า

    หน้าที่คือหน้าที่

    ภาระหน้าที่ทำให้ข้าวปั้นเมินเฉยต่อการปรนนิบัติของอู๋กงกงโดยสมบูรณ์

    [5] หรูอี้ - คฑาชนิดหนึ่งซึ่งใช้เป็นของขวัญอวยพรเนื่องในวาระโอกาสสำคัญต่างๆ ส่วนใหญ่เมื่อได้รับมาจะนำมาตั้งประดับไว้ในเรือนเพื่อแสดงฐานะ วัสดุที่ใช้ทำหรูอี้นั้นมีหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุมีค่าต่างๆ เช่น หยก ทอง สำริด เครื่องแก้ว ฯลฯ

     

     

     

     

    ชินอ๋องทรงงานหนักจนไม่สามารถแบ่งความสนใจไปให้สิ่งอื่นใดได้แม้กระทั่งสุขภาพกายของตัวเอง บ่าวไพร่ทุกหัวในตำหนักรู้ความจริงข้อนี้ดี

    แต่ยิ่งชินอ๋องประชวรหนักหลังพยายามปลิดชีพตนเองไปแล้วหนหนึ่งแต่ก็ไม่อาจหยุดทรงงานเช่นนี้ก็ทำเอาบ่าวไพร่จิตใจหลอมเหลว ตั้งแต่รวมรวมบันทึกราชกิจเสร็จก็พากันมานั่งกองหมอมกราบสะอืึกสะอื้นอยู่หน้าประตูห้องบรรทมไม่ไปไหน ฟังเสียงพระกาสะ[6]และเสียงพระปินาสะ[7]ระคนเสียงตรัสสั่งงานกงกงคนสนิทภายในห้องคละเคล้ากันไปแผ่วเบา

    ทว่าไม่มีผู้ใดรู้ ว่าวิญญาณหนุ่มนักวาดฟรีแลนซ์คิดศึกษางานไปเพื่อรักษาชีวิตตัวเองคนเดียวเท่านั้น

    ไม่ได้คิดทรงงานเพื่อประโยชน์ของราษฎรเลยแม้แต่เสี้ยว

    หึ คิดว่าพี่จะงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ทำอะไรไม่เป็นแล้วรอให้พวกขุนนางฝ่ายดีคิดโค่นล้มราชสำนักแล้วปักธงตายใส่หัวพี่หรอครับ

    ฝันไปเถอะ!!!

    [6] พระกาสะ - ไอ [7] พระปินาสะ - จาม

     

     

     

     

    บันทึกราชกิจเล่มสุดท้ายถูกปิดลงพร้อมกับพู่กันขนมิงค์นุ่มนวลถูกแขวนกลับคืนที่ อู๋กงกงรีบเรียกนางกำนัลหน้าห้องให้มายกโต๊ะทำงานและชุดพู่กันไปเก็บทันที

    เข้ายามเซินแล้วดวงอาทิตย์ยังไม่ถึงเวลาร่วงหล่นไปไหน นักวาดฟรีแลนซ์คนนี้แต่เดิมที่หากไม่มีงานให้ทำก็จะหากิจกรรมอื่นมาสร้างความบันเทิงแก่ตนเอง บัดนี้เขาเบื่อยิ่งนัก นอกจากนอน ทำงาน นอน ทำงานก็ไม่รู้จะทำอะไรในยุคโบราณนี้แล้ว จึงออกปากจะออกไปเดินเล่นภายนอก ทันใดเสียงร้องขอให้พิจารณาใหม่ก็แผดร้องออกมาจากอู๋กงกงคนเดียวคนเดิม

    หวังจื้อหรงกรอกตา ใช้อำนาจชินอ๋องที่ไม่มีผู้ใดกล้าขัดแข้งขัดขามามัดมือชก สุดท้ายอู๋กงกงจึงยินยอม แต่ขออย่างเดียวคือให้เหอซั่วชินหวังผู้เป็นดังไข่มุกล้ำค่าของวังหลังสวมเสื้อผ้ามิดชิดหนาแน่นเสียหน่อยในขณะที่เดินเล่นภายนอก

    ในเวลาต่อมาสารร่างของหวังจิ้นหรงจึงกลายเป็นก้อนสีขาวฟูฟ่องครอบคลุมด้วยชุดหนาหลายชั้นและผ้าขนสัตว์ก้อนหนึ่ง

    ร่างสูงโปร่งทว่ายังห่างชั้นกับขันทีข้างกายหนึ่งช่วงหัวยื่นมือขาวเปิดประตูห้องบรรทมออก แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเกือบเหยียบนางกำนัลน้อยนางหนึ่งที่ยอบกายอยู่ปลายเท้าเข้าให้ กวาดตามองไปยังเหล่าบริวารใบหน้าหล่อเหลานุ่มนวลจึงบึ้งตึงทันที สุรเสียงติดแหบแห้งเอ่ยขึ้นไม่ดังไม่เบาทว่าทรงอำนาจนัก

    "พวกเจ้ามาหมอบขดเป็นก้อนหินอะไรกันแถวนี้ ไยไม่ไปทำงานกัน!"

    "ง-งานของพวกกระหม่อมคือดูแลพระองค์พ่ะย่ะค่ะ" บ่าวใจกล้าผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น ทั้งนางกำนัลทั้งขันทีคนอื่นๆจึงส่งเสียงเออออตามกัน

    "ไร้สาระ พวกเจ้าดูแลข้าอย่างไรไม่ยักเห็น ที่ข้าเห็นก็มีเพียงอู๋กงกงที่ปรนนิบัติข้าอยู่ในห้องเพียงคนเดียว พวกเจ้าหาทางหนีงานสิไม่ว่า" อู๋กงกงที่ก้มหัวเล็กน้อยอยู่อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองผู้พูดเล็กน้อยจากข้างหลัง ก่อนจะเก็บสายตาไว้ที่ปลายเท้าตนเช่นเดิม เอ่ยขึ้นเสียงเบาราวกระซิบ

    "ชินอ๋องโปรดอย่าเข้าใจผิด พวกบ่าวเหล่านี้ล้วนวิ่งวุ่นทำงานเพื่อพระองค์อยู่ทุกวัน แต่วันนี้มาหมอบกราบเฝ้าพระองค์ด้วยความกังวลจากอาการประชวรของพระองค์เท่านั้น"

    ไม่มีใครทันเห็นมุมปากสูงส่งกระตุกยิกเพราะมัวแต่กลัวจะถูกลงโทษด้วยเหตุโดดงานมาเฝ้าไข้นายกันทั้งตำหนัก ชินอ๋องเงียบไม่ถึงอึดใจก็สะบัดแขนเสื้ออย่างทรงอำนาจ ก่อนจะเดินออกไปโดยเอ่ยประโยคที่ไม่ได้เจือความอ่อนโยนนักแต่ก็สร้างความอุ่นใจให้เหล่าบริวารในตำหนักขึ้นมาสิบส่วน

    "เอาเถิด การกระทำเป็นประสงค์ดีก็แล้วไป แต่อย่าได้เสียเวลาทำงานมาเฝ้ากำแพงเฝ้าประตูอีก"

    "เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ" ลับหลังไปเหล่าบริวารร้องเซ็งแซ่ตอบรับ รอจนชินอ๋องลับสายตาก็รีบแยกย้ายกันไปตามพื้นที่ทำงานของตน

     

    ชินอ๋องก้าวอาดๆ พ้นตำหนักมาแล้วยังอดคิดวนไปวนมาไม่ได้

     

    ตีบทแตกไหมวะนี่

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×