คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1 บรีฟสุดท้าย
แสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่าสามเครื่องเรืองรองอยู่ในห้องพักคับแคบห้องหนึ่ง เจ้าของห้องพักนั้นไม่คิดแม้แต่จะลุกขึ้นมาเปิดไฟเพื่อถนอมสายตาตน มีแต่นั่งหลังงองุ้มอยู่หน้าจอขนาดใหญ่ไม่ขยับไปไหน มือหนึ่งใช้ปากกาขีดเขียนบนหน้าจอนั้นอย่างว่องไว อีกมือหนึ่งหยิบเครื่องดื่มชูกำลังเทลงแก้วกาแฟพลาสติกจนหมดขวด ใช้นิ้วยาวคนส่วนผสมเข้าด้วยกัน ดูดคราบรสขมประสมหวานปร่าบนนิ้วจนเกลี้ยงแล้วกระดกทั้งแก้วลงท้องอย่างรวดเร็ว แล้วชายหนุ่มผู้นั้นก็กลับไปก้มหน้าก้มตาขีดเขียนบนหน้าจออีกครั้ง จนชะงักเข้ากับจุดหนึ่งของภาพ ตาแห้งผากขาดน้ำจึงตวัดขึ้นมองจอหนึ่งซึ่งเปิดบรีฟงานทิ้งไว้โดยเฉพาะ
"เชี่ย กวานลายนกเฟิ่งหวงมันคือยังไงวะ"
"พิมพ์มาแต่ละอย่างไม่เคยเลย ไม่เคยคิดจะแปะเรฟ ทำเหมือนกูรู้ทุกอย่างงี้ เห็นกูเป็นอะไร ห๊ะ เห็นกูเป็นอะไร"
เลื่อนดูในบรีฟก็ไม่เห็นภาพเรฟเฟอเรนซ์กวานลายนกฟงๆ เฟิ่งๆ ที่ว่าเลยสักนิด ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกับตัวเอง ยิ่งหงุดหงิดยิ่งรู้สึกอึดอัดอยู่ในอกเบาๆ จึงทุบอกไปสองสามที
ประเภทลูกค้าที่เขาเกลียดที่สุดคือลูกค้าที่ชอบสั่งงานเร่ง ไม่รู้จักบรีฟให้ชัด รูปเรฟไม่แปะ อธิบายไม่ละเอียด หวังให้นักวาดเติมแต่งจินตนาการให้ตนอย่างสมบูรณ์แบบ ทว่าเมื่อออกมาไม่ตรงใจก็สั่งแก้เป็นสิบหน บอกมันไม่ใช่ ไม่ใช่ ยังไม่ใช่ ยังได้มากกว่านี้
ไม่ใช่อะไรละครับ แล้วแบบที่ใช่มันเป็นยังไงล่ะโว้ย พูดมาสิพูด!
อุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาไปแล้วว่าถ้าอยากให้งานออกมาตรงใจก็เขียนบรีฟมาให้ดี นักวาดไม่ใช่หมอดูนะโว้ย ถึงจะเดาใจได้ทุกอย่าง
'ข้าวปั้น' จินตภาพตนกำลังเขย่าคอเสื้อนักเขียนปริศนาอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์อยู่ในหัว
ในใจเดือดดาลแต่ใบหน้ากลับนิ่งเฉยติดบิดเบี้ยวจากอาการมึนหัวปวดอกเล็กน้อย วางเมาส์ปากกาลงเกาตอหนวดที่ไม่คิดใส่ใจจะโกนออกของตน เลื่อนหาแชทนักเขียนเจ้าของบรีฟ จัดการพิมพ์ถามด้วยถ้อยคำใจเย็นนุ่มนวลแต่จังหวะกดแป้นรุนแรงดิบเถื่อน
'คุณนักเขียนครับ ไม่ทราบว่าคุณนักเขียนมีภาพตัวอย่างประกอบของกวานรูปนกเฟิ่งหวงไหมครับ'
แนบสติ๊กเกอร์แมวขาวเหงื่อตกหน้าตาออดอ้อน
'ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นยังไง กลัวจะวาดกวานท่านเสนาบดีบิดๆ เบี้ยวๆ น่ะครับ'
ชายหนุ่มเคาะปุ่มเอนเทอร์ ระหว่างรอคำตอบที่ไม่รู้จะได้มาเมื่อไหร่ ระหว่างนี้ก็ยังจัดการวาดส่วนอื่นต่อไม่ได้เพราะติดขัดอยู่แค่จุดกวานนกอะไรนั่นก่อนจะส่งดราฟนี้ให้เช็คไฟนอล นายข้าวปั้นจึงเอนหลังลงเก้าอี้เกมมิ่ง บิดเอวสองสามทีให้ส่งเสียงกรอบแกรบสบายหูพลางนวดขมับตนเบาๆ
ดีเหมือนกันที่ได้เอนหลังสักนิด นายพงศธร แซ่เฉินผู้นี้ไม่ได้เอนหลังอย่างเป็นสุขแบบนี้มาวันแล้ว ซ้ำยังไม่ได้หลับตานอนมากว่า48ชั่วโมงได้ รวมทั้งสัปดาห์ก็ได้หลับตานอนรวมกันไม่ถึงห้าชั่วโมง หลังมีนักเขียนเจ้าปัญหาผู้นั้นจ้างวานงานด่วนให้วาดภาพปกและภาพประกอบนิยายเรื่อง อุบัติรักทรราช นิยายวายจีนโบราณที่หล่อนเขียนอยู่และกำลังจะต้องส่งเล่มให้สำนักพิมพ์ในอีก24ชั่วโมงข้างหน้าแล้ว
ข้าวปั้นเคยลองสอบถามดูว่าทำไมถึงได้มาหานักวาดในเวลากระชั้นชิดขนาดนี้ จึงได้ความว่าหล่อนถูกนักวาดคนก่อนเบี้ยว จ่ายเงินเต็มราคาเสียหายไปหลายหมื่นด้วยความไว้ใจ พอจะถึงวันเดดไลน์นักวาดคนนั้นกลับระเบิดแอคโซเชี่ยลตนเองหายวับไปกับสายลม นักเขียนเสียเวลาดำเนินคดีอยู่นานกว่าจะนึกได้ว่าต้องหาปกมาทนแทนก่อนสำนักพิมพ์จะเขกกบาลเข้าก็ป่านนี้เสียแล้ว
นายข้าวปั้นเกิดเห็นใจ(ประสมเห็นแก่เงินค่าเร่งงานที่จะได้ในอนาคต)เลื่อนคิวปกอื่นๆ ที่ไม่ได้รีบอะไรไปท้ายเดือน แล้วจึงยกคิวของเธอขึ้นมาวาดให้แทน
แต่ใครจะไปรู้ว่างานที่เธอจ้างวานจะไม่ได้มีแค่เพียงเล่มเดียว เมื่อทวนอ่านบรีฟอย่างถี่ถ้วนดันพบว่ายังมีภาคสปินออฟอื่นๆ ของเหล่าพระอนุชาอีกสองเล่ม ภาพประกอบอีกเล่มละสามภาพ สิริรวม12ภาพรอให้เขาวาดอยู่ นายข้าวปั้นจึงมีชะตากรรมนั่งงอเป็นกุ้งอยู่อย่างนี้
เสียรู้ให้เพราะความสงสารโดยแท้
ข้าวปั้นกล้ำกลืนความทุกข์ใจลงคอ ถือซะว่าถึงวิถีชีวิตแบบนี้จะเหมือนนรก แต่ก็เป็นนรกที่เขาเลือกก้าวเข้ามาเอง
ใช้ชีวิตเป็นนักวาดฟรีแลนซ์วันนอนอยู่แต่ที่บ้าน ตื่นตอนไหนก็ได้ นอนตอนไหนก็ได้ แม้ดูเหมือนจะสบายแต่ก็ยังต้องประสบปัญหากับลูกค้ากับการทำงานไม่ต่างจากงานประจำอื่นๆ การจัดการตารางทำงาน เก็บสถิติการจ้างงาน จ่ายภาษี และประกันสังคมล้วนแล้วก็ต้องทำด้วยตนเองชวนให้ปวดหัวอยู่ทุกเดือนไป
แม้รายได้เขาค่อนข้างจะมั่นคงจากงานวาดปกนิยายที่ถูกว่าจ้างทั้งจากสำนักพิมพ์และเหล่านักเขียนรายย่อยหลายต่อหลายภาพต่อเดือน แต่เมื่อไหร่ที่เดือนนั้นเป็นขาลง นายข้าวปั้นมักจะต้องวิ่งหาทางทำกินอื่นมาหาเงินโปะหนี้สิน ค่าประกันสังคม ค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ผ่อนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าเน็ต ค่าอนลี่แฟ- อะแฮ่ม ค่าความบันเทิงฟุ่มเฟือยอื่นๆเพื่อเติมเต็มความต้องการมนุษย์ตนเองจนหัวหมุน
และประการสุดท้ายที่ฟุ่มเฟือยที่สุดคือค่าหมอนวดและค่าจัดกระดูกรายเดือน
โรคออฟฟิศซินโดรมนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ค่าใช้จ่ายนั้นก็สูงใช่ย่อย เรื่องนั้นนายข้าวปั้นประสบกับตัวเองย่อมรู้ดี ถึงได้รับงานทุกงานที่ถูกเสนอให้ แม้กระทั่งพวกปกนิยายวายเขาก็ยอมรับมาแม้ตนจะไม่ได้พึงใจกับคอนเทนต์ชายรักชายเลยก็ตามที
ไม่เลือกงานไม่ยากจนน่ะ เคยได้ยินมั้ย
ข้าวปั้นเอนตัวพักสายตาอยู่ได้ไม่นาน เสียงแชทจากนักเขียนคนนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้งเรียกให้นักวาดหนุ่มต้องยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ขึ้นมาสวมแว่นสายตา ปากก็ส่งเสียงโอดโอยจากอาการปวดหัวแทบขาดใจ ทั้งการอาการป่วยอย่างประหลาดเริ่มจุกขึ้นคอ
'สักครู่นะคะ'
แนบรูปภาพวาดโบราณรูปนกสีแดงตัวหนึ่ง กวานเงินทรงฉวัดเฉวียนดูซับซ้อนอีกภาพหนึ่ง
'อยากได้เบสกวานเป็นแบบภาพสองค่ะ แต่มีลายนกสีเงินแปะไว้บนหัว ขอแบบดูทรงพลังแต่ไม่เว่อร์มากได้มั้ยคะ เสนาแกไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยโอ้อวดน่ะค่ะ'
'อ้อแล้วก็ พูดถึงเสนา'
'เราว่าจะคอมมิชปกที่เสนาแกเป็นพระเอกด้วยน่ะค่ะ คิวเดือนหน้ายังว่างมั้ยคะ?'
พลันคิ้วขมวดเข้าหากันทันที
"ยังมีอีกปกหรอวะ จบๆกับกูไปสักทีเถ๊อะ จะไปวาดนมแล้-"
ยังไม่ทันจะบ่นจบคำ ยังไม่ทันได้เปิดดูคิวเดือนหน้า
ก้อนเนื้อในอกกลับรู้สึกถึงแรงบีบรัดอย่างหนัก บีบเข้าจนรู้สึกว่าหัวใจของเขามันฟีบแบนเป็นแผ่นแป้ง ข้าวปั้นทรุดหัวกระแทกลงกับหน้าจอวาดขนาดใหญ่ ลมหายใจหอบถี่รุนแรงจากความรู้สึกหน่วงจนเหมือนมีก้อนหินหนักๆ ถ่วงแผ่นอกของเขาเอาไว้
จะพยายามขยับตัวไปพิมพ์ขอความช่วยเหลือจากแชทล่าสุดก็ไม่อาจทำได้อีกแล้ว ทุกอากัปกิริยานำพาความเจ็บปวดมาให้จนน้ำตาซึม จากเจ็บปวดสู่กระแสชาตั้งแต่ปลายเท้าแผ่แล่นมาถึงสมอง จากชาหนึบมาสู่ในเวลานี้ที่ทั่วร่างไม่รู้สึกถึงอะไรอีก สมองข้าวปั้นเหมือนมีโคมม้าวิ่งหมุนอยู่ในหัว สิ่งที่วิ่งไปมานั้นไม่ได้เป็นประสบการณ์ตลอดชีวิตที่ผ่านมาแต่อย่างใดมีเพียงคำว่า
กูยังไม่ได้ค่าจ้าง ไอ้นักเขียนมันยังไม่จ่ายส่วนที่เหลือให้เลย สองหมื่นห้ามันยังไม่จ่าย!!
ไฟล์ก็ยังไม่ได้ส่ง!!!
สายตาที่แนบอยู่กับจอวาดสว่างวาบค่อยๆ หม่นแสงลง ภาพที่เห็นภาพสุดท้ายคืออิตาลุงเสนาบดีถือดาบจ่อคอชินอ๋องกลางท้องพระโรงท่ามกลางสายตาของเหล่าขุนนาง ฮ่องเต้ และนายเอกตัวน้อยบนตักของเขา
"หน้าไม่อายเอ๊ย" ใกล้ตายแล้วยังไม่วายกัดฟันด่าฮ่องเต้ในภาพ ก่อนสติก่อนสุดท้ายจะจางหายไปสายตาก็เหลือบไปบนหัวเสนาบดีที่ยังคงว่างเปล่า
"จะว่าไปแล้วไอ้กวานนกเฟิ่งหวงนี่มันเป็นยังไงวะ"
ความมืดค่อยๆเกาะกินวิสัยทัศน์จนมิด
ลมหายใจผะแผ่วหยุดลง
มือที่กำอยู่บนแผ่นอกเปลือยเปล่าร่วงลงข้างตัว
นายพงศธร แซ่เฉินเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในวัย29ปี ด้วยสภาพใส่บ็อกเซอร์ลายแมวดำผอมกะหร่องตัวเดียว ผมเผ้าไม่สระ หัวจุ่มจอวาดอย่างน่าอนาถ
กลิ่นหอมดอกซุนอีเฉ่า[1]ผสานต้นอันซู่[2]กำจาย กลิ่นเย็นเฉพาะตัวพืชสองชนิดตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ สายลมเย็นคละเคล้ากับละอองน้ำจากน้ำตกจำลองไม่ใกล้ไม่ไกลกัน เหล่านี้ล้วนสร้างความสดชื่นผ่อนคลายให้แก่บุคคลผู้อยู่บริเวณนั้นยิ่งนัก
ดวงตาเรียวกะพริบถี่ เบิกกว้างขึ้นทีละนิด เผยสีตาราวกับม่านฟ้าใสกระจ่างขึ้นเหมือนคนผู้นั้นเพิ่งตื่นจากการหลับใหล สายตานั้นดูง่วงงุ่น ทันทีที่ดวงตาพร่านั้นปรับสายตาตนเองได้ มันกลับเบิกโตขึ้นอย่างกระสับกระส่ายไม่รู้ความ งุนงงเหมือนตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกที่คุ้นเคยมาก่อน
ร่างสูงสะโอดสะองหมุนไปรอบกายอยู่กลางศาลากลางน้ำ เตะผ้าระเท้า สบัดแขนเสื้อเนื้อดีซ้ายทีขวาที จับเส้นผมดำยาวระสะโพกขึ้นดม ลูบเอวลูบไหล่ตนเองซ้ำๆ บิดเอวโยกซ้ายโยกขวา ทดลองกระโดดเตะลมไปหนึ่งที พอไม่เจ็บไม่ปวดอะไรก็ดูงงกว่าเก่าเสียอีก บ่าวไพร่รอบกายหลายชีวิตเงยหัวขึ้นมองหวาดหวั่นแต่ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อพฤติกรรมประหลาดซึ่งนายตนเองกำลังแสดงออกมาในขณะนี้
ตอนแรกยังยืนอย่างสง่างามเยือกเย็น พริบตาเดียวกลับเขวี้ยงแขนเขวี้ยงขาเก้งก้างดูแล้วไม่เรียบร้อยยิ่งนัก บ่าวไพร่บางคนจึงเบนหน้าหนีไม่อาจทนมองได้
ขันทีผู้หนึ่งวิ่งถลามาแต่ไกล ก่อนหยุดคำนับนอบน้อมอยู่ปลายบันไดศาลา
[1] ซุนอีเฉ่า - ดอกลาเวนเดอร์
[2] อันซู่ - ต้นยูคาลิปตัส
"ชินอ๋องขอรับ ท่านมหาเสนาบดีขอเข้าเฝ้า แจ้งว่าต้องการหารือสอบถามเกี่ยวกับงบประมาณของส่วนราชการในพระองค์ขอรับ"
"..." ชินอ๋องหันขวับ จ้องขันทีเขม็งแล้วเลื่อนสายตาไปยังบ่าวโดยรอบ เรียกเหงื่อเหล่าบ่าวไพร่ให้เปียกซ่กกันเป็นแถบ
"..."
"...ว่าไงนะ" ได้ยินชินอ๋องไม่อาจพูดฉะฉานทรงอำนาจดังเก่า ขันทีผู้นั้นรีบโงหน้าขึ้น เห็นใบหน้าขาวซีดดูตื่นตระหนกบนใบหน้างามของผู้สูงศักดิ์จึงแปลความได้อีกแบบว่าชินอ๋องท่านนี้หวาดหวั่นจากการมาถึงของมหาเสนาบดีราวกับความลับบางสิ่งอาจถูกเปิดโปงได้หากพบหน้าเขา ไม่ต้องรอคำตอบ ขันทีจึงรีบคำนับลงอีกครั้ง
"เช่นนั้นกระหม่อมจะเร่งนำความไปแจ้งท่านมหาเสนาบดีว่าชินอ๋องประชวลหนักมิอาจให้เข้าพบได้ในเวลานี้พ่ะย่ะค่ะ"
ขันทีผู้นั้นถ่อมาก็ปรี่กลับว่องไวยิ่งกว่าลม ทิ้งคำถามเอาไว้ในร่างระหงริมน้ำมากมายนับไม่ถ้วน
ชินอ๋องนิ่งค้างไปนาน เมื่อรู้ตัวก็พุ่งตัวไปปีนระเบียงศาลา ชะโงกหน้าลงน้ำจนแทบร่วงหล่นลงไปทั้งตัวทำเอาปลากระเจิดนกกระเจิง เหล่าบ่าวน้อยใหญ่กรีดร้องลั่นทั่วบริเวณบึง ใช้จังหวะนี้พุ่งเข้าไปเกาะขยำชายผ้าอันสูงส่งเต็มมือกันเป็นพัลวันอย่างไม่กลัวหัวหลุดออกจากบ่า
"ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะชินอ๋อง โปรดอย่าทรงโถมพระองค์เองลงน้ำ โปรดทบทวนใหม่ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!"
"ชินอ๋องเพคะ หากพระองค์คิดปลิดชีพตัวเองแล้วผู้ใดจะดูแลราชสำนักเจ้าคะ!"
"จะเห็นความตายดั่งเห็นมาตุภูมิ[3]เช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!! ราษฎรทั้งหลายอยู่ในกำมือพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ"
"หากพลั้งเผลอนำงบประมาณราชการมาเป็นสมบัติตนเองส่วนหนึ่งก็ไม่ใช่ความผิดใหญ่หลวงหรอกเพคะชินอ๋อง เพียงบอกท่านมหาเสนาบดีว่าท่านจัดเตรียมโครงการราชดำริหนึ่งอยู่ท่านมหาเสนาสบดีย่อมไม่ว่าอันใดแน่ เช่นนั้นแล้วอย่าคิดสั้นเลยเพคะ!"
"เหอซั่วชินหวัง[4] ได้โปรดทบทวนใหม่ด้วยเถิด!"
"ฮือๆๆ ชินอ๋อง ชินอ๋องของบ่าว"
ชินอ๋อง ผู้ชะโงกหัวอยู่ริมน้ำตาเบิกโตเป็นไข่ห่าน เวลานี้สองมือไม่ได้จับขอบระเบียงอีกต่อไป เขาลูบใบหน้าดึงผมบี้จมูกตัวเองไม่หยุด
นี่ไม่ใช่หน้าเขา
หน้าของนายพงศธร แซ่เฉินไม่เคยนวลเนียนขนาดนี้
ไม่เคยไร้ตอหนวดเขียวครึ้มตามกรอบหน้าขนาดนี้
ไม่เคยผมสลวยยาวเกินไปกว่าบ่า ไม่แม้แต่จะหยักศกสักเส้นแบบนี้
ไม่เคยใส่เสื้อผ้ารุ่มร่ามยาวเฟื้อยขนาดนี้
ไม่เคยหล่อเหลาเหนือจริงขนาดนี้
ทรงคิ้วแบบนี้ ทรงตาแบบนี้ ทรงผมแบบนี้ กวานลายเมฆประดับเม็ดทับทิมแบบนี้
นี่มันหน้าไอ้ชินอ๋องหน้าขาวจากเรื่องอุบัติรักทรราชที่เขาวาดมามากกว่าสี่ภาพไม่ใช่หรือไง!
แล้วทำไมต้องเป็นไอ้ชินอ๋องวะเนี่ย!!!!
ภาพล่าสุดที่เขาวาดทิ้งเอาไว้แล่นเข้าสมองทันที
มหาเสนาบดีผู้ไร้กวานจะสวมกำลังถือดาบคมปราบจ่อคอชินอ๋องกลางท้องพระโรง
พลันพงศธร แซ่เฉินในร่างชินอ๋องตกตะลึงอย่างหนัก มัวแต่จ้องเงาสะท้อนบนผิวน้ำไม่ได้รู้ตัวว่าร่างกำลังไหลไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ขันทีคนสุดท้ายที่รั้งชายผ้าไว้ได้เหงื่อชุ่มมือยิ่งนัก รั้งไว้ได้ไม่นานมือก็ลื่น ชายผ้าไหมผืนงามหลุดออกไปจากมือทันที
ซ่า!
"ชินอ๋อง!!"
[3] เห็นความตายดั่งเห็นมาตุภูมิ - ยอมตายโดยไม่ยี่หระ
[4] เหอซั่วชินหวัง - ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้โดยมากเป็นพระโอรส พระเชษฐา หรือพระอนุชาในองค์จักรพรรดิ เป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่ 1
ความคิดเห็น