ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ผู้บุกรุก
สายลมเย็นพัดผ่านหน้าเราสองคนไป ความเงียบพัดพาเข้าแทนที่ ได้ยินแต่เพียงเสียงเรไรจากแปลงดอกไม้ตามทางเดิน แสงจันทร์ส่องเส้นผมสีเงินอันเป็นประกายของซิลเวียให้เฉิดฉายยามค่ำคืน แต่ดวงตาสีน้ำเงินคู่สวยนั้นกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง ทำให้ชินต้องเบือนหน้าหนีจากเธอ เขากลัวว่าถ้าหันกลับไปมองเธอตอนนี้จะทำให้หัวใจของเขาต้องแตกสลายลง เขารู้สึกเจ็บใจตัวเองกับการกระทำที่เหมือนกับเป็นการทรยศต่อเด็กสาวตรงหน้า นี้
“นายเป็นคู่หมั้นกับยัยจิ้งจอกนั่นจริงเหรอ” ซิลเวียยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าเขา ริมฝีปากที่มีขนาดเท่ากับกุหลาบหนูกำลังสั่นเทาเพื่อรอคำตอบจากคนตรงหน้า
“ใช่” เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
เพียะ เสียงตบหนึ่งฉาดจากหล่อนทำให้เด็กหนุ่มผงะล้มลงไปกองกับพื้นทางเดินสู่หอพัก แก้มข้างซ้ายที่โดนตบแดงจนรู้สึกชาด้านไปทั้งใบหน้า
“ตาบ้า ชั้นอุตส่าห์เชื่อใจนาย” ซิลเวียวิ่งจากไป ปล่อยเขาทรุดนั่งอยู่กับพื้นทางเดินเพียงคนเดียว
.........................................
เช้าวันต่อมาในห้องเรียนวิชาสังคมขุนนาง เด็กหนุ่มรู้สึกถูกสายตาคู่สีฟ้าจับจ้องตลอดเวลาจนรู้สึกอึดอัด บางครั้งชินถึงกับทนไม่ไหวจนต้องหันกลับไป แต่ซิลเวียก็แอบเนียนอ่านหนังสือประวัติของบุคคลเล่มโตเหมือนไม่สนใจเขา พอเขาคิ้วขมวดใส่เธอ เด็กสาวก็สะบัดหน้าใส่ ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนลุกลามแผ่ขยายไปทั่วห้องจนทุกคนต่างรู้สึกอึด อัด
เมื่อถึงตอนพักกลางวัน ซึ่งปกติแล้วชินกับซิลเวียไปทานอาหารเที่ยงด้วยกัน บัดนี้ทั้งสองต่างมีท่าทีกระอักกระอ่วนที่ต่างก็ไม่กล้าชวนอีกฝ่ายทำได้จ้อง ตากันห่างๆเท่านั้น เพราะ ชินกับซิลเวียต่างคนต่างมีทิฐิมากพอๆกัน เพื่อนร่วมชั้นเรียนดูท่าทีนี้ด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้แต่เจมส์ที่เป็นคนร่าเริงที่สุดในชั้นเรียนยังไม่สามารถพูดเรื่องขำๆออก เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้
เมื่อหมดคาบการเรียนการสอน ชินเดินออกมาจากห้องก่อนใครเพื่อน เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องทำหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ซิลเวียมองแผ่นหลังของชินที่กำลังเดินออกจากห้องไป เธอจึงรีบเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าของตัวเองอย่างรวดเร็วที่สุด ก่อนจะวิ่งตามออกไป
ชินเดินไปตามทางเดินสู่บันไดเวียนเพื่อขึ้นไปยังห้องสภานักเรียนชั้นบนสุด ของอาคารแห่งนี้ โดยเขาไม่ทันสังเกตว่ามีเด็กสาวแอบตามเขาอยู่ห่างๆ เด็กหนุ่มเดินขึ้นบันไดเวียนในลักษณะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันตามนัด เมื่อถึงชั้นบนสุดมีทางเดินซึ่งถูกปูด้วยพรมแดงยาวไปตามทางเดิน ระหว่างทางเดินถูกประดับด้วยตะเกียงที่มีเปลวไฟลุกโชนทั้งสองฝั่งทางเดิน แต่ภายในตะเกียงกลับไม่มีเชื้อไฟที่จะเผาไหม้ เด็กหนุ่มสงสัยว่านี่คงจะเป็นเวทย์มนตร์ที่ถูกนำมาตกแต่งให้เข้ากับห้องสภา ถึงแม้ว่าห้องแห่งนี้จะถูกประดับด้วยแสงไฟสีทองจากเปลวไฟที่เกิดจากเวทย์ มนตร์ เขากลับรู้สึกว่าห้องนี้กลับลึกลับชอบกล เมื่อชินเดินมาถึงสุดทางเดินซึ่งมีประตูเหล็กขนาดสามเมตรขวางหน้าเขาไว้ ด้วยมารยาทแล้วเด็กหนุ่มจึงใช้มือเคาะประตูสองสามครั้ง แต่กลับไร้เสียงตอบกลับ จึงลองเคาะอีกครั้งแต่ก็ไม่มีคนมาเปิดรับ ขณะที่กำลังจะตัดใจเดินกลับนั้นเอง แสงจากตะเกียงทั้งสองข้างซึ่งกระหนาบทางเดินไว้ก็ดับวูบลงเหลือแต่เพียงความ มืดมิด ด้วยสันชาตญาณ ชินหยิบมีดสั้นซึ่งเขานิยมพกติดตัวขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อมไว้ระดับอก
เด็กสาวเจ้าของดวงตาน้ำเงินสุดสวยก็ชักดาบเรเปียร์เล่มงามออกมาเช่นกัน ด้วยฐานะนักดาบมือฉมัง ซิลเวียตั้งท่าระวังตัวเองอย่างรัดกุม เหงื่อเม็ดโตไหลจากคิ้วผ่านแก้มผ่านคางและไหลลงมาตรงคอของหล่อน เด็กสาวอยู่ในสภาวะตึงเครียดอย่างมาก เด็กสาวก้าวขึ้นบันไดอย่างระวังตัวและใช้ความมันเงาของดาบสะท้อนภาพด้านหลัง ของตัวเอง ขณะใกล้ถึงบันไดขั้นสุดท้ายเสียงฝีเท้าของมันกำลังใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามา เรื่อยๆ ซิลเวียยกดาบเตรียมฟาดฟันใส่บุคคลที่ไม่คาดหมาย ทันใดนั้นประกายแวววาวของมีดพุ่งเข้ามาใส่ เด็กสาวปัดป้องก่อนถีบตัวพุ่งทะยานออกจากทางบันไดวน เพื่อจู่โจมเป้าหมายแต่กลับเจอ..
“นาย!!”
“นี่เธอ!!”
โครม ทั้งคู่ชนกันล้มลงบนพรมแดง ชินพยายามสลัดหัวเพื่อเอาความมึนงงออกจากหัวของเขา ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มชินกับความมืด เส้นผมกลิ่นวานิลลาหวานหอมซึ่งคุ้นเคยโชยมาแตะจมูกของเขาทำให้เด็กหนุ่มเงย หน้าขึ้น เห็นใบหน้าสวยใสดุจหิมะห่างจากใบหน้าของเขาเพียงไม่ถึงเซน หัวใจของเขาเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดเป็นชิ้นๆเสียให้ได้ ริมฝีปากสีกุหลาบทำให้ยิ่งห้ามใจตัวเองไม่อยู่ เขารู้สึกสัมผัสสิ่งที่ทั้งนุ่มและนิ่มจากมือของเขา เด็กหนุ่มมองตามไปแขนจนถึงมือของตัวเอง เขากำลังจับหน้าอกของหล่อนอยู่ ชินพยายามผลักตัวซิลเวียออกอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นดวงตาสีฟ้าลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะกลอกสายตาไปที่มือของเขา เด็กหนุ่มเหงื่อกาฬไหลพรากเป็น
“กรี๊ดดด”
“คือ มัน..เอ่อเป็นอุบัติเหตุ พอดีชั้นไม่ได้ตั้งใจ” ชินดึงมือออกอย่างรวดเร็วและพูดแก้ตัวอย่างร้อนรน
“อ๋อเหรอ” หน้าของซิลเวียดูโหดมากประดุจเหมือนเสือกำลังจ้องเหยื่อของมัน เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนขึ้น
“ขอโทษนะ คือ ชั้นผิดที่ชนกับเธอ และบังเอิญมือมันไปโดนหน้าอกของเธอ รู้สึกมันนุ่มนิ่ม เฮ้ย ไม่ใช่ คือมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆนะ หวังว่าเธอคงเข้าใจ” เขาพูดไปหน้าซีดไป
“เตรียมรับโทษตายหรือยัง เจ้าหมาลามก” ซิลเวียพูดด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม แววตาสีน้ำเงินดูอำมหิตเกินกว่าจะเงยหน้ามองดูได้
“คือ ขออภัยจริงๆนะ” ตายแน่ๆ เขาต้องตายแน่ๆ
“ไม่ให้อภัย แกตายยยย ไอ้หมาโง่” เด็กสาวแหกปากลั่นก่อนจัดหนักใส่เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนพรมแดง
“อ้ากกกกก”
........................................
ภายในห้องสภานักเรียนซึ่งมืดมิด มีเพียงแสงจากเปลวไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ทั่วห้อง นักเรียนผู้ทำหน้าที่ต่างๆในสภากับล้มลงระเนระนาด บางคนถึงกับอาการสาหัสด้วยมีดที่ปักอยู่กลางท้อง บางคนถูกอัดจนหมดสติ เหลือเพียงสาวน้อยผมสีเพลิงแดงที่อยู่มุมห้องชุดของหล่อนขาดวิ่นด้วยของมีด ของศัตรูปริศนาซึ่งอยู่ตรงหน้าเด็กสาว สการ์เล็ตรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับสภาของตนเอง นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกของโรงเรียนนี้ที่ถูกบุกรุกเข้ามาถึงห้องสภานัก เรียนอย่างอุกอาจ ศัตรูใส่หน้ากากเหล็กและใส่ชุดคลุมมิดชิดซึ่งข้างในซ่อนมีดหลายสิบเล่มใต้ ผ้าคลุมที่เหมือนยมทูต ศัตรูเพียงหนึ่งสามารถโค่นคนจากสภานักเรียนได้เกือบหมด สถานการณ์ดูย่ำแย่และไร้หวังอย่างยิ่ง สการ์เล็ตพยายามใช้ความคิดวิเคราะห์คู่ต่อสู้อย่างใจเย็นที่สุด ซึ่งจากที่เหล่าสภานักเรียนได้ปะทะด้วยผลคือ ศัตรูเป็นหญิงจากทรวดทรงของเธอ และ ยังถนัดการต่อสู้ด้วยมีดอย่างเชี่ยวชาญ เด็กสาวพยายามคิดหาทางชนะ แต่หนทางนั้นกลับดูมืดมนเหลือเกิน
ทันใดนั้นศัตรูของเธอนั้นเดินเข้ามาใกล้ขึ้นอย่างช้าๆ ผู้บุกรุกตรงหน้าเขี่ยมือของกรรมการสภาคนหนึ่งซึ่งขวางทางหล่อนด้วยเท้า ดวงตาสีดำขลับของคนร้ายแสดงถึงจิตสังหารอันแน่วแน่
“เธอต้องการอะไร” สการ์เล็ตร้องถามขณะที่ก้าววนออกจากมุมอับของห้อง สายตาสีแดงเพลิงจับจ้องไม่วางตาไปที่มือของคู่ต่อสู้
“เจ้าก็น่าจะรู้ ข้ามาที่นี่เพื่ออะไร” คนร้ายแสยะยิ้ม พลางหยิบมีดจากเสื้อคลุมขึ้นมาควงเล่น
“เธออยากได้ศาสตราเวทย์งั้นสิ” สการ์เล็ตตอบอย่างไม่เกรงกลัวด้วยสายตาที่ประดุจเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ มีหลายครั้งที่มีโจรหรือคนร้ายบุกเข้ามาเพื่อแย่งชิงของมีค่าอย่างเช่น ศาสตราเวทย์ในโรงเรียนแห่งนี้ และผู้อำนวยการจึงมอบหน้าที่นี้ให้เป็นหน้าที่ของสภานักเรียน และ ลือกันว่ามีเพียงประธานสภานักเรียนเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับความลับของศาสตรา เวทย์อันมีค่านี้
แต่ครั้งนี้แม้แต่ใครก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะถูกคนร้ายเพียงคนเดียวบุกเข้ามาถึง ห้องสภาและจัดการกับเหล่าสภาจนหมดท่า สภานักเรียนทุกคนต่างได้รับการคัดเลือกจากประธานเพื่อทำงานนี้ ดังนั้นเหล่านักเรียนที่ได้รับเลือกนี้ย่อมมีความสามารถระดับหัวกะทิอยู่ แล้ว กลับถูกโค่นล้มอย่างง่ายดาย นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
“ใช่สิ ข้าก็ได้ยินข่าวว่าเจ้าเองก็เป็นถึงว่าที่ประธาน ก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ยังไงก็เล่าที่อยู่ของของสิ่งนี้มาซะดีๆ แล้วเราอาจจะคุยกันดีๆก็ได้” ผู้บุกรุกส่งรอยยิ้มอันร้ายกาจให้กับสการ์เล็ต แต่เด็กสาวไม่หวั่นไหวกับคำขู่นี้
“ชั้นไม่รู้หรอก เพราะว่า ชั้นยังไม่ได้เป็นประธาน แต่ถึงรู้ชั้นก็บอกไม่ได้จ้ะ” สการ์เล็ตส่งยิ้มหวาน
“สงสัยจะคุยกันไม่รู้เรื่องซะแล้ว ระวัง หน้าสวยๆมีบาดแผลก็แล้วกัน” ศัตรูตรงหน้าแค่นเสียงหัวเราะในคอ
“ด้วยเกียรติของว่าที่ประธานและ ตระกูลเฟรมฮาร์ท ชั้นจะขอจัดการกับเธอเอง”
พูดจบเด็กสาวก็ร่ายคาถาลูกไฟโจมตีใส่ไม่ให้ตั้งตัว แต่ทว่าศัตรูปริศนาก็รู้ทันกระโดดหลบได้ สการ์เล็ตโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่ให้ผู้บุกรุกได้ตั้งหลัก เปลวเพลิงลุกลามติดผ้าม่านและพรมทั่วห้องอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้บุกรุกซัดมีดใส่เด็กสาวสามเล่มเพื่อโต้ตอบกลับ สการ์เล็ตกระโดดหลบหาโต๊ะเป็นที่กำบังก่อนจะสวนกลับด้วยลูกไฟขนาดยักษ์ ลูกไฟยักษ์พุ่งระเบิดหน้าต่างของห้องสภากระจัดกระจาย เศษกระจกบนบานหน้าต่างบิดเบี้ยวด้วยความร้อนของเปลวแห่งอัคคีเวทย์ ขณะที่ไฟลุกท่วมห้อง ผู้บุกรุกกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เด็กสาวกวาดตาหาทั่วห้องก็ไม่เจอ ทันใดนั้นมีเงาขนาดใหญ่ซ้อนทับเงาของเธอ สการ์เล็ตร่ายคาถาเพลิงขึ้นด้านบนสวนกลับมีดที่ถูกขว้างลงมา
เด็กสาวโดนมีดปักเข้าที่แขนขวาจนล้มกลิ้งไปกับพื้นห้องที่ส่วนใหญ่ถูกลุกลาม ด้วยไฟไปกว่าครึ่ง ส่วนศัตรูของเธอนั้นก็โดนเปลวไฟจนกระเด็นทะลุฝ้าเพดานขึ้นไปด้านบน เปลวไฟจากเวทย์ลุกลามติดผ้าคลุม ทำให้หล่อนต้องรีบดับไฟบนเสื้อผ้าตนเอง ก่อนที่จะก้มตรวจสอบความเสียหายที่ได้รับซึ่งพบแผลไฟลวกพองที่เอวของหล่อน คนร้ายกัดฟันกระโดดกลับลงมาบนพื้นห้องซึ่งลุกลามไปด้วยไฟ
แขนขวาของสการ์เล็ตเริ่มยกไม่ขึ้นเนื่องจากถูกพิษยาชาที่ฉาบบนมีด ร่างกายซีกขวาของเด็กสาวเริ่มชาจนหมดแรงเผลอปล่อยไม้กายสิทธิ์ร่วงหล่นจาก มือ เด็กสาวยิ้มอย่างสมเพศให้กับสภาพของตนเอง และ พยายามยันตัวขึ้นมาอย่างยากลำบาก ผมสีแดงนั้นถูกปล่อยอย่างกระเซอะกระเซิง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันจบแล้วว่าที่ประธานคนเก่ง ที่นี้ก็บอกมาซะทีว่ามันอยู่ที่ไหน” เจ้าคนร้ายหัวเราะอย่างสะใจ และ คว้ามีดอีกเล่มจากผ้าคลุมซึ่งมีรอยไหม้จากเปลวเพลิง
“มีปํญญาชนะคนตั้งมากมาย แต่กลับไม่มีปํญญาหาของเพียงชิ้นเดียว น่าตลกดีแท้ คิกคิก” สการ์เล็ตหัวเราะกลับ
“อย่ามาทำเป็นเล่นลิ้นนะ บอกมาก่อนที่ชั้นจะเอามีดนี้ตัดลิ้นเจ้าทิ้งซะ” ผู้บุกรุกจับคางและบีบอย่างรุนแรงจนน้ำตาของเด็กสาวเล็ดออกมา แต่เธอก็ไม่ยอมบอกที่ซ่อนแก่ผู้ไม่หวังดีนี้
“ชั้นก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าตัดลิ้นของชั้นทิ้งแล้วแกจะรู้ได้ไงว่ามันอยู่ที่ไหน” เด็กสาวพูดกวนประสาท และ หลับตาปี๋อย่างปลงว่าวันนี้ตัวเธอเองอาจจะไม่รอด
“ปากวอนหาเรื่องนักนะ งั้นลิ้นของเจ้านี้ข้าขอนะ” ศัตรูดึงลิ้นของสการ์เล็ตอย่างรุนแรง จนน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
ขณะที่มีดฉายประกายอำมหิตอยู่ใกล้ใบหน้าของเธอไม่กี่เซน เจ้าคนร้ายกลับถูกอะไรบางอย่างพุ่งชนเข้าใส่อย่างรุนแรงจนกระเด็นไปชนกับอีก ฟากหนึ่งของผนังห้อง สการ์เล็ตลืมตาขึ้นมาเห็นแผ่นหลังของเด็กหนุ่มซึ่งเด็กสาวคุ้นเคยเป็นอย่าง ดี ชิน เรเวนมาช่วยเธอแล้ว
ในป่าใหญ่แห่งหนึ่งเมื่อหกปีก่อน มีเด็กชายและหญิงเล่นวิ่งไล่จับกันจนเลยเข้าไปในป่าใหญ่และทึบ พวกเขาเดินหลงป่าอยู่หลายชั่วโมง สการ์เล็ตจำได้ว่าตอนนั้นเธอยังเด็กและร้องไห้เพียงอย่างเดียว และเด็กชายที่มาปลอบเธอในตอนนั้นคือ ชิน ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอขณะนี้ เขาบอกเพียงว่า ‘ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพ่อของเธอก็มาช่วย’ ‘ไม่เป็นไร ชั้นจะปกป้องเธอเอง’ และ ในขณะที่เด็กสาวกำลังเสียขวัญอยู่นั่นเองก็ได้เจอหมูป่าที่กำลังโมโห มันพุ่งเข้าจู่โจมพวกเขา เด็กชายได้ใช้กำลังของตนที่มีเพียงน้อยนิดต่อสู้หมูป่าตัวใหญ่เพียงลำพัง สุดท้ายเด็กชายผู้นั้นเป็นฝ่ายชนะ แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปแต่เด็กสาวยังจำแผ่นหลังนั้นได้ดี มันเป็นแผ่นหลังของเด็กชายผู้ที่ปกป้องเธอจากอันตราย
ด้วยความมึนเบลอจากพิษของยาชาบนมีดทำให้สการ์เล็ตเห็นภาพปัจจุบันซ้อนทับกัน ในอดีต น้ำตาของเด็กสาวไหลพราก เธอใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่กระโดดกอดหลังของชินอย่างแนบแน่น ทำให้ชินรู้สึกเคอะเขิน แต่เด็กหนุ่มก็ปล่อยให้สการ์เล็ตใช้แผ่นหลังของเขาซับน้ำตาเพื่อปลอบเธอ จนเด็กสาวผมสีเพลิงเริ่มรู้สึกดีขึ้น หัวใจของชินเต้นโครมคราม เพราะ รู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ถ่ายทอดมาจากเด็กสาว
“ข้าละเกลียดพวกดราม่าน้ำตาแตกจริงๆ” เจ้าคนร้ายใช้มือยันตัวลุกขึ้นมา และ แสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม “เอ้าๆ พ่อพระเอกขี่ม้าขาวออกโรงแล้วเหรอ”
ชินไม่ใส่ใจกับคำพูดยั่วโทสะของคนแปลกหน้า เขาหันมาดูบาดแผลที่เกิดจากมีดบนแขนขวาของสการ์เล็ต เด็กหนุ่มหยิบน้ำสะอาดล้างแผลก่อนจะใช้ผ้าสะอาดจากแขนเสื้อเขามัดปากแผลไม่ ให้เลือดไหลออกมาเพิ่ม
“เจ็บมากมั้ย ชั้นมัดแน่นไปหรือเปล่า” เสียงของเขาพูดออกมาอย่างอ่อนโยน เด็กสาวส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร
เมื่อเด็กหนุ่มปฐมพยาบาลสการ์เล็ตเสร็จก็เดินมาขวางระหว่างเด็กสาวกับคนร้าย หยิบดาบเล่มหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
“ซิลเวีย ฝากสการ์เล็ตด้วย” เขาหันหน้ากลับไปหาซิลเวีย นี่ไม่ใช่การสั่ง แต่เป็นการขอร้อง
“ถึงชั้นจะไม่ชอบเธอ แต่คราวนี้จะยกเว้นให้ครั้งหนึ่ง” ซิลเวียบ่นก่อนที่จะพาสการ์เล็ตถอยออกมา
“แหม รู้สึกเป็นเกียรติจัง อย่างนี้ชั้นคงต้องขอบคุณเธอแล้ว คิกคิก” สการ์เล็ตหัวเราะ
“ชั้นจะอัดแก ถึงแม้ว่าแกจะเป็นผู้หญิงก็ตาม เพราะว่า บังอาจทำร้ายเพื่อนของชั้น” ชินชี้หน้าและประกาศเสียงแข็ง
“เฮอะ จะมีปัญญาแค่ไหนกันเชียว” ผู้บุกรุกตอบกลับด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม
“ระวัง มีดของหล่อนมีพิษนะ” สการ์เล็ตร้องเตือน
“อืม เข้าใจแล้ว”
เด็กหนุ่มกำชับดาบในมือแน่น ตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ คนร้ายไม่รอช้าขว้างมีดใส่เขาทันที ชินเบี่ยงตัวหลบและม้วนตัวส่งแรงตวัดดาบใส่คอของอีกฝ่าย ศัตรูใช้ความอ่อนตัวของร่างกายเอี้ยวตัวหลบอย่างเหลือเชื่อ แต่เด็กหนุ่มไม่ได้จบท่าเพียงแค่นี้ เขาหมุนตัวอีกครั้งเพื่อฟันข้อเท้า ทว่าฝ่ายตรงข้ามตีลังกาหลังหลบคมดาบไปได้อย่างหวุดหวิด ชินไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชักมีด เขาแทงอีกทีที่ชายโครงแผลเก่าที่โดนคาถาไฟของสการ์เล็ตจนพุพอง ด้วยอาการบาดเจ็บจากแผลเก่าทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง จนเฉี่ยวโดนดาบของชินไปนิดนึง คนร้ายกลิ้งลงกับพื้น และ ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ชินจะลงดาบซ้ำได้ ผู้บุกรุกถอยกรูดจนหลังไปชนติดผนัง หล่อนตรวจดูความรุนแรงของบาดแผลซึ่งถูกคมดาบบาดไม่ลึก เลือดไหลออกมาเลอะฝ่ามือและเสื้อผ้า
“ไม่เลวนี่เจ้าหนู” รอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหล่อนไม่ได้หายจากใบหน้า “รับนี่ไป” คมมีดถูกสะบัดจากผ้าคลุมเกือบสิบเล่ม เมื่อมีดพุ่งเข้ามาใกล้ถึงตัวชิน ตัวของเด็กหนุ่มกลับหายไป มีดที่ถูกขว้างกลับโดนเพียงอากาศ และ เด็กหนุ่มปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าของผู้บุกรุก ชินแทงดาบใส่คอหอย แต่ถูกป้องกันด้วยมือข้างซ้าย คมดาบทะลุมือเข้าไปเกือบสามนิ้ว หล่อนหน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บปวดและพยายามฝืนคว้ามีดจากผ้าคลุมแทงสวนกลับไป แต่กลับถูกเพียงอากาศ ตอนนี้รอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียมได้เหือดหายไปจากใบหน้าจนหมดสิ้น เปลี่ยนเป็นความตกใจเข้ามาแทนที่
“อะไรกัน ทำไมเจ้าถึงเคลื่อนไหวรวดเร็วถึงเพียงนี้”
“จ้างให้ก็ไม่ตอบ” เด็กหนุ่มตอบอย่างยียวน
คนร้ายพยายามทำใจเย็นลงและประเมินสถานการณ์โดยรอบอย่างรอบคอบ ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วหล่อนกำลังเหนื่อยและบาดเจ็บจากการต่อสู้ อีกทั้งยังมีเด็กสาวตาสีฟ้ารอช่วยสนับสนุนเด็กหนุ่มผู้นี้ ถ้ายังขืนดื้อดึงไปก็เสียเปรียบ เมื่อประเมินอย่างถี่ถ้วน จึงควรล่าถอยเพื่อหาโอกาสลงมือใหม่
“ท่าทางชั้นจะเสียเปรียบซะแล้ว” ผู้บุกรุกเอ่ยปากยอมรับ
“แสดงว่าจะยอมแพ้แล้วหรือ?” เด็กหนุ่มถาม
“ชั้นบอกว่าเสียเปรียบ แต่ใช่ว่าจะยอมแพ้ คราวนี้คงต้องยอมลามือแต่เพียงเท่านี้ คราวหน้าชั้นจะมาใหม่ ตอนรับชั้นดีๆละ ฮ่าๆๆๆ” พูดจบก็กระโดดลงจากริมหน้าต่างหายลับไป
ชินวิ่งตามไปดูที่หน้าต่างแต่ก็ไม่เจอผู้บุกรุกรายนี้อีก จึงทิ้งดาบและกลับมาหาพวกซิลเวียที่รออยู่ตรงหน้าประตูทางออกห้องสภาซึ่งบัด นี้เปลวไฟที่ลุกโชกช่วงกลับมลายหายจนสิ้น เพราะ เวทย์ของสการ์เล็ต
“พวกเธอสองคนไม่เป็นไรนะ” เขาถามอย่างเป็นห่วงพลางดูแผลของเด็กสาวผมสีเพลิงไปด้วย
“ชั้นไม่เป็นไร” ซิลเวียยิ้มตอบ
“ฮือ ฮือ น่ากลัวจังเลย” อยู่ๆ สการ์เล็ตกระโดดเข้ามาเกาะแขนเด็กหนุ่มไว้จนเขาเกือบทรุดตัวล้มลง ซิลเวียที่อยู่ข้างร้องเสียงหลงอย่างไม่พอใจ ชินเห็นเด็กสาวสู้กับคนร้ายด้วยตัวคนเดียวอย่างกล้าหาญ ภายในจิตใจคงกลัวมาก เขาจึงลูบผมของสการ์เล็ตเป็นการปลอบอย่างแผ่วเบาซึ่งหล่อนก็ทำตัวว่าง่าย เหมือนลูกแมว
ในขณะที่ผมกำลังปลอบสการ์เล็ตอยู่นั้น ซิลเวียก็ถลึงตาใส่สการ์เล็ตซึ่งกำลังนอนหนุนอยู่บนตักเขา
“ยิ้มล้อเลียนชั้นเรอะ ยัยจิ้งจอก” แววตาสีน้ำเงินเกรี้ยวกราดดุจทะเลคลั่งจ้องเด็กสาวผมเพลิงไม่วางตา
“คิกคิก แหม อิจฉาตาร้อนละสิ เธอนี่เป็นผู้หญิงขี้หึงจริงๆนะ ซิลเวีย มูนวอลท์” สการ์เล็ตส่งสายตาหยอกล้อซิลเวีย จนซิลเวียโกรธจนหน้าแดง
“เดี๋ยวก่อนสิ จะทะเลาะกันทำไม” ผมพยายามห้ามปราม แต่ทว่าไม่อาจหยุดการทะเลาะได้
“เจ้าตูบ กลับมาหาเจ้าของ เดี๋ยวนี้” ซิลเวียส่งสายตาค้อนมาทางเขา ทำให้ผมรู้สึกสะดุ้งโหยง
“แหม อย่าไปสนใจเจ้านายใจร้ายเลย มาหาคู่หมั้นอย่างชั้นดีกว่า” สาวผมเพลิงดึงแขนเขาเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงไออุ่นจากตัวเธอ
“เจ้าหมาโง่ นายเป็นของชั้น” ซิลเวียคว้าแขนเขาอีกข้างดึงเข้าไปหาตัวเอง กลิ่นวานิลลาหอมจนเขาเกือบเคลิ้ม
“ของชั้น” สการ์เล็ตดึงกลับ
“ของชั้น” ซิลเวียดึงกลับ
“ของชั้น”
“ของชั้น”
“โอ๊ย ชั้นไม่ได้เป็นสิ่งของนะ” ผมโวยออกมา เพราะ ทนไม่ไหว
“เป็นสิ!” สองสาวประสานรวมเสียงกันจนผมผงะไปด้านหลัง
หงิง หงิง ชีวิตผมกลายเป็นอะไรแล้วเนี่ย ฮือ ฮือ
.............................................
“นายเป็นคู่หมั้นกับยัยจิ้งจอกนั่นจริงเหรอ” ซิลเวียยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าเขา ริมฝีปากที่มีขนาดเท่ากับกุหลาบหนูกำลังสั่นเทาเพื่อรอคำตอบจากคนตรงหน้า
“ใช่” เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
เพียะ เสียงตบหนึ่งฉาดจากหล่อนทำให้เด็กหนุ่มผงะล้มลงไปกองกับพื้นทางเดินสู่หอพัก แก้มข้างซ้ายที่โดนตบแดงจนรู้สึกชาด้านไปทั้งใบหน้า
“ตาบ้า ชั้นอุตส่าห์เชื่อใจนาย” ซิลเวียวิ่งจากไป ปล่อยเขาทรุดนั่งอยู่กับพื้นทางเดินเพียงคนเดียว
.........................................
เช้าวันต่อมาในห้องเรียนวิชาสังคมขุนนาง เด็กหนุ่มรู้สึกถูกสายตาคู่สีฟ้าจับจ้องตลอดเวลาจนรู้สึกอึดอัด บางครั้งชินถึงกับทนไม่ไหวจนต้องหันกลับไป แต่ซิลเวียก็แอบเนียนอ่านหนังสือประวัติของบุคคลเล่มโตเหมือนไม่สนใจเขา พอเขาคิ้วขมวดใส่เธอ เด็กสาวก็สะบัดหน้าใส่ ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนลุกลามแผ่ขยายไปทั่วห้องจนทุกคนต่างรู้สึกอึด อัด
เมื่อถึงตอนพักกลางวัน ซึ่งปกติแล้วชินกับซิลเวียไปทานอาหารเที่ยงด้วยกัน บัดนี้ทั้งสองต่างมีท่าทีกระอักกระอ่วนที่ต่างก็ไม่กล้าชวนอีกฝ่ายทำได้จ้อง ตากันห่างๆเท่านั้น เพราะ ชินกับซิลเวียต่างคนต่างมีทิฐิมากพอๆกัน เพื่อนร่วมชั้นเรียนดูท่าทีนี้ด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้แต่เจมส์ที่เป็นคนร่าเริงที่สุดในชั้นเรียนยังไม่สามารถพูดเรื่องขำๆออก เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้
เมื่อหมดคาบการเรียนการสอน ชินเดินออกมาจากห้องก่อนใครเพื่อน เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องทำหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ซิลเวียมองแผ่นหลังของชินที่กำลังเดินออกจากห้องไป เธอจึงรีบเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าของตัวเองอย่างรวดเร็วที่สุด ก่อนจะวิ่งตามออกไป
ชินเดินไปตามทางเดินสู่บันไดเวียนเพื่อขึ้นไปยังห้องสภานักเรียนชั้นบนสุด ของอาคารแห่งนี้ โดยเขาไม่ทันสังเกตว่ามีเด็กสาวแอบตามเขาอยู่ห่างๆ เด็กหนุ่มเดินขึ้นบันไดเวียนในลักษณะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันตามนัด เมื่อถึงชั้นบนสุดมีทางเดินซึ่งถูกปูด้วยพรมแดงยาวไปตามทางเดิน ระหว่างทางเดินถูกประดับด้วยตะเกียงที่มีเปลวไฟลุกโชนทั้งสองฝั่งทางเดิน แต่ภายในตะเกียงกลับไม่มีเชื้อไฟที่จะเผาไหม้ เด็กหนุ่มสงสัยว่านี่คงจะเป็นเวทย์มนตร์ที่ถูกนำมาตกแต่งให้เข้ากับห้องสภา ถึงแม้ว่าห้องแห่งนี้จะถูกประดับด้วยแสงไฟสีทองจากเปลวไฟที่เกิดจากเวทย์ มนตร์ เขากลับรู้สึกว่าห้องนี้กลับลึกลับชอบกล เมื่อชินเดินมาถึงสุดทางเดินซึ่งมีประตูเหล็กขนาดสามเมตรขวางหน้าเขาไว้ ด้วยมารยาทแล้วเด็กหนุ่มจึงใช้มือเคาะประตูสองสามครั้ง แต่กลับไร้เสียงตอบกลับ จึงลองเคาะอีกครั้งแต่ก็ไม่มีคนมาเปิดรับ ขณะที่กำลังจะตัดใจเดินกลับนั้นเอง แสงจากตะเกียงทั้งสองข้างซึ่งกระหนาบทางเดินไว้ก็ดับวูบลงเหลือแต่เพียงความ มืดมิด ด้วยสันชาตญาณ ชินหยิบมีดสั้นซึ่งเขานิยมพกติดตัวขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อมไว้ระดับอก
เด็กสาวเจ้าของดวงตาน้ำเงินสุดสวยก็ชักดาบเรเปียร์เล่มงามออกมาเช่นกัน ด้วยฐานะนักดาบมือฉมัง ซิลเวียตั้งท่าระวังตัวเองอย่างรัดกุม เหงื่อเม็ดโตไหลจากคิ้วผ่านแก้มผ่านคางและไหลลงมาตรงคอของหล่อน เด็กสาวอยู่ในสภาวะตึงเครียดอย่างมาก เด็กสาวก้าวขึ้นบันไดอย่างระวังตัวและใช้ความมันเงาของดาบสะท้อนภาพด้านหลัง ของตัวเอง ขณะใกล้ถึงบันไดขั้นสุดท้ายเสียงฝีเท้าของมันกำลังใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามา เรื่อยๆ ซิลเวียยกดาบเตรียมฟาดฟันใส่บุคคลที่ไม่คาดหมาย ทันใดนั้นประกายแวววาวของมีดพุ่งเข้ามาใส่ เด็กสาวปัดป้องก่อนถีบตัวพุ่งทะยานออกจากทางบันไดวน เพื่อจู่โจมเป้าหมายแต่กลับเจอ..
“นาย!!”
“นี่เธอ!!”
โครม ทั้งคู่ชนกันล้มลงบนพรมแดง ชินพยายามสลัดหัวเพื่อเอาความมึนงงออกจากหัวของเขา ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มชินกับความมืด เส้นผมกลิ่นวานิลลาหวานหอมซึ่งคุ้นเคยโชยมาแตะจมูกของเขาทำให้เด็กหนุ่มเงย หน้าขึ้น เห็นใบหน้าสวยใสดุจหิมะห่างจากใบหน้าของเขาเพียงไม่ถึงเซน หัวใจของเขาเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดเป็นชิ้นๆเสียให้ได้ ริมฝีปากสีกุหลาบทำให้ยิ่งห้ามใจตัวเองไม่อยู่ เขารู้สึกสัมผัสสิ่งที่ทั้งนุ่มและนิ่มจากมือของเขา เด็กหนุ่มมองตามไปแขนจนถึงมือของตัวเอง เขากำลังจับหน้าอกของหล่อนอยู่ ชินพยายามผลักตัวซิลเวียออกอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นดวงตาสีฟ้าลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะกลอกสายตาไปที่มือของเขา เด็กหนุ่มเหงื่อกาฬไหลพรากเป็น
“กรี๊ดดด”
“คือ มัน..เอ่อเป็นอุบัติเหตุ พอดีชั้นไม่ได้ตั้งใจ” ชินดึงมือออกอย่างรวดเร็วและพูดแก้ตัวอย่างร้อนรน
“อ๋อเหรอ” หน้าของซิลเวียดูโหดมากประดุจเหมือนเสือกำลังจ้องเหยื่อของมัน เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนขึ้น
“ขอโทษนะ คือ ชั้นผิดที่ชนกับเธอ และบังเอิญมือมันไปโดนหน้าอกของเธอ รู้สึกมันนุ่มนิ่ม เฮ้ย ไม่ใช่ คือมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆนะ หวังว่าเธอคงเข้าใจ” เขาพูดไปหน้าซีดไป
“เตรียมรับโทษตายหรือยัง เจ้าหมาลามก” ซิลเวียพูดด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม แววตาสีน้ำเงินดูอำมหิตเกินกว่าจะเงยหน้ามองดูได้
“คือ ขออภัยจริงๆนะ” ตายแน่ๆ เขาต้องตายแน่ๆ
“ไม่ให้อภัย แกตายยยย ไอ้หมาโง่” เด็กสาวแหกปากลั่นก่อนจัดหนักใส่เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนพรมแดง
“อ้ากกกกก”
........................................
ภายในห้องสภานักเรียนซึ่งมืดมิด มีเพียงแสงจากเปลวไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ทั่วห้อง นักเรียนผู้ทำหน้าที่ต่างๆในสภากับล้มลงระเนระนาด บางคนถึงกับอาการสาหัสด้วยมีดที่ปักอยู่กลางท้อง บางคนถูกอัดจนหมดสติ เหลือเพียงสาวน้อยผมสีเพลิงแดงที่อยู่มุมห้องชุดของหล่อนขาดวิ่นด้วยของมีด ของศัตรูปริศนาซึ่งอยู่ตรงหน้าเด็กสาว สการ์เล็ตรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับสภาของตนเอง นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกของโรงเรียนนี้ที่ถูกบุกรุกเข้ามาถึงห้องสภานัก เรียนอย่างอุกอาจ ศัตรูใส่หน้ากากเหล็กและใส่ชุดคลุมมิดชิดซึ่งข้างในซ่อนมีดหลายสิบเล่มใต้ ผ้าคลุมที่เหมือนยมทูต ศัตรูเพียงหนึ่งสามารถโค่นคนจากสภานักเรียนได้เกือบหมด สถานการณ์ดูย่ำแย่และไร้หวังอย่างยิ่ง สการ์เล็ตพยายามใช้ความคิดวิเคราะห์คู่ต่อสู้อย่างใจเย็นที่สุด ซึ่งจากที่เหล่าสภานักเรียนได้ปะทะด้วยผลคือ ศัตรูเป็นหญิงจากทรวดทรงของเธอ และ ยังถนัดการต่อสู้ด้วยมีดอย่างเชี่ยวชาญ เด็กสาวพยายามคิดหาทางชนะ แต่หนทางนั้นกลับดูมืดมนเหลือเกิน
ทันใดนั้นศัตรูของเธอนั้นเดินเข้ามาใกล้ขึ้นอย่างช้าๆ ผู้บุกรุกตรงหน้าเขี่ยมือของกรรมการสภาคนหนึ่งซึ่งขวางทางหล่อนด้วยเท้า ดวงตาสีดำขลับของคนร้ายแสดงถึงจิตสังหารอันแน่วแน่
“เธอต้องการอะไร” สการ์เล็ตร้องถามขณะที่ก้าววนออกจากมุมอับของห้อง สายตาสีแดงเพลิงจับจ้องไม่วางตาไปที่มือของคู่ต่อสู้
“เจ้าก็น่าจะรู้ ข้ามาที่นี่เพื่ออะไร” คนร้ายแสยะยิ้ม พลางหยิบมีดจากเสื้อคลุมขึ้นมาควงเล่น
“เธออยากได้ศาสตราเวทย์งั้นสิ” สการ์เล็ตตอบอย่างไม่เกรงกลัวด้วยสายตาที่ประดุจเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ มีหลายครั้งที่มีโจรหรือคนร้ายบุกเข้ามาเพื่อแย่งชิงของมีค่าอย่างเช่น ศาสตราเวทย์ในโรงเรียนแห่งนี้ และผู้อำนวยการจึงมอบหน้าที่นี้ให้เป็นหน้าที่ของสภานักเรียน และ ลือกันว่ามีเพียงประธานสภานักเรียนเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับความลับของศาสตรา เวทย์อันมีค่านี้
แต่ครั้งนี้แม้แต่ใครก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะถูกคนร้ายเพียงคนเดียวบุกเข้ามาถึง ห้องสภาและจัดการกับเหล่าสภาจนหมดท่า สภานักเรียนทุกคนต่างได้รับการคัดเลือกจากประธานเพื่อทำงานนี้ ดังนั้นเหล่านักเรียนที่ได้รับเลือกนี้ย่อมมีความสามารถระดับหัวกะทิอยู่ แล้ว กลับถูกโค่นล้มอย่างง่ายดาย นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
“ใช่สิ ข้าก็ได้ยินข่าวว่าเจ้าเองก็เป็นถึงว่าที่ประธาน ก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ยังไงก็เล่าที่อยู่ของของสิ่งนี้มาซะดีๆ แล้วเราอาจจะคุยกันดีๆก็ได้” ผู้บุกรุกส่งรอยยิ้มอันร้ายกาจให้กับสการ์เล็ต แต่เด็กสาวไม่หวั่นไหวกับคำขู่นี้
“ชั้นไม่รู้หรอก เพราะว่า ชั้นยังไม่ได้เป็นประธาน แต่ถึงรู้ชั้นก็บอกไม่ได้จ้ะ” สการ์เล็ตส่งยิ้มหวาน
“สงสัยจะคุยกันไม่รู้เรื่องซะแล้ว ระวัง หน้าสวยๆมีบาดแผลก็แล้วกัน” ศัตรูตรงหน้าแค่นเสียงหัวเราะในคอ
“ด้วยเกียรติของว่าที่ประธานและ ตระกูลเฟรมฮาร์ท ชั้นจะขอจัดการกับเธอเอง”
พูดจบเด็กสาวก็ร่ายคาถาลูกไฟโจมตีใส่ไม่ให้ตั้งตัว แต่ทว่าศัตรูปริศนาก็รู้ทันกระโดดหลบได้ สการ์เล็ตโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่ให้ผู้บุกรุกได้ตั้งหลัก เปลวเพลิงลุกลามติดผ้าม่านและพรมทั่วห้องอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้บุกรุกซัดมีดใส่เด็กสาวสามเล่มเพื่อโต้ตอบกลับ สการ์เล็ตกระโดดหลบหาโต๊ะเป็นที่กำบังก่อนจะสวนกลับด้วยลูกไฟขนาดยักษ์ ลูกไฟยักษ์พุ่งระเบิดหน้าต่างของห้องสภากระจัดกระจาย เศษกระจกบนบานหน้าต่างบิดเบี้ยวด้วยความร้อนของเปลวแห่งอัคคีเวทย์ ขณะที่ไฟลุกท่วมห้อง ผู้บุกรุกกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เด็กสาวกวาดตาหาทั่วห้องก็ไม่เจอ ทันใดนั้นมีเงาขนาดใหญ่ซ้อนทับเงาของเธอ สการ์เล็ตร่ายคาถาเพลิงขึ้นด้านบนสวนกลับมีดที่ถูกขว้างลงมา
เด็กสาวโดนมีดปักเข้าที่แขนขวาจนล้มกลิ้งไปกับพื้นห้องที่ส่วนใหญ่ถูกลุกลาม ด้วยไฟไปกว่าครึ่ง ส่วนศัตรูของเธอนั้นก็โดนเปลวไฟจนกระเด็นทะลุฝ้าเพดานขึ้นไปด้านบน เปลวไฟจากเวทย์ลุกลามติดผ้าคลุม ทำให้หล่อนต้องรีบดับไฟบนเสื้อผ้าตนเอง ก่อนที่จะก้มตรวจสอบความเสียหายที่ได้รับซึ่งพบแผลไฟลวกพองที่เอวของหล่อน คนร้ายกัดฟันกระโดดกลับลงมาบนพื้นห้องซึ่งลุกลามไปด้วยไฟ
แขนขวาของสการ์เล็ตเริ่มยกไม่ขึ้นเนื่องจากถูกพิษยาชาที่ฉาบบนมีด ร่างกายซีกขวาของเด็กสาวเริ่มชาจนหมดแรงเผลอปล่อยไม้กายสิทธิ์ร่วงหล่นจาก มือ เด็กสาวยิ้มอย่างสมเพศให้กับสภาพของตนเอง และ พยายามยันตัวขึ้นมาอย่างยากลำบาก ผมสีแดงนั้นถูกปล่อยอย่างกระเซอะกระเซิง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันจบแล้วว่าที่ประธานคนเก่ง ที่นี้ก็บอกมาซะทีว่ามันอยู่ที่ไหน” เจ้าคนร้ายหัวเราะอย่างสะใจ และ คว้ามีดอีกเล่มจากผ้าคลุมซึ่งมีรอยไหม้จากเปลวเพลิง
“มีปํญญาชนะคนตั้งมากมาย แต่กลับไม่มีปํญญาหาของเพียงชิ้นเดียว น่าตลกดีแท้ คิกคิก” สการ์เล็ตหัวเราะกลับ
“อย่ามาทำเป็นเล่นลิ้นนะ บอกมาก่อนที่ชั้นจะเอามีดนี้ตัดลิ้นเจ้าทิ้งซะ” ผู้บุกรุกจับคางและบีบอย่างรุนแรงจนน้ำตาของเด็กสาวเล็ดออกมา แต่เธอก็ไม่ยอมบอกที่ซ่อนแก่ผู้ไม่หวังดีนี้
“ชั้นก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าตัดลิ้นของชั้นทิ้งแล้วแกจะรู้ได้ไงว่ามันอยู่ที่ไหน” เด็กสาวพูดกวนประสาท และ หลับตาปี๋อย่างปลงว่าวันนี้ตัวเธอเองอาจจะไม่รอด
“ปากวอนหาเรื่องนักนะ งั้นลิ้นของเจ้านี้ข้าขอนะ” ศัตรูดึงลิ้นของสการ์เล็ตอย่างรุนแรง จนน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
ขณะที่มีดฉายประกายอำมหิตอยู่ใกล้ใบหน้าของเธอไม่กี่เซน เจ้าคนร้ายกลับถูกอะไรบางอย่างพุ่งชนเข้าใส่อย่างรุนแรงจนกระเด็นไปชนกับอีก ฟากหนึ่งของผนังห้อง สการ์เล็ตลืมตาขึ้นมาเห็นแผ่นหลังของเด็กหนุ่มซึ่งเด็กสาวคุ้นเคยเป็นอย่าง ดี ชิน เรเวนมาช่วยเธอแล้ว
ในป่าใหญ่แห่งหนึ่งเมื่อหกปีก่อน มีเด็กชายและหญิงเล่นวิ่งไล่จับกันจนเลยเข้าไปในป่าใหญ่และทึบ พวกเขาเดินหลงป่าอยู่หลายชั่วโมง สการ์เล็ตจำได้ว่าตอนนั้นเธอยังเด็กและร้องไห้เพียงอย่างเดียว และเด็กชายที่มาปลอบเธอในตอนนั้นคือ ชิน ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอขณะนี้ เขาบอกเพียงว่า ‘ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพ่อของเธอก็มาช่วย’ ‘ไม่เป็นไร ชั้นจะปกป้องเธอเอง’ และ ในขณะที่เด็กสาวกำลังเสียขวัญอยู่นั่นเองก็ได้เจอหมูป่าที่กำลังโมโห มันพุ่งเข้าจู่โจมพวกเขา เด็กชายได้ใช้กำลังของตนที่มีเพียงน้อยนิดต่อสู้หมูป่าตัวใหญ่เพียงลำพัง สุดท้ายเด็กชายผู้นั้นเป็นฝ่ายชนะ แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปแต่เด็กสาวยังจำแผ่นหลังนั้นได้ดี มันเป็นแผ่นหลังของเด็กชายผู้ที่ปกป้องเธอจากอันตราย
ด้วยความมึนเบลอจากพิษของยาชาบนมีดทำให้สการ์เล็ตเห็นภาพปัจจุบันซ้อนทับกัน ในอดีต น้ำตาของเด็กสาวไหลพราก เธอใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่กระโดดกอดหลังของชินอย่างแนบแน่น ทำให้ชินรู้สึกเคอะเขิน แต่เด็กหนุ่มก็ปล่อยให้สการ์เล็ตใช้แผ่นหลังของเขาซับน้ำตาเพื่อปลอบเธอ จนเด็กสาวผมสีเพลิงเริ่มรู้สึกดีขึ้น หัวใจของชินเต้นโครมคราม เพราะ รู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ถ่ายทอดมาจากเด็กสาว
“ข้าละเกลียดพวกดราม่าน้ำตาแตกจริงๆ” เจ้าคนร้ายใช้มือยันตัวลุกขึ้นมา และ แสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม “เอ้าๆ พ่อพระเอกขี่ม้าขาวออกโรงแล้วเหรอ”
ชินไม่ใส่ใจกับคำพูดยั่วโทสะของคนแปลกหน้า เขาหันมาดูบาดแผลที่เกิดจากมีดบนแขนขวาของสการ์เล็ต เด็กหนุ่มหยิบน้ำสะอาดล้างแผลก่อนจะใช้ผ้าสะอาดจากแขนเสื้อเขามัดปากแผลไม่ ให้เลือดไหลออกมาเพิ่ม
“เจ็บมากมั้ย ชั้นมัดแน่นไปหรือเปล่า” เสียงของเขาพูดออกมาอย่างอ่อนโยน เด็กสาวส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร
เมื่อเด็กหนุ่มปฐมพยาบาลสการ์เล็ตเสร็จก็เดินมาขวางระหว่างเด็กสาวกับคนร้าย หยิบดาบเล่มหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
“ซิลเวีย ฝากสการ์เล็ตด้วย” เขาหันหน้ากลับไปหาซิลเวีย นี่ไม่ใช่การสั่ง แต่เป็นการขอร้อง
“ถึงชั้นจะไม่ชอบเธอ แต่คราวนี้จะยกเว้นให้ครั้งหนึ่ง” ซิลเวียบ่นก่อนที่จะพาสการ์เล็ตถอยออกมา
“แหม รู้สึกเป็นเกียรติจัง อย่างนี้ชั้นคงต้องขอบคุณเธอแล้ว คิกคิก” สการ์เล็ตหัวเราะ
“ชั้นจะอัดแก ถึงแม้ว่าแกจะเป็นผู้หญิงก็ตาม เพราะว่า บังอาจทำร้ายเพื่อนของชั้น” ชินชี้หน้าและประกาศเสียงแข็ง
“เฮอะ จะมีปัญญาแค่ไหนกันเชียว” ผู้บุกรุกตอบกลับด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม
“ระวัง มีดของหล่อนมีพิษนะ” สการ์เล็ตร้องเตือน
“อืม เข้าใจแล้ว”
เด็กหนุ่มกำชับดาบในมือแน่น ตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ คนร้ายไม่รอช้าขว้างมีดใส่เขาทันที ชินเบี่ยงตัวหลบและม้วนตัวส่งแรงตวัดดาบใส่คอของอีกฝ่าย ศัตรูใช้ความอ่อนตัวของร่างกายเอี้ยวตัวหลบอย่างเหลือเชื่อ แต่เด็กหนุ่มไม่ได้จบท่าเพียงแค่นี้ เขาหมุนตัวอีกครั้งเพื่อฟันข้อเท้า ทว่าฝ่ายตรงข้ามตีลังกาหลังหลบคมดาบไปได้อย่างหวุดหวิด ชินไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชักมีด เขาแทงอีกทีที่ชายโครงแผลเก่าที่โดนคาถาไฟของสการ์เล็ตจนพุพอง ด้วยอาการบาดเจ็บจากแผลเก่าทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง จนเฉี่ยวโดนดาบของชินไปนิดนึง คนร้ายกลิ้งลงกับพื้น และ ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ชินจะลงดาบซ้ำได้ ผู้บุกรุกถอยกรูดจนหลังไปชนติดผนัง หล่อนตรวจดูความรุนแรงของบาดแผลซึ่งถูกคมดาบบาดไม่ลึก เลือดไหลออกมาเลอะฝ่ามือและเสื้อผ้า
“ไม่เลวนี่เจ้าหนู” รอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหล่อนไม่ได้หายจากใบหน้า “รับนี่ไป” คมมีดถูกสะบัดจากผ้าคลุมเกือบสิบเล่ม เมื่อมีดพุ่งเข้ามาใกล้ถึงตัวชิน ตัวของเด็กหนุ่มกลับหายไป มีดที่ถูกขว้างกลับโดนเพียงอากาศ และ เด็กหนุ่มปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าของผู้บุกรุก ชินแทงดาบใส่คอหอย แต่ถูกป้องกันด้วยมือข้างซ้าย คมดาบทะลุมือเข้าไปเกือบสามนิ้ว หล่อนหน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บปวดและพยายามฝืนคว้ามีดจากผ้าคลุมแทงสวนกลับไป แต่กลับถูกเพียงอากาศ ตอนนี้รอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียมได้เหือดหายไปจากใบหน้าจนหมดสิ้น เปลี่ยนเป็นความตกใจเข้ามาแทนที่
“อะไรกัน ทำไมเจ้าถึงเคลื่อนไหวรวดเร็วถึงเพียงนี้”
“จ้างให้ก็ไม่ตอบ” เด็กหนุ่มตอบอย่างยียวน
คนร้ายพยายามทำใจเย็นลงและประเมินสถานการณ์โดยรอบอย่างรอบคอบ ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วหล่อนกำลังเหนื่อยและบาดเจ็บจากการต่อสู้ อีกทั้งยังมีเด็กสาวตาสีฟ้ารอช่วยสนับสนุนเด็กหนุ่มผู้นี้ ถ้ายังขืนดื้อดึงไปก็เสียเปรียบ เมื่อประเมินอย่างถี่ถ้วน จึงควรล่าถอยเพื่อหาโอกาสลงมือใหม่
“ท่าทางชั้นจะเสียเปรียบซะแล้ว” ผู้บุกรุกเอ่ยปากยอมรับ
“แสดงว่าจะยอมแพ้แล้วหรือ?” เด็กหนุ่มถาม
“ชั้นบอกว่าเสียเปรียบ แต่ใช่ว่าจะยอมแพ้ คราวนี้คงต้องยอมลามือแต่เพียงเท่านี้ คราวหน้าชั้นจะมาใหม่ ตอนรับชั้นดีๆละ ฮ่าๆๆๆ” พูดจบก็กระโดดลงจากริมหน้าต่างหายลับไป
ชินวิ่งตามไปดูที่หน้าต่างแต่ก็ไม่เจอผู้บุกรุกรายนี้อีก จึงทิ้งดาบและกลับมาหาพวกซิลเวียที่รออยู่ตรงหน้าประตูทางออกห้องสภาซึ่งบัด นี้เปลวไฟที่ลุกโชกช่วงกลับมลายหายจนสิ้น เพราะ เวทย์ของสการ์เล็ต
“พวกเธอสองคนไม่เป็นไรนะ” เขาถามอย่างเป็นห่วงพลางดูแผลของเด็กสาวผมสีเพลิงไปด้วย
“ชั้นไม่เป็นไร” ซิลเวียยิ้มตอบ
“ฮือ ฮือ น่ากลัวจังเลย” อยู่ๆ สการ์เล็ตกระโดดเข้ามาเกาะแขนเด็กหนุ่มไว้จนเขาเกือบทรุดตัวล้มลง ซิลเวียที่อยู่ข้างร้องเสียงหลงอย่างไม่พอใจ ชินเห็นเด็กสาวสู้กับคนร้ายด้วยตัวคนเดียวอย่างกล้าหาญ ภายในจิตใจคงกลัวมาก เขาจึงลูบผมของสการ์เล็ตเป็นการปลอบอย่างแผ่วเบาซึ่งหล่อนก็ทำตัวว่าง่าย เหมือนลูกแมว
ในขณะที่ผมกำลังปลอบสการ์เล็ตอยู่นั้น ซิลเวียก็ถลึงตาใส่สการ์เล็ตซึ่งกำลังนอนหนุนอยู่บนตักเขา
“ยิ้มล้อเลียนชั้นเรอะ ยัยจิ้งจอก” แววตาสีน้ำเงินเกรี้ยวกราดดุจทะเลคลั่งจ้องเด็กสาวผมเพลิงไม่วางตา
“คิกคิก แหม อิจฉาตาร้อนละสิ เธอนี่เป็นผู้หญิงขี้หึงจริงๆนะ ซิลเวีย มูนวอลท์” สการ์เล็ตส่งสายตาหยอกล้อซิลเวีย จนซิลเวียโกรธจนหน้าแดง
“เดี๋ยวก่อนสิ จะทะเลาะกันทำไม” ผมพยายามห้ามปราม แต่ทว่าไม่อาจหยุดการทะเลาะได้
“เจ้าตูบ กลับมาหาเจ้าของ เดี๋ยวนี้” ซิลเวียส่งสายตาค้อนมาทางเขา ทำให้ผมรู้สึกสะดุ้งโหยง
“แหม อย่าไปสนใจเจ้านายใจร้ายเลย มาหาคู่หมั้นอย่างชั้นดีกว่า” สาวผมเพลิงดึงแขนเขาเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงไออุ่นจากตัวเธอ
“เจ้าหมาโง่ นายเป็นของชั้น” ซิลเวียคว้าแขนเขาอีกข้างดึงเข้าไปหาตัวเอง กลิ่นวานิลลาหอมจนเขาเกือบเคลิ้ม
“ของชั้น” สการ์เล็ตดึงกลับ
“ของชั้น” ซิลเวียดึงกลับ
“ของชั้น”
“ของชั้น”
“โอ๊ย ชั้นไม่ได้เป็นสิ่งของนะ” ผมโวยออกมา เพราะ ทนไม่ไหว
“เป็นสิ!” สองสาวประสานรวมเสียงกันจนผมผงะไปด้านหลัง
หงิง หงิง ชีวิตผมกลายเป็นอะไรแล้วเนี่ย ฮือ ฮือ
.............................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น