ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Feuer/Mond/Blut อัคคี/จันทรา/โลหิต

    ลำดับตอนที่ #4 : การสอบ และ บททดสอบ

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 54


    ห้องเรียนเวทย์มนตร์
    “สัปดาห์หน้าจะมีการสอบเวทย์มนตร์” อาจารย์อาเรียผู้สอนวิชาเวทย์มนตร์พื้นฐานประกาศหน้าห้อง ทำให้นักเรียนทุกคนต่างส่งเสียงไม่พอใจ
    “เงียบ! การเรียนก็ต้องมีการสอบตามมาเป็นธรรมดา สิ่งที่จะสอบ คือ คาถาลอยตัว และ คาถาเรียกสิ่งของ จบการสอนเท่านี้”
    นักเรียนทุกคนเดินออกจากห้องเหลือเพียงชินกับเจมส์
    “สอบเหรอ ชั้นเกลียดการสอบที่สุดเลย ชั้นยังใช้เวทย์ไม่ค่อยได้เลย” เจมส์บ่นกับผม
    “เหมือนกัน ชั้นก็ใช้เวทย์เป็นแค่เวทย์เดียวเท่านั้น พวกเราสองคนก็แย่พอๆกัน” ชินฟุบหน้าลงกับโต๊ะ “นายมีความคิดดีๆบ้างไหม” ผมถามเขา
    “ลองไปขอร้องซิลเวียหวานใจนายดูดิ เผื่อเธอจะสอนให้ก็ได้” เจมส์ยิ้มอย่างกวนๆ พลางส่งสายตาไปที่ประตู ผมจึงมองตามไปซึ่งก็เห็นหล่อนรออยู่
    “ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ใช่แฟน แต่ชั้นว่าไม่ขอร้องเธอจะดีกว่า” ผมพูดจบก็ลุกขึ้นเก็บหนังสือ แล้วจึงเดินไปหาเดินไปหาซิลเวีย
    “มีอะไรเหรอ ซิลเวีย” ผมถามเธอ อะไรดลใจให้หล่อนรอเขากัน
    “เรื่องเวทย์มนตร์น่ะ...” เด็กสาวพูดติดขัด “มา..เอ่อ...สอนให้เอามั้ย” หน้าของเธอแดงไปจนถึงใบหู ดวงตากลมสีฟ้าส่องประกาย ทำให้ผมต้องหลบสายตาของหล่อน ไม่อย่างนั้นหัวใจของเขาคงจะเต้นโครมครามอีกครั้ง
    “ก็ได้นะ แต่..” ชินหันมองไปที่ เจมส์ เพื่อนของเขา “ให้เพื่อนของชั้นร่วมด้วยได้มั้ย”
    “แน่นอนชั้นยินดีเมตตาที่จะสอนพวกนาย จงซาบซึ้งความเมตตาของชั้นซะ” ซิลเวียตอบตกลงแต่สีหน้าดูไม่พอใจอะไรบางอย่าง
    “อือ” ชินรับคำ
    “ชิ ทำไมต้องมีก้างขวางคอด้วยนะ” เด็กสาวบ่นพึมพำเสียงเบา
    “ก้างอะไรเหรอ” เขาถาม
    “เปล่า ไม่มีอะไร” หล่อนสะบัดหน้าแล้วเดินจากไป

    .....................................

    ณ สวนผักหลังโรงเรียนโซโลมอน มีผักปลูกไว้นานาพันธุ์ เช่น ผักกาด ผักคะน้า และอื่นอีกนานาพันธุ์  นี่เป็นโครงการหนึ่งของผู้อำนวยการที่ต้องการลดภาระ ค่าใช้เกี่ยวกับอาหารลง ในช่วงภาวะสงครามซึ่งข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ชินคิดว่านี่เป็นความคิดของผู้อำนวยการที่เขาเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
    ชิน เจมส์ และ ซิลเวีย เดินทางไปที่สวนข้างโรงเรียนเพื่อฝึกซ้อมเวทย์มนตร์ที่จะสอบในสัปดาห์ที่จะถึงนี้

    “ทำไมต้องมาที่ร้อนของพวกคนรับใช้ด้วยเนี่ย” ซิลเวียบ่นอย่างอารมณ์เสีย พลางเอาหยิบพัดในมือขึ้นมาโบกคลายร้อน
    “พอดีชั้นสนิทกับคนที่นี้น่ะ และ อีกอย่างที่นี่เงียบสงบดี ไม่ค่อยมีใครมาหรอก” ผมยิ้มให้กับเธอ
    แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งที่ดูร่าเริงที่สุดไปกับการเดินลุยสวนแห่งนี้
    “ดูดิ ชิน ฟักทองลูกเบ้อเร้อเลย และ นั่น โห ผักเยอะไปหมดเลย ชิน นายรู้จักคนสวนใช่ไหม” เจมส์พูดอย่างตื่นเต้น
    “ใช่ อยากกินซุปผักใช่ไหมละ ได้เดี๋ยวชั้นจะลองขอ” เขายิ้มให้กับเพื่อนของเขา
    “นายช่างเป็นเพื่อนที่รู้ใจจริงๆ” เจมส์หัวเราะอย่างร่าเริง
    พวกเขาเดินไปจนถึงบ้านไม้เล็กๆหลังหนึ่งกลางสวน ชินเดินไปเคาะประตู สักครู่หนึ่งประตูก็เปิดออกมาปรากฎเด็กสาวใส่แว่นตายิ้มให้พวกเขา ชุดของหล่อนเต็มไปด้วยรอยปะหลายแห่งแสดงให้รู้ถึงความเก่าของผ้า
    “หวัดดีมาเรีย สบายดีมั้ย” ชินถาม

    ชินมักจะมาช่วยงานที่สวนผักอยู่เนืองนิจ ทำให้ชินสนิทกับคนที่นี่ โดยเฉพาะลูกสาวของหัวหน้าคนดูแลแปลงผัก หล่อนมีชื่อว่า มาเรีย แอนเดอสัน ลักษณะภายนอกเป็นเด็กสาวหน้าตาธรรมดาสวมแว่นตากลมเป็นเอกลักษณ์ ส่วนนิสัยของหล่อนนั้นเป็นเด็กสาวที่มีนิสัยร่าเริง และ ขยันทำงานที่สวน ชินได้รับการช่วยเหลือหลายอย่างในช่วงที่เข้าเรียนที่นี่ใหม่ๆ บางครั้งเขาก็ไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกับครอบครัวของหล่อน

    “สบายดีเจ้าค่ะ แล้วท่านชินล่ะคะ” หล่อนทักทายอย่างสุภาพ
    “อืม ก็พอจะเรียกว่าสบายดี..มั้ง” เขาตอบอย่างลังเล “เอ่อ และข้างซ้ายของชั้นคือเพื่อนร่วมชั้น ชื่อ เจมส์ ริดเดล เป็นเพื่อนสนิทในโรงเรียนที่ชั้นเคยเล่าให้เธอฟัง และ เธอคนนี้ ชื่อ ซิลเวีย มูนวอลท์ เธอเป็น เอ่อ..” เขาไม่รู้ว่าระหว่างเขากับซิลเวียอยู่ในความสัมพันธ์แบบไหน
    “เจ้านายของเขา” ซิลเวียชี้มือมาทางชิน
    “ก็บอกแล้วไงว่าชั้นไม่ใช่ข้ารับใช้เธอสักหน่อย” ผมโวยใส่ซิลเวีย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจกับการแย้งของเขาเสียเลย
    “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันชื่อ มาเรีย แอนเดอสัน เป็นลูกสาวของหัวหน้าคนทำสวนที่นี่เจ้าค่ะ” เด็กสาวสวมแว่นแนะนำตัว
    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ/ค่ะ”

    ..........................................

    ภายในบ้านไม้ที่ดูเล็กกะทัดรัด แต่กลับดูมีอบอุ่น เป็นภายในมีห้องเล็กๆแบ่งเป็น 3 ห้อง ห้องนอน ห้องครัว และ ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ภายในล้วนทำมาจากไม้ที่หาได้ตามแถวนี้จำพวกไม้สน ไม้โอก มาเรียเดินหายเข้าไปในครัว และกลับมาพร้อมกับชาตะไคร้หอม กับ พายฟักทอง

    “โอ้ พายฟักทองอร่อยจริงๆ” เจมส์ชมขณะที่เคี้ยวพายจนแก้มตุ่ย
    “ไอ้พวกไร้มารยาท พูดขณะที่อาหารอยู่ในปากมันไม่ดีนะ” ซิลเวียยื่นมือตบแก้มเจมส์จนเกือบสำลัก
    “ขอโทษคร้าบ” เจมส์รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดบริเวณปากของเขา
    “ว่าแต่ชานี่หอมจริงๆ เธอเป็นคนชงเองเหรอ” ซิลเวียถามมาเรีย
    “ใช่เจ้าค่ะ ดิฉันเป็นคนชงชานี้เอง แต่คงไม่ดีเท่ากับชาที่พวกคุณเคยดื่มมาก่อนน่ะค่ะ” มาเรียพูดอย่างถ่อมตัว
    “ไม่นะ ชั้นว่าชานี่เป็นชาที่กลิ่น และ รสชาติดีทีเดียว ชั้นเองก็ไม่นึกว่าตะไคร้จะเข้ากับชาได้ขนาดนี้” ซิลเวียชมอย่างจริงใจพลางสูดกลิ่มตะไคร้หอมจากชาถ้วยที่เธฮถือ
    “อืม ฝีมือของมาเรียนี่ดีจริงๆ ทำไมไม่ไปเปิดร้านอาหารนะ” คราวนี้หลังจากที่ผมเงียบมานาน จึงถามบ้าง ถ้ามาเรียไปเปิดร้านอาหารแล้วละก็ คงมีลูกค้าต่อคิวยาวเป็นขบวนอย่างแน่นอน
    “คือดิฉันไม่ได้มีฝีมือดีขนาดนั้น ค่ะ” หล่อนหลุบสายตาต่ำลงอย่างเขินอายที่ถูกคนชม
    “มาเรีย พ่อของเธอตอนนี้ไปไหนเหรอ” ผมถามต่อ
    “พอดีพ่อชั้นต้องไปดูสวนที่หลังเขาโน้นค่ะ” มาเรียตอบพลางมองออกไปที่นอกหน้าต่างบ้านไม้
    “เอ้า เข้าเรื่องเลยดีกว่า” ผมเปลี่ยนเรื่อง “คือว่าพวกเราอยากมาหาที่ฝึกซ้อมเวทย์มนตร์ก่อนที่จะสอบในสัปดาห์หน้าน่ะ ก็เลยอยากจะขอบริเวณว่างๆ สำหรับการฝึกซ้อม” ผมพูดจบก็ดื่มชาตะไคร้หอมจนหมดถ้วย ใจจริงก็อยากจะขออีกถ้วยแต่ก็เกรงใจมาเรีย
    “ก็ได้ค่ะ พอดีมีบริเวณที่เพิ่งถูกไถกลบหน้าดินใหม่ค่ะ อยู่ห่างจากบ้านหลังนี้ประมาณ ร้อยเมตรค่ะ”
    “อืม กินเสร็จพวกเราก็ไปกันเถอะ และ มาเรียฝากบอกพ่อของเธอด้วยนะว่าชั้นมาน่ะ”

    .................................................

    หลังจากพวกเรารับประทานอาหารสุดแสนอร่อยของมาเรียจนอิ่ม พวกเราก็เดินต่อไปจนถึงสวนที่มาเรียบอก ซึ่งสวนนี้ยังไม่ต้องปลูกอะไร ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวอะไรเสียหาย พวกเราจึงช่วยกันเตรียมอุปกรณ์การฝึกต่างๆ อย่างเช่นกล่องไม้ สิ่งของต่างๆ ซึ่งเหมาะแก่การฝึกเวทย์ลอยตัว กับ คาถาเรียกสิ่งของ ซึ่งดูเหมือนซิลเวียจะไม่มีปัญหาใดๆ แตกต่างจากชินกับเจมส์ที่ดูเหมือนยังทำไม่ได้เลย

    “แค่เวทย์ง่ายๆ ทำไมถึงทำไม่ได้กันซักที” ซิลเวียจ้องชินตาเขม็ง ดวงตาสีน้ำเงินของหล่อนดูหงุดหงิดกับการไร้พัฒนาการของเขากับเจมส์
    “ก็ที่เธอสอนมันไม่เข้าใจน่ะ” ผมบ่นออกมาจากใจจริง
    “เจ้าหมาโง่นึกภาพมันลอยได้สิ พูดว่า จงลอย จงลอย จงลอย” หล่อนพยายามใจเย็นแล้วสอนต่อ
    “จงลอย จงลอย จงลอย” ผมท่องอย่างเหนื่อยอ่อน ผมเห็นแค่มันเริ่มเคลื่อนนิดนึง(นิดเดียวจริงๆ) ส่วนเจมส์ลอยได้สักประมาณสามเซนติเมตรก็ตกลงมา
    “เจ้าพวกเต่าล้านปีทำไมไม่พัฒนาสักที” ซิลเวียบ่นอย่างหงุดหงิด
    “นี่ก็ชั้นไม่ได้เพอร์เฟคเหมือนเธอนะ จะได้ทำได้ทุกอย่าง” ความหงุดหงิดจาการฝึกฝน และ ยิ่งต้องโดนหล่อนด่าเขา ทำให้ชินเผลอตัวประชดประชัน
    “แน่นอนชั้นเพอร์เฟคอยู่แล้ว แต่เจ้าหมาโง่อย่างนายสอนเท่าไหร่ก็ไม่จำสักที” ซิลเวียจ้องผม แววตาสีน้ำเงินแสดงถึงความโกรธ
    “ใช่ ชั้นมันเจ้าหมาโง่นี่ ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น” อารมณ์ขุ่นเคืองใกล้จะระเบิด ทำให้ผมต้องรีบเดินออกไปจากที่นี่ก่อนที่เขาจะทำอะไรผิดพลาดลงไป
    “ใครอยากจะยุ่ง เชอะ จะไปไหนก็ไป” ซิลเวียสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

    ...............................................

    ผมเดินกลับเข้ามาในโรงเรียน เพื่อเปลี่ยนชุดที่เหม็นไปด้วยเหงื่อไคล การที่เขาได้อาบน้ำทำให้จิตใจที่ขุ่นมัวได้ผ่อนคลายลง เขาน่าจะไปขอโทษซิลเวียที่ประชดประชันหล่อน คิดได้ดังนั้นเขาจึงเดินออกจากหอพักชายผ่านน้ำพุกลางเพื่อจะไปยังสวนผักข้าง โรงเรียน แต่เขากลับพบกับชายสวมแว่นรูปร่างไม่นักยืนขวางประตูไว้

    “ขอทางหน่อยครับ” ผมพูดจากับเขาอย่างสุภาพ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ฟัง
    “ถอยไปได้ไหมครับ ชั้นต้องการผ่านทางนี้” ผมจ้องเขาอย่างหงุดหงิด
    “ชื่อนาย คือ ชิน เรเวน เป็นลูกพ่อค้าเร่ที่ชื่อ จอห์น เรเวน เข้าโรงเรียนนี้โดยความช่วยเหลือของผู้อำนวยการ” ชายหนุ่มใส่แว่นขยับแว่นตา ทำไมเขารู้ประวัติของผมละเอียดขนาดนี้
    “ผมสงสัยจริงๆ ทำไมท่านสการ์เล็ตถึงได้สนใจคนไร้ความสามารถอย่างนาย” เขาขยับแว่นตาอีกครั้งเพื่อมองผมให้ชัดขึ้น ตอนนี้ผมเองก็เริ่มหงุดหงิดที่ต้องเจอกับคนดูถูกเขา แต่เขาจะต้องรีบไปยังสวนผัก
    “ถอยไปเดี๋ยวนี้” ผมสั่งด้วยเสียงเฉียบขาด นัยน์ตาของชินเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มแสดงถึงความโกรธ
    “ถ้าชั้นไม่ถอยละ” ผู้ชายใส่แว่นพูดจายียวน
    “ชั้นก็จะผ่าน!! บลิงค์!!” ร่างของชินหายไปในพริบตา เขาใช้เวทย์บลิงพุ่งผ่านชายผู้สวมแว่นตาเพื่อไปที่ประตู แต่กลับถูกกำแพงที่มองไม่เห็นผลักกระเด็นออกมา
    “โอ๊ย” ผมร้องเสียงหลง แล้วจ้องกลับไปที่ประตู ซึ่งเหมือนกับมีกำแพงโปร่งแสงกั้นไว้
    “นายจะเอาอย่างไรกับชั้น” ชินเอามือยันตัวเองลุกขึ้นยืน
    “เอาชนะชั้นให้ได้แล้วชั้นจะปล่อยนายผ่านไป” ชายใส่แว่นขยับแว่นตาอีกครั้งหนึ่ง “ขอแนะนำตัว ชื่อของชั้น คือ ไครท์ เบลค”
    “ชั้นจะทำให้นายต้องเสียใจที่บังอาจกวนประสาทชั้นในเวลานี้” ชินชักมีดเล่มหนึ่งจากหว่างเอวอยู่ในท่าเตรียมพร้อม
    ทั้งสองต่างจ้องตากัน แต่กลับไม่รู้ตัวว่ามีอีกคนหนึ่งแอบมองโชว์สนุกที่กำลังจะเริ่มขึ้น

    ....................................................

    อีกด้านหนึ่งของสวนซึ่งเหลือเพียงสองคนที่กำลังฝึกเวทย์มนตร์
    “ดูสิ คุณซิลเวีย ผมใช้คาถาลอยตัวได้แล้ว” เจมส์พูดอย่างร่าเริงพลางแสดงให้ดูโดยการยกกล่องไม้ลอยขึ้นสูงเหนือหัว
    “ก็ดี” ซิลเวียแทบไม่ได้หันมามองที่เจมส์ แต่กลับมองทิวทัศน์เงียบๆ คนเดียว ตั้งแต่ชินเดินออกไป ทำให้เธอไม่มีสมาธิในการฝึกเวทย์มนตร์ทำได้แต่นั่งถอนหายใจครั้งแล้วครั้ง เล่า
    “คุณซิลเวีย ช่วยสอนคาถาเรียกของต่อด้วยครับ” เจมส์เดินมาขอร้องซิลเวีย แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับจากเธอ เขาจึงเรียกอีกครั้งด้วยเสียงดัง “คุณซิลเวีย ช่วยสอนต่อด้วยครับ
    “โอ๊ย ชั้นไม่มีอารมณ์จะสอน” พูดจบหล่อนก็เดินจากไป ปล่อยให้เจมส์ยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    ซิลเวียเดินกลับไปที่บ้านไม้ของมาเรีย ภายในใจของซิลเวียกลับมีอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่สายหนึ่ง ซึ่งมันไม่เชิงโกรธ หรือ เศร้า แต่มันทำให้หล่อนหงุดหงิด กระวนกระวายใจ เธอรู้ว่ามันเกิดจากคนที่ชื่อว่า ชิน ซึ่งเธอไม่อาจสงบอารมณ์อันขุ่นเคืองนี้ ดวงตาคู่สีฟ้าสวยเริ่มขุ่นมัวด้วยน้ำตา พยายามมองหาคนที่กำลังกลับมาอย่างกังวลใจ

    “เจ้าหมาโง่ ถ้ากลับมานะชั้นจะตีให้ตาย บังอาจให้เจ้านายต้องรอ” ซิลเวียตะโกนระบายความหงุดหงิด เธอรู้สึกดีขึ้นจากการใช้เสียงระบายความขุ่นเคือง ถึงแม้ว่ามันยังไม่ได้หมดไปโดยสิ้นเชิงก็ตาม
    “หมาที่ไหนเหรอเจ้าคะ” มาเรียส่งเสียงโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงจนซิลเวียตกใจ
    “เอ่อ เธอ อยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ซิลเวียถามอย่างลนลาน
    “ก็ตั้งแต่ที่คุณซิลเวียพูดว่า เจ้าหมาโง่ ถ้ากลับมานะชั้นจะตีให้ตาย บัง...” “พอแล้ว” ซิลเวียตัดบทเธอรู้สึกเขินอายที่คนอื่นได้ยิน มาเรียหรี่ตามองดูซิลเวียอย่างพิจารณา
    “ให้ชั้นเดานะเจ้าคะ เจ้าหมาโง่ที่ว่าคงหมายถึง คุณชินใช่ไหมคะ” มาเรียลองเดาดูซึ่งหล่อนก็เดาถูกด้วย
    “ใช่ เจ้าหมาโง่นั่นทำให้ชั้นต้องหงุดหงิดอยู่เรื่อยเลย” ซิลเวียบ่นระบายให้กับมาเรียฟัง
    “อ้อ เข้าใจแล้ว” มาเรียพยักหน้ากับตัวเอง
    “เข้าใจเรื่องอะไร?” ซิลเวียมองหล่อนด้วยความสงสัย
    “เข้าใจว่า คุณซิลเวียชอบคุณชินใช่ไหมคะ ไม่ทราบว่าดิฉันเข้าใจถูกต้องไหม” มาเรียยิ้ม แต่อีกฝ่ายกลับหน้าถอดสีเลยทีเดียว
    “ไม่ใช่นะ คือว่า เจ้านั่นเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง ดังนั้นชั้นต้องดูแลไม่ให้มันไปอี๋อ๋อใส่คนอื่น ใช่ๆ มันเป็นหน้าที่ มันเป็นหน้าที่ของเจ้านาย” ดวงตาสีฟ้ากลอกไปมาพยายามปิดบังสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจไม่ไห้คนอื่นรู้ หัวใจของซิลเวียทำงานอย่างหนักมันสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงใบหน้าของหล่อนจนหน้า ของซิลเวียแดงด้วยความเขินอาย
    “คิกคิก คุณซิลเวียเวลาอายนี่น่ารักนะเจ้าคะ ถ้าคุณชินมาเห็นก็คงจะใจอ่อนนะเจ้าคะ” มาเรียแกล้งแซวซิลเวียต่อ ทำหน้าของซิลเวียยิ่งแดงขึ้นไปอีก
    “เอาล่ะ งั้นเปลี่ยนเรื่องเลยแล้วกัน พอดีตอนชั้นไปเก็บมะเขือเห็นคุณซิลเวียกับคุณชินคุยใส่กันเสียงดัง ดิฉันเดาว่าคงทะเลาะกันมาใช่ไหมเจ้าคะ” หล่อนขยับแว่นตา เพื่อมองดูเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสดสวยให้ชัดขึ้น
    ซิลเวียสูดหายใจเข้าลึกและ ถอนหายใจออกมา ใบหน้าสวยเริ่มคิ้วขมวดกังวลอีกครั้งหนึ่ง
    “คือว่า มาทำอาหารเย็นด้วยกันกับดิฉันไหมคะ ดิฉันชื่อว่าอีกไม่นานคุณชินคงจะหายโกรธและกลับมาขอโทษคุณซิลเวีย ตั้งแต่รู้จักกับเขา คุณชินเวลาโกรธ จะโกรธแค่แปปเดียวคะ เขาเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว อีกสักพักดิฉันเชื่อว่า เขาจะต้องกลับมาขอโทษ และ จะได้เป็นการยิงนัดเดียวได้นกสองตัวด้วย” มาเรียออกปากเชิญชวน
    “ยิงนัดเดียวได้นกสองตัวยังไง?” ซิลเวียเอียงคอด้วยความสงสัย แววตาสีน้ำเงินเต็มไปด้วยความอยากรู้
    “ก็อย่างแรก พวกเราต่างเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ถ้าได้ทานอาหารอร่อยๆ ก็จะช่วยผ่อนคลายได้มากนะเจ้าคะ” มาเรียชูหนึ่งนิ้ว
    “และ อย่างที่สองละ”
    “ก็เป็นการทำคะแนนหัวใจด้วยไงละเจ้าคะ ฮิฮิ” มาเรียหัวเราะซิลเวียที่ตอนนี้หน้าแดงเป็นมะเขือ
    “ถ้าแซวชั้นอีก ชั้นจะลงโทษเธอ” ซิลเวียบ่นอุบทั้งที่หน้าแดงฉ่า

    ........................................

    เสียงระเบิดดังโครมครามจากเวทย์และคาถาของไครท์ แต่ชินก็กระโดดหลบอย่างว่องไว เนื่องจากการเป็นคู่ซ้อมดาบให้กับซิลเวียทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองของเขารวด เร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก รวมทั้งเขายังลดการเคลื่อนไหวที่เกินความจำเป็นทำให้ฝีมือของชินก้าวหน้า ขึ้นอย่างมาก แต่เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ไครท์ได้ เพราะ ไครท์สามารถรักษาระยะห่างระหว่างตัวเขาเองกับชินได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการเวทย์ของเขายังช่วยสกัดการบุกของชิน

    ‘เราเคลื่อนไหวรวดเร็วขนาดนี้ แต่กลับรักษาระยะห่างระหว่างกันได้ ไครท์ไม่ธรรมดาจริงๆ’
    “ฮ่าๆๆ ชั้นชนะแล้ว ชั้นรู้นะนายใช้เวทย์บลิงค์ต่อเนื่องได้แค่เจ็ดครั้งเท่านั้น” ไครท์กล่าวอย่างมั่นใจพลางขยับแว่นตาด้วยมือขวา
    “อย่ามั่นใจให้มันมากนัก บลิงค์”

    ชินใช้เวทย์บลิงค์เข้าโจมตีด้านหลัง แต่ถูกไครท์ใช้เวทย์เมจิกคัทเตอร์สกัดไว้จนต้องถอยออกมา แต่เขาก็ไม่ละพยายาม เขาใช้เวทย์บลิงค์พุ่งโจมตีจากด้านหน้า แต่ก็ไร้ผล ไครท์ใช้กำแพงเวทย์ป้องกันด้านหน้าไว้ได้ และ ถูกสวนกลับด้วยไฟบอลจนกระเด็นล้มลงกับพื้น เสื้อของชินไหม้เล็กน้อย มีแผลถลอกบริเวณแก้มซ้ายของเขา ไครท์ยังหัวเราะอย่างมั่นใจจนชินอยากจะชกสักหมัดใส่หน้า แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่ชกเลย แค่เข้าให้ถึงตัวยังยากเลย ชินวิ่งไปหลบมุมที่หลังน้ำพุที่โดนทำลายโดยเวทย์มนตร์เพื่อถ่วงเวลาคิดหา วิธีจัดการกับคู่ต่อสู้ในครั้งนี้ และ ก็ด้วยความบังเอิญเขาเห็นก้อนหินก้อนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างๆเขา ชินแสยะยิ้ม

    “อะไรกันกลัวแล้วหรือ อย่างนี้ท่านสการ์เล็ตคงจะชื่นชมเราที่สามารถชนะเจ้าลูกพ่อค้านั่นได้ ฮ่าๆๆๆ” ไครท์หัวเราะอย่างมั่นใจ
    ชินเดินออกมาจากกองซากน้ำพุที่พังทลายจากคาถา มือของเขาถือหินก้อนหนึ่งไว้ เขาต้องลองดูว่าจะได้ผลหรือไม่
    “อะไรก็ท่านสการ์เล็ต สการ์เล็ตเป็นพระเจ้าหรือไง” ชินยั่วหนุ่มแว่นให้โมโหซึ่งก็ได้ผลเกินคาด
    “อย่าลามปามถึงท่านสการ์เล็ตนะ แกเป็นลูกพ่อค้า อย่าบังอาจสามหาว”
    “โอ๋ๆ อย่างอแงนะ เดี๋ยวชั้นไปตามให้เธอมาโอ๋นายให้”
    “แกตาย ไฟบอล เมจิกคัทเตอร์” ไครท์โกรธจนลืมตัว เขาร่ายคาถาโจมตีเป็นชุดใหญ่ ชินกระโดดกลิ้งตัวหลบไฟบอลไปทางซ้าย ตามด้วยบลิงค์ออกขวาเพื่อหลบเมจิคคัทเตอร์
    “แกหลบไม่หมดหรอก รับนี่ไปอี.. อ้าก” ก่อนไครท์จะพูดจบเขาถูกก้อนหินพุ่งเข้าใส่ที่หน้าผาก มีเลือดซิบไหลออกมาจากหว่างคิ้วของเขา
    “มันมาจากทางไหนน่ะ โอ้ย” ก้อนหินอีกก้อนพุ่งมาจากด้านหลังโดนเข้าที่หลังคอ ทำให้ไครท์รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเขาเห็นชินรัวหมัดใส่ท้อง หน้า ก่อนที่จะถูกชกที่คางจนลอยกระเด็นไปชนกับประตู ไม้กายสิทธิ์กระเด็นหลุดมือห่างจากตัวเขาประมาณไม่ถึงเมตร
    “หนอยแน่” ไครท์พยายามตะเกียกตะกายเอื้อมมือไปหยิบ แต่กลับโดนชินใช้เวทย์บลิงค์ชิงตัดหน้าเขาไปเหยียบไม้กายสิทธิ์ของเขาไว้ และ เขาถูกมีดสั้นจ่อคอไว้
    “ชั้นชนะแล้ว เมื่อนายไม่มีไม้กายสิทธิ์ นายก็แพ้แล้ว” เขาประกาศต่อหน้าไครท์ที่ล้มลงกับพื้น
    “นายทำได้ไงน่ะ” ไครท์พูดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
    “จริงๆแล้ว ชั้นตั้งใจยั่วนายให้โกรธจนลืมตัวโดยไม่ทันสังเกตว่าในมือชั้นถือก้อนหินอยู่ก้อนหนึ่ง” ผมเฉลย
    “หรือว่า นายสามารถใช้เวทย์บลิงค์กับสิ่งของไม่มีชีวิตได้ด้วย” ไครท์อุทานอย่างตกใจ
    “ใช่ เมื่อชั้นแตะกับสิ่งของนั้นๆ ชั้นสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของนั้นๆผ่านมิติได้”
    “บ้าน่า ไม่เคยมีบันทึกว่าเวทย์บลิงค์จะทำได้ขนาดนี้นี่”
    “แน่นอนว่าไม่มีบันทึกใดๆหรอก เพราะ มีเพียงชั้นกับอาจารย์ที่สอนชั้นเท่านั้นที่ทำได้” ชินกล่าว
    “อาจารย์นายเป็นใครกันแน่” ไครท์ยังมีสีหน้าผวา
    “อาจารย์ของชั้นมีชื่อว่า อเล็กซานเดอร์ ไกอา” ผมตอบ
    “จอมดาบเงามายางั้นเรอะ” ไครท์อุทานอย่างตกใจ
    “เอาล่ะการต่อสู้จบแล้ว ปล่อยชั้นผ่านทางไปได้แล้ว” ผมกล่าวอย่างห้วนๆ และ หยิบไม้กายสิทธิ์ให้กับไครท์ หนุ่มแว่นจึงโบกไม้กายสิทธิ์ในมือ กำแพงล่องหนหน้าประตูก็หายไป
    “และ ก้อนที่สองละ ชั้นเดาว่านายคงไม่ได้ใช้เวทย์บลิงค์ใช่ไหม” ไครท์หลับตาพูด
    “ใช่ ชั้นลองใช้เวทย์ลอยตัวพุ่งเข้าหานาย ซึ่งมันก็เป็นโชคที่ทำสำเร็จ” ผมพูดเสร็จก็เดินจากไป

    เมื่อชินเดินจากไปได้สักพัก ก็มีเสียงฝีเท้าเสียงหนึ่งเดินเข้ามาหาไครท์ที่นั่งหมดแรงอยู่หน้าประตู

    “ขอโทษนะจ้ะ ที่ให้เธอต้องเหนื่อยน่ะ” หญิงสาวเจ้าของสีผมเปลวเพลิงเดินเข้ามาหา
    “ไม่เป็นไร ผมยินดีเต็มใจอยู่แล้ว แต่ไม่นึกว่าจะโดนเล่นงานจนสะบักสะบอมขนาดนี้” ไครท์ลุกขึ้นเช็ดแว่นก่อนจะใส่กับเหมือนเดิม
    “คิดว่าอย่างไรกับ ชิน เรเวนเหรอ” หล่อนถามต่อพลางโบกไม้กายสิทธิ์ น้ำพุซึ่งก่อนหน้านี้โดนลูกหลงของคาถาไครท์จนพังเป็นซาก ถูกเธอใช้เวทย์ซ่อมแซมจนกลับเป็นสภาพเดิม
    “ผมคิดว่า ท่านสการ์เล็ตดูคนไม่ผิดจริงๆ เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม” ไครท์ออกปากชมอย่างใจจริง
    “อืม ขอบใจนะที่ช่วยตรวจสอบให้นะจ้ะ” สการ์เล็ตยิ้มหวาน

    ........................................

    ชินเดินกลับไปยังสวนผักที่เพื่อนๆของเขารออยู่ ทิวทัศน์ของแปลงผักไม่ได้ช่วยให้ในใจเขารู้สึกดีขึ้นต่างจากขามาครั้งแรก เขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ เพราะ นี่ก็เย็นมากแล้ว เขาเดินไปที่ฝึกซ้อมก็ไม่มีเพื่อนๆของเขาอยู่แล้ว ทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดที่ประชดประชันใส่ซิลเวียเมื่อตอนกลางวัน เขาจึงเดินกลับมาที่บ้านไม้หลังเล็กของเพื่อนสาวแว่น มาเรีย ชินเห็นซิลเวียนั่งคอยอยู่หน้าบ้าน แม้จะรู้สึกผิดแต่ก็ยังยิ้มออกที่เธอคอยเขาอยู่

    “ช้านะ เจ้าหมาบ้า” ซิลเวียหรี่ตาครึ่งหนึ่ง
    “ขอโทษนะ” ชินขอโทษเธออย่างจริงใจ ทันใดนั้นซิลเวียกระโดดเข้ามากอดเขาไว้ กลิ่นหอมจากกายหญิงสาวนั้นทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรง เลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง ชินเผลอตัวนำมือของเขาลูบเส้นผมสีเงินอันนุ่มนวลโดยไม่รู้ตัว สัมผัสไออุ่นจากเธอนั้นเขาแทบจะหยุดตัวเองไม่ได้ที่จะไม่ให้ทำอะไรเกินเลย กับซิลเวีย เขาไม่เคยคิดว่าร่างกายของเด็กสาวจะนุ่มนิ่มถึงเพียงนี้
    “คราวหลังห้ามประชดประชันเจ้านายนะ” ซิลเวียสั่งขณะก้มหน้าฟุบกับอกของเขา
    “อืม ขอโทษนะ”
    “คราวหลัง อย่าทำให้เป็นห่วงนะ” หล่อนตัวสั่นขึ้น ซิลเวียยิ่งกอดผมแน่นขึ้น และ เงยหน้าขึ้นมาดวงตาสีน้ำเงินสั่นไหวไปมา กำลังทำให้ชินใจสั่น
    “ขอโทษจริงๆ”
    “อยู่กับชั้นนะ ตาบ้า อย่าหายไปไหนอีก” น้ำตาเม็ดใสๆไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าที่กำลังสั่นไหวเหมือนแก้วเจียระไน
    “ชั้นสัญญาว่าชั้นจะอยู่กับเธอ” ชินยกนิ้วโป้งปาดน้ำตาของซิลเวีย ใบหน้าของซิลเวียดูมีเสน่ห์มากจนเขาเผลอเอาหน้าของเขาเข้าไปใกล้หน้าของเธอ มากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้ซิลเวียหลับตาลงแล้วดูเหมือนหล่อนกำลังรออะไรบางอย่างจากเขา ทันใดนั้นเอง
    “อ้าว ชินกลับมาแล้วเหรอ มาทานอาหารเย็นด้วยกันเถอะ” เจมส์เปิดประตูออกมา ทำให้เขากับซิลเวียสะดุ้งผลักออกจากกันไปคนละทาง ต่างคนต่างหน้าแดงไม่แพ้กัน
    “อ้าว ทั้งสองคนเป็นอะไรไปน่ะ” เจมส์เอียงคอสงสัย
    “เปล่า ไม่มีอะไร” ชินกับซิลเวียปฏิเสธพร้อมกัน

    ..........................................

    อาหารมากมายถูกลำเลียงสู่โต๊ะอาหารในบ้านไม้หลังเล็กนั้น ได้แก่ ซุปฟักทอง แกงกระหรี่ และ อื่นๆ พวกเขากินอาหารจนอิ่ม และ ลามาเรีย และพ่อของหล่อน
    ในขากลับหอพัก ชินเดินคู่กับซิลเวีย ลมพัดอ่อนๆในยามพลบค่ำโชยกลิ่นดอกไม้จากแปลงดอกไม้ตามทางเดิน ซิลเวียปล่อยผมยาวสีเงินให้ลู่ไปตามสายลมนั้น แสงจันทร์สะท้อนกับผมสีเงินจนเปล่งประกายดุจเทพธิดา จนหลายครั้งที่ชินเผลอมองเธออย่างไม่รู้ตัว

    ขณะที่ซิลเวียกำลังใช้มือลืบเส้นผมอันเงางามของเธอนั้น เขาเห็นนิ้วของหล่อนมีรอยแผลเหมือนกับโดนมีดบาด

    “ซิลเวีย มือของเธอไปโดนอะไรมา”
    “อ้อ นี่เหรอ” หล่อนดูมือของเธอเอง “ไม่มีอะไรหรอก”
    “อย่าโกหกน่า มือเธอโดนของมีคมบาดไม่ใช่เหรอ” ชินคว้ามือของซิลเวียมาดู ซี่งเธอก็พยายามขัดขืนโดยการสะบัด จนดึงข้อมือของตัวเองหลุดจากมือของเขาได้
    “เงียบนะ เงียบนะ ไอ้หมาบ้า” ซิลเวียสะบัดหน้าหนี “ชั้นแค่อยากลองทำอาหารดูเท่านั้นเอง แต่กลับโดนมีดบาด” หล่อนสารภาพหน้าแดง ชินรู้สึกอยากหัวเราะสภาพของเธอ แต่เขากลับหยิบมือของซิลเวียและเลียที่แผลนิ้ว
    “ทำอะไรน่ะ จั้กจี้นะ ตาบ้า” ซิลเวียพยายามสะบัด เลือดในตัวสูบฉีดขึ้นหน้าจนหน้าแดงก่ำ
    “ชั้นกำลังทำความสะอาดแผลไง แถวบ้านชั้นตอนเด็กๆ แม่ชั้นก็ทำอย่างนี้เวลาชั้นซนจนได้แผลน่ะ”
    “ชั้นไม่ใช่เด็กนะ” ซิลเวียสะบัดหน้าไปอีกทางด้วยตัวสั่นเทา
    “เด็กสาวน่าตาน่ารักขนาดนี้ก็ต้องถนุถนอมหน่อย” ชินแซวซิลเวียจนเขิน
    “ชั้นอายนะ”

    ทั้งสองคนหยอกล้อกันจนไม่สังเกตว่ามีคนคนหนึ่งรอพวกเขาอยู่ หน้าปากทางแยกหอชายและหญิง คนที่ยืนรอตรงนั้นมีผมและนัยน์ตาสีเพลิงตัดกับบรรยากาศยามค่ำคืน หล่อนคือ สการ์เล็ต เฟรมฮาร์ท ว่าที่ประธานสภานักเรียนคนต่อไป

    “อ้าว ไม่พลอดรักกันต่อเหรอ ชั้นกำลังชมดูพวกเธอด้วยความสนุกทีเดียวเชียว คิกคิก” หล่อนหัวเราะคิกคัก
    ชินกับซิลเวียตกใจกับคนที่ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่คาดหมาย หล่อนต้องมีจุดมุ่งหมายถึงได้ดักรอเขากับซิลเวีย
    “แหม ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นหรอก ชั้นแค่อยากขอให้ช่วยงานของชั้นหน่อยน่ะ” หล่อนยิ้มหวานปานน้ำผึ้งอาบยาพิษให้กับซิลเวียที่ตอนนี้กำลังจ้องสการ์เล็ต ด้วยสายตาสีน้ำเงินซึ่งเป็นปฏิปักษ์
    “ทำไมคนรับใช้ของชั้นต้องช่วยงานเธอด้วย” ซิลเวียจ้องด้วยสายตาหงุดหงิดเป็นที่สุด
    เขาเดินมาขวางระหว่างสการ์เล็ตกับซิลเวียเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องวิวาทอีก “จะให้ช่วยงานเรื่องอะไร”  ผมถามสการ์เล็ตที่ตอนนี้ยืนเท้าสะเอวอยู่ต่อหน้า พวกผม
    “ชั้นจะบอกต่อเมื่อเธอรับปากจะช่วยงานของชั้น” หล่อนตั้งเงื่อนไข
    “แล้วถ้าชั้นไม่รับปากล่ะ” ผมลองหยั่งเชิงถาม
    “จะยังไงก็แล้วแต่เธอก็ต้องรับปากอยู่แล้ว เพราะว่า....” สการ์เล็ตก้มหน้าเข้ามากระซิบบางอย่างข้างหูของเขา สิ่งที่ได้ยินทำให้ชินถึงกับตะลึงนิ่งค้างอยู่กับที่ ใบหน้าของผมตอนนี้คงไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี แต่ถ้าอธิบายล่ะก็คงอยู่ในอารมณ์ตกตะลึงขนาดที่ซิลเวียเขย่าตัวผมก็ยังไม่ หายตกใจ
    “ทำไม..เธอถึง..” เสียงของผมสั่นเครือ
    “เก็บไปคิดด้วยนะ เพราะ ชั้นต้องการให้เธอคิดมากๆเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ” สการ์เล็ตยิ้ม ก่อนจะสะบัดผมสีเพลิง ดวงตาของเธอเป็นประกายและกำลังมองเขาด้วยสายตาสนุกสนานยิ่ง
    “งั้นทั้งสองคน ราตรีสวัสดิ์นะ” แล้วหล่อนก็เดินจากไป ปล่อยเขากับซิลเวียอยู่ตรงนั้น
    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า นึกไม่ถึงเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ซิลเวียไม่ชอบเลยที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้
    “นึกไม่ถึงเรื่องอะไร” เธอมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเลยสำหรับเรื่องนี้
    “ชั้นคงต้องรับปากสการ์เล็ตเสียแล้ว”
    “ทำไมเป็นงั้นล่ะ” สายตาสีน้ำเงินสั่นไหว
    “เพราะ เธอเป็นเพื่อนและคู่หมั้นในวัยเด็กของชั้นเอง” ผมเฉลย

    ..............................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×