ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Feuer/Mond/Blut อัคคี/จันทรา/โลหิต

    ลำดับตอนที่ #1 : เจ้าหญิงแสงจันทร์

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 54


    แสงแดดอุ่นๆยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างกระทบกับหน้าของผมบนเตียงนุ่มๆ ถึงแม้ว่าเขาอยากจะนอนต่ออีกสักงีบนะ แต่เขาจะต้องตื่นไปเรียน ผมคิดได้ดังนั้นจึงเข้าห้องอาบน้ำและแต่งตัว  เมื่อทำกิจวัตรประจำวันเสร็จ ดูเหมือนว่าวันนี้ตัวเขาจะลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง อืม อะไรน้า

    ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ตัวสูงเพรียวผมสีน้ำตาลไหม้ “เฮ้ ชิน เรื่องที่นายจะดวลกับท่านซิลเวียวันนี้ รู้ไหมมีแต่คนพนันข้างเธอ มีแต่เพื่อนอย่างชั้นเท่านั้นนะที่พนันข้างนายน่ะ นายต้องชนะ ชั้นพนันไปหลายร้อยเกเลียนนะ”
    จำได้แล้ว ผมท้าสู้กับซิลเวีย
    ซิลเวียมีชื่อเต็มว่า ซิลเวีย มูนวอลท์ เธอเป็นลูกสาวของแม่ทัพและมีเชื้อสายของเจ้าแผ่นดิน เธอมีผมสีเงินและนัยน์ตาสีฟ้าสวยจนสามารถสะกดคนอื่นให้นิ่งค้างในความงดงาม ของเธอ อีกทั้งหล่อนยังมีเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมจนน่าตกใจ การที่ผมเองไปท้าสู้กับซิลเวีย มันช่างเป็นความคิดที่สิ้นคิดจริงๆ
    “เอาอะไรมาคาดหวังกับชั้น ระวัง นายจะเสียพนันหมดตัว” ชินเตือนเพื่อนของเขาด้วยความหวังดี
    “นายไม่มั่นใจจะท้าเธอสู้เหรอ” เพื่อนคนนั้นถามต่อ
    “ตอนนั้นชั้นโกรธที่เธอพูดจาดูถูกพ่อของชั้น  แต่ตอนนี้ชั้นว่าชั้นอาจจะคิดผิดก็ได้ที่ท้าเธอสู้”
    “นายจะยกเลิกการท้าดวลไหม”
    “ไม่ ชั้นตัดสินใจไปแล้ว ชั้นไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด และ ต้องทำให้เธอขอโทษให้ได้” แววตาสีแดงเข้มของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

    ผมชื่อชิน เรเวน เป็นนักเรียนของโรงเรียนโซโลมอน และ ที่คุยกับผมคือเพื่อนของเขา มีชื่อว่า เจม ริดเดล เขาเป็นคนขี้เล่นและเป็นเพื่อนของผมคนเดียวในโรงเรียนนี้ เนื่องจากฉายาของผมทำให้ไม่มีคนเข้าใกล้ ‘เรเวนนัยน์ตาเพลิง’ ซึ่งอาจจะมาจากเวลาผมโกรธ ตาของผมมักจะแดงจนเหมือนเปลวไฟ และชินมักจะมีเรื่องกับคนที่ดูถูกพ่อของเขา จนหลายคนมองว่าตัวเขาเป็นเด็กเกเร

    ..........................................

    เขานึกย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน ขณะที่ตัวเขากำลังเดินออกจากห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ และคุยกับเจมส์อย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นเขาพบกับซิลเวีย เธอมีผมสีเงินยาวถึงสะโพก นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวย กิริยาแบบขุนนางผู้ดี ทำเอาชินแทบลืมหายใจอยู่พักหนึ่ง และ เหมือนเธอจะไม่ได้มองดูทางเดิน

    โครม เขากับเธอเดินชนกันอย่างจัง

    “เดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือ”
    “ขอโทษครับ” ผมรีบขอโทษเพื่อให้เรื่องจบเร็วที่สุด
    “คิดว่าขอโทษแล้วหายเหรอ” ซิลเวียทำท่าจะเอาเรื่อง
    “ก็ขอโทษแล้วจะเอาไรอีกละ”
    “ก้มกราบขอโทษชั้นซะ บางทีชั้นอาจจะให้อภัย” หล่อนยักคิ้วดูปฏิกิริยาของผม
    “เธอจะบ้าเหรอ ชั้นก็มีศักดิ์ศรีนะ ทำไมต้องทำอย่างนั้น”
    “ศักดิ์ศรี? ลูกพ่อค้ามีศักดิ์ศรีด้วยเหรอ”
    “ถอนคำพูดซะ” ผมเริ่มมีน้ำโหชั้นมา ถ้าเป็นผู้ชาย ผมคงชกมันสักหมัดสองหมัด แต่นี่หล่อนเป็นผู้หญิง ผมจึงพยายามทำใจเย็นที่สุด ถ้าดูถูกตัวเขา เขาไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าเป็นบุพการีแล้วละก็ ผมก็คงยอมไม่ได้
    “เฮอะ คิดว่าตัวเองเป็นใครมาสั่งชั้น” ซิลเวียเอามือช้างซ้ายสะบัดผมสีเงินที่ดูน่าจะถูกดูแลอย่างดี และ มองผมอย่างดูแคลน
    “ก็เป็นลูกพ่อค้าไง ถอนคำพูดนั้นซะ” ผมจ้องเขม็งเอาเรื่องถึงที่สุด จนแววตาสีแดงเข้มนั้นทำให้คนรอบข้างเริ่มถอย
    “ชิ ลูกพ่อค้า คิดว่ามีความสามารถอะไรให้ชั้นขอโทษ” หล่อนยังคงดูถูกผม จนผมเริ่มทนไม่ไหวจนได้ท้าหล่อนไป
    “งั้นชั้นขอท้าเธอดวลดาบ ถ้าชั้นชนะเธอจะต้องขอโทษชั้น” ผมประกาศเสียงแข็งโดยไม่หวั่นต่อสายตาของคนดูรอบๆ แววตาแดงเพลิงของเขาฉายถึงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะรักษาศักดิ์ศรีของตน
    “ไอ้พวกไม่เจียมตัว คิดเหรอว่าคนอย่างชั้นน่ะเหรอจะแพ้ลูกพ่อค้า ลองดูหน่อยก็ได้ ชั้นจะสอนให้รู้เลยใครเป็นบ่าวใครเป็นนาย ถ้าชั้นชนะนายต้องเป็นคนรับใช้ชั้นหนึ่งวันเต็มๆ”
    “ได้” ผมรับเงื่อนไข ก่อนที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป

    ...................................

    บางทีผลการดวลอาจจะรู้ตั้งแต่เริ่มแล้วก็ได้ เท่าที่ได้ยินมาซิลเวียได้คะแนนในวิชา ประลองยุทธ์มากที่สุดในชั้นปี แต่ว่าผมจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด ระหว่างทางเดินไปห้องเรียนเขาเห็นนักเรียนหลายคนจับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับการ ดวลนี้ เขาเริ่มคิดว่าเรื่องการดวลอาจจะไปเข้าหูอาจารย์สักคน แล้วก็ทำโทษตัวเขาที่เป็นต้นเหตุก่อเรื่องก็ได้ เฮ้อ ลำบากใจจริงแท้ เขาน่าจะใจเย็นกว่านี้สักนิดนึงจะได้ไม่เกิดเรื่องเช่นนี้

    ........................................

    เมื่อจบการเรียนในวันนี้ผมกับเจมส์เดินไปตามทางเดินเพื่อไปยังลานประลอง ยุทธ์ที่หลังโรงเรียน ลานนี้จริงๆไม่ได้รับอนุญาตให้มาใช้ตามใจชอบ แต่ว่าจะต้องขออาจารย์ผู้ดูแลก่อน แต่คนเยอะขนาดนี้ทำไมไม่มีอาจารย์สักคนรับรู้ถึงการดวลระหว่างผมกับซิลเวีย สงสัยมีใครสักคนใช้เส้นสายหรือสินบนเพื่อปิดข่าวไม่ให้เหล่าอาจารย์ทราบ

    “พนันจ้าพนัน ข้างท่านซิลเวีย หนึ่ง ข้าง ชิน สองร้อย” นักเรียนคนหนึ่งประกาศ แหม หัวหมอจริงเชียว
    เอ่อ ทำไมอัตราต่อรองมันสูงจัง อย่างกับว่าเขาจะต้องแพ้แน่นอน ทันใดนั้นเองสายตาของชินประสานสายตากับนัยน์ตาคู่สีน้ำเงิน หล่อนรวบผมสีเงินเป็นมวยอยู่ด้านหลังศีรษะของตัวเอง และใส่ชุดที่ดูทะมัดทะแมงเหมาะสำหรับการใช้ดาบเรเปียร์ข้างเอวของเธอ
    “มาแล้วรึ เจ้าไพร่ ถ้าพูดว่ายอมแพ้ตอนนี้นายจะไม่ต้องเจ็บตัว และจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มารับใช้ชั้น เป็นไงละ ความเมตตาของคนชั้นสูงน่ะ รับรู้ไว้ซะ โฮะๆๆ” ซิลเวียหัวเราะอย่างมั่นใจ
    ผมไม่ได้ชื่อเจ้าไพร่นะ ผมอยากตะโกนออกไป แต่ว่าใจเย็นไว้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อา ยุบหนอพองหนอ
    “ขอบคุณ แต่ชั้นคงรับความเมตตานี้ไม่ได้จนกว่าการดวลจะรู้ผล” ผมยักคิ้วกวนๆ
    “ชิ งั้นชั้นจะให้นายรับความพ่ายแพ้เอง” หล่อนชักดาบเรเปียร์ข้างเอวออกมา ประกายดาบแวววับเหมือนกับถ่ายทอดไอเย็นออกมาแก่ผู้ที่พบเห็น
    “ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก” ชินจึงชักดาบออกมาเช่นกัน
    “การตัดสิน คือ ดาบใครถึงตัวก่อนแพ้ ผมไม่อยากให้ใครเจ็บ” ผมกล่าว
    “ก็ดีเหมือนกัน ชั้นจะได้ไม่พลั้งมือฆ่า เจ้าไพร่หรอก” ซิลเวียกล่าวอย่างมั่นใจ
    ขณะที่ชินกำลังตั้งท่าเตรียมพร้อม เธอก็บุกเข้ามาอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว ผมรับดาบของเธอที่แทงเข้ามาอย่างยากลำบาก หล่อนไม่เปิดโอกาสให้เขาตั้งหลัก เธอก็ใช้ดาบของเธอโจมตีผมอย่างต่อเนื่อง จนผมจึงได้แต่ตั้งรับปัดป้องอยู่ท่าเดียว
    “ชั้นจะให้นายเต้นไปตามจังหวะวอลท์ที่ไพเราะ” หล่อนยิ้มอย่างมั่นใจ
    เพลงดาบของซิลเวียทั้งรวดเร็ว และ งดงาม ถ้าผมเป็นคนดูผมคงจะอดชื่นชมเธอไม่ได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับคับขันซะแล้ว ไม่มีเวลามาชมความงามอะไรนั้นหรอก
    “ชิน อย่ายอมเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียวสิ โต้กลับบ้างดิ ไม่งั้นแพ้แล้วชั้นจะเสียพนันนะ” เจมส์เริ่มโวยวาย
    “ถ้ามันโต้กลับได้ก็ดีดิ”
    เวรกรรมแทนที่จะห่วงผมดันห่วงเงิน คิดผิดรึเปล่าที่คบมันเป็นเพื่อน แค่จะเอาตัวรอดโดยไม่โดนคมดาบก็ลำบากแล้ว จะเอาอะไรไปตอบโต้เธอละ

    ...................................

    ซิลเวียออกดาบอย่างเผ็ดร้อนขึ้น แต่ตัวเธอเองกลับไม่สามารถโค่นชินลงได้ หล่อนจึงเริ่มกังวลใจขึ้น
    ทำไม เจ้านั่นยังไม่แพ้อีก ขนาดใช้เพลงดาบที่รวดเร็วขนาดนี้แล้ว ถึงเราจะเป็นฝ่ายบุก แต่เจ้านั่นก็รับมือการบุกได้ตลอด เพลงดาบที่ดูเรียบง่ายแบบนั้นทำไมถึงรับมือการบุกของเราได้ ตั้งแต่เรียนที่นี่มายังไม่มีใครในชั้นปีเราปะดาบกับเราได้นานขนาดนี้ แต่ในใจลึกของเธอกลับมีความสนุกกับมัน และไม่อยากให้มันจบลง

    .........................................

    ผ่านไปหลายกระบวนท่าซิลเวียจึงหยุดมือ
    “แฮ่ก..แฮก..ทำไมหยุดมือละ..แฮก” ชินหอบโยนเนื่องจากเพลงดาบอันรวดเร็วของเธอ ดูจากสีหน้าหล่อนดูเหมือนยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่เลย โชคดีที่ตอนเด็กเราได้อาจารย์อเล็กสอนเพลงดาบให้ ไม่อย่างงั้นคงได้กลายเป็นเศษเนื้อใต้คมดาบเธอแล้ว
    “นายรับกระบวนท่าของชั้นได้นานขนาดนี้ ยังไม่มีใครเคยทำได้มาก่อนเลย ชั้นนับถือในความอึดของนายจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ชั้นยังมีความเมตตาเหลืออยู่ จะรับข้อเสนอไหมละ” หล่อนถาม
    “รับไม่ได้หรอก เพราะ ชั้นก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ลูกผู้ชายเมื่อตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว จะไม่มีทางกลับคำเด็ดขาด” ผมกล่าวเสียงแข็ง
    “ดี งั้นชั้นจะให้นายเห็นเพลงดาบตระกูลมูนวอลท์อันน่าภูมิใจ” เธอเปลี่ยนการตั้งท่าใหม่
    “เพลงดาบจันทรากระจ่างฟ้า!!”
    เพลงดาบรวดเร็วพุ่งเข้าโจมตีชิน ความเร็วของดาบเธอเร็วขึ้นเป็นทวี ตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเสียแล้ว
    “ว่องไวเป็นลิงเลยนะ” เธอพูดพลางใช้ดาบเร็วขึ้น
    ดาบของซิลเวียแทงที่อกของเขา ชินหลบออกช้างแต่ทันใดนั้น ดาบของเธอกลับมาดักทางหนีของผม ‘ดาบลวง’ เพลงดาบเธอร้ายมาก แต่ก่อนที่มาถึงตัว ผมจึง...
    ฟุบ
    “หายไปไหนน่ะ” ดาบของซิลเวียฟันโดนเพียงอากาศ เธอกำลังงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอแทงพลาดได้อย่างไร โจมตีดักทางไว้แล้วนี่ เขาไม่น่าเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ ทันใดนั้น “ซิลเวีย ระวัง” มีคนดูตะโกนบอกเธอ
    เคร้ง ดาบสองเล่มปะทะกัน
    “ทำไมไปอยู่ด้านหลังได้ล่ะ” แววตาสีน้ำเงินของซิลเวียเบิกกว้างดูสับสน ดีล่ะในเมื่อเธอกำลังตกใจอยู่ก็เป็นโอกาสของเขาแล้ว ผมออกดาบต่อเนื่องทันที ทำให้ซิลเวียตกเป็นฝ่ายตั้งรับ แต่เมื่อซิลเวียเริ่มตั้งสติได้เธอก็ตอบโต้กลับ สถานการณ์เปลี่ยนไปเหมือนเดิม แต่ทว่าเพลงดาบของหล่อนดูสับสนขึ้น และยังสงสัยกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ความเร็ว และ ความเฉียบคมของดาบจึงไม่เท่าเดิม

    ...................

    “เวทย์บลิงค์เหรอ น่าสนใจไม่น้อยเลย” ผู้หญิงผมสีเพลิงซึ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของที่นั่งคนดู แววตาสีเพลิงกำลังจดจ้องการต่อสู้ไม่วางตา
    “ท่านสการ์เล็ต เฟรมฮาร์ท ผู้ชายที่ชื่อ ชินสามารถใช้เวทย์ได้โดยไม่ต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ เรื่องแบบนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แต่ผมสืบมาว่าเขาเรียนวิชาเวทมนต์ไม่ค่อยดีนะครับ” ผู้ชายผู้สวมแว่นตาหนาเตอะนั่งอยู่ข้างเธอออกความคิดเห็น
    “นั่นสินะน่าสนใจจริงๆ อย่างที่เธอพูด ไครท์ไปสืบประวัติของชิน เรเวนให้ละเอียดกว่านี้” สการ์เล็ตสั่งงานผู้ชายใส่แว่น
    “ครับ” ชายผู้สวมแว่นตารับคำจากเธอ

    ..................................

    การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ผมสามารถใช้เวทย์บลิงค์สร้างความสับสนให้เธอได้มากด้วยการบลิงค์โจมตีจนเธอต้องตกเป็นฝ่ายรับหลายครั้ง
    “นี่มันอะไรกัน ทำไมไม่มีไม้กายสิทธิ์ แต่ใช้เวทย์มนตร์ได้” ซิลเวียกัดฟันกรอด เธอไม่เคยตกเป็นฝ่ายตั้งรับแบบนี้มาก่อน การบุกที่ไม่รู้ทิศทางใดและเมื่อไหร่  ทำให้เธอเสียเปรียบในการต่อสู้
    ผมบลิงค์เข้ามาอีกครั้งและฟันเฉียงซ้ายจากบนลงล่าง ซิลเวียยกดาบรับไว้ได้
    “พอดีชั้นสามารถใช้เวทย์โดยปราศจากไอเทมเวทย์มนต์ได้น่ะ” พูดจบผมก็ฟันเฉียงขวา แต่หล่อนสามารถปัดป้องด้วยดาบได้
    “หนอย เป็นแค่ไพร่บังอาจใช้เวทย์มนตร์กับชั้น จะมากไปหน่อยแล้ว” เธอโหมบุกต่อ แต่ไม่ทันไรหล่อนก็ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับอีกครั้ง เพราะ ผมใช้เวทย์บลิงค์โจมตีจากด้านหลัง ทำให้ซิลเวียต้องหันกลับไปตั้งรับการโจมตีของเขา
    “ชิ” เธอเริ่มรู้สึกขัดใจที่ทำให้เป็นฝ่ายตั้งรับบ่อยๆ
    ชินคิดว่าจะจบการต่อสู้ตอนนี้ และ เดี๋ยวนี้  ผมบลิงโจมตีแบบคอมโบอย่างรวดเร็ว ซิลเวียรับดาบของเขาอย่างลนลาน ชินโจมตีจนเห็นโอกาสที่หล่อนพลาดสะดุดขาตัวเอง โอกาสนี้แหละ......
    “อาจารย์มาแล้วหนีเร็ว” นักเรียนคนหนึ่งตะโกนบอก คนดูหนีอย่างจ้าละหวั่นปล่อยตัวเขากับซิลเวียยืนงงอยู่กลางลานประลอง ซวยแล้วไงหนีไม่ทันแล้ว
    “พวกเธอทำไมถึงเหลวไหลอย่างนี้ ซิลเวียกับชินใช่ไหมพวกเธอต้องถูกลงโทษ”
    “ครับ/ค่ะ”
    การประลองเลยจบด้วยประการละฉะนี้

    ............................

    ผมจึงต้องคัดลายมือสำนึกผิดกับซิลเวีย บรรยากาศเงียบสงัดยามดึกบวกกับคนที่อยู่ในห้องคือซิลเวียทำให้รู้สึกอึดอัด ทำไงดี ต้องพูดอะไรเปลี่ยนบรรยากาศ
    “เอ่อ คือ อากาศร้อนนะ” เขาอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะจริงๆ ไม่มีคำพูดดีกว่านี้แล้วเหรอ
    “อืม” หล่อนตอบโดยไม่หันหน้ากลับมามอง แย่แล้วหรือว่าเธอจะสมเพศเราหนักกว่านี้เนี่ย บรรยากาศยิ่งอึดอัดกว่าเดิม
    “นี่นาย” อยู่ดีคุณเธอก็ทักขึ้นมา
    “อะไรเหรอ”
    “คือว่า เอ่อ ชั้น..ข..ขอ..” เธอพูดเสียงเบามา แถมก้มหน้าหลบตา
    “พูดว่าอะไรไม่ได้ยิน” ผมพยายามฟังคำพูดของเธอ แต่เสียงเบามาก
    “คือว่า” ซิลเวียตะโกนขึ้นมา “ห้ามหัวเราะนะ ชั้นขอโทษนะที่พูดจาดูถูกนาย ชั้นรู้ว่าชั้นผิดที่ตอนนั้นอารมณ์ไม่ดีและไปลงที่นาย และ ไปว่าพ่อของนาย ชั้นไม่ตั้งใจจริงๆ แต่นายไม่มีสิทธิถือสาชั้นหรอกนะ เพราะ นายผิดเองที่เดินมาชนชั้น ชั้นก็เลยอยากสั่งสอนนายหน่อย แต่ทำไมถึงไปพูดอย่างนั้นก็ไม่รู้” เธอพูดรัวมากจนเหนื่อยหอบ หน้าของเธอแดงจนถึงใบหู ทำให้หล่อนยิ่งดูสวยยิ่งขึ้นจนหัวใจของผมเต้นตึกตัก เธอเองก็มีช้อดีแฮะถึงจะพูดจาถากถางคนอื่นอยู่บ่อยๆ แต่ก็เป็นคนดีคนหนึ่งเหมือนกัน
    “ชั้นเองก็ผิดเหมือนกันที่ใจร้อน ชั้นก็อยากขอโทษเธอหลังจบการดวล ขอโทษนะที่ชั้นมีทิฐิเยอะไปหน่อย” ผมขอโทษเธอจากใจจริง
    “เฮ้อ ชั้นยอมรับนะว่านายมีฝีมือพอตัว แต่ก็ยังอ่อนหัดอยู่ ขอร้องชั้นซะ แล้วชั้นจะเมตตาชั้นฝึกเพลงดาบให้นาย” ซิลเวียพูดเสียงสั่นและไม่สบตา หรือเธออาย? ไม่มั้งอย่างเธอไม่อายหรอก แต่ดูจากท่าทางการพูดแล้วคงอยากให้เราเป็นคู่มือให้มั้ง งั้น...
    “คร้าบ เจ้าหญิง ได้โปรดสอนเพลงดาบให้กระหม่อมด้วย” พร้อมหยิบมือข้างซ้ายของซิลเวียมาจุมพิต ซิลเวียยิ่งหน้าแดงก่ำเข้าไปใหญ่ ทำให้หัวใจผมเต้นโครมครามอีกครั้ง จริงๆผมกะจะแกล้งเธอสักหน่อย แต่ทำไมผมเหมือนโดนซะเอง
    “ส..สัญญาแล้วนะ ห้ามคืนคำนะ” เสียงของเธอดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่ก็ไม่ปาน แต่เขาก็ดีใจนะที่เธอดีใจ เพราะ ก่อนการดวลเขาได้ยินคนเล่าว่า หล่อนไม่ค่อยมีเพื่อน เมื่อคิดแล้วคงปล่อยเอาไว้ไม่ได้
    “สัญญา” ผมยื่นนิ้วก้อยเป็นการสัญญา
    “ถ้าผิดสัญญานะ ชั้นจะใส่ปลอกคอนายแล้วไปขังด้านนอก” เธอยื่นนิ้วก้อยไขว้กับนิ้วของผม เอ่อ ผมไม่ใช่สุนัขนะจะได้ใส่ปลอกคอ เธอล้อเล่น มั้ง

    ......................................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×