NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC KaiSoo {Mixed Blood} Ft.EXO (END)

    ลำดับตอนที่ #12 : Mixed Blood 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.39K
      181
      20 มิ.ย. 66






    Mixed Blood 10






    ในเวลาสามทุ่มกว่า จงอินเหม่อมองใบหน้าของคยองซูในอ้อมแขนด้วยความเพลิดเพลิน ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงหลับอยู่เขาก็ไม่สามารถห้ามมือของตัวเองไม่ให้ไปวุ่นวายกับใบหน้าของอีกฝ่ายได้จึงทำให้คิ้วเรียวสวยนั้นถึงกับต้องขมวดอยู่บ่อยครั้งเพียงเพราะรู้สึกได้รับการก่อกวนจากร่างสูงข้าง ๆ กาย
    มือที่เล็กกว่าเขามากปัดมืออย่างนึกรำคาญก่อนที่คยองซูนั้นจะขยับเข้าหาตัวของเขาราวกับว่ากำลังหาไออุ่นจากที่นอนอยู่ จงอินยิ้มแก้มแทบจะฉีกเมื่อคยองซูไม่ได้เพียงแค่ขยับเข้ามาใกล้แค่นั้นคนตัวเล็กยังถูหน้าไปมากับหน้าอกของเขาอีกด้วย ถึงมันจะเป็นแค่ตอนละเมอก็ตามทีเถอะนะ
    จงอินลูบท้ายทอยของอีกฝ่ายไปมาเพื่อที่จะกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายได้ตื่นขึ้นมาเสียทีเพราะมันใกล้ถึงเวลาที่พวกเราต้องเข้าประชุมกันอีกรอบแล้วคนตัวเล็กก็ยังไม่มีทีท่าว่าเจอตื่นเลยแม้แต่น้อย เขายอมรับในทีแรกว่าเขาผิดเองที่แอบร่ายเวทบังคับให้คยองซูต้องนอนหลับไปเพียงเพราะว่าตัวเขานั้นไม่อยากเห็นคยองซูไปเดินโลดแล่นอยู่ข้างปาร์คชานยอลในเวลาเช้าก็เท่านั้นแหละ ถ้าเป็นเวลาเช้าจงอินก็ไม่สามารถเข้าไปขัดอะไรได้อยู่แล้วเพราะฉะนั้นคงจะเข้าทางของปาร์คชานยอลแน่นอน
    "งือ"
    เสียงครางงึมงำของอีกฝ่ายเป็นสัญญาณที่บอกได้เลยว่าคยองซูนั้นจะตื่นขึ้นมาในอีกไม่ช้านี้ ทันทีที่รู้จงอินก็รีบล้มตัวลงนอนอย่างแนบเนียนที่สุด เขารู้นิสัยการนอนของคยองซูเป็นอย่างดี ไม่ใช่เพราะเขาเป็นรูมเมทของเขาหรอกนะแต่เป็นเพราะเขาคอยสังเกตคยองซูอย่างใกล้ชิดต่างหาก ในยามที่เจ้าของเตียงหลับจงอินมักจะย่องเข้ามานอนข้าง ๆ อีกฝ่ายเสมอและมักจะลุกออกไปก่อนที่เจ้าของเตียงจะตื่น อันที่จริงเขาสามารถไปขอเตียงนอนใหม่ได้ที่ห้องสภานักเรียนแต่เขาก็เลือกที่จะเมินเฉยต่อเรื่องนั้น เขาหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไปทำไมแต่ก็ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าเขาชอบที่จะทำแบบนี้ก็แล้วกัน
    จงอินหลับตาลงเมื่อคยองซูค่อย ๆ เริ่มบิดขี้เกียจก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่จงอินยังคงนอนอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายในยามที่คยองซูตื่น ก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเลยล่ะ อยากรู้เสียจริงว่าคยองซูจะแสดงสีหน้าแบบไหนตอนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเขาอยู่ข้าง ๆ แบบนี้
    คยองซูบิดขี้เกียจตัวเองสองสามครั้งก่อนจะพลิกตัวกลับมาหาไอเย็น ๆ แม้จะหลับตาอยู่แต่คยองซูก็มีความสงสัยไม่น้อยว่าเตียงของเขานั้นมีหมอนข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่หมอนข้างเสียแล้วเมื่อมือของเขานั้นปัดป่ายไปมาก็พบกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแทนที่จะเป็นเนื้อผ้า
    "! " คยองซูเบิกตากว้างเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบคิมจงอินนอนอยู่ข้าง ๆ กาย อีกฝ่ายนั้นนอนหลับตาพริ้มเหมือนกำลังฝันหวานอยู่ไม่มีผิด คยองซูค่อยขยับตัวออกห่างจากอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าจงอินจะตื่นขึ้นมาและก็จะเป็นเขาเองที่จะไม่สามารถรับมือกับร่างสูงข้าง ๆ กายได้
    คยองซูลงจากเตียงสำเร็จก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ผนังห้องบอกเวลาสามทุ่มกว่านั้นแสดงว่าเขาพลาดนัดชานยอลเอาไว้เรียบร้อยและสิ เขาไม่มีอะไรจะใช้แก้ตัวสำหรับการเบี้ยวนัดของชานยอลได้นอกจากบอกความจริงไปว่าเขาเผลอหลับและหลับนานเสียด้วย
    เขาค้นตู้เสื้อผ้าหยิบของจำเป็นเข้าไปในห้องน้ำปกติและไม่ลืมล็อกประตู ถึงแม้ว่าจะล็อกไปแล้วคยองซูเองก็แอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อยว่าจงอินนั้นจะเปิดเข้ามาตอนที่เขานั้นกำลังอาบน้ำอยู่ ก็เพราะอีกฝ่ายเป็นแวมไพร์อายุร้อยกว่าปีการที่ร่ำเรียนและผ่านโลกมามากมายก็คงทำให้อีกฝ่ายทำอะไรได้ตามใจตัวเองอยู่พอสมควร นับประสาอะไรกับเปิดประตูห้องน้ำที่ล็อกอยู่
    'ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับนายแล้วโดคยองซู'
    คำพูดนี้ยังคงดังอยู่ในโสตประสาทของคยองซูอยู่แม้ว่ามันจะผ่านไปนานแล้วก็ตามทีเถอะ หลังจากที่อีกฝ่ายยิงคำถามที่ไม่ค่อยน่าตอบเสียเท่าไหร่มาให้ได้ฟังคยองซูก็เลิกที่จะไม่ตอบคำถามนั้นและจงอินก็ไม่ได้เซ้าซี้เสียด้วยนั่นถือเป็นเรื่องที่ดี
    น้ำอุ่นที่ไหลผ่านร่างกายถือว่าทำให้จิตใจสงบได้พอสมควร เขาอยากจะมาลองตีความหมายคำพูดของอีกฝ่ายเงียบ ๆ คนเดียว อันที่จริงมันก็ไม่ได้ยากสักหน่อยแต่ทำไมเขาถึงดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจมัน คยองซูไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านี้ถึงแม้ว่าจงอินก็พูดเสียชัดเจนขนาดนี้แล้วว่าชอบก็ตามทีเถอะ ความรู้สึกในใจของคยองซูมันก็เหมือนจะตะโกนร้องขอความเป็นธรรมเหมือนกันว่าเขาก็ควรจะบอกอีกฝ่ายออกไปว่าเขาเองก็มีความรู้สึกดี ๆ ต่อจงอิน และเขาก็ขอตัดสินใจคิดเองเออเองว่าความรู้สึกนั้นน่ะเรียกว่าความชอบเหมือนกัน
    คยองซูคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมานานอยู่พอสมควรจนกระทั่งน้ำอุ่นได้ถูกตัดและแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นมาโดนผิวกายตัวเองถึงตั้งสติได้ว่าเขาอาบน้ำนานเกินไปแล้ว คยองซูยืนเช็ดผมของตัวเองอยู่หน้ากระจกตรงอ่างล้างหน้า เขาปรายตามองริมฝีปากของตัวเองที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแผลแล้วอยู่ ๆ หน้าก็เห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ ก็อย่างที่เคยบอกคิมจงอินไม่เคยปรานีเขาแม้แต่ในฝันและความคิด
    หลังจากเปลี่ยนมาสวมเครื่องแบบของโรงเรียนเรียบร้อยแล้วเขากำลังพยายามคิดอย่างหนักว่าจะเปิดประตูห้องน้ำอย่างไรให้คนบนเตียงไม่ตื่นขึ้นมาแต่พอยืนคิดอยู่สักพักแล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามันจำเป็นเหรอที่เขาจะต้องเอาอกเอาใจอีกฝ่ายขนาดนั้น แล้วเขาก็ไม่ได้จำเป็นที่ต้องมาคอยกังวลอะไรแบบนี้ด้วย และอีกอย่างเราไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อนและรูมเมท
    "นายรีบอาบน้ำจะไปไหนงั้นเหรอ? "
    เสียงของจงอินดังทันทีที่คยองซูเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้หลับสนิทเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้
    "ไปหาชานยอลน่ะ" เขาตอบเสียงเรียบก่อนจะเดินไปเช็กความเรียบร้อยที่กระจก อันที่จริงเขาไม่ได้กะจะไปหาชานยอลหรอกแต่ว่านั่นมันก็แค่ข้ออ้างที่จะออกไปจากที่นี่ก็เท่านั้น ถ้าเขายังไม่ไปจากห้องในตอนนี้นะเขาต้องโดนคิมจงอินฆ่าตายแน่ ๆ
    "นายนัดเจ้าหมอนั่นไว้เหรอ? "
    "นี่ ๆ ช่วยเรียกชานยอลดี ๆ หน่อยสิ เขาเป็นเพื่อนฉันนะ" คยองซูยืนเช็ดผมอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ไม่วายส่งสายตาคาดโทษให้จงอินที่นั่งอยู่บนเตียงของเขาอย่างไม่ได้รู้สึกเกรงใจ ราวกับว่าทำเป็นเรื่องปกติ
    "ทำไมฉันเรียกเพื่อนของนายว่าเจ้าหมอนั่นไม่ได้ ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่เรียกว่าไอ้หมอนั่น"
    "ก็เพราะว่าชานยอลน่ะยังไม่เคยเรียกนายแบบนั้นเลย" คยองซูเถียงสู้ด้วยความกล้าทั้งหมดที่ตัวเองมี แอบแปลกใจไม่น้อยทำไมเขาถึงไปชอบคนอย่างคิมจงอินได้ ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เห็นจะแสนดีเท่าปาร์คชานยอลเลยสักนิด
    "แล้วไง ฉันต้องเรียกหมอนั่นดี ๆ เพราะนายชอบหมอนั่นเหรอ?"
    "ฉันไม่ได้ชอบชานยอลแล้วฉันไปบอกนายตอนไหนไม่ทราบว่าฉันชอบชานยอล?"
    "แล้วนายชอบฉันหรือเปล่า? "
    คยองซูกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเจอคำถามของเจ้าของห้องอีกคนฮุคเข้าให้จนรู้สึกเสียหลักเหมือนจะล้ม จงอินลุกจากเตียงและเดินอาด ๆ เข้ามาหาเขาที่หน้ากระจกก่อนที่มือใหญ่ของจงอินจะแย่งเอาผ้าเช็ดตัวจากมือของคยองซูไปและค่อย ๆ บรรจงเช็ดลงที่กลุ่มผมนุ่มที่ยังคงมีน้ำเกาะอยู่ จงอินยิ้มกริ่มเพราะคนตัวเล็กให้ความร่วมมือดีก็และที่ไม่ขัดขืนใด ๆ คยองซูยังคงปล่อยให้จงอินเช็ดผมให้เรื่อย ๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายพอใจ
    "..."
    "นายจะไม่ตอบคำถามฉันใช่มั้ยคยองซู?"
    "..." คยองซูคิดว่าตัวเองไม่มีทางพูดมันออกไปแน่ ๆ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกยังไงก็ตามทีเถอะ จะให้พูดออกมาขอกัดลิ้นตัวเองตายเสียดีกว่า
    "เอาเถอะ ๆ ฉันจะพูดให้ชัดอีกรอบแล้วกับเผื่อว่าเมื่อคืนนายยังได้ยินไม่ชัดพอ"
    คยองซูถูกแขนแกร่งของจงอินรั้งตัวเขาเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ขนอ่อนเขาลุกทั้งตัวอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายก้มหน้าลงมาใกล้ให้อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาและริมฝีปากเย็น ๆ ของอีกฝ่ายก็เฉียดเข้าที่หูของคยองซูพร้อมกับกระซิบคำพูดชวนใจเต้นแรงอีกครั้ง
    "ฉันชอบนายนะ"
    ให้ตายเถอะคิมจงอิน





    คยองซูต้องทนปั้นหน้ายิ้มแบบไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรให้คิมจงอินเพราะว่าหลังจากที่อีกฝ่ายพูดว่าชอบเขาออกมาแบบหน้าตาเฉยก็ไม่พอแค่นั้นจงอินยังคงตามติดและวอแวกับเขาไปทั่วจนใจหนึ่งเขาก็นึกรำคาญแต่อีกใจหนึ่งก็ชอบไม่น้อย
    ตลอดการเดินทางมาที่หอประชุมทุกคนมองเราทั้งสองคนจนเกือบจะหันคอตาม เพราะว่าเราทั้งสองนั้นเดินแนบชิดติดกันชนิดที่ว่าแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อยสำหรับเลือดแท้อย่างคิมจงอินและเลือดผสมที่เป็นลูกเสี้ยวอย่างคยองซู
    “ปล่อยเถอะ ฉันจะไปหาชานยอลกับอูจี” คยองซูเอ่ยบอกจงอินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ร่างสูงแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะปล่อยเขาเป็นอิสระไม่วายเดินตามมาส่งถึงที่ ๆ ชานยอลนั่งอยู่ด้วย
    ชานยอลเห็นคิมจงอินเดินแนบชิดติดกับคยองซูก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ อีกฝ่ายทำเหมือนกับว่ากลัวเพื่อนตัวเล็กของเขาจะหายตัวไปยังไงอย่างนั้นแหละ และก็เหมือนเดิมเขามักจะได้รับสายตาข่มขู่จากคิมจงอินทุกครั้งที่เจอ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
    ‘นายทำอย่างกับว่าคยองซูจะหาย ตลกดี’
    การสนทนาระหว่างกระแสจิตเกิดขึ้นระหว่างปาร์คชานยอลและคิมจงอิน แน่นอนว่าคยองซูกำลังวุ่นวายอยู่กับอูจีจึงไม่ได้หันมาสนใจบรรยากาศระหว่างนักเรียนเลือดครึ่งกับนักเรียนเลือดแท้ที่ทำท่าเหมือนว่าจะพร้อมปะทะกันทุกเมื่อ
    ‘นายก็ทำหน้าเหมือนคนอยากจะตายทุกครั้งที่ฉันกับคยองซูไปด้วยกัน’ จงอินไม่ได้กะจะพูดข่มอีกฝ่ายแต่อย่างใดแต่ท่าทางที่เจ้าเด็กเลือดผสมนั้นแสดงออกมามันดูเหมือนกับว่าจะท้าทายเขายังไงอย่างนั้น
    ‘ก็ไม่ค่อยแตกต่างกับนายเท่าไหร่ เวลาเปลี่ยนเป็นฉัน นายก็ทำหน้าไม่แตกต่างกันหรอก’
    จงอินรู้ว่าเขาเก่งเรื่องควบคุมอารมณ์ของตัวเองแต่ความเป็นจริงนั้นก็อยากจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อปาร์คชานยอลเข้ามาต่อยไม่ก็ร่างเวทใส่ให้อีกฝ่ายเลือดใหลตายและเขาจะทำแน่ ๆ ถ้าหากตรงนี้ไม่ได้มีคยองซูอยู่
    ‘อย่ายุ่งกับคยองซู’
    ‘นายห้ามฉันไม่ได้หรอก เพราะว่าพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน’
    ชานยอลยิ้มมุมปากราวกับได้รับชัยชนะเมื่อคิมจงอินยอมถอยออกไปก่อน เขาก็แอบหวั่นอยู่ไม่น้อยว่าถ้าหากสถานการณ์เมื่อกี้เกิดตอนไม่มีคยองซูอยู่คิมจงอินคงจะฆ่าเขาตายไปแล้วแน่ ๆ ข้อหาปากพล่อย แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป ก็อย่างที่บอกคิมจงอินนึกว่าตัวเองห่วงคยองซูอยู่คนเดียวบนโลกหรือไงกัน
    พวกเราเขามาที่หอประชุมเรียบร้อยวันนี้เป็นวันที่จะต้องประกาศผู้เข้าแข่งขัน ชานยอลตื่นเต้นไม่น้อยส่วนอูจีขอไม่ออกความเห็นอะไรเพราะคงไม่น่ามีใครโหวตให้เจ้าตัวลงเล่นอยู่แล้ว ส่วนเขาเองก็คิดว่าตัวเองน่าจะรอดตาย
    หลังจากที่ทุกคนทยอยกันนั่งเรียบร้อย จงแดประธานนักเรียนหรือพันธมิตรระหว่างเลือดผสมและเลือดแท้ก็เดินขึ้นมาข้างบนเวที นักเรียนทุกคนค่อย ๆ เงียบลงเพื่อฟังประธานนักเรียนพูด คิมจงแดยังเป็นคนมีมารยาทอยู่เหมือนเดิมตั้งแต่ที่คยองซูรู้จักมา อีกฝ่ายยืนรอให้ทุกคนเงียบก่อนจะยิ้มน้อย ๆ และโค้งหัวให้
    "ขอบคุณและสวัสดีทุกคนที่มาในวันนี้ พวกเราจะประชุมกันเรื่องรายชื่อสมาชิกที่จะเข้าแข่งขันในกีฬาเลือด ที่จะจัดการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ทันทีที่เราประกาศรายชื่อนักเรียนยี่สิบแปดคนเสร็จเรียบร้อย ทุกคนต้องรายงานตัวที่ห้องสภาหลังจากเลิกประชุม"
    คยองซูแอบหวั่นใจไม่น้อยเพราะเขาเผลอไปสบตาเข้ากับจงแดและอีกฝ่ายก็ส่งสายตาเหมือนมีอะไรสักอย่างที่จะบอกก่อนที่อีกฝ่ายนั้นจะยิ้มปกปิดเอาไว้และแสร้งมองไปทางอื่นแทน
    "นักเรียนทั้งยี่สิบแปดคนจะต้องเข้าแข่งขันทั้งสามด่าน ตามประเพณีดั้งเดิมของเราก็คือด่านแรกเป็นการแข่งขันเดี่ยวในการใช้เวทมีขึ้นเพื่อทดสอบวิชาที่ได้เรียนมาตลอดปีการศึกษา ด่านที่สองหาลูกแก้วที่หายไปในวงกตเป็นการแข่งขันเดียวอีกเช่นเคยมีขึ้นเพื่อทดสอบการแก้ปัญหาและเอาตัวรอด ด่านที่สามชิงธงระหว่างทีม เราจะแบ่งออกเป็นสี่ทีมได้แก่ทีมเลือดแท้สองและเลือดผสมสอง ในแต่ละทีมจะมีผู้เล่นอยู่เจ็ดคนมีหัวหน้าทีม ฝ่ายบุกสองคน ฝ่ายตั้งรับสองคน วางแผ่นหนึ่งคน และซัพพอร์ตหนึ่งคน หลังจากประกาศรายชื่อทั้งยี่สิบแปดคนเราจะทำการเลือดทีมกันในทันที"
    คยองซูกำลังจะประสาทกินเมื่อเขาโดนจงแดสบตาด้วยบ่อยครั้งและเขาก็ค่อนข้างที่จะแน่ใจไม่น้อยว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน
    "นายว่าฉันจะถูกเลือกหรือเปล่าชานยอล? " คยองซูรีบหันไปกระซิบเพื่อนสนิทอย่างเป็นกังวล เขาไม่ได้เก่งกาจเหมือนคนอื่นแถมยังใช้เวทได้กะโหลกกะลา คนอย่างเขาเก่งวิชาชีวะเคยทำงานที่ร้านดอกไม้ คนแบบนี้เหรอที่จะไปสู้รบกับคนอื่นได้ ถ้าเข้าสนามไปก็มีแต่ตายกับตาย
    "ไม่หรอก นายคิดมากเกินไปหรือเปล่า ไม่ได้มีคนเกลียดนายเยอะขนาดนั้นหรอกน่าอีกอย่างแค่ยี่สิบแปดคนเองไม่โดนนายหรอกนักเรียนที่นี่มีตั้งเยอะจริงมั้ยล่ะ? "
    มือใหญ่ของชานยอลลูบลงที่เส้นผมนุ่มหวังว่าจะทำให้เพื่อนตัวเล็กนั้นรู้สึกดีมากขึ้นเพราะนัยน์ตาของคยองซูนั้นแสนจะหมองหม่น ไม่เหมือนคยองซูคนเดิมกับวันแรกที่เขารู้จักเลยแม้แต่น้อย โดคยองซูที่เขารู้จักต้องร่าเริงมากกว่านี้
    "ฉันจะประกาศรายชื่อจากอันดับที่ยี่สิบแปดไล่ขึ้นไปจนถึงอันดับที่หนึ่งที่คนโหวตมาเยอะที่สุด อันดับที่ยี่สิบแปด..."
    คยองซูนั่งฟังรายชื่อเรื่อย ๆ จนมาถึงอันดับต้น เขาแอบดีใจเพราะว่าพ้นอันดับสิบขึ้นแล้วอาจจะไม่มีเขาอยู่แต่ก็แอบหวั่นใจไม่ได้ว่าชื่อเขานั้นจะไปอยู่ที่อันดับต้น ๆ แทน
    "อันดับสิบ ปาร์คชานยอล"
    ชานยอลร้องโหยหวนด้วยความดีใจเพราะอย่างน้อยการหาเสียงตลอดสามวันก็ไม่ได้เสียเปล่าอย่างที่คิด แถมยังจะได้เข้าออกทวาราเล่นได้ตั้งหลายวันแหนะถ้าหากว่าชนะ
    "อันดับที่ห้าคิมจงอิน อันดับที่สี่โอเซฮุน อันดับที่สามคิมจงแด อันดับที่สองพยอน แบคฮยอน"
    "นายไม่ต้องกังวลไปหรอกคยองซู อันดับที่หนึ่งแล้วหวยคงไม่ออกที่นายหรอก"
    คยองซูรู้สึกอยากจะขอบคุณอูจีเพื่อนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่วันแต่อูจีทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเป็นใยเขาจริง ๆ ไม่ต่างกับปาร์คชานยอลแม้แต่นิดเดียว คงต่างแค่ที่ว่าอูจีเป็นคนห่าม ๆ แค่นั้นเอง
    "และอันดับที่หนึ่ง...โด คยองซู"
    เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในทันทีเมื่อประกาศรายชื่ออันดับที่หนึ่ง ก็แน่ล่ะนักเรียนลูกเสี้ยวที่เพิ่งย้ายมาก็ถูกโหวตให้ลงแข่งกับเขาด้วย
    คยองซูรู้สึกเหมือนหูดับไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะโดนชานยอลเขย่าเรียกสติเล็กน้อย สีหน้าของอีกฝ่ายเหมือนจะบอกว่าเสียใจแต่ก็บอกให้เขาสู้ต่อไป คยองซูพลันสายตาไปหาจงแดที่เบื้องหน้า คิมจงอินเหมือนจะถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะขยับปากพูดแบบไร้เสียงแต่คยองซูสามารถเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี
    'เสียใจด้วย'
    “เอาล่ะ ฉันอยากจะขอตัวแทนสองคน เลือดแท้ละเลือดผสมมาเป็นหัวหน้าทีม มีใครอยากจะเสนอตัวเองมั้ย?”
    ทันทีที่จงแดพูดจบนักเรียนสองคนก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว นักเรียนเลือดแท้ที่เสนอตัวเองคือโอเซฮุนและนักเรียนฝั่งเลือดผสมคือคนที่คยองซูไม่รู้จักแต่รังสีความอยากที่จะเอาชนะของทั้งคู่ดูมีมากเท่า ๆ กันเลยด้วยซ้ำ
    "เอาล่ะ นักเรียนตัวแทนสองคนฉันจะแต่ตั้งให้นายเป็นหัวหน้าทีมนะ โอเซฮุนหัวหน้าทีมเลือดแท้เอ ส่วนคิมมินโฮเป็นหัวหน้าทีมเลือดผสมเอ กติกาคือเลือดแท้เลือกคนเข้าทีมได้เฉพาะคนที่มีสายเลือดแท้ และเลือดผสมก็เลือกคนเข้าทีมได้เฉพาะนักเรียนที่มีสายเลือดผสม ได้ยินเช่นนั้นแล้วฉันขอให้พวกนายเลือกลูกทีมเข้าทีมตัวเองหกคนเริ่มจากทีมเลือดแท้ก่อน"
    นักเรียนต่างมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่กเมื่อหัวหน้าทีมเลือดแท้กำลังจะเลือกลูกทีมมาเข้าทีม ใคร ๆ ก็อยากอยู่ทีมกับโอเซฮุนทั้งนั้นเพราะดูจากท่าทางแล้วอีกฝ่ายคงจะเก่งเหมือนท่าทางกิริยาที่อีกฝ่ายแสดงออกมาไม่มีผิดแน่นอน โอเซฮุนน่ะเป็นนักเรียนที่เก่งและใครต่อใครก็อยากดึงตัวมาเป็นเพื่อน แต่ก็อย่างที่รู้คือเจ้าตัวน่ะตัวติดหนึบกับพยอนแบคฮยอนและคิมจงอิน
    "ฉันขอเลือกพยอนแบคฮยอน คริส เทา คิมมินกยู อีมินจี คิมซูโฮ"
    พอหัวหน้าทีมพูดจบเสียงฮือฮาในหอประชุมเริ่มดังขึ้นอีกรอบเพราะว่าคิมจงอินไม่ได้ถูกเลือกโดยโอเซฮุน
    คยองซูถอนหายใจด้วยความลำบากใจเขาไม่แน่ใจว่าเพราะตัวเขาเองหรือเปล่าที่ทำให้เพื่อนรักทั้งสองคนทะเลาะกัน
    "เลือดแท้ที่เหลืออีกเจ็ดคนจะต้องอยู่ทีมบี เชิญทีมเลือดผสมเอเลือกสมาชิก"
    คยองซูนั่งฟังอีกฝ่ายเลือดสมาชิกก็รู้สึกใจโหวงแปลก ๆ เขาและชานยอลไม่ได้ถูกเลือกให้เข้าทีมนั่นหมายความว่าพวกเราเป็นของเหลือที่ไม่มีใครต้องการ ก็แน่อยู่แล้วล่ะทีมไม่มีไหนต้องการคนง่อย ๆ แบบเขาเข้าทีม เขาไปก็จะมีแต่สร้างภาระให้ทีมเปล่า ๆ
    แม้ว่าคยองซูจะเครียดแทบตายแต่มันดูเหมือนว่าจะไม่ได้สะทกสะท้านปาร์คชานยอลแม้แต่น้อย ร่างสูงข้าง ๆ กายยังคงส่งยิ้มเสียจนเกือบจะเห็นฟันครบทุกซี่มาให้ เขาลืมไปได้ยังไงกันนะว่าชานยอลน่ะเป็นแฮปปี้ไวรัส
    "การประชุมสิ้นสุดแล้ว ขอให้ผู้ที่มีรายชื่อเข้าร่วมแข่งขันขอให้ไปประชุมอีกครั้งที่ห้องสภาหลังจากนี้ และการแข่งขันเราจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้หัวค่ำ ในฐานะประธานและผู้ที่ต้องเข้าร่วมแข่งขันจึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาชมการแข่งขันในตอนเที่ยงคืนที่สนามปีกซ้ายสุด ขอให้โชคดี"
    ณ เวลานี้คยองซูรู้สึกจิตตัวเองหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อนที่รู้จักกันผิวเผินหลายคนเดินมาเอ่ยทักว่าเขาค่อนข้างที่จะหน้าซีดเขาจึงได้รับรู้ว่าตัวเองเป็นพวกที่แสดงออกทางสีหน้าเก่ง ทุกคนที่ถูกเลือกได้มาประชุมกันต่อที่ห้องสภาจนได้เรื่องราวแล้วทุกคนจึงแยกย้าย
    จงอินดูมีสีหน้ากังวลไม่ได้แตกต่างกับตัวเขามากนักและนอกเหนือความกังวลแล้วก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีความหัวเสียอยู่เล็กน้อยเพราะหลังจากที่ประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้วจงอินนั้นไม่ได้อยู่รอเขาเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น ร่างสูงนั้นหายไปในทันทีที่เราตกลงกันได้และคยองซูก็บอกกับชานยอลเอาไว้ว่ามีธุระนิดหน่อยจึงไม่ได้กลับด้วย ชานยอลเหมือนจะเข้าใจจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากอีกฝ่ายยิ้มบาง ๆ ก่อนจะบอกว่าให้ดูแลตัวเองดี ๆ
    คยองซูยิ้มตอบก่อนจะพยักหน้าและรอให้ทุกคนกลับหมดถึงย้อนมาที่ห้องสภาใหม่อีกรอบเพราะเขานั้นมีเรื่องจะคุยกับจงแดและดูเหมือนอีกฝ่ายก็ดูมีเรื่องที่จะคุยกับเขาเช่นกัน
    'เข้ามาสิ'
    มือบางยังไม่ทันบิดลูกบิดประตูเข้าไปเสียงคิมจงแดก็ลอยเข้ามาในความคิดเขาอย่างง่ายดาย สงสัยจริงว่าพวกเลือดแท้นี่ประสาทการรับรู้ดีทุกคนหรือเปล่า
    คยองซูเปิดประตูเข้าไปในทันทีหลังจากที่ได้รับคำอนุญาต พันธมิตรระหว่างเลือดแท้และเลือดผสมดูมีสีหน้าที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนเสียเท่าไหร่ถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเลือกให้ลงแข่งด้วยก็ตาม คยองซูทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมที่เขาเคยนั่งเมื่อคราวที่แล้วโดยมีคิมจงแดนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะลุกไปหยิบเครื่องแก้วชุดเดิมเหมือนครั้งที่แล้วเพื่อมาต้อนรับผู้มาเยือนแต่ครั้งนี้แปลกออกไปตรงที่ว่าสิ่งที่อยู่ในแก้วคือของเหลวสีเข้มแทนที่จะเป็นน้ำชาหรืออะไรเทือก ๆ นั้น
    "ดื่มซะถ้ายังอยากมีชีวิตต่อในวันพรุ่งนี้" ใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงเคลือบไปด้วยรอยยิ้มแม้ว่าคำพูดนั้นจะดูสวนทางกันก็ตาม คยองซูรู้ว่านั่นไม่ใช่การเชิญชวนหรือแนะนำ มันคือการบังคับล้วน ๆ
    "ฉันมียา" คยองซูควานหากล่องยาที่เพื่อนตัวเล็กให้เขามาออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นให้คิมจงแดดู อีกฝ่ายรับมันไปอย่างว่าง่าย สายตาคม ๆ ของอีกฝ่ายจะพิจารณากล่องยากล่องนั้นเสร็จและกล่องยาของคยองซูก็ถูกคิมจงแดโยนลงถังขยะอย่างไม่ไยดี
    "นายคิดว่ากินวันละเม็ดแล้วจะสามารถใช้ความสามารถอันน้อยนิดของนายในการแข่งได้งั้นเหรอ? "
    "..." คยองซูเม้มปากเป็นเส้นตรงด้วยความประหม่าเพราะเขาไม่เคยเห็นจงแดในท่าทางที่แข็งกร้าวแบบนี้มาก่อน ทั้งคำพูดเชิงดูถูกและเสียดสีนั้นมันทำให้เขานึกกลัวขึ้นมาดื้อ ๆ เหมือนกับว่านี่ไม่ใช่คิมจงแดที่เขาเคยเจอ
    "ฉันจะบอกให้นะว่าพรุ่งนี้นายจะเจอกับอะไรบ้าง นายจะต้องเข้าไปอยู่ในเส้นวงกลมกับคู่ต่อสู้และอีกฝ่ายก็จะทำให้นายออกนอกวงกลมเพื่อที่จะให้ตัวเองจะชนะไม่ว่าจะเป็นการจุดไฟใส่หรือตีลมพัดรุนแรงสร้างภาพหลอนต่าง ๆ นายจะต้องได้เจอมันแน่นอน"
    "..."
    "และถ้านายยังดื้อด้านอยู่แบบนี้จุดจบของด่านแรกคงไม่แตกต่างคนขี้แพ้ที่ใกล้จะตาย"
    คยองซูกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าเขาควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี ก็อย่างที่บอกมันหนักหน่วงกว่าที่คนอย่างเขาจะรับได้ อันที่จริงเขาคิดว่ามันดูไม่ค่อยที่จะคุ้มค่าเสียเท่าไหร่กับการที่ยอมเอาชีวิตเข้าเสี่ยงกับเรื่องพรรค์นี้ ถ้าหากตอนนั้นเขาไม่ดื้อด้านและยอมกลับบ้านให้ที่บ้านต่อว่าแล้วล่ะก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องพวกนี้หรอก
    "ในอันดับของนายตอนแรกถือว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจ ฉันเห็นนายอยู่ที่กลาง ๆ มาจนถึงวันที่สาม แล้วทำไมวันสุดท้ายนายถึงมาเป็นที่หนึ่งได้ล่ะ นายควรรู้เอาไว้นะว่ามีคนอื่นอีกเยอะแยะที่เกลียดนายและพวกเขาก็พร้อมจะส่งนายไปตายในสนามแข่ง"
    แรงกดดันจากอีกฝ่ายทำให้คยองซูคว้าเครื่องแก้วมาจรดที่ริมปากก่อนจะกระดกของเหวสีเข้มลงไปในลำคอด้วยความรวดเร็ว รสชาติมันไม่ได้แย่เหมือนอย่างที่เคยคิดเอาไว้ มันหวานเล็กน้อยปนกลิ่นคาวตามประสาของเลือดตามปกติแต่นี่ก็ถือว่าดีกว่าที่คิดมากแล้ว
    คิมจงแดปรายตามองนักเรียนลูกเสี้ยวตัวน้อยด้วยแววตาหนักใจ ที่เขาต้องพูดจาว่าร้ายและดูถูกคยองซูก็เพราะความเป็นห่วงเป็นใย ในสนามไม่มีใครคิดที่จะเล่นแบบใสสะอาดอยู่แล้ว คยองซูยังอ่อนแออยู่มากนักหากเทียบกับคนอื่น ๆ การดื่มเลือดเพื่อเพิ่มพลังก็ถือว่าช่วยได้ค่อนข้างเยอะ ที่เหลือมันก็ขึ้นอยู่กับคยองซูทั้งหมด
    หลังจากที่คยองซูกลั้นใจดื่มมันทั้งหมดจนหยดสุดท้ายแล้วมือบางวางเครื่องแก้วลงบนโต๊ะอย่างเบามือก่อนจะได้รับรอยยิ้มของจงแดตอบกลับมาเหมือนเป็นรางวัลที่อดทนดื่มจนหมดได้ จงแดรับแก้วไปเก็บเอาไว้ที่เดิมของมัน คยองซูมึนหัวเล็กน้อยพร้อม ๆ กับอยากจะอาเจียนของแปลกปลอมออกจากร่างกาย แม้ว่าอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ยังคงต้องการเลือดแต่อีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของร่างกายก็ยังไม่ค่อยอยากจะยอมรับในความต้องการขออีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เสียเท่าไหร่
    "จงแด...จะเป็นอะไรมั้ยถ้าฉัน--!! "
    ฉึบ!
    คยองซูเอี้ยวตัวหลบใบมีดที่ถูกอีกฝ่ายขว้างมาได้ทันเวลาพอดิบพอดี เขาหอบหายใจรุนแรงเพราะอาการตกใจกลัว แววตาของคิมจงแดนั้นอ่านไม่ออกจนกระทั่งอีกฝ่ายได้ขว้างใบมีดมาครั้งและคยองซูเองก็ออกตัวหลบในทันที
    ฉึบ!
    “นายทำอะไรของนายเนี่ยจงแด!”
    อีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉยอยู่จนคยองซูรู้สึกกลัว เขาขยับตัวลุกออกจากเก้าอี้ทันทีเมื่อไฟเริ่มโหมขึ้นตรงโต๊ะ แสงไฟในห้องเริ่มดับลงทีละดวงด้วยการควบคุมของคิมจงแด แสงที่ยังพอให้ความสว่างได้ตอนนี้คงเป็นแสงจากเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำรุนแรงเข้ามาใกล้คยองซูเข้าเรื่อย ๆ เปลวไฟนั้นรวมตัวเป็นก้อนก่อนจะพุ่งเข้ามาตรงที่คยองซูยืนอยู่ เขาหลบมันได้ทันเวลาอีกครั้งแต่ก็ต้องแลกกับการที่ตัวเองล้มหัวคะมำลงไปกับพื้นอย่างหมดสภาพก่อนที่คิมจงแดจะเดินตามมาติด ๆ
    ร่างสูงนั้นปรายตามองคนเบื้องล่างด้วยสายตาเวทนา สภาพของโดคยองซูตอนนี้ไม่ได้ต่างกับคนขี้แพ้เสียเท่าไหร่
    "สู้สิโดคยองซู!! "
    คยองซูลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นแววตาของจงแด แววตาของอีกฝ่ายตอนนี้พร้อมที่จะขยี้เขาได้ทุก ๆ เมื่อถ้าหากเขายังคงนอนอยู่บนพื้นอยู่แบบนี้มีหวังตายคาห้องสภาแน่นอน
    "นายทำอะไรของนายกันแน่ ไหนว่าเป็นพันธมิตรกันไง นี่นายกะจะฆ่าฉันชัด ๆ!"
    "ฉันจะทำแบบนั้นได้ไงกันล่ะ! " คยองซูหลบอีกครั้งเมื่อเปลวไฟได้โหมกระหน่ำมาที่เขาอีกรอบ เขาหลบไปอยู่ที่มุมห้องด้วยอาการจนมุมและแรงกดดันทำให้ตัวสั่นเทิ้ม เหงื่อกาฬตามกรอบหน้านั้นบอกได้เลยว่าคยองซูกำลังเสียพลังงานร่างกายไปอย่างเยอะมากกับการหลบหลีกกองเพลิงของจงแด
    "นายต้องหัดตอบโต้ได้แล้ว จะยืนเป็นเป้านิ่งให้ฉันรังแกนายอยู่ฝ่ายเดียวงั้นเหรอ? " ทันทีที่จงแดพูดจบร่างสูงก็ควบคุมไฟให้โหมขึ้นอีกครั้งก่อนจะเล็งเป้าไปที่คยองซูในทันทีเมื่อเป้าหมายยังคงหยุดนิ่งเฉยอยู่แบบนี้ย่อมง่ายที่จะจัดการ คยองซูรู้ว่าท่าไม่ค่อยดีและตัวเองคงจะไม่รอดแน่ ได้แต่หลับตาปี๋คิดถึงความตายที่มารอตรงหน้า โดนไฟเผาตายคงไม่เจ็บมากขนาดนั้นหรอกมั้งนะ
    พรึบ!
    คิมจงแดหยุดทุกอย่างลงเมื่อร่างเล็กที่มุมห้องได้หายตัวไปในทันทีก่อนที่เขาจะส่งลูกไฟออกไป เขาใช้เวทเก็บกวาดห้องสภาที่ถูกเผาไปเสียจนเกือบจะวอดทั้งห้องให้กลับเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมไม่ต่างจากที่มันเป็นมาตลอดก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าที่แล้วเขาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ของตัวเองพลางใช้ความคิดอย่างหนักเรื่องโดคยองซู เมื่อคิดได้จึงเผลอยิ้มออกมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว อย่างน้อยโดคยองซูก็คงจะรอดตายในสนามเพราะว่าอีกฝ่ายหายตัวเองได้โดยที่ยังไม่ได้ร่ำเรียนอะไรเลย
    "ก็ถือว่าใช้ได้เลยนี่"
    คิมจงอินเดินจ้ำเท้าไปยังสถานที่คุ้นเคยนั่นก็คือสวนดอกไม้ของเลือดแท้ที่เขารู้ว่าเธอคนนั้นชอบไปเมื่อยามว่าง ที่ไม่ได้ใช้เวทหายตัวเพราะว่าเขาอยากจะคิดทบทวนหลาย ๆ เรื่องที่จะพูดกับเธอคนนั้นเสียหน่อย เวลาเดินจะต้องใช้เวลามากและได้คิดอะไรออกมากกว่ามาที่นี่ด้วยวิธีการรวดเร็ว
    ตีสองกว่าของสวนดอกไม้ที่นี่ดูงดงามเพราะมีแมลงที่เปล่งแสงออกมาจากตัวเองอยู่มากมาย พวกมันสะท้อนกับความมืดได้งดงามพอ ๆ กับดอกไม้นานาชนิดที่นี่เลยด้วยซ้ำ
    "ฉันไม่นึกว่านายจะถ่อมาหาฉันนะคิมจงอิน"
    สาวสวยนั่งอยู่ที่เก้าอี้เบื้องหน้าคิมจงอิน เธอมองคนตรงหน้าด้วยสายตานิ่ง ๆ และยิ้มให้เขาน้อย ๆ ใช้มือสวยของเธอจับผมมาทัดที่ใบหูบ่งบอกอาการประหม่าอย่างชัดเจนมาก จงอินเดินอาด ๆ เข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอในทันทีอย่างไม่นึกจะขออนุญาตเพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอคนเดียว
    "เธอรู้อยู่แล้วว่าฉันจะมาแน่ ๆ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะทำแบบนี้นะจีอึน"
    สายตาของคิมจงอินมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วยิ่งรู้สึกผิดหวัง จีอึนเป็นอดีตคนรักของเขาเอง จงอินคิดว่าพวกเราจบความสัมพันธ์ของพวกเราได้ดีแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างงั้นเมื่อเธอยังคงขอร้องและอ้อนวอนให้เขากลับไปหาเธออยู่เรื่อย เธอย่อมทำร้ายทุกคนที่อยู่ในชีวิตของเขาจนกระทั่งไม่มีใครคิดจะมาคบเขาเป็นเพื่อนหรือเข้าหาเพราะกลัวจะโดนลูกหลงไปด้วยทำให้ตลอดเวลามีแค่เซฮุนและแบคฮยอน เมื่อคยองซูเข้ามาก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างเดิมเมื่อเธอก็ยังคงทำแบบนั้น ทำไปเรื่อย ๆ แม้จะรู้ว่ายังไงอดีตคนรักก็ไม่มีทางกลับมา
    "ที่ฉันบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเจ้าเลือดผสมนั่น นายเชื่อฉันด้วยเหรอ?"
    "...."
    "เพราะอย่างนั้นนายถึงยอมมาอยู่กับฉันถึงสามวันใช่มั้ย นายยอมทำเพื่อมันขนาดนั้นทำไม ถามจริง ๆ นายยังรักฉันอยู่หรือเปล่า?"
    เธอกำมือแน่นอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก สายตาของร่างสูงตรงหน้าที่จ้องมองมามีแต่ความว่างเปล่าสุด ๆ เงาที่สะท้อนในแววตาของอีกฝ่ายนั่นเป็นเงาของเธอแต่มันเหมือนกับว่าที่ตรงนั้นยังไงก็ไม่ใช่ของเธออยู่ดี
    "เธอรู้คำตอบดีอยู่แล้ว"
    หัวใจแตกสลายรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ เธอรู้ดีและรู้ว่าตลอดว่าคิมจงอินและเธอระหว่างเราไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนดำเนินไปได้แค่คนรู้จักในโรงเรียนและอดีตแฟนเก่าที่นอกรั้วโรงเรียน เธอเชื่อว่าใคร ๆ ก็สามารถตกหลุมรักได้แม้ว่าเธอจะไม่ได้เกิดพร้อมจงอินก็ตามทีเถอะ เธอไม่ได้มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากมายเท่าอีกฝ่ายที่เป็นแวมไพร์ร้อยกว่าปีแต่ว่าหัวใจก็ย่อมไม่โกหกอยู่แล้ว และเสียงของหัวใจเธอก็คือคิมจงอินคนเดียวเท่านั้นแม้ว่าในใจของอดีตคนรักจะมีคนอื่นก็ตามที
    "หึ อยากรู้จริง ๆ เลยว่าเจ้ามนุษย์นั่นมีอะไรดี ทำไมนายถึงหลงมันเข้าขั้นโคม่าขนาดนี้? "
    "เขามีทุกอย่างที่เธอไม่มีจีอึน ฉันมาที่นี่เพื่อจะมาเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย ห้ามยุ่งกับคนของฉัน" จงอินลุกขึ้นและพร้อมที่จะเดินจากไป ทุกอย่างมันแก้ไขไม่ได้แล้วแม้ว่าจะด่าทอเธอเรื่องการผิดสัญญาที่เธอให้ไว้ก็ตามทีเถอะ ยังไงโดคยองซูก็ต้องเข้าการแข่งขันอยู่ดี
    "เป็นเพราะฉันไม่ใช่มนุษย์ใช่มั้ย เจ้านั่นเป็นถุงเลือดถุงใหม่ของนายล่ะสิ เดี๋ยวสักพักนายก็เบื่อเองแล้วนายจะต้องกลับมาหาฉัน"
    "อย่าเอาความคิดแย่ ๆ ของเธอมาใช้กับคนอื่นเลยจีอึน ขอร้องอย่าทำให้ฉันมองเธอด้วยสายตารังเกียจไปมากกว่านี้"
    เธอถูกคนที่เธอรักมองด้วยสายตาแข็งกร้าวที่สุดที่เธอเคยได้รับมา คิมจงอินนั้นเดินจากไปและดูเหมือนจะไม่มีทางกลับมาอีกรอบแน่ ๆ เธอยังคงหวังว่าร่างสูงนั้นจะกลับมาแม้ว่าจะมาพูดจาว่าร้ายให้กันก็ตามแต่หันกลับมาได้ไหม บอกทีสิว่านี่เธอไม่ได้ฝันไป ต้องสูญเสียเท่าไหร่ถึงจะได้คืนมา





    พรึบ!
    คยองซูตกใจและเสียหลักถอยหลังชนกำแพงอย่างรุนแรง เขาไม่แน่ใจว่าโผล่มาที่นี่ได้ยังไงแต่ที่แน่ ๆ ก็คือว่าเขาเกือบจะโดนคิมจงแดฆ่าตายเสียแล้วถ้าไม่ออกมาจากตรงนั้น อยู่ ๆ เมื่อคิดได้ก็มาอยู่ที่นี่ก่อนตัวเองจะรู้ตัวเสียอีก
    ที่ ๆ คยองซูโผล่มาก็คือหน้าห้องของเขาเอง เสียงก๊อกแก๊กในห้องทำเอาคยองซูถึงกับหูผึ่ง เขาไม่นึกว่าตัวเองจะได้ยินเสียงจากข้างในห้องด้วยซ้ำ พอหลับตาฟังดูแล้วเหมือนจะเห็นเป็นฉาก ๆ เลยด้วยซ้ำว่าใครกำลังทำอะไรอยู่ในห้องของเขา
    คยองซูตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง เขาเห็นภาพคิมจงอินกำลังเดินวนไปวนมาอยู่ข้างในนั้นก็ได้แต่รู้สึกขำในใจจนกระทั่งเปิดประตูเข้าไปพบใบหน้ายุ่ง ๆ ของอีกฝ่ายและเจ้าตัวกำลังเดินวนไปมาอยู่ถึงกับได้รู้ว่าที่เขาเห็นภาพนั่นคือเรื่องจริง
    "นายไปไหนมาน่ะคยองซู รู้มั้ยฉันห่วงแทบแย่เลย" อีกฝ่ายว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอดคยองซูไม่พอแค่นั้นอีกฝ่ายยังซบหน้าลงบนลาดไหล่เล็กอย่างออดอ้อนอีกต่างหาก
    "พอดีฉันมีธุระนิดหน่อย--"
    "ธุระอะไรแล้วกับใคร?"
    คยองซูลืมคำถามของจงอินไปชั่วขณะเมื่ออยู่ ๆ กลิ่นกาแฟก็ตีเข้าที่จมูกของเขาอย่างจัง เขาจำได้ว่ามันเป็นกลิ่นมอคค่าร้อนของร้านกาแฟชื่อดังที่เขาชอบไปเยือนบ่อย ๆ กลิ่นมอคค่ามันทำให้สมองโล่งและเบาสบายตัวสุด ๆ จนเผลอสูดดมเข้าไปเยอะพอสมควร มือคยองซูเผลอไปกอดตอบจงอินตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เขารู้แต่ว่ามันเป็นสัญชาตญาณล้วน ๆ รู้ตัวอีกทีก็กอดตอบอีกฝ่ายพร้อมกับรับสัมผัสความเย็นชืดจากผิวกายของอีกฝ่ายมาเสียแล้ว ความเย็นชืดที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงและทำให้รู้สึกหน้าร้อน
    "..."
    "นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ"
    "เซ้าซี้จริง ๆ เลยนายเนี่ย เป็นนายเองไม่ใช่เหรอที่ไม่รอฉัน ทั้ง ๆ ที่ฉันก็ว่าจะกลับห้องพร้อมนาย"
    "จริงเหรอ งั้นฉันขอโทษแล้วกันพอดีฉันต้องไปทำธุระนิดหน่อย" จงอินแอบรอบยิ้มออกมาอยู่ไม่ห่างเมื่อคยองซูเองก็เป็นฝ่ายกอดตอบเขาเหมือนกัน เขาได้ยินเสียงจมูกของอีกฝ่ายดมฟุดฟิดอยู่ข้าง ๆ หูก็ทำให้อดรู้สึกจั๊กจี้ไม่น้อย
    "ธุระอะไรกับใคร? " คยองซูถามออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองก่อนจะพยายามผละออกจากคิมจงอินแต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่ออีกฝ่ายก็ยังคงรวบตัวเขาเอาไว้และดึงเข้ามาสวมกอดเช่นเดิม
    "ธุระให้นาย กับจีอึน" จงอินตอบอย่างไม่ปิดบังความจริงแต่อย่างใดและมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคยองซูจะเชื่อหรือไม่ แต่เหตุผลที่หายไปสองสามวันก็เพราะคยองซูจะได้ไม่ต้องลงแข่งแต่อีกฝ่ายก็ผิดคำสัญญาเอาไว้จนได้มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเดินทางไปต่อว่าเสียหน่อย
    "กับนังผมทองนั่นน่ะเหรอ? " คยองซูรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นคนงี่เง่าเมื่ออยู่ ๆ ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อได้ยินชื่อของคน ๆ นั้น จะว่าเขางี่เง่าก็ได้แหละแต่เขาไม่อยากให้จงอินไปใกล้คนแบบนั้นอีก จะมีคนสักกี่ประเภทเชี่ยวที่พูดว่าร้ายคนอื่นตั้งแต่วันแรกที่เจอโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรของอีกฝ่ายเลย กล้าพูดมาได้หน้าด้าน ๆ ราวกับว่าสนิทกันมาแล้วสิบกว่าปี
    "อือ ใช่"
    คำตอบของจงอินทำให้คยองซูระแคะระคายใจนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกดีตรงที่ว่าอย่างน้อยคิมจงอินก็ไม่ได้นึกที่จะโกหกเขา
    "อือ...อย่ามาเกาะแกะจะได้มั้ย? " คยองซูเริ่มที่จะขัดขืนอีกฝ่ายเล็กน้อยเพราะคิมจงอินน่ะกดจูบลงที่ข้างหูของคยองซูจนเจ้าของร่างกายรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว
    "ทำไม นายไม่ชอบให้ฉันสกินชิพหรือไง? " จงอินคว้าเอวบางเอาไว้ก่อนจะไซร้จมูกไปทั่วซอกคอขาว ๆ ที่มีกลิ่นที่ตัวเองชอบคละคลุ้งอยู่ไม่ห่างและมันก็ห้ามใจตัวเองค่อนข้างที่จะยากเมื่อต้องพยายามไม่ให้ไปเผลอสัมผัสอีกฝ่ายมากเกินไป
    "มะ--ไม่เชิง" คยองซูกำเสื้อจงอินจนคาดว่าน่าจะยับคามือไปแล้ว ร่างสูงยังคงไม่เลิกวอแวกับคอของเขาเสียที กลิ่นกาแฟที่ชอบกับสัมผัสที่ชวนใจเต้นทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ได้อยากจะถูกอีกฝ่ายสัมผัสมากขนาดนั้นแต่ยามที่ริมฝีปากของจงอินประทับเข้ากับตรงไหนคยองซูก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีและยิ่งต้องการ
    "ไม่เชิงนี่เป็นคำตอบแบบกำกวมหรือเปล่าโดคยองซู" จงอินจงใจกระซิบข้างหูของคยองซู ตั้งใจให้ริมฝีปากตัวเองเฉียดเข้ากับติ่งหูของอีกฝ่าย การแกล้งคนตัวเล็กยังไม่พอแค่นั้นเมื่อจงอินยังคงลากริมฝีปากไปทั่วเท่าที่สามารถไปได้จนกระทั่งมือของตัวเองบังเอิญไปปลดเนกไทและกระดุมเสื้อของร่างเล็กตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้เขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ
    มือมันไปเองอัตโนมัติ
    คยองซูถึงกับเหวอเมื่อตัวเองได้ถูกผลักให้นอนราบไปกับเตียงโดยมีจงอินตามมาคร่อมเอาไว้ติด ๆ อีกฝ่ายปลดเนกไทกับกระดุมเขาออกตั้งแต่ตอนไหนคยองซูก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันจนกระทั่งริมฝีปากเย็น ๆ ของอีกฝ่ายประทับลงมาที่กลางหน้าอกของเขาก่อนจะโลมเลียเหมือนกับกำลังละเลียดของหวานอยู่ไม่มีผิด
    สติของคยองซูถึงกับค่อย ๆ เลือนหายไปในทันทีจนกระทั่งฟันเขี้ยวคม ๆ ของอีกฝ่ายขูดเข้ากับผิวหนังทำให้รู้สึกหวาดเสียวขึ้นมาเล็กน้อย
    "อื้อ! นายเลิกทำแบบนี้สักทีเถอะ" คยองซูเอ่ยห้ามเมื่อได้สติทั้งที่จริงแล้วจิตใต้สำนึกเขากำลังโวยวายร้องประท้วงอย่างหนังหน่วงมากว่าไม่อยากให้จงอินนั้นหยุดเลยด้วยซ้ำ
    "นายกลายเป็นคนปากแข็งตั้งแต่เมื่อไหร่คยองซู" จงอินผละออกมาอย่างนึกเสียดายเพราะถ้าหากว่าคยองซูไม่พูดอะไรเขาก็ไม่นึกที่จะหยุดอยู่แล้ว จงอินไม่ต้องพยายามอ่านจิตอีกฝ่ายก็สามารถเดาได้ง่าย ๆ ว่าคยองซูรู้สึกยังไง เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย หน้าที่ขึ้นริ้วสีแดงกับหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงและแววตาเยิ้มนั่นดูก็รู้ว่ามีความต้องการขนาดไหน
    "นายเอาอะไรมาพูดกัน ฉันไม่ได้ปากแข็งสักหน่อย" คยองซูหลบสายตาที่เหมือนจะเผาเขาให้ตายคาเตียงเสียเดี๋ยวนี้ มันร้อนแรงยิ่งกว่าไฟที่คิมจงแดเป็นคนจุดขึ้นมาที่ห้องสภาเสียอีกและมันก็อันตรายมากกว่าอีกด้วย
    "ฉันเคยจูบนายไปแล้วเท่าที่จำได้ตอนนั้นไม่ได้แข็งนี่"
    จงอินแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างชัดเจนอย่างไม่ปิดบัง ภาพที่สะท้อนจากแววตาของจงอินนั้นคือภาพของเขาเองและมันก็ค่อนข้างที่จะน่าอายพอสมควรเมื่อเขาเป็นคนอยู่ใต้ร่างของอีกฝ่ายแบบนี้
    "แล้วไง? "
    "อยากรู้จักว่านายจะปากนิ่มเหมือนตอนนั้นหรือเปล่า หรือนายกลายเป็นคนปากแข็งไปแล้วจริง ๆ"
    คยองซูเบือนหน้าหนีคนบนร่างด้วยสายตาหวาดหวั่น คิมจงอินกะจะฆ่าเขาให้ตายด้วยทุกวิถีทาง เขาไม่มีทางกับผู้ชายคนนี้จริง ๆ
    เมื่อคยองซูไม่ได้ตอบคำถามจงอินเลยถือวิสาสะเชยคางคยองซูให้หันมาสนใจตัวเขามากกว่าที่จะสนใจผนังข้างห้อง ทันทีที่เราสบตากันแววตาของคยองซูดูหวาดหวั่นมากกว่าที่คิด คยองซูมีอาการเลิ่กลั่กก่อนอีกฝ่ายจะยอมนอนนิ่ง ๆ แถมหลับตาพริ้มเหมือนรอสัมผัสจากคนด้านบนอยู่ต่างหาก
    จงอินยิ้มอย่างชอบใจก่อนโน้มหน้าลงไปป้อนจูบให้กับคนน่ารักใต้ร่างของตัวเอง ร่างสูงขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่มของอีกฝ่ายอย่างนึกสนุก คยองซูหัวใจเต้นเร็วเหมือนจะระเบิดเมื่อถูกมือใหญ่ ๆ ของจงอินคว้ามือของเขาขึ้นไปคล้องเอาไว้ที่คอของอีกฝ่าย จงอินปรับมุมองศาหน้าของพวกเราทำให้จูบครั้งนี้ลึกซึ้งกว่าครั้งไหน ๆ ที่เคยผ่านมา คยองซูเองก็ไม่ยอมแพ้คนบนร่างจึงพยายามรุกสอดลิ้นเข้าไปก่อนที่จงอินจะรู้ตัวเสียอีก การกระทำนั้นทำให้หัวใจของจงอินเต้นเร็วไม่แพ้กับคนใต้ร่าง คยองซูดึงรั้งคอของอีกฝ่ายลงมาให้พวกเราได้แนบชิดกันมากขึ้นอย่างลืมตัวในรสจูบที่โดนอีกฝ่ายมอมเมาไปเสียเรียบร้อย จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายนาทีเสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดูเหมือนจะดังกว่าเสียงนาฬิกาข้างผนังเสียอีก
    คยองซูสะดุ้งตัวแรงเมื่อโดนขบริมฝีปากอีกครั้งราวแต่มันไม่ได้แรงจนถึงกับขนาดที่ว่าเลือดจะออก อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอราวกับชอบใจที่กลั่นแกล้งคยองซูสำเร็จก่อนที่จงอินจะผละออกไปอีกฝ่ายกดจูบซับน้ำสีใสที่ไหลเลอะมุมปากทั้งสองด้านของร่างเล็กอีกด้วย
    'ให้ตายเถอะ' คยองซูกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก หัวใจของเขาหวั่นไหวรุนแรงไม่พอแค่นั้นภายในใจเขายังคงร้องตะโกนว่าต้องการคิมจงอินอีกต่างหาก อีกอย่างนะเขาจูบกับจงอินครั้งที่สามแล้วทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเนี่ยนะ
    "ขอโทษ คราวหน้าจะไม่แกล้งแล้ว"
    อีกฝ่ายว่าก่อนจะล้มตัวนอนลงข้าง ๆ คยองซูและไม่ลืมดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด คยองซูเองดูไม่ได้ขัดขืนอะไรนั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี คนตัวเล็กซ่อนใบหน้าที่แดงซ่านของตัวเองไว้ด้วยการซบลงกับอกแกร่งของอีกฝ่ายอย่างยอมใจ
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องการขนาดไหน
    "นายจะไม่บอกเลยหรือว่านายก็ชอบฉันเหมือนกัน"
    คยองซูแกล้งที่จะเงียบแม้ว่าตัวเองจะได้ยินทุกประโยคที่อีกฝ่ายได้กล่าวมา จะบอกชอบจงอินได้ยังไงกันล่ะ มันยังมีอีกหลาย ๆ อย่างที่คยองซูไม่แน่ใจ แต่ความรู้สึกตัวเองก็ชัดกว่าสิ่งไหน ๆ แล้ว
    "..."
    "ถ้านายไม่กล้าพูดนายก็ทำอะไรสักอย่างได้มั้ยให้ฉันได้เข้าจะ--"
    คยองซูเงยหน้าขึ้นไปกดจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากอีกฝ่ายก่อนจะมุดหน้าลงหมอนเพื่อหนีสายตากรุ้มกริ่มของคิมจงอิน
    จงอินยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากมนของอีกฝ่ายพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นมาอีก คยองซูหลับตาลงอย่างว่าง่ายจงอินก็เช่นกัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การมีโดคยองซูตรงนี้ทำให้รู้สึกดี ถ้าคยองซูไม่พูดอย่างน้อยเขาก็แน่ใจในการกระทำของอีกฝ่ายมาแล้วไม่มากก็น้อย
    'นอนเถอะ พรุ่งนี้นายต้องเจออะไรอีกเยอะ พรุ่งนี้นายต้องดูแลตัวเองดี ๆ แล้วก็ห้ามเป็นอะไร เพื่อฉัน'
    เสียงของอีกฝ่ายที่คยองซูไม่แน่ใจว่าไปตกลงกับความรู้สึกตัวเองตอนไหนว่าชอบ ได้ดังเข้ามาในความคิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ น่าโมโหเสียจริงที่หัวใจของเขาไม่นึกคิดจากปรึกษาเจ้าของมันเสียก่อนเลย
    'อือ ขอบใจนะที่เป็นห่วง' คยองซูเผลอตัวขยับเข้าหาไอเย็นของอีกฝ่ายอีกแล้ว ถึงแม้จงอินมอบให้ได้แค่ความเย็นแต่ทำไมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกนะ






    Are you bleeding?
    -100%-
    #ลูกเสี้ยวคซ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×