คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 01 : ลูกแพะ
CTA - City หรือ เมืองจุดศูนย์กลาง เป็นเมืองแห่งความหวังและความฝัน ฝันของลูกแพะตัวหนึ่งอย่างผม
“เลนนี่กินข้าวลูก!”
“ครับ!” ผมเก็บรูปถ่ายกับรูปวาดลงในกล่องความทรงจำ ยัดมันเอาไว้ใต้เตียงก่อนจะเดินออกจากห้องตามเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างแรงเพราะว่าความวุ่นวายที่บ้านของผมชักจะเริ่มทำให้ผมเริ่มปวดหัว
ครอบครัวของผมประกอบไปด้วยพ่อและแม่ ซึ่งต่อมาก็มีผมและน้องชายคนกลางก่อนจะเป็นน้องสาวคนเล็ก ซึ่งเชื่อสิว่าถ้าคุณต้องมาคอยเก็บกวาดซากปรักหักพังที่น้องทั้งสองทำเอาไว้ คุณจะไม่ได้รู้สึกแฮปปี้หรือรู้สึกยินดีกับมันเลยแม้แต่น้อย
“เลนนี่ฉันมีเขาแล้ว!”
เสียงน้องชายจอมยุ่งดังขึ้นพร้อมกับเอาหัวพุ่งชนกับโต๊ะเพื่อที่จะผมสนใจ และแน่นอนว่าผมต้องหันไปสนใจในทันทีเพราะถ้าแม่รู้เข้า มีหวังผมได้โดนทำโทษข้อหาดูแลน้องไม่ดี
“เรนหยุดนะไม่งั้นแม่ต้องทำโทษฉันแน่ ๆ” ผมเอื้อมมือไปดึงไหล่ของน้องชายให้ออกห่างจากโต๊ะก่อนที่มันจะยุบไปมากกว่านี้
และแทนที่หัวน้องชายของผมจะเลือดออกก็คงจะกลายเป็นผมเสียเองเพราะคงจะโดนแม่เขกหัวไปหลายยก
“มัวทำอะไรกันอยู่ รีบ ๆ กินเข้าสิ วันนี้แม่ต้องออกไปข้างนอกนะ เดี๋ยวจะไม่มีเวลาล้างจาน" เสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้นในเวลาต่อมา เธอเดินออกมาจากครัวด้วยสภาพรีบร้อนก่อนจะวางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะอาหาร
“รีบกินซะเรน แม่จะไปปลุกเนนนี่”
“รับทราบ!” น้องชายจอมยุ่งทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่งของคุณแม่ก่อนจะรีบกระโดดขึ้นเก้าอี้และลงมือจัดการอาหารเช้าที่เรียบง่ายเหมือน ๆ ในทุกวัน ผิดกับคนพี่ที่นั่งเขี่ยอาหารในจานไปมาด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความเบื่อหน่าย
“เลนนี่ ทำไมไม่กินล่ะลูก?”
“!”
เสียงที่มาพร้อม ๆ กับฝ่ามือใหญ่ที่สัมผัสลงที่ลาดไหล่ของผมอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมรู้สึกว่าตัวกระตุกและเกร็งกล้ามเนื้อจนขยับไปไหนไม่ได้ ก่อนที่จะได้ล้มลงไปนอนกับพื้นผู้เป็นพ่อได้โอบกอดรอบตัวของผมเอาไว้ทัน ไม่งั้นจากที่แม่ต้องออกไปทำธุระคงกลายเป็นว่าต้องพาผมไปโรงพยาบาลแทน
"อีกแล้วเหรอ ลูกได้กินยาบ้างมั้ย?"
"อือ—กินแล้ว…ครับ" ทันทีที่ร่างกายหายเกร็งผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก ภาพที่ทุกคนในครอบครัวของผมเห็นนั้นมันดันกลายเป็นภาพชินตาไม่ก็เรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว เวลาผมตกใจร่างกายจะเกิดอาการตัวเกร็งขยับไม่ได้และล้มลงกับพื้น แต่มันไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่เพราะไม่นานเกินนาทีมันจะหายไปและผมจะสามารถกลับมาขยับได้อีกครั้ง มันเรียกว่าอาการ Fainting goat [1]
"ถ้ากินแล้วทำไมช่วงนี้อาการมันกลับมาเหมือนเดิมล่ะ?"
ผมค่อย ๆ ลุกขึ้นตามแรงพยุงของผู้เป็นพ่อก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม การหลีกเลี่ยงคำตอบมันเป็นเรื่องที่ผมทำอยู่เป็นประจำเพราะว่าอาการ Fainting goat น่ะ ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ๆ เสมอ เพราะโดยปกติแล้วคนอื่น ๆ ไม่มีใครเป็นแบบผมเลยสักคน หมายถึงในร่างของมนุษย์น่ะนะ
"ถ้ากินเสร็จแล้วก็เอาไปใส่ไว้ในอ่างล้างจานนะเรน เนนนี่หนูก็รีบกินซะจะได้ไปโรงเรียนพร้อมเรน ส่วนเลนนี่ ลูกช่วยเลิกเขี่ยอาหารเล่นและรีบ ๆ กินสักทีเถอะจะได้ไปโรงเรียนเหมือนน้อง ๆ"
"ครับรู้แล้ว" เมื่อได้ยินคำของผู้เป็นแม่ผมจึงไม่มีทางเลือกเท่าไหร่ที่จะหลีกเลี่ยงอาหารในมื้อนี้ ถึงแม้ว่ามันจะดูน่าแหวะแค่ไหนก็ตามแต่สายตาของผู้เป็นแม่ในตอนนี้ที่มองผมอยู่ก่อนแล้วมันดูน่ากลัวยิ่งกว่าการกลืนผักพวกนี้ลงท้องไป
"รู้แล้วทำไมไม่รีบ?"
"ก็มันเป็น...ผัก" ผมฝืนเคี้ยวผักก่อนจะตักข้าวโอ๊ตเละ ๆ เข้าปากอีกคำเพราะสายตาดุ ๆ ของผู้เป็นแม่ที่จ้องมองมากดดันให้รีบเร่งในเวลานี้
"เราเป็นแพะ ไม่ให้กินผักจะให้กินอะไรล่ะ?"
เป็นแพะแต่ก็ไม่ต้องกินแบบนี้ตลอดทั้งชีวิตก็ได้ไม่ใช่หรือไงกัน ผมได้แต่คิดแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับออกไปเพราะไม่อยากจะหาเรื่องเพิ่มใส่ตัวเองในเช้าวันนี้ อาหารของผมหลัก ๆ ในตอนเช้าจะมี ข้าวโอ๊ตเสิร์ฟคู่กับเห็ด มันฝรั่ง และถั่วอบมะเขือเทศ ลองคิดสภาพพวกนี้มารวม ๆ กันอยู่ในจานเดียวกันในสภาพที่ถูกผสมปนกันไปหมดดูสิ
น่าแหวะสุด ๆ
และในที่สุดผมก็ยัดอาหารเช้าสำหรับแพะลงกระเพาะอาหารได้จนหมดก่อนจะทำหน้าที่ปิดบ้านให้เรียบร้อยเพราะว่าผมนั้นออกจากบ้านเป็นคนสุดท้าย ตลอดเส้นทางการไปโรงเรียนนั้นเหมือนเดิมไม่มีผิด แม่บอกผมว่ามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ก่อนแม่จะเกิดและมันก็รวมถึงก่อนผมจะเกิดอีกด้วย
ศตวรรษที่ 23
ในโลกของผมในตอนนี้เรียกว่าโลกที่สัตว์กับมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน แน่นอนว่าวิทยาศาสตร์ของมนุษย์นั้นได้ก้าวกระโดดไปไกลมาก
มีการนำเอายีนของสัตว์กับคนประกอบเข้าด้วยกัน จนกระทั่งสำเร็จจึงได้มีการทดลองกับมนุษย์กลุ่มเล็ก ๆ มนุษย์กลุ่มนั้นจะสามารถเปลี่ยนสภาพของตัวเองไปเป็นสัตว์ได้ในยามที่ต้องการ มนุษย์ที่มียีนของสัตว์อยู่จะมีลักษณะเฉพาะตัวที่บ่งบอกว่าเราคือสัตว์ชนิดไหน อย่างเช่นมีหูกับหาง มีเกล็ดที่ตัว มีเขี้ยวที่แหลมคม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนที่เป็นมนุษย์แท้ ๆ เหลืออยู่ พวกเขายังคงมีอยู่
ประชากรมนุษย์ปกติมีประมาณ 50% อีก 30% จะเป็นพวกที่รวมยีนกับสัตว์ อีก 20% ก็คือพวกสัตว์ปกติที่ไม่สามารถกลายร่างมาเดินสองขาได้ พวกนั้นหาได้ตามทุ่งหญ้าหรือสถานที่ธรรมชาติทั่วไป
กลายเป็นว่ามนุษย์หลายต่อหลายคนมีความต้องการที่จะเอายีนสัตว์มาใส่ไว้ในร่างกาย ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดีทั้งข้อเสีย ข้อดีคือเราสามารถอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์เอาไว้ได้เยอะ สามารถแหวกว่ายลงไปใต้ผืนน้ำที่ยังไม่มีการสำรวจ หรือแม้แต่โบยบินขึ้นไปบนฟ้า ยกของหนักได้เป็นตัน วิ่งได้หลายร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง และอื่น ๆ อีกมากมายที่แพะอย่างผมทำไม่ได้
ส่วนข้อเสีย ก็มีเยอะพอตัว พอมีผู้ล่าก็ต้องมีผู้ถูกล่า รัฐบาลก็เริ่มควบคุมประชากรไม่ไหวจึงปล่อยเลยตามเลยมาระยะหนึ่งก่อนจะออกกฎหมายควบคุมจริงจังขึ้นมา ผมเป็นแพะ อาศัยอยู่เขตที่มีแต่แพะเขตนี้จะมีพวกแกะและม้าอยู่บ้างเล็กน้อยแต่ที่นี่ในเขตนี้ไม่มีนักล่าอย่างแน่นอน
คำว่านักล่าน่ากลัวที่สุดสำหรับพวกกินพืชอย่างเรา
"เลนนี่!"
ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเรียนเข้ามาเพื่อนคนแรกที่วิ่งหูตั้งมาก็คือ เนเธอร์ ดวอฟ เนเธอร์เป็นกระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ดวอฟ [2] ชื่อของเจ้าตัวด้วยนั้นมาจากชื่อสายพันธุ์ เพราะว่าในเขตนี้มีแค่แพะ แกะและม้าบางส่วน แต่เมื่อหลายปีก่อนมีคนพบลูกกระต่ายเนเธอร์แลนด์ดวอฟอยู่ในป่า ผู้ประจำเขตที่เป็นมนุษย์เลยไม่มีทางเลือกจึงเก็บมาเลี้ยงเอาไว้และได้ให้ชื่อเนเธอร์ดวอฟมากับเจ้าตัว และเนเธอร์จึงเป็นกระต่ายตัวเดียวในเขตนี้
"เรียกเสียงดังกลัวฉันไม่ได้ยินหรือไง?" ผมตอบกลับก่อนจะดันใบหน้าของอีกฝ่ายให้ถอยออกห่างตัวผม แน่นอนว่าเมื่อกี้ผมตกใจจนเกือบจะเกิดอาการ Fainting goat แล้วแต่ด้วยเพราะว่าชีวิตของผมตั้งแต่เข้าเรียนมาต้องเจอกับเนเธอร์ตะโกนเรียกชื่อผมทุกวันก็ทำให้ผมรู้สึกชินบ้างในบางครั้ง
"ว่าจะแกล้งสักหน่อยแต่คิดว่านายคงจะไม่เกิดอาการนั่นแล้ว เพราะฉันเรียกนายทุกวันทำให้นายมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น"
"หยุดทำแบบนั้นสักที สักวันฉันจะไม่ได้เกิดอาการบ้า ๆ นั่นแต่จะกลายเป็นตกใจจนหัวใจวายตาย--"
"เลนนี่!"
"!" เสียงที่ดังขึ้นข้างหูโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัวกับสัมผัสหนัก ๆ ที่ไหล่ ทำเอาตัวผมสะดุ้งโหยงก่อนจะเย็นวาบไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเกร็งอีกครั้ง ขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงก่อนผมจะมองเห็นเพดานห้องแทนที่จะเป็นหน้าของเนเธอร์
ตุบ!
เสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นทั่วห้องในทันทีที่ร่างผมล้มลงถึงพื้น เนเธอร์เป็นคนที่ดึงผมลุกขึ้นมาก่อนจะแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเองก็เช่นกัน
"ฉันว่านายเปลี่ยนร่างเป็นแพะดีมั้ยจะได้เอาไว้อ้างเวลาเกิดอาการ Fainting goat จะได้ไม่ค่อยน่าอายเท่าไหร่?"
คนที่เอ่ยคำพูดที่เชิงว่าเยาะเย้ยผม เขานั้นคือ คิง เบอร์สัน หมอนั่นเป็นม้า ร่างกายสูงใหญ่ของเจ้าตัวทำให้ผมนึกอิจฉาหรือไม่ก็อยากจะปล่อยเสือเข้ามาในเขตนี้ให้รู้แล้วรู้รอด จะได้รู้ว่าที่เจ้าตัวนั้นชอบโม้ว่าตัวเองวิ่งเร็วนั้นจะเร็วได้แค่ไหนตอนถูกสัตว์กินเนื้อไล่ล่า
"หุบปากนะเบอร์สัน อันที่จริงนายไม่ควรเป็นม้าแต่ควรจะเป็นกบไม่ก็พวกแมลง ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้หยิบอะไรออกมาจากท้องแม่ของนายเลยนอกจากร่างกายใหญ่ ๆ ของนายกับนิสัยที่เหมือนเด็กมีปัญหา ฉันน่าจะพูดถูกนะ"
"หุบปากไปซะไอ้กระต่าย พ่อแม่ทิ้งแล้วยังมาปากดีอีก ถ้าฉันเป็นนายจะเก็บปากเอาไว้เคี้ยวแครอทกับนอนรอให้คนมาเกาหูจะดีกว่า สัตว์เลี้ยงขนปุย"
"มากไปแล้วนะเบอร์สัน!" เนเธอร์พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วอาศัยทักษะเฉพาะของกระต่ายก่อนจะคว้าเอาคอเสื้อของเบอร์สันเข้ามาและฟาดหมัดหนัก ๆ ลงไปตามทำเอาใบหน้าของอีกฝ่ายหันไปตามแรงของคนที่ตัวเล็กกว่าอย่างจัง
ผลัวะ!!
"หน่อยแหนะดวอฟ!"
"หยุดนะ พวกเธอทั้งคู่ ไปรอพบครูที่ห้องพักครูเดี๋ยวนี้ แล้วอย่าให้รู้นะว่าระหว่างที่รอพวกเธอยังทะเลาะกันอีก!"
ครูประจำชั้นเป็นผู้ที่เข้ามาห้ามศึกระหว่างกระต่ายกับม้า ก่อนที่เนเธอร์จะได้หมัดหนัก ๆ ของเบอร์สันตอบกลับมา เนเธอร์หูลู่ลงในทันทีที่โดนดุก่อนจะส่งยิ้มเจือน ๆ ให้ผมและเดินออกไปรอที่ห้องพักครูตามที่ครูได้บอกเอาไว้
ผมเดินมานั่งลงที่นั่งของตัวเอง ข้างกายของผมนั้นว่างเปล่าเพราะที่ตรงนี้เป็นของเนเธอร์เจ้ากระต่ายจอมซนที่ชอบออกหน้ามีเรื่องกับชาวบ้านแทนผมตลอด
"เอาล่ะนั่งที่ได้ วันนี้ครูจะประกาศผลสอบ CTA"
ทันทีที่ได้ยินว่า CTA เสียงฮือฮาในห้องก็ดังขึ้นในทันที การสอบ CTA นั้นคือสิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดสำหรับพวกคนที่อยู่ตามเขต เพราะว่าพวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่ CTA City หรือ เมืองจุดศูนย์กลาง ไม่มีการแบ่งเขต ไม่แบ่งสายพันธุ์ ทุกอย่างจะเท่าเทียม เป็นเมืองแห่งความหวังและความฝัน ฝันของลูกแพะตัวหนึ่งอย่างผมที่จะได้เข้าไปที่นั่น สำหรับฉันคนที่มีความต้องการที่จะเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่ก็คือต้องเป็นคนที่จะต้องจบมหาวิทยาลัยชั้นนำเท่านั้น และที่เขตนอกก็ไม่มีมหาวิทยาลัยแบบนั้นหรอก
คนที่มีสิทธิ์เข้าไปที่ CTA ได้คือคนที่เกิดที่นั่น แต่สำหรับคนนอกอย่างพวกผมคือต้องสอบ สำหรับนักเรียนอย่างพวกผมการสอบจะมีปีละครั้งตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยม ข้อสอบนั้นยากแสนจะยากไม่เหมือนกันเลยในทุกปี และเป็นข้อเขียนทั้งหมด มีทั้งวิชาการ วัดไอคิว อีคิว และการเอาตัวรอดเบื้องต้น และผมเป็นผู้ทำข้อสอบมาสิบปี ก็ยังไม่เคยผ่านเลยสักครั้ง
ความฝันที่จะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำและหางานทำดี ๆ นั้นค่อย ๆ เลือนหายไปในทุก ๆ ปีเพราะผมนั้นใกล้จะเรียนจบมัธยมแล้วในตอนนี้
"ครูจะเรียกชื่อและก็ให้พวกเธอออกมาเอาใบประเมินทีละคนนะ"
หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะ ในตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนจะเกิดอาการบ้า ๆ นั่นอีกแล้ว เหตุผลที่ผมไม่ผ่านอาจจะเป็นเพราะผมมีอาการ Fainting goat ด้วยล่ะมั้ง พวกเขาบอกเอาไว้ว่าเฉพาะคนที่แข็งแรงและพร้อมเท่านั้นถึงจะได้รับคัดเลือกเข้าไปใน CTA City ได้
"เลนนี่ ลีโอนาร์ท"
ทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเองผมลุกออกไปรับกระดาษใบประเมินก่อนจะกลับมานั่งที่ตัวเอง ผมค่อย ๆ ทำใจเปิดมันออก จะไม่ให้ผมอดที่จะตื่นเต้นก็ไม่ได้ อันที่จริงผมคิดว่าผมนั้นไม่ได้เว่อร์อะไรเลย ลองนึกดูเล่น ๆ ว่าทั้งชีวิตของคุณอยู่กับอะไรเดิม ๆ ฝูงแพะกับแกะและม้า กินข้าวโอ๊ตเป็นอาหาร วิวไร่และสวนและภูเขาเดิม ๆ มันไม่ค่อยน่ารู้สึกดีเท่าไหร่นักสำหรับผม ผมรู้สึกว่าตัวเองยังเดินอยู่กับที่ไม่ไปไหน และผมก็ยังจะต้องใช้ชีวิตในนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
ผมหยุดเปิดกระดาษก่อนจะวางมันลงกับโต๊ะมองมันสักพักคล้ายว่ากำลังจะอ้อนวอน ลึก ๆ แล้วผมหวังว่ามันจะถูกเขียนตัวอักษรสีเขียวตัวหนาใหญ่ ๆ ที่หัวมุมว่าผมผ่านแต่ดูแล้วก็ไม่ค่อยน่ามีหวังเท่าไหร่ในการสอบครั้งที่สิบเอ็ดของผม มันก็คงไม่ได้แตกต่างจากเดิม เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมก็หยิบมันขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ คลี่กระดาษทีละน้อย เหงื่อที่มือของผมเริ่มออกเยอะขึ้น มือไม้สั่นไปหมดและในทันทีผมก็ทำใจเปิดมันออกก่อนที่ผมจะหัวใจวายตายจริง ๆ
มันไม่ได้มีตัวอักษรสีเขียวหนาใหญ่ที่หัวมุมกระดาษอย่างที่ผมคิดเอาไว้แต่ดันเป็นตัวหนังสือสีดำที่หัวมุมแทน และมันบอกว่า
'คุณผ่านการคัดเลือก ยินดีต้อนรับสู่ CTA City'
[1] Fainting goat เป็นชื่อเรียกอาการของแพะที่มีลักษณะกล้ามเนื้อแข็งอยู่ประมาณ 3 วินาที อาการนี้จะพบได้เมื่อแพะมีอาการตกใจ เป็นลักษณะทางพันธุกรรม สามารถพบได้ในแพะบางตัว
[2] Netherland dwarf เป็นกระต่ายแคระสายพันธุ์หนึ่ง ที่มีขนาดเล็กที่สุดสายพันธุ์หนึ่งของโลก กระต่ายพันธุ์นี้ได้ชื่อว่าเป็น รัตนชาติแห่งกระต่ายสวยงามหรือ Gem of the Fancy ชอบยืนสองขาเพื่อสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัว เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงต่ำต่อสูญพันธุ์
ความคิดเห็น