NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC KaiSoo {Mixed Blood} Ft.EXO (END)

    ลำดับตอนที่ #1 : Mixed Blood 00

    • อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 66







    Mixed Blood 00


     

     

     


    ผมไม่เคยคิดว่าช่วงชีวิตมัธยมปลายจะเป็นอะไรที่แย่...

    ผม โด คยองซู เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขที่สุดในโลก ผมมีเพื่อน ๆ ที่แสนดีอยู่สองคน ซึงกิกับยูจี ผมมีแฟนสาวสวยหนึ่งคนชื่อ ฮวาซุน ผมเรียนได้ท็อปในวิชาวรรณกรรมและดนตรี เลิกเรียนมักจะแวะไปกินต๊อกไม่ก็อาหารแถวโรงเรียนที่ส่วนใหญ่จะเป็นไก่ทอดร้านดัง เสาร์อาทิตย์ก็ออกมาเดต ชีวิตมีความสุขดีสุด ๆ เว้นแต่ว่า…
    ผมเป็นลูกเสี้ยวแวมไพร์ที่หนีออกจากบ้าน
    ความจริงข้อนั้นยังคงดังอยู่ในความคิดเสมอในยามที่หัวไม่มีอะไรให้คิด โชคดีไม่น้อยที่ผมหาเงินส่งตัวเองเรียนและใช้ชีวิตได้ เพื่อนของผมซึงกิเป็นแวมไพร์เหมือนกัน แต่ก็แค่ลูกครึ่งหกสิบสี่สิบ พวกเราสนิทกันที่สุดในกลุ่มก็ว่าได้ ซึงกิคอยช่วยเรื่องเงินทองถ้าผมขาดพวกอุปกรณ์การเรียนเขาก็จะช่วยเหมือนกัน พวกเราไม่เคยดื่มเลือด ใช่แล้วล่ะ มันเป็นสิ่งที่จะน่าขยะแขยงสำหรับพวกเราอยู่แล้ว
    “สอบเสร็จร้องเกะมั้ย?” ซึงกิดึงคอร่างเล็กเข้ามาหา เขาส่งยิ้มให้คยองซูเหมือนทุกทีและไม่มีครั้งไหนที่คยองซูจะปฏิเสธ
    “เออ ๆ ไปก็ไป ชวนยูจีกับซุนยัง?”
    “ชวนแล้วไม่ไปว่ะ ยูจีบอกต้องรีบกลับบ้านเพราะวันเกิดหมา”
    คยองซูขำพรืดทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าจะปากของซึงกิ ไอ้ยูจีนี่มันน่าจริง ๆ เลย เห็นวันเกิดหมาสำคัญกว่าพวกเขาได้ไงกันนะ
    “ซุนล่ะ?”
    “ซุนนี่ของนายอ่ะจะไปช็อปปิ้งกับเพื่อน”
    “งั้นก็คงเหลือแค่เรา” คยองซูยกเป้ขึ้นพาดบ่าก่อนจะตบตูดซึงกิหนึ่งครั้งแรง ๆ และวิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว
    ป้าบ!
    ซึงกิสะดุ้งตัวแรงก่อนจะส่งสายตาคาดโทษใส่คยองซูที่วิ่งหน้าทะเล้นไปไกลแล้ว ร่างสูงส่ายหัวเบา ๆ ให้กับความเป็นเด็กของคนตัวเล็กก่อนจะยกเป้พาดบ่าแล้ววิ่งตามไปในทันที
    “เดี๋ยวเถอะ ไอ้เตี้ย คิดว่าจะใช้ขาสั้น ๆ นั่นวิ่งหนีฉันได้เหรอ?!”




    กว่าการฉลองสอบเสร็จของพวกเราจะจบเวลาก็เดินมาถึงเที่ยงคืนกว่า ทั้งร้องเพลงกินต๊อกและไก่ทอดจนท้องแทบจะแตกออกมา พวกเรายังคงเดินทอดน่องไปเรื่อยเปื่อยเหมือนอยากที่ชอบทำ
    “ฉันคิดถึงตอนที่นายเดินเข้ามาเรียนที่นี่วันแรกว่ะ ติ๋มฉิบหายเลย” ซึงกิพูดเรื่องราวในอดีต มันช่างน่าขำเสียจริงพอพูดถึงมันแล้วคยองซูก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้
    “จำได้ว่านายชวนฉันไปกินข้าวด้วยท่าทางเหมือนอยากจะเอาหัวตัวเองไปโขกกับกระดาน”
    “ใช่ ฉันทำแบบนั้นเพราะพวกเราก็ไม่มีเพื่อนทั้งคู่ เอาง่าย ๆ ไม่มีใครมาคบเลยคบกันเอง”
    “พูดอีกก็ถูกอีก ถ้านายไม่มาชวนฉันในวันนั้นวันนี้เราคงไม่ได้ยืนด้วยกันอยู่แบบนี้หรอก”
    คยองซูพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ร่างสูงข้างกายที่เอามือพาดไหล่เขาไว้ไม่ห่าง เราสบตากันเพียงครู่ประหนึ่งว่าส่งกระแสจิตหากันได้ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาพร้อมกัน
    “เลิกดราม่าเรื่องอดีตได้แล้ว พวกเราควรจะกลับบ้านได้แล้วนะ” ซึงกิกล่าวลาคยองซูพร้อมกับผลักหัวทุยของอีกฝ่ายเบา ๆ ด้วยหมั่นไส้
    “เออ ๆ เจอกันเปิดเทอม”




    คยองซูต้องเดินเท้ากลับห้องพักตัวเองเพราะดึกมากแล้วรถไฟฟ้าใต้ดินกับรถเมล์ไม่วิ่ง แท็กซี่ก็แพงอีกต่างหาก ห้องพักของเขาไม่ใช่ห้องพักราคาแพงแต่มันก็ไม่ได้ถูกไปเสียทีเดียว ที่จริงมันเป็นบ้านสวนที่เจ้าของก็เป็นคุณยายแก่ เธอให้คยองซูอยู่ฟรีเลยแค่ต้องสัญญาว่าจะดูแลแปลงสวนดอกไม้ของเธอให้ดูดีตลอดเวลาและที่สำคัญต้องออกค่าน้ำค่าไฟเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาเสียเท่าไหร่แต่เหนื่อยตรงที่ต้องมาดูแลแปลงสวนดอกไม้ราคาแพงที่บางวันคยองซูลืมรดน้ำมันก็ถึงกับเหี่ยวเล็กน้อยเหมือนเรียกร้องความสนใจไม่มีผิดเพี้ยน ห้ามมีหนอนและแมลงเด็ดขาด นั่นถึงกับทำเอาคยองซูปวดหัวเลยทีเดียว
    ร่างเล็กวางถุงกับข้าวไว้ในครัวก่อนจะเดินออกไปตรวจแปลงสวนดอกไม้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ตลอดทุกการก้าวเดินคยองซูรู้สึกเสมอว่ามีคนกำลังเดินตามเขามาอย่างเงียบเชียบ เขาไม่แม้แต่หันไปประชันหน้ากับคนแปลกหน้าที่เดินตามมา คยองซูปล่อยให้อีกฝ่ายเดินตามไปเรื่อย ๆ ถ้าอีกฝ่ายพอใจก็คงหนีไปเองล่ะมั้ง
    ตุบ!
    ของแข็งที่ถูกตีเข้าท้ายทอยเล็กในคราวเดียวทำเอาถึงกับโลกหมุน คยองซูรู้สึกเจ็บแวบขึ้นมาก่อนจะล้มลงไปนอนกับพื้นเพราะควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเองไม่ได้และภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก็คือผู้ชายร่างสูงใหญ่กำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยสีหน้านิ่ง ๆ




    คยองซูตื่นขึ้นมาเพราะมีอากาศเย็นปะทะเข้ากับผิวโดยตรง ช่วงหน้าแก้มรู้สึกเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาโตค่อยปรือตาขึ้นอย่างยากลำบากก่อนจะต้องสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและอยู่กับใคร
    “พ่อ” คยองซูมองดูมือหยาบที่ลูบอยู่บนใบหน้าตัวเอง มือหยาบนั่นไร้ไออุ่นเหมือนที่มนุษย์คนหนึ่งพึงจะมี
    “ขอโทษด้วยที่ต้องใช้ความรุนแรงเพราะถ้าบอกดี ๆ ลูกก็ไม่มีทางมา” ผู้เป็นพ่อละมือจากใบหน้าของลูกชาย ใบหน้าที่เขาคอยเฝ้าดูตลอดเวลาเจ็ดปี เจ็ดปีที่คยองซูหนีออกจากบ้าน
    “…” คยองซูมองห้องนอนที่คุ้นเคย เพราะนี่เป็นห้องของเขา ของทุกอย่างถูกจัดไว้เหมือนเดิม ตั้งแต่เขาหนีออกจากบ้านคงจะไม่มีใครเข้ามายุ่งกับห้องของเขาเป็นแน่
    “ฉันคิดว่าพ่อแกปล่อยแกมานานแล้ว” คุณปู่ที่คยองซูไม่ทันสังเกตว่ามาตอนไหนเอ่ยขึ้น เขาเดินเข้ามาดูหน้าหลานชายคนเล็กด้วยความเอือมระอาเป็นที่สุด
    “…” คยองซูมองหน้าพ่อและปู่สลับไปมาในหัวมีคำถามมากมาย นี่มันเรื่องบ้าอะไร อีกไม่กี่ปีเขาก็จะเรียนจบไปมีชีวิตที่ดีของตัวเองแล้วทำไมอยู่ ๆ วันนี้ถึงออกมาตามเขากลับบ้าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่
    “ถึงเวลาที่แกจะต้องใช้ชีวิตให้ถูกทิศถูกทางเสียที”
    ทุกคนมองเขานิ่งก่อนจะออกไปเพื่อให้คยองซูมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง แสงแดดที่รอดมาทางผ้าม่านสีเข้มเป็นเครื่องยืนยันว่านี่อาจจะเป็นเวลาบ่ายแก่เวลา คยองซูหลับตาเรียกสติก่อนจะยันตัวเองเพื่อลุกจากเตียงและเดินสำรวจห้องนอนตัวเอง ห้องที่เขาทิ้งไปนานพอสมควร ในขณะเดียวกันสายตาของเขาก็บังเอิญเห็นถาดอาหาร คงถูกเอาเข้ามาวางไว้ให้ตอนที่เขานั้นยังไม่ฟื้น
    คยองซูไม่รอช้าที่จะเปิดฝาครอบดูว่ามีอะไรกินบ้างเพราะตอนนี้กระเพาะของเขากำลังประท้วงให้มีอะไรตกถึงท้องได้แล้ว
    ทันทีที่เปิดฝาครอบออกร่างเล็กถึงก็เบือนหน้าหนี ของเหลวสีแดงเข้มถูกเทไว้แล้วในแก้ว เขาปิดฝาครอบในทันที ถึงท้องจะบอกให้กินอะไรก็ได้ แต่แน่นอนว่าคยองซูกินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เลือด
    ความพะอืดพะอมเข้าเล่นงานในเวลาต่อมา คยองซูถึงกับวิ่งเข้าห้องน้ำไปคายน้ำย่อยออกมาให้หมด เขาโก่งคออยู่อ่างล้างหน้าพักใหญ่ก่อนจะแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรออกมาอีก มือบางเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างหน้าก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงยื่นไปใส่น้ำเย็นที่ก๊อกก่อนจะบิดเล็กน้อยให้พอหมาดและบรรจงเช็ดที่ใบหน้าของตัวเองอย่างเบามือ เขาก้มหน้ามองอ่างล้างหน้าพลางคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง ถ้าให้ปีนออกไปทางหน้าต่างก็ถือว่าออกไปตายเพราะห้องนอนเขาอยู่ชั้นสี่ ถ้ากลับไปได้ป่านนี้แปลงสวนดอกไม้ที่บ้านสวนคงเหี่ยวหมดแปลงแล้วแน่ ๆ
    อยู่ ๆ ก็นึกขำ เขาใช้ชีวิตเป็นเด็กนักเรียนธรรมดา ๆ คนหนึ่งมาได้เจ็ดปี อยู่ ๆ ตอนนี้กลับมาเป็นลูกเสี้ยวแวมไพร์ไปแล้ว พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว แต่อยู่นี่ดีไปอีกอย่าง ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องทำอะไรเลย นอนแห้ง ๆ อยู่บนเตียง เล่นเกมทั้งวันก็ได้ ทุกอย่างที่ว่ามาแลกกับการที่เขาต้องดื่มเลือดและนอนในโลง
    ได้ยินว่าการนอนในโลงทำให้อายุเรายืนยาวมากขึ้นและทำให้พลังแข็งแกร่ง คุณปู่ของเขาแทบที่จะยินดีเป็นที่สุดที่จะจูงมือพาเขาไปเลือกโลงศพให้ตัวเอง ถามจริงใครมันอยากจะไปนอนในโลงศพล่ะ ยกเว้นคนในบ้านเขาไว้แล้วกัน แต่นั่นมันก็นานมาแล้วตั้งแต่ตอนเขายังเป็นเด็ก เพราะแม่ที่เป็นมนุษย์และพ่อที่เป็นลูกครึ่งทำให้เปอร์เซ็นต์เลือดแท้ของเขาหายไปเยอะ ไม่สิต้องเรียกว่าเยอะมากถึงจะถูก
    หลังจากโดนคนที่บ้านกดดันให้ทำนู่นทำนี่สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องหนีออกมา แล้วเรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ
    คยองซูขยี้จมูกตัวเองเบา ๆ เพราะรู้สึกคันแปลก ๆ ก่อนจะต้องกะพริบตาถี่ด้วยความไม่เข้าใจ อยู่ดี ๆ ก็มีเลือดไหลออกมาจากจมูกของเขา เขาไม่ได้ตกใจเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ก็ไม่บ่อยที่เลือดจะไหลโดยไม่มีสาเหตุ คยองซูก้มหน้าให้เลือดมันไหลให้สุด ให้ออกให้หมดเพราะเขาก็ไม่อยากกลืนเลือดลงคอสักเท่าไหร่
    "คยองซูเป็นอะไร!? "
    เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังมาพร้อมกับเสียงผู้เป็นพ่อ ที่รู้ก็คงเป็นเพราะได้กลิ่นเลือดของเขาแน่ ๆ
    คนเป็นพ่อทำท่าจะช่วยแต่คยองซูก่อนยกมือห้ามเอาไว้ เขารู้จักร่างกายตัวเองดี ไม่ต้องให้ใครที่ไหนมาช่วยหรอก
    "ไม่ต้อง เดี๋ยวมันก็หยุด"
    "ลูกโอเคมั้ย? "
    "โอเค"
    เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของลูกชายคนเป็นพ่อถอยให้ลูกได้มีพื้นที่แต่ก็ยังไม่ไปไหนเพราะรอดูอาการของคยองซูก่อน เวลาผ่านไปเกือบนาทีเลือดไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ คนโตกว่าเห็นคยองซูท่าไม่ดีเท่าไหร่ ใบหน้าเล็กนั่นซีดเซียวมือที่เคยค้ำขอบอ่างไว้ตอนนี้เหมือนจะไม่มีแรง
    คยองซูรู้สึกตัวเองภาพตัด การรับรู้ทุกอย่างของตัวเขาดับไป ร่างเล็กไร้สติล้มพับกลางน้ำใหญ่เลือดสีแดงสดกระจายไปทั่ว ผู้เป็นพ่อเข้าไปอุ้มคยองซูขึ้นมาก่อนจะรีบพาไปหาแม่หมอประจำบ้านในทันที




    ผู้เป็นใหญ่สูงสุดในบ้านมองดูหลานชายคนเล็กที่สภาพดูซีดเซียว คยองซูยังคงหลับไม่ได้สติหลังจากเสียเลือดมากและเป็นลมล้มไปกลางห้องน้ำ
    "คังยู ลูกชายแก่นี่ดื้อดึงจริง ๆ ถ้าให้นอนในโลงตั้งแต่เล็กก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้"
    คังยูมองร่างเล็กบนเตียงก็ได้แต่ถอนหายใจ เข็มถูกเจาะเข้าที่หลังมือของคยองซูเป็นเพราะขาดเลือดมาก ทั้งบ้านเลยต้องวิ่งวุ่นไปหาเลือดมาให้แก่ลูกชายของเขา
    "จะให้ทำยังไงได้ พ่อก็เห็นแล้ว หลังจากวันนั้นคยองซูก็หนีออกจากบ้านไป ผมตามดูอยู่ทุกวันชีวิตคยองซูก็มีความสุขดี ทำไมพ่อถึงบอกว่าต้องเอาเขากลับมาด้วยล่ะครับ? " แน่นอนว่าแผนเอาตัวลูกชายกลับบ้านไม่ใช่ของใครนอกจากเป็นของประมุขใหญ่ของบ้าน
    "ก็ไอ้ความสุขดีของมันเนี่ยแหละที่อันตราย แกลองมองย้อนไป แต่ก่อนแกก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ตอนที่มีความสุขดีแกก็หอบเอานังผู้หญิงคนนั้นกลับมาแถมท้องป่องอีกต่างหาก สุดท้ายแล้วนางนั่นก็ตายตอนคลอดคยองซูและผลเป็นยังไง ลูกของแกก็ไม่แข็งแรงอีกต่างหาก แถมยังดื้อด้านมากกว่าพ่อมันเสียอีก" ประมุขใหญ่ของบ้านบ่นยืดยาว ก็คยองซูเป็นหลานคนเล็กของเขาจะไม่ให้ห่วงได้ยังไง
    "แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง ขังคยองซูเอาไว้ในโลงหรือไง? " คังยูพูดด้วยท่าทีไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ใคร ๆ ก็ต่างเป็นห่วงคยองซูทั้งนั้น ห่วงกันทั้งบ้านเลยก็ว่าได้
    "ส่งคยองซูไปเรียนที่นั่นซะ" ผู้เป็นประมุขของบ้านเอ่ยน้ำเสียงเรียบก่อนจะหันหลังและเดินออกมาจากสองพ่อลูก คังยูที่พอจับใจความได้ถึงกับยืนไม่ติดที่
    "แต่ว่า พ่อครับพ่อก็รู้ว่าคยองซูเปอร์เซ็นต์เลือด--"
    "แกไม่ต้องเถียงฉันคังยู นั่นแหละวิธีที่ถูกต้อง ส่งไปให้สังคมภายนอกขัดเกลาซะ มันอยู่กับเรามันก็ไม่ฟังหรอก เดี๋ยวโลกที่แท้จริงจะสอนมันให้รู้จักใช้ชีวิตแบบแวมไพร์เอง"
    คังยูหันไปมองลูกชายที่ยังหลับไม่ได้สติ จะให้ปล่อยไปได้ไงก็เป็นแบบนี้ไง ไม่ฟังใครทั้งนั้นด้วย หรืออาจจะถูกของพ่อเขาที่พูด ให้ไปเจอเองให้ไปดิ้นรน แต่นี่จะไม่เป็นการทำร้ายคยองซูเกินไปใช่มั้ย?
    "..."
    "ถึงเวลาที่ต้องปล่อยค้างคาวเข้าถ้ำแล้ว"


     

     

     

    Are you bleeding?

    - 100% -


    #ลูกเสี้ยวคซ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×