ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Mixed Blood 02
Mixed Blood 02
เสียงใบไม้จากต้นไม้เสียดสีกันไปมาดังพอ ๆ กับสายฝีเท้ากระทบพื้นดินที่ดังมาเป็นระยะ ๆ ในป่าทึบกว้างใหญ่คยองซูไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแต่ตอนนี้คงต้องวิ่งเพราะมีอะไรบางอย่างกำลังไล่ตามเขามา
ขาสั้น ๆ นั่นวิ่งสับด้วยความเร็ว เร็วเสียจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเขากางแขนออกจะทำให้ตัวเองเหาะเหินเดินอากาศได้ บางอย่างที่ตามมายังคงตามแม้แทบจะไม่ได้ยินเสียงของมันแต่คยองซูสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเย็น ๆ ที่แผ่มาตามหลัง
ยิ่งวิ่งไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนเข้าไปในป่าลึกเท่านั้น จากความมืดและเสียงใบไม้ของต้นไม้กระทบกันเพราะแรงลมตอนนี้กลายเป็นว่ามีหมอกหนาตามพื้น คยองซูสะดุดรากไม้ใหญ่ก่อนจะลงไปกลิ้งหัวคะมำที่พื้นอย่างหมดสภาพ หัวเล็กโขกเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างแรงทำให้มีเลือดไหลออกมาจากขมับขวา เขาเอามือกุมขมับก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแต่สายไปแล้วเมื่อสิ่งที่เขากำลังวิ่งหนีมันยืนอยู่ตรงหน้าเขา
สิ่งตรงหน้ามีสภาพคล้ายเขาทุกระเบียบนิ้ว สีผม เสื้อผ้า หน้าตา ส่วนสูง เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน แต่ต่างนิดหน่อยที่อีกฝ่ายมีสีหน้าที่นิ่งเรียบและสีตาแดงดุเคลือบไปด้วยความน่ากลัว
“แกเป็นตัวอะไร?” คยองซูเอ่ยถามอีกฝ่ายพยายามซ่อนสีหน้าความหวาดกลัวของตัวเองไว้ภายใต้แววตาแข็งกร้าว
“คิดว่าอะไรล่ะ? ฉันก็คือแกไง” อีกฝ่ายตอบกลับก่อนจะชักริมฝีปากขึ้นและส่งรอยยิ้มให้คยองซูอย่างน่ากลัว
“มะ—ไม่มีทาง”
“จะบอกให้นะเมื่อกี้ที่แกวิ่งน่ะ…แกวิ่งหนีตัวเอง” อีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวคยองซูก่อนจะผลักคยองซูไปติดกับต้นไม้ เขาหลับตาปี๋เพราะความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายมอบให้
“…”
“เจ็บเหรอ? นั่นก็เพราะแกอ่อนแอ ดูฉันในตอนนี้สิ ฉันมันก็แกตอนที่แข็งแรง ฉันจะมีชีวิตอยู่รอดส่วนแกจะตายลงอย่างช้า ๆ และทรมานเพราะแกมันโง่” อีกฝ่ายเลื่อนมือมาบีบที่ลำคอขาวอย่างแรง คยองซูดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดราวกับจะขาดอากาศหายใจในขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะร่าด้วยความสนุกสนาน ก่อนที่อีกฝ่ายจะยอมคลายมือออกหลังจากเห็นร่างเล็กคล้ายว่าจะขาดอากาศหายใจตายเสียจริง
“แกต้องการอะไร!! ” เมื่อหลุดพ้นจากอีกฝ่ายคยองซูรีบออกวิ่งอีกครั้งและตะโกนใส่อีกฝ่ายทั้งน้ำตา ไม่มีอีกแล้วที่พยายามจะกล้าหาญ เขาทั้งกลัว ทั้งเหนื่อย และอยากกลับบ้าน
อีกฝ่ายวิ่งตามมาติด ๆ ก่อนจะกระชากร่างเล็กพอ ๆ กับตัวเองเข้ามาชิดกายและฝังคมเคี้ยวลงบนคอขาวจนมิดสูบเลือดอีกฝ่ายจนหมดก่อนจะผลักร่างเล็กลงพื้นอย่างไม่ไยดี
ตุบ!
คยองซูสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเตียงนอน เหงื่อกาฬที่ผุดขึ้นมาตามกรอบหน้าและห้องนอนเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดีว่าเขาแค่ฝันร้ายไปเอง มือบางยกขึ้นมาจับรอบคอตัวเองอย่างรู้สึกหวาดเสียว สายตาพลันมองนาฬิกาแขวนที่บอกเวลาตีหนึ่งกว่าทำให้รู้ว่าเขาพลาดเรียนวิชาแรกไปแล้วและเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปเรียนวิชาที่เหลือด้วย
ร่างเล็กยันตัวเองลุกออกจากเตียงด้วยความเหนื่อยล้าจากความฝัน รู้สึกเหมือนว่าตัวเองวิ่งจริงล้มจริงอย่างไงอย่างงั้น เขาเดินไปที่กระเป๋าก่อนจะเริ่มจัดของเพราะว่ายังไม่ได้จัดตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนเรื่องรูมเมทนี่ก็เป็นอีกวันที่คยองซูยังไม่เจออีกฝ่าย และคยองซูก็ไม่ได้รู้สึกใส่ใจตามหาอย่างที่ควรเป็น ทันทีที่จัดของเข้าที่เข้าทางคยองซูก็คว้าของใช้ส่วนตัวผ้าเช็ดตัวกับชุดลำลองง่าย ๆ ขึ้นมาถือไว้ในอ้อมแขนก่อนจะที่มือจะเอื้อมไปเปิดไฟและก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร
คยองซูถอดเสื้อออกเหลือไว้แค่กางเกงนักเรียนก่อนจะยืนส่องกระจกมองตัวเองและคิดทบทวนเรื่องความฝันที่ผ่านมา นี่เขากำลังวิ่งหนีตัวเองอย่างงั้นเหรอ คิดพลางหยิบแปรงสีฟันขึ้นมาและไม่ลืมบีบยาสีฟันใส่ก่อนจะเริ่มลงมือแปรงฟันอย่างจริงจัง เขาเป็นคนรักความสะอาดเลยมักจะดูแลตัวเองเป็นพิเศษในเรื่องเล็ก ๆ น้อยอย่างแปรงฟัน ที่จริงเขาคิดว่าเพราะว่ามันเรื่องเล็กน้อยเลยต้องดูแลมันอย่างจริงจัง
เมื่อแปรงฟันเสร็จเขาก็ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดก่อนจะเดินไปที่อ่างอาบน้ำที่ตอนนี้มีผ้ากั้นอยู่ เขาดึงมันออกเพื่อจะเข้าไปในอ่างแต่ภายในอ่างไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่ควรจะเป็น
'เชี่ย' คยองซูร้องอุทานในใจก่อนจะทอดสายตามองร่างสูงในอ่างอาบน้ำด้วยความหวาดหวั่นใจเพราะว่าร่างสูงตรงหน้าไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น คยองซูลองเอามือจุ่มน้ำที่อีกฝ่ายแช่อยู่ก็ยิ่งเป็นห่วงเพราะมันเย็นจนคยองซูรู้สึกชามือ
"คุณครับ" คยองซูตัดสินใจเปล่งเสียงเรียกอีกฝ่ายก่อนจะใช้มือเขย่าเล็กน้อยที่ไหล่กว้างนั่น
"..." ไร้ซึ่งการตอบกลับ เขาคยองซูเอานิ้วไปอังใต้จมูกของอีกฝ่ายด้วยอาการมือสั่นเทา อีกฝ่ายยังหายใจเข้าออกปกติทำเอาเขาใจค่อนข้างชื้นในระดับหนึ่งก่อนจะต้องสะดุ้งจนตัวโยนเมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เล่นลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างงี้
คยองซูตกใจจึงถอยออกห่างก่อนที่จะตั้งสติได้ในชั่วพริบตาอีกฝ่ายหายไปจากอ่างอาบน้ำแล้วมาโผล่ขึ้นตรงหน้าคยองซูก่อนที่เขาจะโดนอีกฝ่ายผลักเข้ากำแพงห้องน้ำอย่างแรง
"แกเป็นใครเข้ามาได้ไง? " อีกฝ่ายถามเสียงแข็งไม่วายส่งสายตาเกรี้ยวกราดมาให้อีกด้วย
"ผมต่างหากที่ต้องถามว่าคุณเป็นใคร" คยองซูตอบกลับอย่างไม่ยอมร่างสูงตรงหน้า
"ฉันเป็นเจ้าของห้อง แล้วมนุษย์อย่างนายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ตอบฉัน! " อีกฝ่ายกดไหล่คยองซูเข้ากับกำแพงเย็บเฉียบ ร่างเล็กเบะปากเพราะความเจ็บปวดก่อนจะตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยน้ำเสียงเข้ม
"ผมก็เป็นเจ้าของห้อง อีกอย่างนะผมเป็นลูกครึ่งแวมไพร์" คยองซูเลือกที่จะบิดเบือนความจริงก่อนจะสะบัดมือของร่างสูงออกจากไหล่ของตัวเอง ถอดหายใจเฮือกใหญ่ตั้งสติ เขาไม่มีทางยอมอีกฝ่ายแน่นอนไม่ว่าจะเป็นใครใหญ่มาจากไหนก็ตาม เขาไม่ชอบให้ใครมาตะโกนใส่แบบนี้ โคตรจะมีมารยาท
"อ๋อ...นายที่เป็นรูมเมทฉันงั้นเหรอ สภาพอย่างนายเนี่ยนะลูกครึ่ง ยืนห่างนายร้อยเมตรฉันยังรู้เลยว่านายเป็นมนุษย์" อีกฝ่ายกอดอกก่อนจะยอมขยับออกห่างจากลูกครึ่งแวมไพร์ตัวน้อยที่ทำหน้าเหมือนกับว่าตัวเองสามารถจัดการกับแวมไพร์เลือดแท้อย่างเขาได้
ร่างสูงมองร่างเล็กตั้งแต่ตัวจรดเท้า การกระทำนั้นทำเอาคยองซูถึงกับเลือดขึ้นหน้าเพราะเราทั้งคู่ไม่ได้ใส่อะไรเลย เรียกง่าย ๆ ว่าล่อนจ้อนทั้งคู่
"ใครอนุญาตให้นายมอง! " คยองซูรีบก้มลงหาเศษผ้ามาปกปิดของส่วนตัวของตัวเองทันที เขามองร่างสูงด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะได้รับเสียงหัวเราะตอบกลับมาเบาแต่มันดังในโสตประสาทของคยองซูชัดเจนเหมือนมีคนมาพูดอยู่ข้าง ๆ หู
"แล้วใครให้นายเข้ามาโป๊ในขณะที่คนอื่นกำลังอาบน้ำ" อีกฝ่ายคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวเองไว้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำและไม่ลืมปิดประตูให้ด้วย มีมารยาทเสียจริง
"ก็นายไม่ล็อกประตูแถมยังปิดไฟอีกฉันจะรู้มั้ยล่ะ!!"
หลังจากเจอเหตุการณ์แย่ ๆ มาเมื่อกี้คยองซูก็รีบจัดการธุระในห้องน้ำของตัวเองให้เรียบร้อย เขาถอนหายใจยกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกมา ร่างสูงอยู่ในชุดลำลองง่าย ๆ เหมือนเขาแต่ดูดีกว่า
คยองซูเลือกที่จะเมินอีกฝ่ายไปเมื่อเป็นอากาศราวกับว่าไม่ได้มีใครอยู่ในห้องนี้นอกจากตัวเอง คยองซูเก็บของตัวเองเรียบร้อยก่อนจะกลับมานั่งบนเตียงอ่านหนังสือเล่มเดิมที่เขาอ่านมันเป็นร้อย ๆ ครั้งเพียงเพราะว่าเขายังไม่ได้มีโอกาสที่จะไปซื้อเล่มใหม่และคงคิดว่าต้องอ่านเพิ่มไปอีกร้อยครั้งเพราะว่าที่เขาจะเรียนจบก็คงอีกนานพอสมควรที่จะคงไม่ได้ออกไปพบกับโลกของมนุษย์จริง ๆ
"นี่จะไม่คิดที่จะทักทายกันหน่อยเหรอ? " เสียงอีกฝ่ายดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากคยองซูได้นิดเดียว ร่างเล็กเหลือบตาไปมองร่างสูงเตียงข้าง ๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจหนังสือของตัวเองต่อ
"นี่"
"ช่วยเงียบทีได้มั้ยฉันอ่านหนังสืออยู่" คยองซูพูดเสียงเรียบก่อนจะเปิดหน้าต่อไปอ่าน
"นายชื่ออะไร? " อีกฝ่ายถามออกมาด้วยเสียงที่ติดรำคาญนิดหน่อย ก็ค่อนข้างเสียหน้าที่ถูกเมินอย่างนี้
"คยองซู โด คยองซู" เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะเปิดหน้าต่อไปเหมือนเคย ที่จริงไม่ค่อยจะมีสมาธิอ่านเท่าไหร่เพราะถูกอีกฝ่ายกำลังก่อกวนอยู่แบบนี้แต่ก็ไม่กล้าที่จะไปต่อว่าหรือทำอะไรที่ไม่ถูกใจอีกฝ่ายมากนักเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะโยนเขาออกมาจากหน้าต่างชั้นหกไม่ก็ตัดสินใจบีบคอเขาให้ตายคาเตียงเสีย
"คิม จงอิน" อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบก่อนจะมองใบหน้าหวานที่ทำท่าทีเหมือนเดิมไม่มีผิด
"ฉันไม่ได้ถามชื่อนาย"
"ฉันอยากบอก"
คยองซูปิดหนังสือ หมดแล้วกับความพยายามที่จะอ่านมัน เขาลุกจากเตียงและเอาหนังสือไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะหันหน้ามาสบตากับร่างสูงมีนามว่าคิมจงอิน อีกฝ่ายมองเขาตาไม่กะพริบด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก คยองซูเลิกสนใจจงอินและเดินไปที่ประตูห้องเตรียมพร้อมที่จะออกไปไหนสักที่
ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่
"นายจะไปไหนน่ะ" จงอินเอ่ยถามคยองซูที่ดู ๆ แล้วไม่ได้ไปเรียนแน่นอน คนตัวเล็กหันมาชักสีหน้าแสดงออกว่ารำคาญใส่เขาก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงรำคาญเช่นกันกับสีหน้าของเจ้าตัว
"ไปไหนก็ได้"
คยองซูจ้ำเท้าออกจากหอพักด้วยความเร็ว ที่จริงเวลานี้เขาไม่ควรออกไปไหนด้วยซ้ำเพราะว่าเป็นเวลาเรียนเสี่ยงต่อการโดดครูหรือใครสักคนจับได้ว่าไม่เข้าเรียนแต่เพราะคิดว่าคงทนอยู่กับจงอินไม่ได้แน่ ๆ เลยคิดว่าจะออกมาสูดอากาศสักหน่อย ที่นี่คยองซูคุ้นอยู่ไม่กี่ที่เท่านั้น อย่างแรกคงจะเป็นห้องเรียนอย่างที่สองคือหอพักอย่างที่สามคือเรือนกระจก ทันทีที่นึกออกว่าควรไปที่ไหนขาสั้น ๆ ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังที่หมาย ที่อยู่ไม่ไกลนัก
แม้จะเป็นตอนตีหนึ่งกว่า ๆ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มืดสนิท แสงไฟจากเสาไฟเรียงรายกันอยู่สองข้างทำให้รู้สึกดีที่ตัวเองไม่ต้องอยู่ในความมืดมิด คยองซูนึกอยากเดินทัวร์สวนเรือนกระจกนี่เพราะตั้งแต่มาเขายังไม่ได้มีโอกาสเดินชมความวิจิตรของมันเลยสักนิด เรือนกระจกที่นี่ปลูกดอกไม้สวยงามนานาชนิดเอาไว้ เพราะว่าเขาเคยทำงานที่ร้านขายดอกไม้จึงทำให้รู้ว่าบางดอกในเรือนกระจกนี้ราคาแพงชนิดที่ว่าถ้าลูกค้ามาสั่งให้พนักงานจัดให้เป็นช่อพนักงานร้านก็จะเกี่ยงงานกันในทันทีเพราะกลัวว่าจะทำดอกไม้ราคาแพงเสียหายแล้วไม่มีเงินชดใช้ให้
คยองซูหยุดเดินมาเจอใครคนหนึ่งคนที่เขาคุ้นหน้าที่สุดแล้วก็ว่าได้ ปาร์คชานยอลกำลังนั่งอยู่ตรงขอบบ่อน้ำพุ คยองซูไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหาร่างสูงที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เขาค่อย ๆ เดินไปจนยืนอยู่ด้านหลังชานยอลแต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่ได้รับรู้ถึงการมาของตัวเขาจากทางด้านหลัง
"..."
คยองซูพยายามมองสิ่งที่ชานยอลมองอยู่แต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรนอกจากแผ่นหลังกว้างก่อนที่อีกฝ่ายจะเปล่งเสียงออกมาเพราะรับรู้การมาของร่างเล็กที่โคฟเวอร์เป็นแมวย่องเบาอยู่ไม่ห่าง
"ฉันรู้นะว่านายอยู่หลังฉัน" ชานยอลเอ่ยเสียงเรียบทำเอาคยองซูได้แต่ยิ้มแฮะ ๆ และเดินออกมาจากข้างหลังของชานยอลก่อนจะนั่งลงที่ขอบอ่างข้าง ๆ ร่างยักษ์
"นายโดดเรียนหรือไง? " คยองซูเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาหลังจากที่เราเงียบกันไปเกือบนาที
"แล้วนายล่ะ? "
คำตอบของชานยอลทำเอาคยองซูแทบอยากจะเอามือไปเคาะหัวโต ๆ เสียทีสองที ใครสอนให้หัดพูดย้อนกันนะ
"นายพูดย้อนฉันงั้นเหรอชานยอล"
"ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ที่จริงอยากจะถามมากกว่าว่าทำไมนายไม่ยอมไปเรียน" ร่างสูงพูดยืดยาวทำเอาคยองซูถึงกับส่งยิ้มเจือนให้
"ตื่นสาย"
"เหตุผลเข้าท่า" ชานยอลตอบกลับก่อนจะหันมาส่งยิ้มบาง ๆ ให้คนตัวเล็กที่นั่งหน้าเจือนอยู่ไม่ห่างกาย
"แล้วนายล่ะ ทำไมโดดเรียนแบบนี้? "
"จะว่าไงดี ที่จริงรอนายที่หน้าหอแต่นายก็ไม่มาสักทีฉันเลยไม่เข้าเรียน"
คยองซูมีเครื่องหมายคำถามตัวเท่าบ้านในหัว แค่รอเขาเลยไม่ไปเรียนงั้นเหรอ คำตอบของร่างสูงนั้นทำเอาความลังเลที่จะเคาะหัวอีกฝ่ายติดลบทันที คยองซูเคาะไปที่หัวโต ๆ ของอีกฝ่ายเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ ชานยอลก็ร้องเสียว่าเจ็บเหมือนจะตาย
"โอ๊ยยยยย เจ็บเหลือเกินตายแน่ ๆ หัวแตกหรือเปล่าเนี่ย? " ร่างสูงแสดงท่าทางโอเวอร์แอคติ้งสุด ๆ จนคยองซูต้องส่ายหน้าให้กับความสำออยระดับร้อยเต็มสิบแต่ก็อดไปยิ้มตามอีกฝ่ายไม่ได้เพราะมันดูตลกเสียจนอยากขำให้น้ำตาไหล
"สำออยว่ะ" คยองซูผลักไหล่กว้างนั้นก็เพราะหยอกล้อร่างสูง ชานยอลเองก็บ้าจี้เล่นตามเขาอย่างสนุกสนาน
พวกเราคุยอะไรกันนานเรื่องต่าง ๆ คยองซูเล่าถึงรูมเมทของตัวเขาให้ชานยอลฟังโดยที่ไม่ได้เอ่ยชื่อของอีกฝ่ายไป ชานยอลหัวเราะร่าด้วยความชอบใจนั่นทำเอาคยองซูถึงกับต้องคว่ำปากเพราะสำหรับคยองซูแล้วการที่โดนคิมจงอินมองด้วยสายตาดูถูกแบบนั้นมันไม่ตลกเลยสักนิด
"นี่ก็จะตีสองกว่าแล้ว ฉันว่าฉันควรไปส่งนายนะ" ชานยอลลุกขึ้นก่อนจะปัดเสื้อตัวเองแล้วจับที่แขนของคยองซูก่อนจะหายตัวไปส่งคนตัวเล็กถึงที่หมายโดยไม่ถามความพร้อมหรืออะไรด้วยซ้ำ
พวกเรามาถึงหน้าหออย่างปลอดภัย ชานยอลยืนขำท่าทางเหมือนคนจะอ้วกของคยองซูอยู่พักใหญ่ ก็เล่นมาแบบไม่บอกไม่กล่าวกันอย่างงี้ไม่อ้วกใส่หน้าคนพามาก็ดีแค่ไหนแล้ว
"นายควรจะชินได้แล้วนะคยองซู"
ชานยอลลูบหลังของคนตัวเล็กอย่างเบามือ คยองซูถอนหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับร่างสูงตรงหน้าและบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็คงชิน...มั้ง?”
"งั้นพรุ่งนี้ฉันจะมารอที่เดิม ขอร้องอย่าให้ฉันรอเก้อนะ" ชานยอลยิ้มบาง ๆ ให้คยองซูในขณะที่พูด
"อือ...จะพยายามมาเร็ว ๆ นะ"
พวกเรากำลังจะแยกกัน แต่เมื่อคยองซูเตรียมหันหลังกำลังจะไปก็เจอเพื่อนของจงอินเสียก่อน
แบคฮยอนกับเซฮุนกำลังเดินตรงมาตรงนี้ แบคฮยอนโบกไม้โบกมือให้เขาตั้งแต่สามร้อยเมตรแรกที่เราเห็นกันก่อนที่ทั้งสองจะรีบเดินมาหาพวกเราทั้งคู่
"นี่นายไปไหนมา?! พวกเราไปหานายมาที่ห้องและเพื่อนก็บอกว่านายไม่ได้เข้าเรียน รู้มั้ยว่าเป็นห่วงแทบแย่" แบคฮยอนร่ายยืดยาวก่อนจะส่งสายตาเชิงตำหนิให้คยองซู
"ขอโทษที่ทำให้ห่วง พอดีฉันตื่นสาย" คยองซูเกาหลังคออย่าประหม่าเมื่อโดนสายดุ ๆ ตาจากแบคฮยอนและเซฮุนมอง
"แล้วทำไมนายใส่ชุดนี้เนี่ย? " เซฮุนมองคยองซูหัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ฉัน...เอ่อ คือว่าตื่นสายเลยไม่...เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ ถ้านายไม่สงสัยฉันจะรู้สึกขอบคุณมาก" คำพูดของคยองซูทำเอาเซฮุนพยักหน้าเข้าใจ การอธิบายเรื่องชุดลำลองนั้นดูเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคยองซูที่จะอธิบาย งั้นเขาก็จะเลิกสงสัยหากว่าทำให้เพื่อนตัวเล็กของเขาเป็นกังวล
"แล้ว...นี่เพื่อนนายงั้นเหรอ? " แบคฮยอนเหลียวตาไปข้าง ๆ มีบุคคลร่างสูงในเครื่องแบบสีแดงสดปกสีดำแสดงบ่งบอกถึงสถานภาพของอีกฝ่ายได้ค่อนข้างจะชัดเจน
"อือ นี่ชานยอลน่ะ ชานยอลนี่แบคฮยอนแล้วก็เซฮุน" คยองซูแนะนำชานยอลกับเพื่อนทั้งสองด้วยความประหม่าไม่รู้ว่าเพราะสายตาที่ทั้งสามกำลังมองกันหรือความเงียบที่เหมือนจะค่อย ๆ โปรยตัวเข้าโอบกอดพวกเราทั้งสี่เอาไว้ทีละนิด
"ชานยอล ปาร์ค ชานยอล" ชานยอลเอ่ยก่อนจะยื่นมือไปจับมือเล็ก ๆ ขาวซีดของเพื่อนใหม่ที่คยองซูแนะนำให้รู้จัก แบคฮยอนสะดุ้งตัวด้วยความตกใจและแอบรู้สึกจั๊กจี้ที่หัวใจน้อย ๆ เพราะว่ามือของร่างสูงนั้นอบอุ่นเสียเกือบจะเท่ากับมือของคยองซู เขารู้สึกว่าได้จับมือกับมนุษย์อยู่ไม่มีผิดเพี้ยน
"พะ--พยอน แบคฮยอน"
"ยินดีที่ได้รู้จัก"
แบคฮยอนมองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของร่างสูงที่ไม่ได้แตกต่างกับพวกแวมไพร์เลือดแท้ที่ทะนงตนเลยสักนิด ร่างสูงกระตุกยิ้มขึ้นอย่างชอบใจเมื่อแบคฮยอนแทบจะชักมือตัวเองกลับในทันทีหลังจากที่เราแนะนำตัวกันเสร็จ ท่าทางเหมือนเจ้าลูกหมาของเขาที่บ้านเลยล่ะ
"เอาล่ะแนะนำตัวกันพอแล้ว ฉันว่าเราเข้าเรื่องกันเลยดีมั้ย?" เซฮุนเอ่ยขึ้นก่อนจะสะกิดแบคฮยอนที่กำลังจ้องหน้าชานยอลด้วยความลืมตัว แบคฮยอนกระแอมเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ามาหาคยองซูพร้อมรอยยิ้ม
"วันนี้ตอนตีห้าพวกเราจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเพื่อนกันน่ะ อยากจะชวนนายไปด้วย" แบคฮยอนหยิบการ์ดเชิญออกมาจากกระเป๋าเสื้อและส่งให้ร่างเล็กตรงหน้า
คยองซูรับมาก่อนจะมองดูและส่งยิ้มเจื่อนให้แบคฮยอน
"ฉันว่าฉันไม่ไปดีกว่า อีกอย่างไม่รู้จักใครเท่าไหร่ด้วย"
"นายก็ชวน...ชานยอลด้วยสิ อีกอย่างเพื่อนของฉันใจดีมาก เขาอยากจะรู้จักนายนะ ไปก็จะได้เจอคนใหม่ ๆ ผูกมิตรไว้เยอะ ๆ อีกอย่างนายยังไม่เคยไปปาร์ตี้แบบแวมไพร์เลยนี่" เซฮุนเอ่ยเสียงเรียบ คยองซูชั่งใจอยู่เล็กน้อยก่อนจะมองหน้าชานยอลเชิงขอร้องให้ช่วยออกความคิดเห็นที ร่างสูงพยักหน้า คยองซูไม่สามารถสื่อสายทางจิตอะไรได้พวกนั้นเลยเดาเอาเองล้วน ๆ ว่าชานยอลบอกเป็นเชิงว่า 'ตกลงไปเถอะ ฉันจะไปกับนาย'
"โอเค"
ทันทีที่คยองซูตกลงเซฮุนกับแบคฮยอนก็ต้องยกยิ้มขึ้นด้วยความดีใจ
"โอเค ๆ เจอกันตามที่อยู่ในการ์ดแล้วก็แต่งชุดลำลองนะ" ทันทีที่พูดจบแบคฮยอนและเซฮุนก็หายตัวไปในทันที
คยองซูกับชานยอลมองหน้ากันยิ้ม ๆ ก่อนที่คยองซูจะยื่นที่อยู่ในการ์ดให้ชานยอลดู
"ฉันจะมารับนายที่นี่"
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปกับพวกแบคฮยอน"
คยองซูตอบกลับก่อนที่ชานยอลจะพยักหน้าเข้าใจและโบกมือลาร่างเล็กก่อนจะหายตัวไปต่อให้ต่อตา คยองซูถอนหายใจออกมาแรง คิดว่าตัวเองคงต้องลองไปอ่านหนังสือว่าด้วยการเคลื่อนย้ายมวลสารเสียแล้วสิ เผื่อว่าเขาจะหายตัวได้แบบเพื่อน ๆ ที่นี่ แต่เท่าที่รู้มามันเป็นเวทชั้นสูงเลยทีเดียว จุดไฟไม่ได้ก็คงไม่ต้องหวังจะทำอะไรแล้วล่ะชาตินี้
คยองซูเดินขึ้นห้องมาด้วยความไม่รีบร้อน เขาเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องของตัวเองโดยลืมตัวไปเลยว่าเขาไม่ได้ใช้ห้องแค่คนเดียว
จงอินกำลังนั่งละเมียดละไมของเหลวสีแดงสดในแก้วอย่างเพลิดเพลินก็ต้องหันมาสนใจร่างเล็กที่เปิดประตูพรวดเข้ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง คยองซูรู้สึกหายใจติดขัด ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าแค่จงอินดื่มเลือดทำไมเขาถึงต้องรู้สึกคอแห้งขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
ร่างเล็กเดินเข้าไปในห้องวางการ์ดเชิญไว้บนเตียงก่อนจะค้นเสื้อผ้าดี ๆ ออกมาเพื่อจะใส่ไปงานปาร์ตี้วันเกิดของ คริส ในการ์ดเขียนไว้ว่า 'ฉันหวังว่าจะได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับนาย' ข้อความนั้นแอบทำคยองซูรู้สึกขนลุกชอบกลแต่ก็คงไม่มีอะไรแผงอยู่หรอก
คยองซูวิ่งเข้าห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก่อนจะออกมาเช็กตัวเองอีกรอบที่หน้ากระจก เมื่อคิดว่าตัวเองเรียบร้อยแล้วเขาจะหยิบสเปรย์ดับกลิ่นมนุษย์ออกมาฉีก การกระทำนั้นตกอยู่ในสายตาของคิมจงอินทั้งหมด
จงอินเห็นว่าคยองซูฉีดสเปรย์อะไรสักอย่างที่ทำให้กลิ่นเฉพาะตัวของคยองซูหายไปเสียจนเกือบหมด เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดเพราะกลิ่นที่มาแทนกลิ่นมนุษย์มันเป็นกลิ่นที่เขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
จงอินลุกขึ้นและเดินไปหาร่างเล็กถึงหน้ากระจกบานใหญ่ เมื่อคยองซูเห็นเงาสะท้อนจากข้างหลังว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินมาก็รีบวางสเปรย์แล้วพร้อมที่จะเดินออกไปจากตรงนี้ในทันที
จงอินจับข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนจะวางแก้วที่เต็มไปด้วยของเหลวข้นไว้ข้าง ๆ กายและหยิบขวดสเปรย์ขึ้นมาดูก่อนจะหันไปสบตาคยองซูที่ส่งสายตาคาดโทษมาให้อยู่ไม่ห่าง
"นายฉีดนี่ทำไม? " คำถามของจงอินทำเอาคยองซูถึงกับขมวดคิ้วแน่น จะมาสงสัยอะไรของเขากันนะ ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่เรื่องของจงอินแท้ ๆ
"ก็สเปรย์ดับกลิ่นไง ถามโง่ ๆ ปล่อย"
คยองซูพยายามแกะมือที่กำข้อมือของเข้าไว้ออก มันไม่ได้กำแรงแต่คยองซูก็ไม่สามารถแกะมันออกไปเลยจนถอดใจไปในที่สุด
"ดับกลิ่น? แน่ใจเหรอ ขนาดฉันยืนอยู่นี่ยังได้กลิ่นนายเลยนะ" จงอินพูดยียวนทำเอาคยองซูถึงกับถอนหายใจออกมาเพราะขี้เกียจจะต่อความยาวบทสนทนาของพวกเราให้ยืดยาวไปมากกว่านี้
"ดับไม่ได้หรืออะไรก็ช่างมันเถอะ ปล่อยฉันสักที"
จงอินเลิกคิ้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคยองซูได้การ์ดเชิญไปงานวันเกิดของคริส เพราะเขาเองก็ได้เหมือนกัน
"นายควรฉีดตรงนี้ด้วยนะ"จงอินไม่พูดเปล่าเขาโน้มตัวลงมาก่อนจะสูดดมกลิ่นเฉพาะกายที่ต้นคอ ปกติอยู่ห่างกันก็ยังได้กลิ่น แต่ตรงคอของคยองซูกลิ่นจะแรงเป็นพิเศษ คยองซูหัวใจกระตุกแรงก่อนจะหลับตาปี๋เพราะความกลัว โดยไม่ได้เห็นว่าจงอินแอบยิ้มออกมา
ฉิก!
คยองซูสะดุ้งตัวโยนจากความเย็นที่ปะทะเข้าที่ต้นคอ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จงอินเดินออกไปพร้อมแก้วของตัวเองเรียบร้อยไม่วายส่งสายตายียวนมาให้ได้ชมอีกรอบ คยองซูหันหน้ากลับมาส่องกระจกดูก็พบว่ามีไอน้ำของสเปรย์คออยู่ที่ต้นคอของเขาเอง มือบางปลดกระดุมคอเสื้อออกสองเม็ดก่อนจะลูบไล้ไอน้ำไปทั่วคอและแผ่นอกตามคำแนะนำของจงอินที่ว่าให้ฉีดที่คอ
“บอกดี ๆ ก็ได้ปะวะ ไม่เห็นต้องแกล้งกันเลยนี่หนา” เขาบ่นเบา ๆ ตามประสา ในทันทีที่จัดการเรียบร้อยเขาก็พร้อมที่จะก้าวเท้าไปหาร่างสูงที่นั่งใส่รองเท้าอยู่ที่ขอบหน้าต่างด้วยความใจเย็น
"นายรู้มั้ยว่าห้องของแบคฮยอนอยู่ห้องไหน? "
"ชั้นห้าห้องสี่"
คยองซูไม่ได้นึกจะขอบคุณร่างสูงที่ให้คำตอบเขามาก่อนจะหันหลังเตรียมตัวก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ถ้าไม่ติดที่ว่าถูกมือใหญ่คว้าเข้าที่แขนอีกคราวเสียก่อน
"? "
"นายจะไปไหน? "
"ไปหาแบคฮยอน ฉันว่าจะไปพร้อมแบคฮยอนเพราะฉันไม่รู้ว่าที่นั่นมันอยู่ที่ไหนและฉันหายตัวไม่ได้"
ทันทีที่จงอินได้ยินคำตอบเขาก็ปล่อยมือออกจากแขนของคยองซูในทันที
"แบคฮยอนกับเซฮุนไปแล้ว"
"อ้าว" คยองซูยืนหน้าเครียดให้กับคำตอบของจงอิน แล้วทีนี้เขาจะไปยังไงล่ะเนี่ย
"ฉันไปก่อนนะ พอดีก็ถูกเชิญเหมือนนาย เจอกันที่งาน" จงอินเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมของตัวเอง เขาแอบเห็นสีหน้าตลก ๆ ของคยองซูสีหน้าดูกังวลแบบนั้นดู ๆ แล้วออกจะน่ารัก
"ขอฉันไปด้วยได้มั้ย? " ในที่สุดคยองซูก็เอ่ยขึ้นอย่างหมดหนทาง บอกเลยว่าถ้าเขามีอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาสามารถติดต่อชานยอลได้เขาจะไม่ขอร้องคิมจงอินเด็ดขาด จะจัดว่าร่างสูงตรงหน้าเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วกัน
"เดินไปเองสิ นายก็มีขาไม่ใช่เหรอ? " คิมจงอินตอบออกมาอย่างหน้าตายก่อนจะส่งยิ้มมาให้คยองซูและหายไปต่อหน้าต่อตา คยองซูยื่นช็อกให้กับความเห็นแก่ตัวของอีกฝ่าย อยากจะตะโกนด่าทอไม่ก็เผาเตียงนอนอีกฝ่ายทิ้งไปเสียด้วยนี้
คยองซูถอนหายใจและยืนคิดอยู่ครู่ว่าจะเอายังไงดีนะก่อนที่จะต้องสะดุ้งตัวโยนเพราะความเย็นวาบที่มือเหมือนถูกมือใหญ่กอบกุมเข้าที่มือตัวเองและความรู้สึกเดิม ๆ ก็กลับมา โลกหมุนและอยากจะอ้วกแตกเสียตอนนี้ให้ได้
เขามาถึงที่ไหนสักทีก็ไม่รู้ คยองซูมองคนข้าง ๆ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คิมจงอินยืนอยู่ข้างตัวเขา คยองซูแอบรู้สึกอยากจะขอบคุณอีกฝ่ายแค่ศูนย์จุดห้าเต็มสิบเพราะอีกฝ่ายยังหวนกลับมารับเขา มือใหญ่จับกำเขาเอาไว้หลวม ๆ สีหน้าอีกฝ่ายนิ่งและปกติมากก่อนที่คยองซูจะเป็นฝ่ายชักมือตัวเองออกทันทีที่แบคฮยอนเดินมาทักทายพวกเราพร้อมเซฮุนที่ติดตามมาด้วยข้างกาย
"ว้าว! คยองซูมาแล้ว เต็มที่เลยนะ" แบคฮยอนตะโกนแข่งกับเพลงที่ดังลั่น แบคฮยอนกับเซฮุนชวนจงอินและเขาไปข้างหน้างาน คยองซูทำท่าจะเดินตามไปแบบง่าย ๆ เพราะในตอนนี้ยังไม่มีเพื่อนให้อยู่ด้วยแต่ก็โดนมืออุ่นที่คุ้นเคยจับเข้าที่แขนก่อนจะดึงเขาไปข้างหลัง
"ชานยอล นายมานานหรือยัง? " คยองซูยิ้มทักทายร่างสูงที่ดูแล้วในคืนนี้หล่อเหลาเอาการทีเดียว เหมือนกับดาราไม่มีผิด การแต่งตัวที่ดูยังไงก็เหมือนนักศึกษามากกว่านักเรียนเพราะส่วนสูงที่เกินนักเรียนไปเยอะของเจ้าตัว ชานยอลแต่งตัวสไตล์แถวยานฮงแด ดูแล้วสบายตาดีนั่นทำให้คยองซูมองชานยอลตาไม่กะพริบแวบหนึ่งเขาคิดว่าถ้าชานยอลไปปรากฏตัวที่โรงเรียนที่ไหนสักที่สาว ๆ คนกรี๊ดโรงเรียนแตกแหง ๆ
"เพิ่งมาเมื่อกี้นี้เลย" ชานยอลตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ พลางพิจารณาการแต่งตัวของคนตัวเล็กด้านหน้า คยองซูมองกลับมาด้วยสายตางง ๆ เหมือนมีเครื่องหมายคำถามกลางหน้าผาก ชานยอลจะเบี่ยงสายตาไปที่อื่น ก็ไม่อยากจะพูดอวยคยองซูเท่าไหร่ว่าแต่งตัวแบบนี้แล้วดูน่ารักดี
"เอาหน่อยมั้ย นี่เลือดแกะนะไม่ใช่เลือดคน" ชานยอลหยิบยื่นแก้วบนโต๊ะให้คยองซู เมื่อร่างเล็กเห็นว่าเป็นอะไรถึงกับต้องนิ่วหน้าแล้วเอ่ยปฏิเสธในทันที
จะรับมาได้ไงก็บอกแล้วเขาไม่มีทางดื่มเลือด
"ไม่ล่ะ นายก็รู้ว่าฉันไม่มีทางดื่มหรือกลืนมันลงไปหรืออะไรก็ช่าง ยังไงก็ไม่มีทาง" คยองซูเอ่ยหนักแน่นเลยทีเดียว ชานยอลจำใจยึดแก้วคืนเพราะคงไม่อาจไปขัดศรัทธาหรือบังคับขู่เข็ญคยองซูก็ไม่ได้
"แล้วแต่นายก็แล้วกัน" ชานยอลยักไหล่ก่อนจะจรดริมฝีปากที่ขอบแก้ว ละเมียดละไมความหอมหวานที่นาน ๆ จนเองจะได้รับ ปกติบ่อยครั้งพวกเราไม่ได้มีโอกาสดื่มเลือดสัตว์เท่าไหร่ เราจะไม่ฆ่ามันเพราะปกติเราสามารถขอเลือดมาดื่มได้จากโรงพยาบาลทั่วโลกอยู่แล้ว ไม่ก็ดื่มจากคนที่เต็มใจจะให้ดื่มเท่านั้น
คยองซูยืนมองบรรยากาศรอบตัวที่ดูสนุกสนานดีแต่มันค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับคนที่เกือบจะเป็นมนุษย์อย่างเขา ก็แน่ล่ะสิมันไม่ได้มีไก่ทอดขนมหวานหรือน้ำอัดลมให้กิน
"อยู่นี่เองตามหาตั้งนาน" แบคฮยอนเดินฝ่าฝูงชนออกมาด้านหลังในทันทีที่เห็นเพื่อนตัวเล็กก่อนที่สายตาจะบังเอิญไปมองร่างสูงข้างแล้วก็แอบพิจารณาการแต่งตัวของอีกฝ่ายเงียบ ๆ ในใจก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
"แต่งตัวอะไรของนาย? " แบคฮยอนเผลอเอ่ยปากถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะความสงสัยและไม่ค่อยจะเข้าใจแฟชั่นของพวกมนุษย์เท่าไหร่ ร่างสูงตัวเท่ายักษ์เลิกคิ้วในคำถามของเพื่อนของคยองซูที่ตัวเล็กพอ ๆ กันแต่ท่าทางดูจะพยศมากกว่าเยอะ
"ฉันสิต้องถามว่านายแต่งตัวยังไง ดู ๆ แล้วเหมือนคุณทวดของฉันเลยล่ะ" ชานยอลพูดก่อนจะยิ้มเยาะแบคฮยอนที่ทำหน้านิ่งก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ มาให้เขาและคยองซู
แบคฮยอนรู้สึกว่าชานยอลคือเลือดผสมที่ไร้มารยาทที่สุดในรอบปีที่เขาเคยพบเคยเจอ เขาข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ข้างในเพราะไม่อยากพลาดพลั้งมืออะไรไม่ดีต่อหน้าคยองซู
"ไปกันเถอะคยองซู ฉันจะพานายไปรู้จักคนอื่น" แบคฮยอนคว้าแขนเล็กเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้เดินตามตัวเองไปซึ่งเป็นเรื่องดีที่คยองซูไม่ได้ขัดขืนแถมยังยอมเดินตามไปอย่างง่ายดาย
แบคฮยอนหันหลังมามองใบหน้าของร่างสูงที่ยังยืนเหยียดรอยยิ้มยียวนกวนประสาทมาให้เขาอยู่ในระยะไกล ร่างสูงใหญ่จนเกือบเท่ายักษ์ตัวหนึ่งส่งยิ้มมาให้พร้อมกับยกแก้วให้แบคฮยอนเหมือนจะสื่อว่ายินดีด้วยกับการแย่งคยองซูไปจากเขาและทิ้งเขาไว้คนเดียว ร่างสูงจรดริมฝีปากลงขอบแก้วละเมียดละไมรสชาติของเลือดแกะอย่างชอบใจในขณะที่สบตากับสายตาคู่เดิมที่ยังมองตัวเขาเองไม่วางตา
ก่อนที่แบคฮยอนจะหันหลังให้เขาและหันไปคุยกับเพื่อน ๆ ของตัวเอง แก้วของชานยอลที่ถือเอาไว้ที่ระดับหน้าอกอยู่ดี ๆ ก็คว่ำมาหกใส่เสื้อสีขาวเสียจนเสื้อกลายเป็นดวงสีแดงอ่อนราวกับว่ามีมือปริศนามาบังคับมือของเขา
ชานยอลมองการแกล้งแบบเด็ก ๆ ของแบคฮยอน เขากล้าพูดใส่ร้ายคนตัวเล็กได้อย่างเต็มปากเพราะคงไม่มีใครทำเรื่องเด็กน้อยทำกันแบบนี้หรอก แผ่นหลังเล็กที่เคลื่อนไหวขยับขึ้นลงราวกับว่ากำลังหัวเราะชอบใจอยู่นั้นทำเอาชานยอลถึงกับส่ายหัว
พยศจริง ๆ ด้วยสินะ
เขาใช้เวทเล็กน้อยที่เคยอ่านมาในหนังสือก่อนจะทำให้เสื้อตัวเองหายเปื้อนและกลับมาขาวสะอาดเหมือนเดิม บอกเลยว่าเขาจะไปเอาคืนคนตัวเล็กคราวหลังแน่ ๆ
คยองซูถูกแบคฮยอนลากตัวมาเกือบหน้าเวทีขนาดเล็ก เขาเจอเซฮุนกับจงอินและคนอื่นอีกมากมาย คยองซูเกาหลังคอเพราะประหม่าเล็กน้อย ชายร่างสูงที่คยองซูไม่รู้จักจ้องมองมาที่เขาก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้เป็นมารยาท
"ฉันชื่อคริส โดคยองซูใช่มั้ย ฉันได้ยินว่านายเป็นเพื่อนใหม่ของแบคฮยอน ยินดีที่ได้รู้จักนะ"
มือที่ร่างสูงยื่นมาข้างหน้าหวังจะจับทักทายทำให้คยองซูไม่คิดที่จะลังเลที่จะเอื้อมไปจับเพื่อทักทายและผูกมิตรของพวกเราให้แน่นขึ้น มือของอีกฝ่ายเย็นเฉียบไม่แตกต่างกับแบคฮยอนและคนอื่น ๆ ที่เขารู้จัก ยกเว้นชานยอลเอาไว้คนหนึ่ง
"โอ้โห...ตัวนายอุ่นที่สุดแล้วมั้ง สำหรับคนที่ฉันรู้จักที่นี่" คริสปล่อยมือจากมือเล็ก ๆ นั้นก่อนจะส่งรอยยิ้มบาง ๆ ให้
คยองซูรู้สึกว่าตัวเองได้ยินคำนี้บ่อยแล้วเลยไม่รู้จะแสดงออกยังไงเลยได้แต่ยิ้มเจือนและเบี่ยงเบนประเด็น ตัวอุ่นแล้วมันดูไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิดสำหรับคนที่นี่
"ฉันไม่รู้ว่าที่นี่เขาอวยพรวันเกิดยังไง และก็ขอโทษที่ไม่ได้เตรียมของขวัญมาให้นะ เอาเป็นว่าสุขสันต์วันเกิดนะคริส"
"ที่นี่เขาจะดื่มอวยพรและฉันจะรู้สึกเป็นเกียรติมากถ้าหากนายร่วมดื่มยินดีให้แก่ฉันในวันนี้ ถ้ามันไม่ทำให้นายลำบากใจ" คริสหยิบยื่นแก้วเครื่องดื่มสุดพิเศษในคืนนี้มาให้และคยองซูรู้ว่าตัวเองจะเสียมารยาทแน่ ๆ ถ้าปฏิเสธออกไปแต่ก็อย่างที่บอกเขาไม่ดื่มเลือดแม้จะเป็นเลือดแกะหรืออะไรก็ตามนั่นทำให้เขาค่อนข้างที่จะคิดหนักอยู่เหมือนกัน
"เผื่อนายยังไม่รู้นะคริส พอดีรูมเมทของฉันเป็นมนุษย์" คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของจงอินทำเอาคยองซูเกือบจะของขึ้น ในขณะที่ร่างสูงพูดคุยกับคริสด้วยสีหน้าระรื่นก็ไม่ได้สังเกตสายตาของคยองซูจ้องร่างสูงตาไม่กะพริบไม่แถมยังก่นด่าในใจอีกด้วย
ทุกคนในวงมองหน้ากันอย่างหารือเรื่องที่จงอินพูดขึ้น คยองซูเริ่มลนลานเขาไม่อยากให้จงอินมาพูดจาว่าร้ายเขาแบบนี้ ถึงมันจะเกือบเป็นเรื่องจริงก็ตามเถอะ เขาเบื่อสายตาจากคนอื่นที่ต้องมองมาที่เขาพร้อมกับคำพูดเหมือนจะดูดถูก
คยองซูแก้สถานการณ์ได้แย่พอสมควร มือเล็กนั่นรับแก้วจากคริสมาในทันทีก่อนจะส่งยิ้มให้เจ้าของงานวันเกิดและคิมจงอินข้าง ๆ
จงอินมองร่างเล็กก่อนจะยักไหล่และยกแก้วขึ้นมาพร้อมกับทุกคนในวง
“แด่คริส” ทุกคนพูดพร้อมก่อนก่อนที่จะทยอยพูดอวยพรร่างสูงเจ้าของวันเกิดด้วยรอยยิ้ม หลังจากพูดอวยพรจบก็จะดื่มเลือดลงไป
ทุกคนพูดครบแล้วจนมาถึงตาของเขาคยองซูมองของเหลวในแก้วอย่างช่างใจในขณะที่มีสายตาจากทุกคนจับจ้องอยู่ก่อนที่สายตาจะบังเอิญเหลือบไปทางจงอินที่ยืนมองเขานิ่ง ๆ เหมือนจะรอดูว่าเขาจะทำยังไงต่อไปนั่นทำเอาถึงกับรู้สึกใจสู้ขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
“ขอให้นายมีความสุข อายุยืนยาวนานไปสามพันปีเลยนะ”
ทุกคนหัวเราะในคำอวยพรของร่างเล็กรวมถึงคนได้รับพรด้วย คริสยกแก้วดื่มก่อนที่จะเป็นครั้งที่คยองซูต้องดื่มบ้าง เขากลั้นหายใจก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม กลืนทุกอย่างลงคอไปเสียจนของเหลวสีเข้มพร่องไปครึ่งแก้ว เขาบอกเลยว่านี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
พวกเรายืนคุยอะไรได้ไม่นานคยองซูก็ของตัวออกมาหาเพื่อนอย่างชานยอล ร่างสูงยังคงอยู่ที่เดิม ชานยอลที่สังเกตเห็นสีหน้าของคยองซูที่เดินเข้ามา ร่างเล็กมีสีหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัดจนชานยอลเองต้องเอ่ยทัก
“ไปทำอะไรมา ทำไมนายหน้าซีด—เฮ้! เดี๋ยว ๆ นายดื่มเลือดเข้าไปเหรอ? ” ชานยอลหยิบแก้วในมือเล็กขึ้นมาดูก่อนจะมองไปที่ริมฝีปากอีกฝ่ายที่มีคราบเลือดติดอยู่เล็กน้อย
“อือ ฉันถูกมัดมือชกให้ดื่มน่ะ แต่สาบานว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย” คยองซูพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เสียงของชานยอลที่เข้าโซนประสาทมันช่างฟังแล้วอื้ออึงมาก เขารู้สึกว่าสายตาของเขาพร่าเบลอ หัวใจเต้นแรงเสียจนจะระเบิด ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอยากอ้วกด้วย
“นายได้ลองอะไรใหม่ ๆ ก็ดีแล้วนะ เดี๋ยว ๆ นะคยองซู นายหิวงั้นเหรอ?” ชานยอลชี้เข้าที่ตาซ้ายของร่างเล็กที่ขึ้นสีแดงแค่ข้างเดียวอย่างสงสัยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคยองซูตาแดงและเป็นครั้งแรกที่เห็นแวมไพร์ตาแดงแค่ข้างเดียว
“ห้องน้ำไปทางไหน? ” คยองซูเอ่ยถามด้วยเสียงแหบก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดตาข้างที่ชานยอลชี้อย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเอง
“ตรงนู้น ให้ฉันพาไปมั้ย? ” ชานยอลชี้ไปอีกทางที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นักก่อนจะอาสาพาคยองซูไปเพราะความเป็นห่วง
“ไม่ นายรอนี่เดี๋ยวมา”
คยองซูหอบร่างกายตัวเองมาจนถึงห้องน้ำได้สำเร็จก่อนจะผลักประตูเข้าไปที่ห้องส้วมแล้วโก่งคอขย้อนเอาของเหวสีแดงออกมาเสียจนหมด เขามองเลือดจำนวนไม่ค่อยมาในโถส้วมเห็นแล้วอยากจะโก่งคออีกครั้งแต่ก็ทำไม่ไหวแล้ว เขากดชักโครกก่อนจะเดินออกไปล้างหน้าที่อ่างล้างมือ
เขาจ้องมองตัวเองในกระจกบานใหญ่เขาเห็นสีตาของตัวเองมีสีแดงเข้มไม่แตกต่างกับคนอื่น ๆ เวลาที่ร่างกายต้องการเลือด เมื่อนึกถึงของเหลวสีเข้มนั่นเหมือนว่าร่างกายของเขาจะปฏิเสธมันอย่างได้ชัดแต่อีกด้านของร่างกายเหมือนว่าต้องการมันเช่นกัน คยองซูทรมานจนอยากจะร้องเรียกให้ใครมาช่วยตัวเขาทีเขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันเหมือนมีเหล็กร้อนมาแทงลงกลางลำคอ ทั้งแสบทั้งร้อนเสียจนอยากจะขาดใจตายตรงนี้
ร่างสูงที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ยืนพิงผนังห้องน้ำมองดูคยองซูที่ตอนนี้กำลังดูมีปัญหาอย่างเห็นได้จัด คยองซูสบตากับจงอินผ่านกระจกบานใหญ่ก่อนที่ร่างสูงจะเริ่มย่างกายมายืนข้าง ๆ เขา
“ไม่ยักรู้ว่านายจะมีความกระหายด้วย” จงอินควงแก้วเครื่องดื่มไปมาก่อนจะยกดื่มเล็กน้อย
คยองซูไม่ได้ใส่ใจคำพูดของอีกฝ่าย ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะกระชากแก้วจากร่างสูงมาดื่มเสียงเอง
จงอินมองร่างเล็กด้วยสายตานึกสงสัยที่อีกฝ่ายจ้องแก้วของเขาเสียอย่างกับถอดจิตออกมาโลมเลียสิ่งในแก้วไปเสียหมดจนเขาได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังอึกใหญ่ของร่างเล็กเขาจะยื่นแก้วไปตรงหน้าคยองซูดูว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยายังไง
“เอาหน่อยมั้ย ดูเหมือนว่านายจะไม่ไหวแล้วนะ”
คยองซูรู้สึกหูดับไปชั่วขณะ จิตของเขาสั่งการว่าสิ่งตรงหน้าคืออาหารชั้นดีดียิ่งกว่าไก่ทอดร้านหน้าโรงเรียนหรืออะไรทั้งหมด มือเล็กคว้าเอาแก้วจากมือจงอินไปอย่างรวดเร็วก่อนจะกระดกลงคอไปหลายอึก
“เฮ้ย ๆ ใจเย็น ๆ สิ นายไปอดอยากมาจากไหน” จงอินเพิ่งได้ฟังแบคฮยอนเล่าเรื่องของคยองซูให้เขาฟังว่าที่จริงคยองซูเป็นลูกเสี้ยวมีเลือดมนุษย์ถึงแปดสิบแต่ก็มีเลือดแวมไพร์ยี่สิบซึ่งจงอินก็เลยไม่ค่อยสงสัยเรื่องที่ว่าได้กลิ่นมนุษย์อีกฝ่ายรุนแรงมากแต่ก็คงมีรังสีความเป็นนักล่าแฝงอยู่
เสียงของจงอินเหมือนจะทำให้คยองซูคิดอะไรออก เหมือนสติเริ่มกลับมาทีละนิด นี่เขาทำอะไรลงไป... คยองซูละแก้วในมือให้ห่างออกจากปาก่อนจะมองดูตัวเองในกระจก เขาไม่ต่างกับคนพวกนี้เท่าไหร่เลย ให้ตายเถอะนี่เขากำลังทำอะไรอยู่
แก้วทรงสวยที่ยังคงมีเครื่องดื่มพิเศษหล่นแตกกระจายอยู่บนพื้น คยองซูโก่งคออาเจียนเอาทุกอย่างที่ลงท้องไปเมื่อกี้ออกอย่างรวดเร็ว ร่างกายปฏิเสธเลือดแกะพวกนี้แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างมาบีบรัดหัวใจของเขาให้หยุดการกระทำนี้แล้วกลืนทุกอย่างลงไปให้หมด
“นายเป็นอะไรของนายเนี่ยคยองซู! ” จงอินตกใจในการกระทำของร่างเล็กตรงหน้า เขาทำอะไรไม่ถูกจึงตั้งใจจะเข้าไปช่วยแต่ก็โดนร่างเล็กผลักออกมาอย่างแรง
“อย่ามายุ่งกับฉัน!” คยองซูผลักอีกฝ่ายทั้งน้ำตา เขากำลังพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้พุ่งไปกัดอีกฝ่ายตามที่ใจต้องการแต่ดูเหมือนจงอินจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เสียเท่าไหร่
“ให้ฉันช่วยเถอะมีอะไรที่ฉันช่วยได้บ้าง?” จงอินเข้าใกล้อีกครั้ง เขาไม่มีทางยืนมองดูคยองซูเฉย ๆ แน่
“งั้นนายช่วยยื่นนิ่ง” คยองซูเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายโน้มตัวลงไปที่ต้นคอก่อนจะสูดดมกลิ่นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังของอีกฝ่าย ละเลียริมฝีปากตัวเองอย่างช้า ๆ อย่าลืมตัวว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร
“นี่นายจะกัดคอฉันงั้นเหรอคยองซู?” จงอินเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียก ที่เอ่ยไปไม่ใช่คำถามเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าคยองซูคิดจะทำอะไรแค่ว่ามันก็ไม่ใช่คำที่จะว่าห้ามปรามอีกฝ่ายเช่นกัน
ในตอนแรกคยองซูที่พร้อมจะแยกเคี้ยวฝังเข้าที่จุดที่ตัวเองเล็งเอาไว้แต่พอได้ยินเสียงจงอินเหมือนมีมือใหญ่มาตกหน้าเขาเต็มแรกเพื่อเรียกสติตัวเอง แขนเล็กผลักร่างสูงอีกครั้งด้วยแรงที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย จงอินเซไปเล็กน้อยในขณะที่คยองซูถึงกับขาพับล้มไปนั่งอยู่บนพื้นเพราะไม่มีแรง
“ออกไป!!” คยองซูตวาดเสียงดังลั่นห้องน้ำ เขาไม่อยากจะทำร้ายใครทั้งนั้น ไม่ต้องการให้คนอื่นต้องมาเจ็บตัวเพราะเขาเพราะงั้นให้ทุกคนหางเขาไว้แบบนี้แหละดีแล้ว
จงอินมองคยองซูด้วยสายตาอึ้งเล็กน้อย เขาตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้เล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ คยองซูส่งสายตาว่างเปล่ามาให้เขาก่อนที่ร่างเล็กจะล้มไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
“คยองซู!” เสียงบุคคลผู้มาใหม่ร้องลั่นห้องน้ำ ชานยอลที่เพิ่งจะเดินเข้ามาดูว่าเพื่อนเป็นไงบ้างถึงกับใจกระตุกวูบเมื่อเห็นสภาพของคยองซู เขาไม่รอช้าที่จะก้าวเข้าไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งกับพื้นราวกับไม่หายใจ
“ทำไมนายไม่ออกไปเรียกคนมาช่วย?” ชานยอลเอ่ยถามอีกชีวิตในห้องน้ำที่ยังยืนช็อกกับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ เมื่อได้สติจงอินก็ค่อย ๆ เดินไปย่อตัวลงอีกด้านของผู้มาใหม่
“นายเป็นใคร?” เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของชานยอลแถมยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบไร้อารมณ์สุด ๆ
ชานยอลขมวดคิ้วแน่นในเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบคำถามเขาก็จะย้อนดูความจำอีกฝ่ายให้จบ ๆ ว่าไอ้นี่มันอะไรของมันทำไมไม่ยอมไปเรียกคนมาช่วย
จงอินที่รับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร การย้อนดูความทรงจำคนอื่นเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมากถ้าไม่ได้ขอเจ้าของความจำก่อนแต่น่าเสียดายที่เจ้ายักษ์คนนี้จะไม่ได้ดูความจำของเขาแน่นอนเพราะเรามันคนละชั้นกัน
ชานยอลสบถในใจด้วยความหัวเสีย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเก่งกว่าเขาหลายเท่าตัวและรู้ทันเขาอีกต่างหาก อีกฝ่ายปิดกั้นเขาอย่างหนาแน่นเลยก็ว่าได้จนชานยอลล้มเลิกความพยายามและหันมาสนใจคยองซูแทน
“คยองซูเป็นอะไร?” จงอินเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยความสงสัย อีกฝ่ายมองหน้าเขานิ่ง ๆ ก่อนจะเอามือไปทัดกับจมูกของร่างเล็กที่นอนไม่ได้สติ แตะที่ข้อมือของอีกฝ่ายเพื่อวัดชีพจร
“เลือดสโตรก เพราะไม่เคยดื่มเลือดและเพิ่งจะมาดื่มร่างกายไม่รับแต่มันก็ต้องการ” เขาว่าแล้วว่าคยองซูต้องเกิดอาการแบบนี้เพราะเขาเองก็เคยเป็นเมื่อนานมาแล้ว มันไม่ร้ายแรงมากเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นมาก ๆ อาจจะตายได้เพราะความกระหายค่อย ๆ กลืนกินตัวเองจนหมด
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่านายพูดถูก?” จงอินเอ่ยถามด้วยความรู้สึกที่ไม่ไว้ใจคนตรงหน้าเท่าไหร่ ดู ๆ แล้วเขาเหมือนจะสนิทกับคยองซูพอสมควร
“นายไม่ต้องแน่ใจเพราะนายไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของพวกเลือดผสม อีกอย่างนะพ่อฉันเป็นหมอและฉันจะขอบคุณมากถ้านายออกไปเอาเลือดแกะมา ตามแบคฮยอนและเซฮุนเข้ามาและอย่าให้คนนอกเข้ามาในนี้”
จงอินพยักหน้าอย่างยอมใจอีกฝ่ายก่อนจะรีบออกไปจัดการสิ่งที่อีกฝ่ายบอกอย่างรวดเร็ว ชานยอลยังคงวัดชีพจรของคยองซูตลอดเขาอยากให้คยองซูเข้มแข็งและต่อสู้กับมัน เขาเข้าใจดีว่ารู้สึกยังไงร้อยละหกสิบคือเลือดผสมต้องเคยเจออาการแบบนี้บางรายถึงกับตายและเขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับคยองซู
ประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับคนทั้งสาม ทุกคนถือแก้วเครื่องดื่มคนละสองแก้วก่อนจะวางไว้ข้าง ๆ หมอฉุกเฉินในยามนี้
“นายจะทำอะไรน่ะ?” แบคฮยอนเอ่ยถามชานยอลด้วยน้ำเสียงกังวลใจ หลังจากที่จงอินไปบอกพวกเขาทั้งสองว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็รีบมาในทันทีไม่คิดว่าสภาพของคยองซูจะดูแย่ขนาดนี้
“ให้เลือด เซฮุนนายมานี่ที จับข้อมือคยองซูไว้ นับว่าหัวใจเต้นได้กี่ครั้งต่อนาที” ชานยอลเอ่ยคำสั่งและเซฮุนก็ทำตามอย่างว่าง่าย แบคฮยอนไปช่วยเซฮุนจับเวลา ชานยอลยกหัวของคยองซูขึ้นก่อนจะรับแก้วมาจากชายที่ชื่อจงอินเพราะได้ยินแบคฮยอนเรียกชื่ออีกฝ่ายตอนอยู่หน้าห้องน้ำน่ะนะ เขากรอกเลือดแกะให้คยองซูดื่มจนหมดแก้วอย่างไม่สนใจว่าคยองซูอยากจะกินมันหรือเปล่า เขาทำไปเรื่อย ๆ จนหมดแก้วจึงหันไปหารือกับเซฮุนและแบคฮยอนที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่
“สามสิบครั้งต่อนาที”
“บ้าชิบ” ชานยอลสบถอีกครั้ง คยองซูไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นสักนิดจนกระทั่งแบคฮยอนออกความเห็น
“เราลองย้ายคยองซูไปที่ห้องพยาบาลดูดีมั้ย?”
“ไม่ได้หรอกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะหายตัว”
ทุกคนคิดหนักเรื่องคยองซูในตอนนี้ เราไม่ควรแบกคยองซูออกไปตอนนี้ด้วยเพราะว่ามันจะทำให้นักเรียนคนอื่นแตกตื่นและคงทำให้คยองซูลำบากใจที่จะมาเจอหน้าทุกคนแน่นอนในตอนที่ตัวเองฟื้นขึ้นมา
“ไม่ ๆ ชีพจรไม่เต้นแล้ว!” เซฮุนร้องด้วยความตกใจตอนที่จับชีพจรของร่างเล็กแล้วไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ชานยอลเอามืออังจมูกของคยองซูอีกรอบก่อนจะตกใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่หายใจแล้ว
“นายจะทำอะไร?” จงอินเอ่ยถามด้วยสีหน้างง ๆ เมื่อเห็นชานยอลปลดกระดุมเสื้อนอกของคยองซูออกด้วยความร้อนรน
“ซีพีอาร์ไงถามโง่ ๆ”
ชานยอลทำทุกอย่างที่เขาจำได้และทำได้ไปซ้ำ ๆ หลายครั้ง โดยมีอีกสามชีวิตนั่งให้กำลังใจข้าง ๆ จนกระทั่งคยองซูสะดุ้งเฮือกอ้าปากเอาอากาศเข้าปอดไปเฮือกใหญ่และหน้าอกของอีกฝ่ายเริ่มกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ
“ชีพจรเริ่มเต้นอ่อน ๆ”
“จงอินนายหยิบเศษแก้วตรงนั้นให้ที” ชานยอลชี้ไปที่เศษแก้วบนพื้นข้าง ๆ ตัวของจงอิน ก่อนที่จงอินจะยื่นมาให้ตามที่อีกฝ่ายขอ”
“บางทีแค่เลือดแกะมันคงจะยังไม่พอ” เมื่อพูดจบชานยอลก็เฉือนข้อมือของตัวเองจนเป็นแผลทางยาวและลึก เลือดสีแดงสดยิ่งกว่าเครื่องดื่มไหลออกมาอย่างลดเร็ว เขาประคองหัวคยองซูเอาไว้ก่อนจะบังคับให้เลือดของเขาไหลเข้าปากของอีกฝ่าย
“ชีพจรปกติแล้ว” เซฮุนเอ่ยบอกทุกคนที่ดูเหมือนจะใจชื้นขึ้นมาหลายระดับแล้ว แบคฮยอนปาดเหงื่อที่หน้าผากตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ทีนี้ฉันว่าเราควรย้ายที่ออกไปจากตรงนี้ได้แล้วก่อนที่คนอื่นจะสงสัย” แบคฮยอนเอ่ย
“แล้วไปที่ไหนล่ะ?” ชานยอลใช้ชายเลือดเช็ดที่แผลที่ข้อมือของตัวเอง แอบแสบเล็กน้อยแต่เขาเองก็พยายามทนเพราะอีกไม่นานแผลก็คงสมานตัวเข้าหากัน
“ห้องฉัน” จงอินเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเข้าไปพยุงตัวคยองซูขึ้นและหายไปในทันทีไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยทักท้วงใด ๆ
“เซฮุนนายไปช่วยจงอินเถอะ ฉันจะเก็บห้องน้ำเอง” แบคฮยอนเอ่ยออกความเห็นและเซฮุนเองก็เห็นด้วยจึงหายตัวตามจงอินไปติดและในห้องน้ำก็เหลือแค่แบคฮยอนกับร่างยักษ์ที่ยืนกุมข้อมือของตัวเองและมือเลือดไหลเป็นทางยาว
แบคฮยอนใช้เวทเก็บกวาดทุกอย่างด้วยความรวดเร็วก่อนจะเดินเข้าไปคว้าแขนร่างสูงเอาไว้ ชานยอลมีสีหน้าที่เลิ่กลั่กก่อนจะหลุดคำถามออกมา
“จะไปไหน?”
“ทำแผลที่ห้องฉัน จะขอบคุณมากถ้าไม่ทำตัวดื้อ...ฉันหมายถึงยอมมาดี ๆ”
ชานยอลยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะคิดในใจ ใครกันแน่วะที่ดื้อ และพวกเราทั้งสองก็ออกจากห้องน้ำที่นี้โดยการที่แบคฮยอนเป็นคนนำทาง
Are you bleeding?
- 100% -
#ลูกเสี้ยวคซ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น