ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) What is love? รักวุ่นวายร้ายเกินพิกัด (End)

    ลำดับตอนที่ #8 : -07-

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 58





    -07-
             




              จินเม้มปากแน่นอย่างชั่งใจ ไม่รู้จะปฏิเสธคนตรงหน้ายังไงดี โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าคนตรงหน้าเขาน่ะ รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว แอสตันเหลือบมองท่าทางของจินอย่างสงสาร เรื่องราวที่ได้รับฟังมาจากเอแคลร์ทำเอาเขานึกโกรธแฟนคลับของตัวเองเหมือนกัน

              แต่จะไปว่าบรรดาแฟนคลับของเขาก็ไม่ได้หรอก เป็นเพราะการกระทำของเขากับจินด้วยนั่นแหละ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะทำให้คนเกิดความคิดเลยเถิดไปขนาดนั้น แต่ก็อย่างว่า คนเราคนละพ่อคนละแม่ ต่างความรู้สึกต่างความคิดเห็น จะไปห้ามไปจำกัดความคิดของคนอื่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก
              “ว่าไง ไปเชียร์พี่ได้มั้ย” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามเขาอีกรอบ ราวกับเป็นการเร่งคนที่นั่งอยู่บนเตียง จินเบ้ปากอย่างขัดใจ
              “ทำไมถึงไม่อยากไปขนาดนั้นล่ะ ก็แค่เชียร์พี่เอง หรือกลัวจะหวั่นไหวเวลาเห็นท่าทางเท่ห์ๆของพี่” คำพูดสุดแสนจะหลงตัวเองทำเอาจินต้องถลึงตาใส่ ก่อนจะสะบัดหน้าหนี เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากร่างที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงพื้น ดังอยู่สักพักก่อนจะแทนที่ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น
              “มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า ถึงทำให้ไม่อยากไป” ร่างเพรียวกระตุกเล็กน้อย ยิ่งทำให้คนตัวสูงมั่นใจกับความคิดของตัวเองมากขึ้น
              “กังวลอะไรบอกพี่ได้นะ” น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับน้ำเย็นๆกระแทกเข้าที่ใจของจินเข้าอย่างจัง ฟันคมกัดเข้าที่ริมฝีปากล่างของตัวเองเล็กน้อย รู้สึกขอบตาตัวเองร้อนผ่าวอีกครั้ง นี่เขาจะร้องไห้อีกรอบแล้วหรอเนี่ย
              แอสตันที่เฝ้ามองท่าทางของจินมาตลอดเริ่มรู้สึกใจเสีย เมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่จะไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นเสียเท่าไหร่
              “ไม่บอกก็ได้ จินอาจจะแค่เหนื่อยๆใช่มั้ย แต่ยังไงก็ไปเถอะนะ ไปเชียร์พี่ได้รึเปล่า” แอสตันตัดสินใจเปลี่ยนประเด็น ในเมื่อเด็กน้อยตรงหน้าเขาไม่อยากจะพูดถึงมัน เขาก็ไม่อยากจะตอกย้ำ คงจะทำได้เพียงคอยช่วยเป็นกำลังใจให้ห่างๆเท่านั้นแหละ
              “จิน” พอจินไม่ตอบแอสตันก็เอาแต่เรียกชื่อเขาซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
              “ปัดโธ่ จะเรียกอะไรนักหนา กลัวจำสลับกับชื่อป๊าที่บ้านพี่รึไง” คำโวยวายแสนเจ็บแสบดังมาจากกลีบปากบาง แอสตันหลุดคลี่ยิ้ม ก่อนจะยื่นมือไปขยี้ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีฟ้าสดใสนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว
              “ก็ตอบพี่สิ จะไปไม่ไป” จินกลอกตาไปมาอย่างเอือมๆกับคำพูดที่เจ้ารุ่นพี่จอมตื้อพูดซ้ำๆอยู่อย่างกับวิดีโอสะดุดแล้วกรอกลับไปกลับมา นัยน์ตาเรียวสวยเหลือบกลับมามอง สบเข้ากับนัยน์ตาคมแสนมีเสน่ห์ที่จับจ้องมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว
              “ทำไมถึงอยากให้ไปขนาดนั้น ทำอย่างกับผมไม่ไปเชียร์แล้วจะแข่งแพ้อย่างนั้นแหละ” บ่นอุบอิบตามประสา ทำเอาคนที่นั่งจ้องหน้าเขาอยู่ตรงพื้นต้องหลุดหัวเราะออกมา จนจินต้องหันไปถลึงตาใส่ รู้สึกไอ้พี่บ้านี่จะหัวเราะเขาบ่อยเกินไปแล้ว
              “ฮ่าๆ โทษทีๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้จินไม่มาพี่ก็ไม่มีทางแข่งแพ้อยู่แล้วแหละ สำคัญตัวเองเกินไปรึเปล่าเด็กน้อย” ก่อนจะต้องหลบขาเรียวๆที่ยกขึ้นฟาดมาทางเขาเต็มแรง นัยน์ตาเรียวสวยมองมาทางเขาอย่างหงุดหงิด จนแอสตันต้องหลุดคลี่ยิ้มแห้งๆ

              สงสัยจะกวนแรงไปหน่อยแฮะ...

              “ก็มีคนบางคนชอบบอกว่าพี่น่ะไม่น่าจะเป็นกัปตันทีมบาสได้บ้างล่ะ บอกว่าเอาเงินซื้อตำแหน่งมาบ้างล่ะ ไหนจะบอกว่าเด็กอนุบาลยังเล่นได้ดีกว่าพี่อีก” หยุดพูดสักพัก ช้อนสายตาคมขึ้นสบเข้ากับดวงตาเรียว จินขมวดคิ้วนิดหน่อยกับนัยน์ตาเป็นประกายวิบวับที่แอสตันส่งมา
              เห็นท่าทางของเด็กดื้อตรงหน้า แอสตันก็หลุดคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับกำลังสื่ออะไรบางอย่าง
              “พี่ก็เลยอยากจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ตัวตนที่แท้จริงของพี่เป็นยังไง ไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นคิดหรอก ไม่ใช่เลยสักนิด” คำพูดที่ดูเหมือนจะพูดถึงเรื่องของแอสตันเองแต่กลับกระแทกเข้าใส่หัวใจของจินเต็มๆ นัยน์คมฉายแววจริงจัง เหมือนกำลังพยายามยืนยันในสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดออกมา
              จินสบเข้ากับนัยน์ตาคมนั้นสักพัก ก่อนจะเบนหน้าหนี ดูเหมือนร่างสูงตรงหน้าเขาจะพอรู้เรื่องราวอะไรมาบ้างแล้วสินะ
              “ไปเชียร์พี่เถอะน้า แค่ไปนั่งเชียร์เฉยๆเอง แข่งเสร็จพี่พาไปเลี้ยงเค้กด้วยนะ ดูดิ จินมีแต่ได้กับได้อ่ะ” น้ำเสียงทุ้มที่แสนจริงจังเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นขี้เล่น ก่อนที่มือหนาจะเลื่อนมาเขย่าเข่าของคนที่นั่งอยู่บนเตียงราวกับกำลังเรียกร้องความสนใจ
               จินหลุดยิ้มออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ เมื่อเห็นท่าทางของร่างสูง ใบหน้าหล่อๆพยายามทำหน้าอ้อนๆที่ไม่เข้ากับตัวเองเลยสักนิด
              “ก็ได้ ไปก็ได้” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยอ้อมแอ้มตกลง ทำเอาแอสตันหลุดคลี่ยิ้มกว้างออกมา
              “เห็นแก่กินจริงๆเลย” พูดพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือไปขยี้ศีรษะทุยๆนั่น จนจินต้องหันมามองค้อนเขาอีกวงใหญ่ ตามด้วยกำปั้นหนักๆที่ระดมทุบมายังแขนของเขา
              “โอ๊ยๆ อย่าทำร้ายพี่สิ พี่ต้องเก็บแขนไว้แข่งบาสนะ”
              “ก็ช่างพี่สิ ทีมโรงเรียนผมก็ไม่ใช่ จะตีให้แพ้ๆไปเลย” จินพูดพลางหัวเราะสดใส ความรู้สึกปวดหนึบที่หัวหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ แอสตันเหลือบมองท่าทางของคนที่ตัวเล็กกว่าเขาอย่างเอ็นดู ดูเหมือนจะคลายความกังวลลงไปบ้างแล้วสินะ





              “ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ แล้วก็ขอโทษที่มารบกวนบ่อยๆ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างนอบน้อมจนเด็กหนุ่มข้างๆต้องเหล่ตามอง เขาเริ่มรู้สึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ
              “ไม่หรอกจ้ะ น้าเองต่างหากที่รบกวนแอสตัน ดูสิ ต้องมาคอยดูแลเจ้าเด็กดื้อนี่” ไม่พูดเปล่าแม่ของเขายังยกมือขึ้นมาบิดแก้มเขาราวกับเป็นเด็กตัวน้อยๆ แอสตันหลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางแสนน่ารักนั่น แต่ก็ต้องรีบเม้มปากแน่นเมื่อโดนนัยน์ตาเรียวสวยตวัดหันมามอง
              “แล้วจะอยู่รบกวนชาวบ้านอีกนานมั้ย เสร็จธุระก็กลับไปดิ” เสียงนุ่มเอ่ยปากไล่แต่กลับโดนผู้เป็นมารดาตีเข้าที่แขนเสียก่อน
              “เสียมารยาทนะ” น้ำเสียงดุๆนั่นทำเอาจินเบ้ปาก ก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเองเสียยาวเหยียด แอสตันคลี่ยิ้มก่อนจะขอตัวลากลับบ้านแบบจริงๆจังๆเสียที
              “อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ล่ะ” หลังจากแม่ของจินขอปลีกตัวเข้าไปจัดการเรื่องในบ้านต่อ เหลือเพียงแค่สองหนุ่มยืนคุยกันโดยมีรั้วสีขาวสูงประมาณเอวคั่นกลางไว้เท่านั้น
              “อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย” เจ้าเด็กจอมแสบก็ยังคงแสบอยู่วันยังค่ำ
              “จิน” น้ำเสียงทุ้มจริงจังขึ้นมาบ้าง จนจินต้องจิ๊ปาก
              “เออน่า เห็นผมเป็นคนยังไงกัน บอกว่าจะไปก็ไปดิ” จินบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ทำไมเวลาอยู่ใกล้กับรุ่นพี่ตัวสูงนี่แล้วรู้สึกวุฒิภาวะของเองต่ำลงเรื่อยๆ แอสตันคลี่ยิ้มกับท่าทางของเด็กหนุ่ม ก่อนจะพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ให้คนตัวเล็กกว่าต้องขมวดคิ้วแล้วคิดตาม

              “ก็เห็นจินเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง ต่อให้ใครมาทำอะไรจินก็จะเหวี่ยงกลับไปให้แรงกว่าประมาณร้อยเท่าล่ะมั้ง”


     

              “ยิ้มไม่หุบเลยนะ” ทันทีที่ลูกชายสุดที่รักก้าวเข้ามาในบ้าน คุณแม่ยังสาวก็ออกปากแซวทันที จินยู่ปากนิดหน่อยก่อนจะตรงเข้าไปกอดเอวคนเป็นแม่หลวมๆ แล้วค่อยๆเอนตัวลงนอนหนุนตักผู้เป็นมารดาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาอยู่ก่อนแล้ว
              “ยังตัวรุมๆนิดหน่อยนะเรา พรุ่งนี้จะไปเชียร์พี่เขาไหวหรอ” หลังจากเอามืออังหนาผากวัดอุณหภูมิให้ลูกชายที่ไม่รู้จักโตสักที ไอร้อนที่มาจากร่างที่นอนหนุนตักเธอทำเอาเธอชักจะเป็นห่วง
              “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็ไม่อยากจะหนีปัญหาแล้ว” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยพึมพำ แผ่วเบาราวกับกำลังพูดกับตนเอง แต่ด้วยระยะห่างอันน้อยนิด ทำให้เธอได้ยินคำพูดของลูกชายเต็มสองหู
              “ลูกม๊าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว” พูดพลางอมยิ้ม มือเรียวสวยเลื่อนไปลูบเรือนผมสีฟ้าสดใสของลูกชาย อันที่จริงเธอเคยเอ่ยขัดเรื่องสีผมที่สุดแสนจะแสบตาของเจ้าเด็กดื้อนี่หลายครั้ง พอโรงเรียนไม่เคร่งเรื่องสีผมหน่อยก็เอาใหญ่เลยนะ
              จินนอนหลับตาพริ้มให้แม่ของตัวเองลูบหัวอยู่อย่างนั้น ในหัวคิดเรื่องที่เขาพยายามหลบเลี่ยงมาหลายวัน คำพูดของรุ่นพี่ตัวสูงยังคงวิ่งวนไปมาในหัว นั่นสินะ บางทีเขาควรจะมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย...

              เขาตัดสินใจแล้ว ต่อให้แฟนคลับพี่แอสตันจะไม่ชอบเขาแค่ไหน เขาก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าระหว่างเขากับพี่แอสตันน่ะ ความจริงใจล้วนๆ อาจจะเจอกันด้วยเหตุการณ์ร้ายๆที่เขาก่อ แต่การที่พวกเขาทั้งสองมาสนิทสนมกันได้ มันเป็นความต้องการของพวกเขาสองคน
              จะไม่ปล่อยให้เรื่องแค่นี้มาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่แอสตันหรอก!!!

              คิดได้ดังนั้นร่างเพรียวก็ค่อยๆลืมตาขึ้น สบตาผู้เป็นมารดาที่มองมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างไปให้ รอยยิ้มที่คนเป็นแม่สุดแสนจะคิดถึง ทั้งๆที่ไม่ได้เห็นเพียงไม่กี่วัน
              “ผมขอตัวไปโทรหาเพื่อนก่อนนะม๊า” พูดพลางยันตัวลุกขึ้น คนเป็นแม่คลี่ยิ้มกับท่าทางสุดแสนน่ารักของลูกชาย แต่ก็ไม่วายกำชับส่งท้ายตามประสาคนเป็นแม่
              “คุยเสร็จแล้วก็อาบน้ำแล้วรีบเข้านอนได้เลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีแรงไปเชียร์พี่เขา อยากไปจะแย่แล้วไม่ใช่หรอ” คำเอ่ยแซวจากมารดาทำเอาจินต้องยู่ปาก ดูเหมือนแม่ของเขาจะปลื้มไอ้รุ่นพี่ขี้เก๊กนั้นเสียเหลือเกิน


              จินเดินขึ้นชั้นบน ค่อยๆเปิดประตูเข้าห้องของตัวเอง มือเรียวเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะ เลื่อนหาเบอร์เพื่อนสนิทสักพัก แต่ก่อนที่เขาจะได้กดโทรออก ไอ้คนที่กำลังจะโทรหาก็โทรเข้ามาพอดี จินหลุดหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะกดรับ พูดถึงผีผีก็มาจริงๆเลย 
              [มึงดีขึ้นแล้วใช่ป่ะ กูได้ยินจากเอแคลร์ว่าพี่แอสตันไปหามึง เป็นยังไงบ้าง มึงไม่ได้ร้องไห้ใช่มั้ย ปวดหัวรึเปล่า ให้กูเข้าไปหามั้ย] ไม่ทันจะได้พูดอะไรเสียงปลายสายก็แทรกขึ้นมาก่อน ระดมยิงคำถามใส่เขาไม่ยั้ง จนไม่รู้ว่าควรจะเลือกตอบคำถามไหนก่อนดี
              “มึงใจเย็นๆดิวะ” น้ำเสียงนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ ทำเอาสไปรท์ต้องเลิกคิ้ว เพราะเมื่อคืนไอ้เพื่อนบ้านี่ยังร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง ลำบากให้เขาต้องนอนเฝ้าอยู่เลย
              [อารมณ์ดีเชียวนะมึง ทีหลังให้พี่แอสตันไปก็พอ ไม่ต้องพึ่งกูแล้ว] ไม่ได้ตั้งใจงอนเลยนะ แต่มันน้อยใจเฉยๆ จินหลุดคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะกรอกเสียงลงโทรศัพท์
              “โอ๋ๆ พี่แอสตันหรือจะมาสู้สไปรท์เพื่อนโคตรรักของกูได้ เนี่ยแค่ความหล่อมึงก็ชนะขาดแล้ว ไหนจะฝีมือกีต้าร์เทพๆของมึงอีก โอ๊ย พี่แอสตันเทียบไม่ได้เศษหนึ่งในล้านเล้ย”
              [พอเลยมึง ทำไมกูว่ามันเหมือนประชดวะ] จินหัวเราะคิก ทั้งสองคุยกันสัพเพเหระนิดหน่อยก่อนที่จินจะเริ่มเข้าเรื่อง
              “พวกแฟนคลับกูว่าไงบ้างวะ” พูดพลางค่อยๆเอนตัวลงบนเตียง นัยน์ตาเรียวเหลือบมองไปยังบรรดาขนมและดอกไม้ที่แฟนคลับเขาฝากเพื่อนในวงเอามาให้ สไปรท์หลุดถอนหายใจเป็นพรืด จะให้เขาอธิบายยังไงดี
              [ตีโพยตีพายยิ่งกว่าญาติป่วยอีกล่ะมั้งน่ะ] คำพูดของสไปรท์ทำเอาจินต้องหัวเราะขึ้นมาอีกรอบ นั่นสินะ ทำไมเขาจะนึกภาพไม่ออกล่ะ ก่อนที่เสียงหัวเราะนั้นจะค่อยๆหายไป แทนด้วยความเงียบ
              [มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะจิน] สไปรท์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเพื่อนสนิทของเขาชักจะเงียบนานเกินไปแล้ว ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆกลับมา
              […] สไปรท์ตัดสินใจเงียบให้จินเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
              “พี่แอสตันชวนกูไปเชียร์บาสพรุ่งนี้”
              [อ่าฮะ แล้วมึงจะไป?] น้ำเสียงนุ่มที่สไปรท์คาดเดาอารมณ์ไม่ค่อยได้ เลยทำได้เพียงตอบรับ ก่อนจะถามกลับไปสั้นๆเท่านั้น อันที่จริงเขาก็พอจะรู้มาจากเอแคลร์แล้วแหละ ว่ารุ่นพี่รูปหล่อคนนั้นมีแข่งบาสวันเสาร์ หรือก็คือพรุ่งนี้นั่นเอง
              “อืม กูว่าจะไป”
              [มึงแน่ใจนะ]
              “อืม กูแน่ใจ มึงชวนเพื่อนคนอื่นไปเป็นเพื่อนกูหน่อย กูตัดสินใจล่ะ” จินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดต่อ
              “กูจะพยายามไม่สนความคิดที่มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่กูจะพยายามทำให้พวกแฟนคลับของพี่เค้ายอมรับกูเอง ถ้าพวกนั้นหาว่ากูร้องเพลงไม่เพราะ กูก็จะฝึกร้องจนกว่าเค้าจะว่ากูร้องเพราะ ถ้าพวกนั้นหาว่ากูเกาะพี่แอสตันดัง กูก็จะไม่ถอยออกจากพี่แอสตัน จนกว่าพวกนั้นจะเชื่อว่ากูไม่ได้หวังประโยชน์จากพี่แอสตันจริงๆ” คำพูดของจินทำให้สไปรท์หลุดคลี่ยิ้ม
              อันที่จริงเขาก็ถามย้ำไปอย่างนั้นแหละ เพราะก็พอจะเดาคำตอบของเพื่อนเขาได้อยู่หรอก อาจจะงอแงไปบ้าง แต่ถ้าให้เวลาจินสักหน่อย จินก็มักจะตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดเสมอ อาจจะต้องพึ่งแรงใจจากคนอื่นบ้าง แก้ด้วยวิธีพิสดารบ้าง แต่จินก็แก้ปัญหานั้นได้อย่างเด็ดขาดทุกครั้ง









              “นี่มึงชวนน้องจินมาจริงๆหรอวะ” แอสตันพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงตอบ เรียวล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่รู้ว่าในสมองของไอ้กัปตันทีมบาสนี่มันใช้ตรรกะอะไรในการตัดสินใจ เรียวเหลือบมองสนามที่พวกเขากำลังจะเริ่มการแข่งขันนิดหน่อย
              จริงอยู่ที่การแข่งบาสในรอบนี้ไม่ได้ใช้สนามกีฬาโรงเรียนของพวกเขา แต่ใช้สนามกีฬากลางแทน แต่จำนวนนักเรียนโรงเรียนของพวกเขาที่มาเชียร์ก็ไม่ใช่น้อยๆ แถมส่วนมากยังเป็นแฟนคลับของไอ้กัปตันหนุ่มรูปหล่ออีกต่างหาก

              รู้ทั้งรู้ว่าพวกแฟนคลับไม่ค่อยชอบจินอยู่ ยังจะไปชวนน้องเขามาอีก

              “กูก็แค่ชวนน้องเขามาเชียร์ ทำไมมึงต้องทำหน้าตาซีเรียสขนาดนั้นด้วยเนี่ย” แอสตันเอ่ยทักเพื่อนตัวเองขำๆ เมื่อเห็นท่าทางคิดไม่ตกของเพื่อนสนิท
              “มึงก็น่าจะรู้เรื่องแฟนคลับมึงนะ ไม่ห่วงน้องเลยรึไง” เรียวเอ่ยติดจะหงุดหงิดนิดหน่อย ไอ้เพื่อนบ้านี่มันไม่รู้พลังของแฟนคลับซะแล้ว
              “แต่ก่อนทำเป็นไม่อยากให้แอสตันเข้าใกล้ มาตอนนี้ล่ะเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าไอ้แอสตันมันซะอีก” ต้นไผ่ที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน ออกปากแซว เอามือโอบรอบคอเพื่อนสนิทขี้บ่น จนเรียวต้องหันไปถลึงตาใส่ แต่ก็เถียงไม่ออก

              ใครจะไปรู้ว่าพอรู้จักกันมากๆเข้า จินจะเป็นเด็กที่นิสัยดีขนาดนั้น ก็อาจจะมีเหวี่ยงๆ เอาแต่ใจบ้าง แต่ก็เป็นรุ่นน้องที่ดีคนนึง ดีจนเรียวรู้สึกเป็นห่วงทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย

              แอสตันมองท่าทางเป็นกังวลของเพื่อนขำๆ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำเพื่อนๆพอจะวางใจได้เปลาะหนึ่ง ก็เพราะเพื่อนของพวกเขาน่ะ พูดจริงทำจริงเสมอ
              “ไม่ต้องห่วงหรอก กูไม่ให้ใครมาทำอะไรน้องกูหรอก”
              “เอ้า มารวมกันได้แล้ว!!” เสียงของโค้ชหนุ่มตะโกนเรียกบรรดานักกีฬาที่แยกกันไปวอร์มร่างกาย นักกีฬาทุกคนต่างวิ่งเข้ามาล้อมวงเพื่อนรับฟังแผนการเล่นอีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายเพื่อเตรียมเริ่มแข่งขัน กัปตันทีมหันไปนัดแนะกับเพื่อนร่วมทีมอีกนิดหน่อย ก่อนจะวิ่งไปเข้าประจำตำแหน่ง
              แอสตันเหลือบสายตามองหาบุคคลที่เขานัดนิดหน่อย ก่อนจะหลุดคลี่ยิ้มออกมา
              กลุ่มเด็กหนุ่มหน้าตาดีสี่ห้าคนค่อยๆเดินเข้ามาในโรงยิม สายตาทุกคู่แทบจะหันไปมอง ยกเว้นพวกที่เป็นนักกีฬาในสนามน่ะนะ ก็จะไม่ให้มองได้ยังไง ในเมื่อเด็กพวกนั้นออกจะโดดเด่นขนาดนี้ ถ้าไม่นับรวมหน้าตาหล่อๆ ก็คงจะเป็นสีผมที่สุดแสนจะบาดตา จนใครๆก็ต้องเหลียวหลัง
              แอสตันแอบยกโบกมือให้กับเจ้าเด็กหัวฟ้าที่กำลังมองหาเขานิดหน่อย ก่อนจะได้รับการยักคิ้วกลับมาแทน


              เสียงซุบซิบดังขึ้นไม่หยุด ซึ่งไม่ต้องเดาให้ยากเลย เพราะเสียงดังมาจากบรรดากลุ่มแฟนคลับของแอสตันทั้งนั้น จินถอนหายใจออกมาเบาๆ พยายามไม่สนใจสายตาไม่พอใจที่ส่งมายังทางเขา
              “จิน~” เอแคลร์ที่มากับเพื่อนสนิทในกลุ่มของเธอก่อนแล้วรีบวิ่งตรงเข้ามาทักทันที มีเพื่อนสาวสองคนพ่วงมาด้วยข้างหลัง จินหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มทัก เอแคลร์คลี่ยิ้มแป้นอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนวัยเด็กของตัวเองดีขึ้นมาก ก่อนจะเอ่ยแนะนำเพื่อนของเธอให้ได้รู้จักกัน
              “นี่น้ำค้าง กับแพตตี้ เพื่อนสนิทเอแคลร์เอง ส่วนนี่จิน สไปรท์ ดิน แอนดี้ แล้วก็การ์ตูน เธอพอจะรู้จักวง Alcoholic กันอยู่ใช่มั้ย ยัยสองคนนี้กำลังจะเป็นแฟนคลับพวกนายแล้วนะ” เอแคลร์พูดน้ำเสียงร่าเริง ทำเอาเพื่อนสนิทของเธอต้องบ่นงุบงิบกันเสียยกใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะจากกลุ่มของจินได้เป็นอย่างดี ทั้งแปดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะค่อยๆเบาเสียงลง เมื่อเกมกำลังจะเริ่ม

              จินเหลือบมองผู้เล่นในสนาม ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่าบุคคลที่โดดเด่นที่สุด เป็นใครคนอื่นไม่ได้นอกจาก รุ่นพี่ตัวสูงที่เป็นคนชวนเขามา ใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้ฉายแววจริงจังจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแต่กลับดูมีเสน่ห์จนน่าประหลาด
              เป็นทีมของพี่แอสตันที่แย่งลูกได้ก่อน ร่างสูงเลี้ยงลูกบาสอย่างชำนาญ หลบหลีกทีมฝั่งตรงข้าม ก่อนจะพาสลูกต่อไปให้เพื่อนร่วมทีม แอสตันกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ก่อนจะส่งสัญญาณมือไปให้เพื่อนที่กำลังหลบหลีกฝ่ายตรงข้าม
              ลูกกลมๆสีส้มลอยกลับมายังมือของแอสตันอย่างแม่นยำ ร่างสูงเลี้ยงลูกพุ่งตรงไปยังแป้นบาสของทีมฝ่ายตรงข้ามทันที ท่าทางการหลบหลีกคู่ต่อสู้และความเร็วในการเคลื่อนตัวทำเอาจินต้องเผลอกลืนน้ำลาย


              “ทำไมถึงไม่อยากไปขนาดนั้นล่ะ ก็แค่เชียร์พี่เอง หรือกลัวจะหวั่นไหวเวลาเห็นท่าทางเท่ห์ๆของพี่”


              คำพูดหยอกล้อของรุ่นพี่ตัวสูงค่อยๆลอยเข้ามาในหัว ไม่อยากจะยอมรับเลยให้ตายสิ ว่าเวลาคนตรงหน้าเล่นบาสมันมีเสน่ห์จริงๆ
              เสียงนกหวีดดังขึ้นเรียกสติของคนหัวฟ้า นัยน์ตาคมหันไปมองเพื่อนเป็นเชิงถาม สไปรท์เหลือบมองเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างเอือมๆ ชวนคนอื่นมาดูบาสแล้วตัวเองนั่งเหม่อเนี่ยนะ
              “ทีมของพี่แอสตันทำแต้มได้ สนใจเกมหน่อยสิ หรือมัวแต่มองกัปตันทีมบาสอยู่ฮึ” กระซิบข้างหู เพราะเสียงกรี๊ดที่ดังสนั่น จินเบ้ปาก แถมกำปั้นไปอีกหลายตุบ ก่อนจะหันไปสนใจเกมต่อ
              การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป ยิ่งเวลาผ่านไปเกมยิ่งดุเดือดมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างรุกเร่งรัดทำคะแนน แข่งกับเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที ตอนนี้ทั้งคู่ยังเสมอกันอยู่ที่คะแนน 40 แต้ม จินเหลือบมองนาฬิกาบนโทรศัพท์ตัวเองนิดหน่อย เวลาการแข่งขันกำลังใกล้จะหมดลง
              แอสตันกวาดสายตามองเพื่อนร่วมทีมของตัวเองนิดหน่อย ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับต้นไผ่ เพื่อนสนิทของเขาเองก็พอจะเข้าใจ ทันทีที่ทีมฝั่งตรงข้ามพาสลูก ร่างสูงของเพื่อนสนิทจอมกวนก็พุ่งเข้าไปแย่งลูกทันที ก่อนจะพาสมาให้แอสตันที่กำลังรออยู่ก่อนแล้ว
              ร่างสูงเลี้ยงบาสอยู่กับที่อย่างใจเย็น นัยน์ตาคมเหลือบมองไปยังเพื่อนร่วมทีม แอสตันเลี้ยงลูกย่อตัวลงตั้งท่าเลี้ยงลูกพุ่งเข้าหาแป้นของฝั่งตรงข้าม นักกีฬาร่างกำยำวิ่งเข้ามาสกัดเขาทันที ยื้อยุดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แอสตันหันหลังกลับก่อนจะพาสลูกกลับไปให้เรียว
              เรียวที่รู้หน้าที่ดีรับลูกมาอย่างแม่นยำก่อนจะเลี้ยงลูกพุ่งตัวเข้าหาทีมฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะได้ประจันหน้ากัน เรียวกลับพาสลูกส่งให้แอสตันอีกครั้ง ร่างสูงรับลูกตามที่วางแผนเอาไว้ แอสตันตั้งท่า ชู้ตลูกลงห่วงไปอย่างแม่นยำ
              ป้ายคะแนนถูกพลิกเพิ่มขึ้นสามคะแนน พร้อมๆกับเสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา
              การแข่งขันจบลงด้วยชัยชนะของทีมโรงเรียนแอสตันด้วยคะแนน 43 ต่อ 40 เสียงร้องเฮดังลั่นไปทั่วทั้งโรงยิม บรรดานักกีฬาต่างมาเข้าแถวและขอบคุณทีมฝ่ายตรงข้าม จินเหลือบมองเหตุการณ์ข้างล่างนิดหน่อย หัวใจยังคงเต้นตึกตัก รู้สึกคนเป็นนักกีฬานี่มันดูเท่ห์ไม่หยอกเลย
              หลังจากนี้เหตุชุลมุนก็เกิดขึ้นที เพราะโค้ชปล่อยให้นักกีฬาในทีมของตัวเองพักผ่อนได้ตามอัธยาสัย ถือเป็นโอกาสทองของบรรดาแฟนคลับที่จะได้ให้น้ำให้ขนม และร่วมแสดงความยินดีกับปริ๊นซ์สุดหล่อของโรงเรียน กลุ่มของจินมองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ อืม พี่มันป๊อบจริงๆนั่นแหละ
             แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำเอากลุ่มของจินแตกกระจายอย่างมดแตกรังก็เกิดขึ้น เมื่อแฟนคลับของแอสตันที่ถูกเบียดมาหรือตั้งใจ สะดุดอากาศหรือแบคทีเรียก็ไม่ทราบ ทำเอาล้มคะมำตรงหน้าของจินพอดิบพอดี ถ้าแค่ล้มเฉยๆคงจะไม่เป็นไร แต่ในมือเธอดันถือแก้วน้ำไว้ด้วยนี่สิ
              กลิ่นขมๆของกาแฟอบอวลไปทั่วบริเวณ เส้นผมสีฟ้าสดใสจนไปถึงเสื้อยืดและกางเกงตัวเก่ง ถูกกาแฟเย็นๆราดเสียจนดูไม่ได้ จินนั่งนิ่งค้าง รู้สึกได้ถึงน้ำเหนียวๆที่เริ่มซึมเข้ามาตามเนื้อผ้า
              เสียงพูดคุย และซุบซิบดังขึ้นทันที ทุกสายตาต่างจับจ้องภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย แฟนคลับคนนั้นของแอสตันค่อยๆลุกขึ้นยืน ปัดเศษดินตามเสื้อผ้าทิ้ง เบ้หน้าฉายแววไม่พอใจ ก่อนจะบ่นพึมพำออกมา

              “ดูสิ ต้องไปซื้อกาแฟใหม่แล้ว”

              น้ำเสียงที่ไม่แสดงความรู้สึกผิดสักนิดทำเอาจินต้องเงยหน้าขึ้นมามอง เพื่อนๆที่อยู่ใกล้กันกับจินต่างได้ยินประโยคเมื่อครู่ชัดเจน เอแคลร์ทำท่าจะเข้าไปจัดการแต่ถูกสไปรท์ดึงตัวเอาไว้ก่อน เพราะถ้าทำอะไรวู่วาม ฝ่ายที่เสียหายจะเป็นฝ่ายของพวกเขาเอง
              ดูเหมือนจินเองก็ตระหนักถึงเหตุผลข้อนี้ดี เลยทำได้เพียงยืนจ้องหน้าหญิงสาวคนนั้นอย่างโกรธเคืองเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นปกติล่ะก็ คุณเธอคงโดนด่ากระจาย ไม่ก็โดนต่อยหน้าหงายไปแล้ว

              “เป็นอะไรมากรึเปล่า” น้ำเสียงทุ้มๆดึงความสนใจให้ทุกสายตาหันไปจับจ้อง
              “พี่แอสตัน”

              แอสตันเหลือบมองเหตุการณ์ตรงหน้า อันที่จริงเขามองมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เพราะอยู่ห่างไกลเลยไม่ได้ยินสิ่งที่แฟนคลับของเขาพูด แต่ดูจากท่าทางของจินแล้ว คงจะโกรธไม่น้อยเลย เขารู้ดีว่าจินเกลียดกาแฟสุดๆ บอกว่าแค่ได้กลิ่นก็เวียนหัวแล้ว แต่นี่โดนราดตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้า ไม่เผลอทำร้ายเด็กสาวตรงหน้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว
              รออยู่สักพักแต่แฟนคลับของเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะขอโทษเลย แอสตันเลยตัดสินใจเข้าไปยุ่งด้วยจะดีกว่า
              “เหนียวตัวแย่ ไปล้างตัวที่ห้องน้ำในโรงยิมเถอะ” พูดพลางเหลือบสายตามองแฟนคลับคนนั้นนิดหน่อยก่อนจะหันมาสนใจเจ้าเด็กแสบของเขาแทน จินจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด
              “ล้างไปก็ไม่มีเสื้อผ้าใส่อยู่ดี โธ่เว้ย” พูดพลางสบถเพื่อเป็นการระบาย แอสตันหลุดคลี่ยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่ใช่ว่าจะได้เห็นกันง่ายๆ
              “ยืมเสื้อผ้าพี่ก็ได้ ตอนแรกว่าจะเอามาเปลี่ยนหลังแข่งเสร็จ พี่ยอมเหม็นเหงื่อดีกว่าให้คนบางคนมีกลิ่นกาแฟ” พูดพลางทำท่ายกมือจะมาขยี้หัวสีฟ้าสดใสนั่น ก่อนจะชะงักและเก็บมือลงพลางทำท่าทางแหยงๆ จนจินต้องถลึงตาใส่
              “ไม่ต้องมาทำท่าแบบนั้นเลย ไปเอาเสื้อผ้ามาดิ เหนียวตัวจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย” จินบ่นงึมงำ นัยน์ตาเรียวๆดูจะเฉี่ยวและหาเรื่องมากกว่าปกติ จนแอสตันต้องส่ายศีรษะอย่างเอือมๆ
              “พูดไม่เพราะเลย” คนโดนตำหนิมองค้อนใส่เขาวงโต จนแอสตันหลุดหัวเราะเบาๆ นัยน์ตาคมเหลือบมองบรรดาแฟนคลับของเขาที่กำลังมองมาทางพวกเขาอย่างสงสัย
             “แต่ก่อนจะไป มาเคลียร์เรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า” แอสตันพูดพลางคว้างข้อมือของจินไว้เบาๆ นัยน์ตาเรียวเหลือบมองนัยน์ตาคมอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมให้คนตัวสูงจับข้อมือของตัวเองไว้แบบนั้น


              แอสตันลากตัวจินให้หันมาเผชิญหน้ากับแฟนคลับของเขา ที่พอเห็นเขาหันมองก็ก้มหน้างุดลงทันที
              “พี่รู้ว่ามันอาจจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ถึงยังไงเราก็ควรจะขอโทษจินเค้านะครับ” คำพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังของแอสตันทำเอาแฟนคลับสาวหน้าเสียลงไปทันที เสียงซุบซิบกันดังขึ้นเบาๆ บรรดาสมาชิกในวงคนอื่นๆรวมถึงเอแคลร์ต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างพอใจ











    ----------------------------------------------
    Talk : ครบแล้ววววว ขอโทษที่มาอัพดึกไปหน่อยนะคะ 
             คือไรท์ไปเดิน JJ Green มา >.,< 
             บอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่มาม่า เพราะจะมาม่ามันต้องมากกว่านี้ 
             อุ๊บส์ พูดอะไรออกไป คึคึ ขอบคุณที่ติดตามนะค้า 
    จุ๊ฟๆๆ  

               ปล. อยากดูรูปคุณพี่แอสตันกะน้องจินจินกันมั้ยอ่ะ
            










     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×