คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : EP.6.1 โอ้ความรักของรด.
“หนูหิวน้ำแล้วหนูก็เดินๆๆ ไปใช่ไหม
พอไปถึงไปเจอบ่อน้ำเห็นน้ำใสๆ
เลยจะเข้าไปกินแต่พอลงข้างคลองแล้วหนูก็ลื่นวึ๊บลงไปเลย
ตอนแรกหนูคิดว่าน้ำมันไม่ลึกหนูก็พยามเอาตีนยันพื้นแต่ยันยังไงมันก็ไม่ถึง
แล้วก็มีอะไรไม่รู้มาพันขา”
เวลาสองทุ่มเศษๆ ภายในบ้านหลังเล็ก
เสียงพูดคุยของสองแม่ลูกดังเบาๆ อยู่หน้าทีวี หลังกลับจากค่ายมรณะ
แบคฮยอนก็ไม่ลืมเล่าเรื่องราวที่ได้ประสบพบเจอมาให้แม่ของเขาฟังทันที
คนตัวเล็กทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ริมฝีปากเชิดโด่งไปจนถึงกำแพงบ้าน ยิ่งช่วงพีคๆ
แบคฮยอนยิ่งเก็บสีหน้าไม่อยู่
“ดีนะเพื่อนไปเจอทัน
ไม่งั้นนะหนูไม่ได้กลับบ้านแล้ว” พูดก็ทำสีหน้าเคร่งเครียด
แบคฮยอนยังจำได้ดีตอนที่มีอากาศเฮือกสุดท้ายเข้ามาในปากก่อนที่จะขาดอากาศหายใจ
มันเป็นความรู้สึกที่เขาจะไม่มีวันลืมลง
“กินเยอะแล้วก็เดินละเมอไปตกน้ำตกท่าอะสิ” โบยอนว่า ถึงแม้ในใจเธอจะรู้สึกว่าโชคดีแค่ไหนที่ลูกชายรอดกลับมาได้แต่การแสดงความเป็นห่วงแบบหวานซึ้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเอาซะเลย
“หนูฝันจริงนะแม่”
“แล้วเพื่อนคนไหนไปเจอ”
“ชานยอลไง ชานยอลที่หล่อๆ อะ เค้าเป็นหัวหน้าหมู่
เค้าออกไปวิ่งตามหาหนูเป็นชั่วโมงเลย”
“อ๋อ ไอ้คนที่แอบชอบเค้าอยู่อะหรอ”
“แม่อ๊ะ~” แบคฮยอนทำหน้ายุ่ง
เขาวางช้อนที่กำลังตักแตงโมลงพลางเหลือบตาขึ้นมองผู้เป็นแม่ที่กำลังช่วยนวดเท้าเป็นตะคริวให้หลังจากต้องไปตีขาในน้ำตะเกียกตะกายมาจนเส้นยึด
แบคฮยอนไม่เคยบอกแม่สักหน่อยว่าเขาชอบชานยอล ทำไมต้องมาพูดแบบนี้ด้วย
“ที่ไปรด.แล้วได้นอนเต็นท์เดียวกับเค้าใช่ไหม”
“แม่~”
“เวรกรรม ส่งลูกไปเรียนทหารเสือกได้ผัวทหารกลับมา”
“พ่อ!”
คุณพ่อแทซองที่เดินออกมาจากห้องครัวบ่นเสียงดัง
ชายหนุ่มแอบชำเลืองตาไปมองลูกชายตัวจ้อยของเขาที่นั่งมุ่ยปากทำหน้าหงอยอยู่บนโซฟาก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆ
แล้วใช้มือตบหัวเกรียนเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
ขนาดแบคฮยอนตัดผมจนสั้นขนาดนี้แล้วแทซองยังมองไม่เห็นความแมนในตัวลูกเขาเลย
“อะไร ให้ไปเรียนรด.อะให้ไปฝึกความอดทน
แล้วดูกลับมาตัวมีแต่แผล บ่นกระปอดกระแปดอย่างกับพวกตุ๊ด”
“ก็หนูเป็นตุ๊ดอ๊ะ!”
“ตุ๊ดเป็นได้ก็เลิกได้” อดีตนายทหารกล่าวเสียงเข้ม
มือหนาบีบลงบนไหล่บางจนเจ้าตัวอ่อนทำหน้าเหย ยิ่งได้เห็นริมฝีปากเบ้ๆ
แทซองก็ยิ่งอยากแหย่ให้ลูกชายหงุดหงิดเข้าไปอีก
“หนูไม่คุยกะพ่อแล่ว” พอว่าแล้วเจ้าแสนงอนก็ทำตัวอ่อนย้วยลงโซฟาบิดร่างกลิ้งลงบนพื้นด้วยความมากลีลาก่อนจะลุกขึ้นหอบแตงโมครึ่งลูกของตัวเองเดินขึ้นบันไดกลับห้องนอนไปหลังจากที่ถูกแซวจนหัวอุ่นไปหมด
แบคฮยอนรีบเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอน
เขาปิดประตูล็อคกลอนแล้วตรงไปกระโดดลงบนเตียงนอน
ก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์มาเปิดเช็คข้อความต่างๆ ไปพลางเป็นการฆ่าเวลา หลังจากจบค่ายรูปถ่ายจากเพื่อนๆ
ก็ถูกแท็กเข้ามาเป็นสิบจนดูได้แทบไม่ครบ
ภาพถ่ายติดอาจารย์สาวที่สอนวิชาสังคมทำให้แบคฮยอนนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ทำงานที่ค้างไว้เลย
คิ้วเรียวขมวดย่นลงเล็กน้อย
คนตัวเล็กรีบคลานไปคว้ากระเป๋านักเรียนบนชั้นมารื้อหาใบงานที่ยังไม่เสร็จออกมาดูทันที
ก่อนจะพบว่ามันว่างเปล่าพอๆ กับหัวสมองเขา
สุดท้ายก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ปลายนิ้วเรียวไล่แตะลงไปบนสมุดรายชื่อโทรศัพท์ด้วยความเบื่อหน่ายเพื่อไล่หารายชื่อเพื่อนที่พอจะช่วยได้
‘หัวหน้า <3’
ดวงตาเรียวรีจ้องมองไปยังหมายเลขคุ้นตาบนหน้าจอ
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น
แบคฮยอนกำลังคิดว่าจะทำยังไงดีถึงจะโทรหาชานยอลได้เนียนๆ และไม่ดูโป๊ะจนเกินไป
เขากลิ้งตัวนอนนึกไปนึกมาอยู่นานก่อนจะตัดสินใจกดโทรออกไปยังหมายเลขที่ว่า
เพียงไม่นานเสียงตู๊ดก็ดังขึ้น
หัวใจดวงเล็กเต้นระรัว แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้รับสาย
แบคฮยอนก็รีบกดวางสายทันทีทำเป็นโทรผิดเหมือนไม่ได้ตั้งใจโทรมา
เผื่อว่าอีกฝ่ายจะโทรกลับ
กิกิ
ปลายจมูกเล็กๆ
ซุกลงกับหมอนใบใหญ่ด้วยความเขินอายขณะที่ดวงตาก็ยังจับจ้องไปยังจอมือถือไม่วางตา
ในใจก็ได้แต่คิดว่าตอนนี้ชานยอลทำอะไรอยู่น้า เขาจะโทรกลับมาหรือเปล่าหรือว่ามัวแต่เล่นเกมจนไม่ได้สนใจอะไรเหมือนเดิม
......
เวลาผ่านไปกว่า 15
นาทีแล้วที่ไม่มีเสียงเรียกเข้าโทรกลับมาจากปลายสาย
และแบคฮยอนก็ได้แต่นั่งรอนอนรอจนหน้าแห้งไปหมด
เขาหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้งก่อนจะโยนมันลงบนเตียงอย่างนึกเซ็ง
สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าชานยอลรู้ทันหรือเข้าใจว่าโทรผิดจริงๆ กันแน่
Ring
ring ring ring
ในขณะที่กำลังจะตัดใจ เสียงเรียกเข้าจากมือถือเครื่องบางก็ทำคนตัวเล็กต้องหูตั้ง แบคฮยอนรีบคว้าเอาโทรศัพท์มาดูพร้อมกับระบายยิ้มกว้างๆ ขึ้นบนใบหน้าเมื่อได้เห็นรายชื่อคุ้นตา แต่เขาก็ยังไม่ยอมกดรับ
แบคฮยอนเล่นตัวทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงกริ่งอยู่เกือบ 5 วินาทีก่อนจะกดรับสาย
แกล้งทำเป็นเหมือนเพิ่งเดินมารับโทรศัพท์ ไม่ได้นั่งรออยู่เลยจริงๆ
“ฮัลโหล”
[เมื่อกี้โทรมาอ่อ]
“เออ โทษที โทรผิดอะ ว่าจะถามการบ้าน
แต่เมื่อกี้โทรไปถามคยองมาและ”
[อ่อ... วิชาไรอะ]
“ของสังคมอะ ใบงานอาทิตย์ที่แล้ว ทำเสร็จยังวะ” พออีกฝ่ายเปิดโอกาสมาแบคฮยอนก็ไม่ปล่อยให้มันผ่านไปง่ายๆ
เขารีบยิงคำถามทันทีพร้อมกับเป็นเปิดหน้ากระดาษทำเป็นอ่านหนังสือแก้เขินแม้จะไม่ได้สนใจมันอยู่เลยก็ตาม
[ที่ให้เขียนสรุปอะหรอ]
“เออ เรื่องจักรวรรดิไรนั่นอะ เค้าให้ลอกหน้าไหนวะ
หรือเค้าให้หาเอง”
[ให้หาเอง]
“อ่อ... เออๆ ขอบคุณมาก ไม่มีไรหรอก
โทรมาถามแคนี้แหละ”
[โทรมาแค่นี้]
“อือ โทรมาแค่นี้แหละ”
[หรออ]
การลากเสียงหรอแบบไม่สั้นไม่ยาวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำของคนในสายทำแบคฮยอนแทบตัวระเบิด
เขาได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ แล้วอยู่ๆ
ก็รู้สึกเหมือนถูกจับได้ขึ้นมาทั้งที่คิดว่าตัวเองเนียนแล้วแท้ๆ
คนตัวเล็กถึงกับต้องมุดหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ด้วยความเขินอาย ปลายเท้าเล็กๆ
ดีดดิ้นไปมาจนตะคริวจะกินอีกรอบ
ให้มันได้อย่างนี้สิหัวหน้า ให้มันได้อย่างงี้!
“เอ้อ ก็แค่นี้แหละ”
[เค]
“อื้อ... วางและ”
[อือ]
พออีกฝ่ายส่งเสียงครางตอบรับออกมา
แบคฮยอนก็กดวางสายแล้วคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงก่อนจะชกกำปั้นใส่ที่นอนด้วยความเขินอาย
เขารู้สึกเหมือนร่างกายกำลังกลายเป็นถ่านหินร้อนๆ
ราวกับได้ยินเสียงทุ้มนั้นดังวนอยู่ในหูซ้ำไปซ้ำ
แบคฮยอนได้ยินแต่คำว่า หรอ หรออ หรอออ หรออออ
หรออออออ ไม่หยุด หน้าเขาร้อนเห่อไปหมด
ยิ่งจินตนาการว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ตอนที่พูดคำนี้หัวใจมันก็ยิ่งเต้นแรง
ใบหน้าหวานส่ายถูไปกับหมอนใบใหญ่
มือบางจิกกำผ้าปูที่นอนแน่น ภายในห้องนอนเงียบๆ
แบคฮยอนได้ยินเพียงแค่เสียงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นตึกตัก
เขายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
คืนนี้แบคฮยอนคงนอนหลับได้โดยที่ไม่มีผีครูฝึกมากวนใจอีกต่อไป
.
.
.
เวลาเจ็ดโมงเศษของเช้าวันจันทร์ที่แสนน่าเบื่อ
ในห้องเรียน ม. 5/3 เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังสนั่นเหมือนอย่างทุกที
และเรื่องเด่นประจำสัปดาห์นี้ก็คงไม่พ้นเรื่องเพื่อนนักเรียนเจอผีในค่ายทหารและเกือบถูกเอาชีวิตไป
มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่แม้แต่ครูอาจารย์ก็ยังพูดถึงกัน
“การบ้านกูยังไม่เสร็จเลยว่ะ แม่งเยอะชิบหาย”
บนโต๊ะที่นั่งติดริมหน้าต่าง
เจ้าของตำนานผีครูฝึกมุ่ยหน้าบ่นอุบอยู่บนเก้าอี้ขณะที่ยัดข้าวเหนียวตูดไก่เข้าปาก
แบคฮยอนกำลังคิดว่าเขาน่าจะสลบให้นานกว่านี้อีกสัก 3 วัน
จะได้ไม่ต้องฟื้นขึ้นมาเจอกองการบ้านสูงท่วมหัว ร่างกายมันอ่อนล้าไปหมดทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองดองการบ้านอะไรไว้ตอนวันหยุด
แต่ทว่าพอนึกไปนึกมามันก็โทษใครไม่ได้
ถ้าไม่เอาแต่นึกถึงเรื่องที่ค่ายงานก็คงเสร็จไปแล้ว
“แล้วมึงจะทำไหม”
“ไม่ทำอะ อันไหนไม่ส่งได้ก็ไม่ส่ง”
เท้าเล็กๆ กระดิกส่ายไปมาอย่างสบายอามณ์ แบคฮยอนตัดสินใจเทการบ้านใบงานทันทีอย่างไม่ต้องใช้เวลาคิดทำเอาคยองซูต้องหันไปมองตาขวาง
ขนาดจะกินข้าวแบคฮยอนยังต้องให้อี้ชิงปั้นข้าวเหนียวให้
ชีวิตนี้แบคฮยอนจะทะเยอทะยานกับอะไรบ้างขนาดแค่รายงานแผ่นเดียวเขายังเท
“มึงว่าชานยอลมันอ่อยกูปะวะ หรือมันแค่หยอดกูเล่น” ดวงตาเรียวรีจับจ้องไปยังแผ่นหลังหัวหน้าห้องรูปหล่อที่นั่งควงปากกาคุยกับเพื่อนอยู่ตรงที่นั่งฝั่งประตู
เรื่องที่รบกวนจิตใจของแบคฮยอนอยู่ตอนนี้คงมีแค่เรื่องเดียว
เขาอดคิดไปเองไม่ได้ว่าชานยอลกำลังเล่นด้วยเพราะสิ่งที่เขาทำตอนอยู่ที่ค่ายมันช่างมากมายเกินกว่าที่มโนไว้
สำหรับแบคฮยอนแค่ได้อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันกับคนที่ชอบก็ถือว่าเป็นโมเม้นที่เหมาะสมแก่หัวใจดวงน้อยๆ
แล้ว
“กูว่ามันก็เล่นอยู่นะ
กูไม่เห็นมันอะไรกับอีจียอนเลย” อี้ชิงว่า
“ใช่แมะ กูไม่ได้คิดไปเองใช่แมะ”
“ทำไม มึงจะสารภาพรักกับมันหรอ” คยองซูเอ่ยถามพลางปลายตาไปมองเพื่อนร่อวมห้องสุดหล่อที่เป็นขวัญใจของใครต่อใครไปทั่ว
แน่นอนว่าแบคฮยอนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“ไม่รู้ดิ แอบชอบมันไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขดี” เจ้าของริมฝีปากจุ๋มจิ๋มบ่นงึมงำ
แบคฮยอนแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนวันศุกร์ ตัวเขาเองไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายอยู่แล้ว
แบคฮยอนชอบที่จะแอบชอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ มากกว่า
มันทำให้หัวใจเขากระชุ่มกระชวยแทนที่จะมานั่งคาดหวังเรื่องต่างๆ
“มัวแต่ช้าเดี๋ยวหมาก็คาบไปแดก” อี้ชิงแขวะ
“ไว้รอผมขึ้นก่อนแล้วค่อยคิด”
“ทำไมต้องรอผมขึ้นวะ?”
“ก็หัวโล้นแล้วกูไม่มั่นใจอะ” คนตัวเล็กมุ่ยหน้าพลางยกขึ้นลูบผมที่ไม่ยอมยาวสักที
ผมแบคฮยอนยังเกรียนเป็นตออยู่เลย แล้วแบบนี้จะกล้าไปสารภาพรักได้ไง
“มัวแต่ลีลา คอยดูเหอะ
เดี๋ยวมีข่าวดีเมื่อไหร่มึงอย่ามาน้ำตาเช็ดหัวเข่าแล้วกัน”
ณ ช่วงสายที่พระอาทิตย์ส่องลงตรงเกือบกลางหัว
ในคาบวิชาพละที่แสนปล่อยปะละเลย
แบคฮยอนเดินลากรองเท้าแตะโดเรม่อนสีฟ้าเดินเตาะแตะไปทั่วสนามพร้อมกับเท้าเจ็บๆ
ที่กลางสนามคอนกรีตพวกนักกีฬาโรงเรียนกำลังวิ่งแย่งลูกฟุตบอลกันจนหลังเปียกเหงื่อ
กระทั่งเสียงนกหวีดเรียกรวมดังขึ้น
นักเรียนที่กระจายตัวอยู่กลางสนามเดินมานั่งรวมกลุ่มกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีอาจารย์หนุ่มนั่งคอยเช็คชื่ออยู่ข้างหน้า
“ส่งใบงานต่อไปข้างหลัง”
กระดาษใบงานปึกใหญ่ถูกส่งจากคนข้างหน้าต่อมาจนถึงด้านหลัง
แบคฮยอนที่นั่งอยู่เกือบท้ายสุดรับมันไว้ก่อนจะหันไปส่งกระดาษสามใบสุดท้ายให้กับกลุ่มหัวหน้าห้องที่นั่งอยู่ด้านหลัง
เขากวาดตามองใบงานเกี่ยวกับการเข้าค่ายผ่านๆ
พลางพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
งานเมื่อคืนแบคฮยอนยังทำไม่เสร็จเลย
และตอนนี้เขาก็ได้งานใหม่อีกแล้ว
“ไปเข้าค่ายกันมาเป็นไงมั่ง” คุณครูจินยองเอ่ยถาม เขาลากเก้าอี้ตัวเล็กขยับเข้ามาเข้าใกล้นักเรียนก่อนจะคว้าเอาไมโครโฟนที่มีลำโพงจิ๋วติดตัวมาเปิด
“โห่~ เหนื่อยครับ~”
เสียงร้องโห่ของนักเรียนห้องสามดังขึ้นผสมกับเสียงบ่นเซ็งแซ่
แม้ว่าจะมีบางคนที่เห็นว่าสนุกแต่สำหรับนักเรียนรด.
แล้วมันโคตรจะเหนื่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกทีมหมู่ 10
การเข้าค่ายครั้งนี้พวกเขาประสบกับหลากหลายอารมณ์มาก ทั้งสนุกสนาน ลุ้นระทึก
ตื้นตัน หรือแม้แต่หวาดกลัว มันเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมจริงๆ
“เหนื่อยแล้วสนุกไหม”
“สนุกแต่โคตรร้อนเลยครับจารย์ ตากแดดลงโคลน
หน้าผมไหม้เลย” ดงโฮพูดเสียงดัง
“มีคนจมน้ำด้วยหรอ”
“ใช่ครับ แบคฮยอนจมน้ำ เดินละเมอ
แต่ชานยอลไปช่วยไว้ทัน”
ครูฝึกหนุ่มพยักหน้าเบาๆ พลางก้มลงมองดูนาฬิกาที่บอกว่าเหลืออีกตั้ง
20 กว่าจะถึงช่วงพักเที่ยง จินยองกวาดสายตามองเด็กๆ
แล้วยื่นไมค์ให้คนที่อยากเล่าเรื่องราวในช่วงพักค่ายเป็นการผ่อนคลายก่อนเลิกคาบ
ดูเหมือนว่าห้อง ม.5/3 จะมีเรื่องเล่าสนุกกว่าห้องอื่นๆ
โดยเฉพาะคนในหมู่พิเศษที่ไปเจอกับประสบการณ์ขนหัวลุกมา
พวกเขาแย่งกันคว้าไมค์จนหล่น
เสียงพูดคุยดังเจี๊ยวจ๊าวไปทั่วสนาม แบคฮยอนเอนหัวพิงลงกับหลังเพื่อนสนิทขณะที่มือก็สาวหญ้าเล่นฆ่าเวลาแก้เบื่อไปพลาง แรงกดเบาๆ ที่ไหล่เรียกให้เขาต้องหันไปมองด้านหลัง แล้วก็พบกับหัวหน้าห้องที่กำลังเอาสติ๊กเกอร์รูปหัวใจมาแปะไว้บนตรงไหล่
“ทำไรวะ”
“เปล่า” ชานยอลปฏิเสธ เขาเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกเบาๆ เมื่อถูกจับได้ก่อนจะหันไปส่งสติ๊กเกอร์คืนให้เพื่อน ความเบื่อหน่ายทำให้ชานยอลอยู่ไม่นิ่ง
“ขำไร” คนตัวเล็กยกมือขึ้นลูบศีรษะด้วยความไม่มั่นใจเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะตลกผมเกรียนของตัวเองจนต้องหัวเราะออกมา
การกระทำที่แสนน่ารักทำหัวใจดวงเล็กเต้นตึกตัก
แบคฮยอนแทบไม่กล้าสบตาหัวหน้าห้องเลย
พอขาดผมไปความมั่นใจของเขาที่เคยมีก็หายไปจนหมด
“เปล่า”
“หัวมันตลกอ๋อ”
“ทำไมต้องตลกอะ”
“ก็ผมมันสั้นอะ” ตอบออกไปด้วยท่าทีประหม่าพร้อมกับใช้มือลูบหัวตัวเองป้อยๆ
ถึงแม้ว่าจะผ่านไปหลายอาทิตย์แล้วแต่ผมแบคฮยอนก็ยังไม่ยอมขึ้นเหมือนเพื่อนคนอื่นสักที
เขาทั้งใช้มะกรูด ทั้งแชมพูมะหาด แต่มันก็ยาวขึ้นมาแค่นิดเดียวเอง
“ไม่ชอบผมสั้นอ่อ”
“อื้อ มันสั้นเกินอะ”
“ทำไมอะ น่ารักดีออก”
“หรอ”
“เหมือนลูกเกาลัดดี” ว่าแล้วคนตัวสูงก็ระบายยิ้มออกมาจางๆ ชานยอลนั่งนึกอยู่นานว่าหัวแบคฮยอนเหมือนอะไรแล้วก็เพิ่งนึกได้เมื่อกี้ตอนที่นั่งอยู่ข้างหลัง
เขาว่าแบคฮยอนตัดผมสั้นแล้วดูน่ารักดีออก ไม่เห็นมันน่าขำตรงไหนเลย
“หรอ...”
คำชมจากหัวหน้าหมู่สุดหล่อทำแก้มกลมๆ
ที่ยื่นออกมานอกใบหูขึ้นสีแดงระเรื่อ แบคฮยอนเขินจนทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมองคนตรงหน้า
สุดท้ายก็ได้แต่หันหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับส่งเสียงงึมงำออกมาโดยที่ไม่หวังให้เขาคนนั้นได้ยิน
“งั้นเป็นเกาลัดก็ได้...”
.
.
.
ปัง!
เสียงตู้เก็บอุปกรณ์ถูกปิดลงอย่างแรง
ในยามเย็นหลังเวลาโรงเรียนเลิก
หลังจากที่ทำความสะอาดโรงยิมเสร็จแบคฮยอนก็เดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างแป้นบาสซึ่งกำลังปิดซ่อมบำรุงอยู่
เสียงรองเท้ายางเสียดสีไปกับพื้นไม้ดังเอี๊ยดๆ
บาสลูกสุดท้ายถูกโยนเข้าตะแกรงล้อเลื่อนพร้อมกับคะแนน 10 แต้ม
นักเรียนที่เป็นเวรวันจันทร์พากันเดินออกจากโรงยิมมืดๆ
ก่อนที่ประตูจะปิดลง ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้ม
ที่สนามเหลือเพียงนักกีฬาที่เพิ่งซ้อมบอลเสร็จ
แบคฮยอนได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อไม่เห็นเพื่อนที่รู้จักอยู่รอบๆ
แล้ว มองไปที่สนามก็เห็นมีแค่ชานยอลที่กำลังวิ่งอยู่
ร่างกายของหัวหน้าหมู่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ คนตัวสูงหอบแฮ่กๆ
พลางโน้มตัวลงใช้มือยันเข่าก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ไปยังซุ้มขายน้ำ
แบคฮยอนยืนมองตรงนั้นอยู่นานจนกระทั่งอีกฝ่ายหันมามอง
คนตัวเล็กตัดสินใจเดินเข้าไปหาหัวหน้าห้องของเขาพร้อมกับเอ่ยชวนให้กลับบ้านพร้อมกัน
“กลับบ้านปะ”
“หื้อ?”
“ไม่มีเพื่อนกลับอะ”
“อือ รอแป๊บ” ชานยอลกระดกน้ำในขวดทีเดียวจนหมด
เขาบีบมันด้วยมือใหญ่ๆ
แล้วเอาไปโยนใส่ถังขยะก่อนจะคว้ากระเป๋าที่วางอยู่บนที่นั่งใต้ต้นไม้ขึ้นสะพายหลัง
รองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวย่ำไปตามพื้นคอนกรีตจนกระทั่งพ้นรั้วโรงเรียน
ลมเย็นๆ พัดปะทะเข้ากับใบหน้า
แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายคนข้างๆ เลย ชานยอลวิ่งจนเสื้อพละของเขาเปียกไปครึ่งตัว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ายหรือเปล่าเจ้าตัวถึงได้อยากเพิ่มความแข็งแรงให้ตัวเองด้วยการวิ่ง เขาดูไม่ย่อท้อเลย
“เมื่อกี้วิ่งทำไมอะ
จะฝึกไว้สอบตำรวจอ่อ” คนตัวเล็กเอ่ยแซวในขณะที่ก้าวขาเดินย่ำไปตามทางเท้า
ใบหน้าหลังอาบเหงื่อของชานยอลดูใสมากกว่าปกติ ยิ่งอยู่ภายใต้แสงแดดยามเย็น
มันยิ่งขับผิวของเขาให้ใสขึ้นมากๆ
“อือ”
“เอ้า พูดจริงดิ? นึกว่าพูดเล่น
ทำไมไม่อยากเป็นทหารแล้วอะ เคยบอกว่าอยากเป็นทหารไม่ใช่อ่อ” แบคฮยอนนิ่วหน้าถามออกไปอย่างนึกสงสัย
เขาเงยหน้าขึ้นมองคนข้างตัวที่ปลายตามามองเพียงครู่ก็หันไปสนใจมือถือต่อ
แบคฮยอนจำได้ว่าชานยอลเคยพูดในชั้นเรียนว่าอยากเป็นทหาร แต่อยู่ๆ
เมื่อไม่นานมานี้เขากลับเปลี่ยนใจอยากเป็นตำรวจขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เป็นทหารไม่มีเวลาให้ครอบครัว”
“อ่อ... ก็จริงอะเนาะ” คนตัวเล็กได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก
คำตอบของเพื่อนร่วมห้องทำแบคฮยอนรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก
มือบางยกขึ้นเกาแก้มด้วยท่าทีประหม่า
เขาอดจินตนาการไม่ได้เลยว่าคนที่เป็นแฟนชานยอลจะต้องเป็นคนที่โชคดีขนาดไหน
ที่ได้ผู้ชายที่ทั้งนิสัยดีและมีความเป็นผู้นำแบบนี้ไปครอง “แต่ตำรวจก็เท่ดีนะ
ดูแลคนอื่นเหมือนกัน”
“หรอ”
คำพูดของเพื่อนตัวเล็กข้างๆ
ทำชายหนุ่มถึงกับต้องเผลอยิ้มออกมา
ชานยอลหันไปมองเจ้าหัวเกาลัดก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองท้องฟ้าสีส้มเข้ม
อันที่จริงอาชีพตำรวจก็เป็นทางเลือกที่ไม่แย่นัก
แต่ในใจชานยอลก็ยังคงไม่ละทิ้งความอยากเป็นทหารอยู่ดี
มันคงดีถ้าเขาได้ลองทำสักอย่างนึงก่อนที่จะได้ตัดสินใจ
“พ่อเราก็เคยเป็นทหาร
เมื่อก่อนไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกแต่พอมีตำแหน่งแล้วมันก็สบายนะ”
“พ่อยศไร”
“ยศนาวาตรีมั้ง
แต่ว่าตอนนี้เค้าไปเป็นครูฝึกหน่วยรบแทน
ถ้าเป็นทหารลาดตะเวนหรือหน่วยรบแถวชายแดนอะลำบาก
แต่ถ้าเป็นทหารงานทะเบียนก็ไม่ค่อยได้ทำไรหรอก วันๆ ฝึก เข้าเวร กวาดหิมะ
ขนกระสอบข้าว ไม่สบายไม่ลำบาก มีวันหยุด”
“ตอนพ่อเป็นทหารลำบากปะ”
“เมื่อก่อนไม่รู้อะ
แต่ตอนนี้ก็ไม่ลำบากนะ ลำบากอย่างเดียวตอนฝึก บางทีก็ต้องอยู่ไกล
ยังไงเป็นตำรวจก็ดีกว่า มีเวลากลับบ้าน แถมเงินเดือนดีกว่าด้วย”
“ถ้ามีแฟนเป็นทหารกลับบ้านได้อาทิตย์ละครั้ง
เป็นมึงๆ รอได้ปะ”
“ก็คิดว่าได้นะ...”
คำถามที่อยู่ๆ
ก็ถูกถามขึ้นทำคนตัวเล็กอดรู้สึกเขินไม่ได้ สองข้างแก้มร้อนเห่อ
ดวงตาเรียวรีแอบเหลือบขึ้นไปมองเพื่อนร่วมห้องตัวสูงเพียงครู่ก็หลุบหันไปมองทางอื่น
แบคฮยอนไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลยจริงๆ
แต่สำหรับเขาแล้วอาชีพตำรวจหรือทหารก็ได้ทั้งนั้นถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นชานยอล
“หึ...”
ได้ยินเพียงแค่เสียงหัวเราะในลำคอที่ดังมาจากคนข้างๆ เบาๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เดินมากันจนเกือบถึงป้ายรถเมล์แล้ว ความประหม่าทำแบคฮยอนเครื่องรวนไปหมด เขานึกหาเรื่องมาคุยไม่ถูกเลย
“แต่เรียนจบรด.ก็ถือว่าเป็นทหารแล้วนะ”
“อือ”
“ถ้ามีแฟนเป็นรด.ก็เท่ากับมีแฟนเป็นทหารเหมือนกัน”
พูดออกไปแล้วก็เขินเองจนต้องก้มหน้างุดมองแต่ถนนไปตลอดทาง
มือบางกำสายสะพายเป้แน่น หัวใจดวงเล็กเต้นตึกตัก
แบคฮยอนไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกจริงจริ๊ง
เขาแค่พูดเองว่าถ้าเรียนจบรด.ชานยอลก็เป็นทหารคนหนึ่งเหมือนกัน และการเรียนรด.
มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แค่ได้ไปเข้าค่ายกับหัวหน้าหมู่ทุกปีมีความสุขจะตายอยู่แล้ว
แถมปีหน้าต้องไปค่าย ตั้ง 5 วัน
ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าจะสนุกสนานแค่ไหน
การไปเข้าค่ายให้หลายสิ่งหลายอย่างกับแบคฮยอนมากมาย
จากเพื่อนที่ไม่ค่อยได้คุยกันก็สนิทกันมากขึ้นรวมถึงชานยอลก็ด้วย
ถ้าหากมันเป็นอย่างนี้ไปได้ตลอดจนเรียนจบก็คงจะดี
สองเท้าย่ำเดินไปตามถนนเงียบๆ ยามเย็น
คนตัวเล็กคิดอะไรเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาไปพลาง พยายามทำเป็นลืมเรื่องที่พูดไปเมื่อกี้
ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจมันจั๊กจี้ไปหมด
แบคฮยอนอยากจะตื่นมาพรุ่งนี้แล้วพบกับวันไปเข้าค่ายเลย
ค่ายรด.ที่มีหัวหน้าชานยอลคอยดูแลลูกหมู่ของเขาด้วยความสุขุมและความโอบอ้อมอารีย์
ชุดนักเรียนทหารกับการนอนรวมกันในเต็นท์
แบคฮยอนไม่อยากจินตนาการเลยว่ามันจะน่าสนุกแค่ไหน
ใครจะเป็นนางเอกรด. กันน้า...
ก็คงต้องเฝ้ารอดูกันต่อไป
#แม่บ้านทหารบกcb
ความคิดเห็น