ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แม่บ้านทหารบก CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #18 : Special พิเศษ : รักฉันเรียกว่าเธอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 28.76K
      2.04K
      10 ธ.ค. 66

     
    B
    E
    R
    L
    I
    N


     


    ในคืนฝนตกพรำๆ หลังจากที่ชานยอลกลับบ้านไปหาแม่เพื่อกินข้าวด้วยกันเสร็จเขาก็ตรงมาบ้านคนรักทันที สมุดเฟรนด์ชิพเล่มสีฟ้าถูกหยิบขึ้นมาเปิดอ่านฆ่าเวลา ชานยอลได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่เปิดหน้ากระดาษอ่านข้อความเพี้ยนๆ จากเพื่อนสมัยเรียน นี่มันแค่ 2 - 3 ปีเองที่ไม่ค่อยได้ติดต่อกับเพื่อนข้างนอก แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่ามันนานแสนนาน

     

    “ทำไร”

     

    “อาบเสร็จแล้วหรอ” ชานยอลหันไปกดปลายจมูกหอมฟอดลงบนแก้มเจ้าตัวนุ่มที่คลานขึ้นมาเอาหน้าซบวางบนไหล่อย่างช่างอ้อน กลิ่นกายหอมๆ กับผิวเนื้อเนียนที่ไม่ได้สัมผัสมานานทำชายหนุ่มสดชื่นไปหมด เพียงแค่ได้กอดร่างกายนี้ความเหนื่อยล้าและความเครียดที่สั่งสมจากการทำงานก็หายไปจนเกือบหมด

     

    ตลอดสองเดือนที่ไม่ได้กลับบ้านมานี้ ชานยอลไม่อยากบอกเลยว่าเขาคิดถึงแบคฮยอนแค่ไหน ร่างกายมันเรียกร้องโหยหามากแค่ไหน “คิดถึง”

     

    ริมฝีปากอิ่มกดจูบลงบนพวงแก้มไล่ไปจนถึงใบหู ชานยอลปิดสมุดลงก่อนจะคว้าร่างคนรักขึ้นมานั่งตัก ในวันที่ฝนตกพรำๆ คืนนี้ชานยอลไม่ต้องนอนกอดกระบอกปืนเย็นชืดอีกต่อไป เขามีคนที่รักอยู่ในอ้อมกอด

     

    ก่อนหน้าที่ไม่ได้ห่างกันชานยอลไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะสามารถคิดถึงคนๆ นึงได้มากขนาดนั้น จนวันนี้ถึงได้รู้ว่าแบคฮยอนสำคัญมากขนาดไหน

     

    “คิดถึงมากปะ”

     

    “มากๆ” เอ่ยออกไปพร้อมกับกดปลายจมูกหอมลงบนพวงแก้มอีกครั้งและอีกครั้ง ถ้ามีอีกคำที่มีความหมายมากกว่าคิดถึงชานยอลก็อยากใช้คำนั้น

     

    “มา นอนลง เค้านวดให้” คนตัวเล็กยิ้มร่ากล่าวออกไปอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกระเถิบออกจากร่างแฟนหนุ่มแล้วดันตัวอีกฝ่ายให้นอนคว่ำลงกับพื้นเตียง

     

    ชานยอลเองเมื่อถูกสั่งก็นอนลงอย่างว่าง่าย เขาวางคางเกยกับหมอนใบสีเทา สองแขนกางขนาบใบหน้า ก่อนที่ความรู้สึกหนักๆ จะกดทับลงมาบริเวณสะโพก ดูเหมือนว่าแบคฮยอนจะตัวเบาขึ้นอีกแล้ว ชานยอลแทบไม่รู้สึกหนักเลย

     

    “หลังแข็งเป็นกระดานเลย จะนวดลงไหมเนี่ย อึ้!” มือบางสองข้างวางลงบนไหล่ที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม แบคฮยอนยกก้นขึ้นโถมน้ำหนักตัวลงไปที่ฝ่ามือเต็มแรงเพื่อนวดกล้ามเนื้อแข็งๆ ให้คลายตัวลง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน คิ้วเรียวย่นลงด้วยความมุ่งมั่น

     

    แบคฮยอนรู้สึกเหมือนกำลังนวดหมีขนหนาหนักร้อยกิโลที่เพิ่งกินกวางอิ่มไปหยกๆ ชานยอลตัวหนาอย่างกับรถถัง เขากลับมาคราวนี้ก็เอากล้ามมาเพิ่มอีกแล้ว ไม่รู้จะตัวใหญ่ไปถึงไหน

     

    “นวดแรงๆ หน่อยดิ ผอมจนไม่มีแรงจะนวดแล้ว”

     

    “ผอมอะไรล่ะ น้ำหนักเขาขึ้นตั้งสองโล อึ๊! ตัวเองอะแหละตัวหนา” พูดไปฝ่ามือก็ไล่กดลงมาจนถึงแผ่นหลังหนา แบคฮยอนเปิดเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งขึ้นก่อนจะกดอุ้งมือลงบนแผ่นหลังสีคร้ามแดด นวดครึงและบดขยี้มันด้วยแรงทั้งหมดที่มี

     

    แต่ดูเหมือนว่ายิ่งนวดแบคฮยอนก็ยิ่งปวดซะเอง มีแต่เขาที่ส่งเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอเหมือนคนถูกนวดเอง ขณะที่ชานยอลยังเอาแต่นอนนิ่งเหมือนเดิม

     

    “แถวๆ บ่าอะ กดแรงๆ”

     

    “เค้านวดจนจะปวดเองแล้วเนี่ย” กำปั้นเล็กๆ ทุบลงไปบนหัวไหล่หนาเต็มแรง ก่อนที่หมอนวดจำเป็นจะทรุดร่างลงนอนทับแผ่นหลังแฟนตัวโต แบคฮยอนนวดจนหมดแรงแล้ว เขาเหนื่อยไปหมด อย่างชานยอลต้องให้พ่อนวดให้ถึงจะถึงไม้ถึงมือ

     

    ”อะไร นวดยังไม่ถึงสองทีเลย”

     

    “เหนื่อย นวดไม่ไหว”

     

    “แค่นี้ก็เหนื่อย”

     

    “ให้พ่อนวดให้สิ พ่อแรงเยอะ”

     

    “เดี๋ยวได้โดนนวดด้วยรองเท้าบูท” คนตัวสูงส่งเสียงเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพลิกกายเทร่างแฟนตัวเล็กลงจากหลัง แค่นึกถึงใบหน้าครูฝึกนรกจากค่ายทหารเรือชานยอลก็เสียวสันหลัง เขายังเข็ดไม่หายกับการถูกสั่งให้วิ่งทั้งที่ต้องแบกซุงหนักเกือบร้อยกิโลพร้อมกับเป้

     

    “ในค่ายพ่อดุมากเลยหรอ? อยู่บ้านเค้าไม่เห็นค่อยดุเลย” แบคฮยอนยันร่างขึ้นนั่งข้างแฟนหนุ่มพลางเอื้อมมือไปหยิบแฮนด์ครีมกลิ่นหอมมาบีบลงบนฝ่ามือใหญ่ๆ ใช้ปลายนิ้วนวดไล้เนื้อครีมลงไปจนชุ่มเหมือนอย่างที่ชอบทำยามคนรักกลับมาบ้าน

     

    มือชานยอลทั้งหยาบทั้งกร้านไปหมด บอกให้เขาทาครีมกี่ทีก็ไม่เคยจะสนใจเชื่อเลย

     

    “หายใจแรงยังสั่งซ่อมเลย คนที่ฝึกในค่ายจู่โจมก็ลูกศิษย์เค้า”

     

    “ขนาดนั้นเลยหรอ? เนี่ย บอกให้ทาครีมบ่อยๆ ก็ไม่ทา มือหยาบหมดแล้ว” เจ้าตัวทำความสะอาดบ่นหงุงหงิงขณะที่ใช้กรรไกรตัดเล็บตัดเลาะเศษหนังแข็งๆ ตามจมูกเล็บออก คิ้วเรียวขมวดย่นลงแสดงถึงความตั้งใจ

     

    “ก็จับแต่ปืน” เจ้าของดวงตากลมโตหลุมลงมองฝ่ามือหยาบกร้านของตัวเอง เรียวนิ้วทั้งห้ากางออกก่อนจะคว้าจับมือเล็กๆ ที่แสนนุ่มนิ่มเอาไว้ ชานยอลได้แต่ส่งเสียงหัวราะออกมาเบาๆ ก่อนจะดึงแฟนตัวเล็กให้ล้มลงนอนทับบนอก

     

    มืออีกข้างวางลงบนกลุ่มสีน้ำตาลพลางลูบสางเบาๆ เสียงกรรไกรตัดเล็บยังคงดังให้ได้ยินดังแกร๊บๆ ทุกครั้งที่ชานยอลกลับบ้านมาทีไร แบคฮยอนจะต้องค่อยมาทำความสะอาดมือให้ทุกที จนเพื่อนที่ค่ายแซวกันไม่หยุดว่ากลับมาคราวนี้มือสะอาดไหม

     

    “เวลาตัดเล็บอะตัดข้างๆ ออกด้วย มันจะได้สะอาดๆ”

     

    “ไม่เอา ก็มีคนทำให้ทำไมต้องทำเอง”

     

    “งั้นกลับมาทุกอาทิตย์ดิ เดี๋ยวตัดให้เนียนๆ เลย”

     

    คำพูดที่แสนน่ารักชายหนุ่มฟังแล้วอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ชานยอลก้มลงหอมหัวแม่บ้านส่วนตัวของเขาก่อนจะเอาเฟรนด์ชิพเล่มเก่ามาอ่านต่อ ระหว่างที่แบคฮยอนเริ่มหาเครื่องไม้เครื่องมือมาตะไบเล็บ ฝ่ามือนี้ที่ทั้งซ่อมเครื่องยนต์ จับปืนกล หรือแม้แต่พลั่วขุดร่องน้ำ จะไม่ให้มันหยาบกร้านก็คงไม่ได้

     

    “เออ พรุ่งนี้ต้องไปงานรับยศไอโด้อีกนี่หว่า เกือบลืมเลย ไปด้วยกันป่ะ”

     

    “ที่ไหน”

     

    “ตรงหอประชุมเดิมนั่นแหละ แต่คนละชั้น”

     

    “มันเป็นทหารอากาศแล้วหนิ”

     

    “อือ อีกสามปีก็ขับเครื่องบินแล่ว แต่ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ ห้องเราเป็นราชการตั้งสี่คน ขนาดกากๆ อย่างไอ้จีฮวานยังเป็นตำรวจเลย” พูดแล้วก็หัวเราะออกมา แบคฮยอนยังนึกถึงวันที่เขากับเพื่อนๆ ถูกจับให้ไปอยู่ห้องบ๊วยได้เลย ทั้งที่ตอนนั้นคิดว่าจะไม่มีใครเอาการเอางานหลังเรียนจบซะแล้ว แต่กลายเป็นว่ารับราชการกันตั้งสี่คน

     

    “ใครจะรู้”

     

    เสียงเปิดหน้ากระดาษดังเบาๆ เคล้ากับเสียงฝนตกพรำๆ อาทิตย์หน้าชานยอลต้องไปรายงานตัวเป็นตำรวจแล้ว เขาจะได้พักแค่ช่วงนี้ก่อนที่จะต้องเริ่มงานใหม่ จากยามชายแดนไปเป็นตำรวจปฏิบัติงาน มันอย่างกับเพิ่งเมื่อวานเองที่เขาถูกครูฝึกเรียกไปถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร และวันนี้ชานยอลก็ได้เป็นทุกอย่างสมใจแล้ว

     

    “เค้าไปเป็นทหารมั่งดีปะ”

     

    “ไปทำไร”

     

    “ไปเป็นแม่บ้านทหารแงะ”

     

     “ฮ่ะๆ” ชานยอลถึงกับต้องหัวเราะออกมากับคำพูดที่แสนน่ารัก เขาก้มลงหอมผมเจ้าตัวนุ่มนิ่วก่อนจะคว้าดึงร่างเล็กๆ ขึ้นมานอนทับบนอกด้วยแขนข้างเดียว สายตาอบอุ่นจ้องลงไปยังแพขนตาสั้นๆ และพวงแก้มใส แบคฮยอนในวันนี้กับวันนั้นไม่ต่างกันเลย เขายังน่ารักเหมือนเคย และมีแต่จะทำให้ชานยอลสดชื่นขึ้นทุกวัน

     

    “ก็ดีปะ สมมติอะ จะได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ไม่ต้องรอกลับบ้านด้วย หัวหน้าจะได้ไม่ต้องคิดถึงเค้า”

     

    “อือ”

     

    “คิดถึงเค้าแมะ อยู่ในค่ายอะ”

     

    “คิดถึง” เอ่ยออกไปพร้อมกับเคลื่อนหน้าเข้าไปกดจูบลงบนหน้าผากมน ดวงตากลมโตหลับพริ้ม ปลายจมูกโด่งซุกลงกับเรือนผมสีอ่อนด้วยความรักใคร่

     

    นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้กอดร่างกายนี้ ทุกวันของพลทหารที่มีแต่ความแห้งแล้งในจิตใจมองไปทางไหนก็เจอแต่กล้ามกับหัวเกรียนๆ และความหยาบเถื่อน วันนี้ชานยอลจะกอดดวงใจของเขาให้สมกับที่รอคอยมาตลอดเลย

     

    “หรออ คิดถึงมากเปล่า” เจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นทำเสียงเล็กเสียงน้อยก่อนที่จะคนตรงหน้าช่วงชิงหอมจากแก้มอีกครั้งและอีกครั้ง ความห่างเหินทำให้การได้เจอกันแต่ละครั้งมีค่าเหลือเกิน และมันก็เป็นช่วงเวลาที่ความคิดถึงกำลังสุกงอมเต็มที่

     

    “มากๆ”

     

    “หัวหน้าอยากอึ๊บเมียใช่เปล่า เขารู้ อย่ามาทำ”

     

    “แล้วไม่ให้เอาหรอ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นถาม ชานยอลส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ พลางกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ริมฝีปากอิ่มกดจูบลงข้างขมับและใบหู กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายคนรักยิ่งยั่วเย้าให้ชายหนุ่มตกอยู่ในห้วงภวังค์ ชานยอลอยากกอดเรือนร่างนี้มากๆ สัมผัสทุกส่วนบนร่างกายแบคฮยอน กอดให้แน่นที่สุดแทนความคิดถึงที่มากซะจนอธิบายออกมาไม่ได้

     

    “ตัวเองตัวใหญ่อะ แล้วก็แรงเยอะ บอกทำเบาๆ ไม่เคยเบาเลย”

     

    “ก็เบาทุกที”

     

    “ไม่เคยเบาอะ โดนสกรัมนวดจนนุ่มเป็นหมูหมักแล้วเนี่ย”

     

    “นุ่มจริงหรอ หื้อ” พูดไปฝ่ามือก็เริ่มคลึงเคล้นไปตามเนื้อตัวเพื่อพิสูจน์ว่าร่างกายของคนตรงหน้านุ่มจริงไหม ถ้ายังไม่นุ่มชานยอลจะได้นวดอีก

     

    “ทำไมไปเป็นทหารแล้วหื่นห้ะ เมื่อก่อนอะไม่เห็นขนาดนี้เลย เพราะมันไม่ค่อยได้เจอผู้หญิงหรอ หรือเก็บกด”

     

    “อยากให้เจออ่อ?” เรียวคิ้วเลิกขึ้นด้วยความสงสัยก่อนที่จะถูกฝ่ามือของแฟนตัวเล็กฟาดเต็มแรง ชานยอลผิดตรงไหน บางเดือนเขาได้เจอแฟนแค่ครั้งเดียว บางทีสองเดือน ถ้าชานยอลไม่รู้สึกอะไรสิแปลก

     

    “ไม่ได้พูดสักหน่อย หรือมี?”

     

    “ไม่มีครับ”

     

    เสียงหัวเราะทุ้มดังเบาๆ ออกมาจากลำคอ ฝ่ามือหนาเริ่มสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบาง ลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียน บีบขย้ำฟ้อนเฟ้นผิวเนื้อด้วยความหลงใหลขณะที่ปลายจมูกและริมฝีปากก็สาละวนอยู่ที่ข้างแก้ม กลิ่นแบคฮยอนยังหอมเหมือนเด็กๆ เหมือนกับวันแรกที่ชานยอลได้สัมผัสร่างกายนี้

     

    ความอดอยากของชายชาติทหารเมื่อถึงเวลาได้กำจัดออกมันก็ต้องจัดให้หนัก ถึงจะไม่อยากยอมรับนักแต่ชานยอลบอกได้เลยว่าตอนนี้เขาหื่นมากๆ

     

    “อื้อ... อยู่ในค่ายช่วยตัวเองป่ะ”

     

    “มันจะแทนกันได้ไง” ชานยอลยกแขนขึ้นให้คนรักถลกถอดเสื้อยืดออกทางศีรษะ เผยให้เห็นไหล่หนาๆ และมัดกล้ามเต็มสองแขน

     

    กลิ่นกายแบบผู้ชายเต็มตัวที่ต่างจากเมื่อก่อนทำคนตัวเล็กหน้าร้อนเห่อไปหมด กว่าจะรู้ตัวก็ถูกคนตัวยักษ์จับพลิกร่างลงกับพื้นเตียง ริมฝีปากอิ่มบดเขย้าเคล้าคลึงลงบนกลีบปากบางด้วยความคิดถึง มือหนาจับสองแขนเล็กๆ ให้กอดรัดรอบลำคอเอาไว้ ขณะที่เรียวลิ้นเริ่มสอดเข้าไปแทรกเข้าไปในโพรงปาก ความโหยหายที่อดกลั้นมานานพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง เลือดมันร้อนไปหมด เพียงจูบเบาๆ ตรงนั้นก็แข็งขัดขึ้นมาเป็นลำจนแม้แต่ชานยอลยังกลัวตัวเอง

     

    “อื้อ...”

     

    ความเป็นชายภายใต้กางเกงขาสั้นผ้าร่มที่สัมผัสโดนกับเรียวขาทำแบคฮยอนขนลูกซู่ไปหมด ทุกครั้งที่ท่อนกายแข็งขืนนั้นเบียดโดนกับขาอ่อนมันก็รู้สึกเหมือนมีเกลียวคลื่นซัดจากต้นขาขึ้นมาจนถึงหน้าท้อง ไม่นับรวมความอุ่นจากฝ่ามือที่ลูบไล้ไปทั่วร่าง

     

    คิดถึงชานยอลมากๆ...เพียงแค่ถูกกอดด้วยอ้อมแขนแข็งแรงนี้ร่างกายก็แทบละลายลงกับพื้นเตียง...

     



    ฉึบ

    (cut)

     

     



    .

     

    .


    .

     

     


    แม่!


    เวลาเช้าเจ็ดนาฬิกาแบคฮยอนสาวเท้าวิ่งลงบันไดเสียงดัง กระโจนร่างเข้าไปในห้องครัวจนถูกเป็นแม่หันมาใช้ผักชีฟาด กลิ่นหอมของข้าวผัดในกระทะทำท้องเขากริ่วไปหมด คนตัวเล็กเดินไปสูดจมูกฟุดฟิดอยู่ตรงหน้าเตาก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบฮอตด็อกมากินรองท้อง


    แม่มีหมูเหลือไหม


    ก็อยู่ในตู้เย็นนั่นไง จะทำอะไร


    จะทำหมูกระเทียม" แบคฮยอนหยิบเอาถุงเนื้อหมูออกมาจากตู้เย็นแล้วนำมันไปโยนไว้บนเขียงข้างถุงผักชี วันนี้เขาจะทำของโปรดชานยอลเป็นการต้อนรับว่าที่ตำรวจกลับสู่บ้านหลังใหญ่หลังจากที่ต้องกินกับข้าวจืดมานานหลายเดือน


    พี่แฟนตื่นยัง


    หลับ วันนี้พิแฟนขอนอนยาวท้างวัน  ~ 


    แล้วไม่ไปงานรับยศเพื่อนหรอผู้เป็นแม่เอ่ยถาม หญิงวัยกลางคนจัดการตักข้าวผัดหมูใส่กระทะก่อนจะยื่นส่งมันให้ลูกชาย แต่ทว่าพอหันไปแบคฮยอนก็ไม่อยู่ตรงนั้นซะแล้ว


    ไปพรุ่งนี้เช้า พ่อมาแล้วหรอ ทำไมไม่ได้ยินเสียงเลย


    ก็เดินขึ้นห้องไปเมื่อกี้ไง


    เสียงพูดคุยตะโกนข้ามห้องดังโหวกเหวก แบคฮยอนหยิบกระเป๋าเป้บนโซฟาของพ่อไปวางไว้ที่ชั้นเก็บของ พลางคิดว่าพ่อกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่ได้ยินเสียงเลย และในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับขึ้นไปบนห้อง เสียงนกหวีดที่ดังลั่นบ้านก็ทำคนตัวเล็กถึงกับต้องสะดุ้ง...

     



    ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!


     

    เสียงนกหวีดดังสนั่นเรียกชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับฝันให้ต้องสะดุ้งลุกขึ้นมายืนตรงข้างเตียงด้วยความลืมตัว ชานยอลมองเห็นครูฝึกของเขายืนอยู่หน้าประตูห้องนอนพร้อมกับสายนกหวีดในมือ และเสียงแบคฮยอนตะโกนดังลั่นกับเสียงเดินกระแทกเท้าเสียงตึงตัง 


    วินาทีนั้นเองที่ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังนอนอยู่ที่บ้าน อยู่กับแบคฮยอนเมื่อคืนแล้วก็หลับไป และตอนนี้ชานยอลก็ไม่ได้เป็นทหารแล้ว


    "พ่อ!!" 


    “เป็นทหารตื่นสายได้ไงวะ”

     

    “พ่ออย่าไปแกล้งชานย๊อล ~ ” คนตัวเล็กส่งเสียงงุ๊ดงิ๊ดในลำคอพร้อมกับออกแรงดึงแขนผู้เป็นพ่อเต็มแรงจนตัวแทบลอย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้านเลย

     

    สิ่งที่แบคฮยอนเห็นตอนนี้คือชานยอลที่ถูกปลุกขึ้นยืนตรงด้วยสภาพสวมใส่กางเกงบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียว ใบหน้าเขาง่วงงุนแสดงถึงความต้องการพักผ่อนเต็มที

     

    “จะชวนไปวิ่งเฉยๆ ตอนเช้าอากาศกำลังดี จะเป็นตำรวจก็ตื่นให้มันเช้าๆ หน่อยสิวะ” ชายร่างสูงใหญ่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอออกมาก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันทีหลังจากที่ได้แกล้งนายทหารสมใจ และปล่อยให้ลูกชายยืนมุ่ยหน้าไม่พอใจอยู่คนเดียว

     

    “พ่ออะ!!

     

    “เรียกทำไม!

     

    ความวุ่นวายของเช้าที่อากาศดีทำนายทหารปลดประจำการแทบอยากมุดหัวหายลงไปกับเตียง แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวสูงก็ยอมเดินไปเปิดเป้เพื่อหยิบกางเกงกับเสื้อออกมาใส่เตรียมออกไปวิ่งกับครูฝึกที่เป็นทั้งพ่อแฟน

     

    ชานยอลถอนหายใจออกมาขณะที่สวมกางเกงขาสั้นให้ตัวเอง ทั้งที่คิดว่ากลับมาจากค่ายทั้งทีจะได้นอนเต็มตื่นแท้ๆ กลับกลายเป็นต้องตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนกหวีด แถมยังต้องไปวิ่งออกกำลังกายอีก

     

    “ไม่ต้องไปหรอก นอนเหอะ ปกติเค้ายังไม่วิ่งเลย” คนตัวเล็กมุ่ยหน้ากล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงติดจะโกรธ รู้ทั้งรู้ว่าพ่อแค่แกล้งแต่ก็ยังงอนอยู่ดีเพราะแบคฮยอนรู้ว่าชานยอลจะไม่มีทางปฏิเสธแน่

     

    “ไม่เป็นไร ไปแป้บเดียว” ชายหนุ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างนึกเซ็งพลางชูแขนขึ้นบิดกายไปมา อ้าปากหาววอดใหญ่ก่อนจะเดินไปจุ๊บหัวแฟนตัวเล็กเป็นการบอกอรุณสวัสดิ์ยามเช้า ท่อนแขนหนากอดรัดรอบต้นคอคนรักก่อนที่สี่เท้าจะพากันเดินออกจากห้องนอน

     

    ดูเหมือนว่าชีวิตนี้ชานยอลจะหนีไม่พ้นครูฝึกถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นทหารแล้วก็ตาม ถึงจะรู้ว่าโดนแกล้งแต่มันก็ดีกว่านอนอยู่บ้านเฉยๆ อย่างน้อยก็ได้แสดงความขยันให้เห็น ยังไงพ่อก็คงไม่ได้มาชวนไปวิ่งทุกวัน

     

    “เดี๋ยวจะบอกให้แม่จัดการเลย”

     

    เสียงบ่นหงุงหงิงดังเบาๆ มาจนถึงห้องครัว กลิ่นหอมของหมูกระเทียมเมนูโปรดทำชานยอลท้องโครกครากด้วยความหิว เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างคุณพ่อตัวใหญ่ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังจอทีวีที่ยังฉายข่าวแสนน่าเบื่อ

     

    คนตัวสูงคว้าเอามือถือแฟนตัวเล็กมากดเล่นฆ่าเวลาขณะที่รอให้กับข้าวเสร็จ ความตึงเครียดเล็กๆ เกิดขึ้นระหว่างนายทหารและครูฝึกใหญ่ มีเพียงมือถือเครื่องเดียวที่พอจะทำลายบรรยากาศนี้ได้

     

    “ไปรายงานตัวเมื่อไหร่”

     

    “อาทิตย์หน้าครับ”

     

    “อือ...”

     

    “พ่อคุยอะไร ไม่ต้องเลย”

     

    แบคฮยอนส่งสายตาหาผู้เป็นพ่อก่อนที่จะถือถังไอศกรีมเดินไปนั่งแทรกกลางระหว่างชายหนุ่มสองคนทันที เขาจะไม่ยอมให้พ่อหาเรื่องแกล้งชานยอลเด็ดขาด

     

    “ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

     

    “หนูรู้ พ่ออะหาเรื่องแกล้งชานยอล”

     

    “มาอยู่มานอนบ้านเนี่ยจะมาขอไหม” พูดยังไม่ทันขาดคำนายทหารใหญ่ก็เริ่มเอาอีกแล้ว แทซองเอื้อมมือไปสะกิดไหล่แฟนลูกชายที่ยังเอาแต่สนใจเล่นโทรศัพท์จนไม่ได้ฟังอะไร

     

    “ครับ?”

     

    “พ่อถามว่าจะมาขอไหม” แบคฮยอนหัวเราะขำ ถึงจะรู้ว่าแค่แกล้งแต่เขาก็อยากจะฟังคำตอบเหมือนกัน

     

    “ขอทำงานก่อน”

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”

     

    พอได้ยินคำตอบจากชายหนุ่มสองพ่อลูกก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ ชานยอลที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็จริงจังอยู่เสมอ เขาทำอย่างกับจะเก็บเงินมาขอจริงๆ

     

    “ทำไมอะ?”

     

    “พ่อเค้าพูดเล่น” แบคฮยอนฉีกยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ เขารู้ว่าต่อให้พ่อไม่พูดเล่นชานยอลก็คงจะทำได้อยู่แล้ว

     

    เสียงพูดคุยดังเบาๆ เคล้ากับเสียงผู้ประกาศข่าวจากในโทรทัศน์ ดูเหมือนว่าบรรยากาศภายในบ้านครูฝึกหน่วยรบพิเศษไม่ได้ตึงเครียดอย่างที่คิด แม้แต่แทซองเองก็ยังเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาเมื่อได้อยู่กับครอบครัว มันทำให้ชานยอลอดคิดไม่ได้เลยว่าในอนาคตเขาจะมีครอบครัวน่ารักแบบนี้ไหม...

     


    .

     

    .

     

    . 

     

     

     

    “ชานยอล! รอด้วย!

     

    บนถนนหลังโรงเรียนที่คูน้ำตื้น เด็กหนุ่มร่างเล็กกำลังสับเท้าวิ่งตามแฟนหนุ่มของเขาที่เริ่มวิ่งห่างออกไปไกลแล้ว แบคฮยอนหอบหายใจแฮ่ก เสื้อพละอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อ ขาทั้งสองข้างหยุดยืนกับพื้น พอเงยหน้าขึ้นจากพื้นดินก็เห็นแฟนหนุ่มกำลังส่งยิ้มให้พร้อมกับอ้าแขนออกเหมือนต้องการเรียกให้ไปหา ขณะที่เท้าก็ยังซอยย่ำอยู่กับพื้น

     

    “มาเร็ว”

     

    แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ตัดสินใจกัดฟันฮึดวิ่งเฮือกสุดท้ายเข้าไปหาแฟนหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล คราวนี้ชานยอลไม่วิ่งไปไหนและแบคฮยอนก็กำลังเข้าใกล้หัวใจของเขามากขึ้นเรื่อยๆ

     

    “ถึงแล้ว!

     

    ร่างเล็กๆ ชนกระแทกเข้ากับแผ่นอกเต็มแรง แบคฮยอนพุ่งเข้าหาอ้อมกอดคนรักเต็มแรงจนอีกฝ่ายถึงกับตัวเซ เสียงหัวเราะดังเบาๆ ชานยอลวางมือยีลงบนผมบางๆ ด้วยความเอ็นดู และแล้วการวิ่งออกกำลังกาย 12 นาทีของแบคฮยอนก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

     

    “เหนื่อย...” แบคฮยอนหอบหายใจแฮ่ก เขาผละร่างออกจากอ้อมกอดคนตัวสูงก่อนจะเดินลงไปนั่งข้างคูน้ำเป็นทางลาดลงไปในคลอง สองเท้าเหยียดยาวออกไปบนพื้นหญ้า สายลมยามเย็นพัดปะทะเข้ากับใบหน้า คนตัวเล็กกางแขนออกรับลมพลางส่ายหน้าไปมาเหมือนลูกหมาก่อนแผ่ตัวนอนลงบนพื้นหญ้า

     

    “แค่นี้ก็เหนื่อย”

     

    “เป็นทหารตำรวจมันต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยหรอ แฮ่ก...”

     

    “แค่นี้ยังเหนื่อยจะวิ่งจับผู้ร้ายได้ไง” ชานยอลล้มตัวลงนอนแผ่ข้างแฟนตัวเล็ก คว้าฝ่ามือชื้นเหงื่อมาจับไว้ขณะที่สายตาจ้องมองออกไปยังท้องฟ้าเข้ม

     

    อีกไม่กี่เดือนก็จะสอบปลายเทอมปิดภาคเรียนที่สองแล้ว นั่นหมายถึงการเริ่มต้นใช้ชีวิตเป็นผู้ใหญ่ในช่วงต้น สิ้นสุดการเป็นวัยรุ่นมัธยม และสำหรับชานยอลมันยังหมายถึงการเริ่มต้นทำการความฝัน ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมานี้ การได้เล่นสนุกกับเพื่อนไปวันๆ แบบไม่ต้องคิดอะไร ไปเที่ยวห้างดูหนังกับแบคฮยอน ชานยอลมีความสุขกับมันมาก และเขาจะจดจำความรู้สึกนี้ไว้ตลอดไป

     

    “ไม่อยากเรียนจบเลย”  ริมฝีปากบางบุ้ยขึ้นจนโด่งเมื่อนึกถึงการเรียนจบ แบคฮยอนอยากมีความสุขกับชานยอลแบบนี้ไปตลอด สองปีสุดท้ายของการเรียนมัธยมและเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่วิเศษมาก มันคงดีถ้าจะเป็นอย่างนี้ได้ตลอดไป ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่อยากให้ชานยอลไปสมัครเข้าทหารด้วย

     

    ทั้งที่เคยคุยกันแทบตลอดทั้งก่อนนอน ตอนตื่น ตัวติดกันเกือบทุกวันที่ว่าง ถ้าอยู่ๆ ต้องห่างเหินกันไปแบคฮยอนคงเหงามากๆ “เค้าไม่อยากให้หัวหน้าไปเป็นทหารเลย”

     

    “ไหนบอกรอได้ไง”

     

    “ก็รอได้ แต่เค้าก็คิดถึงอยู่ดี”

     

    “ยังไม่ถึงเลย อีกตั้งนาน”

     

    “ต้องคิดถึงหัวหน้ามากแน่เลย” อยู่ๆ คนตัวเล็กก็ตะโกนออกมาเสียงดังก่อนจะพลิกตัวไปกอดแฟนหนุ่มเอาไว้แน่น ถ้าถึงตอนนั้นแบคฮยอนก็หวังว่าชานยอลจะไม่เปลี่ยนใจไปชอบหนุ่มๆ(?) ในกรมก่อนเพราะความห่างเหิน

     

    “ไปด้วยกันปะ”

     

    “ไปไหน ไปเป็นทหารอะหรอ”

     

    “อือ”

     

    “ไม่อาว”

     

     

     

     

     

    สายลมพัดปอยผมสีน้ำตาลยกลอยละลิ่ว แบคฮยอนเงยหนาขึ้นรับสายลมยามเย็นขณะที่จักรยานคันเล็กขับเคลื่อนผ่านด้านหลังโรงเรียนมัธยมในความทรงจำ

     

    “ตรงนี้ไงที่ตัวเองเคยมาซ้อมวิ่งอะ”

     

    ชานยอลแตะปลายเท้าลงกับพื้นคอนกรีต รถจักรยานคันสีแดงจอดลงข้างคูน้ำใกล้ต้นไม้ที่สูงใหญ่กว่าเมื่อสามปีที่แล้วมาก บนผิวน้ำมีเศษใบไม้สีเหลืองลอยละล่อง คนตัวสูงจอดจักรยาน เดินลงไปข้างคูน้ำก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนพื้นหญ้า เมื่อก่อนชานยอลแทบไม่เคยเดินผ่านซอยหลังโรงเรียนจนวันนึงได้มาวิ่งผ่านถึงได้รู้ว่ามันสงบกว่าข้างหน้าโรงเรียนมาก

     

    “คิดถึงเมื่อก่อนเนอะ” คนตัวเล็กหย่อนก้นนั่งลงข้างแฟนหนุ่ม นิ้วเรียวเกี่ยวดึงต้นหญ้าเล่นด้วยความเคยชิน รู้สึกเหมือนเป็นเมื่อวานเองที่ได้เดินจับมือกลับบ้านพร้อมกับชานยอล ไปกินขนม เล่นเกมและเดินเที่ยวฟิวเจอร์ด้วยกัน

     

    “อือ”

     

    “ตอนเนี้ยยังไม่มีใครหล่อเท่ากัปตันชมรมบาสรุ่นเราเลยนะ เป็นตำนานอะ”

     

    คำชมจากแฟนตัวเล็กทำชานยอลอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ตั้งแต่เด็กเขาไม่เลยรู้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าหน้าตาดี รู้แต่ว่าตัวเองมักจะได้รับความเอ็นดูและความช่วยเหลือมากกว่าเด็กคนอื่นๆ เสมอ พอเข้าสู่วัยประถมก็เริ่มมีเด็กผู้หญิงมาชอบ แต่ก็น่าแปลกที่ชานยอลไม่เคยรู้สึกชอบใครจริงๆ จังๆ เลย จนถูกแซวว่าเป็นพวกหวงตัว

     

    “เมื่อก่อนอะ เค้าเคยแอบตามไปเชียร์หัวหน้าแข่งบาสที่โรงเรียนอื่นด้วย แล้วไปที่ไหนก็มีแต่ผู้หญิงมารุม โคตรน่าหมั่นไส้อะ ขนาดอยู่โรงเรียนยังมีผู้หญิงเอาน้ำเอาขนมไปให้ แล้วเค้าก็งอนเว้ย แต่ตัวเองไม่รู้หรอกงอนเองก็หายเอง” พูดไปริมฝีปากบางก็บุ้ยขึ้นอย่างนึกเซ็ง เมื่อก่อนแบคฮยอนเคยตามไปหวงหัวหน้าของเขากับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่ในห้องเรียนยันโรงยิม แต่ชานยอลก็ไม่ได้รับรู้หรอก สุดท้ายก็ทำได้แค่แอบหึงเท่านั้นเอง

     

    “หึงอ่อ” คนตัวสูงส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ พลางจับศีรษะทุยของคนข้างกายให้เอนซบลงบนไหล่ เมื่อก่อนชานยอลยอมรับเลยว่าเขาไม่ได้สนใจแบคฮยอนเท่าไหร่ แล้วใครๆ ก็ชอบชานยอลทั้งนั้นมันก็เลยไม่ได้พิเศษอะไร

     

    “หวงอะ ไม่อยากให้คนกรี๊ดเยอะ แต่เค้าก็ไปกรี๊ดตัวเองเหมือนกัน เค้าอะเคยคิดว่าถ้าได้เป็นแฟนหัวหน้าต้องหึงมากแน่เลย แต่กลายเป็นตัวเองขี้หวงกว่าเค้าอีก”

     

     “หึ”

     

    “พูดถึงเมื่อก่อนแล้วเค้านึกถึงตอนที่หัวหน้ามาบอกชอบเค้าเลยอะ ตอนนั้นเขินปะ ถามจริง”

     

    คำถามที่อยู่ๆ ก็ถูกถามขึ้นฉุดความคิดชายหนุ่มให้นึกย้อนไปถึงเรื่องในตอนนั้น พอมานึกดูแล้วถึงได้รู้ว่าปีนี้เข้าสู่ปีที่ห้าแล้วที่คบกับแบคฮยอนมา

     

    ทำไมชานยอลถึงไม่รู้สึกเลยว่าเวลามันนานขนาดนั้น เหมือนเขาได้คบกับแบคฮยอนแค่สองปีตอนช่วงมัธยมที่ความรักกำลังสุกงอม แล้วอีกสองปีชานยอลก็ไปอยู่ในค่ายทหาร มันเป็นเวลาที่เหมือนจะนานแต่ก็ไม่นานเลย นึกแล้วก็อยากย้อนกลับไปช่วงมัธยมที่ความรักกำลังหวานได้ที่ ช่วงเวลาที่ชีวิตยังเต็มไปด้วยแรงผลักดันต่างๆ

     

    “ฮ่ะๆ”

     

    “ขำอะแระ”

     

    “นึกถึงตอนนั้นแล้วตลก”

     

    “ถามอะว่าเขินมั้ยตอนที่หัวหน้ามาบอกชอบเค้าอะ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับแฟนหนุ่ม รอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากและแววตากรุ้มกริ่มยิ่งทำให้แบคฮยอนนึกถึงหัวหน้าห้อง ม.5/3 ที่มักจะแกล้งเขาด้วยสีหน้าแบบนี้เสมอ

     

    “อือ ก็เขินนะ” ตอบออกไปด้วยสีหน้านิ่งเฉยก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังตามมาเบาๆ ชานยอลยังจำความรู้สึกนั้นได้อยู่เลย วันที่ตัดสินใจสารภาพรัก ตั้งแต่วินาทีที่ซื้อดอกไม้ วันครบรอบที่วิ่งเอาของขวัญไปให้แบคฮยอน และวันที่ได้บอกรักกันแค่ผ่านทางสายโทรศัพท์ มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเก่าเลย

     

    “ทำไมตอนนั้นถึงชอบเค้าอะ เนี่ย ถามอีกและ เมื่อก่อนอะเค้าคิดว่าหัวหน้าเป็นคนหยิ่งๆ เพราะตัวเองไม่ค่อยพูดกับใครอะ เล่นแต่กับเพื่อน แล้วแบบพวกหล่อๆ ปกติมันก็ชอบเล่นตัวอยู่แล้วช้ะ แล้วปกติหัวหน้าก็ไม่เคยมองเค้าเลยอะ"

     

    “อือ ตอนแรกมองเพราะตัวเองไปตัดผม เค้าไม่เคยเห็น ตลกดี” พูดไปมือก็ลูบสางไปบนเส้นผมของคนรักที่ยาวจนจัดทรงได้แล้ว ชานยอลปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาตกหลุมรักแบคฮยอนเพราะผมทรงเกาลัด มันทั้งน่ารักและดูน่าตลกในคราวเดียวกัน

     

    “แค่นั้นเองหรอ?”

     

    “ไม่รู้ดิ ตอนไปค่ายเค้าก็มองหาแต่ตัวเอง ตัวเองตัวเล็กไงหาไม่ค่อยเจอ วิ่งก็ไม่ทันเพื่อน ไม่ได้ตั้งใจมองหรอก แต่พอเห็นอยู่กับเพื่อนบ่อยๆ ก็คิดว่าน่ารักดี”

     

    “งื้มม"

     

    “อือ... พอมองบ่อยๆ แล้วมันก็ติดต้องมองตลอด เวลาเขินแล้วตลกดี เค้าอยากแกล้ง อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็เขินและ แต่พอรู้ตัวอีกทีก็เป็นเค้าเองที่อยากเข้าหาอะ” รอยยิ้มจางๆ ระบายขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มที่เป็นตำนานหล่อสุดในโรงเรียน ตอนนั้นชานยอลเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เขาแค่ชอบเห็นแบคฮยอนเขินจนทำอะไรไม่ถูก มันน่ารักยังไงก็ไม่รู้

     

    “เขินอะ เค้าจำได้แบบอยู่ๆ ตัวเองก็ชอบมาแกล้ง รู้ว่าชอบก็มาหยอกอยู่นั่นแหละ เป็นอะไรก็ไม่รู้ เค้าพยามไม่คิดไรนะ แต่พอหลายๆ ทีเข้ามันก็แบบอดคิดไม่ได้อะ จำได้มีวันนึงที่อยู่ๆ หัวหน้ามานั่งข้างเค้าอะ ตอนวิชาคอม แบบวันนั้นอยู่ๆ ก็เดินมานั่งด้วยข้างหลังทั้งที่ที่นั่งเพื่อนตัวเองก็อยู่ข้างหน้าอะ”

     

    “จำได้ด้วยหรอ?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ ชานยอลคิดว่านั่นเป็นเหตุการณ์ที่ชัดเจนที่สุดแล้วตั้งแต่ที่แสดงออกมาแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำได้ด้วย

     

    “จำได้ดิ ตอนนั้นแปลกใจมากเลยอะ ปกติตัวเองนั่งแต่กับเพื่อนใช่แมะ แล้ววันนั้นอยู่ดีๆ ก็มานั่งด้วยกัน เขินมากเลยอะ”

     

    “อือ นั่นแหละ อยากอยู่ใกล้ๆ ก็เลยไปนั่งด้วย”

     

    “แล้วถ้าสมมติไม่ได้ไปเข้าค่ายด้วยกันหัวหน้าก็อาจจะไม่ได้ชอบเค้าใช่แมะ”

     

    “อือ... ไม่รู้ดิ อาจจะ แต่ปกติเค้าไม่เคยมอง”

     

    “ถามจริงตอนนั้นรู้ปะว่าเค้าชอบอะ...”

     

    “รู้ดิ ไม่ใช่เค้ายังรู้เลย แต่ก็เฉยๆ คิดว่าแค่เล่นๆ” มือหนาวางลงบนศีรษะทุยนุ่มของคนข้างตัวก่อนที่ปลายจมูกจะกดหอมลงบนเรือนผม ความลับของหนุ่มหล่อประจำโรงเรียนคือพวกเขารู้หมดแหละว่าคนไหนชอบหรือไม่ชอบ ไม่ว่าเจ้าตัวจะแสดงอาการหรือไม่ อยู่แค่ที่ว่าจะเล่นด้วยหรือเปล่า

     

    “หัวหน้าคนชอบเยอะอะเดะเลยชิน โด่ว”

     

    “ตอนแรกก็ไม่คิดว่าน่ารักหรอก แต่พอเห็นว่าน่ารักแล้วก็น่ารักเลย หยุดมองไม่ได้”

     

    “ก็เลยชอบมาแกล้งใช่ปะ”

     

    “หึ...” มีเพียงแค่เสียงหัวเราะดังออกมาเบาๆ  เมื่อก่อนชานยอลมีคนมาชอบก็มาก แต่ในบรรดาผู้คนเหล่านั้นแบคฮยอนคือคนที่เขินได้น่ารักที่สุด  “ตอนแรกก็อยากแกล้งเฉยๆ แต่เพอนานๆ ไปมันก็นั่นแหละ...  ตอนตัวเองแกล้งโทรมาถามการบ้านเค้าก็รู้นะว่าแกล้งโทรมาหาเฉยๆ แต่ก็อยากให้โทร” 


    “ตัวเองชอบแต่ก็ไม่ได้มาเล่นกับเค้าใช่ปะล่ะ เค้าต้องเข้าไปเล่นก่อน แล้วพอนานๆ เข้ามันก็เป็นเค้าเองที่อยากเล่นด้วยมากกว่าเดิมอะ อยากโทรหา ไม่อยากแค่รอให้โทรมา อยากกอด อยากจับมือ อยากเป็นแฟนด้วยนั่นแหละ”

     

    เอ่ยสารภาพความในใจออกไปอย่างตรงไปตรงมา ชานยอลรู้ว่าแผนจีบของเขาไม่ดีนัก แต่พอรู้ตัวอีกทีก็เป็นฝ่ายที่คิดถึงแบคฮยอนไปซะแล้ว อยากทำมากกว่าแค่แกล้ง หมั่นเขี้ยวจนอยากจะกอดแน่นๆ น่ารักจนไม่อยากให้ใครเห็นเลย

     

    “งั้นแผนโทรอ่อยเค้าก็ได้ผลอะดิ” แบคฮยอนหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อรู้ว่าแผนโทรอ่อยถามการบ้านของตัวเองได้ผล อย่างน้อยเขาก็ทำให้ชานยอลหวั่นใจได้

     

    “ร้ายว่ะ”

     

    “แล้วตอนที่กลับจากรด.อะ ที่ลืมหมวกไว้ อันนั้นอ่อยปะหรือลืมจริง”

     

    อีกหนึ่งคำถามชวนปั่นป่วนใจถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง ชานยอลย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์วันที่กลับจากฝึกรด.ปีแรก เขาจำได้ว่าทิ้งหมวกเอาไว้บนกระเป๋าแบคฮยอนตอนลงจากรถ แต่ถ้าถามว่าอ่อยไหมมันก็....

     

    “อย่าเงียบ หัวหน้าตอบ อ่อยเค้าใช่เปล่าตอนนั้นอะ”

     

    “นิดนึง”

     

    “ร้ายว่ะ”

     

    คนตัวสูงได้แต่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ จากในลำคอที่จริงจะบอกว่าอ่อยมันก็ไม่ถูกนัก ตอนนั้นเขาไม่สนิทกับแบคฮยอนเลย ถึงจะอยากคุยกันในครั้งต่อไปแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มชวนคุยยังไง ก็เลยแกล้งลืมหมวกไว้เพื่อให้แบคฮยอนมาชวนคุยเอง

     

    “แล้วตอนนั้นก็มาทำถามอีกนะ ว่าแบบถ้ามีแฟนเป็นทหารรอได้ไหม เค้าแบบ โคตรรรรรรอ่อยอ่ะ อ่อยแบบ เป็นบ้า โทรหาไอ้อี้ โทรหาคยอง พูดสามวันไม่จบ แล้วก็ไม่รู้ว่าเค้าคิดไปเองหรือตัวเองทำให้เค้าคิดจริงๆ จนวันที่มาสารภาพรักอะ โคตรรรรเซอร์ไพรส์”

     

    แบคฮยอนกลางแขนออกแสดงถึงความเซอร์ไพรส์อันใหญ่โตของเขาในวันที่ถูกสารภาพรักจากพี่หัวหน้าสุดเก๊ก หัวใจของเขาพองโตและแฟ่บซ้ำแล้วซ้ำอีก มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเลย

     

    พอได้คบกันก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ แบคฮยอนเลือกชอบคนไม่ผิดเลย ผู้ชายคนนั้นที่เขาหลงรัก เป็นทั้งหน้าห้อง หัวหน้าชมรมบาส หัวหน้าหมู่ หัวหน้ากองร้อย ชานยอลที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเป็นชานยอลเสมอ คนที่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกเหมือนยังเป็นเด็กมัธยมเสมอ

     

    ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน คนที่แบคฮยอนชอบและยังชอบเสมอมาก็ยังเป็นชานยอล...

     

    “รู้ด้วยหรอว่าอ่อย”

     

    “รู้! แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนั้นอะ แล้วมันก็แบบ”

     

    ท่าทางการชี้มือชี้ไม้ทำท่าโอเวอร์ทำคนตัวสูงเห็นแล้วอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ชานยอลใช้มือหยิกจมูกแฟนเขาเบาๆ ก่อนจะเกี่ยวคอเข้ามาหอมฟอดเต็มแรง ไม่ว่าเมื่อไหร่แบคฮยอนก็ยังน่ารักและทำให้ชานยอลรู้สึกเป็นสดชื่นอยู่เสมอ

     

    ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงรักแบคฮยอนมากขนาดนี้ รู้เพียงแค่ว่าตั้งแต่วันนั้นที่ได้ตัดสินใจไปสารภาพ ชานยอลก็ไม่สามารถมองใครได้อีกเลย...

     


     .


    .


    .





     

    ภายในห้องประชุมใหญ่ของอาคารธุรการ ผู้คนมากขวั่กไขว่ไปมาทั้งญาติและนายทหารใหม่ที่รอรับการติดยศ แบคฮยอนกำลังยืนชะโงกคอมองหาคนที่นัดเขามาวันนี้ ทันทีที่สายตาจับเป้าหมายได้ คนตัวเล็กก็รีบสาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาทันที

     

    “มึง!

     

    ดวงตาเรียวรีเบิกขึ้นด้วยความดีใจ แบคฮยอนฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้เจอเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันนาน คยองซูในชุดสีขาวของกองทัพอากาศถือหมวกติดตราปีกไว้ข้างลำตัว แววตายังฉายแววจริงจังและมุ่งมั่นเหมือนเดิม ร่างกายที่เคยดูเล็กหนาขึ้นเป็นกระดานแถมไหล่ยังแน่นซะจนจำแทบไม่ได้เลย

     

    “ไอ้อี้อะ”

     

    “ยังไม่มาเลย รถติด โอโห... โคตรหล่อเลยว่ะ” แบคฮยอนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาจับไหล่เพื่อนสนิทพลางส่ายหน้าไปมา คยองซูดูหล่อจนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเพื่อนตุ๊ดหัวโปกของเขาที่เคยไปตามผู้ชายด้วยกัน

     

    ผมด้านข้างถูกไถเกรียน ริมฝีปากหนา คิ้วดกดำและแววตาที่ยังดูจริงจังเหมือนอย่างทุกที สามปีที่คยองซูใช้เวลากับการเรียนทหารอากาศ และในอนาคตเขาจะขับฮอร์และเครื่องบิน เป็นคนที่อนาคตก้าวไกลกว่าเพื่อนในกลุ่มเลย

     

    “ชานยอลอะ มันมาปะ”

     

    “มาๆ คุยกับเพื่อนอยู่ เพื่อนมันรับเหมือนกัน มึงโคตรเท่เลยว่ะ”

     

    แบคฮยอนเอาแต่ชมเพื่อนรักไม่ขาดปาก ขณะที่คนฟังก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ  คยองซูนึกไม่ถึงเลยว่าชานยอลจะยังคบกับแบคฮยนอยู่ เขารักกันนานดีจริงๆ

     

    “ชานยอลมันเป็นตำรวจแล้วอ่อวะ”

     

    “เออ อาทิตย์หน้าไปรายงานตัวแล่ว แม่ง เหมือนไม่เจอกันโคตรนานเลย รอบตัวกูมีแต่ทหารตำรวจ มีแต่กูกะอีอี้เนี่ยที่ยังไม่ไปไหนเลย” คนตัวเล็กขำแห้ง ในขณะที่เพื่อนสนิทและแฟนหนุ่มของเขากำลังเริ่มต้นหน้าที่การงานแบฮยอนยังขอตังค์แม่ไปมหาลัยทุกวันอยู่เลย และจบไปเขาก็คงเป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยคนหนึ่ง

     

    “เออ ไว้ไปกินข้าวกัน”

     

    “มึงมีแฟนยังวะ”

     

    “ยัง ถามไมวะ”

     

    “ก็ถามเฉยๆ เห็นอยู่ในค่ายทหาร นึกว่าจะมีผัวเป็นทหารสักคน”

     

    คำพูดของเพื่อนสนิททำชายหนุ่มถึงกับหลุดหัวเราะออกมา จนถึงทุกวันนี้แบคฮยอนก็ยังคิดอยู่เลยว่าคยองซูเป็นเพื่อนสาวของเขา

     

    “ไม่มี ยังไม่มีสักคนเลย”

     

    “อีอี้บอกมึงเคยชอบกูจริงปะวะ?”

     

    คำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำคนตัวโตกว่าถึงกับชะงัก คยองซูเงียบไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

    “มันบอกอ่อ?”

     

    “เออ จริงปะวะ...”

     

    “บ้า” พูดไปก็ส่งเสียงหัวเราะหึในลำคอทำอย่างกับกำลังได้ยินเรื่องไร้สาระเต็มที ใครบอกกันว่าคยองซูเคยชอบแบคฮยอน นั่นไม่จริงเลย

     

    “น่ะ กูว่าและ แม่งโม้กูแน่เลย” แบคฮยอนตบมือลงกับหน้าขาพลางทำหน้าเซ็งเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทให้คำตอบเองกับปาก เขาว่าแล้วว่าอี้ชิงต้องเอาเรื่องไร้สาระมาอำแน่ คยองซูเนี่ยหรอจะชอบเพื่อนที่แสนด๋อยอย่างแบคฮยอน

     

    “มันโม้มึงแล้ว”

     

    ไม่ใช่เคยชอบ... แต่ยังคงชอบอยู่ และชอบเสมอมา...

     

    “เดี๋ยวรอมันมา”

     

    “เชื่อก็บ้า” เอ่ยปากพูดออกไปก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบขึ้นมองเพื่อนตัวสูงอีกคนที่เดินมายืนอยู่ด้านหลัง

     

    สองสายตาสบกันชั่วขณะ คยองซูส่งยิ้มเล็กๆ ให้กับอดีตหัวหน้าห้องของเขาที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นตำรวจเต็มตัว ชานยอลเองก็ส่งยิ้มจางๆ กลับมาพร้อมกับวางแขนลงบนไหล่แฟนตัวเล็ก

     

    “เป็นไงมั่งวะ”

     

    “ก็ดี ตัวมึงสูงขึ้นเยอะเลยว่ะ เป็นไงมั่งวะชายแดน”

     

    “เอาเรื่องอยู่”

     

    “เออ ไว้ค่อยคุยกัน เดี๋ยวไปหาข้าวกิน”

     

     เสียงประกาศออกไมค์เรียกคยองซูให้รู้ตัวว่าต้องเตรียมเข้าพิธีแล้ว เขาโบกมือให้เพื่อนทั้งสองคนก่อนจะขอตัวแยกไปเพื่อเตรียมเข้าพิธีรับยศ พอได้เห็นชานยอลเจริญก้าวหน้าแบบนี้ตัวเขาเองก็ดีใจ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่เพื่อนคนนี้ก็ยังยินดีที่จะได้เห็นเพื่อนสนิทมีความสุขเสมอ



    รักเธอ มันรักเธอ คือรักเธอ ของเธอ วันไหนก็ยังเป็นของเธอ...



    ใครกันที่ทำให้ฉันรัก ใครกันที่มาอยู่ในความฝัน คนที่ฉันคิดถึงอยู่ทุกวัน ก็ใครคนนั้นฉันเรียกว่าเธอ...



    “เมื่อกี้คุยไร”

     

    เมื่อเพื่อนร่วมห้องเดินห่างออกไปชานยอลก็หันไปถามคนรักที่กำลังยืนเลิกคิ้วทำหน้าเหรอเหมือนสงสัยในคำถามก่อนที่เจ้าตัวจะตอบออกมา

     

    “เปล่า ถามมันว่าเมื่อก่อนเคยชอบเค้าหรอ อีอี้มันบอกว่ามันเคยชอบเค้า”

     

    “อือ แล้วว่าไง”

     

    “อีอี้มันโม้ มันบอกไม่ได้ชอบ ตัวเองว่าไงอะ?” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นถามแฟนหนุ่มที่ยังใช้สายตาจับจ้องไปยังแผ่นหลังของเพื่อนสนิทที่เดินห่างออกไปราวกับกำลังครุ่นคิด

     

    “ไม่รู้ดิ...”

     

    ชานยอลเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะโอบไหล่แฟนตัวเล็กเดินออกจากโซนงานพิธี 


    มีใครบางคนบอกว่าสายตาของคนที่มีหัวใจเหมือนกันมักมองกันออกเสมอ แต่ชานยอลก็ไม่อยากคิดอะไรเยอะ ในเมื่อสุดท้ายแล้วแบคฮยอนก็จะยังเป็นของชานยอลอยู่ดี และจะไม่มีทางเปลี่ยนไปเป็นของใคร...







    แถมในแถม





    "ถ้าโลกมีสงครามนี่อีแบครอดก่อนคนแรกเลย"


    "ไมวะ"


    "ดูพ่อมันเป็นทหารเรือ ผัวเป็นทหารบก แถมเพื่อนรักยังเป็นทหารอากาศอีก" อี้ชิงเน้นคำว่าเพื่อนรักพลางยิ้มเยาะ ออกมาก่อนจะถูกกำปั้นของเพื่อนสนิทชกท้องเบาๆ


    "แล้วมึงอะเป็นไร"


    "กูก็เป็นตุ๊ดดิ จะให้กูเป็นไรอะ"










    แถม




    รักเธอ มันรักเธอ คือรักเธอ ที่ให้ไป วันไหนก็ยังเป็นของเธอ....







    #แม่บ้านทหารบกcb




    จบแล้ววว





    ขอให้สนุกและมีความสุขกับทุกตอนนะคะ :3 ขอบคุณมากคั้บที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้ และส่งพี่ทหารและน้อนหัวกระเทียมของเขาไปจนตลอดรอดฝั่ง  เย้ๆ คิดเห็นอย่างไรอย่าลืมคอมเม้นกันได้ ขอบคุณกั๊บ เอ็นจอยรีดดิ้ง :3




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×