คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : (ภาค รด. ม. 6) EP. พิเศษ กีฬาสีขยี้ใจและการเสียตัวครั้งแรก 12+
“สีเขียวสู้ไม่สู้!!”
“สู้!!!”
ในโรงยิมที่กว้างเกือบครึ่งสนามฟุตบอล
เสียงกองเชียร์และเสียกลองดังกึกก้องไปทั่วสนาม
ทั้งเชียร์ลีดเดอร์และนักกีฬาต่างก็คึกคักไม่แพ้กัน
การแข่งบาสระหว่างทีมสีชมพูและทีมสีเขียวเป็นไปอย่างดุเดือด
เสียงกรี๊ดดังขึ้นทุกครั้งที่กัปตันปาร์ค ชานยอล โยนลูกบาสลงห่วง
ผมยุ่งไม่เป็นทรงเปียกชุ่มโชก
ใบหน้าขาวใสอาบไปด้วยเม็ดเหงื่อ
ทุกครั้งที่เขาหันมาเพื่อนข้างหลังเสียงกองเชียร์ก็ดังที
เรียกได้ว่าทำเอาทีมคู่แข่งเซ็งไปเลย
ปรี๊ดดดดด
“สกอร์แมทแรก 37 ต่อ 25”
เสียงกรรมการเป่านกหวีดพักยกแรก
ทีมสีชมพูของชานยอลทำแต้มนำไปสิบสองคะแนน
นักกีฬาเดินไปรวมตัวกันที่จุดพักเพื่อดื่มน้ำ
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การแข่งงานกีฬาสีแต่ชานยอลก็จริงจังจนน่ากลัว
เขาเก็บคะแนนทำแต้มทิ้งห่างไปเรื่อยๆ แบบไม่สนใจใครเลย
“คราวนี้เอาให้แต้มขาดเลยนะ”
จีฮวานว่าก่อนจะกระดกขวดน้ำลงคออึกใหญ่ด้วยความกระหาย แม้แต่คนกากๆ
อย่างจีฮวานพอได้ลงสนามบาสเขาก็เท่ไม่แพ้ใคร
“แม่งเปลี่ยนเซนเตอร์ด้วย”
“เอาเหอะ
มึงจะเปลี่ยนใครมาก็แพ้อยู่ดี” พูดออกไปอย่างอวดดีพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
ชานยอลได้แต่นึกขำกับคำพูดของเพื่อนร่วมทีม
เขาวางผ้าขนหนูลงก่อนจะหันขึ้นไปมองบนแสตนด์ตรงตำแหน่งที่นั่งแฟนตัวเล็กแต่ทว่าก็ไม่พบใครอยู่ตรงนั้น
ได้แต่นึกสงสัยอยู่ในใจว่าแบคฮยอนหายไปไหน
แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรเสียงนกหวีดเรียกลงสนามก็ดังขึ้น
“เข้าสู่แมทช์ที่สองแล้วนะครับสำหรับทีมสีเขียวและสีชมพู
แหม ดุเดือดได้ที่เลยจริงๆ คู่นี้ ไม่มีใครยอมใครเลยนะ นักกีฬาโรงเรียนทั้งคู่
ตัวเต็งหมายเลข 61 ปาร์ค ชานยอลกับจูฮยอน ตอนนี้นักกีฬาลงสนามแล้วนะครับ...”
เสียงโฆษกประกาศดังกึกก้องไปทั่วจนกระทั่งนักกีฬาเข้าประจำตำแหน่งและเสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น
ในมุมหนึ่งของสยามโรงยิมยังมีใครคนหนึ่งยืนจับชายกระโปรงนักเรียนของตัวเองอยู่ด้วยท่าทีประหม่า
แบคฮยอนในชุดนักเรียนหญิงยืนกำพู่เชียร์ตัวแข็งอยู่หน้าประตู
เขากำลังชั่งใจว่าถ้าออกไปเชียร์แฟนหนุ่มสภาพนี้เขาจะตกใจไหม
ชานยอลอาจจะตกใจจนทำคะแนนเสียเลยก็ได้
“ไปเลย มึงไปเลย แต่งมาขนาดนี้แล้ว”
อี้ชิงดันหลังเพื่อนสนิทของเขาให้ก้าวเดินต่อไปด้วยความมั่นใจ
แบคฮยอนจะมาอายอะไรตอนนี้ในเมื่อเขาเป็นคนคิดเองว่าจะใส่ชุดนักเรียนมาเชียร์ชานยอลวันกีฬาสี
“มันจะอายไหมอะ” คิ้วเรียวย่นลงด้วยความลำบากใจ คนตัวเล็กกลืนก้อนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงเชียร์ดังกึกก้องสนาม
ตอนนี้เขาประหม่าไปหมดแล้ว สุดท้ายก็เก่งแต่ปากทุกที
“มึงเป็นคนคิดเองนะ
มันไม่อายหรอกมึง วันกีฬาสีคนแต่งตัวแปลกๆ เต็ม มึงดู” ปลายคางมนพยักพเยิดไปทางเพื่อนนักเรียนต่างห้องที่ทาตัวเขียวเป็นฮัลค์ที่เดินมาคู่กับสไปดี้จากทีมสีแดง
แบคฮยอนจะกลัวอะไร วันนี้ใครๆ ก็แต่งตัวแฟนซีทั้งนั้น
“เอาวะ”
สุดท้ายก็กลั้นใจฮึบความประหม่าไว้แล้วก้าวขาเดินย่างสามขุมขึ้นไปบนแสตนด์นั่งอย่างมาดมั่น
ทันทีที่แบคฮยอนเดินผ่านที่นั่งไปยังขอบสนามเสียงโห่เชียร์ของชายฉกรรจ์กว่าครึ่งโรงยิมก็ดังขึ้น
คนตัวเล็กยกพู่เชียร์สีชมพูขึ้นโบกสะบัดเรียกชัยและความฮึกเหิมขึ้นสู่หมู่เรา
ผมสั้นๆ ถูกปกปิดวิกผมสีน้ำตาลเข้ม
แบคฮยอนเดินไปขอบสนามข้างกองเชียร์และเริ่มส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจหัวหน้าทีมตามคนคุมแสตนด์
“ชานยอลสู้ๆ!!”
“สู้!!!”
เสียงร้องเชียร์ลั่นสนาม เรียกกัปตันทีมที่เพิ่งทำคะแนนด้วยการโยนลูกสามแต้มให้ต้องหันมามอง
ชานยอลถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นแฟนตัวเองกำลังยืนสะบัดพู่เชียร์อยู่ข้างเชียร์หลีดเดอร์สาวๆ
แว้บแรกที่เห็นเขาถึงกับใจแป้วไปเลย นึกว่ามีสาวสวยจากโรงเรียนไหนมายืนเชียร์
“ตอนนี้กัปตันทีมมีเชียร์หลีดเดอร์ส่วนตัวมาช่วยเป็นกำลังใจให้แล้วนะฮะ
ทีมสีเขียวจะสู้ไหม สู้ไม่สู้”
“สู้!!!”
“มาดูลีลาของหมายเลข 4
จากทีมสีเขียวกันบ้างครับ โอโห ลวดลายแบบสนามเอ็นบีเอลุกเป็นไฟกันเลยทีเดียว
แล้วก็ชู้ตแล้ว!! ลงไหม! ไม่ลงครับ!! เป็นที่น่าเสียดายอย่างมากเลย
ตอนนี้คะแนนสีชมพูนำห่างที่ 20 ต่อ 12 แล้วนะครับ กัปตันยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ
สีเขียวจะเป็นยังไง ไหวไม่ไหว...”
การแข่งขันยังเป็นไปอย่างดุเดือด
ต่างฝ่ายต่างแข่งกันทำแต้ม
เสียงพื้นรองเท้าเสียดพื้นดังเอี๊ยดอ๊าดชวนให้ลุ้นระทึกทุกที ยิ่งสีเขียวตีแต้มเข้ามาใกล้ชานยอลก็ยิ่งพยายามทำคะแนนให้ห่าง
เรียกได้ว่าสนามแทบลุกเป็นไฟ
“สู้เขา! เอาชัยชนะ! อย่าลดอย่าละ!
มานะเข้าไว้! อดทน! และมีวินัย! เอาชิงเอาชัย! มาให้พวกเรา!”
“ไอ้จีฮวาน! เร็ว! ชู้ตเลย!
ชู้ตเลย!”
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดด
เสียงนกหวีดหมดเวลาเป่าดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกบาสสีส้มพุ่งลงห่วงพอดี
และคะแนนสีชมพูก็นำเป็น 42 ต่อ 35 ทำคะแนนนำชนะไปแบบขาดลอย
เสียงร้องโห่เชียร์ดังกึกก้องไปทั่วสนาม
นักกีฬาทีมสีชมพูวิ่งกอดกันกลมเป็นเกลียวก่อนจะกลับเข้ามาที่ขอบสนามเพื่อรับน้ำดื่ม
ชานยอลเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปกอดแฟนเขาด้วยความดีใจพร้อมกับเสียงกรี๊ดที่ดังไปทั่ว ก่อนที่เสียงหัวเราะครืนจะดังตามมาเมื่อคนตัวเล็กถูกเหวี่ยงร่างหมุนจนวิกผมหลุดลงพื้น
“เอ้ย! เชี่ย วิกหลุด” แบคฮยอนยกมือขึ้นจับหัวโล้นตัวเอง อมยิ้มเขินๆ ก่อนจะรีบก้มลงหยิบวิกขึ้นมาใส่ใหม่
เหงื่อกาฬจากร่างกายแฟนหนุ่มเปียกซึมมาถึงเสื้อเขา
ตัวชานยอลเปียกอย่างกับเพิ่งอาบน้ำมา
และเม็ดเหงื่อพราวบนใบหน้าก็ยิ่งขับให้ผิวของชายหนุ่มดูใสมากยิ่งขึ้น
“แต่งชุดไรเนี่ย”
“เชียร์ลีดเดอร์แงะ ชอบปะ”
“ไม่เห็นมีสีชมพูเลย”
“นี่ไง” ไม่ว่าเปล่า
แบคฮยอนยกชายกระโปรงขึ้นเปิดให้แฟนหนุ่มดูกางเกง:y[ในสีชมพูที่ใส่มาข้างใน
แต่ก่อนที่ใครจะได้เห็นชายหนุ่มก็รีบตะครุบมันเอาไว้
“ไม่ต้องเปิด รู้แล้ว” ชานยอลดึงมือแฟนเขาไปนั่งลงตรงแสตนด์ด้านหน้าสุดเพื่อรอดูการแข่งขันของทีมต่อไป
มือหนายกผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นยีเช็ดศีรษะที่เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
ท่าทีที่แสนเท่ของกัปตันทีมบาสเรียกเสียงกรี๊ดจากทั้งสาวจริงและสาวปลอมดังสนั่น
ชานยอลเสยผมตัวเองจนยุ่งไม่เป็นทรง
พอใช้เสร็จเขาก็เอาผ้าขนหนูไปวางปิดต้นขาแฟนตัวเล็กไว้
ก่อนจะเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้รอชมการแข็งขันรอบต่อไปทั้งที่ฝ่ามือยังวางอยู่บนต้นขาคนข้างๆ ทำเอาตากล้องของงานที่กำลังถ่ายส่องกางเกงในสาวดุ้นต้องรีบเดินไปทางอื่นทันทีเมื่อรู้ว่าเจ้าของเขาจับได้แล้ว
การเชียร์กีฬายังคงเป็นไปอย่างคึกคัก
ทั้งการแสดงจากน้อยและสาวใหญ่ หลีดชายจริงและชายไม่แท้
มันเป็นวันที่สนุกสนานที่สุดในภาคเรียนแรกเลย..
.
.
.
“ไปยืมชุดใครมา”
“ชุดห้องข้างๆ ใส่ได้พอดีเลย
น่ารักป่ะ”
บนทางเท้าระหว่างถนนที่พาไปสู่ป้ายรถเมล์
แบคฮยอนแปลงร่างกลับเป็นเจ้าหัวกระเทียมเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่งานกีฬาสีจบลง
พระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยตัวลงเปลี่ยนสีท้องฟ้าบอกเวลาเย็นจัด
สองมือที่จับกันแกว่งไปมาตามจังหวะเท้า
“น่าจะแต่งเป็นเซเลอร์มูน”
“ทำไมอะ ชอบอ่อ”
“มันก็แปลกดี”
เสียงพูดคุยดังเบาๆ ณ ที่เงียบสงัด
ชานยอลหันไปมองขนตาของแฟนตัวเล็กที่ยังมีมาสคาร่าติดอยู่จางๆ
ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมา เขาใช้มือดึงเศษมาสคาร่านั้นออกแล้วเช็ดมันลงกับกางเกง
ใบหน้าของแบคฮยอนยามที่ไร้เครื่องสำอางน่ามองกว่าตอนที่มันถูกแต่งแต้มด้วยสีสันเป็นไหน และชานยอลก็ชอบที่จะได้มองใบหน้าธรรมดาๆ
นี้ยิ่งกว่าสิ่งใด
“เดี๋ยวปีหน้าเอาใหม่ เอ้ย
ปีหน้าจบแล้วนี่หว่า”
“วันนี้ไปบ้านไหม” ชานยอลเอ่ยถามขึ้นขณะที่หยิบเอามือถือขึ้นมากดเล่นเพลง
เขาเสียบหูฟังให้ตัวเองและนำมันไปใส่หูคนรักข้างนึง ก่อนที่เสียงเพลงจะดังขึ้นเบาๆ
“ไปได้อ่อ แม่อยู่ไหม”
“อยู่ แต่ไม่เป็นไร”
“หรอ งั้นไปก็ได้” คนตัวเล็กเอ่ยปากตอบรับออกไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก รอยยิ้มเล็กๆ
ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวนวล
แบคฮยอนกำลังคิดว่าคืนนี้จะได้นอนกับชานยอลอีกแล้ว
เขาชอบจริงๆ เวลาที่นอนข้างหัวหน้าตัวใหญ่ ดูหนังสือที่ชานยอลอ่าน
แล้วก็ฟังเพลงที่ชานยอลชอบฟัง นอนกอดกันจนถึงเช้า รู้สึกเหมือนได้เป็นแฟนกันจริงๆ
แบบที่จริงมากขึ้นยังไงก็ไม่รู้
ก็... คิดไปเพียงแค่นั้นโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าอะไรคือความหมายของการชวนไปบ้านอย่างแท้จริง...
.
.
.
เวลาสองทุ่มเศษ เสียงเพลงดังเบาๆ
ไปทั่วห้องนอนสีขาวสะอาดสะอ้าน
ชั้นหนังสือและของทุกอย่างในห้องชานยอลถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
มองไปทางไหนก็ดูเรียบร้อยสบายตา แม้จะมีบางมุมที่ยังรกอยู่บ้าง หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแบคฮยอนนำกระเป่าไปวางไว้ที่ข้างชั้นหนังสือก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนที่นอนทับร่างแฟนหนุ่มที่กำลังเล่นเกมมือถืออยู่อย่างตั้งใจ
“ขอดูหนังได้เปล่า”
“เอาโน้ตบุ๊กมาเปิดดิ”
“ดูในโทรศัพท์นี่แหละ
แต่จะเปิดเสียงอะ”
“ก็ดูไปดิ”
เมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องไม่ได้ว่าอะไรแบคฮยอนก็เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูหนังที่ดูค้างไว้ตั้งแต่ก่อนไปอาบน้ำ
เขาถอดหูฟังออกแล้วเปิดเสียงให้ดังขึ้น ไฟในห้องยังถูกเปิดสว่าง
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ชานยอลแอบเหลือบตามองแฟนตัวเล็กที่นอนดูหนังอยู่ข้างๆ
เพียงครู่ก็หันไปสนใจเกมมือถือต่อ
คนขี้วางแผนยังปล่อยให้คนรักได้ดูหนังเล่นเกมอย่างสบายใจ
ปล่อยให้แบคฮยอนตายใจไปเรื่อยๆ
โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ามีอะไรกำลังรออยู่ข้างหน้า
ติ๊ก... ต่อก... ติ๊ก... ต่อก...
เสียงเข็มนาฬิกาเดินติ๊กต่อกเข้าสู่เวลาห้าทุ่ม
ไฟในห้องถูกดับเหลือเพียงแค่ไฟสีขาวดวงเล็กจากบนหัวเตียง แบคฮยอนเริ่มง่วง
เขาขยี้ตาและอ้าปากหาวหลายครั้ง เสียงฝนด้านนอกที่ตกกระหน่ำลงมาทำให้อากาศเริ่มเย็น
คนตัวเล็กพลิกกายนอนตะแคงและวางมือถือพิงไว้กับหมอนข้าง
ชานยอลเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ของเขาก่อนจะล้วพลิกตัวไปกอดร่างแฟนตัวเล็กจากทางด้านหลัง
แขนยาวกอดอยู่ระดับเอวบางขณะที่ใบหน้าก็วางซุกอยู่ตรงลำคอ
“ยังดูไม่จบอีกอ่อ”
“นี่แงะ จบละ”
พูดยังไม่ทันขาดคำภาพยนตร์ในจอมือถือก็ขึ้นรายชื่อนักแสดงต่อท้ายหลังจากที่หนังจบ
แบคฮยอนเหยียดแขนขึ้นบิดกายเป็นกุ้งเหยียด
ส่งเสียงครางหงิงออกมาจากในลำคอเหมือนลูกหมาก่อนจะพลิกร่างเข้าหาแฟนหนุ่ม
สองแขนวาดกอดแผ่นหลังหนาเอาไว้
ใบหน้าแป้นแล้นเงยขึ้นสบตากับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนที่รอยยิ้มเล็กๆ จะปรากฏขึ้นมา
“เป็นไร”
“หึ เปล่า”
“แล้วยิ้มทำไม”
คนตัวสูงส่งเสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอก่อนจะก้มหน้าลงจุ๊บเบาๆ
บนริมฝีปากบางเหมือนอย่างที่ชอบทำ
ชานยอลละใบหน้าออกแล้วก้มลงจูบเรียวปากบางอีกครั้งและอีกครั้ง...
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังนิ่งเขาก็เริ่มบดขยี้ริมฝีปากเบาๆ
จูบที่แสนอ้อยอิงทำแบคฮยอนใจเต้นไปหมดคล้ายกับเลือดกำลังสูบฉีดไปทั่วร่าง
มันเป็นจูบแสนหวานที่แบคฮยอนชอบและเขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัสเรียวปากนี้
ชานยอลถอนใบหน้าออกอีกครั้ง
ดวงตากลมโตจ้องลึกเข้าไปยังนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ก่อนที่จูบร้อนๆ
จะถูกประทับลงบนหน้าผากและปลายจมูกอีกครั้ง ไล่สัมผัสลงมาจนถึงข้างแก้ม
เริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเมื่อจูบที่ควรจะจบที่ริมฝีปากเริ่มเฉียดลงมาถึงสันกราม
แบคฮยอนได้แต่นอนแข็งนอนทื่อเมื่อถูกอ้อมกอดของแฟนตัวสูงกอดกระชับไว้แน่น
ปลายจมูกโด่งซุกวนเวียนอยู่แถวบริเวณข้างแก้ม ขณะที่ฝ่ามือร้อนๆ
ก็เริ่มวาดลายสัมผัสลงกับผิวกายขาวเนียน
วินาทีนั้นเองที่แบคฮยอนเพิ่งรู้ตัวว่าโดนแน่แล้ว
แต่เขาก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นอนตัวแข็งทื่อ
ไม่ใช่ว่ากลัวแต่แบคฮยอนไม่เคยผ่านอะไรแบบนี้เลย
เขาชอบเวลาที่ริมฝีปากอิ่มและฝ่ามืออบอุ่นคู่นี้สัมผัสไปตามร่างกาย
แต่มันไม่เคยมากกว่าบริเวณฝ่ามือหรือใบหน้าเลย
จุ๊บ...
เสียงจุ๊บดังเบาๆ
เมื่อคนตัวสูงละริมฝีปากออกจากสันกรามเรียว
ชานยอลเหลือบสายตาหวานเชื่อมขึ้นมองคนรักก่อนจะประทับจูบเบาๆ ลงบนริมฝีปากเรียว
"แบคฮยอน"
"อือ"
“ขอนะ...”
(รู้นะ รู้นะ ว่าเธอนั้นคิดอะไรอยู่
แววตามีเลศนัย หัวใจเธอคิดอะไรอยู่....)
ตอนเต็มอยู่ในทวิตค่ะ
กอดแน่นๆ
และสัมผัสอบอุ่นจากริมฝีปากของคนรักที่ไล่จูบไปทั่วตั้งแต่ซอกคอลงมาจนถึงหัวไหล่ยิ่งทำให้ความรู้สึกหยั่งรากลึกลงในจิตใจ
ลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคยเป็น เป็นแฟนกันมากกว่าที่เป็นอยู่
“อื้อ... หัวหน้า”
“อ่า... รักนะ...”
“อ๊า... ฮ่ะ...”
“แบคฮยอน...”
#แม่บ้านทหารบกcb
ความคิดเห็น