ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แม่บ้านทหารบก CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #12 : (ภาค รด. ม. 6) EP.10 จบแล้วรด.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.32K
      1.63K
      19 ต.ค. 62

     
    B
    E
    R
    L
    I
    N

     


    เวลาสี่ทุ่มเศษๆ ก่อนถึงเวลาเข้านอนนักเรียนวิชาทหารใส่เครื่องแบบครึ่งชุดนั่งจับกลุ่มกินขนมกันอยู่หน้าเต็นท์ เสียงแรงหวีดพัดสร้างบรรยากาศเย็นยะเยือก ท้องฟ้าสีแดงเถือกตัดกับยอดเงาต้นไม้

     

    “เชี่ย ฝนตกแน่เลยว่ะ” อินซองหรี่ตาเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ลมพายุพัดฝุ่นแดงปลิวว่อนเข้าตาจนต้องยกมือบังหน้า ยิ่งเห็นฟ้าแล่บก็ยิ่งมั่นใจว่าอีกไม่นานฝนต้องตกแน่และดูท่าจะไม่เบาเลย

     

    “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ฝนตกดินแม่งก็ซับน้ำ เราอยู่บนเขานะเว้ย เดี๋ยวน้ำแม่งก็ไหลลงไปตีนเขา” จีฮวานว่า

     

    “มึงเอาเหี้ยไรคิดวะ”

     

    “แต่บรรยากาศแบบนี้ดีนะเว้ย เวลาเล่าเรื่องแม่งสุด” ดงโฮพูดเสียงกระซิบ เขายื่นหน้าเข้าไปกลางวงสนทนาก่อนที่จะถูกฝ่ามือปริศนาตบเข้าที่แก้มเบาๆ

     

    “เดี๋ยวมึงก็โดนแบบไอ้แบค”

     

    ปรี๊ดดดดดดดดดด

     

    เสียงนกหวีดของครูฝึกทำแก๊งอาถรรพ์แตกกระเจิง พอได้ยินเสียงนกหวีดนักศึกษาทุกคนก็รีบมุดหัวกลับเข้าไปในเต็นท์เหมือนพยาธิผลุบกลับเข้ารูตูด มองออกมานอกผ้ายางเห็นเพียงรองเท้าบูทและเสียงดังตึก ตึก ตึก... ที่ฟังดูน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงผี

     

    ภายในเต็นท์ B21 เจ้าหัวกระเทียมที่แสนเหนื่อยล้าทิ้งหัวลงทับกระเป๋าหลังจากที่จัดที่นอนเสร็จสรรพ ดวงตาเรียวรีลืมขึ้นในความมืด แบคฮยอนเห็นคนข้างๆ เขากำลังนั่งหันหลังกดโทรศัพท์อยู่ เพียงไม่นานชานยอลก็วางมือถือและพาวเวอร์แบงค์ของเขาลงที่หัวนอนก่อนจะเอนกายล้มลงข้างๆ

     

     “เอาผ้าห่มปะ”

     

    “เขยิบมาใกล้ๆ ดิ”

     

    พอได้ยินแบบนั้นคนตัวเล็กก็ค่อยๆ เขยิบร่างเข้าไปชิดพี่หล่อที่กำลังใช้สายตาจ้องมองมาอย่างเปิดเผย ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้เพียงคืบทำหัวใจดวงเล็กแรงไปหมด ถึงจะเคยเสียตัวไปแล้วแต่แบคฮยอนก็ไม่ชินสักทีที่ได้นอนใกล้ชานยอล

     

    ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองแผ่นอกแทนการสบตากับคนตรงหน้า ก่อนที่มือบางจะยกผ้าห่มคลุมร่างให้อีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันไร  คนตัวเล็กก็ถูกรวบกายเข้าไปกอดด้วยท่อนแขนแข็งแรง สัมผัสอบอุ่นจากแผ่นอกและท่อนแขนที่รัดแน่นทำแบคฮยอนหน้าร้อนไปหมด

     

     คืนนี้เขาต้องนอนไม่หลับแน่เลย ถึงจะเคยนอนกับชานยอลมา 2 – 3 ครั้งตอนไปทำรายงาน แต่สถานการณ์แบบนี้มันไม่เหมือนกันเลย

     

    “ยังเจ็บขาอยู่ไหม”

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นชิดใบหน้า ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดหน้าผาก ความหอมจากครีมอาบน้ำแบบผู้ชายทำแบคฮยอนอดเคลิ้มไม่ได้ พวกเขาอยู่ใกล้กันเสียจนรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย ถ้าเป็นแบบนี้ชานยอลจะต้องรู้แน่เลยว่าแบคฮยอนกำลังเป็นบ้า

     

    “ยังไม่หายปวดเลย”

     

    “กินยาไปยัง”

     

    “กินแล้ว”

     

    “อือ งั้นก็นอน” มีเพียงแค่คำกระซิบเบาๆ กับเสียงผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะก่อนที่บรรยากาศจะกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง

     

    ในวันที่แสนเหนื่อยล้า นักศึกษาวิชาทหารสองคนนอนกอดกันอยู่ใต้เต็นท์ผ้ายางโดยมีผ้าห่มคิตตี้ผืนเดียวคอยช่วยบดบังความหนาว เสียงฟ้าร้องดังครืนยิ่งทำให้บรรยากาศคืนนี้น่านอน

     

    แบคฮยอนหลับตาลงช้าๆ เบียดกระแซะร่างเข้าหาหัวหน้าหมู่พลางซุกปลายจมูกลงกับเสื้อยืดสีเขียว ปล่อยกายและใจให้ได้พักผ่อนเพื่อเรี่ยวแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ คืนนี้เขาคงจะฝันดี เพราะถ้ามีชานยอลอยู่ผีก็คงไม่กล้าทำอะไรแบคฮยอน

     

     

     

     

     

    เปรี้ยง!!

     

    ซ่า.... ซ่า....

     

    เม็ดฝนสาดกระทบผ้ายางดังจนปลุกคนที่กำลังนอนหลับให้ตื่น ชานยอลลุกขึ้นถลกผ้าห่มออกจากร่างก่อนจะหันไปมองด้านหลังเมื่อรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปียกโดนกางเกง น้ำฝนจากข้างนอกที่เริ่มทำให้ดินเปียกไหลเข้ามาในผ้ายางเต๊นท์และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ

     

    “แบคฮยอน... แบคฮยอน ลุกก่อน ฝนตก” ชานยอลเขย่าร่างแฟนตัวเล็กให้ลุกขึ้นก่อนที่พวกเขาจะเปียกไปมากกว่านี้

     

    เสียงฝนตกกระหน่ำยังคงไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา ชานยอลคว้ามือถือกับพาวเวอร์แบงค์ใส่เป้ ยัดทุกอย่างที่หยิบได้เข้าไปในนั้นเมื่อน้ำเริ่มทะลักเข้ามามากแล้ว แบคฮยอนที่เพิ่งลุกขึ้นด้วยสภาพงัวเงียพอเห็นน้ำแฉะเข้ามาในเต๊นท์ก็งงเป็นไก่ตาแตก กว่าจะตั้งสติได้น้ำฝนก็ลามมาเปียกกระเป๋าแล้ว

     

    “เห้ย!

     

    “เอากระเป๋าขึ้น เอาของยัดใส่เข้าไปเลย”

     

    แบคฮยอนรีบคว้าผ้าห่มของเขาขึ้นมาพันคอเป็นอย่างแรกเพื่อกันน้ำเปียกก่อนจะรีบยกกระเป๋าขึ้น แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว น้ำขี้ดินจากด้านนอกซึมเข้ามาจนเปียกด้านหลังกระเป๋าเต็มไปหมด

     

    “น้ำท่วม! ไอเหี้ย!! น้ำท่วมเต๊นท์กู!!

     

    เสียงใครบางคนตระโกนแหวกเสียงฝนขึ้นมา พอชานยอลคว้ากระเป๋าได้เขาก็รีบออกจากเต็นท์ทันทีและก็พบว่าไม่มีเต็นท์ไหนรอดสักคน ทุกคนหอบผ้ายางและกระเป๋าวิ่งกันออกมาอุตลุด บางคนถึงกับเต็นท์ล่มแปะลงไปกับพื้น

     

    “อยู่ไม่ได้แล้วโว้ยยย!

     

    สายฝนยังคงกระหน่ำไม่หยุด ชานยอลคว้าแขนแฟนเขาให้วิ่งเข้าไปหลบในเพิงซึ่งเป็นที่ตั้งร้านอาหาร นักศึกษาวิชาทหารกว่าร้อยชีวิตวิ่งหนีฝนกันอลหม่าน บางคนหิ้วของออกมาทันบ้างไม่ทันบ้าง พวกเขามานั่งกระจุกรวมตัวกันอยู่ในร้านข้าวเล็กๆ และมองดูเต็นท์ล่มไปต่อหน้า

     

    ท่ามกลางความสับสนระคนมึนงง เข็มนาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มครึ่งพอดีแป๊ะ นักเรียนทหารที่ฝึกอย่างหนักทั้งวันและควรได้นอนนั่งกอดตัวเองอยู่บนเก้าอี้และพื้นปูนเหมือนคนไร้บ้าน

     

    “เหี้ย แล้วจะนอนยังไงกันวะเนี่ย” อารอนบ่นพลางถอนหายใจออกมา เขาส่งเสียงจิ๊จะในลำคออย่างนึกเซ็งก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนผ้ายางเปียกๆ แผ่นเดียวที่มี

     

    “กูว่าตกอีกนานเลย” อินซองว่า

     

    “ถ้าท่วมขึ้นมาอีกนี่ไม่ต้องนอนกันแล้ว มึงยืนหลับเอา”

     

    “แม่ง หนาวว่ะ”

     

    ในสภาพที่แต่ละคนร่างกายเปียกชื้นจากการหนีฝน เสื้อยืดลำลองของทหารตัวเดียวไม่สมารถกันความหนาวเย็นได้ แบคฮยอนกอดผ้าห่มคิตตี้ไว้แน่น สายตากวาดมองไปรอบตัวด้วยความระแวงว่าจะมีใครมาแย่งของรักไป

     

    “แม่งจะหยุดไหมวะเนี่ย เต๊นท์ก็ล่มอีก ง่วงโว้ยยยยยย!” จีฮวานร้องโหยหวน ร่างโปร่งล้มลงนอนบนพื้นคอนกรีตด้วยความเหนื่อยหน่าย ไม่รู้ว่าวันนี้มันวันอะไร พวกเขาซวยตั้งแต่เช้า สาย บ่ายจนถึงตอนค่ำก็ยังซวยอยู่ จีฮวานไม่อยากนึกเลยว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะมีสภาพแบบไหนถ้าไม่ได้นอน

     

    “ถ้าฝนแม่งไม่หยุดทำไงวะเนี่ย”

     

    “นู่นไง ห้องน้ำ นอนแม่งในส้วม” ชานซองพยักพเยิดหน้าไปทางห้องน้ำที่เปิดไปทิ้งเอาไว้ เขาและเพื่อนในหมู่มองตากันอย่างรู้ความหมาย

     

    “นี่มันวันเหี้ยไรวะเนี่ย”

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงกบร้องระงมดังผสมเสียงฝนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ห้องน้ำชายขนาดแปดเมตรอัดแน่นไปด้วยนักศึกษาวิชาทหารที่หนีเข้ามาหลบฝนกว่ายี่สิบชีวิต พวกเขานั่งเบียดกันเป็นปลากระป๋อง หันเท้าชนเท้า บางคนก็ลงไปนั่งในอ่างน้ำหรือในห้องส้วม

     

    เนื่องจากพื้นที่ที่มีปริมาณจำกัดทำให้หลายคนต้องนั่งพิงกำแพงหลับ เอาขาเกยกันเหมือนผู้ประสบภัยหนีน้ำ แบคฮยอนใช้พื้นที่เล็กๆ ตรงหว่างขาแฟนหนุ่มเป็นที่ซุกตัว เขานั่งเอนหลังพิงอกชานยอลเพื่อที่จะได้เหยียดขาออกไปจนสุด

     

    ข้อดีอย่างเดียวของการเป็นคนตัวเตี้ยคือสามารถเอาตัวเองอยู่ตรงไหนก็ได้โดยที่ไม่ทำให้คนอื่นเกะกะ ผิดกับพวกนักกีฬาตัวใหญ่ๆ ที่ต้องนั่งชันเข่าเพราะเหยียดขาไม่ได้ บางคนก็ต้องนอนซบเข่ากันด้วยสภาพสุดน่าสงสาร

     

    ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหลับสนิทได้แต่ก็ยังดีกว่าไปนั่งหนาวอยู่ข้างนอก

     

    “เหี้ย ปวดคอว่ะ” เสียงจงอินที่นอนเหยียดกายหนุนแขนตัวเองอยู่บ่นอุบ ชายหนุ่มนิ่วหน้าบิดต้นคอไปมาด้วยความร็สึกสุดเซ็ง ทั้งกลิ่นของซอฟเฟลทากันยุงผสมกับกลิ่นฉุนในห้องน้ำตลบอบอวล ยิ่งพยายามนอนให้หลับยิ่งฝันร้าย

     

    “เอากระเป๋ากูไปหนุนดิ” ชานยอลหยิบเป้ข้างตัวส่งให้เพื่อนของเขาใช้เป็นหมอนหนุนก่อนจะหันกลับมาสนใจโทรศัพท์ต่อ

     

    ผ้าห่มลายคิตตี้สีชมพูถูกยืดไปห่มเท่าที่มันจะยืดได้ ถึงแม้ว่าเจ้าของของมันจะหวงแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ยอมแบ่งปันให้เพื่อนร่วมหมู่ได้ใช้คลายหนาว ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนเศษแล้ว ชายฉกรรจ์หัวเกรียนนั่งนอนเอาหัวพิงเบียดเป็นปลากระป๋อง ขาก็พยายามยืดไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

     ความเงียบกลับเข้าสู่บรรยากาศอีกครั้ง หลายคนเริ่มหลับเอาแรง แต่ก็ยังมีบางคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่

     

    “ยุงกัดว่ะ”

     

    “อะไรนะ”

     

    เสียงบ่นงึมงำจากแฟนตัวเล็กที่นอนพิงอยู่บนอกเรียกชานยอลให้ต้องละสายตาออกจากมือถือ เขาถอดหูฟังออกแล้วโน้มใบหน้าลงฟังเสียงพูดอีกครั้ง พลางเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มปิดขาให้คนรัก

     

    “บอกว่ายุงกัด ง่วง”

     

    “ง่วงก็นอน” มือหนาวางลงศีรษะทุยก่อนที่ปลายคางจะวางทับลงไปบนหลังมืออีกที

     

    ชานยอลเสียบหูฟังข้างนึงใส่หูแฟนตัวเล็กก่อนจะสอดมือเข้าไปจับฝ่ามือน้อยๆ ใต้ผ้าห่มเอาไว้ ปลายนิ้วทั้งสิบไล้เกี่ยวกันอยู่ใต้ผ้าผืนบางไม่ให้ใครเห็นก่อนที่ดวงตาเรียวรีจะค่อยๆ หลับลงพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า

     

    เสียงฝนด้านนอกเริ่มซาลงบ้างแล้ว แต่ดูจากสภาพดินที่กลายเป็นโคลนไปเรียบร้อยถึงออกไปก็คงนอนไม่ได้อยู่ดี ในค่ำคืนที่แสนโหดร้ายของการฝึกภาคสนามวิชารด. ความเหนื่อยล้าบังคับให้พวกเขาต้องหลับเอาแรงก่อนที่จะถึงวันพรุ่งนี้...

     

     

     

     

     

    แป๊ะ!

     

    “เชี่ย ยุงกัดว่ะ”

     

    “ไอ้สัส ใครขี้ในห้องน้ำวะ”

     

    ในยามดึกสงัดเสียงบ่นดังเบาๆ ขึ้นท่ามกลางความเงียบ เมื่อฝนด้านนอกหยุดสนิทยุงทั้งหลายที่ถูกน้ำท่วมรังก็ออกมาบินว่อนไล่กัดผู้อพยพหนีภัยกันด้วยความกระหาย เมื่อมีใครคนหนึ่งตื่นขึ้น คนอื่นๆ ที่ไม่ได้หลับสนิทดีก็เริ่มขยับตัวตามบ้าง

     

    ตอนนี้ฝนด้านนอกหยุดลงแล้ว เสียงกบผสมจิ้งหลีดดังระงม นาฬิกาข้อมือดังบอกเวลาตีสามตรง พวกเขาเพิ่งจะหลับไปได้แค่สามชั่วโมงเอง แถมยังไม่ได้หลับจริงๆ ด้วย

     

    “ข้างในแม่งอบอ้าวว่ะ” ดงโฮบ่นอุบก่อนจะลุกขึ้นคว้ากระบอกไฟฉายเดินออกไปส่องด้านนอกเพื่อดูว่าดินแห้งพอหรือยัง

     

    ภาพของสนามดินแดงที่เคยมีเต็นท์ผ้ายางผูกเป็นร้อยหลังหายวับไปกับตา เหลือเพียงสภาพสนามดินแฉะๆ เหมือนหลุมขี้โคลนที่ดูยังไงก็ออกไปนอนไม่ได้แน่นอน

     

    “โห สภาพ”

     

    “น้ำยังท่วมปะวะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นถาม เขาขยับตัวลุกขึ้นเบาๆ เพื่อไม่ให้คนที่นอนทับอยู่บนอกตื่นก่อนจะเดินข้ามร่างเพื่อนที่นอนก่ายกันไปหน้าประตู สภาพของพื้นดินชื้นแฉะดูไม่แย่กว่าตอนแรกนัก อย่างน้อยก็ไม่มีน้ำท่วมเหมือนตอนเข้ามาแล้ว

     

    “ไอสัส ข้างในก็ร้อน ข้างนอกก็หนาว”

     

    “จุดไฟได้ปะวะ ตรงที่เฝ้าเวรอะ” อินซองเสนอความเห็น ตอนนี้เขาเบื่อเต็มทีแล้วกับการนอนขดอยู่ในห้อง อย่างน้อยออกไปนั่งรับลมข้างนอกก็ยังดีกว่านี้

     

    “เออ น่าจะเอาผ้ายางปูได้ เดี๋ยวกูไปดูก่อน มึงเอารองเท้ามาดิ”

     

    หัวหน้าหมู่ซึ่งเป็นผู้นำตัดสินใจเป็นคนเดินออกไปสำรวจพื้นที่ด้านนอก ชานยอลนำรองเท้าเพื่อนมาสวมก่อนจะก้าวเท้าลงไปบนพื้นดินเปียกชื้น ละอองฝนเม็ดเล็กๆ ยังคงมีโปรยลงมาบ้างแต่ก็ไม่มากนัก ภายในร้านขายอาหารเพิงสังกะสียังมีคนนั่งหลับเบียดกันอยู่เป็นสิบ

     

    จุดเฝ้าเวรยามอยู่ห่างออกไปไกลจากห้องน้ำเกือบสิบเมตร น่าแปลกที่พื้นดินบริเวณนี้มีดินชื้นแต่กลับไม่มีรอยน้ำท่วมเลย กองฟืนที่เคยถูกใช้จุดทุกวันเปียกชุ่ม ทั้งขอนไม้ และทุกสิ่งเปียกหมดถ้าจะจุดไฟให้ติดก็คงยาก

     

    คนตัวสูงยืนคิดอยู่นานก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าในร้านอาหารมีฟืนที่ยังไม่เปียกแอบเก็บไว้ ชานยอลตัดสินใจเดินกลับไปที่เพิงสังกะสีอีกครั้งแล้วพยายามมองหาบางสิ่งที่สามารถใช้จุดไฟได้ ขณะนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นกองไม้ที่น่าจะถูกตัดมาพักไว้และยังไม่ได้ขนย้ายไป

     

    แสงจากกระบอกไฟฉายถูกส่องไปยังประตูห้องน้ำเป็นสัญญาณเรียกให้เพื่อนคนอื่นๆ ตามมา ชายหนุ่มหยิบเอาไม้ฟืนเล็กๆ ที่พอจะนำไปก่อไฟได้หอบใส่อกแล้วเดินตรงกลบไปยังจุดเฝ้าเวร

     

     

     

     

     

    “เฮ้อ... ค่อยดีหน่อย ยังพอมีลม”

     

    “พ่อมึงจะไม่ด่าใช่ไหมวะ เค้าห้ามจุดไฟโดยพลการนี่”

     

    บริเวณรอบกองไฟ เสียงกิ่งไม้ถูกเผาดังกร่อบแกร่บ ผ้ายางสี่ผืนที่พอจะหยิบออกมาทันจากในเต็นท์ถูกใช้ปูลงบนพื้นแฉะๆ ดูเหมือนว่าหมู่สี่จะเป็นหมู่เดียวที่กล้าออกมาจุดไฟนั่งกันข้างนอกเพราะไม่มีใครแน่ใจเลยว่าสามารถก่อไฟตรงจุดเฝ้าเวรยามได้ไหม แม้แต่ชานยอลเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาแค่ต้องทำบางอย่างเพื่อให้เพื่อนอยู่สบายขึ้น

     

    “มึงจะกลัวเหี้ยไรวะ ถ้าโดนก็โดนกันหมด” จีฮวานบ่นงึมงำ หลังๆ มานี้เขาชักจะชินแล้วกับการเป็นตัวเด่นในค่าย ยังไงคนมันจะโดนมันก็ต้องโดนอยู่ดี ต่อให้ไม่ทำอะไรเลยก็ตาม

     

    “อ๋อ มีเพื่อนโดนอุ่นใจ?”

     

    “แม่งก็ดีกว่านอนอยู่ในห้องน้ำล่ะวะ”

     

    “เออ คะแนนเก็บปีนี้มึงผ่านปะวะ”

     

    เมื่อความว่างเกิดขึ้นบทสนทนาต่างๆ ก็ถูกขุดขึ้นมาคุย ถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่เริ่มหลับอีกแล้วแต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่สามารถนอนต่อไปได้ในค่ำคืนที่แสนโหดร้ายนี้

     

    “ไม่รู้ว่ะ ไม่ผ่านก็ซ่อม”

     

    “เหี้ยเอ้ย กูไม่อยากกลับจากค่ายเลย กลับไปแม่งก็ต้องไปสอบ กูเป็นทหารอยู่นี่เลยได้ปะวะ” อินซองบ่นอย่างนึกเซ็ง ขณะที่กองไฟลุกโชนอาบแสงต้องใบหน้า ชายหนุ่มมองเห็นแต่อนาคตที่แสนสิ้นหวังของตัวเอง

     

    ปีนี้เป็นสุดท้ายของการเรียนมัธยมและรด.แล้ว นั่นหมายถึงชีวิตมหาลัย ความเครียด ความกดดันและความคาดหวัง รวมถึงการต้องจากกับเพื่อนๆ ที่อยู่ร่วมกันมาตลอดหลายปี หลังจากนี้จะเป็นยังไงในอนาคตก็ไม่มีใครอาจรู้ได้ คงมีแต่จะต้องเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอหนทางของตัวเอง

     

    “จบไปมึงเรียนไรต่อวะ”

     

    “กูยังไม่รู้ไรเลย แม่งจะจบอยู่แล้ว”

     

    “มึงไปเป็นตำรวจกับหัวหน้าดิ หัวหน้ามึงจบไปก็เรียนโรงเรียนตำรวจใช่ปะวะ”

     

    คำถามของเพื่อนร่วมห้องเรียกหัวหน้าหมู่ให้ต้องละสายตาออกจากกองไฟ ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนเขาแล้วเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบออกมา

     

    “ยังไม่รู้ว่ะ”

     

    “แล้วถ้าไม่เข้าโรงเรียนนายร้อยมึงจะไปเรียนไหนวะ” จีฮวานเอ่ยถาม คำตอบที่ผิดกับนิสัยมุ่งมั่นของหัวหน้าห้องทำเขาแปลกใจนิดหน่อย ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว ชานยอลยังซ้อมวิ่งทุกวันแต่เขาไม่มีแผนที่จะทำอะไรจริงหรอ ทั้งๆ ที่เคยบอกว่าจะสมัครเข้าตำรวจให้ได้

     

    “แม่กูอยากให้เรียนโรงเรียน แต่กูอยากไปสมัครทหารก่อน”

     

    “มึงเรียนรด.แล้วมึงจะไปสมัครทหารต่อทำไมวะ งี้มึงก็ต้องรอยี่สิบก่อนดิ” ชานซองว่า

     

    “เห้ย แต่มันมีหน่วยรบพิเศษของกองทัพบกเปิดรับอยู่ รับที่สิบแปด แต่แม่งเข้ายากนะเว้ย เข้าได้จริงๆ ไม่กี่คนอะ” ชานอูลูกชายอดีตนายทหารตอบแทน

     

    “เชี่ย งั้นมึงก็ฝึกเป็นทหารจริงตั้งแต่เรียนจบเลยดิ” จีฮวานถึงกับต้องดันตัวขึ้นจากขอนไม้เมื่อได้ยินเพื่อนตรงหน้าบอกว่าจะสมัครเข้าเป็นทหารอาสาก่อน แถมยังเป็นหน่วยรบพิเศษที่เสี่ยงอันตรายมากๆ

     

    ชานยอลกำลังจะบอกว่าพอจบ ม.6 ปุ๊บ เขาจะฝึกเป็นทหารที่ทำงานในหน่วยรบจริงๆ เลย และยังเป็นกองพันที่โคตรโหดเหนือมนุษย์ เรียกได้ว่าตายบ่อยจนต้องเปิดรับพลเรือนมาฝึก

     

    “ถ้าได้เข้าแค่สองปีก็ปลด ออกมาค่อยคิดว่าจะเอาไงต่อ” คนตัวสูงยักไหล่ ชานยอลวางแผนทุกอย่างเอาไว้ ใจเขาอยากทำในสิ่งที่อยากทำแต่ก็ยังลังเลเพราะกลัวว่าครอบครัวจะเป็นห่วง ชานยอลอยากลองทำในสิ่งที่ชอบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรับอะไรเป็นหน้าที่ ถึงจะเสียเวลาไปบ้างแต่การมีตรารบพิเศษติดตัวอาจทำให้เขาก้าวหน้าได้เร็วกว่าคนอื่นๆ ในสายงานที่ต้องพึ่งเรื่องการออกสนาม

     

    “แต่แม่งฝึกโหดมากเลยนะเว้ย มึงเอาจริงดิชานยอล”

     

    “ก็ลองดู” ตอบออกไปพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะหึในลำคอเหมือนไม่จริงจังนักทั้งที่ข้างในเต็มไปด้วยความกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเอง

     

    ชานยอลไม่อยากเสียเวลาสองปีในโรงเรียนตำรวจทหาร เขาอยากลองปฏิบัติงานจริงมากกว่าจะเป็นนักเรียนไปตลอด เรื่องยศอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับใจที่อยากจะทำบางสิ่งบางอย่างและชานยอลมองเห็นมันชัดยิ่งกว่าสิ่งใด

     

    “กูยอมเลยว่ะ แล้วมึงอะ อีหัวกระเทียม เรียนจบมึงไปทำไรต่อวะ” คนขี้สงสัยพยักพเยิดหน้าไปทางลูกหมู่ตัวเล็กที่กำลังพยายามเอาผ้าห่มพันร่างตัวเองจนจะกลายเป็นเบคอน

     

    คำถามที่น่าอึดอัดใจที่สุดทำคนถูกถามถึงกับต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า แบคฮยอนยอมรับเลยว่าไม่ได้คิดอะไรไว้ในหัวสมอง กะว่าจบไปทำอะไรได้ก็ทำ

     

    “ไม่รู้ว่ะ อยากนอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่อยากทำไร ตอนแรกแม่เค้าอยากให้กูเรียนหมอฟันต่อนะ แต่พอเค้าเห็นคะแนนกูแล้วก็แบบ... อืม... ก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากยอมรับกูเป็นลูกอะ เค้าคงปลงแหละ แต่กูก็ไม่รู้ว่าอยากทำไรอะ อยากอยู่บ้านเฉยๆ ช่วยแม่ล้างจาน” คนตัวเล็กตอบออกไปด้วยสีหน้าสุดเรียบเฉยตามประสาคนที่ไม่รู้ว่าเป้าหมายในชีวิตของตัวเองคืออะไรกันแน่ แบคฮยอนไม่ได้อยากเป็นอะไร สำหรับเขาแค่หาเงินเลี้ยงพ่อแม่ได้ก็พอ

     

    “เฮ้อ ไมชีวิต ม.6 มันเครียดจังวะ จบไปก็เรียน เรียนเสร็จแม่งก็ต้องทำงาน เบื่อโว้ยย” ดงโฮร้องโอดครวญ เขาใช้หมวกปิดหน้าก่อนจะไหลตัวนอนไปกับขอนไม้

     

    ความเงียบกลับคืนสู่บรรยากาศอีกครั้งเมื่อไม่มีใครพูดอะไรต่อ จงอินยังคงนอนหลับสนิท นาฬิกาตอนนี้บอกเวลาตีสามครึ่งแล้ว เหลืออีกไม่เกินสองชั่วโมงพวกเขาก็จะถูกเรียกให้ตื่น ชานยอลต้องดับไฟก่อนตีสี่ครึ่งเผือว่าครูฝึกจะเดินมาเห็น อากาศเย็นๆ และความเงียบทำให้บรรยากาศยิ่งดูหงอยเหงา

     

    สายลมพัดสร้างความหนาวเย็นไล้ผ่านผิวเนื้อ ท่ามกลางความเงียบและเสียงฟืนไฟ ไม่มีใครรู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังยืนมองอยู่จากที่ไกลๆ...

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “เฮ้อ เหนื่อยว่ะ”

     

    เวลาเที่ยงเศษๆ ที่เป็นเวลาพักผ่อน แบคฮยอนทิ้งตัวนั่งลงบนโคนต้นไม้ที่มีเพื่อนๆ นั่งกินข้าวอยู่ เขาวางจานข้าวมันไก่ทอดลงก่อนจะแกะนมรสองุ่นขนาด 5 บาทดื่ม เสียงพูดคุยดังจ่อกแจ่กไปทั่วบริเวณ วันนี้โชคดีที่อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่ หลังจากไปกระโดดหอสูงกรี๊ดกันจนหมดแรงก็ถึงคราวต้องเติมพลังสักที

     

    “ไอ้แบค ครูฝึกเรียก”

     

    ยังไม่ทันจะได้ตักข้าวคำแรกเข้าปาก เพื่อนต่างห้องที่เดินเข้ามาเรียกก็หยุดมือที่กำลังจับช้อนไว้ แบคฮยอนหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทของเขาก่อนจะวางจานข้าวลงแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมหมู่

     

    “อะไรอีกวะ” คยองซูบ่น เขามองดูเพื่อนตัวเล็กเดินตามเพื่อนอีกคนไปด้วยสีหน้าเป็นห่วง ในขณะที่เสียงถกเถียงเริ่มดังขึ้น ทุกคนเริ่มจินตนาการกันไปต่างๆ นาๆ บ้างก็ว่าเป็นเพราะการจุดไฟเมื่อคืน บ้างก็ว่าเป็นเพราะเรื่องชุดชั้นใน

     

    “เรื่องไรอีกวะ”

     

    “เรื่องเสื้อในปะวะ” ดงโฮมองตามหลังเพื่อนเขาไปจนคนตัวเล็กเดินหายเข้าไปในซุ้มครูฝึก เมื่อเช้าพวกเขาแอบสอยเสื้อในจียอนขึ้นไปไว้บนต้นมะขามกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น ครูฝึกอาจจะคิดว่าเสื้อในนั้นเป็นของแบคฮยอนก็ได้

     

    “อีจียอนแม่งปากดีแน่เลย”

     

    “แบคยอนอะ” เสียงทุ้มจากทางด้านหลังเรียกทุกสายตาให้ต้องหันไปมองหัวหน้ากองร้อยที่เดินถือขนมซีม่อนและสาหร่ายของโปรดมานั่งลงข้างหลัง

     

    “ครูฝึกเรียก”

     

    “จ่าอ่อ”

     

    “ไม่รู้ว่ะ สงสัย”

     

    ทุกสายตาจับจ้องไปยังทางเข้าซุ้มไม่วางตา ไม่มีใครรู้ว่าแบคฮยอนถูกเรียกเข้าไปทำอะไร แต่ไม่ต้องรอให้สงสัยนาน แบคฮยอนก็เดินถือถุงบางอย่างออกมาจากในเต็นท์ ใบหน้าของเขาดูปกติเรียบเฉยมากกว่าจะวิตกกังวล

     

    “มีเรื่องไรวะ” อินซองถาม เขามองเห็นถุงขนมใบใหญ่ในมือแบคฮยอน ดูท่าทางแล้วไม่เหมือนเรียกไปทำโทษวินัยเลย

     

    “ให้ไปเอาขนม ละก็ถามว่าขาเป็นไงมั่ง” คนตัวเล็กนั่งลงบนพื้นดินแดงด้วยก่อนจะหยิบเอาขนมปังและนมในถุงใหญ่ออกมากางแบ่งเพื่อนๆ สีหน้าเขาเองก็งงไม่แพ้กัน “เค้าบอกว่าเมื่อวานพ่อกูสั่งมา ให้เอาให้หนัก เค้าไม่ได้จะแกล้งกู”

     

    “เค้ารู้จักพ่อมึงด้วยอ่อ”

     

    “ไม่รู้ว่ะ หรือเค้าพูดไปเรื่อยก็ไม่รู้ แต่เค้าไม่ได้ว่าไรอะ แล้วก็ให้ขนมมา”

     

    ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ได้แย่อย่างที่คิด สมาชิกหมู่สี่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนจะหยิบเอาขนมมากินกัน ดูเหมือนจะผ่านไปได้สักทีกับวันที่แสนโหดร้าย แบคฮยอนรีบจัดการข้าวในจานต่อก่อนที่จะต้องไปเข้าเรียนในฐานอื่น

     

     


     

     

    ในวันสุดท้ายก่อนการเรียนรด.ที่แสนยากลำบากจะจบลง นักศึกษาหัวเขียวกว่าสี่สิบคนนอนหลับสนิทหัวพิงกันบนรถ เป็นภาพที่ยังคงเห็นได้ทุกที ขณะที่รถคันใหญ่ก็ขับเคลื่อนไปยังสนามกีฬาเพื่อทำการพิธีปิดการฝึกอบรม นั่นหมายความว่าพวกเขาทุกคนได้เป็นทหารกองหนุนตัวน้อยเรียบร้อยแล้ว และยังหมายถึงการไม่ต้องเกณฑ์ทหารอีกด้วย

     

    “บัดนี้การฝึกนักศึกษาวิชาทหารของศูนย์ฝึกเขาชนไหล่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ซึ่งผลการฝึกของวิชาทหาร...”

     

    เสียงของพลทหารท่านหนึ่งดังกังวานไปทั่ว ช่วงสุดท้ายของพิธีปิดการฝึกเดินทางมาถึงแล้ว เสียงวงดนตรีดุริยางดังกึกก้อง นักเรียนแต่ละคนยิ้มกริ่มด้วยความภาคภูมิใจพลางคิดในหัวว่า จบสิ้นสักทีชีวิตทรหดของกู

     

    แถวของเหล่าทหารน้อยทั้งหลายเริ่มเดินออกจากสนามกีฬาด้วยท่าทีสำรวมแม้ว่าพวกเขาจะอยากกระโดดโลดเต้นแค่ไหน ทันทีที่พ้นประตูมากะเทยทั้งหลายก็แทบลงไปกรี๊ดกับพื้น เป็นอันเสร็จสิ้นกันซักทีกับชีวิตแสนวุ่นวายของนักเรียนรด.

     

    “วันนี้กลับบ้านยังไง” ชานยอลเดินนำหมวกสีเขียวทหารของเขาไปวางบนหัวแฟนตัวเล็กที่ยังเอาแต่ทำหน้ามุ่ยชะเง้อคอมองหาเพื่อนไม่หยุด ใบหน้าที่เริ่มแดงเพราะอากาศร้อนทำให้แบคฮยอนเริ่มกลายพันธุ์จากกระเทียมเป็นลูกท้อสีชมพู

     

    “ก็นั่งรถกลับเหมือนเดิม กลับด้วยกันปะ”

     

    “อือ แวะไปฟิวกัน” มือหนายกขึ้นบีบแก้มแดงๆ จนริมฝีปากยู่ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นมา ชานยอลกอดคอแฟนเขาพากันเดินไปขึ้นรถโรงเรียนที่จอดอยู่ไม่ไกลจากสนาม

     

    เสียงพูดคุยดังจอแจไปตลอดทางในหัวข้อการศึกษาวิชาทหารจบลง ไม่มีแล้วการตัดผมสั้นเกรียน ใส่ชุดเขียว หรือต้องสละเวลาเรียนไปผูกเงื่อน ชีวิตมัธยมปลายที่แสนสนุกใกล้จะจบลงแล้ว...

     

    .


    .


    .

     


    ปุ้ง!

     

    เสียงพลุกระดาษถูยิงขึ้นเพดานเมื่อการสอบวิชาสุดท้ายเสร็จสิ้นลงแล้ว ในคาบว่างหลังสอบก่อนเลิกเรียน นักเรียนชั้น ม. 6/4 วิ่งไล่เขียนข้อความบนเสื้อกันอย่างสนุกสนาน และแน่นอนว่าคนที่ฮอตที่สุดอย่างชานยอลก็โดนเขียนจนเละเทะไปทั้งตัว

     

    วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบแล้ว นั่นหมายถึงวันสุดท้ายของการเรียน... วันสุดท้ายของชีวิต ม.6

     

    “จบซักทีโว้ย!!

     

    “หึ...” เสียงตะโกนของเพื่อนร่วมห้องทำแบคฮยอนที่นั่งคอตกอยู่ด้านหลังได้แต่แสยะยิ้มกรอกตามองบน ไอ้พวกที่ตะโกนออกมาได้แบบนี้ก็มีแต่พวกที่มั่นใจว่าตัวเองจะสอบผ่านเท่านั้นแหละ ส่วนพวกหัวบ๊วยอย่างเขาน่ะหรอ ไม่มีทางสบายใจได้จนกว่าจะถึงวันเกรดออกหรอก

     

    “กูเขียนเฟรนด์ชิพให้ปะ จะได้ล่ำลากัน” อี้ชิงหันไปถามเพื่อนตัวเล็กที่นั่งทำหน้าหมดอาลัยตายอยากอยู่หลังห้อง เขาเองก็มีสีหน้าย่ำแย่ไม่แพ้กัน อี้ชิงนึกไม่ออกเลยว่าข้อสอบที่ผ่านมาเขาทำอะไรบ้าง มันอย่างกับนอนหลับฝันแล้วก็ตื่นขึ้นมา

     

    “บ้านมึงอยู่ซอยข้างกู”

     

    “ก็จะไม่ได้เจอกันที่โรงเรียนอีกแล้วไง”

     

    “มึงก็ต้องเจอกูวันซ่อมอยู่ดี”

     

    “ก็จริง...”

     

    “มึงจะดีใจอะไรกันวะ เข้ามหาลัยแม่งเครียดกว่าจบม.6 อีก”

     

    “เฮ้อ...” สุดท้ายก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมากับความไม่เอาไหนของตัวเอง ไม่รู้เลยว่าในอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง

     

    ในขณะที่ชานยอลวางแผนชีวิตเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนก็ยังคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้ผลสอบออกไปแล้วไม่โดนแม่ด่าดี

     

    “ตกลงชานยอลแม่งไม่สมัครเรียนต่อจริงอ่อวะ”

     

    “อือ มันจะไปสมัครทหารจริงๆ”

     

    “มันเอาจริงอ่อ ถ้าไปเข้าพวกโรงเรียนทหารตอนนี้ก็ยังทันนะ”

     

    “มึง มันไม่เอา กูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมมันต้องเอาตัวเองไปลำบากลำบน” ริมฝีปากบางงอคว่ำ แบคฮยอนก็รู้หรอกว่าชานยอลอยากตั้งใจทำสิ่งที่ฝันให้สำเร็จแต่เขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี การเป็นทหารจริงๆ มันคงไม่ง่ายเหมือนการนอนคิดอยู่ในหัว

     

    “แล้วมึงอะ จะไปสอบเข้าไหนต่อ”

     

    “ยังไม่รู้เลยว่ะ ตอนนี้หัวกูว่างเปล่ายิ่งกว่าตอนสอบอีก”

     

    “แล้วอยากเป็นไรวะ ต้องคิดให้ได้ก่อนผลสอบออกดิ”

     

    “ไม่รู้ดิ อยากเป็นแฟนทหารมั้ง”

     

    ขณะที่ดวงตาจ้องมองไปยังแผ่นหลังของแฟนหนุ่ม ปากก็พูดออกไปตามที่คิดก่อนที่จะโดนเพื่อนซี้โบกกระบาลเข้าเต็มแรง ตอนนี้แบคฮยอนยังไม่รู้หรอกว่าอยากทำอะไร เขาแค่อยากเป็นแฟนชานยอลไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง...

     

     


     


    บนริมทางฟุตบาธรองเท้าผ้าใบสองคู่ก้าวเดินย่ำไปพร้อมๆ กัน ฝ่ามือเล็กถูกกอบกุมด้วยฝ่ามือใหญ่หนา ความอบอุ่นจากอุณหภูมิของคนตัวใหญ่กว่าทำให้แบคฮยอนรู้สึกดีได้เสมอ เสียงเพลงในหูฟังยังคงดังไปตามจังหวะ

     

    พรุ่งนี้แบคฮยอนก็ไม่ต้องมาเรียนแล้ว... เขาคงไม่ได้เจอกับชานยอลที่โรงเรียนอีก ไม่ได้ดูเขาเล่นบาส กินขนม หรือตั้งใจเรียน พอนึกแล้วมันก็เสียดายหน่อยๆ ถึงจะยังกลัวการเปลี่ยนแปลงอยู่เล็กน้อย แต่ความมั่นคงที่หยั่งรากลงในจิตใจก็ทำให้แบคฮยอนพร้อมจะก้าวต่อ

     

    “วันนี้ไปนอนบ้านไหม” เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น ชานยอลถอดหูฟังออกแล้วหันไปมองแฟนตัวเล็ที่กยังเอาแต่เดินทำหน้ามุ่ยคิดอะไรไม่ตกมาตั้งแต่เมื่อกี้

     

    “ไปดิ เดี๋ยวโทรบอกแม่ก่อน”

     

    “เป็นไรทำหน้ามุ่ย

     

    “เปล่า ก็พรุ่งนี้ไม่ได้มาเรียนแล้วอะ ต้องคิดถึงแน่เลย”

     

    “อือ...”

     

    “เนาะ แบบเคยแอบมองคนที่ชอบ เคยเขินเค้า แอบดูเค้าเล่นกีฬา ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกันคงเสียดาย”

     

    คำพูดที่แสนน่ารักของคนตัวเล็กทำคนฟังอดยิ้มออกมาไม่ได้  ชานยอลเหนี่ยวรั้งคอแฟนเข้ามากอดไว้ก่อนจะก้มลงหอมหัวด้วยความหมั่นไส้ ไม่รู้ทำไมแบคฮยอนถึงชอบพูดอะไรให้เอ็นดูได้เสมอเลย ไม่ว่าเขาจะคิดหรือทำอะไรมันก็ดูน่ารักไปหมดจนน่าหมั่นไส้

     

    “ไปกินหนมกัน”

     

    “เลี้ยงป่ะ”

     

    “เคยไม่เลี้ยงด้วยหรอ”

     

    เพียงแค่ได้ยินชื่อของกินแบคฮยอนก็ยิ้มกริ่มทำหน้ามีความสุขแบบลืมไปเลยว่าเมื่อกี้กำลังเศร้าซึมเรื่องอะไรอยู่ ศีรษะที่มีผมขึ้นอยู่บางๆ โยกไหวไปมา

     

    จบกันสักทีม.6 มัธยมที่สนุกที่สุดและการเรียนรด.ที่คุ้มค่ามากที่สุด อย่างน้อยแรกกับแฟนนี้ที่ได้มาก็เกินพอแล้ว มันจะเป็นประสบการณ์ชีวิตมัธยมที่แบคฮยอนไม่มีวันลืมเลย...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    #แม่บ้านทหารบกcb



     

     




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×