คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : (ภาครด. ม. 6) EP.9 วันแรกกับจ่านรก
ปั้ง!
มือใหญ่ๆ
ของนักกีฬาฟุตบอลตบลงบนโต๊ะเสียงดังปังเรียกเพื่อนในห้องให้หันมามองเป็นตาเดียว
“เชี่ยเอ้ย
อาทิตย์หน้าไปค่ายรด.แล้ว งานคณิตกูยังไม่เสร็จเลย”
“รด.ปีนี้ไปหน้าร้อนอ่อวะ กูตาย”
“ประเทศมึงมีฤดูอื่นด้วยหรอวะ”
เวลาสิบเอ็ดโมงกว่าภายในห้องเรียนชั้น
ม.6/4
เสียงนักเรียนในห้องบ่นโอดครวญกันไม่ขาดสายเรื่องการไปค่ายรด.ปีสามที่จะเกิดขึ้นสัปดาห์หน้า
มันเป็นเหมือนสัปดาห์มหานรกเมื่องานเก็บคะแนนของพวกนักเรียนรักษาดินแดนส่วนใหญ่แทบไม่ไปไหนเลย
พวกเขาช้ากว่าเพื่อนในห้องและยังต้องลำบากกว่า ไหนจะซื้อของ ตัดผม มันเป็นอะไรที่สุดยอดสุดๆ
กับชีวิตม.ปลายที่แสนสาหัส
“เห้ย วันนี้ตอนบ่ายไกด์ข้อสอบนี่หว่า”
“ใครจะจดอะ เหี้ย
บ่ายก็ไปเรียนกันครึ่งห้อง” จินซอกบ่นอุบ บ่ายนี้พวกเขาต้องไปเรียนรด.กันอีก
แล้วก็มีเพื่อนที่คอยจดไกด์ข้อสอบอยู่ไม่กี่คน
ซึ่งมันคงดีถ้าเพื่อนคนนั้นยอมถ่ายเอกสารให้แต่มันก็คงต้องแล้วแต่ดวง
“เชี่ยเอ้ย มีแต่งานๆๆ”
บรรยากาศในห้องเรียนคึกครื้นอย่างเหลือเชื่อกับหัวข้อเรื่องการไปเข้าค่ายและสอบเก็บคะแนนปลายภาค
เพียงแค่นึกก็ทรมานไปถึงไหน
คงจะมีแต่ชานยอลที่ยังวางตัวสบายอยู่ได้เพราะการไปเข้าค่ายสำหรับเขามันเป็นเหมือนฝึกก่อนเข้ารับทหารจริงในอนาคต
และแน่นอนว่าคนที่เซ็งที่สุดก็คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเจ้าหัวกระเทียมสุดอ้อแอ้ของห้องที่เพิ่งไปตัดผมทรงเกรียนมาเมื่อเช้า
“เฮ้อ...”
ลมหายใจอุ่นถูกถอนออกมาเบาๆ จากคนตัวเล็กที่นอนวางคางเกยแขนอยู่บนโต๊ะ
แบคฮยอนได้แต่มุ่ยหน้าอย่างนึกเซ็งกับความรู้สึกที่เบาหัวที่ได้สัมผัสอีกครั้ง
ตั้งแต่ไปตัดผมมาเมื่อเช้าเขาก็ซึมเป็นแมวเซาโดนตัดหนวด แบคฮยอนไม่รู้สึกอยากเดินออกไปไหนเลยนอกจากห้องเรียน
ไม่ว่ายังไงก็ทำใจให้ชินไม่ได้สักที
“แดดอย่างงี้หน้ากูไหม้แน่นอน”
จางอี้ชิงบ่นพลางใช้มือลูบหัวเพื่อนรักเหมือนถูลูกแก้วทำนายดวง ความรู้สึกของตอผมที่รูดไปกับฝ่ามือทำอี้ชิงเพลินจนแทบหลับ
ตั้งแต่เช้ามานี้เขายังไม่เลิกเล่นหัวแบคฮยอนเลย
หลังจากที่เจ้าหัวกระเทียมหายไปเกือบปีตอนนี้เขาก็คัมแบคแล้วพร้อมหัวใสเหน่งยิ่งกว่าเณรในวัด
ปีนี้แบคฮยอนไปตัดผมก่อนใครเพื่อน ทั้งๆ ที่ปกติเขาจะตัดเป็นคนสุดท้าย
แถมยังหลบหน้าชานยอลตั้งแต่เช้าอีก
“ไหม้ยันหนังหัวอะ”
“ทำไมคนเราต้องเรียนรด.ด้วยวะ”
“เพื่อที่มึงจะได้ไม่ต้องเกณฑ์ทหารไง”
“เบื่อโว้ยย” อยู่ดีๆ
แบคฮยอนก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเซ็ง ดูเหมือนว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากสนามฝุ่นดินแดงนี่ได้เลย
สุดท้ายก็ได้แต่ต้องปลง
ดวงตาเรียวรีเหลือบมองไปยังแผ่นหลังของแฟนหนุ่มที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่กับเพื่อนบนเก้าอี้ฝั่งริมสุด
ริมฝีปากบางมุ่ยขึ้นเป็นปากเป็ด แบคฮยอนจะพยายามบอกตัวเองให้ไม่เซ็งก็ได้เพราะอย่างน้อยเขาก็มีชานยอลอยู่
ยังไงไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นชานยอลก็คงต้องช่วยแบคฮยอนอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าการเข้าค่ายปีนี้มันจะสนุกเหมือนปีก่อนหรือเปล่า
ยังไงก็คงต้องลองดู
.
.
.
“โอ้แม่นวลน้อง~
นวลน้อง~ พี่เฝ้าคอยเจ้า~”
เวลาหกโมงเศษบนรถของโรงเรียนในวันเดินทางไปค่ายฝึก
เสียงร้องรำทำเพลงของเหล่านักเรียนชายที่แสนคึกครื้นดังไปทั่วคันรถพร้อมกับเสียงเคาะตีทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือ
แบคฮยอนที่ตื่นนอนตั้งแต่ตีสามได้แต่มุ่ยหน้าอย่างนึกรำคาญหลังจากที่พยายามนอนหลับมาสองชั่วโมงแล้ว
อาการหวัดเล็กๆ ทำเขาไม่ค่อยแฮปปี้กับการเดินทางครั้งนี้นัก
ยิ่งพยายามนอนให้หลับก็ยิ่งนอนไม่หลับ ตอนนี้หกโมงแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงจุดเปลี่ยนรถเพื่อเข้าค่ายฝึก
แบคฮยอนหวังจริงๆ ว่าเขาจะได้นอนสักงีบ
“กูไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” คยองซูหันไปกระซิบบอกเพื่อนสนิทที่นอนเอาผ้าห่มคลุมหน้าอยู่ข้างๆ
ก่อนจะลุกออกไปจากที่นั่ง
สุดท้ายคนตัวเล็กก็ได้แต่นั่งมองทางไปเพลินๆ
ด้วยสีหน้าสุดเซ็ง ยิ่งเวลาผ่านไปท้องไส้ที่แสนว่างเปล่าก็ยิ่งปั่นป่วน เมื่อเช้าแบคฮยอนไม่ได้กินอะไรมาเลยเพราะกลัวปวดขี้กลางทางและตอนนี้กระเพาะของเขาก็เริ่มส่งเสียงประท้วงแล้ว
“ทำไร”
เสียงทุ้มคุ้นหูเรียกคนตัวเล็กให้ต้องหันไปมองหัวหน้าห้องผู้พ่วงตำแหน่งแฟนหนุ่มที่แอบย้ายตัวเองมานั่งข้างๆ
ชานยอลส่งยิ้มเล็กๆ ให้กับแฟนเขาพร้อมกับใช้มือเกาคางเล่นเหมือนกล่อมแมวเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กทำหน้าบูด
สีหน้าของแบคฮยอนดูไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เช้าเพราะอาการหวัด
ท่าทางเขาไม่ร่าเริงเท่าไหร่
“หิวข้าวอะ”
“เมื่อเช้ากินยายัง”
“อือ กินไปแล้วแต่ยังไม่ได้กินข้าวเลย”
คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันอย่างน่าเห็นใจ วันนี้แบคฮยอนไม่ได้พกขนมมาเลยเพราะเมื่อเช้าเขาตื่นสายแล้วก็รีบมากจนเกือบจะลืมหยิบของสำคัญมาหลายอย่าง
ทั้งขันน้ำ ยาสีฟัน อย่าว่าแต่ขนมเลย กางเกงในก็ไม่ได้เปลี่ยนมา
“ไปนั่งด้วยกันไหม”
“ไม่เอาอะ นั่งนี่แหละ
ตรงนั้นเสียงดัง” ว่าแล้วก็หันไปมุ่ยหน้าทำปากเป็ดใส่แฟนหนุ่มที่กำลังหัวเราะด้วยสีหน้าสุดเย้า
ฝ่ามืออบอุ่นที่วางลงบนศีรษะทำให้แบคฮยอนอบอุ่นใจได้เสมอ
“งั้นก็นอนไป” คนตัวสูงระบายยิ้มจางๆ
ขึ้นบนใบหน้าด้วยความเอ็นดูพร้อมทั้งใช้มือยีหัวคนรักก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากเก้าอี้ไปหลับไปยังที่นั่งเพื่อปล่อยให้แฟนตัวเล็กได้พักผ่อน
การกระทำที่แสนใจดีและแสดงออกถึงความห่วงใยยังทำให้แบคฮยอนใจสั่นได้เสมอ
ชานยอลไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เขาเป็นหัวหน้าคนดียังไงก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น
และนั่นก็ทำให้แบคฮยอนเขินได้ตลอด
คนตัวเล็กซุกหน้าลงกับผ้าห่มคิตตี้ประจำกายก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
ถึงจะรู้ว่าคงนอนไม่หลับแล้วเพราะหัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด
ทำไมถึงไม่เคยหยุดชอบชานยอลเลยนะ
.
.
.
รถบัสสีเขียวทหารวิ่งผ่านถนนดินลูกรังเข้ามาถึงหน้าประตูค่าย
ฝุ่นดินแดงฟุ้งตลบ ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวเป็นพิเศษ ทันทีที่รถจอดสนิทภายใต้รั้วค่ายฝึกในเวลาสิบเอ็ดโมง
นักศึกษาวิชาทหารปี 3 กว่าร้อยชีวิตก็แหกตาวิ่งอุตลุดกันลงจากรถ
“ลงมาๆๆๆ! เร็ว!!”
เสียงรองเท้าคอมแบทนับร้อยคู่เหยียบกระแทกพื้นปั้บๆๆ
เสียงนกหวีดที่แสนคุ้นเคยปลุกความรู้สึกเดิมๆ ให้กลับมาอีกครั้ง กองร้อย 101
ที่มาถึงยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ต้องรีบวิ่งไปเข้าแถวตามหมวดหมู่อย่างว่องไวเมื่อได้ยินเสียงครูฝึกตะโกนลั่น
ทุกอย่างเป็นไปด้วยความกระชับฉับไว
นักเรียนหมู่สี่ตั้งแถวเรียงกันเหมือนอย่างทุกทีท่ามกลางแดดเปรี้ยงและฝุ่นดินแดงที่ลอยคลุ้งไปทั่ว
ความร้อนจากดวงอาทิตย์เริ่มทำให้ผิวแดงและแสบ
มาถึงยังไม่ทันไรก็เจอกับครูฝึกที่ไม่อยากเจอซะแล้ว
ปรี๊ดดดดดดดดดดด!!
“หมอบ!!!”
พอคำสั่งหมอบดังขึ้นทุกคนก็รีบนอนหมอบลงกับพื้นทันทีทั้งที่เป้ยังคาหลัง
ใบหน้าโหดเหี้ยมของชายผิวคล้ำยิ่งตอกย้ำถึงความอำมหิต
แบคฮยอนแอบชำเลืองตัวขึ้นมองครูฝึกตัวหนาเจ้าของสมยานาม ‘จ่านรก’ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเล็กน้อย
เสียงล่ำลืออันเลื่องชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและไร้ความปราณีของเขาถูกบอกเล่าปากต่อปากสู่นักเรียนรด.
ทุกยุคทุกสมัย
ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือหลอก
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว
“ลุกขึ้น!!”
“เฮ้!!”
“หมอบ!!”
“เชี่ยไรวะ ยังไม่ทันได้ลุกเลย”
ดงโฮบ่นเบาๆ เมื่อตัวเขาถูกสะบัดจากเป้ผลักให้ล้มลง ใบหน้าหมีๆ
ย่นลงด้วยความหงุดหงิดใจ ฝุ่นแดงที่ทำท่าจะสงบลงลอยคลุ้งอีกครั้งและมันก็เริ่มเข้าปาก
เข้าจมูก
“เมื่อกี้เสียงใคร!! ไอ้คนนั้น! หมู่สี่มึงยืน!!”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงตะโกนของครูฝึกก็ดังขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วอ้วนๆ
ที่ชี้มายังนักเรียนหมู่สี่ ดงโฮถึงกับหันมองเพื่อนสีหน้าเลิ่กลั่กเพราะไม่คิดว่าครูฝึกจะได้ยิน พวกเขากล่าวโทษกันทางสายตาก่อนจะยืนขึ้นช้าๆ
ในใจก็ต่างคิดว่าซวยแล้ว หมู่สี่โดนอีกแล้ว กูมาถึงยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกซ่อมอีกแล้ว
“กอดคอลุกนั่งห้าสิบ!!”
“เฮ้!!!”
“ไอเหี้ยดงโฮ มึงอะปากดี ไอสัส
ไงล่ะ โดนเปิดแต่เช้า”
เสียงบ่นงึมงำของสมาชิกหมู่สี่ประจำกองร้อย
101 ดังไปตลอดทางเดินระหว่างฐานฝึกยิงปืนและสนามฝึก จงอินถึงกับต้องเซ็งเมื่อเปิดงานมาค่ายวันแรกก็แจ้งเกิดกันทั้งหมู่
กางเกงเขาเปื้อนดินแดงตั้งแต่หัววันไม่นับรวมการถูกตัดสิทธิ์ให้เป็นหมู่แรกที่ได้กินข้าวก่อน
นี่มันโคตรของโคตรวันซวย ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการถูกจ่านรกเขม่นอีกแล้ว
“กูจะรู้ปะล่ะว่าแม่งจะได้ยิน
ไอเหี้ย อยู่ตั้งไกล”
“ชีวิตมึงไม่ราบรื่นแล้ว
มึงเตรียมตัวไว้เหอะ”
“รีบๆ เดินหน่อย! เร็ว! ใครไปถึงหมู่สุดท้ายมึงพักหมู่สุดท้าย!”
คำขู่ของครูฝึกที่เดินอยู่หน้าแถวเรียกให้นักศึกษาวิชาทหารกว่าร้อยชีวิตต้องเร่งฝีเท้า
แดดร้อนจัดเริ่มทำให้ผิวแดงไม่นับรวมเหงื่อที่ซึมออกมาเปียกหลังไปหมด แบคฮยอนสะพายปืนก๊อกแก๊กของเขาเดินตามหมู่ข้างหน้าไปเรื่อยๆ
ผ่านทุ่งหญ้าข้างทางลูกรังที่รกชัฏ
อีกประมาณสองร้อยเมตรพวกเขาก็จะถึงลานฝึกยิงกลางแจ้งแล้ว
ซึ่งแบคฮยอนไม่รู้สึกพร้อมเลย เขาไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาสำหรับการเข้าค่าย ตอนนี้จิตใจของแบคฮยอนอยู่ที่ข้าวเย็นเท่านั้น
ตลอดทางที่เดินก็เอาแต่คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลากินข้าวซักที
“แม่ง ร้อนว่ะ...”
“วันนี้เอาที่อุดหูมาไหม”
แรงกอดรัดจากท่อนแขนหนาที่ตวัดโอบรอบคอเรียกคนตัวเล็กให้ต้องละความสนใจออกจากภาพหลอนของอากาศร้อนตรงหน้า
แบคฮยอนย่นคิ้วเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าหมู่ของเขาพลางส่ายหัวไปมา
“หึ ไม่ได้เอามาอะ ตอนแรกว่าจะมาซื้อที่นี่แต่ไม่รู้ว่ามาถึงจะฝึกเลย”
“ว่าแล้วว่าต้องไม่ได้เอามา”
ชานยอลล้วงเอาที่อุดหูสีเหลืองในกระเป๋าเสื้อออกมายัดใส่หูให้แฟนตัวเล็กทั้งสองข้าง
ก่อนจะหยิบอีกคู่ออกมาใส่ให้ตัวเองบ้าง
เขารู้อยู่แล้วว่าแบคฮยอนต้องลืมแน่ถึงได้พกมาเผื่อแล้วเจ้าตัวก็ลืมจริงๆ
“เอามาเผื่อด้วย?”
“รู้แล้วว่าต้องลืม”
“หัวหน้ามีที่อุดหูอีกปะครับ” จีฮวานที่ยืนอยู่ด้านหลังแกล้งพูดขึ้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีที่อุดหูอยู่แล้ว
เขาหันไปหัวเราะกับเพื่อนจนถูกหัวหน้าหันมามองด้วยสายตาคาดโทษ
ดูเหมือนจะกลายเป็นภาพชินตาไปซะแล้วกับความใกล้ชิดของลูกหมู่คิตตี้กับหัวหน้ากองร้อย
101 หรือกองร้อยอินทรีย์ ทั้งความเป็นสุภาพบุรุษของพี่หล่อกับมุมที่ไม่ค่อยได้เห็น
และความอ้อแอของเจ้าหัวกระเทียมลีบ ชานยอลที่แสนเย็นชาพออยู่กับลูกหมู่ตัวเล็กของเขาแล้วก็อย่างกับกลายเป็นคนละคน
แต่ก็ไม่เคยละทิ้งความขี้เก๊กออกไปได้
และการกระทำของเขาก็ทำให้หัวใจชายโสดทั้งหลายร้อนรุ่มเหลือเกิน
เรียกได้ว่าเป็นชายเหนือชายของแท้ ชายที่แม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองก็อยากได้
“ไม่มี เอามาสองอัน”
ชานยอลละอ้อมแขนออกจากต้นคอคนข้างๆ ก่อนจะหันไปตอบลูกหมู่สุดกวนที่กำลังทำหน้ายิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยอย่างเลศนัย ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าจีฮวานต้องการอะไร
และชานยอลจะไม่ให้แน่
“ทำไมมีให้แต่ไอ้แบ้กอะ
หัวหน้าลำเอียงอะ”
“กูเอามาแค่นี้
ถามจงอินดิมันมีเปล่า” หัวหน้าหมู่สุดหล่อพยักพเยิดหน้าไปทางเพื่อนซี้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ชานยอลยังคงรักษาสีหน้าและน้ำเสียงเรียบนิ่งเอาไว้ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแกล้งทำทีเป็นหาที่อุดหูทั้งที่พกมาแค่สองอัน
“ผมอยากได้ของหัวหน้าอะ
หัวหน้าใส่ให้ผมมั่งดิ”
“ก็กูไม่มี มึงให้ไอ้ไคใส่ให้ดิ”
“มา กูเอาตีนอุดให้”
จงอินหันมายิ้มเยาะให้เพื่อนตัวกวนประจำหมู่พร้อมกับยกรองเท้าคอมแบทขึ้นถีบตูด เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ
ท่ามกลางเสียงรองเท้ากระทบพื้นหิน ก่อนที่เสียงนกหวีดจะดังขึ้นเมื่อหมู่หนึ่งเดินถึงฐานและนักเรียนรด.ที่เหลือก็ต้องเร่งฝีเท้าวิ่งกันไปให้ถึงสนามยิงเป้าเพื่อฝึกยิงกระสุนจริงเป็นการทบทวน
“ฮ่ะ... ฮ่ะ...” แบคฮยอนหอบแฮ่กทั้งที่เดินมาไม่ได้ไกลเท่าไหร่
อากาศร้อนอบอ้าวและแดดที่แรงยิ่งกว่าโดนย่างไฟก็ทำเขาหอบล้าไปหมด
คนตัวเล็กวิ่งเหยาะๆ
ขนาบข้างเพื่อนซี้ตามหมู่ไปจนถึงจุดนั่งพักก่อนเริ่มทำการทดสอบ นักเรียนหมู่หนึ่งเข้าประจำที่ฐานยิงและต่อด้วยหมู่
2 - 5 ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงซึ่งแดดยังไม่มีทีท่าว่าจะร่ม ทันทีที่สัญญาณธงถูกยกขึ้นเสียงปังๆๆ! ก็ดังไปทั่วสนาม
พร้อมกับควันจากปลายกระบอกปืนที่ลอยคลุ้ง
“ร้อนชิบหายเลยวะ” มือบางยกขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
แบคฮยอนเหยหน้าหรี่ตาหลบแดด
ใบหน้าชื้นเหงื่อก้มลงซบพิงกับแผ่นหลังเพื่อนสนิทข้างหน้า
เขาหยิบเอากระติกน้ำข้างเอวขึ้นมาเขย่าก่อนที่จะต้องถอดใจเมื่อคิดว่าน้ำในกระติกก็คงร้อนไม่ต่างกัน
“มึงไหวปะเนี่ย”
คยองซูหันไปถามเพื่อนซี้ที่เอาแต่นั่งพิงหน้าหลบหลังเขาด้วยสภาพไม่ค่อยดีนัก
ใบหน้าของแบคฮยอนแดงเห่อ แถมดวงตายังดูเฉอะแฉะอย่างกับคนเป็นไข้
“อือ”
“เดี๋ยวก็ได้ยิงแล้ว ทนหน่อย”
เสียงนกหวีดกับเสียงปืนดังขึ้นสลับกันทุกห้านาที
นศท.กองร้อย 101 เริ่มทยอยลุกกันไปเข้าประจำที่
ส่วนคนที่ทดสอบเสร็จแล้วก็ไปนั่งรออยู่อีกฝั่ง แบคฮยอนวางกระเป๋าเป้พิงไว้กับกลุ่มเพื่อนแล้วดันที่อุดหูให้กระชับกับรูเมื่อเห็นว่าหัวหน้าหมู่ลุกขึ้นเตรียมไปทำการทดสอบแล้ว
อากาศที่ร้อนจัดและความเพลียจากหวัดรวมถึงการไม่ได้เติมอาหารเช้าใส่กระเพาะมาทำแบคฮยอนเพลียจนแทบจะทนไม่ไหว
ภาพตรงหน้ามันวูบไหวไปหมดอย่างกับยืนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายซาฮาร่า
แต่ก็ทำได้แค่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อแล้วนั่งทนต่อไปเพราะเป็นรด.ต้องอดทน
และก็ไม่มีใครในนี้สบายทั้งนั้น
ปรี๊ดดดดดด!!
เสียงนกหวีดยาวๆ
ดังขึ้นเรียกสมาชิกหมู่สี่ให้ต้องรีบลุกขึ้นวิ่งไปยังฐานทดสอบยิงปืน
แบคฮยอนเป็นคนแรกที่ยิงของวันนี้ เขานอนหมอบตัวลงบนผ้ายางสีเขียวข้างแฟนหนุ่มที่แอบส่งยิ้มเล็กๆ
มาเป็นกำลังใจให้ก่อนจะชักคันท้าย รับกระสุนมาบรรจุใส่รังเพลิง
“ตั้งใจนะ”
พรึ่บ!
ธงสีขาวโบกสะบัดเป็นสัญญาณยิง แบคฮยอนเหนี่ยวไกลยิงเหมือนทุกครั้ง
เสียงปืนดังปิดติดต่อกันปั้งๆๆๆ! แต่ไม่ได้ออกมาจากกระบอกปืนเขา
คนตัวเล็กพยายามจะเหนี่ยวไกลอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกระทั่งเสียงปืนรอบสนามเงียบลงแล้ว
ซึ่งนศท.แบคฮยอนยังไม่ได้ยิงเลยสักนัดเดียว
“เอ้า”
“เป็นไรอะ” ชานยอลดูเหมือนจะสังเกตเห็นได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับปืนของลูกหมู่
เขาเห็นแบคฮยอนพยายามดึงนั่นดึงนั่นนี่ยึกยักพร้อมทั้งขมวดคิ้วนิ่วหน้า ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดห้ามไกรด้วยซ้ำ
“ปืนมันยิง...”
ปั้ง!!!
เสียงปืนลั่นดังปัง! พูดยังไม่ทันขาดคำแบคฮยอนก็ทำปืนลั่นทั้งที่ครูฝึกยกธงสั่งหยุดยิงแล้ว
ทุกคนในสนามต่างหันมามองกันเป็นตาเดียวก่อนที่เสียงเป่านกหวีดจะดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงตะโกนของครูฝึกที่ยืนคุมการทดสอบอยู่ด้านหลัง
“ใครยิง!! เมื่อกี้ใครยิง!!”
“เชี่ย” แบคฮยอนถึงกับหน้าเหวอ
เขารีบหันไปมองหัวหน้าเป็นเชิงความช่วยเหลือก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนยกมือทันทีก่อนที่มันจะทำให้ครูฝึกอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“ผ... ผมเองครับ ปืนมันลั่น”
คนตัวเล็กกล่าวด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก
ท่าทางของแบคฮยอนอย่างกับไก่ตื่นสนามเมื่อทหารจ่าท่านหนึ่งเดินย่างเข้ามาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“ปืนมันลั่นได้ยังไง! ไม่ได้ทำตามที่บอกหรอ! ไอ้ห่านี้! มึงไม่เห็นครูฝึกหรือไง
แล้วหัวหน้าทำไมมึงไม่ดู!” ครูฝึกร่างใหญ่เจ้าของฉายา ‘จ่านรก’ ตะโกนเสียงดังเกรี้ยวกราดไปทั่วสนาม นักศึกษาวิชาทหารทั้งกองร้อยถึงกับต้องหุบปากเงียบ
ทุกสายตาจับจ้องมายังที่ตัวต้นเหตุเป็นตาเดียว
แบคฮยอนกลืนก้อนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่
ใจเขาได้แต่คิดว่าซวยอีกแล้ว กูซวยอีกแล้ว มาถึงวันแรกยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนแล้ว
แถมยังเป็นเรื่องร้ายแรงซะด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าจะต้องโดนหนักขนาดไหน
“ทำอะไรกันไม่รอบคอบ! ถ้ามีคนโดนยิงตายขึ้นมามึงทำไง!
ถ้าไปโดนลูกคนอื่นเค้ามึงทำใช้ได้ไหม!”
“...........”
บรรยากาศตึงเครียดกระจายตัวไปโดยรอบ
หัวหน้าหมู่สี่เองก็ดูหน้าเครียดไม่แพ้กัน แต่วินาทีนี้คงไม่มีใครช่วยแบคฮยอนได้แม้แต่ชานยอลเอง
“เดี๋ยวหมู่สี่มึงอยู่กันก่อน
อยู่กันทั้งหมู่”
ครูฝึกในชุดทหารชี้นิ้วไปยังเด็กหนุ่มตัวเล็กตรงหน้าและหัวหน้ากองร้อยก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้คนที่ยิงปืนเสร็จแล้วลุกออกจากแถว
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกยกเอาภูเขาทุ่มใส่หัว
ทั้งกลัวความผิดและรู้สึกผิดไปพร้อมๆ กัน
ดวงตาเรียวรีเหลือบไปมองแฟนหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างตัวพลางย่นคิ้วทำสีหน้าเป็นกังวลเหมือนต้องการจะขอโทษก่อนที่จะรีบเดินย้ายตัวเองออกจากสนามไปเพื่อให้คนอื่นได้เข้ามายิงต่อ
ไม่มีคำพูดใดระหว่างกัน
แบคฮยอนได้แต่เดินหน้าจ๋อยไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่อยู่อีกฝั่ง มาถึงวันแรกเขาก็ทำให้เพื่อนเดือดร้อนซะแล้ว
แบคฮยอนไม่สบายใจเลยและที่เขากังวลยิ่งกว่าคือกลัวว่าชานยอลจะโกรธ
มันเพราะแบคฮยอนอีกแล้ว
เขาทำตัวไม่ได้เรื่องอีกแล้ว และชานยอลก็ต้องซวยอีกแล้ว...
“เชี่ย นี่มันวันเหี้ยไรวะ
เมื่อเช้าก็ไอ้ดงโฮ ตอนนี้มึงอีก” อินซองบ่นพึมพำพลางส่ายหัวไปมา
ทว่าเขาก็ไม่ได้กล่าวโทษเพื่อนร่วมหมู่ตัวเล็กแต่อย่างใด มือหนาวางลงบนบ่าคนด้านหน้าราวกับต้องการจะปลอบใจเมื่อได้เห็นสีหน้าจ๋อยๆ
ของเจ้าตัว
ถึงจะโทษกันไปมันก็คงไม่มีประโยชน์อยู่ดีเพราะสุดท้ายก็ต้องรับโทษร่วมกันทั้งหมู่
“เหี้ย กูไม่ได้ตั้งใจ มันยิงไม่ออกจริงๆ
นะเว้ย มึงว่าจะโดนหนักไหมวะ” แบคฮยอนหันไปนิ่วหน้าใส่เพื่อนร่วมชั้นที่ดูจะเซ็งไม่แพ้กัน
เขาเห็นจงอินกับชานยอลและลูกหมู่ที่เหลือกำลังเดินมาเมื่อการทดสอบยิงปืนของหมู่สี่เสร็จสิ้น
ท่ามกลางอากาศร้อนจัดแบคฮยอนนึกอยากจะวาร์ปหายตัวไปเฉยๆ
ซะตอนนี้เลย เขาไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับอะไรทั้งนั้น
“อิโล้น อิสัส”
จงอินเดินมาถึงยังไม่ทันได้นั่งก็หันไปด่าเพื่อนตัวเล็กที่ทำให้คนในหมู่ซวยตั้งแต่เช้า
เขาทิ้งก้นนั่งลงด้านหลังเพื่อนสนิทพลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออยากนึกเซ็ง
หินลูกเล็กถูกหยิบขึ้นปาใส่คนข้างๆ ที่ยังเอาแต่นั่งทำหน้าจ๋อยสำนึกผิดอยู่
“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ”
“ช่างแม่ง
ยังไงก็โดนด้วยกันหมดอยู่ดี”
“เชี่ยเอ้ย อะไรก็ได้
ขออย่าหักคะแนนพอ” ชานซองบ่น
“มึงโดนลากเลือดแน่
นั่นจ่านรกนะเว้ย”
เสียงบ่นถึงความโหดที่เลื่องชื่อของจ่านรกยิ่งกดดันแบคฮยอนให้รู้สึกแย่
คนตัวเล็กหันไปมองแฟนหนุ่มที่นั่งอยู่ถัดไปไม่ไกลด้วยสายตาที่แสนรู้สึกผิด ทว่าชานยอลก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาเพียงแค่ส่งยิ้มที่ไม่รู้ความหมายมาให้ก่อนจะหันไปมองเพื่อนคนอื่นๆ
ซ้อมยิงปืนต่อ
ภายใต้สีหน้าเรียบนิ่ง และแววตานิ่งสงบ
ไม่มีใครรู้ว่าชานยอลคิดอะไร และนั่นก็ทำให้แบคฮยอนยิ่งรู้สึกผิดเหลือเกิน
เขาคงโทษตัวเองถ้าทำให้หัวหน้าหมู่ถูกหักคะแนนอีกรอบ
วันแรกของการฝึกรด. ปีที่ 3 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วพร้อมกับการลงโทษที่ไม่มีใครคาดคิด!
“ผมจะไม่ทำปืนลั่นอีกแล้วครับ! ผมจะไม่ทำปืนลั่นอีกแล้วครับ!”
“วิ่งไป!! วิ่งไป! อย่าหยุด! ตะโกนให้มันดังๆ หน่อย!!”
ท่ามกลางสนามฝึกดินแดงกลางแจ้ง นักศึกษาวิชาทหารหมู่ 4 กว่า 11 ชีวิต กำลังวิ่งแบกปืนวนไปรอบๆ สนามพร้อมกับตะโกน ‘ผมจะไม่ทำปืนลั่นอีกแล้วครับ’ ซ้ำไปซ้ำมาโดยมีสายตานับร้อยของเพื่อนร่วมกองมองอยู่ตลอด ไรฝุ่นแดงคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วทุกครั้งที่รองเท้าคอมแบทกระแทกลงกับพื้น
เป็นเวลากว่า 10 นาทีแล้วที่พวกเขาวิ่งวนกันอยู่กลางแดดโดยมีเป้าหมายคือ 50 รอบสนาม แบคฮยอนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องหอบแฮ่กหลังจากที่วิ่งวนไปแล้วกว่าห้ารอบ ขาเขาล้าจนแทบก้าวไม่ไหว เท้าเจ็บไปหมด รู้สึกเหมือนจะวูบล้มลงทุกครั้งที่เงยหน้าถ้าไม่ติดว่ายังเห็นเพื่อนวิ่งกันอยู่
ในหมู่ 4 ที่เต็มไปด้วยนักกีฬาของโรงเรียนแบคฮยอนกลายเป็นคนเดียวที่อ่อนที่สุด เขาเห็นสายตาของดงโฮและชานซองมองมาทุกครั้งที่วิ่งผ่านด้วยความเป็นห่วง แดดร้อนเปรี้ยงขับเหงื่อไหลอาบชุ่มแผ่นหลัง จังหวะเท้าของแบคฮยอนเริ่มเอื่อยลงเรื่อยๆ ขณะที่เพื่อนยังวิ่งกันได้ปกติ
“แฮ่ก... แฮ่ก...”
“เอ้า! มึงวิ่งดูเพื่อนมั่งสิวะ! ไปไม่พร้อมกันเดี๋ยวมึงวิ่งอีกรอบนะ!”
เสียงจ่านรกตะโกนใส่โทรโข่งดังไปทั่วสนาม แบคฮยอนกลืนก้อนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ เขาพยายามฝืนใจให้วิ่งต่อทั้งที่ก้าวขาแทบไม่ออก ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลางลงทุกที แต่พอคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้เพื่อนเดือดร้อนแถมยังเป็นตัวถ่วงมันก็หยุดไม่ลงแม้จะเหนื่อยใจแทบขาด
ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความทรมานจากเท้าที่ถูกเสียดสีจนเจ็บ ไหนจะอาการกระหายน้ำ แบคฮยอวิ่งโซเซไปได้ไม่กี่ก้าวก็สะดุดล้มลงนั่งคุกเข่ากับพื้น วินาทีนั้นหูเขาดับอื้อไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแม้กระทั่งเสียงฮือฮาของเพื่อนๆ
“อึก...”
ทั้งเหงื่อและน้ำตาเริ่มไหลออกมาอาบใบหน้าเมื่อร่างกายมาถึงจุดที่มันเกินทน แบคฮยอนใช้แขนที่สั่นเทายันร่างของเขาให้ลุกยืนขึ้นแต่ก็ไม่สามารถหยัดหลังให้ตรงได้เพราะอาการจุกในท้อง
สองมือวางเท้ายันกับเข่า มือบางจิกขยุ้มกางเกงแน่น มองเห็นเพียงแค่เชือกรองเท้าที่หลุดลุ่ยของตัวเองผ่านม่านน้ำตา ในใจได้แต่นึกเจ็บแค้นตัวเองที่ก้าวขาวิ่งต่อไปไม่ได้ในขณะที่เพื่อนยังเหนื่อยกันอยู่ แบคฮยอนไม่รู้แล้วว่าเขาทำผิดอะไรหนักหนาทำไมถึงต้องโดนซ่อมขนาดนี้ มันคงดีกว่าถ้าครูฝึกไล่เขากลับบ้านไปซะ
“ฮึก...”
ท่ามกลางความเงียบ สายตานับร้อยคู่จับจ้องไปยังนักเรียนทหารตัวเล็กสุดประจำกองร้อยที่เอาแต่ก้มหน้ายืนนิ่งมาพักใหญ่แล้ว อี้ชิงกับคยองซูแทบนั่งไม่ติดพื้น เขาอยากทำอะไรสักอย่างตอนนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้
“เชี่ย... แม่งโหดไปปะวะ มันไม่ไหวแล้วนะเว้ย”
“มันไม่สบายมาตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่อ่อ”
“อึก...”
เสียงสะอื้นยังคงดังให้ได้ยินเบาๆ แบคฮยอนนึกสมเพชตัวเองที่เอาแต่ยืนนิ่งเป็นเป้าสายตาให้คนอื่น ใจยังสั่งให้ร่างกายวิ่งแต่ขามันก้าวไม่ออกแล้ว เขาได้แต่ยืนร้องไห้ด้วยความเจ็บใจและตัดพ้อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ขาทั้งสองข้างสั่นเทาจนแทบจะยืนไม่ไหว แม้แต่จะขยับปลายเท้าก็ทำได้ยากเหลือเกิน
“ไหวไหม ไม่เป็นไร อีกนิดเดียว”
เสียงทุ้มแสนคุ้นหูที่ดังมาจากด้านข้างเรียกคนตัวเล็กให้ต้องตั้งสติอีกครั้ง ชานยอลรีบวิ่งมาหยุดดูอาการแฟนเขาในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ เริ่มวิ่งช้าลงเรื่อยๆ เมื่อทุกคนเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว
“อีกนิดเดียวนะ ทนหน่อย” คนตัวสูงก้มลงคุกเข่าผูกเชือกรองเท้าคอมแบทที่หลุดลุ่ยให้แฟนตัวเล็กท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆ ทั้งกองร้อย ใบหน้าคมนิ่งสนิท เม็ดเหงื่อไหล่หยดจากปลายจมูกและคาง
เขามัดเชือกรองเท้าทั้งสองข้างให้แน่นก่อนจะลุกขึ้นจับแขนเล็กๆ
คล้องคอพร้อมทั้งใช้มือยึดประคองเอวบางแล้วพยุงร่างอีกฝ่ายให้ค่อยๆ ก้าวไปด้วยกันแม้ว่าคนตัวเล็กจะแทบไม่ขยับตัวแล้วก็ตาม
แววตาของหัวหน้าหมู่นิ่งสนิท
ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยเก็บซ่อนอารมณ์ไว้มากมาย
ชานยอลรู้ว่าครูฝึกจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะพอใจ และมันไม่มีวิธีไหนที่จะหยุดได้
“ฮึก... ขอบคุณนะ...”
“ไม่เป็นไร”
ปรี๊ดดดดดดดดดดดด!!
“เอ้า พอๆๆ! แหม ให้วิ่งแค่นี้จะตาย เข้ามา
แล้วคราวหลังดูกันให้ดีด้วย ลูกปืนมันไปโดนใครตายไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย! มึงแบกกันกลับกองพันไปด้วย!”
เมื่อเสียงครูฝึกประกาศให้พอเพื่อนนักเรียนที่นั่งลุ้นกันจนตัวโก่งอยู่ข้างสนามก็ถอนหายใจโล่งอกไปตามๆ
กัน สมาชิกในหมู่ที่กระจายตัวอยู่รอบสนามรีบวิ่งไปดูเพื่อนของเขาด้วยความเป็นห่วง ทันทีที่มีคำสั่งยกเลิกแบคฮยอนก็ถึงกับล้มพับลงกับสนามจนจงอินต้องเข้าไปช่วยประคองปีกอีกข้าง
คยองซูเองก็รีบวิ่งออกจากที่นั่งเหมือนกัน
“มึงเป็นไงมั่งวะ ไหวปะเนี่ย”
อินซองรีบยื่นกระติกของตัวเองให้เพื่อนตัวเล็กทันที สถานการณ์ดูวุ่นวายไปหมด
แบคฮยอนถูกหามเข้าที่ร่มด้วยสภาพอ่อนปวกเปียก ใบหน้าเซื่องซึมนองไปด้วยคราบน้ำตาและหยาดเหงื่อ
ดูท่าทางเขาจะเดินกลับกองพันไม่ไหวแล้ว
“มึงเดินกลับไหวปะเนี่ย”
จงอินใช้ผ้าพันคอของเขาช่วยพัดให้จนมือเป็นระวิง ใบหน้าคล้ำแดดนิ่วลงด้วยความไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าจงอินจะไม่ชอบใจที่ถูกลงโทษนักแต่เขาก็ไม่ชอบสิ่งที่ครูฝึกทำกับแคฮยอนมากกว่า
การลงโทษแบบนี้มันชักจะเกินไปแล้ว
“ไม่เป็นไร ให้มันขึ้นหลังกู” ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไปออกไปจากกลุ่มเพื่อน
ปล่อยให้ลูกหมู่ได้แต่มองหน้ากันด้วยความหนักใจ
สายตาไม่สบอารมณ์ของชานยอลสื่อให้เห็นชัดว่าเขาไม่ชอบใจเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากแค่ไหนแม้เจ้าตัวจะพยายามเก็บอาการไว้ก็ตาม
“เชี่ยเอ้ย เป็นเรื่องตั้งแต่วันแรก”
“หัวหน้าแม่งโคตรรักแฟนเลย”
อูมินว่าพลางส่ายหัวไปมา
เขาปลายตามองดูสภาพสิ้นแรงของน้องนุชหมู่สี่แล้วก็ได้แต่นึกยอมใจกับความมีสปิริตของหัวหน้า
ชานยอลช่างเป็นคนที่พึ่งพาได้จริงๆ และแบคฮยอนก็คงไม่ต้องการใครอีกหากยังมีชานยอลอยู่ที่นี่
“อึก...”
“แล้วมันไปไหนวะ”
“ไปหาน้ำเย็นมั้ง”
“รอบนี้ครูฝึกแม่งเล่นแรงว่ะ เค้าไม่เห็นไงวะว่ามันไม่ไหวแล้วอะ”
จงอินสบถอย่างนึกหัวเสีย เขาไม่ชอบกับสิ่งที่ครูฝึกทำเกินเหตุ
แบคฮยอนไม่ได้เป็นทหาร เขามาเรียนวิชาทหารแล้วก็ไม่ได้เป็นนักกีฬาเหมือนคนอื่นด้วย
“เหี้ย เค้าไม่หยุดหรอกจนกว่าเค้าจะเห็นว่ามึงไม่ไหวอะ
ก็จ้องเล่นงานมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
“แล้วพรุ่งนี้จะเป็นไงวะเนี่ย”
“มึงเตรียมตัวตายเลย
แค่วันแรกก็งอมขนาดนี้ มึงไม่ต้องนึกถึงพรุ่งนี้เลย”
“แม่งเชี่ยไรวะเนี่ย...”
.
.
.
การฝึกวันแรกของค่ายปี 3 ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทบทวนยิงปืนด้วยกระสุนจริง
หลังจากทำพิธีส่งเข้ากองพันแล้วก็เหลือเวลาพักอีกมากมาย ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงกว่าๆ
แล้ว แบคฮยอนเพิงฟื้นตัวหลังจากที่นอนง่อยเป็นผักเน่ามาเกือบสองชั่วโมง
ขาที่ล้าจนแทบขยับไม่ไหวกลับมาเคลื่อนไหวได้ปกติอีกครั้ง
ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว
คนตัวเล็กกัดขนมปังไส้ไก่ในมือพลางกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอ่อนๆ ตอกย้ำถึงสภาพร่างกายที่แสนโรยรา การฝึกภาคสนามที่แสนจริงจังทำแบคฮยอนน่วมไปหมด
นี่ขนาดแค่เพิ่งมาถึงวันแรก ไม่ต้องเดาเลยว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง
“มึงไม่ไปแดกข้าววะ จะได้อิ่มๆ” คยองซูเดินมานั่งลงข้างหน้าเพื่อนตัวเล็กพร้อมกับโยนขนมปังกับนมเปรี้ยวองุ่นใส่ตัก
เขาบิดฝาเปิดขวดน้ำดื่มกระดกลงคอด้วยความกระหาย
วันนี้แบคฮยอนไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้าเขาน่าจะกินอย่างอื่นบ้างนอกจากขนมปัง
“ยังกินไม่ลงว่ะ กูจุก”
“ขาเป็นไงมั่งอะ”
“แม่งชาขึ้นมาถึงตูดกูเลย”
คนตัวเล็กบ่นเสียงจ๋อย เจ้าหัวกระเทียมที่แสนซวยได้แต่มุ่ยหน้าบ่นพลางเคี้ยวขนมปังตุ้ยๆ
“อิจ่านรกมันเกลียดอะไรกูปะวะ มาถึงก็โดนๆๆ ซ่อมอย่างกะกูไปฆ่าคนตาย แม่ง ทำไมอะไรๆ
ก็กูตลอดเลยวะ โดนผีหลอกก็กู ตกน้ำก็กู โดนซ่อมก็กูอีก”
คิ้วเรียวขมวดย่นด้วยความหงุดหงิดใจ
แบคฮยอนนึกไม่ออกเลยว่าตัวเองไปทำกรรมอะไรไว้ เขายังจำความรู้สึกได้ดีตอนที่ขามันล้าจนก้าวไม่ออกได้
ตอนนั้นในหัวเขาเอาแต่คิดว่าขาต้องเป็นอัมพาตแน่เลย ต้องเดินไม่ได้ตลอดชีวิต เพื่อนต้องโดนซ่อมจนตายแน่
ทุกอย่างมันหลอนไปหมด สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย นึกอะไรได้ก็กลัวไปหมดแล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างกับคนบ้า
มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอด...
“ดีชานยอลมันยังแบกมึงกลับกองพัน”
“เออ กูรู้สึกตัวนะแต่ตอนนั้นคิดไรไม่ออกอะ
กูหลอนแบบกูคิดว่ากูต้องตายแน่ กูต้องเดินไม่ได้ แล้วเพื่อนก็วิ่งกันจนเย็นอะ
มันหลอนเลยนะเว้ยแล้วก็คิดแต่แบบ เมื่อไหร่จะถึงสักทีๆ ชานยอลแบกกูข้ามเขาสามลูกแล้วไรเงี้ย”
“อิดอก กูว่ามึงหลอนเพราะขาดน้ำและ”
จางอี้ชิงที่เดินมานั่งลงข้างๆ ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างนึกขันกับอาการประสาทหลอนของเพื่อนซี้
เมื่อสองชั่วโมงก่อนแบคฮยอนทำอย่างกับตัวเขาจะตายแล้วก็เอาแต่ร้องไห้จนเพื่อนเป็นห่วง
เรียกได้ว่าทำเอาครูฝึกหน้าเหวอไปเลยทีเดียว
“มึง มันเหนื่อยมากจริงๆ นะเว้ย เหนื่อยเหมือนใจจะขาดอะ
ทั้งเหนื่อยทั้งหลอน หูกูไม่ได้ยินไรเลย ใจมันคิดอีกอย่างแล้วก็คิดอยู่อย่างงั้นอะแต่ร่างกายกูคือไม่ไหวแล้ว”
เจ้าตัวอ้อแอ้นิ่วหน้าว่าออกไปเสียงอ่อย แบคฮยอนอยากสู้จริงๆ เพราะเขารู้สึกผิดมากแล้วตอนนั้นก็เอาแต่คิดว่าเพื่อนต้องโกรธแน่ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย
“แต่ครูฝึกแม่งทำเกินเรื่องจริงอะ
ถ้ามึงเป็นลมนี่ฟ้องพ่อได้เลยนะเว้ย” คยองซูว่า
“แต่ชานยอลแม่งหน้าโคตรเหวี่ยงอะ
กูไม่เคยเห็นแม่งทำหน้าไม่พอใจใครขนาดนี้เลย แม่งไม่พูดกับใครแล้วก็เดินๆๆ
ขนาดจงอินแม่งยังไม่กล้าอะ มึงเห็นปะ” อี้ชิงหันไปชี้นิ้วถามเพื่อนข้างๆ
พร้อมกับตบมือลงกับหน้าขา เขายังจำสีหน้าของชานยอลตอนที่เขาแบกแฟนกลับกองพันได้เลย
แล้วทุกคนก็เอาแต่พูดกันว่า อย่าไปยุ่งกับชานยอล
“เออๆ กูเห็น หน้ามันหงุดหงิดจริง”
“จริงอะ” คำบอกเล่าของสองเพื่อนรักทำคนตัวเล็กฟังแล้วอดเขิน
แบคฮยอนยิ้มกริ่มพลางเหลือบตาไปมองพี่หล่อที่กำลังถูกพูดถึงซึ่งนั่งยกเท้าพาดเข่าพิงหลังเล่นมือถืออยู่บนเก้าอี้ไม่ไกล
ใบหน้าของชานยอลในยามตั้งใจทำอะไรบางอย่างยิ่งขับให้เขาดูดี
ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า สายตา ท่าทางหรือแม้แต่มือใหญ่ๆ ที่จับโทรศัพท์เครื่องเล็กเอาไว้ก็ทำให้ใจสั่นได้
อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนใบหน้าร้อนเห่อขึ้นมาเฉยๆ
หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับอีกฝ่ายเองก็รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่
ชานยอลหันไปมองแฟนเขาพร้อมกับกระตุกยิ้มเล็กๆ
ขึ้นที่มุมปากก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์เหมือนเดิม
ทำเอาเจ้าหัวกระเทียมแทบระเบิดตัวด้วยความเขิน ริมฝีปากบางเม้มแน่น หัวใจเริ่มเต้นแรงอีกครั้งและอีกครั้ง
ถึงจะคบกันมานานแล้วแบคฮยอนก็ยังหยุดเขินชานยอลไม่ได้สักที
และเขาก็ไม่เคยชินกับรอยยิ้มนั้นที่ทำให้ใจสั่นได้ตลอดเลย
“แหวะ หมั่นไส้”
ภาพการส่งซิกลับๆ
ของสองคู่รักที่คิดว่าไม่มีใครเห็นทำอี้ชิงถึงกับต้องเบะปากมองบน
ยิ่งเห็นเพื่อนตัวเล็กก้มหน้าซบกับฝ่ามือ ทำท่าทีเขินอายเหมือนเด็กสาวก็ยิ่งหมั่นไส้
อี้ชิงนึกอยากจะจับเพื่อนเขาขยี้แล้วกลืนลงท้องไปเลย ชานยอลจะได้ไม่มีแฟน แล้วก็ไม่ต้องทำตัวน่าหมั่นไส้อีก
“เขินอะ” แบคฮยอนถึงกับกลั้นยิ้มไม่ไหว มือบางยกขึ้นปิดหน้าด้วยความเขิน
หัวใจเขายิ่งเต้นแรงมากขึ้นไปอีกเมื่อคิดว่าวันนี้แฟนหนุ่มทำอะไรให้บ้าง
ชานยอลยังเป็นที่พึ่งพาได้เสมอสำหรับทุกคน
และเขาก็ทำให้แบคฮยอนวางใจได้ตลอดไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้
พอนึกแล้วมันก็อย่างกับฝันเลย
“เป็นเหี้ยไร มึงคบมันมาขนาดนี้ยังเขินอยู่อีกแงะ”
“ก็มันเขินอะ กูหยุดไม่ได้ แบบเวลาเห็นมันทำไรหล่อๆ
ก็เขิน ไม่เคยเป็นอ่อ ชอบมันแล้วก็ชอบอีกอะ” ว่าแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าปริ่มสุขทำเอาเพื่อนซี้ถึงกับดึงหน้าเหม็นเบื่อ
ฟันข้าวโพดขบลงกับริมฝีปากแน่น
แบคฮยอนไม่เคยเลิกเขินชานยอลเลย ไม่ว่าจะได้รับสิ่งดีๆ
จากผู้ชายตรงหน้ามากแค่ไหน หัวหน้าเคยเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่เสมอต้นเสมอปลาย
และแบคฮยอนก็ยังชอบแอบมองเขาจากข้างหลังเหมือนเดิม มองดูคนที่ตัวเองชอบทำบางสิ่งบางอย่าง
แล้วก็เขินทุกครั้งที่อีกฝ่ายหันมามอง
อย่างกับตกหลุมรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชอบแล้วก็ชอบได้อีกแล้วก็ไม่เคยชินเลยสักที…
“แต่หัวหน้าแม่งหล่อจริงว่ะ ผูกเชือกรองเท้าให้แฟนกลางสายตาครูฝึกแล้วแบบเพื่อนทั้งกอง
แม่งไม่แคร์เลย” คยองซูหัวเราะหึ เขายอมใจหัวหน้าจริงๆ ชานยอลไม่สนเลยว่าคนอื่นจะมองยังไง
แล้วก็ไม่เคยอายที่จะแสดงความรักให้ใครเห็นด้วย
“หล่อจนกูรำคาญอะ ทำเหี้ยไรก็หล่อไปหมด
ยืนหายใจเฉยๆ ก็หล่อ อีดอก” อี้ชิงหัวเราะขำ
ท่ามกลางเสียงสนทนาของเพื่อนรัก แบคฮยอนที่เขินจนหดคอเป็นเต่าก็เงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือ ดวงตาเรียวรีชำเลืองขึ้นมองหัวหน้ากองร้อยที่นั่งห่างออกไปไม่ไกล
ใบหน้าของชานยอลจากมุมข้างเผยให้เห็นสัดส่วนที่ลงตัวทั้งปลายจมูกโด่งๆ และสันกราม
เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจนแม้แต่แบคฮยอนก็ยังอิจฉาในบางที ไหนจะรอยยิ้มชวนฝันนั้น
ขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ความหล่อเหลา
คนที่เหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมองก็หันมา ดวงตาสองคู่สบกัน แบคฮยอนส่งยิ้มเล็กๆ
ให้แฟนเขาพร้อมกับทำมือเป็นรูปหัวใจมินิฮาร์ทส่งไปให้
ชานยอลที่ได้เห็นท่าทีแสนน่ารักนั้นถึงกับต้องหัวเราะออกมา
เขาคว้ามินิฮาร์ทกลางอากาศแล้วจับมันเข้าปากก่อนกระตุกยิ้มแสนขี้เก๊กขึ้นจางๆ แล้วหันหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง
หัวใจของแบคฮยอนเริ่มเต้นแรงอีกครั้งและอีกครั้ง
ไม่ว่าเมื่อไหร่หัวหน้าก็ยังทำให้เขาใจสั่นได้เสมอ...
กับการเข้าค่ายรด.ปี3
ที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอีกหลายวันข้างหน้า ขอแค่มีหัวหน้าหมู่อยู่ตรงนี้แบคฮยอนก็ดีใจแล้ว
เพราะไม่มีที่ไหนที่ทำให้เขารู้สึกไปได้มากกว่าพื้นที่ข้างๆ ชานยอลอีกแล้ว...
<3
#แม่บ้านทหารบกcb
คุณพี่ช่วยอ่านตรงนี้นิดนึงจ๊ะ คือว่าตอนแรกเราตั้งใจจะลงภาครด.
ม.6 เป็นตอนยาวสักสองหมื่นคำให้จบไปเลยทีเดียวแต่ไม่รู้ทำไมตอนเดียวก็ล่อไปเจ็ดพันเฉย...
ก็เลยตามเลยค่ะ เอ็นจอยรีดิ้งฟหกงสฟหกกอิวร่ฟเดวากหิ่อฟ่ากหสเหวสกาด่ฟ้วาห่กด้ว่าหก ฟหกดฟหกดส่ากสวด ค่ะ
ความคิดเห็น