ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Fable -Chanbaek-

    ลำดับตอนที่ #6 : Catch me if you can (ft.toben) #3 end

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.86K
      263
      27 มิ.ย. 60







    “ตกลงว่าเราจะทำงานกับเค้าหรอ”

    บนโต๊ะประชุมในโบสถ์ จงอินทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจนักเมื่อรู้ว่าต้องร่วมงานกับพวกตำรวจถึงแม้ว่าข้อเสนอมันจะดีมากก็เถอะ เขายกมือขึ้นกอดอกมองหน้าชายในชุดสูทตรงหน้าด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรก่อนที่จะเบือนหน้าหนีไป

    “เพราะว่าตอนนี้เราถูกตามล่า แล้วครั้งนี้เราก็ติดหนี้เค้า ยิ่งทำงานเสร็จไวเท่าไหร่เรายิ่งไปได้เร็วมากเท่านั้น”

    “แต่เราก็หนีของเราได้เหมือนทุกที” จงอินแย้ง

    “ไม่เอาน่า” เคลวินรีบปราม เขาตบบ่าไคเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายใจเย็นลงก่อนที่จะพูดออกมา “แล้วเราจะได้พักที่ไหน”

    “ที่ที่ปลอดภัยที่สุด”

    “ในคุกเหมือนที่เอาแบคฮยอนไปขังน่ะหรอ” วิลลิสหัวเราะขำ

    “ไม่ใช่ ที่บ้านฉัน ไม่มีที่ไหนปลอดภัยกว่านี้ พวกนายแค่ต้องหาข่าวมาให้ฉัน” ชานยอลว่า

    “งั้นเราก็ต้องหลบทั้งพวกที่ตามล่าทั้งพวกตำรวจงั้นหรอ ถ้าเราหนีไปอย่างน้อยเราไม่ต้องกลัวตำรวจ เพราะนี่มันงานของนายคนเดียวนี่ ถูกไหม” เคลวินพูดขึ้น

    “เอางี้นะตกลงไหม ฉันเบื่อเต็มทีกับการตามจับแบคฮยอน แล้วก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเดิมๆ ฉันอยากเลื่อนตำแหน่ง อยากได้เงินเดือนมากขึ้น แล้วก็อยากจะดูแลแฟนฉันให้อยู่ใกล้ๆ พวกนายก็ไม่อยากหนีไปตลอดชีวิตใช่ไหม? ฉันเสี่ยงโดนพวกนั้นเป่าเหมือนกันถ้าเก็บพวกนายไว้ ฉันจับพวกนายส่งให้ตำรวจก็ได้ งานนี้นายจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ลองคิดดูให้ดี เราแค่แลกผลประโยชน์กัน ฉันไม่ได้จะลุกล้ำอะไรนาย ถ้าทำสำเร็จ ฉันได้ตามที่หมาย พวกนายมีเงินใช้สบายๆ ทั้งชาติ ไม่มีประวัติ ไม่ต้องหลบหนี ไม่ต้องกลัวใครมาบุกบ้านตอนกลางคืน ทั้งพวกค้ายา ทั้ง FBI”

    “...........”

    “ฉันเอาด้วย... นี่ฉันไม่ได้จะขายวิญญาณตัวเองหรอกนะ แต่ฉันก็เหนื่อยพอแล้วกับการนอนระแวงว่าใครจะมาบุกจับตอนกลางดึก” เคลวินเป็นคนแรกที่ตอบตกลง เขาเห็นไคมีท่าทีไม่ค่อยพอใจ ส่วนวิลลิสยังลังเลอยู่

    “ใช่ไหม พวกนายรู้สึกใช่ไหม เคลวิน นายเลือกถูกแล้ว”

    “ถ้าแบคฮยอนตกลงผมก็เอาด้วย” วิลลิสพูดขึ้น เขาคงจะไปไหนไม่ถูกถ้าต้องหนีแบบตัวคนเดียว

    “ดี นั่นแหละที่ฉันต้องการ”

    “ก็ได้... แค่จบงานนี้” สุดท้ายไคก็ยอมเอาด้วยเมื่อเพื่อนๆ ของเขาตกลงลงเรือลำเดียวกันหมด ถึงจะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่ไคก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขารู้สึกโล่งใจนิดหน่อยที่อย่างน้อยก็ยังมีที่ให้พักผ่อนในคืนนี้ ไม่ต้องเดินข้ามป่าข้ามเขาเพื่อหลบหนีออกนอกประเทศกัน

    “โอเค... ตกลง ตามนี้...”





    .

    .
    .




    “นี่บ้านฉัน พวกนายพักที่นี่ ห้องนอนมีสามห้อง ห้องครัวใช้ได้ตามสบาย กฎข้อเดียวข้อเดียวของการอยู่ที่นี่สำหรับพวกนายคือห้ามขโมยของ ไม่ว่าจะ คน สัตว์ หรือสิ่งของ... ”

    ภายในบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่กลางป่าสน นายตำรวจหนุ่มพาเพื่อนร่วมทีมใหม่ของเขาเข้าบ้านมาพร้อมกับของกลางที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในคดีปล้นครั้งใหญ่

    ชานยอลเปิดไฟแล้วนำกระเป๋าที่มีเงินหนักอึ้งไปโยนไว้บนโซฟาก่อนที่จะถอดเสื้อสูทของตัวเองออกแล้วนำไปแขวนไว้กับแท่นแขวนสูท

    “ใครจะขโมยของบ้านตัวเองกัน” ไคพูดแขวะ เขาเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟากำมะหยี่สีแดงตัวนุ่มแล้วยกขาขึ้นวางพาดบนโต๊ะกระจก

    “พี่นายคือจอมขี้ขโมย... เค้าขโมยของฉัน...”

    “เค้าขโมยอะไร” วิลลิสถาม

    “เค้าขโมยทุกอย่าง... ขโมยหมาฉัน ขโมยกรอบรูปคุณย่าฉัน ขโมยช้อนส้อมเงินทอง...”

    “เค้าเอาไปทำอะไร?”

    “ถามเค้าเองสิ แล้วก็ฝากถามเค้าให้ด้วยว่าเอาโธเฟ่นไปไว้ไหน”

    “โธเฟ่น? หมานั่นขโมยมาหรอ?” วิลลิสหันไปเลิกคิ้วถามพี่ชายของเขาที่ยังเป็นทำเป็นนั่งนิ่งตีหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่ที่โซฟา แบคฮยอนทำเพียงแค่ยกเล็บขึ้นมากัดแล้วก็กรอกตาไปมาเท่านั้น

    “นายรู้หรอว่ามันอยู่ที่ไหน? ช่วยบอกหน่อยได้ไหมฉันจะไปเอามันคืนมา” ชานยอลว่า มือหนายกขึ้นเท้าเอวแสดงท่าทีจริงจัง ดวงตากลมโตเหลือบมองไปยังหัวขโมยที่ขโมยแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่น่ารักของเขา

    “มันอยู่ที่โบสถ์ เค้าบอกว่าเจอมันที่ข้างทาง กับกรอบรูปคุณย่า เค้าบอกว่าญาติที่รู้จักเอามาให้” วิลลิสตอบ

    “คุณย่าหรอ? นายมีคุณย่าด้วยหรอแบคฮยอน?” นายตำรวจหนุ่มว่าเสียงฉุน

    “ไม่เอาน่า แค่ล้อเล่นเท่านั้นน่ะ ฉันเลี้ยงดูมันอย่างดี ตอนนี้มันกลายเป็นหมาฉันไปแล้ว” แบคฮยอนกรอกตาไปมา สีหน้าที่ดูขุ่นแค้นของชานยอลทำเขารู้สึกตลก ก็ไม่อยากบอกหรอกว่าเพราะชอบมันก็เลยเอาไปด้วย ไม่ได้ตั้งใจขโมยซะหน่อย

    “ดี... คืนนี้พวกนายไปพักได้” ชานยอลหัวเราะหึ เขาหยิบเอากุญแจรถที่เพิ่งวางไปหยกๆ ขึ้นมา ก่อนที่จะเดินผ่านแก๊งหัวขโมยตัวแสบไปทันที

    “นายจะไปไหนอะ” แบคฮยอนถาม

    “ไปเอาหมาคืน!”





    .

    .

    .




    “คดีปล้นไปถึงไหนแล้วชานยอล ไหนจะเรื่องฟอกเงินอีก”

    ในเช้าที่แสนวุ่นวาย หัวหน้าหน่วยปราบปรามอาชญากรรมหัวหมุนเหมือนกับทุกวันที่มีคดี ชานยอลยกมือขึ้นปรามเพื่อนร่วมงานของเขาให้หยุดพูดก่อนที่จะหันไปรับโทรศัพท์จากรัฐมนตรี

    “ครับ ผมทราบแล้ว พรุ่งนี้รายงานจะอยู่บนโต๊ะท่าน” พอนายตำรวจเรียนสายกับรัฐมนตรีจบเขาก็รีบวางสายทันที แล้วหันไปเรียกเลขาบอกให้เธอช่วยตั้งโต๊ะประชุมด่วน “แอนนาคุณช่วยเปิดห้องประชุมให้ผมที ขอด่วนที่สุดแล้วก็เรียกทุกคนไปด้วย”

    “คุณชานยอล ผมอยากรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังทำคดีอะไรอยู่กันแน่? บริษัทคุณวิลลี่จี้เรามาทุกวัน แต่คุณกลับสนใจทำคดีฟอกเงินหรอ?” เอ็ดดี้เดินขนาบข้างหัวหน้าหน่วยปราบอาชญากรรมออกจากห้องไป ในขณะที่เขากำลังตรงไปยังห้องประชุม

    ชานยอลยังคงทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจรองหัวหน้าหน่วยที่พ่วงตำแหน่งโฆษกฝ่ายรับหน้าของหน่วยปราบที่มีงานเข้ามาให้หัวหมุนทุกวัน ก็มันเป็นหน้าที่เค้าอยู่แล้วนี่ ออกไปพูดหน้าไมค์ ไขข้อข้องใจให้ประชาชน

    “คุณชานยอล ได้โปรด คุณช่วยพูดอะไรกับผม...”

    “ตอนนี้ผมยังไม่รู้อะไร โอเคไหม แต่ถ้าเราจับคนร้ายคดีฟอกเงินได้คดีปล้นก็ไม่มีผู้เสียหาย”

    “แต่ว่าตอนนี้พวกเค้า...”

    “พวกเค้าได้เงินจากบริษัทประกันไปแล้ว ขอโทษทีแต่ตอนนี้ผมต้องเข้าประชุมแล้ว” ชานยอลหันไปยกมือปรามเพื่อนร่วมงานของเข้าเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องประชุม ก่อนที่จะผลักบานประตูกระจกเข้าไปในห้องทันที 
    ตอนนี้ห้องประชุมเริ่มมีคนมาบ้างเล็กน้อยแล้ว แต่นายตำรวจหนุ่มไม่ยอมรอช้า ชานยอลเดินเข้าไปในห้องแล้วพลิกบอร์ดกระดานเปลี่ยนแผนผังคดีปล้นให้กลายเป็นผังคดีฟอกเงินทันที

    “วันนี้เราได้เบาะแสมาเพิ่ม เบาะแสที่บ่งบอกว่าวิลลี่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายา และเรื่องที่คนของเค้าถูกจับที่ชายแดนแม็กซิโกเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา...” ชานยอลใช้ไม้เหล็กตีไปรูปชายชาวแม็กซิโกบนกระดานที่เขาต้องการจะบอกว่าคนนี้ถูกจับเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว

    “ก่อนเริ่มประชุมผมขอสรุปเรื่องให้ฟังอีกที เมื่อเดือนก่อนเรามีคดีปล้นคดีใหญ่ ต่อมาเราเจอหลักฐานที่เป็นทอง กับศพของผู้ร่วมขบวนการเอิลวิน แล้วก็ต้าฉวนคนจีนที่ไปปล้นเพชรแต่เราไม่เจอเพชรอยู่ที่ตัวเค้า” นายตำรวจหนุ่มหยุดพูดไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาในห้อง ก่อนที่จะพูดต่อ “ทองที่ถูกปล้นจากตลาดทองมีชิปติดตามฝังเอาไว้ มันถูกฝังไว้แบบสุ่ม แต่ทองที่เราเจอมีแต่ทองที่มีชิป และก็มีทองอีกจำนวนมากหายไป แสดงว่ามีคนขนทองจำนวนหนึ่งไป แล้วทิ้งที่เหลือไว้ เอิลวินเอามันมา และเค้าก็ถูกยิงตาย...”

    “บริษัทวิลลี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ทั้งร้านเพชร และตลาดทองเป็นแหล่งฟอกเงินของเค้า ถ้าเค้าได้เงินมาจากการพัวพันค้าขายกับพวกพ่อค้ายาเสพติด เค้าจะต้องรู้สึกเสียหน้าอย่างมากแน่ และแน่นอน คุณเอิลวินของเรามีประวัติพัวพันกับคดียาเสพติด จากที่ผมไปสอบสวนคุณแบคฮยอนมา นักโทษที่หลบหนีไปเมื่อเดือนก่อน เค้าบอกว่าเอิลวินเป็นคนวางแผนปล้น มันเป็นไปได้ที่เค้าจะหลอกใช้มือปล้นล้างแค้นพวกวิลลี่ แล้วเค้าก็หักหลังมือปล้นอีกที หรือไม่มือปล้นอาจหักหลังเค้า...”

    “แล้วทำไมเค้าถึงตาย” นรีนถาม

    “เค้าอาจถูกมือปล้นฆ่าตาย หรือเป็นพวกค้ายาก็ได้”

    “ที่พูดมานี่คุณมีหลักฐานหรอ หรือแค่เดาสุ่มเอาเท่านั้น”

    ‘เพราะเค้าเป็นคนบอกผม’ ชานยอลอยากตอบแบบนั้น แต่เขาก็ทำได้แค่เพียงเก็บคำพูดเอาไว้ในใจ

    “ตอนนี้ผมเดาว่าพวกค้ายาก็อาจจะตามล่าแก๊งโจรอยู่เหมือนกัน ต้าฉวนบอกว่าพวกเค้าถูกตามล่าระหว่างหลบหนีจนต้องแยกกันไปคนละทิศละทาง เอิลวินกับต้าฉวนอาศัยจังหวะชุลมุนขโมยเงินกับเพชรหนีไปโดยปล่อยสมาชิกคนอื่นๆ ไว้ ” ชานยอลหยุดพักหายใจ เขายกน้ำขึ้นดื่มแล้วพูดต่อ

    “ด้วยทั้งหมดนี้จึงเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนขึ้น พยานที่จะสาวตัวไปคดีฟอกเงินของเราถูกฆ่าตายไปแล้ว และทองก็หายไป รวมถึงเพชรและเงิน เราไม่รู้ว่าแก๊งโจรเอาไปหรือพวกค้ายา และเบาะแสที่ผมได้มาวันนี้คือวิลลี่มีความสัมพันธ์กับ เวย์น แม็คนามัท พ่อค้ายารายใหญ่ของเรา ซึ่งเค้าจะส่งของจากแม็กซิโกผ่านเข้ามาทางชายแดนคืนนี้ และของจะถูกนำไปส่งที่ต่างๆ ก่อนที่กระสอบเงินจะถูกนำเข้าไปเก็บไว้ที่บริษัทอสังหาวิลลี่ที่โดนปล้นไปเมื่ออาทิตย์ก่อน...”

    ชานยอลตบบอร์ดดังปัง “เพราะอย่างนั้นผมถึงอยากให้พวกคุณช่วยไปจัดตั้งด่านหรืออะไรก็ได้เท่าที่พวกคุณจะสามารถเพื่อจับไอ้คนขนยานี่มา แล้วเราก็จะได้พยานคนสำคัญทั้งในคดียาเสพติดและคดีฟอกเงิน”

    “แล้วเรื่องปล้นล่ะ”

    “ผมจะจัดการเอง แต่ตอนนี้ผมอยากได้ตัวพ่อค้ายาตัวเบ้งมากกว่า...”





    .

    .

    .




    “โธ่เฟ่น... มานี่เร็ว มาหาพ่อเร็ว...”

    ภายในบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ที่กลายเป็นแหล่งส่องสุมของโจรค่าหัวหลักล้าน ชานยอลเรียกสุนัขตัว
    ดำของเขาให้วิ่งขึ้นมาหาบนโซฟา

    ในวันที่แสนเหนื่อยล้า การได้นอนเล่นกับสุนัขตัวโปรดฆ่าเวลาหลังจากที่เจอเรื่องเหนื่อยๆ มาทั้งวันทำให้ชานยอลรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ลูกโธ่เฟ่นของเขาตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย และมันยังจำเจ้าของได้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันหลายเดือน

    “น้ำผลไม้ไหม?” 

    เสียงที่คุ้นหูเรียกสายตาของชานยอลให้ละออกจากสุนัขตัวโปรด เขามองเห็นแบคฮยอนที่สวมเพียงแค่เสื้อไหมพรมตัวโคร่งกับถุงเท้ายืนถือเหยือกน้ำและแก้วสองใบอยู่ที่หน้าประตูครัว

    คนตัวเล็กเดินตรงมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเขา ก่อนที่จะจัดการรินน้ำผลไม้ตะกูลเบอร์รี่ใส่แก้วทั้งสองใบ

    “ขอบใจ”

    “วันนี้เป็นไง”

    “ก็ดี ที่ทำงานคึกคักกันใหญ่ คืนนี้ก็แค่รอฟังข่าวดี” ชานยอลตอบก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบเอาแก้วน้ำเบอร์รี่ขึ้นดื่ม รสเปรี้ยวอมหวานของมันทำให้รู้สึกสดชื่น หลังจากที่ต้องดื่มกาแฟมาทั้งวัน

    “พอปิดคดีฟิอกเงินเสร็จก็จะจับฉันเข้าคุกใช่ม้า” แบคฮยอนเอนตัวล้มนอนลงบนหน้าตักของแฟนหนุ่ม เขาจับเจ้าโธเฟ่นให้นั่งลงบนอกแล้วใช้มือเกาคางมันพร้อมกับเงยหน้าขึ้นรับจูบจากคนตัวสูง

    “บอกแล้วไงว่าจะเคลียร์คดีให้”

    “แต่นายมีความลับ... นายยังไม่ได้บอกเลยว่าตามหาฉันเจอได้ยังไง” มือเล็กๆ ยกขึ้นลูบสันกรามและปลายคางที่มีตอหนวดเล็กๆ พุดขึ้น แบคฮยอนได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มตามแบบฉบับของพวกตำรวจที่อวดฉลาด

    “เพราะใจนายมีฉัน...”

    “งั้นหรอ พวกตำรวจเนี่ยน่ารำคาญจังนะ... นายไม่อยากจะไปใช้ชีวิตสบายๆ อยู่ในที่ที่เหมือนฝันหรอ ไม่ต้องตื่ยเช้าขึ้นมาทำงาน ไม่ต้องแบกรับหน้าที่ ไม่เครียด ไม่กดดัน...”

    “กำลังจะชวนฉันหนีหรอ”

    “เปล่าสักหน่อย”

    “ฉันรักงานนี้แบคฮยอน...”

    “แต่นายรักฉันมากกว่า...” คนตัวเล็กส่งเสียงหัวเราะหึออกมาจากในลำคอก่อนที่จะหยัดกายลุกขึ้นนั่ง เอนหัวซบลงกับไหล่ของคนด้านข้างแล้วพูดต่อ “ดูซิว่าวันนี้ฉันได้อะไรมาอีก ทะเบียนรถที่ใช้ขนยาจากชายแดนจะถูกเปลี่ยนสองครั้ง เมื่อมาถึงอเมริกามันจะถูกย้ายไปที่รถขนส่งของบริษัทส่งของ พอได้เงินแล้วก็จะย้ายไปที่รถของบริษัทวิลลี่ แล้วก็วิ่งเอาเงินเข้าไปเก็บเหมือนเดิมทุกวัน...”

    “ทำไมมันยังเก็บเงินไว้ที่เดิมทั้งๆ เพิ่งโดนปล้น”

    “ก็ไม่มีที่ให้ย้ายน่ะสิ... ยักย้ายเงินไปมาตอนนี้เดี๋ยวก็ถูกสอบพอดี อาจจะแค่เปลี่ยนที่เก็บเงิน... แต่ไม่ได้ย้ายออกจากตึก”

    “หรอ...”

    “นายช่วยไปสืบมาให้หน่อยสิว่ามันย้ายไปไว้ที่ไหน”

    “ถ้านายปล้นอีกคราวนี้สาบานได้ ฉันจะไม่ตามเช็ดล้างให้” ชานยอลหยิบโทรศัพท์มือถือมาส่งข้อความหาเจ้าหน้าที่ของเขาเรื่องเบาะแสเกี่ยวกับรถขนยา ก่อนที่โยนมันทิ้งไว้ข้างตัว

    วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ชานยอลเหนื่อยแสนเหนื่อย เขาทุ่มเทให้กับคดีนี้ แล้วก็คาดหวังอย่างมากว่ามันจะประสบผลสำเร็จ

    “อ้อ ฉันมีให้นายอีกอย่างนึงด้วย” อยู่ๆ คนตัวเล็กก็พูดขึ้นเหมือนนึกอะไรออก ก่อนที่จะลุกเดินหายขึ้นไปบนชั้นสอง แบคฮยอนรีบตรงไปยังห้องนอนเขา แล้วคว้าเอาซองเอกสารสีน้ำตาลมาจากที่นอนก่อนที่จะกลับลงมาข้างล่างอีกครั้ง

    “เอ้านี่ ของอย่างสุดท้ายที่ฉันจะตอบแทนให้” แบคฮยอนยื่นซองสีน้ำตาลไปให้กับนายตำรวจตรงหน้า เขายกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นดื่มก่อนที่จะพูดออกมา “ของสำคัญชิ้นสุดท้าย ที่นายจะใช้ปิดคดีนี้ แล้วก็ได้เลื่อนขั้นสมเป้าหมาย”

    “ไปเอามาจากไหน” คนตัวสูงย่นคิ้วมองดูภาพถ่ายและรายชื่อผู้คนหลายคนอีกนับสิบใบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ชานยอลเก็บกระดาษทั้งหมดนั่นเอาไว้ในกระเป๋าของเขาแล้วล๊อคมันอย่างแน่นหนาเพราะว่านี่เป็นของที่สำคัญมาก

    เป็นของที่สำคัญมากเกินกว่าที่ชานยอลคิดว่าแบคฮยอนจะสามารถหามาได้

    “ฉันเป็นขโมย เราขโมยทุกอย่างที่มีค่า ทั้งเงินทอง ทรัพย์สิน และข้อมูล”

    “ดีมาก นายทำดีมาก”

    “ใช่ แล้วฉันก็มั่นใจว่านายจะปิดคดีนี้ได้”



    Ring Ring Ring Ring Ring…


    สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือหยุดบทสนทนาของคู่รักเอาไว้ ชานยอลรีบยกมันขึ้นรับทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเงียบไปครู่หนึ่งพอรอฟังผลการจับกุม และแล้วสิ่งที่ได้ฟังก็ทำให้ชายหนุ่มต้องยิ้มออกมา


    “ฮ่ะๆ... ขอบคุณพระเจ้า...”





    .

    .
    .





    ‘ข่าวใหญ่วันนี้ ตำรวจได้ทำการจับกุมคนลักลอบขนส่งยาที่เขตชายแดนแม็กซิกัน โดยพบหลักฐานเป็นโคเคนจำนวนกว่า 500 กิโลกรัม ที่มีมูลค่าหลายล้านบาท ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจยังไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถซักทอดไปถึงผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้ และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทวิลลี่ที่กำลังถูกตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน’


    ปิ๊บ


    เสียงโทรทัศน์ในห้องประชุมถูกปิดลง ชานยอลใช้ไม้เหล็กยาวๆ ชี้ไปที่ตัวเฟอร์นานเดสที่อยู่บนบอร์ดแผนผังของเขา คนตัวสูงกระแอมไอหนึ่งครั้งก่อนที่จะพูดออกมา

    “พวกคุณน่าจะเห็นเอกสารบนโต๊ะแล้ว ตอนนี้เราจับเฟอร์นานเดซได้ตามเป้าหมายแรก และผมก็ได้หลักฐานมาเพิ่มอีก จากแผนผังนี้คุณจะเห็นว่าเฟอร์นานเดซรับยามาจากเอวเกนิโอซึ่งเป็นลูกน้องของ เวย์น แม็คนามัท เค้ามีประวัติคดีค้ายาและกำลังหลบหนี ตอนนี้เอวเกนิโอกลบดานอยู่ที่อินเดีย ส่วนบริษัทอสังหาของวิลลี่ที่เพิ่งโดนปล้นของเรารับฟอกเงินจากเอวเกนิโกและแม็คนามัท รวมถึงพ่อค้ายาคนอื่นๆ อีกมาก เค้าได้ส่วนแบ่ง 30% ของรายได้จากการค้ายาในสหรัฐ และยังมีส่วนช่วยในการลักลอบขนยาถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอย่างมาก เราจับเค้าได้ทันที เพราะว่าเรามีหลักฐาน และมันอยู่ตรงหน้าคุณ ส่วนแม็คนามัท สายรายงานมาว่าเค้ากลบดานอยู่ที่ปานามาเรากำลังให้คนตามสืบเพิ่ม ส่วน... เอ่อ... พวกลูกกระจ๊อกในใบรายชื่อ ผมอยากให้พวกคุณช่วยกันตรวจสอบ สาวไส้ออกมาให้หมด อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว ”

    “แล้วคดีปล้นล่ะ... ตอนนี้เราจับแก๊งฟอกเงินได้แล้ว แล้วส่วนของคดีปล้นล่ะ เรื่องที่เอิลวิลตาย...”

    “เอิลวิลตายเพราะถูกพวกค้ายาลอบสังหาร ส่วนต้าฉวนยังอยู่ระหว่างสอบสวน”

    “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ?”

    “เอาเป็นว่าตอนนี้เรามีคดีใหญ่ที่จะทำให้คุณได้เลื่อนขั้นและได้ขึ้นเงินเดือนมหาศาลคุณนรีน คุณช่วยจัดการคดีค้ายาก่อน ส่วนพวกหัวขโมยผมจะให้ทีมผมจัดการเอง”

    “ได้ค่ะ”



    .

    .

    .




    ปั้ง!


    “ฮ่า....”


    ประตูรถคันสีดำถูกปิดดังปัง ชานยอลเดินไปเปิดท้ายรถของเขาแล้วหยิบเอาของกินจำนวนมากที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทเดินเข้าบ้านไป

    ไฟด้านล่างที่ไม่ได้ถูกเปิดเอาไว้บอกให้นายตำรวจเข้าใจว่าพวกเด็กๆ ของเขาขึ้นนอนไปหมดแล้ว คนตัวสูงใช้คีย์การ์ดเปิดประตูบ้านเข้าไป แล้วเดินนำข้าวของที่ซื้อมาไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ที่ครัว

    “โธเฟ่น... โธเฟ่น...” ชานยอลดีดนิ้วเรียกลูกหมาของเขาพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อมัน แต่ว่าก็ไม่มีแม้แต่เสียงกระดิ่งจากปลอกคอ ลางสังหรณ์บางอย่างเรียกให้คนตัวสูงต้องเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสอง เขาไม่ได้ยินเสียงเห่าของโธเฟ่นทั้งๆ ที่ปกติมันจะเห่าทุกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอด

    “โธ่เฟ่น~ แบคฮยอน... หลับแล้วหรอ”

    ชานยอลเดินตรงไปเปิดห้องนอนของเขา แต่แล้วก็ต้องพบกับความว่างเปล่า บนเตียงไม่มีแบคฮยอน ไม่มีโธเฟ่นมันมีเพียงแค่ผ้าปูที่นอนยับๆ ผ้าน่วมที่ตกอยู่ที่พื้น... 

    เจ้าของบ้านตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องข้างๆ หวังว่าจะมีใครอยู่บ้าง แต่มันก็เหมือนเดิม ทั้งไค เคลวิน วิลลิส ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย และก่อนที่คนตัวสูงจะได้คิดอะไร เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ของเขาก็ดึงความสนใจออกจากบรรยากาศที่น่าวังเวง

    ชานยอลล้วงเอามือถือออกมาเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมาพร้อมกับรูปถ่าย ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นลูบใบหน้าหลังจากที่ได้อ่านข้อความจบ


    ‘Catch me if you can’


    ภาพของแบคฮยอนกับเด็กๆ ของเขาและโธเฟ่นที่อยู่บนเรือทำชานยอลปวดหัวจี๊ด...

    แบคฮยอนหนีไปอีกแล้ว เขาขโมยโธเฟ่นไปอีกแล้ว...



    “บ้าเอ้ย...”








    ‘จับฉันให้ได้ถ้านายแน่จริง...’ 







    END







    แถม



    “เด็กคนนั้น ฉันว่าเค้าชอบนายนะ”

    บนเตียงนอนสีเทาขนาดคิงไซส์ นายตำรวจหนุ่มที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่พูดขึ้นพร้อมกับพ่นควันบุหรี่สีเทาออกมา ชานยอลดีดขี้บุหรี่ลงในถ้วยแก้ว เขาเหลือบตาขึ้นมองเพดานในขณะที่มืออีกข้างก็ลูบสางผมคนรักไปด้วย

    “ใคร”

    “เด็กที่ผิวเข้มๆ วิลเลี่ยนที่รักของนาย”

    “นายรู้ได้ไงว่าใครคือวิลเลี่ยน” แบคฮยอนเอ่ยถาม เขาซุกหน้าลงกับแผ่นอกของแฟนหนุ่มพร้อมกับกอดกระชับเอวหนาให้แน่นขึ้น

    “ฉันเคยอ่านเรื่อง บิลลิี่ เบ็น บิลลี่ขี้ขโมยในบ้านเด็กกำพร้า วิลเลี่ยนเป็นเด็กผิวสี วิลลิสเป็นมีผิวขาวเผือก กับวิคเตอร์พี่ใหญ่จอมเกเร เดาว่านายคือบิลลี่ใช่ไหม?” ชานยอลส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ จากในลำคอ เขาเหลือบตาลงไปมองแฟนตัวเล็กที่ยังนอนหลับตาอยู่ ก่อนที่จะพูดต่อ “แต่รหัสลับของนายในจดหมายมันไก่อ่อน เหมือนจดหมายลับของเด็กประถม” เขาว่าพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกมา

    “อ๋องั้นหรอ”

    “นายสั่งฆ่าเอิลวิล”

    “อย่ามากล่าวหากันสิ”

    “งั้นใครทำ”

    “เค้าผิดเอง... พวกฉันถูกตามล่า เค้าเอาเราไปเล่นเป็นหมากในเกม แล้วพอชุลมุนเค้าก็เอาสมบัติของเราหนีไป... ฉันแค่ให้เด็กๆ ไปทวงของคืน”

    “แต่เด็กๆ ของนายฆ่าเค้า”

    “ไม่ เค้าไม่ได้ฆ่า... วิลลิสตามตัวเอิลวินจนเจอ เค้าชิงเงินกลับมา แล้วบอกเอิลวินว่าจะแบ่งทองส่วนนึงให้ถือเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยวางแผน เค้าเอาทองส่วนนึงให้เอิลวิน แล้วก็กลับมา เค้าไม่ได้ฆ่าเอิลวิน”

    “ทองพวกนั้นมีชิป... วิลลิสรู้ เค้าตั้งใจให้เอิลวินถูกตามล่า”

    “ช่วยไม่ได้ เค้าคิดว่าถ้าส่งเอิลวินให้พวกที่กำลังตามหาเค้า แล้วพวกมันจะหยุดตามล่าคนที่เหลือ พวกเราโกรธที่เอิลวินเอาเราไปเป็นเครื่องมือแก้แค้น เค้าไม่ได้ทำแค่เพื่อเงิน แล้วเค้าก็ไม่ได้บอกว่าของพวกนั้นมีเจ้าของ เราแค่หวังว่าบริษัทจะได้รับเงินประกัน ส่วนเราหนีออกนอกประเทศ ไม่คิดว่าจะถูกตามเอาชีวิต”

    “แต่นายรู้ว่าตัวเองกำลังปล้นเงินของพวกค้ายา นายบอกฉัน”

    “ใช่ ฉันรู้ แต่ฉันไม่ได้ปล้นพ่อค้ายา บริษัทวิลลี่เป็นแค่ทางผ่านของเงินพวกค้ายา มันเป็นแค่จุดรับฟอกเงิน ฉันรู้ว่ามีเงินเท่าไหร่ในห้องนั้น ฉันหยิบมาแค่นิดเดียว ถ้าเทียบกับทั้งหมด... เงินพวกนั้นเป็นของวิลลี่ ทรัพย์สินของวิลลี่มีประกัน เชื่อเลยว่าเค้าก็คงไม่อยากให้ตำรวจเข้าไปยุ่งเท่าไหร่ ยิ่งเงินพวกนั้นมันมาแบบไม่ดี”

    “นายก็เลยคิดว่าเรื่องจะแค่เงียบไป”

    “ใช่... ฉันคิดว่ามันจะเป็นแค่การขโมยเงินนักธุรกิจที่ทำงานกับพวกไม่ดี ที่ฉันไม่รู้คือเรื่องร้านเพชรกับคลังทอง ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นของเค้าด้วย ถ้าทำอย่างนั้นมันก็เหมือนการฉีกหน้าล่ะ แน่นอนว่าเค้าต้องโกรธ เพราะเค้ารู้ว่าคนทำรู้ว่าเค้าทำอะไร มันเป็นการข่มขู่... เอิลวินทำให้การปล้นกลายเป็นการแก้แค้น นั่นแหละที่ฉันโกรธ จากแทนที่เรื่องจะแค่เงียบไป ก็กลายเป็นว่าพวกเราโดนรุมเละ เรื่องวุ่นวายไปหมด”

    “แต่พวกนายก็แสบ ฉันคิดว่าวิลลิสทำถูกแล้วที่ส่งเอิลวินให้พวกค้ายา เพราะอย่างน้อยเค้าก็ได้รู้ว่าใครทำ แล้วก็ได้ล้างแค้น”

    “มันช่วยไม่ได้ เค้าไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหนีอะไร ตอนที่ไคเขียนจดหมายเข้าไปในคุกบอกว่ามีหมาจรจัดมาเห่าที่หลังบ้าน และเบนจามินหนีออกบ้านไปฉันถึงได้เริ่มรู้สึกว่ากลิ่นมันไม่ดี”

    “ใครคือเบนจามิน?”

    “นี่ไงเบนจามิน” แบคฮยอนหยิบเอาธนบัตรดอลล่าที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาชูบนอากาศก่อนที่จะพูดต่อ “มันเป็นโค้ด หมายถึงเราถูกหักหลัง เงินเราหายไป มีคนขโมยเงินไป...”

    “ไคเขียนจดหมายถึงนาย? บอกว่าพวกเค้าถูกหักหลัง และถูกคนที่ไม่ใช่ตำรวจตามล่า?”

    “ใช่... แล้วตอนที่ฉันกำลังคิดว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไร นายก็เข้ามาสาธยายความความฉลาดของตัวเองให้ฟัง แล้วฉันก็นึกออกว่าเรากำลังถูกหลอกสองเด้ง คนขับรถหัวขโมยมันชิงเงินเราไป แถมยังหลอกใช้เราแก้แค้นพวกค้ายา”

    “เค้ารู้เรื่องทั้งหมดจากแค่จดหมายของนายฉบับเดียวน่ะหรอ?”

    “โถ่ชานยอล... พวกเค้าฉลาด มีหูมีตามากมาย ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แต่กับคนไม่ดี โลกพวกนี้มันแคบน้า... และคนทุกคนก็ไม่ได้ชอบนาย...”

    “แล้วต้าฉวนล่ะ”

    “เค้าเป็นมือใหม่ ตอนที่ไคตามไปเอาเพชรคืนเค้ากลัวจนทิ้งของไว้ เค้าคิดว่าเค้ากำลังถูกตามล่าจากพวกนักฆ่า”

    “แสดงว่าเค้าไม่รู้ว่าน้องนายเป็นคนยิงเค้าหรอ?”

    “คิดว่างั้น ก็แค่สั่งสอนเท่านั้นน่ะ” แบคฮยอนยักไหล่ ไอ้เรื่องวุ่นๆ นี่ทำเขาปวดหัว แบคฮยอนกลัวแทบแย่ว่าจะได้ยินข่าวเรื่องใครตายตอนที่หนีออกมาจากคุกได้

    “งั้นขอถามอีกคำถามเดียว”

    “อื้อ”

    “หนีออกมาได้ยังไงตอนที่หลบออกจารถขนนักโทษ”

    “อยากรู้หรอ... จุ๊บฉันทีนึงสิ” แบคฮยอนหัวเราะขำ เขาเงยหน้าขึ้นไปรับจูบจากจากริมฝีปากอุ่นๆ ก่อนที่จะพูดต่อ “นายสั่งปิดถนน เพราะว่าจะจับฉัน...”

    “ใช่ ฉันกลัวนายจะถูกยิงตายก่อนที่จะได้ออกไปพ้นถนน”

    “เสียใจชานยอล ฉันไม่ได้อยู่บนถนน” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นไปจูบปลายคางที่มีตอหนวดขึ้นอยู่รำไรพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา

    “หึ... ให้ตายสิ... ฉันว่าฉันนึกออกแล้ว”

    “คิดได้ช้าจังนะ... ตอนนายสั่งปิดถนน ฉันนั่งขำกับวิลลิสอยู่บนฮอล์นักข่าว”

    “นายเห็นฉันเป็นไอ้โง่”

    “ใช่ เพราะนายเป็นไอ้โง่”

    “แต่ไอ้โง่คนนี้ช่วยนายจากพวกนักฆ่า”

    “พูดบ่อยจังนะ คิดจะทวงบุญคุณหรอ”

    “งั้นก็ช่วยตอบแทนฉันหน่อยสิ เอาให้สาสมกับที่นายปั่นหัวฉันเลย...”

    “หึ... ได้อยู่แล้ว...”












    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×