ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Fable -Chanbaek-

    ลำดับตอนที่ #28 : Brother in law 7 [END]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.14K
      281
      29 ต.ค. 63

    B
    E
    R
    L
    I
    N
       








    ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...

     

    ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...

     

    เปลือกตาสีอ่อนลืมขึ้นท่ามกลางความมืดมิดด้วยเสียงเคาะประตู เด็กหนุ่มร่างเล็กยัดกายขึ้นมองรอบตัวที่รายล้อมไปด้วความมืด แบคฮยอนลุกขึ้นจากเตียงอย่างงงๆ ก่อนจะเดินไปเปิดบานประตูที่แง้มไว้และพบกับความมืดที่เป็นทางเดินยาวกับบรรยากาศแสนเวิ้งว้างและเงียบสงัด

     

    แม่พ่อ...

     

    เอ่ยเสียงเรียกออกไปแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมา เท้าเปลือยเปล่าก้าวเดินไปตามทางมืดสนิทด้วยหัวใจที่เริ่มสั่นไหวด้วยความกลัว รอบตัวแบคฮยอนมืดไปหมด เขาเอาแต่วิ่งไปแล้วก็เอาแต่ตะโกนเรียกชื่อทุกคนไม่หยุด

     

    แม่! พี่! พี่ชานยอล!

     

    ไม่ว่าจะวิ่งไปทางไหนก็พบแต่ความว่างเปล่าและทางมืดที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เปิดเข้าไปในประตูบานไหนก็พบแต่ทางเดิมๆ หัวใจดวงเล็กถูกบีบด้วยความหวาดกลัว เสียงร้องไห้ดังสะท้อนจากรอบข้างเหมือนถูกขังอยู่ในกล่องใบใหญ่ แบคฮยอนเอาแต่ตะโกนเรียกหาคนในครอบครัว ทว่าก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่น...

     

    รู้สึกโดดเดี่ยวจับใจ ราวกับถูกทิ้งไว้ในที่ห่างไกลพร้อมกับหัวใจที่อัดแน่นด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ไม่มีแม้แต่คนเดียว และแบคฮยอนยังเอาแต่ร้องไห้วิ่งวนในความมืดตะโกนขอให้ใครสักคนได้ยินเสียงนี้ที...

     

     

     

    ดวงตาเรียวรีลืมขึ้นพร้อมกับร่างที่สะดุ้งเล็กน้อย หัวใจดวงเล็กเต้นรัวเป็นกลองเหงื่อชุ่มละกรอบใบหน้า กวาดสายตามองรอบตัวด้วยอาการเสียขวัญก่อนจะพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่พยามผ่อนลมหายใจให้มากที่สุด

     

    ฝันแบบนี้อีกแล้ว...

     

    ความรู้สึกหวิวแล่นลามไปทั่วฝ่ามือ แบคฮยอนหยัดการขึ้นหอบหายใจจนตัวโยนก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คนาฬิกา ตัวเลขบนจอตอนนี้บอกเวลาแปดโมงกว่าแล้ว ทุกครั้งที่ฝันร้ายมักเป็นช่วงเวลาเดิมๆ เสมอ แบคฮยอนเอาแต่ฝันว่าติดอยู่ในสถานที่ร้าง โรงงาน อาคารหรือห้องกว้างๆ ที่ทำให้เขารู้สึกกลัวมากๆ และทุกครั้งก็มักจะเอาแต่เรียกหาคนคนอื่นทว่าก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่น...

     

    คนตัวเล็กได้แต่ถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ อาการฝันร้ายทำเขารู้สึกเหนื่อยเหมือนไม่ได้พักผ่อนและตื่นมาพร้อมอาการจิตตกปนวูบโหวงในอกทุกครั้ง ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาก็แทบจะไม่ได้นอนหลับเต็มตื่นอีกเลย

     

    เด็กหนุ่มล้มตัวนอนบนเตียงอีกครั้งก่อนคว้าโทรศัพท์เข้ามาเช็คเพื่อดับความเป็นกังวล หรือว่านี่จะเป็นผลจากการที่แบคฮยอนลงโทษตัวเอง..

     

    ข้อความล่าสุดที่ถูกส่งไปหาใครบางคนเมื่อวานตอนค่ำยังถูกดองเอาไว้อย่างเคย ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาขณะพลิกกายจ้องมองเพดานห้องด้วยสายตาว่างเปล่า

     

    ตอนนี้จะทำอะไรอยู่นะ...

     

    อีกหนึ่งเดือนมหาวิทลัยก็จะเปิดแล้ว มีเวลาให้ตัดสินใจว่าจะย้ายไปอยู่หอข้างนอกอีกไม่กี่วัน ในใจอันสับสนยังคงลังเล แบคฮยอนรู้ว่าตัวเองแค่อยากออกไปจากบ้านเพื่อหนีปัญหา และเพื่อจะได้มีอิสระในชีวิตมากขึ้นแต่ก็ยังมีอีกเรื่องที่คาอยู่ในอก สิ่งที่แบคฮยอนอยากจะรู้ให้ได้ก่อนจะตัดสินใจ

     

     

     


    เสียงเข็มนาฬิกาดังติ๊กต๊อกเดินวนไปบนหน้าปัดจนถึงเลข 11 บอกเวลาสาย หลังจากใช้เวลาจัดการกับตัวเองไม่นานแบคฮยอนเปลี่ยนจากชุดนอนไปสวมชุดลำลองสบายๆ


    คนตัวเล็กหยิบกระเป๋าย่ามขึ้นสะพาย ยืนมองตัวเองในกระจกอยู่นานสองนาน ก่อนจะหันไปเปิดประตูห้องแล้วก็พบกับคนขับรถที่กำลังขนกระเป๋าเดินทางออกจากห้องข้างๆ โดยมีพี่สาวและผู้เป็นแม่คอยช่วยเหลืออยู่ข้างหลัง

     

    พี่จะไปแล้วหรอ

     

    อื้อ จะไปหาเพื่อนแล้วหรอ

     

    คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำถามผู้เป็นแม่ พอหันไปมองบานประตูที่เปิดกว้างแล้วเห็นห้องนอนว่างเปล่าของพี่สาวก็อดใจหายไม่ได้ วันนี้แพยอนย้ายของไปอยู่อพาร์ทเม้นท์ข้างนอกกับแฟนคนใหม่แล้วแม้จะเพิ่งคบกันได้ไม่นาน ด้วยเหตุผลที่ว่าทำใจอยู่ในห้องนี้ไม่ได้ ซึ่งมันก็น่าเสียดายแต่แบคฮยอนไม่แปลกใจ

     

    แกจะไม่ไปช่วยพี่จัดของหน่อยจริงๆ หรอแพยอนลากกล่องใบสุดท้ายมาตั้งหน้าประตูพร้อมเอ่ยถามน้องชาย ริมฝีปากของเธอยังเคลือบด้วยลิปสติกบนสีหน้าร้ายๆ เหมือนเดิม

     

    พี่ก็มีพี่มินโฮช่วยแล้วนี่ วันนี้เค้านัดกับเพื่อนไว้แล้ว

     

    เพื่อนแกสำคัญกว่าพี่สาวหรือไง

     

    นี่พี่เค้าก็จะไปแล้วนะ ตกลงเรื่องย้ายหอของเราน่ะตัดสินใจได้หรือยัง นี่อีกเดือนก็จะเปิดเทอมแล้วนะพอได้ทีคนเป็นแม่ก็ไม่ลืมทวงถามเรื่องย้ายหอของลูกชาย ทว่าก็ได้รับเพียงคำตอบเดิมๆ จากเด็กหนุ่ม

     

    กำลังคิดอยู่

     

    รีบคิดนะ ถ้าใกล้เปิดเทอมมันจะยุ่งจัดการไม่ทัน

     

    แบคฮยอนพยักหน้ารับแบบขอไปทีแล้วรีบเดินผ่านแม่และพี่สาวลงบันไดไปก่อนจะถูกซักถามมากกว่านี้ เสียงเท้าย่ำบันไดดังห่างออกไป เมื่อแผ่นหลังของลูกชายคนเล็กของบ้านหายลับตาผู้เป็นแม่กับพี่สาวก็ได้แต่ถอนลมหายใจเฮือกใหญ่

     

    ยูราวางมือลงบนบ่าลูกสาวคนโต เกลี่ยปอยผมยาวขึ้นไปทัดหูด้วยความเอ็นดูพลางคลี่รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า

     

    อย่าไปโกรธน้องเลยนะลูก... ถ้าจะโกรธก็โกรธพี่ชานยอลเถอะ

     

    คำพูดของคนเป็นแม่เหมือนหยดน้ำชโลมลงบนถ่านไฟร้อนระอุ แพยอนได้แต่ถอนลมหายใจก่อนจะขืนยิ้มเล็กๆ ออกมา เธอรู้ว่าอดีตคนรักเป็นยังไง เขาทั้งมีสเน่ห์และรู้วิธีที่จะทำให้ใครต่อใครหลงใหลได้ง่ายๆ และแบคฮยอนก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เมื่อมีใครสักคนมาให้ในสิ่งที่เขาต้องการก็ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะเดินตามไม่เลิก

     

    หนูไม่โกรธน้องหรอก แต่มันก็... แม่ไม่กลัวเค้าทำกับแบคฮยอนอีกหรอ

     

    เค้าก็คงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง...



    .


    .


    .

     


    ที่หน้าห้องอพาร์ทเม้นท์เด็กหนุ่มตัวเล็กกกดกริ่งและยืนรออย่างสงบ แค่เพียงไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องในชุดลำลองกับกางเกงวอร์มและแปรงสีฟันในปาก ผมสีดำยุ่งเหยิงถูกเสยลวกๆ คนตัวสูงส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ได้เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนหลีกทางให้อีกฝ่ายเข้ามา

     

    ทำไมไม่โทรขึ้นมาเขาพูดทั้งที่แปรงยังคาอยู่ในปาก ชานยอลเดินไปบ้วนน้ำในซิ้งค์ล้างจาน เช็ดมือกับเสื้ออย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปเก็บกองแฟ้มคดีที่วางอยู่บนบนโต๊ะ

     

    อพาร์ทเม้นท์ที่เคยเป็นอดีตเรือนหอหวานแหวว วันนี้กลับเต็มไปด้วยข้าวของรกเต็มไปหมด ทั้งแก้วกาแฟกองกระดาษวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะหนังสือ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของห้องงานยุ่งขนาดไหน

     

    พี่ยังไม่ตื่นอีกหรอ...

     

    อือ แอบเข้ามาเดี๋ยวคราวหลังเดี๋ยวยามก็จับ

     

    ก็โทรมาแล้วพี่รับที่ไหนล่ะแบคฮยอนมุ่ยหน้า ถอดกระเป๋าย่ามสีน้ำเงินวางไว้ข้างชั้น "พี่กินข้าวหรือยัง"


    "ยังเลย จะไปหาอะไรกินไหม"


    "ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเค้าทำให้เอง"

     


     

    ใช้เวลาเพียงไม่นานข้าวต้มหมูในหม้อก็ขึ้นควันส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วห้อง แบคฮยอนจัดการตักใส่ถ้วยสองใบยกไปวางไว้หน้าทีวีขณะที่คนตัวสูงยังเปิดหน้ากระดาษในแฟ้มคดีพลิกไปมา

     

    พี่จะกลับไปทำงานเมื่อไหร่ ยังถูกพักราชการอยู่หรือเปล่า

     

    ยังไม่รู้เลย พิจารณาเดือนหน้าเขาว่าพร้อมกับวางแฟ้มกระดาษลงแล้วหันไปสนใจข้าวต้มในถ้วย ที่จริงถึงจะบอกว่าพักงานแต่ก็พักแค่ในนามเพื่อออกไปทำการสืบสวนเท่านั้น แล้วตอนนี้ชานยอลก็โดนคนใหญ่คนโตหมายหัววุ่น การหายหน้าไปสักพักอาจจะทำให้สถานการณ์ทุเลาลง

     

    พี่โดนพักงานแล้วทำไมยังสืบคดีได้อีก

     

    มันมีช่องทางของมันเขาส่งเสียงหัวเราะเบาๆ พร้อมวางมือจับลงบนศีรษะเจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดู แล้วตกลงเรื่องหอว่าไง จะออกมาอยู่ข้างนอกไหม

     

    คำถามที่ไม่ทันตั้งตัวชะงักมือคนตัวเล็กที่กำลังตักข้าวเข้าปาก นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบมองพี่ชายข้างกายก่อนจะอึกอักตอบไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

     

    ยังไม่แน่ใจเลย

     

    เดี๋ยวม.เปิดแล้วนะ

     

    อื้อ...

     

    แล้วอยากอยู่หรือไม่อยากอยู่

     

    “..........” แบคฮยอนพูดไม่ออก สายตาของคนอายุมากกว่าที่จ้องมองมายิ่งทำให้ต้องคิดหนัก ได้แต่ลอบถอนลมหายใจพลางหลุบสายตาลงมองชามข้าวต้มในมือ รู้สึกเบื่อตัวเองที่เอาแต่สับสนเกินทน

     

    เหตุผลเดียวที่แบคฮยอนอยากออกมาอยู่หอก็เพราะพี่ชานยอล เผื่อจะได้เจอกันมากขึ้น ก่อนหน้านั้นเขาอยากหนีปัญหาจากที่บ้าน แต่ตอนนี้สถานการณ์หลายอย่างมันก็หย่อนคล้อยลงไปมากแล้ว และก็กลับกลายเป็นแบคฮยอนเองที่ลังเลเพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ...

     

    เป็นอะไร

     

    กว่าจะรู้ตัวก็เงียบไปนานจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถามย้ำ คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมา ความรู้สึกไม่ไว้วางใจในความสัมพันธ์หยั่งรากฝังลึกจนหลายครั้งแบคฮยอนก็แอบคิดว่าเขาอาจจะชอบพี่ชานยอลในสถานะของพี่เขยมากกว่า

     

    เพราะว่าการเป็นตัวสำรองแบคฮยอนไม่ต้องเลือก เขาชินกับการถูกมอบความรักให้โดยที่ไม่ต้องคาดหวังหรือเรียกร้องอะไร บางครั้งก็รู้สึกปลอดภัยกว่าที่ไม่ต้องตัดสินใจ

     

    ถ้าออกมาอยู่หอแล้วทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม ยังคงรู้สึกโดดเดี่ยว แบคฮยอนก็ไม่อยากอยู่ มันก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนนักเพียงแค่ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นแต่ความรู้สึกก็ไม่ต่างจากเดิม...

     

    ไหนสัญญาแล้วไงว่าถ้ามีอะไรจะบอกมือหนาเอื้อมไปเกี่ยวปอยผมสีเข้มขึ้นทัดใบหูพร้อมเชยหน้าอีกฝ่ายให้เงยขึ้นสบตา

     

    อื้อ... ที่จริงก็อยากออกมาอยู่หอเพราะจะได้เจอพี่ แต่ก็... ไม่แน่ใจว่าจะได้เจอกันบ่อยจริงๆ ไหม

     

    คำตอบอ้อมแอ้มกับแววตาที่ฉายแววความลังเลฉุกคนตัวโตให้ต้องหยุดคิด

     

    ชานยอลเองก็พอเข้าใจว่าทำไมแบคฮยอนถึงคิดแบบนั้น เหตุการณ์มากมายตลอดหลายเดือนนี้ทิ้งรอยช้ำฝากรอยแผลเอาไว้กับเด็กคนหนึ่งเยอะเกินกว่าจะรับไหว

     

     เขาเพียงแค่รั้งศีรษะคนตัวเล็กเข้ามาประทับจูบลงกลางกระหม่อมด้วยความเอ็นดูก่อนที่ใบหน้าหวานจะวางอิงซบลงกับลาดไหล่ รู้สึกได้ถึงแรงถอนหายใจหนักๆ จากอีกฝ่าย

     

    พี่...

     

    หื้อ

     

    เค้าขอโทษนะ

     

    ขอโทษเรื่องอะไร

     

    ขอโทษกับสิ่งที่พ่อเค้าทำเอ่ยออกไปเสียงแผ่วพร้อมกับก้อนน้ำตาที่เคลื่อนมาจุกอยู่ในลำคอ แบคฮยอนไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุนั้นหรือเปล่าเขาถึงได้รู้สึกห่างไกลหัวใจที่เย็นชาของผู้ชายตรงหน้าอยู่เสมอ

     

    ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะเข้าไปยืนในนั้นได้ ต่อให้ใกล้แค่ไหนก็ยังเห็นกำแพงอยู่ดี...

     

    ไม่ต้องขอโทษหรอก มันผ่านไปแล้ว

     

    “...”

     

    ตอนนี้พี่มีความสุขไหม...เสียงเล็กตีบตัน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พูดอย่างนั้นออกไป สำหรับแบคฮยอนเรื่องมันจบแล้ว แต่สำหรับผู้ชายตรงหน้ามันจบหรือยัง

     

    คนอายุมากกว่าได้แต่เงียบไม่พูดอะไรกับคำถามที่สะกิดความรู้สึกในเบื้องลึก ชานยอลหลุบสายตามองคนในอ้อมกอดก่อนจะซบหน้าซุกปลายจมูกลงกับเรือนผมสีเข้ม

     

    อื้อ มีสิ...

     

    แผ่นหลังที่สั่นเบาๆ บอกชายหนุ่มให้รู้ว่าเจ้าตัวเล็กของเขากำลังสะอื้นอีกแล้ว  พอได้ยินคำถามที่ว่า ตอนนี้มีความสุขไหม ชานยอลถึงได้เพิ่งฉุกคิดว่าตลอดชีวิตเขาแทบไม่เคยมีความสุขเลยกับมีดที่ปักคาอยู่ในอกเป็นแผลเจ็บรอวันออกหนอง สิ่งเดียวที่พอจะทำให้ยิ้มได้ในช่วงที่ผ่านมานี้ก็มีแค่เรื่องนี้เท่านั้น

     

    ชานยอลไม่เคยขอให้ใครเข้าใจหรือเห็นใจ แต่เมื่อแบคฮยอนมองเห็นมันเขาก็พร้อมจะโอบรับเอาไว้ ชานยอลไม่อยากให้แบคฮยอนรักด้วยเพียงความหลงใหล ด้วยการเสพติดความเอาใจใส่ก่อนที่จะพบว่าพี่ชายในฝันของเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่คิด

     

    เค้าขอให้พี่มีความสุขนะ...

     

    “.........”

     

    ทนทรมานกันมาพอหรือยังกับเรื่องค้างคาไม่จบไม่สิ้นและหัวใจที่บอบช้ำจนด้านชา...

     

    บางทีความแค้น ความรู้สึกติดค้างที่สั่งสมมามันอาจไม่เคยมีจริง ชานยอลอาจต้องการเพียงแค่คนที่เข้าใจความรู้สึกเขาจากการที่ต้องสูญเสีย สิ่งที่เกิดขึ้นและไม่มีคนรับผิดชอบ ต้องการเพียงคำสารภาพผิดและคำขอโทษ

     

    ถ้าชานยอลมีความสุขแล้ว แล้วตอนนี้แบคฮยอนมีความสุขหรือยัง

     

    มือหนาผลักดันอกเด็กหนุ่มตรงหน้าออก เชยใบหน้าที่มีรอยน้ำตาจางๆ ติดอยู่บนแพรขนตาก่อนจะประทับจูบลงอีกครั้งลงบนหน้าผากมน

     

    อยู่กับพี่นะ...

     

    คำพูดแสนสั้นรอคอยจะได้ยินมาตลอดถูกเอ่ยออกมา พัดเอาม่านหมอกคลุมเคลือในใจออกไปได้จนหมด หยดน้ำตาที่เกือบจะเหือดแห้งไปรื้นขึ้นบนขอบตาอีกครั้งแต่ก็ต้องห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ แบคฮยอนวางชามข้าวลงก่อนจะโน้มกายตัวเข้ากอดคนตรงหน้าแน่น ซุกใบหน้ากับแผ่นอกเพื่อซ่อนน้ำตา

     

    เพียงเท่านี้แหละที่อยากจะได้ยิน...

     

    ราวกับว่าภูเขาที่ทับอยู่บนอกมาถูกยกออกไปจนหมด ชานยอลได้แต่ใช้ฝ่ามือลูบหลังเจ้าคนขี้แยด้วยความเอ็นดู

     

    แม้ว่าแผลที่ฝังอยู่ในใจมาตลอดชั่วชีวิตจะไม่สามารถรักษาได้ง่ายๆ แต่ก็หวังว่าเวลาจะช่วยเยียวยา

     

    แบคฮยอนที่เก็บความรู้สึกเอาไว้จนชิน และชานยอลที่ไม่เคยคร่ำครวญถึงความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ในใจ ความโดดเดี่ยวดึงดูดพวกเขาตั้งแต่วันแรกที่พบ แต่เมื่อเรื่องทั้งหมดจบลงแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องจมติดกับมันอยู่ตลอดไป ขังตัวเองไว้ในเงาของความอ้างว้างจนวันตาย

     

    รักพี่นะ

     

    คำว่ารักตอนนี้สามารถเอ่ยออกมาได้แล้ว

     

    ลาก่อนอดีตอันแสนยาวนาน สวัสดีชีวิตใหม่...

     








     

    สองสัปดาห์ก่อนเปิดเทอมแบคฮยอนย้ายของเข้าห้องมาได้แบบทันเวลาฉิวเฉียดและยังมีเวลาเหลือสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ

     

    ภายในห้องห้องพักติดชายทะเล ทันทีที่บานประตูปิดลงกระเป๋าเป้ใบใหญ่ก็ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้น เจ้าของร่างเล็กตรงไปกระโดดขึ้นที่นอนเหมือนเด็กๆ ด้วยความดีใจเกลือกกลิ้งไปทั่วเตียงทรงกลม

     

    บนชั้นสองของรีสอร์ทวิวด้านนอกมองผ่านทะลุกระจกไปมีแต่ทะเลกับขอบฟ้า นอกระเบียงมีอ่างอาบน้ำใหญ่ให้นอนแช่ชมวิว แบคฮยอนแทบรอจะได้ลงอ่างไม่ไหวในช่วงที่ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสี สายลมโกรกโชยเบาๆ ในยามเย็น

     

    พี่ ลงอ่างกัน!คนตัวเล็กว่าอย่างกระตือรือร้น นี่คือเหตุผลที่แบคฮยอนเลือกพักที่นี่เพราะอยากดูพระอาทิตย์ตกดิน ก่อนช่วงฟ้าอัสดง

     

    เอาเลย ไปก่อนชานยอลเพียงแค่ระบายยิ้มบนใบหน้าขณะเดินไปเปิดตู้เย็นหาเครื่องดื่ม เขาโยนแจ็กเก็ตไว้บนโซฟานั่งลงเอนหลังกับนักพิงหลังจากขับรถมาทั้งวัน มองเจ้าตัวเล็กเดินออกไปเปิดน้ำใส่อ่าง

     

    พอได้เห็นท่าทีร่าเริงของอีกฝ่ายแบบนี้ก็สบายใจ วันนี้เป็นวันของแบคฮยอน และชานยอลก็อยาหแบคฮยอนมีความสุขที่สุด

     

    น้ำอุ่นด้วย งั้นเค้าลงก่อนนะ

     

    คนตัวเล็กชะโงกหน้ามาพูดผ่านประตูกระจกก่อนจะรีบหันไปเปิดก๊อกน้ำ ปลายเท้าก้าวลงไปแช่ในอ่างค่อยๆ ดูผิวน้ำอุ่นเอ่อท่วมขึ้นมาบนหลังเท้าด้วยความตื่นเต้น สายลมในช่วงเย็นนี้ค่อนข้างหนาว

     

    แบคฮยอนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกโยนไว้บนพื้นไม้ระแนงที่ที่วางสลับเป้นช่องเท้าก่อนจะถอดกางเกงออกเหลือเพียงชั้นในตัวน้อยแล้วหย่อนกายลงในอ่างน้ำอุ่นที่เพิ่มระดับน้ำขึ้นเรื่อยๆ วางคางเกยขอบจ้องมองฝูงนก สูดลมทะเลอย่างเป็นสุข

     

    เปลือกตาอ่อนหลับพริ้มลงค่อยๆ สัมผัสถึงอุณหภูมิของน้ำที่กำลังคืบสูงขึ้นมาเรื่อยๆ เพียงไม่นานผิวน้ำก็เอ่อขึ้นมาท่วมอก แบคฮยอนยิ่งกว่ามีความสุขกับความอบอุ่นที่ล้อมรอบกายแม้สายลมข้างนอกจะหนาว

     

    เท้าเล็กๆ ตีไปมาใต้ผิวน้ำอย่างอารมณ์ดี แบคฮยอนเคยคิดมาตลอดว่าอยากมีสักครั้งที่ได้ออกมาพักผ่อนอย่างสบายใจ โดยที่ไม่ต้องมีใครคอยตามพะวง

     

    เพียงแค่ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก็รู้สึกโล่งไปหมด เหมือนร่างกายไปปลดปล่อยความหนักอึ้ง เป็นการหายใจเต็มท้องครั้งแรกในช่วงหลายเดือนที่ผ่าน วันนี้ถุงลมของแบคฮยอนไม่รั่วอีกต่อไป หลังจากที่รู้สึกว่าหายใจเท่าไหร่ก็ยังวูบโหวงอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ข้างในอกเขาอัดแน่นด้วยความสุขใจ

     

    เจ้าเป็ดน้อยที่ถูกวางไว้ประดับบนเก้าอี้ถูกย้ายมาลอยอยู่เหนือผิวน้ำในอ่าง บนหลังของแม่เป็ด

     

    พี่ลงด้วย

     

    ได้ยินเเสียงทุ้มดังจากด้านหลังก่อนที่คนตัวสูงจะก้าวขาลงหย่อนกายนั่งในอ่างจนน้ำที่เคยอยู่ใต้แผ่นอกยวบขึ้นล้นขอบ สองขาเหยียดยาวออกไปจนเกือบสุดก่อนท่อนแขนหนาจะตวัดรวบร่างเจ้าของแผ่นหลังขาวให้ขยับเข้ามานอนชิดอก

     

    สี่เท้าเล็กใหญ่เหยียดขึ้นเกยขอบอ่าง แบคฮยอนเอนร่างลงพิงคนตัวโตกว่าสัมผัสเปียกลื่นจากผิวที่แนบชิดกันทำเอารู้สึกจั๊กจี้ไม่น้อย

     

    สายลมเย็นพัดโชยปะทะใบหน้าตัดความอบอุ่นของน้ำในอ่าง แบคฮยอนวักน้ำจ๋อมแจ๋มเล่นกับเป็ดยางที่ลอยคว้างอยู่ในอ่างอย่างสบายใจ รู้สึกปลอดโปร่งเหมือนตัวจะลอยขึ้นไปบนฟ้าจนไม่อยากเชื่อว่านี่คือความจริง...

     

    สบายใจเลยนะชานยอลส่งเสียงหัวเราะเบาๆ พลางวักน้ำรดผมสีเข้มจากท้ายทอยขึ้นไปเกือบถึงกลางกระหม่อม

     

     “แล้วพี่ไม่สบายหรอ

     

    ท่าทีการแหงนหน้าขึ้นช้อนสายตามองของเจ้าตัวเล็กทำชานยอลอดที่จะก้มลงจุ๊บหน้าผากไม่ไหว เขากอดกระชับร่างในอ้อมแขนให้ขยับเข้ามาชิดขึ้นจนทุกส่วนแนบแน่นกัน

     

    ใครบอก

     

    ระหว่างภูเขากับทะเลพี่ชอบอะไรมากกว่ากัน

     

    ภูเขา

     

    ทำไมชอบภูเขา

     

    ไม่รู้เหมือนกันเอ่ยเสียงทุ้มกระชิดใบหู ปลายจมูกคลอเคลียอยู่ไม่ห่างเส้นผมเปียกปอน นัยน์ตาคมจ้องมองออกไปไกลสุดขอบฟ้า นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่

     

    ชานยอลรู้สึกว่าทะเลก็ไม่แย่เท่าไหร่ถ้าไม่มีคนและอากาศไม่ร้อน

     

    เฮ้อ ถ้าได้อยู่อย่างงี้จนเปิดเทอมเลยก็ดีแบคฮยอนหลับตาพริ้มสองเท้ากระดิกไปมาด้วยความสบายใจ ความรู้สึกที่เหมือนมีช่องว่างขนาดใหญ่ในอกถูกเติมเต็มด้วยบรรยากาศแสนดีและความอบอุ่นจากพี่ชายที่ตนหลงรัก ที่จริงมันมากจนเกือบจะล้นทะลัก

     

    วันนี้แบคฮยอนได้ตะเวนกินของอร่อยทั้งวัน นั่งรถมองข้างทางก่อนที่จะมาจบวันแรกด้วยวิวของท้องฟ้าและทะเลในอ่างแช่น้ำของรีสอร์ท

     

    ชอบไหม

     

    อื้อ

     

    ถ้าชอบจะได้พามาอีกกล่าวออกไปเหมือนเป็นคำสัญญาว่าจะได้มาด้วยกันอีกคราวหน้า มือหนายกขึ้นเสยผมหน้าม้าเปียกปอนของคนในอ้อมกอดไม่ให้ทิ่มโดนตา ก่อนจะเจ้าตัวโดนวักน้ำสาดใส่ดังซ่า! เดี๋ยวเหอะ

     

    มีความสุขจังเนอะ ถ้าเป็นตัวเค้าก่อนหน้านี้ก็คงไม่รู้หรอกว่าจะได้รู้สึกแบบนี้

     

    คำพูดที่เหมือนเรียบง่ายถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ ทว่านัยความกับเคลือบแฝงไปด้วยความทรมานอย่างโหดร้าย แบคฮยอนในตอนนั้นที่กำลังทุรนทุรายเพราะความรักที่เปรียบเสมือนยาพิษคงไม่คิดหรอกว่าจะได้มีความสุขอย่างตอนนี้

     

    อือ...

     

    พี่เสียใจมั่งไหมที่ผ่านมา ถ้าย้อนกลับไปจะทำเหมือนเดิมหรือเปล่า

     

    แบคฮยอนเอียงคอมองหน้าพี่ชายของเขาก่อนจะหันไปสนใจทิวทัศน์ตรงหน้า ถึงแม้คำถามมันจะดูโง่เง่าแต่สำหรับแบคฮยอนแล้วทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและเสียไป... ความทุกข์ทรมานใจ ถ้าเลือกได้เขาอาจไม่อยากเจอพี่ชานยอลตั้งแต่วันแรก

     

    แต่มันก็แค่ความคิด แบคฮยอนแค่อยากระบายความรู้สึกออกไปบ้าง...

     

    เอาจริงๆ หรือเอาแบบปลอบใจ

     

    เอาจริงๆ สิ

     

    ก็คงเลือกเหมือนเดิม

     

    คำตอบของชายหนุ่มยังคงหนักแน่นมั่นคง ชานยอลไม่มีทางรู้หรอกว่าสิ่งที่เขาทำจะก่อผลกระทบอะไรบ้างตราบใดที่มันยังไม่เกิดขึ้น

     

    ถึงจะไม่มีความสุขก็จะทำหรอ?”

     

    อือ...ส่งเสียงครางตอบในลำคอก่อนจะวางคางอิงลาดไหล่ มองลึกผ่านผิวน้ำลงไปถึงรอยแผลกรีดยาวบนข้อมือขาว ชานยอลไม่มีทางรู้เลยจริงๆ ว่าทำอะไรกับแบคฮยอนไว้บ้าง ทั้งแผลเป็นบนกายที่อาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะจางลง และแผลในใจที่ฝังลึกเกินกว่าจะจินตนาการ พี่ขอโทษนะ

     

    แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก

     

    รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้านวลราวกับว่าสิ่งที่ผ่านมาเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แบคฮยอนอาจไม่สามารถปรับตัวให้ชินกับความรักแบบนี้ได้ในเร็ววันแต่เขาก็ชอบมัน ชอบที่ได้อยู่ด้วยกันแม้จะยังกลัวทุกครั้งเวลาที่ส่งข้อความไป กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบ กลัวว่าเขาจะหายไปอีก

     

    รักนะ

     

    ริมฝีปากอิ่มประทับจูบเบาๆ ลงบนข้างแก้ม ชานยอลรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แตกร้าวของแบคฮยอนแต่ไม่สามารถสัมผัสมันได้

     

    หัวใจที่เรียกร้องเกินกว่าจะต้านทน ถึงพยายามต่อสู้แค่ไหนสุดท้ายก็ต้องยอมรับให้ทั้งความรักและความรู้สึกที่แสนทรมานโอบอุ้มไปพร้อมๆ กัน และจะช่วยกันรักษาจนกว่าจะหายดี

     

    อยากได้ยินอีกจัง

     

    ก็บอกว่ารักไง

     

    เสียงหัวเราะเบาๆ และคำบอกรักที่ดูเหมือนจะไม่มีทางได้ยินทำแบคฮยอนกลั้นรอยยิ้มไม่อยู่ อยากจะได้ยินไปอีกเป็นพันเป็นหมื่นครั้งเพื่อลบล้างความสับสนในอดีต อยากได้ยินว่าที่ผ่านมาความรู้สึกนี้คือเรื่องจริงไม่ใช่แบคฮยอนที่คิดไปเองคนเดียว

     

    เดี๋ยวพูดให้ฟังจนเบื่อเลย

     

    ชานยอลขบริมฝีปากเบาๆ ลงบนต้นคอขาวจนคนตัวเล็กย่นคอหนีและพยายามดีดตัวไปอีกฝั่งของอ่าง เสียงน้ำกระฉอกซัดปนกับเสียงหัวเราะคิกคัก แต่สุดท้ายก็ไม่วายพ้นนายตำรวจฝีมือว่องไวพุ่งตัวตามไปทาบทับร่างเล็กๆ ที่นอนหงายอยู่อีกฝั่งของอ่าง

     

    ริมฝีปากเอิบทาบทับลงบนกลีบปากสีสด สองแขนกอดรัดเอวบางเอาไว้ขณะที่บดขยี้ความเร่าร้อนใส่กัน ถ่ายทอดทั้งสัมผัสและความรู้สึกขณะที่สองมือปัดป่ายไปทั่วเรือนร่างภายใต้ท้องฟ้าสีอ่อน

     

    คนตัวเล็กส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี วางมือดันแผ่นอกคนตรงหน้าให้ผละกายออกก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปจับเส้นผมเปียกปอนของอีกฝ่ายทัดใบหู จับประคองใบหน้าคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทราวกับค้นหาบางอย่างที่

     

    มีเพียงเสียงน้ำกระเพื่อมดังเบาๆ ชานยอลอิงใบหน้าซบกับฝ่ามือเรียวก่อนจะหันไปจูบลงบนรอยแผลมีดกรีดอย่างอ้อยอิง

     

    ความร้อนจากริมฝีปากที่จูบลงบนข้อมือทำแบคฮยอนหัวใจเต้นตึกตัก ใบหน้าร้อนเห่อยิ่งเมื่ออีกฝ่ายระบายยิ้มจางๆ บนใบหน้าก่อนที่กลีบปากหนาจะเคลื่อนเข้ามาจูบลงบนหน้าผาก

     

    แบคฮยอนได้แต่ห่อกายอยู่ใต้ร่างพี่ชายตัวโตด้วยความเขินอาย ไม่เคยจะได้รับสัมผัสโต้งๆ แบบนี้พอโดนเข้าไปก็แทบจะละลายลงในอ้อมกอด

     

    มีความสุขมากจนไม่อยากให้มันจบลง เพราะกลัวว่าจะเป็นวันสุดท้ายของเรื่องราว...

     

    .

     

    .

     

    .

     

     บนเตียงสองร่างนอนกอดรัดกันจนผ้านวมไหลลงไปกรองกับพื้น ริมฝีปากร้อนผ่าวที่บดลงมาช้าๆ กับฝ่ามือร้อนลากผ่านไปทั่วผิวกายขาวเนียน แบคฮยอนได้แต่นอนอ่อนร่างปวกเปียกที่คนตัวใหญ่สัมผัส ความหนาของร่างกายที่เบียดทับลงมาทำให้เด็กหนุ่มวางมือยันหน้าอกบอกให้เขาผ่อนกำลังเป็นระยะ

     

    ความอบอุ่นของผิวหนังสัมผัสกันแนบชิดจนไม่มีช่องว่างให้ลมแอร์ผ่าน ริมฝีปากสีอ่อนถูกดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับเรียวลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้ามาเกี่ยวพัน บดขยี้หนักหน่วงราวกับกับจะช่วงชิงลมหายใจ

     

    ความรู้สึกมันแตกต่างกันจากการสัมผัสในครั้งก่อนๆ ที่ต่างคนต่างถูกดึงดูดด้วยความอ้างว้างในจิตใจ มือเล็กๆ จับประสาบกับฝ่ามือหยาบกร้าน ถูกกอบกุมด้วยความอบอุ่นขณะคนด้านบนไล้ริมฝีปากลงต่ำ

     

    ชานยอลประทับรอยเล็กๆ ลงบนแผ่นอกขาว ลูบไล้ท่อนขาเรียวที่เกี่ยวอยู่บนเอวค่อยๆ ถดกายลงต่ำประทับฝีปากกับท้องน้อยก่อนจะยกขาขึ้นมาวางพาดบนไหล่แทน

     




    - cut - 





    เสียงหอบหายใจดังเบาๆ ไปทั่วห้อง ชานยอลหมอบกายลงบดจูบบนริมฝีปากเรียวเล็กประพรมจูบไปทั่วใบหน้า ตั้งแต่หน้าผาก เคลื่อนลงมาถึงปลายจมูกและริมฝีปากเรียวจนคนตัวเล็กต้องเอียงคอหนีพลางส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา ถ้าเป็นผู้หญิงป่านนี้แบคฮยอนคงไม่มีลูกตั้งแต่ยังไม่ทันเข้ามหาลัยแล้ว

     

    พี่ ถ้าเค้าไปแจ้งตำรวจพี่จะติดคุกไหม

     

    ข้อหาอะไร?”

     

    พรากผู้เยาว์ไง

     

    แล้วผู้เยาว์ยอมให้พรากไหมเขาว่าพรอ้มกับส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะถอดท่อนกายออกจากปากทางที่ขับน้ำสีขุ่นออกมาเลอะเตียงแล้วทิ้งกายลงนอนข้างคนตัวเล็กพลางรั้งอีกฝ่ายเข้ามานอนใกล้ๆ

     

    ยอม

     

    งั้นก็ไม่ต้องแจ้ง

     

    แล้วถ้าสมมติเค้าแจ้งล่ะ จะโดนจริงไหม

     

    อือ ผิดวินัย พี่อาจจะออกจากงานเลย ทำไม? จะเอาคืนพี่หรอ?”

     

    แบคฮยอนไม่ตอบแต่หัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ แขนเรียวตวัดกอดรอบเอวหนา หนุนศีรษะลงกับท่อนแขนแข็งแรง

     

    พอได้มาอยู่ตรงนี้แล้วก็รู้เลยว่ามีความสุขแค่ไหน เมื่อก่อนแบคฮยอนแทบจินตนาการไม่ออกว่าแพยอนจะรู้สึกดีแค่ไหนที่ได้อยู่ข้างเขาคนนี้

     

    ตอนคบกับพี่มีอะไรกันไหม

     

    ถามทำไม?”

     

    คำถามที่อยู่ๆ ก็ถูกเอ่ยขึ้นทำคนฟังแปลกใจไม่น้อย ชานยอลหลุบสายตามองคนในอ้อมกอดแต่อีกฝ่ายก็เพียงแค่นอนหลับตาขยับริมฝีปาก

     

    ก็อยากรู้นี่

     

    อยากรู้ให้หมดทุกอย่าง... ถึงจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงแต่รู้แล้วสบายใจกว่าคิดไปเองคนเดียวแบคฮยอนก็อยากรู้

     

    อือ

     

    คำตอบทำคนตัวเล็กต้องเงียบลง ใบหน้านวลซุกลงกับแผ่นอกพี่ชายที่ตนหลงรัก ยังไงก็รู้อยู่แล้วว่าต้องมีแต่ก็อดจินตนาการไม่ได้ ไม่รู้ว่าถามไปเพราะอยากให้ตัวเองรู้สึกดีที่ได้มาแทนที่พี่สาวแล้วหรือเพียงแค่สงสัยเท่านั้น แต่ถึงยังไงตอนนี้แบคฮยอนก็สุขใจ

     

    คิดมากหรอ

     

    เปล่า ก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าต้องมี

     

    ไม่ต้องไปพูดเรื่องนั้นแล้วชานยอลวางมือลงบนเส้นผมสีน้ำตาลเข้มพลางใช้ปลายนิ้วเกี่ยวสางเบาๆ เขารู้ว่าเรื่องที่ผ่านมามันฝังใจแบคฮยอนขนาดไหน แต่ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว ไม่ว่าจะงานหรือปัญหาความสัมพันธ์ แล้วก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่

     

    อื้อ!

     

    แขนเรียวกอดกระชับร่างคนข้างกายแน่นขึ้น แบคฮยอนฉีกยิ้มบนใบหน้าพลางส่ายศีรษะไปมาไถผมลงกับต้นแขนพี่ชายตรงหน้าอย่างช่างอ้อน

     

    ถ้าพี่ชานยอลบอกให้เลิกคิดแบคฮยอนก็จะไม่คิดอะไรทั้งนั้น เชื่อแต่คำพูดของเขาเหมือนอย่างที่ทำมาตลอด

     

    ในค่ำคืนที่ความหนาวเย็นหรือแม้แต่ฝันร้ายก็ไม่อาจแทรกซึมเข้ามาได้ ท้องฟ้าสีเข้มในยามรัติกาลกับสายลมทะเลช่วยให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลง แค่มีเขาอยู่เคียงข้างก็พร้อมจะผ่านวันที่แสนโหดร้ายไปได้อย่างไม่รู้สึกโดดเดี่ยว...

     

    พี่...

     

    หื้อ

     

    ฝันดีนะ พรุ่งนี้ตื่นมาเจอกันอีก

     

    อื้อ... ฝันดีครับ

     



     

    .




    .




    .







     

    กล่องหนังสือใบสุดท้ายถูกวางลงข้างเตียงนอนในห้องคอนโดขนาดไม่กว้างนัก พอมองดูรอบๆ แล้วก็อดใจหายไม่ได้ ทั้งที่ห้องไม่ได้ใหญ่มากมายนักแต่กลับรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก คนตัวเล็กเดินไปนั่งลงบนเตียงนอนสีเข้ม มองไปรอบห้องพบแต่ความเรียบง่ายของเฟอร์นิเจอร์สีขาวดำกูไม่เหมาะกับการเป็นห้องของแบคฮยอนเลย

     

    แบคฮยอนอยากได้ผ้าปูสีฟ้า ตุ๊กตาบนชั้นสีขาวกับของจุกจิก รู้สึกไม่ชินยังไงก็ไม่รู้ แค่ขนของเข้ามาไว้ยังไม่ได้เข้าอยู่ก็วูบโหวงในใจบอกไม่ถูก

     

    พี่ทำอะไรน่ะแบคฮยอนย่นคิ้วมองแฟนหนุ่มพี่กำลังยืนหมุนด้ามบิดประตูห้อง ปิดเข้าปิดออก

     

    ก็ดูไงว่ามันล็อคดีหรือเปล่าชานยอลหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปิดประตูห้อง เดินมายืนประจันหน้ากับคนรัก กวาดสายตามองห้องพักว่าที่นักศึกษาพลางครุ่นคิด

     

    พี่ว่าดีไหม

     

    อะไร?”

     

    ห้องนี้ไง

     

    อือ... ก็ดีเขาตอบปัดส่ง ไม่ใช่ว่าชานยอลไม่อยากให้แบคฮยอนมาอยู่ข้างนอกหรอก แต่ดูยังไงมันก็ไม่ใช่ที่ของแบคฮยอนเลย

     

    แล้วทำไมทำหน้าอย่างงั้น

     

    จะอยู่ได้จริงหรอคนตัวสูงก้าวเท้าไปนั่งลงข้างเตียง หันไปสบตาคนข้างกาย แบคฮยอนอาจไม่ชอบที่บ้านเพราะปัญหาต่างๆ แต่เขาไม่ใช่เด็กที่จะใช้ชีวิตคนเดียวเลย

     

    ทำไม? พี่คิดว่าเค้าอยู่ไม่ได้หรอ?” แบคฮยอนทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มันก็จริงว่าเขายังไม่รู้สึกชินแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะอยู่ไม่ได้ อีกอย่างก็ไม่ได้จะอยู่ที่นี่ตลอดอยู่แล้ว เค้าก็ไปอยู่ห้องพี่ไง

     

    ชายหนุ่มเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปยีผมเจ้าตัวเล็กด้วยความเอ็นดูก่อนจะทิ้งกายลงนอนข้างกัน อันที่จริง ชานยอลก็ไม่ได้จะให้แบคฮยอนอยู่ที่นี่อยู่แล้ว

     

    แบบนี้ก็หลอกแม่สิ

     

    ไม่ใช่สักหน่อย ก็มาอยู่จริงๆแต่ก็มาอยู่นานๆ ครั้งไงแบคฮยอนชูตุ๊กตาหมูคู่ใจขึ้น จับขาสองข้างของมันขยับเต้นท่าใน MV เพลงดัง

     

    แล้วตุ๊กตัวตัวนั้นไปไหน ที่พี่ซื้อให้

     

    เค้าเอาไปไว้ห้องพี่แล้วไง

     

    เอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”

     

    เอาไปตั้งนานแล้ว พี่เคยรู้อะไรมั่งเนี่ย

     

    ชานยอลได้แต่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อถูกเจ้าตัวเล็กมุ่ยหน้าใส่ เขาเองก็ไม่ค่อยจะได้สังเกตข้าวของในบ้านเลยแค่กลับไปนอนแล้วออกไปทำงานตอนเช้า

     

    พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วจะนอนนี่ไหม? หรือจะพี่ไปส่ง

     

    ไปนอนด้วยแบคฮยอนพลิกตัวเข้าไปกอดพี่ชายคนรักแน่น ถ้าต้องอยู่ที่นี่คนเดียวก่อนเปิดเทอมเขาต้องฟุ้งซ่านแน่ เอาจริงๆ ก็ยังนึกภาพตัวเองอยู่คนเดียวไม่ออก

     

    แม่ไม่ถามมั่งหรอเวลามาค้างกับพี่

     

    อือ... ไม่เคยถามนะ เหมือนเค้ารู้เลยคิ้วเรียวขมวดย่นทำท่าครุ่นคิด พอมานึกดูแล้วแบคฮยอนก็เพิ่งจะคิดได้ว่าแม่ไม่เคยถามเลยเวลาออกไปค้างคืนข้างนอกกับเพื่อน ทั้งที่ปกติจะถามอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าอยากให้อิสระหรือคิดอะไรในใจหรือเปล่า

     

    ดีแล้วที่เค้าไม่เป็นห่วง

     

    อื้อ... ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง

     

    ปลายจมูกเล็กๆ ซุกลงกับไหล่แฟนหนุ่ม สูดดมกลิ่นหอมจากเสื้อแจ็คเก็ต ตอนนี้แบคฮยอนอยู่กับคนที่สามารถดูแลเขาได้แล้ว คนที่ไว้ใจและเป็นที่พึ่งพาได้ คนที่ปกป้องแบคฮยอนอยู่เสมอ คงไม่มีอะไรที่แม่ต้องห่วง หรือถ้าแม่รู้ว่าใครคนนั้นเป็นพี่ชานยอลก็ยิ่งไม่น่าต้องห่วง

     

    หรือจะห่วงมากกว่าเดิม?

     

    ของหมดแค่นี้แล้วใช่ไห?”

     

    อื้อ มีแค่นี้แหละ ที่เหลือเค้าจะเอาไปห้องพี่

     

    งั้นกลับห้องกัน

     











    ในช่วงเช้าบนถนนหน้ามหาวิทลัยชื่อดังค่อนข้างเนืองแน่นด้วยรถโดยสารและรถประจำทางเนื่องจากเป็นวันเปิดเทอม รถยนต์คันสีดำสนิทขับเข้าไปในเขตมหาวิทยาลัยก่อนจะเลี้ยวจอดลงตรงข้างสนามหญ้าเพื่อส่งผู้โดยสาร

     

    ไม่ลืมอะไรใช่ไหมชายหนุ่มหันไปมองเบาะด้านหลังเพื่อเช็คให้แน่ใจว่านักศึกษาของเขาไม่ลืมอะไร

     

    อื้อคนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก รู้สึกประหม่านิดหน่อยกับการเปิดเทอมวันแรกหลังจากหยุดยาว พอคิดว่าไม่ได้เจอเพื่อนมานานก็รู้สึกมวนท้องขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

     

    เพื่อนมารอใช่ไหม

     

    อื้อ ไม่รู้มาถึงหรือยัง เดี๋ยวเค้าลองโทรหาก่อน

     

    เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับชานยอลวางมือลงบนศีรษะคนข้างกายเมื่อสัมผัสได้ถึงความประหม่าจากสีหน้าของเขาพร้อมส่งรอยยิ้มเล็กๆ ให้ เอากุญแจห้องไปหรือยัง

     

    เอามาแล้ว

     

    เลิกแล้วโทรหาพี่รั้งศีรษะทุยเข้ามาจูบเบาๆ ลงกลางกระหม่อมด้วยความห่วงใย ความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาเป็นเหมือนกำลังใจเล็กๆ ที่ถูกพรมลงบนหัวใจที่กำลังสั่นไหว แบคฮยอนหลับตาลงรวบรวมความกล้าสงบความกังวลลึกๆ ก่อนจะหันไปเปิดประตูก้าวเท้าลงแล้วโบกมือล่ำลากับแฟนหนุ่ม

     

    เค้าไปแล้วนะ พี่อย่าลืมรับโทรศัพท์นะ

     

    ครับ ตั้งใจเรียนชานยอลส่งยิ้ม ให้นักศึกษาใหม่ก่อนที่ประตูจะปิดลง แม้จะรู้สึกเป็นห่วงนิดๆ แต่พอเห็นอีกฝ่ายกระตือรือร้นที่จะไปเจอเพื่อนก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

     

    คนตัวเล็กปิดประตูรถลงแล้วก้าวเท้ามุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยอันเป็นสังคมใหม่ การเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ พร้อมกันเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับคนที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง อยู่ๆ ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาในใจอยากบอกไม่ถูก เท้าเล็กๆ ที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก

     

    แบคฮยอนหันไปมองรถที่มาจอดส่งเขาแล้วก็พบว่ามันยังจอดอยู่ที่เดิม ก่อนบานกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับจะลดลง ใครบางคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยส่งยิ้มเล็กๆ มาให้ ยังคงจ้องมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน รู้สึกเหมือนหัวใจกลับมาพองโตได้อีกครั้ง แบคฮยอนฉีกยิ้มโบกมือให้คนรักของเขาก่อนจะหันหน้าเดินต่อไปด้วยความมั่นใจที่มากกว่าเดิม

     

    รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่หันไปเจอพี่ชานยอลอยู่ที่เดิมทุกครั้งในยามสับสน เป็นคนที่จะคอยดูแลเขา อยู่ข้างหลังเป็นกำลังใจและประคองให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่ลำบาก

     

    คนที่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยราวกับมีเทวดาในใจคอยปกปักษ์ เขาที่เป็นเหมือนกับแสงสว่างและจะช่วยนำทางกันไปจนกว่าจะสุดทางที่สามารถเดินร่วมกัน...

     

    แค่มีเขาอยู่ตรงนี้ แบคฮยอนก็ไม่กลัวอะไร...















    END




    #ficbtl

    จบคู่น้ำตาแห่งปี ฮืออออ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×