คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : จะได้ไม่ลืมกัน (END)
เคยไหม... กับการทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลซ้ำๆ เดิมๆ จนกลายเป็นเรื่องเคยชิน...
ทั้งๆ ไม่รู้ว่าทำไม...
ทั้งๆ ที่จำไม่ได้...
ในวันที่ฝนตกพรำๆ จนทำให้พื้นคอนกรีตเปียกแฉะ หลุมบนทางเท้ามีน้ำท่วมขัง ชายหนุ่มในเสื้อกันหนาวตัวเก่าย่ำเท้าเดินไปตามฟุตบาทเพื่อตรงไปยังจุดหมาย ทางเดินคุ้นตาที่เหมือนกับฝังอยู่ในจิตสำนึกเรียกเขาให้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อที่ปากทาง ชานยอลเดินไปนั่งตรงที่นั่งข้างตู้โทรศัพท์เหมือนทุกวันเพื่อรอเวลา ตอนนี้สองทุ่มแล้วอีกแค่ครึ่งชั่วโมงแฟนเขาก็จะเลิกงาน
มันเป็นสิ่งที่ชานยอลทำประจำทุกวัน กับการเดินออกจากบ้านมานั่งรอแฟนที่ทำงาน มันเป็นสิ่งเดียวที่ชานยอลจำได้ว่าต้องทำและทำประจำจนเป็นเรื่องเคยชิน....
เคยไหม... กับการทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลซ้ำๆ เดิมๆ จนเป็นเรื่องเคยชิน...
ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าทำไม...
ทั้งๆ ที่จำไม่ได้...
“พี่.... ไอ้นี่เอามากินเปล่าๆ ไม่ได้นะ” เสียงเล็กดังขึ้นเรียกให้คนตัวสูงที่นั่งเขียนบันทึกประจำวันอยู่บนโต๊ะหันไปมองด้านหลัง พยอน แบคฮยอนในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังส่งยิ้มให้กับแฟนหนุ่มพร้อมกับหยิบเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ถูกกัดไปครึ่งนึงออกจากมือ
คนตัวเล็กก้มลงเก็บเศษรามยอนแห้งที่ล่วงอยู่บนตักคนรักใส่มือก่อนจะเดินนำไปทิ้งลงถังขยะพร้อมกับเสียบกาน้ำร้อนเพื่อที่จะต้มรามยอนที่ชานยอลชอบให้กิน จะว่าขำก็ขำเพราะตอลด 3 – 4 เดือนมานี้แฟนเขาเอาแต่ทำเรื่องโจ๊กๆไม่หยุด ไม่ว่าจะเดินออกไปข้างนอกกลางดึกแล้วไม่ยอมกลับบ้าน หรืออยู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาดูอัลบั้มภาพกลางดึก
ชานยอลเป็นแบบนี้มาหลายเดือนแล้ว แต่แบคฮยอนก็ยังคงมีความสุขกับการทำเรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้เบื่อ....
“ถ้าจะกินต้องเอาไปต้มก่อนนะ ใส่ถ้วยแล้วก็ใส่น้ำร้อน” เขาอธิบายพร้อมกับชี้นิ้วไปยังกาน้ำ พอคนตัวสูงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพยักหน้าเข้าใจแล้วก็หันไปเขียนบันทึกประจำวันต่อ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นแบคฮยอนก็รู้ว่าชานยอลจะไม่มีทางทำหรือจำได้แน่ เพราะเขาพูดประโยคนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง” แบคฮยอนเดินกึ่งกระโดดอย่างร่างเริงไปนั่งข้างคนรักที่ยังให้ความสนใจกับสมุดโน๊ตพร้อมกับจับใบหน้าคมให้หันมามองทางตน ชานยอลยังคงไม่พูดอะไรนอกจากมองคนตรงหน้าไม่วางตา
“แบคเป็นใคร”
“แบคฮยอน”
“แล้วแบคฮยอนเป็นใคร”
“เป็นแฟนพี่...”
แค่การตอบคำถามสั้นๆ ก็ทำให้คนตัวเล็กอมยิ้มออกมาได้ด้วยความรู้สึกดีใจ ถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแต่ก็ยังดีที่ชานยอลยังจำได้ว่า พยอน แบคฮยอน คนนี้เป็นใคร หรือต่อให้จำไม่ได้เลยชานยอลก็ยังเป็นเหตุผลของการพยายามมีชีวิตอยู่ของเขาทั้งปวง
“พี่ไปรดน้ำต้นไม้หรือยัง”
“................” คำถามที่เหมือนกับทวนความจำทำให้ชานยอลต้องหันหน้าไปหยิบสมุดจดบันทึกประจำวันขึ้นมาอ่าน เขาไล่สายตาดูโน๊ตสิ่งที่ทำตั้งแต่หกโมงเช้าไปจนถึงเที่ยงก่อนจะหันไปตอบคนถาม “รดแล้ว ตอนสิบโมง”
“โอเค ดีมาก แบคจะไปทำกับข้าวก่อน พี่นั่งรอยู่ตรงนี้นะ ถ้าน้ำเดือดก็เรียกเดี๋ยวจะออกมาทำให้” แบคฮยอนส่งยิ้มให้กับคนรักก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปเข้าครัวเพื่อเตรียมทำอาหารเย็น วันนี้เขาทำงานกะเช้าก็เลยเลิกไว มันดีตรงที่ได้อยู่กับชานยอลนานมากขึ้น
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เขาเอาแต่ทำเรื่องเดิมๆ เหมือนเป็นกิจวัตประจำวัน พูดประโยคเดิมๆ ถามคำถามเดิมๆ กับคนที่ไม่เคยจะจดจำมันได้ ตั้งแต่มีเรื่องอุบัติเหตุชานยอลก็ลืมทุกอย่างแม้กระทั่งตัวเองหรืองานที่เคยทำ แน่นอนว่าชานยอลจำแบคฮยอนไม่ได้ แถมความจำระยะสั้นก็ยังไม่ปกติเพราะเวลาบอกอะไรชานยอลไม่เคยจำได้เลย ต้องถามซ้ำไปซ้ำมาหรือแม้แต่กับเรื่องที่ต้องทำทุกวันอย่างการแปรงฟันก็ต้องสอน
บางวันชานยอลอาบน้ำวันละ 6 – 7 ครั้งเพราะจำไม่ได้ว่าตัวเองอาบน้ำไปแล้ว บางครั้งก็ชอบบ่นว่าทำไมรายการที่ชอบดูยังไม่มาทั้งๆ ที่เพิ่งจะดูจบไปได้ไม่นาน
มันเหมือนเป็นเรื่องตลกร้ายที่ถึงจะยิ้มได้แต่ก็ขำไม่ออก แบคฮยอนไม่หวังให้ชานยอลจำเรื่องเก่าๆ ได้แต่ก็ไม่อยากให้ลืมเรื่องที่เริ่มต้นกันใหม่....
“พี่ วันอาทิตย์นี้แบคหยุดนะ วันจันทร์เปลี่ยนไปเข้าสายกลับสองทุ่มครึ่ง มันค่ำแล้วไม่ต้องไปรับก็ได้” ในขณะที่เดินไปรื้อตู้เย็นก็ตะโกนบอกคนตัวสูงไปด้วยเรื่องเวลาทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะอาทิตย์หน้าเขาจะต้องเลิกงานค่ำแล้ว ยิ่งเป็นตอนมืดก็ยิ่งไม่อยากให้ชานยอลออกไปข้างนอก ทั้งอุบัติเหตุและหลงทางมันเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเขาทั้งนั้น
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปรอ”
“พี่เนี่ย ดื้อเหมือนเมื่อก่อนเปี๊ยบเลยนะ หายไปแต่ความจำจริงๆ” คนตัวเล็กได้แต่หัวเราะขำกับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย ถึงแม้จะจะสูญเสียความทรงจำไปแต่นิสัยชานยอลก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ชานยอลก็ยังเอาแต่ใจตัวเองไม่เปลี่ยน
“กลับทุกวันเลยหรอ”
“ก็จนกว่าจะเปลี่ยนกะแหละ ถ้าเปลี่ยนไวๆ ได้ก็ดี อี้จะลองถามผู้จัดการดู” แบคฮยอนมุ่ยหน้าเมื่อนึกถึงผู้จัดการจอมใจร้ายที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนกะเขาให้เข้างานสายแล้วเลิกค่ำ แต่เพราะว่าเป็นแค่พนักงานประจำในร้านสะดวกซื้อก็เลยไม่มีสิทธิ์ไปต่อว่าอะไร แบคฮยอนพยายามจะคิดในแง่ดีว่าตอนเช้าจะได้อยู่กับชานยอลนานๆ หน่อยแต่มันก็ไม่สบายใจอยู่ดี
“อือ....”
“พรุ่งนี้แบคว่าไปเช่าหนังมาดูกันดีกว่า”
“X-men”
“อื้อ เช่าคนละเรื่องก็พอ แบคอยากดูหนังตลก”
ในขณะที่เดินวนไปมาในครัวและวุ่นอยู่กับการทำอาหารแบคฮยอนก็ตะโกนคุยกับคนที่นั่งอยู่ด้านนอกไปด้วย เรื่องเอ๊กซ์เมนชานยอลดูมันซ้ำหลายรอบแล้วแถมเป็นหนังที่ชอบมาก ทุกครั้งพอบอกจะดูหนังก็ต้องเปิดหนังเรื่องนี้ก่อนทุกที เรียกได้ว่าดูจนคนความจำดีจำได้ทุกคำพูดของตัวละครแล้ว
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยเบื่อ...
ไม่มีคำถาม...
ไม่ต้องการคำตอบ...
เหตุผลที่ทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลซ้ำๆ เดิมๆ จนกลายเป็นเรื่องเคยชิน...
ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าทำไม...
ทั้งๆ ที่จำไม่ได้...
นาฬิกาข้อมือบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าชานยอลยังคงนั่งรอให้แฟนเขาเลิกทำงาน ห้าทุ่มแบคฮยอนก็จะออกกะแล้ว.... ตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่มกว่าอีกไม่นานแฟนเขาก็จะเลิกงานชานยอลก็เลยยังนั่งรอ เสียงเพลงในหูฟังทำให้เขายังนั่งได้เรื่อยๆ เหมือนทุกวัน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาตรงหน้าเริ่มบางตาแต่ก็ยังไม่ถึงกับหมดคน
เพราะอยากจะเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวันก็เลยออกมารับทุกวัน....
“เค้ายังไม่ไปเลยอ่ะพี่” พนักงานร้านสะดวกซื้อที่เดินออกมาชะโงกหน้าดูชายหนุ่มคุ้นตาหันไปพูดกับเพื่อนสนิทรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ด้วยกัน แน่นอนว่าเธอรู้จักผู้ชายคนนี้ดี คนที่ชอบมานั่งรอแบคฮยอนทุกวันตอนที่เพื่อนตัวเล็กทำงานที่นี่ แต่ตอนนี้ถึงแบคฮยอนไม่อยู่ที่นี่ชานยอลก็มานั่งรอทุกวัน
“เดี๋ยวพี่เข้าไปคุยเอง” ฮายองดันตัวพนักงงานฝึกหัดให้หลบทางก่อนจะเดินไปหาชายหนุ่มตัวสูงที่นั่งฟังเพลงอยู่พร้อมกับสกิดเบาๆ เรียกให้เจ้าตัวรู้สึกตัว เธอเองก็ไม่รู้วิธีแก้ปัญหาและในใจก็ได้แต่รู้สึกสงสารแต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง....
“ครับ...” ชานยอลถอดหูฟังออกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ไม่คุ้นตา ทั้งๆ ที่ใส่ชุดพนักงานเหมือนกันแต่หน้าตาก็ไม่เหมือนกับแฟนเขาเลยสักนิดเดียว ไม่ใช่แบคฮยอน...
“มารอแฟนหรอ”
“ครับ”
“แฟนเลิกงานกี่โมง”
“ห้าทุ่มครับ”
“อ้าว ไหนเมื่อกี้มาถามบอกแฟนเลิกสองทุ่มไง” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เธอจ้องมองลงไปในดวงกลมโตที่ดูใสซื่อด้วยความเศร้าใจ ไม่รู้จะทำอะไรให้ได้มากกว่านี้ ถ้าไม่ทำอะไรชานยอลก็คงจะนั่งรอไปถึงเช้า ในขณะที่คนตั้งคำถามรู้สึกเสียใจ ชายหนุ่มที่ต้องเป็นผู้ให้คำตอบก็ได้แต่เงียบไม่พูดอะไรเพราะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้าจนฮายองต้องพูดตัด
“แบคฮยอนกลับไปแล้วเมื่อกี้ ไม่เห็นหรอ”
“ทำไมผมไม่เห็น”
“อื้อ กลับไปแล้วแหละ บอกว่าให้กลับไปบ้าน พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับแล้ว”
“....................” ชานยอลได้แต่เงียบไม่พูดอะไรก่อนจะพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเตรียมเดินกลับบ้านเพราะว่าแบคฮยอนกลับบ้านไปแล้ว...
ฮายองได้แต่มองตามหลังชายหนุ่มไปด้วยความรู้สึกหดหู่ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ยังไงพรุ่งนี้ชานยอลก็จะมารอแบคฮยอนอีกเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าทำไมคนใจร้ายแบบนั้นถึงปล่อยให้คนน่าสงสารแบบชานยอลใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง แต่รู้สึกเจ็บหัวใจจริงๆ...
“พี่ เวลาทำอะไรก็จดลงในนี้นะ จะได้จำได้ว่าตัวเองทำอะไร”
ในขณะที่ขายังก้าวไปตามฟุตบาทชานยอลก็หยิบสมุดขึ้นมาจดเวลากับวันที่เอาไว้ก่อนจะเก็บลงกระเป๋ากางเกง ทางเดินที่คุ้นตาเริ่มร้างคนแล้วเพราะดึกมากแล้ว ชานยอลได้แต่เดินไปเรื่อยๆ ด้วยสมองที่ว่างเปล่า ไม่มีความคิดใดๆ ในหัว การจดบันทึกประจำวันเขาทำมันทุกวันจนติดเป็นนิสัย ใช้มันแทนสมองที่ใช้งานไม่ได้ ถึงจะเปลี่ยนสมุดไปหลายเล่มแต่ชานยอลก็ยังจดวันเวลาและสิ่งที่ทำเหมือนเดิม....
ก็แค่จดเอาไว้... แต่ไม่เคยกลับไปเปิดอ่าน...
ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 15 นาทีชานยอลก็เดินมาถึงหอพัก เขาเข้าห้องล็อคกุญแจถอดเสื้อผ้าและไปอาบน้ำ ตอนนี้เวลาเที่ยงคืนแล้วแต่แบคฮยอนไม่ได้อยู่ที่ห้อง.... คงจะออกไปทำงานกะดึกเหมือนทุกที... แล้วจะเลิกงานตอนไหนกันนะ…
วันนี้สิบโมงเช้า ชานยอลตื่นขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟันและพบว่าแบคฮยอนไปทำงานแล้วเหมือนทุกวัน เขาหยิบสมุดขึ้นมาจดทุกอย่างตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงตอนนี้ ในขณะที่เสียงเพลงยังคงดังในหูฟังมือก็เผลอปัดไปไปโดนหน้าสมุดบันทึกจนมันพลิกเปิด
เขามองดูวันที่ในสมุดแล้วก็เงยหน้ามองปฏิทินก่อนจะไล่สายตาอ่านทั้งหมดตั้งแต่เรกอีกครั้งตั้งแต่ตื่นนอนเมื่อวานไปจนถึงกินข้าวกลางวัน ดูหนัง อ่านหนังสือ ไปรับแบคฮยอน กลับบ้านจนคนตัวเล็กไปทำงาน.....
ชานยอลพยายามอ่านทวนอีกครั้งเมื่อ 19:47 เขาออกไปรับแบคฮยอน 22:33 กลับบ้าน
และ 23:05 กลับถึงบ้านแต่แบคฮยอนไปทำงาน....
เขาไล่สายตาไปอ่านเวลาที่บันทึกตอน 06:04 นาฬิกาเขียนว่า ‘ตื่นนอน แบคฮยอนไปทำงานแล้ว’ ด้วยความสงสัย ยิ่งอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ คงเป็นเพราะตัวเขาเองที่จำเวลาสับสนเพราะเอาแต่จดสิ่งที่ทำแบบละเอียดเกินไป สุดท้ายก็ฉีกสมุดหน้านั้นทิ้งแล้วล้มตัวนอน
เมื่อไหร่จะกลับบ้านกันนะ....
_____________
11 นาฬิกาแล้ว... ชานยอลยกสมุดบันทึกที่เขาเคยเขียนทั้งหมดมาวางกองไว้ตรงหน้า สมุดบันทึกห้าเล่มแรกที่เปิดมามีตารางกิจวัตประจำวันของเขาตั้งแต่อาบน้ำแปรงฟันและทำทุกอย่างจนกระทั่งออกไปรับแฟนแล้วกลับบ้าน แต่ไม่มีบันทึกหน้าไหนที่บอกว่ากลับบ้านพร้อมพยอนแบคฮยอน พอกลับมาถึงบ้านเขามักหลับและตอนเช้าแบคฮยอนก็ไปทำงานเหมือนเดิม...
บันทึกที่จดกิจกรรมสั้นๆ ใช้เวลาอ่านแค่ไม่นานก็หมดหน้า อ่านข้ามบ้าง เปิดผ่านบ้างแต่ก็ไม่มีหน้าไหนที่บอกว่าชานยอลได้เจอกับแฟนของเขา....
คนตัวสูงหันไปมองกรอบรูปบนหัวเตียงที่มีแค่รูปเขาเดี่ยวๆ ตั้งอยู่ก่อนจะลุกเดินไปเปิดลิ้นชักเก็บของที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อรื้อหาของบางอย่าง ชานยอลหยิบเอาของนู่นนี่ออกมาวางกองไว้ที่พื้นจนลิ้นชักว่างเปล่าแต่ก็ไม่เจอสิ่งที่เขาตามหา ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ก็หาไม่เจอสักที
ชานยอลไม่ลืม... ไม่ลืมใบหน้าของแบคฮยอน...
ความสงสัยเริ่มก่อตัวภายในจิตสำนึก เขาจำได้ว่าต้องเขียนสมุดบนทึกวันละหน้า ถึงจะจำไม่ได้ว่าเขียนอะไรบ้างและจำวันที่ไม่ได้แต่ก็จำได้ว่าตัวเองเขียนไปเยอะมาก ชานยอลลุกกลับไปนั่งที่โซฟาอีกครั้งแล้วหยิบเอาสมุดบันทึกเล่มแรกมาเปิด
หน้าแรกถูกเขียนเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2013 เขารีบคว้าเอาปฏิทินตั้งโต๊ะมาเปิดดูวันที่ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน บนปฏิทินทุกหน้ามีเครื่องหมายถูกที่เป็นสัญลักษณ์ว่าเขียนบันทึกแล้วถูกเขียนติ๊กเต็มไปหมด แม้แต่เดือนพฤษภาคมหรือเดือนเมษาก็มีสิ่งที่บอกว่าเขาได้เขียนบันทึกไปก่อนหน้านั้น
ชานยอลมองดูสมุดตรงหน้าด้วยความรู้สึกมึนงง ถึงจะจำไม่ได้แต่ชานยอลก็จดทุกอย่างเอาไว้กันลืมทั้งบนปฏิทินและสมุดโน๊ต
สมุดโน๊ตของเขาหายไป... ไม่รู้ว่ากี่เล่มแต่มันหายไปเพราะในลิ้นชักมีแค่ห้าเล่ม ทุกเล่มไม่มีสิ่งที่เขียนว่าชานยอลได้เจอกับแบคฮยอน
ความรู้สึกปวดหัวตื้อทำให้ชานยอลต้องยกมือขึ้นกุมหน้าผากแต่แค่แป้บเดียวมันก็หายไป เขาตัดสินใจหยิบสมุดบันทึกทั้งหมดนำมันไปใส่ถุงพลาสติกแล้วจะไปอาบน้ำเพื่อออกไปข้างนอกอีกครั้ง ไปหาแบคฮยอนที่ทำงาน...
เดินออกจากตึกมาที่ร้านสะดวกซื้อเหมือนทุกที ชานยอลยืนลังเลอยู่หน้าประตูแต่ก็ตัดสินใจเปิดเข้าไปในที่สุด วินาทีแรกที่เดินเข้าไปสัมผัสกับแอร์เย็นทุกสายตาของพนักงานมองมาที่เขา เหมือนกับสมองช๊อคไปชั่วครู่เพราะชานยอลจำไม่ได้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่เลยหยิบเอาสมุดจดขึ้นมาอ่านดูอีกครั้ง
‘เอาสมุดบันทึกให้พนักงาน ถามหาแบคฮยอน’
เมื่อรู้จุดประสงค์ของตัวเองคนตัวสูงก็ตรงดิ่งไปที่เคาเตอร์ แต่ชานยอลไม่เห็นว่าแฟนเขาอยู่ที่นี่เลยออกปากถามพนักงานที่ประจำอยู่ช่องแรกไป
“วันนี้แบคฮยอนมาทำงานหรือเปล่าครับ...”
“เขา....”
“ไม่ได้กลับบ้าน....”
ชานยอลยืนอ้ำอึ้งในขณะที่พนักงานบางคนที่ว่างงานก็ทำอะไรไม่ถูก แรงจับที่บ่าเรียกให้คนตัวสูงต้องหันไปมองและพบกับหญิงสาวที่ไม่คุ้นหน้าตาคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง
“เมื่อวานไม่เจอกันหรอ” ฮายองเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ เธอเห็นแฟนของอดีตเพื่อนร่วมงานเปิดถุงพลาสติกออกแล้วหยิบเอาสมุดโน๊ตหลายเล่มส่งให้กับเธอ
“ผมไม่เจอเขา... ไม่ได้เขียนไว้ว่าเจอกัน”
คำพูดซื่อๆ ของชายหนุ่มทำเอาผู้จัดการสาวรู้สึกแน่นไปทั้งอกราวกับมีก้อนน้ำตาขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ เพียงแค่เธอเปิดสมุดนั้นอ่านผ่านๆ ก็เข้าใจได้ว่านี่เป็นสมุดบันทึกที่เจ้าตัวใช้แทนความจำที่สูญเสียไป ทุกหน้าเขียนเหตุการณ์ประจำวันตามช่วงเวลาและสิ่งที่ทำ แน่นอนว่ามีการเขียนตอนก่อนจะมารับแฟนแต่ก็ไม่มีบันทึกว่าได้เจอกัน...
“สมุดผมหายไปด้วย มันมีเยอะกว่านี้” ชานยอลพยายามอธิบายปัญหาของเขา เรื่องราวมันชักจะเลือนลางเต็มทีถึงจะพยายามท่องมาตลอดทางว่าต้องถามอะไรและมีข้อสงสัยอะไร ชานยอลกลัวว่าเขาจะลืมเรื่องตามหาแบคฮยอน...
“รู้ได้ไงว่ามันหายไป จดไว้แค่นี้หรือเปล่า” ฮายองไม่แปลกใจเท่าไหร่กับคำถามของชายหนุ่ม เธอปิดสมุดที่ถืออยู่ลงแล้ววางมันบนเคาท์เตอร์ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ผมจดว่าเขียนบันทึกหน้าไหนบ้าง แต่มันหายไป”
“แบคฮยอนบอกว่าหลังจากนี้ไม่ต้องเขียนบันทึกแล้ว ของพวกนี้ไม่ต้องเอากลับไป”
“เขาบอกให้ผมเขียน บอกให้เขียนทุกวัน” ชานยอลยังคงยืนกรานหนักแน่นว่าเขาจำได้ว่าแบคฮยอนเป็นคนสั่งให้เขียนสมุดบันทึกทุกวัน เป็นคนสอนให้ต้มบะหมี่ ผูกชือกรองเท้าและอีกหลายๆ อย่างมากมาย
“แล้วเคยเจอแบคฮยอนหรอ ก็ไม่ได้เขียนว่าเจอกันสักหน่อย ไม่เห็นมีเขียนเลยว่าเจอแบคฮยอนที่ไหน จำผิดหรือเปล่า ไปจำคนชื่อแบคฮยอนที่ไหนมาเขียนลงสมุด” ฮายองยังคงพูดอย่างใจร้ายแม้น้ำตาจวนเจียนจะไหลกับเรื่องน่าเศร้า โลกเราใจร้ายเหลือเกินที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนที่น่าสงสารทั้งสองคน
“ผม...จำได้....”
“จำผิดแล้ว”
“เขาบอกว่าถ้าตื่นมาให้ไปเอาข้าวที่ประตู จะแขวนไว้ให้ก่อนไปทำงาน”
“................”
“ผมจำหน้าแบคฮยอนได้...”
“งั้นถ้าบอกไปจะลืมไหม จะกลับมาถามหาแบคฮยอนอีกไหม....” ฮายองกลืนก้อนน้ำลายลงคอด้วยความเวทนาเมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้าดีใจพร้อมกับพยักหน้ารัวๆ เธอไม่รู้ว่าควรตัดปัญหาหรือจัดการให้มันเป็นไปในแนวทางที่สมควรดี
ชานยอลไม่ได้ลืม....
การเอาสมุดที่เคยมีเรื่องราวของแบคฮยอนไปทิ้งไม่ได้ทำให้ชานยอลลืม การเอาอัลบั้มรูปออกจากห้องไม่ได้ทำให้ชานยอลลืมใบหน้าคนรักของเขา เธอไม่รู้จะต้องทำยังไง...
“จดไว้ได้ไหมครับ จดให้ผม” ชานยอลกระตือรือร้นที่จะหันไปหยิบเอาสมุดกับปากกาที่หน้าเคาท์เตอร์ยื่นให้กับผู้หญิงตรงหน้า ถ้าเขาจำได้และจดไว้ว่าแบคฮยอนอยู่ที่ไหนก็จะได้ไม่ลืมและไม่ต้องกลับมาถามอีก จะได้จำได้สักที
ภาพสีหน้าดีใจของชายหนุ่มทำเอาฮายองถึงกับจุกจนพูดไม่ออก เธอรับปากกาจากชานยอลมาเขียนวันที่ในหน้าที่ต่อจากวันที่ปัจจุบันพร้อมกับเขียนข้อความลงไปก่อนจะยื่นให้กับชายหนุ่มที่ดีใจจนออกนอกหน้าเมื่อจะได้รู้ว่าแฟนที่ตามหาอยู่ที่ไหน
“ถ้ารู้แล้วก็ไม่ต้องเขียนบันทึกแล้วนะ อ่ะ”
ชานยอลรีบรับเอาสมุดมาดูทันทีที่หญิงสาวยื่นให้ ข้อความที่เป็นประโยคสั้นๆ ไม่กี่ตัวทำเอาเรี่ยวแรงที่ใช้ถือสมุดแทบหมดไป...
ไม่เชื่อ...
“ทะ... ทำไม”
“ก็นั่นแหละที่อยากรู้ แล้วก็ไม่ต้องมาถามอีกแล้ว มันไม่มีประโชยน์ จดให้แล้วก็เก็บเอาไว้”
“ผมไม่เชื่อ...”
“ถ้าไม่เชื่อแล้วจะถามทำไม”
“สมุดบันทึกอันเก่าผมไปไหน” ชานยอลรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกบีบจนแข้งขาสั่น น้ำตามันไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะพยายามคิดว่าโกหกแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะไปตามหาแบคฮยอนได้ที่ไหน ไม่รู้ว่าคนที่ตายไปแล้วอยู่ที่ไหน...
“อยู่ข้างบน ถ้าอยากได้จะเอาคืนให้” ฮายองหันหลังให้ชายหนุ่มก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านปล่อยให้ชานยอลยืนอ่านประโยคที่เขียนให้ซ้ำๆ ด้านนอก ทันทีที่ประตูปิดลงเขื่อนความแข็งแกร่งของหญิงสาวก็พังทลายจนน้ำตาไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย
เพราะคำขอของน้องชายคนสนิทเธอถึงได้ยังเอาข้าวไปให้ชานยอลทุกวัน คอยบอกให้ชานยอลกลับบ้านถ้าชายหนุ่มมารอที่ร้าน
เพราะหนี้สินค่ายาค่ารักษามากมายที่แบคฮยอนแบกรับเอาไว้ไม่ไหว สุดท้ายก็ฆ่าตัวตายด้วยการกินน้ำยาล้างห้องน้ำจนเสียชีวิตอยู่หลังร้านเพื่อเอาเงินประกันมารักษาแฟนหนุ่มต่อ ปล่อยให้ชานยอลใช้ชีวิตเหมือนคนไร้หลักและเอาแต่นั่งรอถึงเจ้าตัวจะจำไม่ได้ แม้กระทั่งในงานศพเองชานยอลก็บอกว่าแบคฮยอนไม่ได้มาด้วยเพราะต้องทำงาน
ทั้งๆ ที่พยายามจะลบความทรงจำของชานยอลทั้งหมดที่เกี่ยวกับแบคฮยอนแต่ชานยอลก็ไม่ยอมลืมสักที สุดท้ายก็คงต้องใช้วิธีเด็ดขาดที่ถึงจะดูใจร้ายแต่มันเป็นประโยชน์ต่อชานยอลมากที่สุด... ทำไมโลกถึงใจร้ายแบบนี้...
ในขณะที่น้ำตาหยดลงบนกระดาษหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก ชานยอลได้แต่ร้องไห้เงียบๆ ด้วยความเสียใจที่เกินจะแบกรับไหว เขาอ่านมันซ้ำไปมาเพื่อเตือนตัวเองว่าเป็นสิ่งที่ลืมไม่ได้
‘แบคฮยอนตายแล้ว ตายไปตั้งหลายเดือนแล้ว’
ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ชานยอลเกลียดตัวเองที่จำอะไรไม่ได้สักอย่าง เขาหอบสมุดบันทึกเกือบยี่สิบเล่มกลับมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วเปิดมันอ่านซ้ำๆ
ถึงชานยอลจำไม่ได้แต่สมุดบันทึกจำได้...
เขาตัดสินใจฉีกกระดาษแผ่นสุดท้ายออกมาจากสมุดแล้วฉีกมันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...
ไม่อยากจำ ไม่อยากรู้ว่าแบคฮยอนไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาอยากจะทบทวนทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับแฟนในสมุดบันทึกเล่มเก่ามากกว่าจะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ชานยอลไม่อยากเขียนสมุดบันทึกอีกเพราะเขาไม่ต้องการให้ตัวเองรู้ว่าแบคฮยอนไม่ได้อยู่แล้วจริงๆ
ลืมไปสักที... ความรู้สึกที่ทรมานเหมือนจะตายและร้องไห้เหมือนกับคนบ้าแบบนี้...
ตราบใดที่ยังจำได้ก็แปลว่ายังมีชีวิตอยู่... ชานยอลไม่อยากทนรับรู้เรื่องแบบนี้อีกแล้ว....
.
.
.
วันใหม่ที่เริ่มต้นขึ้นด้วยการอ่านสมุดบันทึก... ชานยอลเอาสมุดบันทึกเล่มแรกมาเปิดอ่านพร้มกับรอยยิ้มเรื่องของแบคฮยอนที่ตัวเองจดเอาไว้ ตอนนี้เจ็ดโมงแล้วแต่ชานยอลไม่ได้จดอะไรอีก เขายังอ่านสมุดบันทึกไปเรื่อยๆตั้งแต่ตื่นนอนตอนหกโมงเช้า ในใจก็นึกว่าเมื่อไหร่คนตัวเล็กจะกลับมาจากที่ทำงานสักที
ในสมุดนี้เขียนว่าแฟนเขาเลิกงานตอนสองทุ่มและชานยอลต้องไปรับทุกวัน แถมยังได้ดูหนังด้วยกันในวันหยุดและกินอาหารอร่อยๆ เที่ยวห้างและร้องเพลงรวมถึงภาพคู่ที่ถูกติดเอาไว้...
ตราบใดที่ยังจำได้ก็แปลว่ายังมีชีวิตอยู่...
ไกลสุดฟ้า ก็ไม่สามารถกั้นเรา…
แค่ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ
แต่การได้รักเธอ นั่นคือของสำคัญกว่า
และมันมีค่ามากเกินกว่าสิ่งไหนไหน
ฉันขอสัญญา....จะจำทุกเรื่องราว…
ไม่ว่าร้ายหรือดี...สุขหรือทุกข์ใจ...
ฉันจะทบทวน เรื่องราวของเธอตลอดไป…
เผื่อวันสุดท้ายที่ฉันหายใจ จะได้ไม่ลืมเธอ….
#myfablecb
ความคิดเห็น