ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Fable -Chanbaek-

    ลำดับตอนที่ #10 : The Letter (END)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.91K
      225
      25 ก.ย. 60










    ตู้ม!!


    ผืนดินแห้งกรังระเบิดตูมอย่างแรงเมื่อเฮริคอปเตอร์ปล่อยเจ้าหนูลงที่หน้าป้อม ในสนามรบที่เต็มไปด้วยเสียงปืน แก้วหูของนายทหารชานยอลปวดอื้อ ลูกกระสุนแม็กใหญ่ถูกบรจุใส่กระบอก เกี่ยวไกค้างเพียงแค่ครั้งเดียวปืนกลก็สาดกระสุนรัวใส่ทหารฝั่งตรงข้าม


    ความร้อนและกลิ่นดินปืนลอยปะทะเข้าใบหน้า พ่วงด้วยเศษปลอกกระสุน


    “ฮู่ว... ฮู่ว...”


    ไอความเย็นพ่นออกมาจากลมหายใจที่ร้อนระอุ ทันทีที่เสียงหวอทิ้งระเบิดเงียบลง ทหารอีกนายที่หลบอยู่หลังกระสอบทรายยกกล้องขึ้นส่องศัตรู และในจังหวะนั้นเองที่กระสุนหัวแหลมเจาะทะลุหน้าผากเขา ร่างกายกำยำเอนล้มหงายลงราวกับตุ๊กตาไม้


    นายทหารหนุ่มชาวเกาหลีกัดฟันแน่น เขาคว้าปืนกลและยิงรัวออกไป กระสุนนับสิบพุ่งตรงเข้าร่างมือสังหาร  ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงเมื่อสนามรบมีแต่ซากศพ


    ควันจากการระเบิดปกคลุมทั่วบริเวณราวกับหมอก ชายหนุ่มเอนหลังพิงลงกับกระสอบทราย ริมฝีปากแห้งผากสั่นระริกเพราะความหนาวเย็น ภาพของเพื่อนร่วมหน่วยที่นอนตายอยู่ข้างๆ ฝังติดตา มือหนายกขึ้นจิกขยุ้มทรงผม ก่อนที่กำปั้นใหญ่ๆ จะถูกซัดเข้าใส่เนินดินเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมด


    “บ้าเอ้ย! บ้าเอ้ย!!



    .


    .


    .



    ควันบุหรี่สีขาวพุ่งพวยออกมาพร้อมไอเย็นจากลมหายใจ ชายหนุ่มใช้มีดเหลากิ่งไม้แล้วปักลงไปบนดินที่มีก้อนหินจำนวนหนึ่งจะถูกนำไปวางต่อเป็นชั้นแทนสุสานชั่วคราว


    ในดวงตากลมมีแต่ความว่างเปล่า ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของความเหนื่อยล้า ชานยอลทิ้งก้นบุหรี่ลงก่อนจะเดินกลับเข้าไปในค่ายพักทหาร เศษซากของสงครามถูกทิ้งไว้ทั่วทุกที่ มันช่างเป็นภาพที่น่าเวทนากึ่งชวนให้ชินชา เบสพับแหวนห่อผ้าใส่ไว้ในกระเป๋าของเขา


    เสียงฟืนแตกไฟเป็นสิ่งเดียวที่ดึงสมาธิของชายหนุ่มที่เพิ่งสูญเสียเพื่อนรักไปได้


    “เฮ้ จดหมายนาย”


    เสียงไปรษณีย์ประจำกองรบดึงความสนใจของทหารหนุ่มให้ละสายตาออกจากความเศร้า รอว์นีย์เดินถือซองจดหมายและโปสการ์ดตรงเข้าไปหาเพื่อนทหารชาวเอเชีย เขาส่งโปสการ์ดขอบยับๆ กับซองจดหมายที่รัดด้วยเชือกให้กับชานยอลก่อนจะเดินไปหาลอยด์


    รอยยิ้มแรกของวันที่เหนื่อยล้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม ชานยอลก้มลงสูดกลิ่นหอมที่แสนคุ้นเคยจากซองจดหมายก่อนที่จะปลีกตัวเดินไปนั่งตรงโขดหินก้อนใหญ่แล้วแกะมันออกด้วยความดีใจ


    “เธอเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายนะ” หัวหน้ากองรบร่างใหญ่เดินมาแตะไหล่นักรักชาวเอเชียที่นั่งอมยิ้มมองซองจดหมายอยู่คนเดียว ใบหน้าของเขาบ่งบอกได้ถึงความสุขที่เอ่อล้นได้อย่างดีทีเดียว


    “ครับ”


    “เธอสวยใช่ไหม”


    “เธอสวยที่สุดสำหรับผม”


    “หึ”


    ซองจดหมายรักสีนวลถูกแกะออก เพียงแค่ได้กลิ่นน้ำหอมที่เป็นกลิ่นประจำกายคนรักหัวใจที่แข็งกระด้างจากความโหดร้ายของสงครามก็อ่อนยวบ ชานยอลรู้สึกเหมือนได้ซบหน้าลงกับหลังมือขาวนุ่มที่แสนคิดถึง ปลายนิ้วหยาบๆ เปื้อนเขม่าดินปืนลูบไล้ไปตามขอบกระดาษยับย่น


    ความรัก ความโหยหา หลั่งล้นออกมาเต็มหัวใจ...


    “ภรรยาผมเป็นคนแสนดี” เขารำพึงรำพันออกมา  ตัวอักษรที่ถูกไล่เรียงถ่ายทอดความรู้สึกและเล่าเรื่องราวเปรียบได้ดั่งเชื้อเพลิงที่เติมพลังลงในจิตใจที่แห้งกร้าน


    หัวหน้ากองรบอาวุโสตบบ่านายทหารหนุ่มพลางยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินจากไปเพื่อปล่อยให้เขาได้ใช้เวลาส่วนตัวดื่มด่ำไปกับจดหมาย


     

    17 sep 1918


    ถึงที่รัก ฉันได้รับจดหมายนี้เมื่อวันที่ 16 กันยายน ไปรษณีย์มาส่งช้าเพราะติดเหตุความวุ่นวายในเมือง และฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ในคืนวันที่ 17 เพื่อที่จะได้ส่งให้ทัน เพราะเมื่อวานต้องพาชาลีไปหาหมอ แกท้องอืดไม่ยอมทานอะไร แต่ตอนนี้หายดีเรียบร้อยแล้ว


    วันนี้ยังคิดถึงนายเหมือนเดิม ตั้งใจจะส่งเสื้อไปให้ก่อนหน้าหนาวแต่ใช้เวลาทำทั้งวันก็ยังไม่เสร็จสักที จึงแนบโปสการ์ดจากสวนสนุกที่ไปเที่ยวเมื่อวันอาทิตย์มาแทน


    ฉันเพิ่งได้งานใหม่เมื่อต้นเดือนที่ร้านตัดเสื้อผ้า วันหนึ่งเจอแต่คนตัดชุดสูทกับชุดเจ้าสาว หวังว่าจะได้เห็นนายใส่สักวัน และฉันจะเป็นคนตัดชุดนั้นด้วยตัวเอง


    ที่นั่นหนาวบ้างหรือยัง หวังว่าชานยอลของฉันจะรักษาสุขภาพตัวเองอย่างดี เมื่อวานอาทิตย์ที่แล้วแกรบเบรียลเพิ่งเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคลำไส้และตายเมื่อวานก่อน ขอให้รักษาสุขภาพตัวเองด้วย หวังว่านายจะได้รู้ว่าพวกเราสุขสบายดีจากความเสียสละที่ยิ่งใหญ่


    ถึงจะมีความไม่วุ่นวายในเมืองแต่ฉันก็ยังปลอดภัยดี ไม่มีเหตุลุกลาม ขอให้ไม่ต้องห่วง ทางการกำลังส่งคนมาดูแล ชาลีแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานก็คงจะหายดีแล้ว ทุกครั้งเวลาได้ยินข่าวทิ้งระเบิดทีไรนอนไม่เคยหลับทุกที ขอให้นายปลอดภัยจนกว่าจะได้กลับมาหาเราอีกครั้ง


    จนถึงวันนั้นก็อยากให้ช่วยอดทนเอาไว้ ขอบคุณหินสลักที่ส่งมาให้สม่ำเสมอ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง แล้วจะเขียนมาอีกฉบับ หวังว่าจะได้จดหมายตอบกลับอย่างเร็วที่สุด


    ด้วยความโหยหาอย่างสุดซึ้ง จากก้นบึ้งของหัวใจ - Bh’



    จดหมายรายงานความเป็นไปจากโลกภายนอกทำให้ชานยอลรู้สึกเหมือนได้หลุดออกจากค่ายทหารไปครู่หนึ่ง เขาจ้องมองลายมือที่เขียนอย่างบรรจงก่อนที่จะหยิบเอาโปสการ์ดของสวนสนุกขึ้นมาดู


    นายทหารหนุ่มพับจดหมายเก็บใส่ซอง เขาใช้เชือกผูกมันไว้คู่กันเหมือนเดิม ริมฝีปากหยักประทับรอยจูบลงบนจ่าหน้าซองจดหมายก่อนที่มันจะถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ๊คเกตสีเขียวขี้ม้า


    แค่ได้รู้ว่าแบคฮยอนยังสบายดี ไม่มีเหตุความวุ่นวายใดๆ จิตใจของชานยอลก็สงบลงมาก รู้สึกได้ถึงความรักความห่วงหาที่ถูกอัดแน่นมาเต็มจดหมาย และชานยอลเองก็คิดถึงคนรักของเขามากเหลือเกิน...


    คนตัวสูงก้มลงเก็บหินก้อนขนาดพอดีมือขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินมุ่งหน้าไปยังเพิงเสบียง


    ควันจากระเบิดที่ถูกทิ้งลงกลางสนามรบเมื่อเช้ายังคงลอยฟุ้ง ศพของนายทหารบางคนยังหาไม่พบ เกวียนขนเสบียงและอาวุธที่ถูกเผาเป็นเถ้าธุลี ทุกๆ วันชานยอลยืนมองภาพนี้แล้วคิดว่าเมื่อไหร่เขาจะเป็นรายต่อไป เมื่อไหร่ที่เพื่อนของเขาจะมายืนมองอยู่ตรงนี้ และเห็นร่างไร้ชีวิตของชานยอลถูกแบกออกจากสนาม...


    กี่ปีแล้วนะที่อยู่ที่นี่... กี่ปีที่อดทนทำทุกอย่าง ทั้งความรัก หน้าที่ หรือแม้แต่ความตายที่รออยู่ตรงหน้า...


    เมื่อไหร่จะได้กลับบ้านสักที...



    .


    .

    .



    ' 22 Oct 1918


    ผมยังสบายดี ดีใจที่ได้ยินว่าคุณอยู่สบาย นี่เป็นรูปที่กองทัพถ่าย ผมแอบขโมยมาจากห้องทำงานนาย แค่หวังว่าคุณจะได้เห็นรูปผม และผมอยากบอกว่าผมคิดถึงคุณมากเหลือเกิน เดือนหน้าเยอรมันจะสั่งเพิ่มกำลังที่ชายแดน แต่ผมขอให้คุณอย่าห่วง ผมจะเขียนจดหมายถึงคุณ มันใกล้จะจบแล้ว ได้โปรดรอผม และผมจะกลับไปหาคุณ park chanyeol


    ภายในห้องตัดเสื้อที่มีเพียงแค่แสงจากตะเกียง ช่างตัดเสื้อหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามใบหน้าของคนรักที่ปรากฏอยู่ในรูปถ่ายข่าวดำ หยดน้ำตาเล็กๆ ร่วงเผาะลงบนหลังมือ ใบหน้าที่ไม่ได้สัมผัสนานเนิ่นนานจนกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว เพียงแค่ได้รู้ว่าคนรักยังมีความสุขดีแบคฮยอนก็ไม่ต้องการอะไรอีก


    คนตัวเล็กยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะหยิบเอากระดาษอีกแผ่นมาวางใต้แสงตะเกียง มือที่สั่นเทาเอื้อมไปหยิบปากกามาจรดลงบนหน้ากระดาษ แบคฮยอนพยายามหายใจให้ลึกมากกว่าเดิม เขาจับมือข้างที่กำลังสั่นเอาไว้แน่น จากนั้นก็เริ่มเขียนจดหมายรักอีกฉบับ


    เมื่อไหร่สงครามนี้จะยุติเสียที...

     



     


    วี๊ด...


    เสียงหวีดของกาต้มน้ำเรียกคนตัวเล็กที่กำลังนั่งเหม่ออยู่บนโต๊ะทานอาหารให้ต้องลุกขึ้นไปปิดไฟ แบคฮยอนยกกาต้มน้ำลงจากเตาก่อนที่จะเดินไปหยิบแก้วกาแฟมาวางไว้ตรงหน้า ดวงตาเรียวรีจ้องมองลงไปในแก้วกาแฟที่ว่างเปล่า


    น้ำร้อนถูกรินลงในแก้ว ส่งควันรอยขึ้นปะทะอากาศเย็น แบคฮยอนหยิบเอาขวดกาแฟมาเปิดฝาออกแล้วพยายามจะตักมันใส่ถ้วยโดยที่ไม่ให้หก แต่มือที่สั่นไม่หยุดก็ทำให้กาแฟล้นออกจากช้อนจนได้ ยิ่งพยายามจะสั่งให้นิ่งมันก็ยิ่งสั่นมากขึ้นจนนึกรำคาญ


    แบคฮยอนวางช้อนลงอย่างใจเย็นแล้วเริ่มตักกาแฟใส่แก้วอีกครั้ง ตามด้วยน้ำตาลและนม อาการผิดปกติทางระบบประสาททำให้แม้แต่การจับช้อนก็ยังยาก


    คนตัวเล็กถือแก้วกาแฟสองมือไปวางบนโต๊ะอาหารก่อนที่จะหันไปดูแลเจ้าตัวน้อยที่นอนอยู่ในรถเข็น ดวงตากลมโตสีฟ้าของชาลีส่องสะท้อนกับแสงตะเกียงในยามที่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง แบคฮยอนส่งยิ้มให้กับเด็กน้อยพลางเอื้อมมือไปลูบแก้มที่ขึ้นสีแดงเพราะอากาศเย็นจัด


    ซองจดหมายที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน บิลค้างค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ และจดหมายทวงหนี้จากธนาคารทำแบคฮยอนเครียดจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับ ลมหายใจอุ่นๆ ถูกถอนออกมาเฮือกใหญ่ กวาดสายตามองไปทางไหนก็เจอแต่ความมืดมิด ไม่มีทางไหนเลยจะสามารถแก้เรื่องนี้ได้


    “ตื่นเช้าจัง”


    เสียงทุ้มๆ จากด้านหลังเรียกคนตัวเล็กให้ละสายตาไปมองแฟนหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องครัว ชานยอลตรงเข้าไปกอดคนรักของเขาจากทางด้านหลังพร้อมทั้งพรมจูบลงที่ข้างแก้มด้วยความรักใคร่ สีหน้าอมทุกข์ของแบคฮยอนกับจดหมายในมือทำให้ชานยอลต้องถอนหายใจออกมา เขารวบเอาจดหมายนั้นออกมาจากมือคนรักก่อนที่เอ่ยขึ้น


    “ให้ผมจัดการเอง”


    “ฉันแค่...”


    “ไม่เป็นไร ผมจะหาทางเอง” คนตัวสูงย้ำคำพูดหนักแน่น ชานยอลรวบเอามือเล็กๆ ที่กำลังสั่นมากอบกุมไว้พร้อมกับยกมันขึ้นจูบด้วยความรักใคร่ เขาจะไม่มีทางปล่อยให้บ้านหลังนี้ถูกยึด และจะไม่ปล่อยให้เด็กชายตัวน้อยต้องถูกส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


    “ถ้ามันเกินรับไหว – ”  


    “ไม่ ผมโอเค” ช่างไม้หนุ่มพูดแค่นั้นก็เดินไปหยิบเอาแก้วกาแฟที่คนรักชงไว้ให้มาดื่ม ถึงแม้ว่าชาลีจะเป็นแค่เด็กที่ใครก็ไม่รู้นำมาวางไว้ที่หน้าบ้านแต่ชานยอลก็ไม่คิดทอดทิ้งเขา ชานยอลรู้ดีว่าการต้องดิ้นรนเอาตัวรอดคนเดียวนั้นเป็นยัง ไง และมันสำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้


    “สิ้นเดือนนี้เราอาจจะโดนยึดบ้าน”


    “...........”


    “อึก... ฉันควรจะทำอะไรได้บ้าง” หยดน้ำตาร่วงหยดลงบนโต๊ะอาหาร แบคฮยอนยกมือขึ้นปิดใบหน้าด้วยความละอาย ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินไม่มีใครอยากจ้างคนทำงาน และแบคฮยอนก็รู้สึกว่าตัวเขาช่างไร้ค่าเหลือเกิน


    “คุณเป็นกำลังใจให้ผม...”


    “ฮึก...”


    “ผมจะหาทางเอง...”

     


    -

     


    ‘Military summons

    Department of army, Office of the chief of army reserve ’


    ซองกระดาษยับๆ สีน้ำตาลที่ถูกส่งมาจากสำนักงานกองกำลังทหารถูกเปิดผนึกออก  ในเช้าที่ท้องฟ้าครึ้มฝนแบคฮยอนเปิดซองจดหมายแปลกตาที่จ่าหน้าถึงคนรักของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


    ภายในซองบรรจุเอกสารเรียกตัวจากกองทัพให้เข้าประจำการด่วนที่เขตชายแดน ราวกับหัวใจถูกบีบกระชากอย่างรุนแรง แบคฮยอนพยายามจะสูดลมหายใจให้ลึก เขาหันหลังไป และเจอกับแฟนตัวสูงที่ยืนเม้มริมฝีปากอยู่ด้านหลัง ใบหน้าของชานยอลดูไม่ต่างจากคนที่ถูกจับผิด


    “นี่หมายความว่าไง” คิ้วเรียวย่นเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ มือบางสั่นระริก แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไร ชายตรงหน้าก็พุ่งเข้ามารวบตัวเขาเข้าไปกอดไว้แน่น


    เพียงแค่นั้นแบคฮยอนก็รับรู้ทุกอย่างได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องมีคำอธิบายใด หัวใจเขาเหมือนแตกสลายเมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มได้ทำสิ่งใดลงไป หยดน้ำตาไหลดิ่งออกมาอย่างห้ามไม่ได้


    ทั้งที่ชานยอลรู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้สงครามปะทุแค่ไหน และเขากำลังส่งตัวเองไปตาย


    “ผมตั้งใจทำ ผมอยากทำสิ่งนี้” ชานยอลกระซิบคำพูดลงที่ข้างกกหูคนรัก เขาผละตัวออกก่อนจะยกมือขึ้นประคองใบหน้าคนตัวเล็กให้เงยขึ้นสบตา ดวงตากลมโตจ้องมองลึกลงไปในแววตาที่กำสั่นไหวและมีหยดน้ำตาเอ่อล้น ชานยอลรู้ว่ามันกระทันหันแต่เขาไม่มีทางเลือกแล้ว “ผมเคยฝึก ผมเอาไหว ผมจะกลับมา”


    “แล้วถ้านายไม่ได้กลับมา...” มือบางขยุ้มเสื้อแจ็คเกตชายหนุ่มตรงหน้าไว้แน่น แบคฮยอนรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียสิ่งสำคัญไปอีกอย่าง สิ่งที่มีค่ามากกว่าบ้านหรือทรัพย์สินอื่นใด เขาอาจต้องเสียชานยอลไปในสนามรบ


    “ผมจะกลับมา ผมสัญญา”


    “นายไม่ต้องทำแบบนี้... ฮือ...” หยดน้ำตาเริ่มไหลออกมาไม่ขาดสาย แบคฮยอนคิดว่าเขาจะทำใจไม่ได้เมื่อต้องได้ยินข่าวรายงานความเลวร้ายจากสงครามแทบทุกวัน และทหารที่นั่นตายมากกว่าอยู่ ไม่นับรวมสงครามกลางเมืองที่ปะทุไม่แพ้กัน


    “ผมต้องทำ... คุณจะได้รักษากับหมอที่ดีที่สุด กินยาที่ดีที่สุด มีที่อยู่ แล้วชาลีก็จะได้รักษา คุณไม่ต้องลำบาก” ชานยอลพยายามยิ้มออกมาถึงแม้ว่าในใจเขาจะเต็มไปด้วยความขมขื่น ริมฝีปากหยักประทับจูบลงบนกลีบปากบางซ้ำๆ


    ชานยอลไม่คิดว่าเขามีทางเลือกมากนักและนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด สวัสดิการของทหารจะทำให้แบคฮยอนอยู่รอดได้ อย่างน้อยพวกเขาทั้งคู่อยู่สบาย...


    “ถ้านายไม่ได้กลับมา มันก็ไม่มีประโยชน์ ฮือ...” แบคฮยอนรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดตอนนี้ ไม่มีอะไรที่จะสามารถแก้ไขได้แล้ว เขามองลึกเข้าไปในสายตาของคนรักและก็เห็นทุกอย่าง


    ชานยอลพยายามทำเพื่อครอบครัวอยู่เสมอ เขาเป็นผู้ชายเอเชียคนเดียวในเมืองนี้ที่โดดเดี่ยว เป็นคนดี และสามารถเสียสละได้หลายอย่างเพื่อครอบครัว แต่มันไม่ควรเป็นสิ่งนี้


    สงครามจะพรากชีวิตเขาไปจากครอบครัว...


    “ให้ผมทำ... ผมตัดสินใจไปแล้ว”


    “ฮึก...”


    “ผมจะกลับมาหาคุณ...”


     

     

    ในวันสุดท้ายที่จะได้เจอหน้าคนรัก แบคฮยอนทำได้เพียงแค่ยืนมองดูเรือที่กำลังพาหัวใจของเขาล่องไกลห่างออกไป ทำได้เพียงจ้องมองดูใบหน้าที่แสนรักค่อยๆ หายไปจากสายตาด้วยเรือขนส่งทหาร... สิ่งสุดท้ายที่แบคฮยอนมองเห็นมีเพียงแค่ปลายกระบอกปืนที่สะพายอยู่บนหลังเท่านั้นเอง...



    .


    .


    .


    ภายในโรงนอนที่มืดสนิท เสียงไม้ขีดดังขูดกับกล่องกระดาษ ชานยอลใช้แสงไฟเพียงน้อยนิดส่องภาพจากรูปถ่ายที่คนรักส่งมาให้ ด้านหลังมีข้อความสั้นๆ ถูกเขียนไว้ การ์ดทุกใบจดหมายทุกฉบับถูกมัดรวมกันเอาไว้ด้วยเชือก สภาพของมันดูแย่ไม่ต่างจากร่างกายของทหารผ่านศึก


    ความเงียบทำให้ความคิดดังมากกว่าปกติ ความรู้สึกอ้างว้างกัดกินจิตใจนายทหารหนุ่มไปทีละเล็กน้อย ชานยอลตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนแล้วใช้แสงไฟจากไม้ขีดนำทางไปยังกระเป๋าสัมภาระ เขาหยิบเทียนออกมาจุดให้แสงสว่างก่อนจะหยิบเอากระดาษกับปากกาออกมาเตรียมเขียนจดหมายเพื่อส่งมันในวันพรุ่งนี้ ชานยอลแค่คิดว่าเขาจะต้องส่งมันให้ได้


    แสงเทียนวูบไหวไปตามลม ปลายปากกาจรดลงบนแผ่นกระดาษยับๆ ชานยอลมองรูปคนรักและลูกชายของเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะเขียนเนื้อความลงในจดหมาย


    6 Nov 1918


    ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่เขียนจดหมายฉับบนี้แต่ก็เกิดเปลี่ยนความคิด และผมคิดว่าจะต้องเขียนให้ได้ พรุ่งนี้เยอรมันจะส่งกำลังทหารเข้ามาประชิดชายแดนเป็นครั้งสุดท้าย แต่กว่าคุณจะได้รับจดหมายสงครามคงจบไปแล้ว และผมจะได้กลับบ้านสักที ผมจะทำตามสัญญา ผมจะกลับไปกอดคุณและบอกคุณว่าผมรักคุณเหลือเกิน


    ผมรักคุณ แบคฮยอน - park chanyeol’


    ทหารหนุ่มสูดลมหายใจเข้าสุดปอด ชานยอลพับจดหมายของเขาใส่ซองพร้อมกับเขียนจ่าหน้าก่อนที่จะสอดมันไว้ในปึกจดหมายและโปสการ์ด เขาก้มลงจูบมันอีกครั้งแล้วเก็บจดหมายทั้งหมดใส่กระเป๋าแจ็คเกตด้านในเหมือนอย่างที่ชอบทำ


    อีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว... มันกำลังจะจบลงแล้ว...


    แสงเทียนถูกดับลง ชานยอลคลานกลับไปนอนยังที่ของเขา ดวงตากลมโตลืมยังคงลืมขึ้นท่ามกลางความมืดมิด จ้องมองลึกลงไปในความว่างเปล่าที่หนาวเย็น...


    อีกไม่นานก็จะจบแล้ว... ให้มันจบลงสักที...

     

     


    -




    “เอาปืนไป ไปๆๆๆๆ!!!


    หัวหน้าใหญ่ของกองรบกล่าวเสียงดังเพื่อกระตุ้นให้เหล่าทหารตื่นตัว ชานยอลเก็บระเบิดใส่กระเป๋าแล้วสะพายปืนใส่หลังก่อนที่จะหยิบเอาหมวกทรงครึ่งวงกลมขึ้นมาสวม เขาเช็คอุปกรณ์ทั้งหมดแล้ววิ่งออกจากโรงเก็บอุปกรณ์ตรงไปยังศูนย์บัญชาการ

    สียงระเบิดยังดังสนั่นไม่หยุด อาการที่หนาวเย็นไม่อาจทำให้ไฟในสนามรบสงบลง ชานยอลวิ่งตรงไปหาเพื่อนสนิทของเขาก่อนที่จะหยิบเอาปึ้งกระดาษออกมาจากเสื้อแล้วแกะจดหมายส่งให้กับรอว์นีย์


    ฝากด้วย ต้องส่งให้ได้ นายต้องส่งให้ได้” ชายหนุ่มย้ำคำพูดหนักแน่น เมื่อเห็นเพื่อนรักพยักหน้ารับปากเขาก็ยิ้มออกมา


    “ฉันจะส่งให้นายให้ได้”


    “ขอบใจ” กล่าวจบนายทหารหนุ่มก็วิ่งตรงไปขึ้นรถนำส่งทหารทันที ทันทีที่เท้าก้าวขึ้นท้าย รถขนส่งทหารก็ขับเคลื่อนมุ่งตรงไปยังแดนรบทันที


    มือหนากำปลายกระบอกปืนเย็นเฉียบไว้แน่น สีหน้าของนายทหารแต่ละคนในรถนิ่งเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่ชานยอลก็รู้ดีว่าพวกเขารู้สึกยังไง

     

     

     

    ตู้ม!!


    ระเบิดลูกแล้วลูกเล่าถูกยิงมาตกในสนามรบส่งเสียงดังสนั่นไปทั่ว กำแพงป้องกันปืนใหญ่ที่เป็นด้านหน้าสนามเพลาะพังราบกลายเป็นซากปลักหักพัง


    ในบังเกอร์ใต้ดินที่เป็นด่านสุดท้ายของสนามเพลาะแนวหน้า ลังกระสุนจำนวนมากถูกเรียงรายมาวางกองไว้ ชานยอลช่วยเพื่อนเขาบันจุกระสุนใส่ปืนใหญ่แล้วยิงออกไปหลายสิบลูก


    เสียงปืนยังคงดังไม่หยุด สัญญาณข้าศึกบุกผ่านปราการลวดหนามบอกให้ชานยอลเตรียมพร้อม เขาปลดปืนออกจากหลังแล้วปืนขึ้นไปบนบันไดไม้ พลทหารชั้นแนวหน้าหลายสิบคนเข้าประจำตำแหน่ง ชานยอลเหนี่ยวไกลยิงสกัดข้าศึกเยอรมันล้มลงที่กลางสนาม


    “ไปเลย!! ออกไปเลย!!!


    เมื่อเห็นว่าการยิงสกัดด้วยปืนใหญ่แล้วปืนกลไม่พอยั้งฆ่าศึก ชานยอลก็คลานออกจากหลุมเพลาะ เขาหมอบตัววิ่งไปหลบอยู่หลังป้อมปืนใหญ่ที่เหลือเพียงซากกำแพงหักๆ ฝนที่ตกอย่างหนักเมื่อคืนทำให้สนามรบกลายเป็นดินโคลน เขาเลี่ยงตัวออกจากบังเกอร์แล้วสาดกระสุนใส่ข้าศึกอีกหลายนัด


    ลูกกระสุนปืนใหญ่สาดโคลนใสร่างชายหนุ่มจนชุ่ม พลทหารอีกสองนายจากด้านหลังวิ่งออกมาจากบังเกอร์ที่ถูกระเบิดจนพังเละ ชานยอลหยัดตัวขึ้นยิงกระสุนสกัดให้กับเพื่อนของเขาจนทั้งคู่เข้ามาหลบในกำแพงเดียวกัน


    “พวกมันมาเยอะเกินไป!


    “เรา... จะไม่ไหวแล้ว


    “ใจเย็นไว้ๆ นายช่วยเค้าฉันจะยิงสกัดให้เอง” ชานยอลหันไปบอกกับแพทย์สนามที่กำลังปฐมพยาบาลให้กับเพื่อนทหารที่ถูกยิง เขายกปืนขึ้นยิงสกัดให้กับนายทหารอีกชุดที่วิ่งออกมาจากหลุมกำบังก่อนจะเบี่ยงปลายกระบอกปืนไปยังข้าศึกที่หลบอยู่หลังกำแพง


    ตู้ม!!


    เสียงระเบิดทำแก้วหูปวดร้าวไปหมด ลูกกระสุนที่สาดมาอย่างต่อเนื่องทำชานยอลแทบไม่มีโอกาสได้โผล่หัวขึ้นไปยิงตอบโต้


    เศษดินลอยคละคลุ้งไปทั่ว ชายหนุ่มเบี่ยงตัวไปยิงข้าศึกล้มไปอีกสองศพ ก่อนที่ลูกระเบิดสีดำจากฝั่งตรงข้ามจะถูกเขวี้ยงเข้ามาที่หลังกำแพง


    วินาทีนั้นชานยอลไม่คิดอะไร เขาก้มลงหยิบระเบิดแล้วยืนขึ้นปามันกลับไปยังอีกฝั่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกกระสุนของอีกฝ่ายพุ่งทะลุเข้าเจาะร่างอย่างจัง



    .....



    มันจุกจนชาไปหมด...


    ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที... ร่างสูงใหญ่เอนล้มลงหงายไปหลังกำแพง เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ชานยอลไม่รู้สึกอะไรนอกจากความจุกแน่นที่หน้าอก ริมฝีปากหยักเผยออ้าพยายามจะสูดลมหายใจเข้าปากแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน...


    ในวินาทีที่รู้ว่าตัวเองถูกยิงหลายนัด ชานยอลไม่คิดอะไร การมารบคือการเผชิญหน้ากับความตาย เขารู้สึกเพียงแค่เสียดายและอยากขอโทษภรรยากับคำสัญญาที่รักษาไม่ได้


    ด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย มือหนายกขึ้นล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบเอาปึกซองจดหมายออกมา ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังรูปถ่ายของภรรยาและลูกชายที่แสนน่ารัก โดยหวังว่าจะได้จดจำมันเป็นครั้งสุดท้าย


    เขาประทับรอยจูบลงบนใบหน้าของคนที่แสนรักด้วยความรักสุดหัวใจ ทดแทนความรู้สึกที่ไม่มีโอกาสจะได้พูดออกไป...

     

    คุณช่างอยู่ไกล... อยู่ไกลจากอ้อมกอดผมเหลือเกิน...

     

    ความหนาวเย็นแทรกซึมไปทั่วร่าง น้ำตาหยดสุดท้ายไหลดิ่งออกจากหางตา ท่อนแขนทิ้งตกลงกับพื้น อย่างน้อยสิ่งสุดท้ายที่ชานยอลได้เห็นก็ไม่ใช่ภาพความโหดร้ายของสงคราม...


    ผมขอโทษ... ผมขอโทษที่กลับไปหาคุณไม่ได้...


    .




    .



    ในเช้าที่มีหิมะตกลงปรอยๆ แบคฮยอนออกไปยืนหน้าบ้านเพื่อรอจดหมายเหมือนอย่างทุกวัน มือบางยกขึ้นถูเข้าด้วยกันเพื่อเรียกความอบอุ่น


    เสียงรถไปรษณีย์ประจำหมู่บ้านขับมาจอดอยู่ที่บ้านข้างๆ บาร์กคุยกับคุณนายทอมสันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอพุ่งเข้ากอดเขาพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พอเห็นอย่างนั้นแล้วแบคฮยอนก็อดที่จะเดินไปพูดคุยด้วยไม่ได้


    “สามีฉันปลดประจำการ ทอมปลดประจำการแล้ว เค้าจะกลับถึงพรุ่งนี้” ยังไม่ทันได้เอ่ยทักทายอะไรสาวอ้วนก็หันมาอวดใหญ่ เธอเอาแต่ยิ้มไม่หยุด


    ข่าวเรื่องเยอรมันยอมจบสงครามด้วยการเซนต์สัญญาสงบศึกสร้างความดีใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่รอคอยให้ทหารเหล่านั้นกลับบ้าน


    “ดีจังเลย มีของฉันบ้างไหม” คนตัวเล็กหันไปถามกับบุรุษไปรษณีย์คนคุ้นเคย เขาได้ยินบาร์กพึมพำบางอย่างก่อนจะหยิบเอาซองจดหมายในกระเป๋าย่ามออกมาค้นดู


    “ของบ้านเลขที่ 26.... อือ... วันนี้ไม่มีครับ” หนุ่มไปรษณีย์ส่ายหน้า บาร์กทำได้แค่ยิ้มฝืนๆ ให้ลูกค้าของเขาเมื่อได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า


    “สักฉบับก็ไม่มีเลยหรอ...”


    “ไม่มีครับ”


    ราวกลับกำลังใจที่เตรียมมาได้หายไปจนหมด แบคฮยอนใจหายวาบ หน้าเขาชาไปหมดเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้รับจดหมายปลดประจำการของแฟนหนุ่มจากกองทัพ


    คนตัวเล็กพยายามคิดปลอบใจตัวเองว่าวันนี้จดหมายอาจจะมาไม่ถึง และเขาจะต้องได้มันในวันพรุ่งนี้ ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองพื้นด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย แบคฮยอนหันหลังให้กับบุรุษไปรษณีย์แล้วเดินหนีเข้าบ้านไปเพื่อซ่อนสีหน้าและน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา


    ทันทีที่ประตูบานใหญ่ปิดลง คนตัวเล็กก็ทรุดตัวลงกับพื้นทันที ความคิดมากมายวิ่งวุ่นวายอยู่ในหัว รู้สึกเสียวปลายเท้าและใจหวิวไปหมด


    ไม่มีจดหมาย... ไม่มีแจ้งการตาย หรือหมายปลดประจำการ...


    ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น มือบางเริ่มสั่นอีกครั้งและมันรุนแรงมากกว่าครั้งไหนๆ แบคฮยอนไม่แม้แต่จะควบคุมแขนตัวเองให้เอื้อมไปจับลูกบิดได้


    ทำไมกัน... ทำไม...



    .


    .


    .



    ณ สถานีรถไฟที่มีผู้คนมากมายมาแออัดกันเพื่อรอต้อนรับใครสักคนในครอบครัวกลับบ้าน แบคฮยอนยืนหลบอยู่ด้านหลังชานชลาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกลัว มือบางบีบกำคันจับรถเข็นของเด็กชายตัวเล็กเอาไว้แน่น


    ตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรง เสียงระฆังเตือนรถไฟเข้าทำใจเขายิ่งตื่นตระหนก


    ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับจดหมายใดๆ เลยแต่แบคฮยอนก็ยังมาที่สถานีรถไฟโดยที่ในใจก็หวังว่าจะได้เจอคนรักเหมือนอย่างคนอื่นๆ


    ธงสหรัฐอเมริกาถูกยกขึ้นโบกเมื่อรถไฟจอดเข้าเทียบท่า มันบดบังทุกสิ่งทุกอย่างจนหมด แบคฮยอนทำได้เพียงแค่ยืนชะเง้อคอมองจากทางด้านหลัง เขาเห็นเหล่าทหารผ่านศึกเริ่มทยอยลงจากรถไฟ บางคนพุ่งตรงเข้ากอดลูกและภรรยาทันที มันเป็นภาพที่ชวนให้ใจหายและรู้สึกหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน....


    “ขอร้อง...”


    ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ความอ่อนแอกัดกินจิตใจแบคฮยอนจนแทบจะทนไม่ไหว อาการสั่นที่หายไปนานเริ่มกลับมาอีกครั้งเมื่อจิตใจของเขาไม่มั่นคง


    ผู้คนยืนกันแออัดอยู่ตรงชานชลาและแบคฮยอนก็ทำได้เพียงแค่ยืนรอ ...เขามองคู่รักและครอบครัวเดินผ่านหน้าไปหลายต่อหลายคน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมานเหลือเกิน...


    .


    .


    .


    เวลาผ่านไปหลายนาทีจนผู้คนเริ่มบางลง แบคฮยอนยังยืนร้องไห้อยู่ตรงที่เดิม ความหวังเริ่มลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ ยิ่งเห็นว่าไม่มีใครลงจากรถไฟแล้วแบคฮยอนก็ยิ่งใจสลาย หยดน้ำตามากมายพากันไหลพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่ได้


    แข้งขาอ่อนแรงจนแทบทรุดลง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความว่างเปล่า


    ราวกับหัวใจได้ถูกบดขยี้ให้แหลกลงอีกครั้ง แบคฮยอนไม่ทำใจไม่ได้กับเรื่องทั้งหมดนี้ เขาอยากบอกตัวเองให้หยุดคิดเรื่องไม่ดีแต่มันก็เหมือนการหลอกตัวเอง


    ชานยอลไม่กลับมา... เขาไม่กลับมาจากสงคราม...


    มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่ยังไหลไม่ยอมหยุด ความอึดอัดใจฝังแน่นอยู่เต็มอก หมวกแกรมเบอร์ที่แฟนหนุ่มเคยให้ไว้ร่วงหล่นลงจากศีรษะ แบคฮยอนยืนร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน และคนที่เดินผ่านไปมาก็ทำได้แค่เพียงมองมาด้วยสายตาแห่งความสงสารกับผู้ชายที่กำลังใจสลายคนหนึ่ง


    “คุณทำหมวกตก...”


    เสียงทุ้มๆ ที่แสนคุ้นเคยเรียกแบคฮยอนให้ต้องหันไปมองด้านหลัง... ราวกับแสงไฟจากหัวไม้ขีดที่ใกล้ดับเต็มทีได้สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่ได้เห็นว่าชายคนนั้นเป็นใคร


    ชายหนุ่มที่แสนคุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าที่แสนคิดถึง ทุกอย่างทุกสิ่งของเขา สิ่งที่แบคฮยอนใฝ่หามากที่สุดในชีวิตนี้...


    “ฮือ!


    คนตัวเล็กระเบิดเสียงร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายใครพร้อมกับโถมตัวพุ่งเข้ากอดแฟนหนุ่มที่เกือบคิดว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว ทั้งกลิ่นกายที่คุ้นเคย สัมผัสที่เฝ้ารอ มันราวกับปาฏิหาริย์จนแบคฮยอนไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย เป็นความรู้สึกที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้เลย


    “ผมบอกแล้วว่าจะกลับมาหา...”


    “ฮือ”


    “และผมเป็นคนรักษาสัญญา...”


    ชานยอลกอดแฟนตัวเล็กเอาไว้แน่นพร้อมกับก้มลงจูบบนศีรษะทุยด้วยความรักใคร่ ความโหยหา ความคิดถึงที่อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ ตอนนี้ได้ถูกระบายออกมาแล้ว นายทหารหนุ่มอุ้มร่างแฟนของเขาขึ้นด้วยสองแขนก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปประกบจูบบนริมฝีปากบางท่ามกลางสายตาของชาวเมืองที่มารอรถไฟเที่ยวถัดไป


    มันเป็นภาพของความสวยงามที่ทำให้ผู้คนต้องหลั่งน้ำตา...


    นายทหารคนหนึ่งที่แทบจะยืนด้วยขาเดียวไม่ไหวกอดภรรยาของเขาเอาไว้ด้วยความรักที่มีทั้งหมด ด้วยทั้งความซื่อสัตย์ อดทน และรักเดียวใจเดียว...


    “ผมคิดถึงคุณที่สุดเลย...”


    ไม่มีสิ่งใดมีค่าไปมากกว่านี้อีกแล้ว...


    ไม่มีอะไรมีค่ากว่าการได้กลับมาเจอกับคนรักอีกแล้ว...


    ไม่มีอะไรที่จะสามารถทดแทนความรู้สึกนี้ได้อีกแล้ว...







    END



    #myfablecb




    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×