ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : คนเหงา 2017

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 64






    กริ๊ง... กริ๊ง...


    สวัสดีค่ะ อี นายอน รับสายค่ะ”


    [……………...]


    “ค่ะ.... ย้ายพนักงานหรอคะ? เอกสารพนักงานฝ่ายขาย?”


    [……………..]


    “สักครู่นะคะ ดิฉันไม่ได้ส่งเอกสารอะไรไปนะคะ....”


    [……………..]


    “แบคฮยอน? ค่ะ...”


    “อ่า... เดี๋ยวรอสักครู่นะคะ ขอตรวจสอบแป้บนึง”


    อีนายอนกดปิดไมค์โทรศัพท์ก่อนจะเปิดหน้าอีเมลขึ้นมาค้นหาเอกสารสมัครงานของ พยอน แบคฮยอน ที่ถูกอ้างว่าส่งไปจากทางนี้ คิ้วเรียวสวยขมวดย่นเข้าหากัน ดวงตาเรียวรีภายใต้กรอบแว่นหรี่มองไปยังรายชื่อจดหมายขาออกจำนวนมากที่มีตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอเลื่อนสกอร์เมาส์ลงจนสุดแล้วเลื่อนขึ้นอีกครั้งเพื่อตรวจซ้ำ ก่อนจะหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ


    “ไม่มีอีเมลส่งไปจากทางนี้นะคะ”


    [….…………]


    “เป็นเมลของบริษัทใช่ไหมคะ? รบกวนขออีเมลด้วยค่ะ สักครู่นะคะ”


    [……………..]


    “ค่ะ... ค่ะ... ค่ะ....”


    […………….]


    “ค่ะ รบกวนระงับเรื่องไว้ก่อนนะคะ ขอตรวจสอบก่อน แล้วยังไงจะแจ้งไป... ค่ะ ขอบคุณค่ะ”


    ตู๊ด.... ตู๊ด....


    ทันทีที่สายผู้จัดการจุนฮยองถูกวางไป ฝ่ายบุคคลสาวก็ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นายอนมองรายชื่ออีเมลภายในที่ได้มาเมื่อครู่อยู่สักพัก ก่อนที่จะกดหมายเลขต่อสายโทรเข้าไปยังแผนกไอทีทันที

     



    .....




    ภายในภัตตาคารอาหารจีนที่สุดจะน่าเบื่อ เด็กหนุ่มตัวสูงเอาแต่ก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ในใจก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่ธุระที่แสนน่าเบื่อนี้จะจบลงซักที


    ชานยอลเบื่อ...


    เขาเบื่ออีกแล้วกับการต้องมานั่งรอแม่คุยธุระในร้านอาหารและถึงจะพยายามไม่สนใจมันเท่าไหร่ แม่ก็มักจะดึงชานยอลเข้าไปเกี่ยวเนื่องกับการสนทนาอยู่เสมอ


    “ยังไงก็คอยดูผู้จัดการเอาไว้ด้วยนะ ยิ่งได้ยินข่าวแปลกๆ มายิ่งไม่ไว้ใจ เค้าคบกับแผนกบัญชีอยู่ด้วยไม่ใช่หรอ”


    “ใช่ค่ะ แต่แผนกบัญชีเป็นคนของเรา”


    “อื้อ แต่อย่าประมาทก็แล้วกัน แล้วชานยอลล่ะ งานที่แผนกชอบไหม” ยูรินหันไปถามลูกชายที่เอาแต่นั่งทำหน้าไม่สนใจโลกอยู่ข้างๆ เธอใช้เท้าเตะขาเขาเบาๆ เป็นการส่งสัญญาณก่อนจะระบายยิ้มออกมา


    “อ๋อ ครับ ก็ดี” เด็กหนุ่มยิ้มขืน แรงสั่นเบาๆ จากในกระเป๋าเสื้อบอกชานยอลว่าโทรศัพท์ของเขามีความเคลื่อนไหว  “ขอโทษนะครับ ผมไปเข้าห้องน้ำแป้บนึง” คนตัวสูงว่าแล้วก็รีบลุกยืนขึ้นก้มหัวโค้งขอตัวกับแขกร่วมโต๊ะ ก่อนจะเดินปลีกหายออกจากห้องอาหารทันที ปล่อยให้ผู้เป็นแม่กับฝ่ายบุคคลสาวได้แต่มองตากันอย่างอย่างไม่เข้าใจ


    “อะไรของเค้า” ยูรินว่า เธอวางตะเกียบในมือลงแล้วพูดต่อ “เอ้อ... แล้วเรื่องแบคฮยอนล่ะ”


    “แบคฮยอนหรอคะ อ๋อ ใช่ค่ะ เมื่อเช้าฝ่ายบุคคลที่สาขาโทรมาแจ้งเรื่องพนักงานที่เราส่งไป บอกว่าตำแหน่งพนักงานขายเฟอร์นิเจอร์ไม่ว่าง จะให้พนักงานที่ส่งมาทำแผนกฮาร์ดแวร์แทน แล้วนายอนไม่ได้เป็นคนส่งก็เลยถามว่าใครส่งเอกสารไป พอเช็คไปเช็คมาปรากฏว่าเมลที่ส่งไปเป็นเมลของบริษัท แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครค่ะ กำลังตรวจสอบอยู่ เมื่อเช้าบอกให้คุณชานยอลช่วยดูแล้ว”


    “อือ...” ยูรินพยักหน้า ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้นึกถึงหน้าลูกชายตัวเองขึ้นมาก่อนใคร ถึงจะไม่ค่อยอยากยอมรับก็เถอะ มันคงมีไม่กี่คนหรอกที่เข้าถึงเอกสารของฝ่ายบุคคลได้ แถมยังสมัครอีเมลอีกเป็นร้อยได้


     “จะให้ปฏิเสธไปไหมคะ”


    “ยังไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะบอกเอง”


    “ได้ค่ะ...”



    .


    .


    .



    Bhxx0506 : อยู่คุยกันก่อนดิ

    Bhxx0506 : เหงาอะ


    Cyyyyyxx : ทำไมไม่นอน


    Bhxx0506 : หิวอะ เบื่อด้วย


    Cyyyyyxx : ไปหาไรกิน


    Bhxx0506 : ขี้เกียจลงบันได

    Bhxx0506 : ฟังเพลงปะ เดี๋ยวร้องให้ฟัง


    ก๊อกๆๆ


    “ชานยอล...”


    เสียงเคาะประตูกับเสียงเรียกคุ้นหูทำให้มือที่กำลังพิมพ์ข้อความหยุดชะงัก ชานยอลละสายตาออกจากโทรศัพท์ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้กับผู้เป็นแม่


    “ครับ”


    “ไปเจอแม่ที่ห้องหน่อย”


     “ฟู่ว.....” คำพูดที่มักจะมาพร้อมกับปัญหาทำเด็กหนุ่มตัวสูงถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมาทางปาก ชานยอลเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินตามหลังผู้เป็นแม่ไปเหมือนกับนักโทษที่กระทำความผิด


    ความรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีทำชานยอลอยากแกล้งเป็นลมซะตรงนี้ ถึงจะรู้ดีว่าต่อให้เป็นลมยังไงก็ต้องตื่นมาโดนสอบสวนอยู่ดี สุดท้ายก็คงหนีไม่พ้น ถึงจะเตรียมใจเอาไว้แต่ก็ไม่ชินสักที...


    “นั่งลงก่อนสิ” ยูรินว่า เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานก่อนจะหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม


    “แม่มีอะไร” ชานยอลไม่ยอมยืดเยื้อเสียเวลา เขารีบตรงดิ่งเข้าประเด็นสนทนาทันทีเพราะรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะถูกซักเรื่องไหน


    “วันนี้... มีคนใช้เมลบริษัทส่งข้อมูลภายในไปให้ผู้จัดการสาขาที่ซัมซองโดยไม่ผ่านฝ่ายบุคคล... อยากบอกไหมว่าใครทำ” หญิงวัยกลางคนขยับแว่นพลางเชิดหน้าขึ้นมองลูกชายที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่กลางห้องด้วยท่าทีสบายๆ เขายังดูไม่ทุกข์ร้อนเหมือนอย่างทุกที แถมยังยิ้มออกมาทำทีเหมือนเห็นมันเป็นเรื่องตลก


    “ไม่ แต่ผมทำเอง” คนตัวสูงยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ชานยอลไม่คิดว่ามันผิดอะไร ที่เขาช่วยส่งจดหมายสมัครงานให้แบคฮยอน ยังไงที่นั่นก็ขาดคนทำงานอยู่แล้ว ก็แค่ช่วยส่งอีเมลเอง


    “ทำไม... แม่ตัดสินใจแล้วว่าเราจะไม่รับเค้าเข้าทำงาน”


    “เพราะอะไร? เพราะผมหรอแม่ถึงไม่รับเค้าเข้าทำงาน?”


    “เหมือนชานยอลจะเข้าใจผิดนะ... แม่ไม่รับเค้าทำงานเพราะเค้ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่ใช่เพราะชานยอลไปยั่วยุเค้า... จะเป็นฝ่ายขายแต่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ได้ยังไง เวลาไปเจอลูกค้ายียวนเข้าจะทำยังไง” ยูรินกล่าวเสียงเข้ม เธอเห็นลูกชายเดินไปนั่งลงบนโซฟาก่อนจะยกเท้าขึ้นวางพาดบนโต๊ะกระจก


     “แต่ถ้าผมไม่ไปกวนเค้า แม่ก็คงไม่รู้” ชานยอลว่าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง


    “อย่าลืมว่าเค้าอยู่ในที่ทำงาน เค้าไม่ควรแสดงพฤติกรรมแบบนี้”


    “หึ”


    “ทำไมหรอ... ทำไมชานยอลอยากช่วยเค้าจัง ไม่รู้หรอว่ามันผิดกฏ ไม่ได้มีอย่างอื่นนอกจากที่คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุหรอ?” คำตอบของคำถามนี้ดูเหมือนว่ายูรินเองก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว เธอลุกขึ้นเดินไปหาลูกชายที่ยังคงนั่งนิ่งทำทีเหมือนไม่ได้รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับการกระทำของตนเอง


    “แล้วมันสำคัญยังไง แม่ไม่สงสารเค้าหรอ แม่บอกเค้าว่าจะให้ทำงาน ให้ความหวังเค้า แล้วก็ตัดความหวังเค้าทิ้ง ถ้าเค้าย้ายที่อยู่มาเพื่อทำงานล่ะ ถ้าเค้าต้องจ่ายค่ามัดจำห้อง ถ้าเค้าลงทุนกับงานไปแล้วล่ะ” ชานยอลว่าด้วยสีหน้าสุดเรียบเฉย เขาจ้องกลับเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของผู้เป็นแม่ก่อนจะลุกยืนขึ้น


    “เหมือนชานยอลจะมีความลับกับแม่นะ... รู้จักเค้าใช่ไหม”


    “แล้วมันจะสำคัญยังไง”


    “สำคัญสิ ถ้าแม่ไม่ให้เค้าทำงานล่ะ”


    “ผม... ก็จะไม่ไปทำงาน” เด็กหนุ่มตัวสูงว่าแล้วก็ยิ้มออกมา ชานยอลรู้ว่าแม่รู้ ว่ารอยยิ้มของเขามีความหมายแบบไหน และชานยอลจริงใจกับแม่เสมอ...


    “ดูเค้าสำคัญกับชานยอลจังเลยนะ รู้ใช่ไหมว่าไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นในบริษัทแล้วแม่ไม่รู้...”


    “มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นในบริษัทแล้วแม่ไม่รู้”


    “อย่างงั้นหรอ” หญิงวัยกลางคนเบ้ปากพลางเลิกคิ้ว


    “ถ้าแม่ไม่ให้เค้าทำงาน ผมจะย้ายไปทำที่สาขานั้นแทน”


    “งานชานยอลอยู่ที่นี่ จะย้ายไปทำไมในเมื่อทุกอย่างมันก็ดีอยู่แล้ว”


    “งานอะไร ให้ผมไปคอยหลอกนายอนหรอ ไปให้ความหวังเค้า หลอกให้เค้าทำงานให้แม่ เนี่ยหรองานผม?” ชานยอลว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขารู้ว่าแม่ไม่ชอบให้พูดแบบนี้แต่จะให้พูดแบบไหนในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง


    “แม่ไม่ได้ให้ชานยอลหลอกเค้า แม่แค่ให้ชานยอลคอยเป็นขวัญกำลังใจให้เค้า ชานยอลก็รู้ว่าเค้าทุ่มเททำงานให้เราขนาดไหน”


    “หรือไม่แม่ก็หลอกให้เค้าทำงานหนัก”


    “พอ!


    เจ้าของห้องทำงานขึ้นเสียงดังเมื่อรู้สึกว่าขีดจำกัดอารมณ์ของตัวเองถูกก่อกวน เธอหันหลังให้ลูกชายแล้วเดินกลับไปยังเก้าอี้ประจำตำแหน่งก่อนจะถอนลมหายใจออกมา


    “..........”


    “แม่ไม่รู้นะว่าชานยอลมีอะไรกับแบคฮยอน แต่สักวันแม่จะต้องรู้... ครั้งนี้ไม่เป็นไรแม่ยกให้ แม่จะให้เค้าทำงาน แล้วชานยอลก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองด้วย”


    “ครับ”


    “แล้วทีหลังจำไว้ อย่าหงุดหงิด อย่าอารมณ์เสีย อย่าให้แม่เห็นอีกว่าชานยอลคุมสีหน้าไม่ได้ มันเสียมารยาท เข้าใจไหม เมื่อกี้เหมือนชานยอลกำลังด่าแม่ทางสายตาเลยนะ” ยูรินกล่าวเสียงเข้ม เธอเห็นลูกชายก้มหน้าลงมองปลายเท้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดต่อด้วยสีหน้าที่อ่อนลง


    “ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้มันจะทำให้ใครเดือดร้อน”


    “แม่รู้ว่าชานยอลเจตนาดี แต่บางทีเราก็ใจดีกับทุกคนไม่ได้ เข้าใจแม่ใช่ไหม”


    “ครับ ผมรู้”


    “งั้นก็ไป แม่จะให้เค้าทำงาน”


    “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณพร้อมกับพยักหน้าอีกเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกโล่งใจ โดยที่ก่อนปิดประตูก็ไม่ลืมส่งยิ้มและบอกฝันดีให้กับผู้เป็นแม่ "ฝันดีครับ"


    ชานยอลรู้ว่ามันทำให้แม่อารมณ์ดี


    และทันทีที่บานประตูปิดลงเขาก็ปรับสีหน้ากลับเป็นปกติตามเดิม โทรศัพท์เครื่องหรูถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเพื่อพิมพ์ข้อความที่ค้างเอาไว้ต่อทันที



    .


    .


    .



    [ซี๊ดดดด อ่า... อ่า... ถกเสื้อหน่อยดิ ถกหน่อย อ่า...]


    “ถกพอยังอะ”


    กล้องหน้าที่แสดงภาพเล็กในจอกำลังโชว์รูปเอวขาวบางกับหลุมสะดือเล็กๆ ไม่รวมเสียงพูดหงุงหงิงที่ฟังดูออดอ้อน แบคฮยอนถลกเสื้อยืดสีขาวขึ้นก่อนจะไล่กล้องกลับมาที่ใบหน้าแล้วส่งยิ้มให้กับหนุ่มน้อยในจอ


    [อ่าา... กัดปากหน่อย ซี๊ดดดด... ทำหน้ายั่วๆ หน่อย อึก ยั่วหน่อย ฮ่าาา]


    “แบบนี้อ่อ” แกล้งทำเป็นพูดอ่อยก่อนจะใช้ฟันขบริมฝีปากทำหน้ายั่วยวนให้ชายหนุ่มในกล้องสโตร์คจนมือถือสั่น แบคฮยอนถลกเสื้อยืดของเขาขึ้นมาจนถึงใต้อก ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามหน้าท้องขาวๆ แถมยังไม่ลืมถกขอบกางเกงนอนตัวบางให้ขยับล่นลงไปจนเห็นกระดูกเชิงกราน


    [ซี๊ดดด... ตัวเล็กจังวะ ฮ่าาา... บีบนมหน่อย เล่นนม เอาเสื้อขึ้นให้เห็นหน่อย ฮ่าาา ฮ่ะ]


    “ตัวเล็กแล้วชอบปะล่ะ”


    [ชอบดิ ซี๊ดดดด โคตรขาวเลย เล่นนมหน่อย]


    เสียงหอบครางของนาย Kji69 เริ่มหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากบางที่แสนจิ้มลิ้มถูกฟันกัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าอ้อร้อกับลีลาการเล่นหูเล่นตาของแบคฮยอนจงอินเสียวจนขาสั่น


    เสื้อยืดสีขาวถูกถลกขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นสัดส่วนขาวเนียนทีละเล็กละน้อย แบคฮยอนไม่ยอมเปิดเสื้อขึ้น เขาล้วงมือเข้าใต้เสื้อแทนแล้วแกล้งขยับนิ้วมือพร้อมกับส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ให้พอกระเส่าหัวจิตหัวใจ


    [อ่าาา~ ไม่ไหวแล้ว แบคยอน ไม่ไหวแล้ว อึก!]


    “อื๊อ... จะออกยัง ขอดูชัดๆ หน่อย ถ่ายใกล้ๆ หน่อย ถ่ายตอนพุ่งให้ดูหน่อย”


    [อึกฮ่าาาา!!]


    Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr


    ราวกับฝันสลายเมื่ออยู่ๆ ภาพความเป็นชายที่พาดอยู่บนหน้าท้องล่ำบึกก็ถูกแทนที่ด้วยรายชื่อจากสายเรียกเข้า แบคฮยอนอ้าปากค้าง เขาเผลอสบถออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเสียอารมณ์เกินบรรยาย


    “เอ้า! แม่งง! ห่านี่!” นิ่วหน้าพร้อมกับด่าออกไปด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะรีบกดรับเพื่อที่จะได้กลับไปทำกิจกรรมที่คั่งค้างเอาไว้ต่อ “ฮัลโหลครับ” แบคฮยอนกรอกเสียงห้วนๆ ลงในมือถือ เขาเงียบไปครู่นึงเมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ ของผู้ชายที่ฟังดูไม่คุ้นหู


    “ครับ?”


    [จากบริษัทโฮมแคร์สาขาซัมซองนะครับ เรื่องสมัครงานพอดีว่าตอนนี้ตำแหน่งฝ่ายที่ว่างมีแต่พวกอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ พวกเครื่องมือช่าง ไม่ทราบว่าพอจะถนัดไหมครับ]


    “ครับๆ พอทำได้ครับ” อยู่ๆ น้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดในทีแรกก็เปลี่ยนเป็นกระตือรือร้น แบคฮยอนดีดตัวขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความตื่นเต้น รอยยิ้มเล็กๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้า


    [โอเคครับ งั้นเริ่มฝึกงานวันจันทร์หน้า รายละเอียดอย่างอื่นเดี๋ยวผมส่งเข้าอีเมลไป]


    “ครับ ขอบคุณมากเลยครับ”


    [ครับผม สวัสดีครับ]


    “ครับผม”


    ตู๊ด... ตู๊ด....


    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!


    พอสายโทรศัพท์ถูกวางไปแบคฮยอนก็ร้องกรี๊ดกระโดดเด้งบนเตียงด้วยความดีใจจนอี้ชิงที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจ


    “กู!! ได้!! งาน!! แล้ว!!! กูได้งานแล้ว!!” แบคฮยอนแหกปากลั่น เขาหันไปตะโกนใส่เพื่อนรักเสียงดังจนถูกหมอนฟาดหน้าดังตั้บแต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งความดีใจได้ คนตัวเล็กเต้นยักย้ายส่ายสะโพกไปมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความเพื่อบอกใครบางคนทันที


    “โอ้ย!! เสียงดัง!”


    “มึง!! กูได้งานแล้วนะเว้ย! อิเหี้ย! มึงดีใจกับกูหน่อยดิวะ!” พอส่งข้อความหาชานยอลเสร็จแล้วแบคฮยอนก็หันไปเล่นงานเพื่อนซี้ทันที เขาทิ้งตัวลงนอนทับอี้ชิงอย่างแรงก่อนจะแหกปากร้องเพลงเสียงดังอย่างสำราญใจ


    มึง! ขอกูนอน มึงจะทำไรก็ทำ จะครางก็ครางไปเบาๆ อย่าเสียงดังได้ไหม กูรำคาญ กูจะนอน” จางอี้ชิงนิ่วหน้าว่าด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด ความรำคาญที่สั่งสมมาตั้งแต่เมื่อเช้าระเบิดตู้มกลายเป็นโกโกครันช์ อี้ชิงสาบานได้ว่าตั้งแต่ที่ลุกขึ้นมาฉี่เขาก็ยังไม่เห็นแบคฮยอนหุบปากเงียบเลยสักนาทีเดียว


    กลางคืนก็คุยโทรศัพท์จนดึกดื่น กลางวันก็ตื่นมาครางแต่เช้า แล้วตอนนี้เขาก็กำลังร้องกรี๊ดเพราะได้งาน


    “มึงได้ยินอ่อวะ”


    “ขนกูลุกไปหมดแล้วเนี่ย”


    “พี่อี้~”


    “โอ้ย!! มึง! กูขอร้อง ไปคุยกับผัวมึงนู่นไป!


    พอได้กวนอี้ชิงจนหงุดหงิดสมใจ แบคฮยอนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขากลิ้งกลับไปนอนที่เดิมก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความอีกทีใกล้ๆ



    Cyyyyyxx : ยินดีด้วยคับ

     


    .


    .


    .



    ค่ายูนิฟอร์ม 3 ชุด ใบตรวจสุขภาพ สวมรองเท้าสีดำสุภาพ มีคูปองอาหารกลางวันให้ฟรี


    คืนวันพฤหัสที่แบคฮยอนนอนไม่หลับด้วยความตื่นเต้น เขาทำต๊อกปกกิกินไปจนท้องอืด แล้วก็ตามด้วยน้ำส้มกับขนมอีกหลายถุงก่อนจะมานอนเล่นมือถืออืดๆ อยู่บนเตียง


    วันนี้เป็นคืนวันพฤหัสแล้ว อีก 3 วันแบคฮยอนก็จะต้องไปเริ่มงานแล้วก็จะได้ใช้ชีวิตเป็นเก้งเมืองหลวงอย่างเต็มรูปแบบ เขาจะเหงาเปล่าเปลี่ยว โดนผู้ชายหน้าตาดีเข้ามาหลอก อาจจะถูกปอกลอก ไม่ก็โดนทิ้งเหมือนอย่างที่หลายๆ คนโดน


    นี่เริ่มเข้าสู่สัปดาห์ที่สองแล้วสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองหลวง และแบคฮยอนก็ได้ค้นพบว่าเมืองโซลที่แสนวุ่นวายนั้นแท้จริงแล้วมันแสนเหงา.... เพราะไม่ว่าจะมีผู้คนห้อมล้อมเราอยู่มากเท่าไหร่ โซลก็ยังทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวได้เหมือนยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบที่เสียงดังยิ่งกว่าหวูดรถไฟ

     

     Bhxx0506 : ส่งรูปภาพ

    Bhxx0506 : กินปะ


    Cyyyyyxx : ส่งรูปภาพ

    Cyyyyyxx : น่ากินกว่า


    Bhxx0506 : อันนี้ทำเอง

    Bhxx0506 : .ใส่ลูกชิ้นปลา


    Cyyyyyxx : อ้วน


    Bhxx0506 : อร่อย 5555

    Bhxx0506 : ทำไรอยู่


    Cyyyyyxx : ออกมากินข้าว


    Bhxx0506 : กลับเมื่อไหร่อะ


    Cyyyyyxx : เดี๋ยวก็กลับ


    Bhxx0506 : โทรไปได้ป่ะ


    Cyyyyyxx : เดี๋ยวโทรไป

     

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือนานแค่ไหนแล้วที่การพูดคุยระหว่างผู้ชายสองคนที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วกลายเป็นเรื่องปกติ


    แบคฮยอนคิดว่าตอนนี้ชานยอลเป็นคนเดียวที่เขาสามารถพูดคุยได้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้วส่วนใหญ่ก็ไร้สาระ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ไม่รู้สึกเหงา... แบคฮยอนไม่ชอบที่ต้องรับรู้ว่าตัวเองกำลังต่อสู้อยู่คนเดียวท่ามกลางสนามรบที่เปลี่ยวร้าง ในกระเป๋าของเขาว่างเปล่า ไม่มีอาวุธใดๆ มีเพียงแค่ความกลัวและกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ที่พ่อแม่ใส่มาให้


    แบคฮยอนไม่ชอบที่จะต้องรู้สึกแบบนั้น และเขามีความสุขมากกว่ากับการหากำไรเล็กน้อยให้ตัวเอง

     

    “อีอี้...”


    “หื้อ”


     “กูอยากไปเที่ยวอะ”


    “ก็ไปดิ”


    “ไปไม่เป็น” มุ่ยหน้าพร้อมกับอย่างรู้สึกขัดใจเมื่อเพื่อนรักไม่ยอมเลิกสนใจมือถือแล้วหันมาคุยกัน  แบคฮยอนรู้สึกเหมือนหลังเขากำลังมีรากงอกมายึดติดกับเตียงหลังจากที่แทบจะไม่ได้ขยับไปไหนเลยเป็นอาทิตย์ ห้องสี่เหลี่ยมทำแบคฮยอนอึดอัด แต่ข้างนอกก็ไม่มีทุ่งหญ้าให้เขาชื่นชม


     “อือ...”


    “มึงสนใจกูหน่อยได้ปะ?”


    “มึงต้องการอะไร? กูบอกให้มึงออกไปข้างนอกบ้าง ไปเปิดหูเปิดตาจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” อี้ชิงถอดหูฟังออกแล้วหันไปบ่นเพื่อนตัวเล็กที่เอาแต่ทำหน้างอแล้วก็ดิ้นไปดิ้นมาบนเตียง 2 – 3 วันมานี้อี้ชิงไม่เห็นเพื่อนเขาจะทำอะไรเลยนอกจากบ่นว่าเบื่อๆๆ แล้วก็นอนคุยโทรศัพท์หรือแชทคุยกับนายชานยอลทั้งวันทั้งคืน


    “กูไม่รู้จะไปไหนอะ ออกไปก็เสียตังค์ ไปก็ไม่ถูก”


    “ไม่ให้ผัวมึงพาไปเที่ยวอะ”


    “ผัวไหนวะ?”


    “ผัวโจรมึงอะ อีชานยอลอะ ไม่ชวนมันออกไปเที่ยวอะ”


    “ก็อยากชวนนะ แต่มันคงไม่ไปหรอก ไม่รู้ดิ ไม่อยากเจ๊าะแจ๊ะมากอะ เดี๋ยวโดนหาว่างั้นงี้อีก” พูดไปก็ได้แต่บุ้ยปากอย่างนึกเซ็ง แบคฮยอนเองก็อยากชวนชานยอลไปเที่ยวหรอก เขาอยากชวนชานยอลไปเที่ยวมาก แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะรบกวนเขา หรือถูกคิดว่ากำลังพยายามตีซี้กับลูกเจ้านายอยู่


    บางทีแบคฮยอนเองก็คิดว่าเขาน่าจะไม่รู้ดีกว่าว่าชานยอลเป็นใคร อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเวลาที่จะบ่นเรื่องงาน


       “อือ ก็จริง แต่ก็คุยกันทุกวันปะวะ? มันก็ปกติปะถ้ามึงคุยกับใครสักคนทุกวันแล้วมึงอยากจะชวนเค้าไปเที่ยวอะ?” อี้ชิงเลิกคิ้วสูง เขาหันไปมองเพื่อนตัวเล็กที่ยังเอาแต่นอนทำหน้ามุ่ยก่อนจะพูดต่อ “มึงบริสุทธิ์ใจมึงจะคิดอะไร?”


    “อือ... นั่นดิ หรือจะชวนดีวะ ถ้าชวนจะชวนไปไหนดีอะ มันไม่ดูแปลกใช่ปะ?” แบคฮยอนยังไม่เลิกนิ่วหน้าด้วยความเป็นกังวล เขาหยัดตัวลุกขึ้นนั่งจ้องมองเพื่อนซี้ตาละห้อยอย่างกับลูกหมาที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ


    “มันยังมีแปลกกว่านี้อีกหรอวะ ก็ชวนไปเหอะ ชวนไปไหนก็ได้ เอาไว้ให้มันตกลงว่าจะไปก่อนค่อยคิด”


    “อือ งั้นเดี๋ยวถามมันก่อน” พยักหน้าเอออออย่างว่าง่ายก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดข้อความส่งหาเด็กหนุ่มที่ตัวเองกำลังหลงใหลอยู่ทันที


    หูฟัง small talk สีขาวถูกเสียบเข้ากับโทรศัพท์เครื่องบาง แบคฮยอนทิ้งตัวลงนอนกับเตียงอีกครั้ง ในขณะที่เขากำลังจะเข้าแอพวิดีโอเพื่อไปหาอะไรดูแก้เบื่อ เสียง Calling voice ของคาคาโอะทอล์คก็ดังขึ้นซะก่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร คนตัวเล็กรีบกดรับทันที น้ำเสียงที่เคยฟังดูหงุดหงิดเมื่อครู่กลายเป็นหงุงหงิงขึ้นมาทันควันาราวกับเส้นเสียงพิการฉับพลัน


    “ฮาโหล~”


    [อื้อ ว่าไร ขับรถอยู่ไม่อยากพิมพ์]


    “อ้าว ขับรถอยู่อ่อ ไม่รู้อะ ให้ถึงบ้านก่อนก็ได้นะเดี๋ยวโทรไป”


    [ไม่เป็นไรคุยได้]


    “จริงๆ ไม่มีไรหรอก แค่ถามว่าวันไหนว่างไปเที่ยวกันเปล่า ไม่อยากอยู่ห้องอะ เดี๋ยวทำงานแล้วไม่ได้ไป”


    [วันไหนอะ]


    “วันไหนก็ได้ ได้หมด”


    [งั้นเดี๋ยวบอกอีกที]


    “คร้าบ”


    [แล้วจะไปไหนอะ]


    “ไปไหนก็ได้ แค่อยากออกไปข้างนอกเฉยๆ” ใช้มือปั่นไรผมเล่นไปในขณะที่คุยโทรศัพท์กับจอมโจรที่กลายเป็นเพื่อนซี้คนใหม่ไปด้วย แบคฮยอนอดที่จะเหลือบตาไปมองเพื่อนตัวเล็กที่นั่งทำหน้าเหม็นอยู่ข้างๆ ไม่ได้ แต่เขาก็แค่ยักไหล่แล้วส่งยิ้มเยาะไปให้


    [ไปลอตเต้ปะ]


    “ห้างอะหรอ”


    [ไม่ใช่ สวนสนุก มีบัตรเข้าฟรี]


    “ไป!!” แค่ได้ยินคำว่าฟรีแบคฮยอนก็รีบตอบตกลงทันที เขาเผลอพูดออกมาเสียงดังจนต้องปิดปาก และกว่าจะนึกได้ว่าเสียงเมื่อกี้มันห้าวขนาดไหนก็ไม่ทันซะแล้ว


    [ฮ่ะๆ พรุ่งนี้ว่างหลังเที่ยง]


    “ได้~ ได้หมดอะ พรุ่งนี้ก็ได้ ตกลงว่าพรุ่งนี้นะ”


    [อือ ขับรถแป้บนึง เดี๋ยวโทรกลับ]


    “คร้าบ~” 


    [ครับ]



    พูดครับตอบรับออกไปเสียงใสก่อนจะรีบกดตัดสายไปทันทีเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะกำลังยุ่ง


    แบคฮยอนดีดตัวขึ้นนั่งบนที่นอนพร้อมกับเต้นส่ายเอวไปมาอย่างร่าเริง เขาชูโทรศัพท์ขึ้นแล้วก็เอาแต่พูดว่า พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวแล้ว จนอี้ชิงอดหันมามองด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้


    แหม~ ชวนผัวไปเที่ยวได้นี่อารมณ์ดีเลยนะ จางอี้ชิงว่าพลางกรอกตาทำหน้าเหม็น ท่าทางร่าเริงเกินปกติของแบคฮยอนทำเขาแทบจะกลั้นขำไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมากับความบ้านนอกเข้ากรุงของเพื่อนตัวเล็ก


    เขากำลังจะไปเที่ยวกับกังนัมบอยทั้งๆ ที่ไม่รู้จักลอตเต้ด้วยซ้ำ เดี๋ยวคอยดูเถอะ ถ้าพรุ่งนี้แบคฮยอนถูกแกล้งมาอีกอี้ชิงจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย


    “บ้า~ ผัวที่ไหน มึงอะคิดมาก~”


    “เอ้อ~ มึงจำไว้นะ มึงอย่าให้กูเห็นว่าซมซานคลานมาร้องไห้กับกูเพราะรักมันแล้วกัน”


    “ก็อย่าแช่งเพื่อนได้ปะ” พูดออกไปแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างนึกขำ แบคฮยอนล้มกลิ้งลงบนเตียงอีกครั้ง ใบหน้าของเขาดูสดใสแฮปปี้เหมือนตอนที่ได้เห็นรูปโคยชานยอลครั้งแรกไม่มีผิด


    ไม่รู้ว่าไปเริ่มสนิทกับชานยอลตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็คุยกันทุกวันแล้ว ซึ่งนั่นมันก็ดี ชานยอลทำให้แบคฮยอนไม่เหงา ถึงบางทีเขาจะเอาแต่พูด อือ อืม หรอ แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะทุ้มๆ อย่างที่ชอบทำก็เถอะ


    “มึงคุยอะไรกับมันทุกวันวะ” อี้ชิงเอ่ยถาม เขาหันไปมองเพื่อนรักที่ยังเอาแต่นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้ามือถือ ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าชีแฮปปี้ขนาดไหน


    “ก็คุยไปเรื่อยเปื่อยแหละ ส่วนใหญ่กูหลอกดูจู๋มัน แต่ถึงไม่คุยกับมันกูก็คุยกับคนอื่นอยู่ดี แค่ช่วงนี้ชอบคุยกับมัน” แบคฮยอนไหวไหล่


    “ไม่ได้เกลียดมันแล้วหรอ?”


    “กูไม่เคยเกลียดมันปะ? มันก็ชอบกวนตีนแหละ แต่บางทีก็นะ ไม่รู้ว่ะ บางทีก็ชอบมัน” ว่าไปแล้วก็ย่นคิ้วนิ่วหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจในคำตอบของตัวเองนัก คำว่าชอบของแบคฮยอนไม่ได้หมายถึงชอบแบบหลงรักชานยอลไปแล้ว บางทีเขาก็แค่รู้สึกว่านิสัยนิ่งๆ กวนๆ ของชานยอลมันดูตลกดี


    “มึงมีเฟสบุ้กมันปะ”


    “ไม่อะ”


    “ทวิตเตอร์อะ?”


    “หึ มึง แม้แต่คาทกที่ใช้คอลกับมันมันยังสมัครใหม่เลย”


    “งั้นก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยดิ แบบด้านอื่นๆ ในชีวิตมันอะ” อี้ชิงเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย เขาแปลกใจมากเลยที่แบคฮยอนยังไม่เคยเห็นตัวตนด้านอื่นๆ ของชานยอล นอกจากที่เขาอยากให้รู้


    “ไม่อะ ก็ไม่อยากรู้ด้วยแหละ ขนาดแค่รู้ว่ามันรวยยังเกร็งๆ เลย กูไม่อยากเห็นความแฟนตาซีของมันอะ มันอยากบอกเดี๋ยวมันก็บอกเองแหละ”


    “ไม่ มึง มันแปลกนะเว้ย เหมือนมึงคุยกับใครก็ไม่รู้อะ มึงรู้แค่ว่าเค้าเป็นลูกเจ้านายมึง แล้วมึงก็ไม่รู้อะไรอีกเลยอะ โอเคมันอาจจะไว้ใจได้ว่าไม่ได้มาหลอกเอาเงินมึง แต่มันดูแปลกๆ ปะวะ เหมือนเป็นคนเหงานิรนามอะ”


    “พวกนัดเย็-ก็เป็นคนนิรนามทั้งนั้นอะ” แบคฮยอนหัวเราะขำ เขารู้ว่าอี้ชิงพูดถูกแต่นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ชานยอลต้องการก็ได้


    เขาอาจแค่ต้องการคนคุยแก้เหงาระหว่างนั่งทำเพลงตอนดึกๆ ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรของกันและกันมาก ความสัมพันธ์เหมือน Fuck buddy ที่ต่างฝ่ายต่างอยู่ในพื้นที่ที่แต่ละคนขีดเส้นกำหนดไว้ให้


    “งั้นพวกมึงก็เป็นเหมือนคู่ขาที่คุยเล่นกันเรื่อยเปื่อยอะหรอ? อารมณ์แบบเซ็กเฟรนด์?”


    “ก็อาจจะอย่างงั้น ไม่รู้ดิ”


    “มึง กูว่ามันไม่เหมือนนะ มันเหมือนมึงกำลังจีบกันอะ ที่เค้าเรียกว่าคุยกันทุกวันแต่ไม่ได้เป็นอะไรกันแบบนั้นอะ”


    “อือ ก็ถึงชอบคุยกับมันไง มันไม่ค่อยแย่งกูพูดดี ไม่ใช่พวกแบบเอะอะชวนถอดอะ เวลาคอมฯ มีปัญหาอะไรมันก็สอนกูซ่อม กูว่ามันใจดีนะ แต่มันปากแข็งไปหน่อย ความลับเยอะ ชอบกวนตีนด้วย แต่บางทีก็ชอบให้มันกวนแหละ”


    “ถ้าไม่รู้ว่าเคยมีเรื่องกันมานี่เหมือนมันชอบมึงเลยนะ” อี้ชิงย้ำคำพูดเดิม เขาไม่เคยเจอนายชานยอลแล้วก็ไม่เคยคุยด้วยสักครั้ง เพราะอย่างนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าที่แบคฮยอนเล่ามาเขามโนไปเองหรือชานยอลเป็นอย่างนั้นจริงๆ


    “ไม่รู้ว่ะ ก็อาจจะงั้นแหละมั้ง มันก็ดูเป็นพวกซึนๆ นะ อารมณ์แบบแกล้งเค้าพอเค้างอนก็มาง้อ กลัวเค้าไม่เล่นด้วยไรเงี้ยอะ ละเห็นอย่างงี้มันขี้งอนนะ”


    “มึง มึงเชื่อปะว่าตอนเนี้ยมันไม่เป็นตัวเอง อย่างน้อยก็ไม่เต็มร้อยอะ เหมือนมันกำลังดูเลยว่ามึงเป็นคนที่มันจะสามารถโชว์นิสัยลึกๆ ให้เห็นได้ไหมอะ”


    “เห้ย แต่มันเก่งนะเว้ย ก็ดูลึกลับดีอะ กูชอบ” แบคฮยอนยิ้มกริ่ม เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะชานยอลเป็นคนมีความลับแบบนี้แหละ เขาถึงได้น่าสนใจ


    “กูจะบอกให้นะ อีชานอะ ถ้ามันไม่เห็นมึงเป็นของเล่นแก้เบื่อ มันก็แค่พวกขี้เหงาที่ชอบทำเป็นซึนไปอย่างงั้นแหละ แล้วถ้ามันเป็นอย่างที่กูคิดไว้ เดี๋ยวคอยดูไปเรื่อยๆ เถอะ มึงปวดหัวแน่!


    ขงเบ้งจางอี้ผู้เชี่ยวชาญแห่งวงการกินเด็กยื่นคำทำนายเด็ดขาด เขาชี้มือชี้ไม้ทำท่าจริงจังจนแบคฮยอนถึงกับต้องกรอกตาทำหน้าเหม็นเบื่อ


    สำหรับอี้ชิงแล้วเขาเห็นชานยอลเป็นแค่เด็กมีปัญหาที่ชอบเรียกร้องความสนใจเท่านั้น เดี๋ยวคอยดูตอนเขาเป็นตัวเองเถอะ แบคฮยอนเป็นบ้าแน่ อี้ชิงขอเอายศเป็นเดิมพันเลย!








    แถม







    "เออ... แต่เดี๋ยวนะ... จะว่าไป วันนี้กูรู้สึกเหมือนกูลืมอะไรไปเลยว่ะ กูลืมอะไรวะ" แบคฮยอนนิ่วหน้า เขาลุกขึ้นเอาคลำมือไปตามกางเกงเพื่อดูว่ามีอะไรที่ลืมเอาออกจากกระเป๋าไหม แต่มันก็ว่างเปล่า


    "ลืมอะไรวะ?"


    "ไม่รู้ว่ะ เหมือนเมื่อเช้ากูลืมอะไรไปเลย"


    "หื้อ?"


    "............"


    "............"


    "อ๋อ กูนึกออกและ กูลืมไอ้จงอิน" พูดแล้วก็ขำออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมอะไรไว้ แบคฮยอนลืมไปซะสนิทเลยว่าเขากำลังทำอะไรกับจงอินอยู่เมื่อเช้าก่อนที่บริษัทจะโทรมา


    "ลืมอะไรวะ?"


    "กูลืมขอรูปมัน ฮ่าๆๆๆๆ"

     








    #ฟิคกวาง






    ฮ่าาา ชอบจัง ☺️☺️  เด็กหนุ่มนี่มัน 


    ปล. คิดว่าตอนหน้าจะมาเร็วๆ นี้แหละค่ะ เร็วๆ นี้คือ 2 - 3 วัน อย่างไวคือ 2 วันถ้าคึกโคตรๆ ก็จะมาแบบปุบปั่บหรือมาพร้อมกันสองตอนเลย ที่หายไปคือไปลบๆ แต่งๆ มาค่ะ 555555  แต่ว่าก็มาแล้ว เอ็นจอยรีดดิ้ง!

    ปปล. อย่าลืม #ฟิคกวาง นะคะ :D







    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×