ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #47 : Chapter : 42 Sweet life (end)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25.34K
      372
      16 เม.ย. 64





    ตุ้บ!

     

    กล่องกระดาษใบสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะวางของ กลิ่นสีทาห้องที่ยังหลงเหลืออยู่ทำแบคฮยอนต้องย่นจมูก ห้องคอนโดฉบับปรับปรุงใหม่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมดูเหมือนอพาร์ทเม้นราคาแพงมากกว่าจะเป็นห้องที่ใช้พักนอนเอาแรง ผนังฝั่งติดวิวด้านนอกเป็นกระจกทั้งหมด ห้องนอนที่เคยถูกแยกอยู่กับห้องอื่นๆ ก็ถูกทุบรวมกันเป็นห้องกว้างๆ และทำเป็นอิฐขาวผสมปูนเปลือย

     

    มุมหนึ่งของห้องเป็นสตูดิโอที่ไม่มีการแบ่งห้องกั้นเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ทางฝั่งของห้องเดิมกลายเป็นห้องนั่งเล่นกับครัว และห้องใหม่ที่ถูกทุบมาเชื่อมกันก็กลายเป็นห้องนอนทั้งหมด ตอนนี้คอนโดที่เคยใช้พักพิงชั่วคราวได้กลายเป็นที่อยู่ถาวรของชานยอลไปแล้ว

     

    แบคฮยอนรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในหนังสือบ้านและคอนโดเมื่อมองไปรอบๆ เขาเห็นชั้นติดผนังที่ใช้เก็บหนังสือและฟิกเกอร์ตั้งสูงขึ้นไปจนถึงเพดาน มันใหญ่มากจนรู้สึกเหมือนจะล้มลงมาทับได้ทุกเมื่อ ห้องอีกฝั่งผนังถูกปูด้วยอิฐ ผสมกับผนังกระจกที่อยู่ทางทิศใต้ ทำให้ห้องมีผนังกระจกถึงสองฝั่ง ส่วนทางฝั่งทิศตะวันออกเป็นห้องน้ำและห้องครัวไปเรียบร้อย

     

    พอขยายห้องแล้วทุกอย่างก็ดูโล่งขึ้นเยอะแต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากจนถึงกับใช้งานไม่ทั่วถึง แน่นอนว่ามุมที่แบคฮยอนชอบที่สุดคือเตียง...

     

    “นี่คิดจะช่วยกันจัดของไหมเนี่ย” คนตัวเล็กหันไปมองแฟนหนุ่มของเขาที่กำลังนั่งแปะรูปถ่ายเล็กๆ บนเหนือหัวเตียง ชานยอลทำอย่างกับเป็นเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งมีแฟนครั้งแรก หลังจากจัดฟิกเกอร์ที่ตัวเองขนมาเสร็จเขาก็แทบไม่ย้ายตัวไปไหนเลย

     

    “มีอะไรให้ขนอีกอะ”

     

    “ก็มาช่วยกันจัดหน่อยของอีกสองลังเนี่ย กลับมามันจะได้ไม่รก”

     

    “เดี๋ยวไป” ตอบออกไปแค่นั้นคนตัวสูงก็หันไปสนใจรูปถ่ายของตัวเองต่อ ปล่อยให้คนรักยืนเท้าเอวทำหน้านิ่งอยู่คนเดียว เป็นอันเข้าใจได้ว่าชานยอลจะไปไม่ลุกขึ้นมาหรอกจนกว่าเขาจะทำตรงนั้นเสร็จ

     

     “แล้วไม่เก็บของให้เสร็จสักทีจะไปตอนไหนอะ นี่จะทุ่มแล้วนะ” แบคฮยอนก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้บอกเวลาทุ่มเศษๆ แล้ว วันนี้พวกเขาต้องขับรถกลับบูชอนกัน แต่ดูเหมือนคนขับจะยังไม่กระตือรือร้นเลย ชานยอลเอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์จัดของสะสมของตัวเอง ในขณะที่แบคฮยอนเริ่มทำตั้งแต่กวาดบ้านยันเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้

     

    “เก็บของเสร็จก็ไปแล้วเนี่ย”

     

    “เออ งั้นไปอาบน้ำละ”

     

    “อาบด้วย”

     

    “จะอาบก็มาไวๆ”

     

    ว่าแล้วคนตัวเล็กก็เดินไปคว้าผ้าขนหนูเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ เสียงเพลงสากลจากโน้ตบุ๊กส่งเสียงดังไปทั่วห้อง ไฟสีเหลืองอาบไล้ผนังปูนเปลือย ชานยอลตั้งใจติดรูปถ่ายของเขาลงบนผนังเรียงมันไปตามระยะเวลาการถ่ายภาพ ไฟกระพริบสีขาวอมเหลืองถูกนำมาแขวนประดับไว้ด้านบน ทำให้ดูเหมือนกับแสงไฟต่างๆ ในเมืองหลวงที่ส่องแสงท่ามกลางท้องฟ้าสีดำสนิทยามค่ำคืน

     

    รูปถ่ายใบสุดท้ายถูกแปะลงบนผนังก่อนที่ชายหนุ่มจะทิ้งร่างนอนแผ่ลงบนเตียง ห้องที่กว้างขึ้นทำให้ชานยอลรู้สึกหายใจได้โล่งมากกว่าที่เคย การตกแต่งเป็นไปตามที่คาดหวังทุกกระเบียดนิ้ว

     

    ครั้งนึงชานยอลเคยเกลียดบ้านหลังใหญ่ เกลียดห้องใหญ่ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกที่แสนกว้างใบนี้ พอมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นภาพสะท้อนของวิวเมืองหลวงแสนกว้างใหญ่ ภาพที่ทำให้ชานยอลรู้สึกเหงาอยู่เสมอ เขาแทบไม่เคยเปิดม่านห้องนอนเลยเพราะไม่อยากรู้ว่าตัวเองตัวเล็กแค่ไหนในโลกใบนี้

     

    มันคือความวุ่นวายที่แสนเงียบเหงา...

     

    ถ้ายอมแพ้ไปตั้งแต่ตอนนั้นก็คงไม่ได้มีความสุขเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้...

     

    “มายังอะ เร็วๆดิ”

     

    “ค้าบ”

     

     

     

     

     

     

     

    “โอ้ย สระดีๆ หน่อย มันเข้าตา”

     

    “ก็อยู่เฉยๆ ดิ”

     

    “โอ้ย มึงกูแสบตา”

     

    ในอ่างอาบน้ำแคบๆ เสียงบ่นดังผสมไปกับเสียงน้ำกระฉอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่ขยับไปมาไม่หยุด แบคฮยอนรีบวักน้ำในอ่างขึ้นล้างแชมพูที่เปื้อนหน้าแต่เหมือนมันจะยิ่งแสบเมื่อน้ำในอ่างเต็มไปด้วยฟองจากแชมพูขจัดรังแค

     

    “โอ้ย กูขอน้ำหน่อย แสบตา หยิบฝักบัวให้หน่อย”

     

    “ก็อยู่เฉยๆ ก่อนดิ ขี้โวยวายว่ะ” ชานยอลส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะคว้าฝักบัวส่งให้แฟนตัวเล็กที่กำลังนั่งก้มหน้าหันหลังให้อยู่ทางด้านหน้า เขาใช้มือรูดฟองแชมพูสระผมออกแล้วสลัดมันทิ้งลงอ่างพร้อมกับใช้มือปั้นทรงผมแบคฮยอนให้แหลมขึ้นเหมือนเด็กสมบูรณ์บนขวดซีอิ๊ว

     

    “อย่ากวนตีน มึงแกล้งอะกูรู้”

     

    “แกล้งอะไร จะให้สระไหมเนี่ย ก้มหน้าไป” ชานยอลแย่งฝักบัวมาถือไว้ เขาผลักคนรักให้ก้มลงไปแล้วราดน้ำลงไปบนผมแหลมๆ พร้อมกับใช้มือสางขยี้ไปด้วยเบาๆ เหมือนกำลังอาบน้ำให้หมา

     

    ตอนนี้น้ำในอ่างท้วมไปด้วยฟองสีขาวขุ่น แบคฮยอนวักน้ำใส่หลังเป็ดยางเล่นขณะที่ปล่อยให้แฟนตัวสูงทำความสะอาดขนให้ เสียงน้ำไหลกับแรงนวดเบาๆ บนหนังศีรษะทำแบคฮยอนแทบหลับคาอ่าง เขาอ้าปากหาวออกมาวอดใหญ่ก่อนจะสะบัดผมเปียกๆ ไปมาเหมือนลูกหมา

     

    “ถูหลังให้หน่อย ถูหลังด้วย จะหลับแล้วเนี่ย”

     

    “ได้ทีใช้ใหญ่” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ชานยอลก็ยอมหยิบเอาฟองน้ำสีเหลืองมาขัดถูไปตามแผ่นหลังขาวเนียนตามคำสั่ง

     

    กลิ่นนมจากครีมอาบน้ำส่งกลิ่นหอมฉุย ฟองน้ำสีเหลืองขัดไล่วนตั้งแต่กลางแผ่นหลังลงไปจนถึงใต้น้ำ แขนยาวเกี่ยวรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาใกล้ ชานยอลถูวนฟองน้ำไปจนถึงหน้าท้องด้านหน้าและแผ่นอก เขาก้มลงฝังใบหน้าลงกับซอกคอระหงส์ก่อนไล้ริมฝีปากมาจูบทำรอยลงบนบ่าขาว

     

    “อย่าซน”

     

    “ซนอะไร... ยังไม่เคยทำในห้องน้ำเลย”

     

    ริมฝีปากอิ่มกดจูบลงบนท้ายทอยที่ปรกไปด้วยไรผมเปียกชื้น เขาส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่ไร้มือลงไปยังหว่างขาขาวแล้วบีบมันเบาๆ จนคนตัวเล็กต้องรีบหุบขาจนน้ำกระจาย

     

    “จะกลับไหมบ้านวันนี้อะ”

     

    “ไม่ต้องรีบหรอก รถติด” ปากพูดไปมือก็สาละวนอยู่กับเรือนร่างแฟนตัวเล็กไม่หยุด สัมผัสนุ่มลื่นจากครีมอาบน้ำและการเสียดสีของผิวเนื้อทำชานยอลเริ่มแข็งตัว เขาดึงร่างแฟนตัวเล็กให้ขึ้นมานั่งทับบนตัก กดสะโพกอวบลงเบียดเสียดกับท่อนล่างที่กำลังแข็งขืนโดยที่ฝ่ามือก็ยังไม่หยุดนวดหว่างขา

     

    “เอาจริงอ่อ ห้องยังจัดไม่เสร็จเลยนะ”

     

    “ไม่เห็นเป็นไร”

     

    น้ำจากฝักบัวถูกเปิดราดลงบนกายเพื่อชะล้างครีมอาบน้ำให้ไหลลงไปกองรวมในอ่าง ชานยอลจับร่างแฟนเขาให้หันหน้าเข้ามานั่งค่อมตักแล้วฝังปลายจมูกลงกับซอกคอ กดริมฝีปากร้อนผ่าวประทับลงไปบนไหปลาร้าและลาดไหล่ ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างลูบไล้ไปทั่วผิวเนียนภายใต้ผืนน้ำ บีบขย้ำสะโพกกลมกลึงพร้อมกับกดมันลงให้เบียดทับลงกับความเป็นชายไปด้วย

     

    “กล่องของเล่นเค้ายังไม่ได้เอาขึ้นมาจากรถเลย” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นปล่อยให้แฟนหนุ่มซุกไซ้ซอกคอได้ตามอำเภอใจ เรียวลิ้นร้อนที่แลบเลียลงไปบนผิวเนื้อสร้างความรู้สึกสยิวไปทุกอณูร่าง มันปาดเลียช้าๆ ขึ้นมาจนถึงใบหูอันเป็นจุดอ่อนของความเสียว

     

    คิ้วเรียวขมวดย่นลงเมื่อปลายลิ้นร้อนๆ สอดแทรกชอนไชเข้ามาในโพรงหู มันทำให้แบคฮยอนเสียวได้ทุกครั้งไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหนก็ตาม

     

    “ทำไมอะ อยากเล่นอ่อ”

     

    “เปล่า อื้อ... ก็บอกเฉยๆ เผื่อมันติดรถกลับบ้านไป”

     

    มือบางเริ่มบีบขย้ำลงบนหัวไหล่หนา เมื่อริมฝีปากอิ่มเคลื่อนจูบมาจนถึงซอกคอคนตัวเล็กก็เริ่มแอ่นอกขึ้นรับ ชานยอลลากปลายลิ้นผ่านร่องอกจูบมาจนถึงยอดถันทั้งสองข้าง เขาดูดดุนมันพร้อมกับใช้ปลายลิ้นตวัดผ่านรัวๆ จนได้ยินเสียงดังจ๊วบจ๊าบ

     

     

     

    CUT

     

     

     

    แรงขยับทำให้ผิวน้ำกระเพื่อมไหว เสียงน้ำกระฉอกดังผสมเคล้ากับเสียงครางอื้ออึงดังก้องไปทั่วห้องน้ำ ยิ่งร่างกายเบียดเสียดเข้าหากันความร้อนระอุก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทั้งริมฝีปากและฝ่ามือที่ลากสัมผัสไปทั่วร่าง ในค่ำคืนที่มีเพียงแค่เราสองคน ภายใต้เกราะกำบังที่เป็นทั้งโล่และดาบซึ่งจะใช้ฝ่าฟันปัญหาไปได้จนกว่าจะถึงเวลาของมัน

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

    เวลาสามทุ่มสิบห้า รถยันต์คันสีดำสนิทก็ขับมาจอดอยู่บริเวณลานว่างหน้าบ้านหลังเล็ก ยังไม่ทันที่เครื่องยนต์จะได้ดับเสียงหมาเห่าก็ดังระงม แม่มงรยงเจ้าเดิมวิ่งหางสั่นออกมารับลูกต่างแม่ของมันพร้อมกับกระดูกของเล่นสภาพยับเยิน

     

    “มาแล้ว!” แบคฮยอนก้มลงอ้าแขนรับแม่มงของเขาที่พยายามจะปีนขึ้นมาบนไหล่ก่อนจะอุ้มมันเดินเข้าไปในบ้าน กลิ่นหอมของแกงกิมจิที่ลอยฟุ้งออกมาทำแบคฮยอนท้องร้องโครกคราก

     

    คนตัวเล็กนำเป้ไปโยนไว้บนโซฟาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างเบาะนอนสีฟ้าที่มีลูกแม่มงรยงนอนส้มเรียงกันเป็นตับยกเว้นตัวทางด้านขวาสุดที่เป็นสีดำผสมน้ำตาลมอคค่าหลุดออกมาตัวเดียว

     

    “อ้าว แม่นึกว่าจะมาดึกกว่านี้นะเนี่ย”

     

    “แม่หวัดดีครับ”

     

    “จ้า แล้วไม่เข้ามาหรอ”

     

    “ไม่เป็นไรครับ” ชานยอลรีบโบกมือปฏิเสธพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ออกมา เขาคงได้จามจนตาหลุดถ้าเข้าไปในห้องที่มีหมาอ้วนส้มนอนเรียงกันเป็นตับ ขนมันฟูฟ่องแบบลูกหมาวัยกำลังใกล้โต แค่เห็นก็คนจมูกฟุดฟิดไปหมด

     

    “มึงเข้ามาดิ เข้ามาดู เอามือปิดจมูกมา” แบคฮยอนที่เห็นแฟนหนุ่มยืนทำตัวน่าสงสารอยู่หน้าประตูหันไปเรียกพร้อมกับกวักมือให้เข้ามาดูลูกหมาด้วยกัน

     

    ตอนนี้ลูกแม่มงขาสั้นทั้งหกตัวขนเริ่มพองแล้ว ยกเว้นตัวนึงที่นอนหลับอยู่ทางฝั่งขวาสุด แบคฮยอนปล่อยแม่มงลงจากตักแล้วหยิบเอาไส้กรอกหมาตัวสีมอคค่าผสมดำขึ้นมาดูหน้าชัดๆ ตัวมันเล็กสุดในหมู่เพื่อน รอบดวงตามีแว่นสีดำ หน้าแหลมๆ และจมูกสีชมพูทำให้มันดูเหมือนตัวเมียร์แคทมากกว่าจะเป็นหมาคอร์กี้

     

    “ทำไมตัวนี้มันตัวเล็กจังแม่ คนอื่นเค้าหูตั้งกันหมดแล้ว”

     

    “ตัวนี้มันออกมาทีหลังเขา ต้องเอาไปอุ่นไฟกว่าจะลืมตา”

     

    “แม่เอามันไปอุ่นเลยหรอก” คำว่าอุ่นของผู้เป็นแม่ทำคนตัวเล็กถึงกับหัวเราะออกมา แบคฮยอนกำลังนึกถึงการเอาหมาไปใส่หม้อแล้วตั้งไฟมากกว่าจะเป็นการเอาไฟเปิดให้ความอบอุ่นกับมัน

     

    “แม่มันนอนเลียทั้งคืนเลย พอฟื้นเค้าก็ยกมาให้หมดเลยทั้งคอก นี่ไม่รู้จะเอาไปฝากใครไว้แล้วเนี่ย” หญิงวัยกลางคนบ่น เธอใช้นิ้วเขี่ยจมูกของเจ้าตัวน้อยแล้วมันก็ตอบสนองด้วยการอ้าปากรับแถมยังดีดขาเล็กๆ ไปมาไม่หยุด

     

    “ชานยอล แม่แพ้ขนหมาปะ”

     

    “หึ ไม่แพ้”

     

    “เอาไปให้แม่เลี้ยงสักสองตัวแมะ จะได้ไม่เหงา” แบคฮยอนยื่นหมาส้มบนฝ่ามือเขาไปใกล้หน้าแฟนหนุ่มจนคนตัวสูงต้องรีบถอยหลังผงะเจ้าหมาสีดำตัวเล็กทำให้แบคฮยอนนึกถึงชานยอล ใบหน้าของมันไร้อารมณ์และดูจะซนน้อยกว่าตัวอื่นมากๆ

     

    “เอาไปสิ ตัวนี้ไอ้อี้มันจองไว้ ไอ้ตัวที่มีคิ้ว อีสีดำเนี่ยขี้เซานอนทั้งวัน ไอ้สีส้มเนี่ยเหมือนเราเลย ซนมาก วิ่งทั้งวัน”

     

    “มันหย่านมยัง”

     

    “หย่าแล้ว แม่มันไม่ให้กินตั้งแต่เดือนกว่าๆ มันก็มาดูดนมอีมงรยง”

     

    “ไหนดูดิ นมขึ้นเปล่า” ไม่ว่าเปล่า แบคฮยอนจับอีอ้วนส้มของเขานอนหงายแล้วเอามือบีบนมมันแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากจู๋เล็กๆ สงสัยว่าเด็กๆ พวกนี้จะเกิดไม่ทันตอนแม่มงรยงมีนมเพียงพอสำหรับแบคฮยอน

     

    “ถ้าเอาไปเลี้ยงก็เอาข้าวคลุกตับใส่ผักให้มันกินก็พอ เดี๋ยวรอมันตื่นนะเจี๊ยวจ๊าวเลย”

     

    “โอ้ยแม่ หมาบ้านเค้ากินดีกว่าเราอีก เอาปะ เอาไปสองตัวนี่เลย”

     

    “เดี๋ยวถามแม่ก่อน ไปรอที่ห้องนะ” ชานยอลตอบแค่นั้นก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินออกไปเมื่อเริ่มรู้สึกคันจมูก แม้ว่าเขาจะอยากเล่นกับลูกหมาพวกนั้นแค่ไหนแต่มันคงไม่คุ้มกันกับการต้องนั่งเกาตาไปทั้งคืน

     

    “เดี๋ยวหนูไปหาอีอี้ก่อนนะแม่ แม่จุดเตาให้หน่อยเดี๋ยวหนูมา” แบคฮยอนวางหมาส้มลงกับตะกร้านอนก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปโดยมีหมาอ้วนส้มเดินส่ายตูดตามไปติดๆ

     

    ในวันหยุดยามค่ำคืนแบบนี้มันจะมีอะไรดีไปกว่าหมูกระทะและแกงกิมจิร้อนๆ กลับบ้านทั้งทีมันก็ต้องมีฉลอง แบคฮยอนขึ้นค่อมจักรยาน เอาหมาใส่ตระกร้าหน้าแล้วปั่นออกไปในความมืดทันที ถ้าโชคยังดีร้านอี้ชิงอาจพอมีผักเหลือให้ขนมากิน

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    บนโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านเสียงพูดคุยดังเบาๆ กลิ่นหอมของหมูย่างลอยโชยผสมกับกลิ่นซุปกิมจิ กลิ่นของป่าจากเนินเขาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลยิ่งสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับคืนวันศุกร์ที่แสนสุข

     

    “แล้วผัวมึงไม่มากินด้วยหรอวะ”

     

    “มันหลับแล้วมั้ง เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน งานเยอะชิบหาย” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับคีบหมูชิ้นใหญ่เข้าปาก ที่นั่งข้างๆ กลายเป็นของมงรยงเมื่อชานยอลไม่อยู่ ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว เมื่อคืนชานยอลก็ทำงานจนดึกดื่นแล้วตอนเช้าก็ต้องไปขนของอีก เขาเพิ่งจะได้หลับเมื่อตอนบ่ายเอง

     

    “ตกลงผัวมึงทำอะไรวะหลักๆ อะ”

     

    “ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้ออกจากตำแหน่งคนขับรถละ ส่วนมากมันก็ทำอยู่แผนกไอทีแหละ ซ่อมเน็ต ซ่อมคอม ประชุมบ้าง แต่งานจริงๆ คือตรวจทุจริตนะ แบบแม่งโคตรสุดยอดอะ รู้หมดว่าใครยักยอกเงินในบริษัท ตั้งแต่ระดับพนักงานตัวเล็กๆ ไปถึงผู้จัดการร้านเลย โดนออกไปหลายคนแล้ว”

     

    “อ๋อ แล้วตอนนี้ผัวมึงมีกิ๊กอยู่ไหม”

     

    “ไม่มีแล้ว มั้ง? หรืออาจจะมีแต่กูไม่รู้วะ” คิ้วเรียวขมวดย่นลงเล็กน้อยก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังตามมาเบาๆ แบคฮยอนไม่รู้หรอกว่าชานยอลมีกิ๊กไหม เขาอาจจะซ่อนมันไว้ในมือถือเครื่องที่ร้อยก็ได้ “ไม่รู้ว่ะ แต่กูว่าไม่กล้าหรอก ตั้งแต่อีที่ทะเลาะกันครั้งนั้นอะ ก็ดีขึ้นเยอะนะ แต่มันก็ยังติดโทรศัพท์อยู่ บางทีต้องบอกให้วางอะถึงจะวาง ไม่รู้ในโทรศัพท์แม่งมีอะไรนักหนา”

     

    “ใครจะรู้ วันนึงมึงแก่มันอาจจะเบื่อมึงก็ได้”

     

    “โอ้ย มันเป็นน้องกูแค่ 3 ปีปะ กูสามสิบมันก็ไม่เด็กแล้วมะ แต่ก็อย่างว่าแหละ ผู้ชายยิ่งแก่ยิ่งหล่อ มันตอนสามสิบอาจจะแซ่บแบบพ่อมันก็ได้”

     

    “อิดอก เอาเมียลูก”

     

    “บ้า มึงอะ กูยังไม่เคย”

     

    “กูหมายถึงอีโคลอี้ปะ?”

     

    “นี่ กูเล่าให้ฟัง เมื่อวันก่อนกูเพิ่งทะเลาะกับมันเรื่องซักผ้า กูใช้มันซักผ้าตั้งแต่เช้า มันบอกจะทำให้แล้วมันก็ไม่ทำ กูก็บ่นมัน แล้วมันตีมึนใส่กูแบบทำเป็นเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจ แล้วก็พาลไปเถียงกันเรื่องไรไม่รู้ ละกูก็ว่าประมาณแบบ เอาแต่ใจว่ะ นิสัยอย่างเงี้ยไม่อยากรักเลย อยากไปให้ใครรักก็ไปเลย จะไปรักใครก็เชิญอะไรทำนองเนี้ยแหละ แล้วมันโกรธกูเว้ย มองตาขวางชักสีหน้าใส่กู โกรธกูแบบโกรธมากกกกกกก ไม่คุยกับกูเลยเป็นชั่วโมง ทั้งที่มันอะเป็นคนเริ่มหาเรื่องมาพูดกวนกู”

     

    “แค่เนี้ย?!

     

    “เออ มันไม่ชอบเว้ย ถ้ามึงบอกว่ามึงจะมีกิ๊กจะออกไปหาชู้ไรเงี้ยมันไม่โกรธเลย แต่ถ้ามึงไล่มันให้ไปหาคนอื่นนี่ไม่ได้เลย แล้ววันนั้นมันโกรธกูมาก ไม่คุยกันทั้งวัน แล้วมันโหลดทินเดอร์มาเล่นต่อหน้ากู มึงคิดดู กูนอนอยู่ข้างๆ มันโหลดทินเดอร์มาเล่นแล้วอัพรูปโชว์แท็กโลเคชั่นเสร็จสรรพ กูก็โมโหเลยบอกมันว่า เออ อยากไปเอาใครก็เอาเลย ไม่สนใจแล้ว แล้วมันบอกก็ไล่ให้ไปหาคนอื่นไม่ใช่อ่อ งอนกูเว้ย เล่นใหญ่ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกูหายโกรธและ แต่มันยังเล่นโทรศัพท์อยู่ กูก็ต้องไปง้อมัน มึงดูความขี้ประชดของมัน”

     

    “เป็นผัวกูกูทุบตายอะ อีดอก”

     

    “เอ้อ แต่พอหายโกรธกันมันก็ลบแอพออกเลยนะ แม่มันยังบอกเลยลูกเค้าอะขี้ประชด” แบคฮยอนหัวเราะขำ เขาคีบเอาหมูย่างไปใส่ชามมงรยงก่อนจะคีบอีกคำยัดใส่ปากพร้อมผักกาดเขียว วีรกรรมสุดแสบของชานยอลมีมากกว่านี้อีก ถ้าอี้ชิงได้ฟังเขาคงต้องสมองแตกแน่

     

    “มึงไปหาแม่มันมาแล้วอ่อวะ”

     

    “เออ ไปแล้ว แม่มันก็ดีกับกูนะ แบบดีกว่าแต่ก่อนอะ พอเค้ารู้ว่าลูกชายเค้าจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกก็ซึมเลย น่าสงสารอะ กูว่าจะเอาหมาไปให้เค้าเลี้ยงอยู่ เค้าจะได้ไม่เหงา”

     

    “มึงอยู่ด้วยกันเอากับผัวทุกวันมึงไม่เบื่อมั่งอ่อวะ กูเพิ่งคบกับผัวกูยังไม่ถึงปีกูยังเบื่อเลย”

     

    “ผัวมึงเอาไม่เก่งเองเปล๊า”

     

    “โว้ยยย อิเหี้ย เกลียด” อี้ชิงใช้ตะเกียบสะบัดน้ำซุบใส่เพื่อนรักที่นั่งทำหน้าเหนืออยู่ทางฝั่งตรงข้าม เขาถึงกับต้องเบ้ปากกับความเกทับผัวแบบไร้ชั้นเชิง ถ้าแบคฮยอนจะพูดอย่างงี้ก็เอารองเท้ามาตบหน้ากันเลยเหอะ “เบื่ออีพวกอวดผัว มึงรวยละมึงเอากูเข้าไปทำงานมั่งนะ”

     

    “เดี๋ยวกูจัดตำแหน่งเลขาแม่บ้านให้มึงเลย วันนี้มึงขึ้นไปดูดาวตกกับกูปะ กูว่าจะขึ้นไปข้างบน”

     

    “มันยังขึ้นไปได้อยู่หรอวะ กูนึกว่าทางมันปิดไปหมดแล้ว”

     

    “ขึ้นได้ดิ กูเพิ่งขับผ่านมา”

     

    “มึงไปเหอะ เดี๋ยวผัวกูโทรตาม รำคาญ ไม่อยากเป็นกขค.”

     

    เสียงพูดคุยดังเบาๆ ท่ามกลางความเงียบของบรรยากาศชนบท การได้กลับบ้านมานั่งกินหมูกระทะและพูดคุยกับเพื่อนสนิทอัพเดทชีวิตกันก็ถือเป็นวันพักผ่อนที่ดีของแบคฮยอนแล้ว คนตัวเล็กหยิบเอาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก่อนจะหันไปสนใจเตาย่างต่อ

     

    ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ยุงข้างนอกเริ่มเยอะแถมยังหนาวจนแทบนั่งกันไม่ติดกันเก้าอี้ วันนี้แบคฮยอนมีนัดขึ้นไปดูดาวกับแฟนเขาตอนเที่ยงคืนแต่ไม่รู้ว่าจะได้เห็นดาวตกหรือเปล่า ถ้าโชคดีแบคฮยอนอาจได้ขอพรจากดาวตกหลังจากที่ไม่ได้ดูมานาน...

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

    00:07

     

     

     

    บนยอดเนินเขาสูงที่อากาศหนาวเหน็บ แสงจากดอกไม้ไฟส่องประกายให้พอมองเห็นได้ในความมืด แบคฮยอนนั่งแกว่งขาไปมาอยู่หน้ากระโปรงรถคันใหญ่ ท้องฟ้าที่ไร้แสงสังเคราะห์ของชนบททำให้แสงดาวส่องสว่างชัดยิ่งกว่าในเมืองหลวง ในค่ำคืนที่อากาศหนาวจนต้องพึ่งผ้าห่ม กระป๋องโซจูที่ถูกดื่มจนหมดถูกใช้เป็นที่ตั้งเทียน

     

    ชานยอลเอนหลังพิงลงกับกระจกหน้ารถ เขายกกล้องขึ้นมากดถ่ายภาพแฟนตัวเล็กเอาไว้ แสงแฟลชสาดไปทั่วบริเวณ พอดอกไม้ไฟดับลงความมืดก็กลับสู่บรรยากาศอีกครั้ง มีเพียงแค่แสงเทียนส่องสลัวๆ ให้พอมองเห็นเป็นวงแคบ

     

    “ยุงกัดปะ”

     

    “หึ”

     

    “มองเห็นอ่อวะ” แบคฮยอนเขยิบตัวขึ้นไปนอนข้างแฟนหนุ่ม เขาเอนหลังพิงลงกับกระจกรถ ขณะที่ดวงตาจับจ้องไปยังแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า ฝนดาวตกเล็กๆ พุ่งตัวข้ามจากอีกฝั่งมายังอีกฝั่ง แบคฮยอนเคยสงสัยเสมอว่านอกโลกมีอะไรบ้าง มันกว้างใหญ่แค่ไหน

     

    เจ้าดาวดวงจิ๋วที่กำลังวิ่งอยู่นั้นอาจมีขนาดใหญ่กว่ารถบรรทุก ทุกครั้งที่ดูสารคดีเกี่ยวกับเอกภพแบคฮยอนมักจะคิดว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ฝุ่นไรเล็กๆ ในจักรวาลใบนี้ แล้วก็สงสัยว่าธรรมชาติและความรู้สึกนึกคิดของคนเราสิ่งใดยิ่งใหญ่กว่ากัน โลกใบนี้สร้างมนุษย์ให้มีความคิดความและรู้สึก สร้างคนเราขึ้นมาเพื่อให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเกิดมาเพื่ออะไร และจะใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร

     

    แบคฮยอนให้คำตอบกับตัวเองง่ายๆ ว่าคนเราเกิดมาเพื่อรู้สึกและจากไป แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกที่จะรู้สึกแบบไหนกับการมีชีวิตอยู่นี้ ถ้าไม่รู้สึกรักใครสักคนก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร เพราะว่าการมีชีวิตอยู่บางทีมันก็เหนื่อย ถ้าไม่ได้มีกำลังใจมากพอก็อาจจะยอมแพ้ให้ต่อความโหดร้ายของโลกใบนี้ไปได้ง่ายๆ ต่อให้ไม่ต้องเป็นแฟนแบคฮยอนก็คิดว่าชีวิตคนเราถูกขับเคลื่อนด้วยความรักในบางสิ่งบางอย่างเสมอ

     

    อธิษฐานยัง

     

    “อือ อธิษฐานแล้ว”

     

    “ว่า”

     

    “ไม่บอก”

     

    มีเพียงแค่เสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ มือหนาเลื่อนเข้าไปจับกุมฝ่ามือบางใต้ผ้าห่มผืนหนา ชานยอลคิดว่าแบคฮยอนรู้อยู่แล้วว่าเขาจะอธิษฐานว่าอะไร มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่ชานยอลต้องการในตอนนี้ มันไม่ใช่ท้องฟ้าหรือดวงดาว เป็นบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในมือเขา ฝ่ามือที่ชานยอลกำลังกอบกุมอยู่ตอนนี้

     

    รู้สึกเหมือนมันผ่านไปนานเหลือเกินกับช่วงเวลาที่แสนบ้าบอ ตอนนี้แม้แต่ในยามที่มืดมิดที่สุดก็ยังมีแสงดาวส่องให้พอมองเห็นหนทาง แสงสว่างเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับคนตัวเล็กๆ ที่นำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาส่งมอบให้กับหัวใจที่แห้งเฉา

     

    “ร้องเพลงให้ฟังหน่อยดิ”

     

    “เพลงไร”

     

    “เพลงไรก็ได้ อยากฟัง”

     

    “..............”

     

    ความเงียบแผ่กระจายไปรอบบริเวณจนได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้อง ดวงตากลมโตมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีดาวดวงเล็กส่องแสงอยู่ ชานยอลนึกถึงเพลงอื่นไม่ออกนอกจากเพลงนี้

     

    When tomorrow comes

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ชานยอลรู้สึกเหมือนกำลังมองเห็นแบคฮยอนในความมืด เขาพึมพำมันออกมาเหมือนกับกำลังพูดมากกว่าที่จะร้องเพลง

     

    I got all I need when I got you and I, I look around me, and see sweet life

     

     “Im stuck in the dark but youre my flashlightYoure gettinme, gettinme through the night"


    "Cant stop my heart when you shininin my eyes Cant lie, its a sweet life...”

     

    “นี่มึงร้องหรือมึงสวดเนี่ย” แบคฮยอนหันไปทำหน้ามุ่ยใส่แฟนหนุ่มที่เอาแต่ส่งเสียงร้องงึมงำออกมาเหมือนคนเมา ฝ่ามือของชานยอลร้อนกว่าปกติอาจจะเพราะแอลกอฮอล์ที่ถูกเติมเข้าไปในกระแสเลือด คืนนี้แฟนเขากินเหล้าไปสามกระป๋องแล้ว เสียงชานยอลแตกพร่า แถมใบหน้ายังขึ้นริ้วแดงด้วย

     

    “ก็ร้องอยู่นี่ไง”

     

    “ไม่เห็นเพราะเลย”

     

    คนตัวสูงเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่ดวงตากลมโตหลับลงช้าๆ ท่ามกลางความมืดมิด ชานยอลพยายามจะดึงจิตใจให้จดจ่ออยู่กับอารมณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสอบอุ่นที่ฝ่ามือ เสียงเต้นของหัวใจ กลิ่นของใบหญ้า หรือความรู้สึกอิ่มเอม ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความรัก

     

    ชานยอลอยากจำความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด หากว่าวันไหนที่เขาหลงลืมไปจะได้หวนกลับมานึกว่าวันนึงเคยมีความสุขมากแค่ไหนกับการได้มีแบคฮยอนอยู่เคียงข้าง ชานยอลเริ่มคิดหลายอย่างที่ไม่เคยคิด จากที่เคยคิดว่าตัวเองเข้าใจทุกอย่าง ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าที่ผ่านมาไม่เคยเข้าใจอะไรเลย

     

    วันนึงชานยอลอาจชินชากับความรักที่มีอยู่ มันอาจทำให้เขาเผลอเรอจนทำอะไรพลาดไปอีก มันเป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ชานยอลบอกได้อย่างนึงว่าตอนนี้เขารักแบคฮยอนมากที่สุด และยังไม่รู้สึกว่าน้อยลงเลย

     

    “มึงคิดว่าวันนึงถ้าต้องเลิกกัน เราจะเลิกกันด้วยเหตุผลอะไรวะ” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ดวงตาเรียวรีจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แบคฮยอนไม่ได้คาดหวังจะได้ยินคำตอบแบบไหน เขาแค่อยากรู้ว่าชานยอลคิดยังไงกับอนาคตข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

     

    “ไม่รู้ดิ ไม่อยากคิดหรอก”

     

    “...........”

     

    “ไม่อยากคิดอย่างอื่นนอกจากที่รู้สึกอยู่ตอนนี้”

     

    “...........”


    “แต่ถ้าวันนึงผมหลงทางไปเตือนให้ผมกลับมาตรงนี้ด้วยนะ”

     

    “..........”

     

    “เพราะวันนี้ผมรักพี่ที่สุดแล้ว”

     

    เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความจริงใจและความรู้สึกที่แสนเรียบง่าย ดวงตากลมโตมองจ้องขึ้นไปบนท้องฟ้าที่อยู่ไกลแสนไกล ชานยอลไม่อยากลืมความรู้สึกนี้ ในอนาคตข้างหน้าเขาอาจจะรักแบคฮยอนมากขึ้นกว่านี้หรือน้อยลงมันก็เป็นเรื่องของวันข้างหน้า แต่วันนี้ชานยอลรักแบคฮยอนที่สุดแล้ว

     

    หากมีวันใดที่ใจเผลอเรอชานยอลก็อยากให้ความทรงจำช่วยดึงเขากลับมาที่เดิม ดึงชานยอลกลับมาเป็นคนเดิมในวันที่มีความสุขมากที่สุด วันที่รู้สึกรักแบคฮยอนมากที่สุด และต้องการมากที่สุด

     

    ชานยอลอาจเป็นคนที่ดีกว่านี้ไม่ได้ แต่เขาจะรักแบคฮยอนและมีความสุขแบบนี้ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน

     

    “ผมรักพี่นะ...”

     

    เสียงลมหายใจผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ คนตัวเล็กเอนศีรษะลงพิงไหล่แฟนหนุ่มที่ไม่ดีที่สุด มือทั้งสองข้างบีบกระชับกันแน่น ภายใต้ท้องฟ้าบนหน้ากระโปรงรถและฝนดาวตกกับความรักที่แสนสุขใจ แบคฮยอนอยากอธิษฐานให้ความสุขนี้อยู่กับพวกเขาตลอดไปอย่างไม่มีวันจืดจาง

     

    “รักเหมือนกันนะ รักมากกว่าด้วย...”

     

     

     

     

     

    I got all I need when I got you 

    I look around me, and see sweet life 

    Im stuck in the dark but youre my flashlight 

    Youre gettinme, gettinme through the night 

    Cant stop my heart when you shininin my eyes 

    Cant lie, its a sweet life

     

     

     

    ผมมีทุกอย่างที่ผมต้องการเมื่อมีคุณ

    ผมติดอยู่ในความมืดแต่คุณก็ยังเป็นแสงสว่างของผม ฉุดผมขึ้นมาจากค่ำคืนที่เปลี่ยวเหงา

    ผมหยุดหัวใจไม่ได้เลยเมื่อเห็นคุณส่องประกายอยู่ในดวงตา 

    ไม่สามารถโกหกเลยได้ว่ามันคือชีวิตที่หอมหวาน...

     เพราะคุณคือแสงสว่างของผม ดึงผมขึ้นมาจากค่ำคืนที่มืดมน...


     




    #ฟิคกวาง







    (จบ)






    จบสักทีน้อ แต่ยังเหลือตอนพิเศษอยู่นะ เจอกันที่ตอนพิเศษตอนหน้าค่ะ :D Cut เรายังไม่ลงวันนี้นะคะ  ยังไม่ต้องตามหาวันนี้เน้อ 
    ตอนแรกตั้งใจว่าจะทอล์คยาวๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าไม่ดีกว่า แล้วก็ขอพูดเหมือนเดิมว่าถ้าฟิคชั่นเรื่องนี้ทำให้รู้สึกสนุกได้เพียงเล็กน้อยก็ดีใจค่ะ สำหรับเราเรามีความสุขกับทุกตอนที่ได้แต่งแล้ว แล้วก็สนุกมาก อย่างน้อยก็เยียวยาหัวใจในวันที่รู้สึกย่ำแย่ได้ :D ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ ไม่รู้ว่าได้อะไรบ้างหรือไม่ได้อะไรเลย ฮ่าาาา 
     
    ถ้าใครสนใจอยากเก็บเล่มไว้หรือยากอุดหนุนก็เชิญได้เลยนะคะ เจอกันในตอนพิเศษหน้าไวๆ นี้ ฮ่าาา ขอบคุณที่เอ็นดูพิกวางและผ.เด็กมาตั้ง 40 กว่าตอน ถึงจะตบตีกันไปหลายยกมากๆ  ขอให้เอ็นจอยรีดดิ้งแล้วก็ขอบคุณที่อ่านเหมือนเดิมค่า :D โจ๊ะๆ

    ปล. และอย่าลืม #ฟิคกวาง ด้วยนะ :D



    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×