คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 : แม่มึง
Bhxx0506
: ตลกมากปะ
Bhxx0506
: เป็นโรคจิตหรอ
Bhxx0506
: ไปหาหมอไหม
Cyyyyyxx : เป็นไรคับ
Bhxx0506
: เป็นไรป้ามึงดิ
Bhxx0506
: ส่งลูกอมมาไม
Bhxx0506
: แม่มึงตายหรอ
Cyyyyyxx : ยังไม่ตายคับ
Bhxx0506
: กวนตีนหรอ
Bhxx0506
: ตกลงจะคืนปะ
Bhxx0506
: พรุ่งนี้จะไปโซล
Bhxx0506
: บอกราคามา จะได้จบๆ
ด้วยความโมโหแบคฮยอนแทบจะโทรไปด่ากราดใส่ไอ้เด็กมิจฉาชีพ ถ้าไม่ติดว่ามันไม่ยอมรับสาย
และสุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ส่งข้อความไปขู่ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ช่วยอะไรมาก ความไม่เอื้ออำนวยของสถานการณ์ทำให้แบคฮยอนไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงมากนัก
เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมเป็นเหยื่อให้ไอ้บ้านี่กวนอีกต่อไป
“มึงมีตังค์จ่ายอ่อวะ” อี้ชิงที่เห็นเพื่อนรักพิมพ์ข้อความโชว์ป๋าไปเอ่ยถามขึ้น
ก็ไม่ได้อยากจะบอกว่าแบคฮยอนจนหรอก
แต่พรุ่งนี้เขาต้องเอาเงินไปจ่ายค่าห้องเดือนแรกไม่ใช่หรอ
“ไม่มีก็นัดมาแล้วเอาไม้ทุบแม่งให้สลบ ค่อยเอาโทรศัพท์คืน” คนตัวเล็กว่า
“มึงจะบ้าหรอ ทำเป็นการ์ตูน”
“ก็มันไม่มีทางไหนแล้วอะ! เงินกูก็ต้องใช้ปะวะ”
คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันแน่น ริมฝีปากบางงอง้ำจนแทบจะทิ่มขึ้นไปถึงจมูก
แบคฮยอนไม่ได้อยากจะรบเร้าเซ้าซี้ให้เรื่องมันยืดยาวหรอก แต่ว่านั่นมันโทรศัพท์ของเขาไม่ใช่หรอ
ทำไมคนที่ตกเป็นเหยื่อต้องยอมจำนนให้กับมิจฉาชีพด้วยล่ะ
“ก็มีอีกทางคือมึงทำใจแล้วก็ปล่อยมันไปเหอะ ดูแล้วมันไม่คืนมึงง่ายๆ
หรอก” อี้ชิงงว่าแล้วก็ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“กูเสียดายรูปอีจีจี้อะ กูไม่ได้สำรองเอาไว้ด้วย รูปกูอีก”
“รูปมึงมึงถ่ายใหม่เอาก็ได้ปะ?”
“ไม่ใช่ หลังเคสกูเก็บรูปตอนเด็กไว้อะ มันหาไม่ได้แล้ว แม่ง
อุตส่าห์เอามาพกไว้เป็นเครื่องราง ยังไม่ทันไรซวยเลย” ได้แต่บ่นออกมาอย่างนึกเซ็ง
แบคฮยอนเองก็กำลังคิดว่าถ้ารู้แบบนี้เขาเก็บรูปนั้นไว้ที่บ้านดีกว่า
“เฮ้อ... งั้นก็คงต้องพึ่งโชคจากรูปอมนิ้วตีนของมึงแล้วแหละ”
“รูปกูน่ารักนะเว้ย?”
“เออ มึงก็ลองสวดมนต์ดู เผื่อมันอยากกลับมาหาเจ้าของ
มึงจะได้ได้มือถือคืนไวๆ”
.
.
.
ในวันนัดพุธที่แสนเศร้า
แบคฮยอนออกจากบ้านมาพร้อมกับเพื่อนรักด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยสดใสนัก เมื่อวานเขามัวแต่เสียเวลากับการชกหมอนไปประมาณร้อยครั้ง
ไปนั่งกรี๊ดในตู้เสื้อผ้าอีกร้อยครั้ง หลังจากที่โดนไอ้หนุ่มหล่อเมืองหลวงหลอกซ้ำๆ
ซากๆ
นี่เป็นเช้าวันใหม่ที่แบคฮยอนยังถอดใจกับโทรศัพท์เครื่องเดิมไม่ลง เมื่อคืนเขานอนไม่หลับทั้งคืน
ทั้งตื่นเต้นที่จะได้งาน ทั้งโมโหที่ไม่ได้โทรศัพท์คืน มันปนๆ นัวๆ
กันจนทำให้นอนไม่หลับ สุดท้ายก็ต้องออกจากบ้านมาตั้งแต่รถไฟเที่ยวแรก
แล้วก็นั่งหลับกับอี้ชิงมาจนถึงโซล...
เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนอันตราย...
“เฮ้อ... มึงทำใจให้โล่งๆ เหอะอิแบ้ก ไหนๆ ก็จะย้ายมาอยู่โซลแล้ว ลืมๆ
แม่งไปเหอะ จะได้เริ่มต้นใหม่ด้วยความสดใส มึงเอาเวลามาส่องผู้ดีกว่า เค้าว่าเด็กโรงเรียนร้องเพลงเด็ดนะ
มึงน่าจะได้เห็นตอนเย็นบ่อยๆ”
อี้ชิงว่าในขณะที่ก้าวเท้าเดินไปตามฟุตบาทเพื่อมุ่งหน้าไปยังบริษัทโฮมแคร์
ตอนนี้นาฬิกาข้อมือของเขาบอกเวลาเก้าโมงเกือบครึ่งแล้ว
แบคฮยอนจะต้องไปถึงสำนักงานตอน 10 โมงตรง เขาควรจะเริ่มกระตือรือร้นได้แล้ว
“ก็กำลังทำอยู่นะ แต่นึกแล้วมันก็อารมณ์เสียอะ จะมาแกล้งกูทำไมวะ
อยากจะขายก็ขายไปเลยตั้งแต่แรก จะได้จบๆ” สุดท้ายก็ได้แต่บ่นงึมงำออกมาอย่างนึกเซ็ง
ตึกสูงในเมืองหลวงทำให้รับตัวเล็กอย่างแบคฮยอนดูตัวเล็กมากขึ้นไปอีก
ไม่รวมเสื้อเชิ้ตของพ่อที่ยืมมาเพราะว่าเสื้อที่ซักตากเอาไว้ไม่แห้งด้วย
“กูว่ามันคงตั้งใจแกล้งมึงนั่นแหละ ก็อย่างที่บอก อาจจะแบบพอเห็นว่าโทรศัพท์มันขายไม่ได้ราคาก็เลยเอามาแกล้งมึงดีกว่าไรเงี้ย”
อี้ชิงว่า
“แล้วแม่งก็เล่นโทรศัพท์กูซะเหมือนของตัวเองเลย เมื่อคืนนี่มีการเอาเฟสกูส่งสติ๊กเกอร์ทักแชทไปหาผัวเก่ากูด้วย
กูก็เลยต้องบล็อคแม่งไปเลย” คนตัวเล็กเล่าอย่างนึกเซ็ง
“ขนาดนั้นเลยอ่อ?”
“ก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจหรอกมั้ง แบบเข้าไปส่องแล้วเผลอกดโดนไรเงี้ย
แต่มันเคยเอาทวิตกูไปรีทวิตคนอื่นด้วยนะ เกี่ยวกับเพลงใหม่วงไรสักอย่างนี่แหละ
เหมือนมันลืมอะว่าไม่ได้เล่นโทรศัพท์ตัวเองอยู่”
“จริงปะ?” จางอี้ชิงเบิกตากว้างด้วยประหลาดใจ เท้าเขาถึงกับชะงักเมื่อได้ฟังข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยรู้
“เออ พอมันรู้ตัวมันก็อันรีทวิตไป”
“ทำไมมึงไม่บอกกูวะ!”
“ก็เห็นว่ามันไม่สำคัญอะ” แบคฮยอนย่นคิ้วทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ
แต่ก่อนที่อี้ชิงจะได้พูดอะไรเขาก็ดึงเพื่อนตัวเล็กให้เดินเข้าไปในบริษัทที่มีการเพ้นต์สีหน้าต่างเป็นตัวอักษรใหญ่ยักษณ์ว่า
Home care “เลี้ยวๆๆๆ
ตึกนี้แหละ”
“ถ้างั้นแสดงว่ามันต้องมีทวิตส่วนตัวแน่เลย”
“ก็ต้องมีอยู่แล้วแหละ แต่ใครจะไปหาวะ
ชื่อชานยอลชื่อจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ กูพิมพ์หาชานยอลในกูเกิ้ลแม่งเจอเป็นร้อยเลย”
“แต่ก็ไม่ใช่ชานยอลทุกคนที่หล่อปะวะ?”
“ก็นั่นดิ แต่จะไปหาชานยอลหล่อๆ ได้จากที่ไหนอะ” แบคฮยอนยักไหล่
เขาหยิบบัตรประชาชนจากในกระเป๋าเสื้อออกมาแลกกับยาม ก่อนจะคล้องแขนเพื่อนรักแล้วพากันเดินเข้าไปในตึกบริษัทที่มีการออกแบบและประดับสวยงามสมกับเป็นบริษัทฮาร์ดแวร์ตกแต่งบ้าน
มันดูไม่เหมือนกับตึกบริษัททั่วๆ ไปเลย แค่ชั้นล่างก็กว้างไปไกลสุดลูกหูลูกตา
มีโซนที่นั่งต่างกันไปแต่ละแบบตามสไตล์บ้าน แม้แต่ร้านกาแฟ Starbuck หรือธนาคารก็ยังตกแต่งได้อบอุ่นเหมือนมานั่งทำธุระที่บ้านเพื่อน
แบคฮยอนคิดว่าเขากำลังตกหลุมรักบริษัทใหม่...
“เหี้ย... โคตรสวยเลยว่ะ... ”
“มาก...”
“ถ้าให้เป็นแม่บ้านกูก็ถูได้ทั้งวันอะอย่างเงี้ย มึงว่ากูจะได้ทำที่นี่ไหมวะ...”
คนตัวเล็กว่าในขณะที่กวาดสายตาสาดส่องไปทั่วบริษัท
“ก็ต้องลองดู เดี๋ยวกูไปนั่งรอตรงนั้นนะ มึงเสร็จแล้วก็โทรหากู
มีไรก็ไลน์มา” อี้ชิงว่าพร้อมกับชี้นิ้วไปยังร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ติดประตูทางเข้า
พอเห็นเพื่อนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักเขาก็เดินห่างออกไปทันที โดยที่ไม่ลืมหันมายิ้มเยาะข่มขวัญให้ด้วยหนึ่งที
หลังจากที่เพื่อนซี้เดินจากไปแล้ว ก็เหลือแบคฮยอนคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับบุคลากรในองค์กรใหญ่ยักษ์ตามลำพัง
มือบางบีบกระชับสายสะพายเป้ไว้แน่น แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
แล้วก้าวเท้าเดินอย่างมุ่งมั่นเข้าไปในลิฟท์ทันที
ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งนาทีเศษ ว่าที่พนักงานใหม่ก็ขึ้นมาถึงชั้น 29
ที่เป็นสถานที่นัดหมาย ในขณะที่กำลังเดินไปตามทางเดินที่เงียบสงัด
แบคฮยอนก็ได้แต่ถามตัวเองว่าห้องฝ่ายบุคคลมันอยู่สูงขนาดนี้เลยหรอ ไม่ใช่ว่าเขาเดินมาผิดชั้นหรอ?
ยิ่งเดินไปยิ่งไม่เห็นใครใจยิ่งหวั่น แบคฮยอนเดินมาจนถึงสุดทางเดินแล้วแต่เขาก็ยังไม่เจอห้องที่เขียนว่าฝ่ายบุคคลเลย
มันมีแต่ห้องประชุม ห้องประธานกรรมการ ห้องผู้บริหาร แบคฮยอนไม่คิดว่าห้องฝ่ายบุคคลจะมาอยู่ที่นี่
“มาหาใครคะ”
ในขณะที่กำลังยืนงกๆ เงิ่นๆ อยู่หน้าห้องประตูสีขาว
เสียงเรียกของผู้หญิงจากด้านหลังก็ช่วยชีวิตแบคฮยอนเอาไว้
คนตัวเล็กรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาพนักงานหญิงในชุดสูทท่าทางใจดีทันที
“เอ่อ มาหาฝ่ายบุคคลครับ คุณนายอน ไม่ทราบว่าอยู่ชั้นนี้หรือเปล่า”
เอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆ
ความหรูหราจากชุดสูทของพนักงานตรงหน้าทำแบคฮยอนประหม่าไปหมด
“อ๋อ~ ใช่ค่ะ เชิญเข้ามาเลย ห้องนี้แหละ” หญิงสาวผมยาวว่าพร้อมกับใช้กระดาษในมือกวักเรียกชายหลงทางให้เข้ามาในห้อง
พอรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้มาผิดชั้นแบคฮยอนก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เข้าก้มหัวโค้งให้กับเธอคนนั้นก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องทันที
“พอดีห้องเก่าเค้าซ่อมอยู่ เพิ่งย้ายมาเลยยังไม่ได้ติดป้ายเลย
คุณแบคฮยอนใช่ไหม” ฝ่ายบุคคลนายอนผายมือไปยีงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเองบ้าง
“เอาเอกสารมาไหมคะ”
“นี่ครับ” แบคฮยอนร้อนรนรีบเปิดกระเป๋าสะพายออก แล้วหยิบเอาเอกสารหนึ่งชุดมาวางไว้ตรงหน้า
มือบางบีบกำเป็นระยะด้วยความรู้สึกประหม่า อยู่ๆ
แบคฮยอนก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงวิ้งในหู
เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว
“ที่มาสัมภาษณ์เมื่อวันก่อน อือ... พักอยู่ชานเมืองใช่ไหม”
“ครับ”
“ถ้าให้ไปประจำฝ่ายขายที่ coex สะดวกไหม มันอยู่ใกล้ๆ กัน
ไม่ห่างกันมาก”
“สะดวกครับ” ไม่ว่าในความเป็นจริงจะสะดวกหรือไม่ แบคฮยอนก็จะตอบไปว่าสะดวก
เขาเห็นคุณฝ่ายบุคคลพยักหน้าหงึกหงึกก่อนที่จะปิดแฟ้มลง
“โอเค เป็นพนักงานขายโอเคนะ”
“โอเคครับ”
“ทดลองงาน 3 เดือน ถ้าผ่านโปรบริษัทจ้างต่อแล้วก็จะได้ขึ้นเงินเดือนกับสวัสดิการ
ตอนนี้เป็นพนักงานขายที่ซัมซองไปก่อน เพราะว่าที่สำนักงานใหญ่มันยังไม่มีตำแหน่งว่าง
ชั้นที่จะเปิดขายสินค้ายังไม่เสร็จ อาจจะเสร็จปีหน้า ถ้าถึงตอนนั้นก็อาจจะมีโอกาสได้มาทำงานที่นี่ก็ต้องขยันๆ
ทำคะแนนเข้าไว้นะ” เธออธิบายพร้อมกับพยักหน้าให้กับว่าที่พนักงานขายคนใหม่ไปด้วย
“ครับ”
“วันนี้พอดีเลย พี่จะเข้าไปที่สาขานู้นด้วย เดี๋ยวจะพาไปดูที่ทำงาน
อาจจะอีกสักพัก ไม่รีบกลับใช่ไหม?”
“ไม่ครับ ไม่รีบครับ”
“งั้นไปหาอะไรกินรอก่อนนะ เดี๋ยวสักเที่ยงๆ เที่ยงครึ่งเดี๋ยวโทรตาม”
“ครับผม”
ก๊อกๆๆ
“เชิญค่ะ”
เสียงเปิดประตูกับเสียงรองเท้าส้นสูงของผู้หญิงที่ดังมาจากด้านหลังบอกแบคฮยอนให้รู้ว่ามีแขกเพิ่มมาอีกหนึ่ง
เขาไม่กล้าหันไปมองเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นคนสอดรู้สอดเห็น แต่อีกใจหนึ่งก็ลังเลว่าควรจะหันไปทำความเคารพดีไหม
“มีแขกอยู่ด้วยหรอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ กำลังจะเสร็จแล้ว ประธานมีอะไรไหมคะ”
คำว่าประธานทำแบคฮยอนหูผึ่ง เขารีบลุกขึ้นเหมือนก้นติดสปริง ก่อนจะหันไปโค้งให้กับหญิงวัยกลางคนในชุดสีขาวมุกทันที
ทว่าในจังหวะที่กำลังจะเงยหน้าขึ้น อยู่ๆ สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มคุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่ง
กำลังยืนกดโทรศัพท์อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าประธาน
เพียงแค่เสียววินาทีที่ได้สบตา แบคฮยอนก็จำได้ทันทีว่าผู้ชายตรงหน้าเขาคือใคร...
ทั้งกลิ่นน้ำหอมที่ใช้ รวมถึงเสื้อฮู้ดตัวเดิม
หรือแม้แต่โทรศัพท์เครื่องเดิมของแบคฮยอนที่อยู่ในมือนั่นก็ใช่...
นี่มันนายซีวาย 9 นิ้ว ไม่ผิดคนแน่…
นี่แหละไอ้หัวขโมย!
“ชานยอล...”
“ครับ”
เสียงเรียกชื่อจากท่านประธานยิ่งทำให้แบคฮยอนมั่นใจว่าเขาจำคนไม่ผิดแน่
ดวงตาเรียวรีจดจ้องไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา ชานยอลเองก็เหมือนจะรู้ตัว เขารีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
ก่อนจะปั้นหน้านิ่ง ทำทีเหมือนไม่เคยพบเคยเจอกันมาก่อน
“วันนี้พาคุณนายอนไปร้านด้วยนะ แล้วก็เอาเอกสารที่บอกไปกลับมาด้วย”
“ครับ”
“เดี๋ยวขอคุยธุระด้วยหน่อยแป๊บนึง” ท่านประธานหญิงหันไปกล่าวกับ HR สาว
“ได้ค่ะ ส่วนเธอออกไปได้แล้ว ไปหาอะไรกินก่อน เดี๋ยวเที่ยงๆ มาเจอกัน
เอาเอกสารนี่ไปด้วย”
“ได้ครับ” พอเห็นว่าฝ่ายบุคคลโบกมือไล่ แบคฮยอนก็ไม่รอช้า เขาหันไปโค้งลากับท่านประธานและหญิงสาวตรงหน้า
ก่อนจะหยิบเอกสารใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไปทันที โดยที่ไม่ลืมหันไปส่งสายตาอาฆาตให้กับนายชานยอลด้วยหนึ่งดอก
ไม่รู้จะเรียกว่าโชคชะตาได้ไหม แต่เรื่องสุดบังเอิญคราวนี้ทำแบคฮยอนถึงกับยิ้มไม่ออก
ดูเหมือนว่านายชานยอลของเขาจะหนีไม่พ้นซะแล้ว อย่างน้อยก็ไม่พ้นคนที่ทำงานในบริษัทเดียวกัน
และแน่นอนว่าไม่พ้นฝ่ายบุคคลแน่...
แหม.... อะไรมันจะโชคเข้าข้างขนาดนี้ พอบทจะเจอก็เจอกันซะง่าย ทีตอนตามหาพยายามแทบตายไม่ยักเจอ
แบบนี้สิเนื้อคู่ของแท้ ชักอยากจะเจอหน้าไวๆ ซะแล้ว อยากจะรู้จังว่าต่อหน้าเจ้านายในบริษัทเนี่ย
ชานยอลจะเก่งได้สักแค่ไหน
แอ๊ด…
ในขณะที่กำลังเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงเปิดประตูจากด้านหลังก็เรียกให้แบคฮยอนต้องหันกลับไปมองอย่างอดไม่ได้
และมันก็เหมือนสวรรค์ดลใจ เมื่อนายชานยอลที่เขาเฝ้าตามหากำลังเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางสบายๆ
เมื่อโอกาสที่จะได้โทรศัพท์คืนอยู่แค่ตรงหน้าแบคฮยอนก็ไม่รอช้า เขารีบหันหลังก้าวเท้าเดินฉับๆ
ตรงไปยังเป้าหมายทันที
“นี่ จะไม่ทักกันหน่อยหรอ ไม่คุ้นหน้ากันบ้างหรอ?” คนตัวเล็กตีหน้าบึ้ง
เดินตรงดิ่งเข้าไปผลักเด็กหนุ่มตรงหน้าเต็มแรง แบคฮยอนไม่คิดเลยว่าเขาอาจจะจำผิดคน
ยิ่งได้กลิ่นน้ำหอมฉุนๆ เขาก็ยิ่งมั่นใจ
“จะเอาอะไร?” ชานยอลถอดหูฟังออกพลางเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความสงสัย
เขาแทบจะเผลอหลุดยิ้มออกมาตอนที่ได้เห็นสีหน้าประหลาดๆ ของพนักงานใหม่จากบางบูชอน
“เอาโทรศัพท์คืน!”
“โทรศัพท์อะไร?”
“โทรศัพท์กูอะ ตกลงมึงจะไม่คืนใช่ปะ?”
“อ๋อ... ขายไปแล้วอะ เอาเงินไปแทนได้ปะ” คนตัวสูงว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
ทำทีเหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ยิ่งชานยอลยักไหล่ ยกยิ้มทำลอยหน้าลอยตา
เขาก็ยิ่งสังเกตได้ว่าแบคฮยอนโกรธมากขึ้น
“เมื่อกี้กูยังเห็นมึงเล่นโทรศัพท์กูอยู่?” กล่าวเค้นออกไปเสียงเข้มก่อนจะฟาดกำปั้นทุบลงไปลาดไหล่ที่แข็งแรง
แบคฮยอนจำได้ว่าเขาเห็นชานยอลเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องเมื่อกี้และมันไม่ผิดแน่
“จำผิดแล้ว”
“ถ้าจำไม่ผิดขอให้แม่มึงตายปะ?”
“ก็แล้วแต่ บอกว่าขายไปแล้ว”
ท่าทีสุดกวนประสาทของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำพนักงานตัวเล็กโกรธจนหัวแทบลุกเป็นไฟ
แบคฮยอนเห็นนายชานยอลยังเอาแต่ยืนยิ้มแล้วก็หัวเราะทำอย่างกับมันมีอะไรให้ขำนักหนา
ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังยืนอยู่ต่อหน้าคนที่ตัวเองเพิ่งไปขโมยโทรศัพทมาก็ตาม
“ตกลงจะไม่คืนใช่ปะ? ยังไงก็ไม่คืนใช่แมะ?”
ขึ้นเสียงใส่อีกครั้งพร้อมกับกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายให้ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น
แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลไม่กลัว แต่เขาก็จะพองตัวขู่เท่าที่ทำได้
“เอาเงินมาดิ เดี๋ยวไปซื้อคืนให้”
“มึงยังไม่ได้ขาย! กูเห็นมึงเล่นโทรศัพท์กูอยู่ในห้อง!”
“พูดเรื่องอะไรเนี่ย~” ชานยอลยังแสร้งทำเป็นเฉไฉ เขาขึ้นเสียงสูงพร้อมกับยักไหล่ก่อนจะเผลอส่งเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“สัส! กูขอให้แม่มึงตาย!!”
ด้วยความโมโหที่อัดอั้นอยู่ในใจ แบคฮยอนเผลอตะโกนออกไปดังลั่น เขาผลักตัวนายชานยอลออกไปด้านข้างก่อนที่จะพบว่าท่านประธานบริษัทกับฝ่ายบุคคลกำลังยืนมองมาจากที่หน้าประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง...
....
“เมื่อกี้ใครแช่งให้ดิฉันตายหรอคะ”
.
.
.
“กูโมโหกูก็เลยตะโกนไปว่า ขอให้แม่มึงตาย แต่กูก็ไม่รู้ว่าประธานยืนอยู่ข้างหลังมัน...”
“อือ...”
“แล้วกูก็ไม่รู้ด้วยว่าประธานเป็นแม่มัน...”
“มึง....”
“ฮึก... ชีวิตกูจบแล้วอีอี้ แม่งชิบหายไปหมดแล้ว...”
บนเตียงนอนเดิมภายในห้องหมายเลขเดิม แบคฮยอนยังนั่งเซื่องซึมที่มุมหนึ่งของหัวเตียงโดยมีจางอี้ชิงเพื่อนซี้คอยเป็นที่รับฟัง
หลังจากที่ดีใจเพราะได้ตำแหน่งพนักงานขายไม่นาน แบคฮยอนก็ต้องมานั่งเศร้าเมื่อการพิจารณาตำแหน่งงานของเขาถูกเลื่อนเพราะดันไปสาปแช่งประธาน
แถมยังแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวในที่ทำงาน แบคฮยอนไม่คิดว่าชีวิตเขาจะพังไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ทุกอย่างมันพังไปหมดเพียงเพราะแค่โทรศัพท์เครื่องเดียวที่ถูกขโมยไป…
“แทนที่กูจะได้ไปดูที่ทำงานใหม่ ก็ต้องไปเข้าห้องเย็น แล้วก็ต้องรอการพิจารณาใหม่อีก...
แม่ง...ทำไมมันซวยอะไรขนาดนี้วะ” นึกแล้วก็อยากจะร้องไห้ มือบางขึ้นลูบใบหน้าด้วยความรู้สึกเหลืออด
แบคฮยอนล่ะอยากจะกระโดดหน้าต่างฆ่าตัวตายไปซะตอนนี้เลยจริงๆ
ถ้าไม่ติดว่ากลัวเจ้าของหอตามไปฆ่าซ้ำที่โลกหน้า
“แล้วประธานเค้าว่าไงวะ”
“เค้าเรียกกูไป เรียกลูกเค้าไปด้วย แล้วก็ถามว่ารู้จักกันหรอ กูก็ไม่รู้จะตอบยังไงอะ
ถ้าตอบไปว่าเคยนัดเย็-กับลูกเค้าชีวิตกูคงจบเห่ กูก็อ้ำๆ อึ้งๆ
บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แล้วชานยอลมันก็บอกว่ามันจับตูดกูเพราะคิดว่าเป็นคนรู้จักแล้วก็เลยทะเลาะกัน”
แบคฮยอนเล่าออกมาด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก
“เออ ถ้ายังงั้นแล้วทำไมยังต้องเลื่อนพิจารณางานมึงด้วยวะ” อี้ชิงขมวดคิ้วชักสีหน้าไม่พอใจกับเรื่องความไม่ยุติธรรมที่โคตรไร้สาระ
เขาไม่นึกเลยว่าบนโลกนี้จะมีประธานที่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องจุกจิกแบบนี้ด้วย
“กูว่าเค้าไม่เชื่อว่ะ เค้าไล่กูออกมา
บอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับแล้วก็ให้ลูกเค้าอยู่ต่อ คงไปคุยอะไรกันแหละ
แล้วเบี้ยน้อยอย่างกูก็พลอยซวยไง สัส... ใครจะไปรู้วะว่าแม่งเป็นลูกประธาน
กูเห็นมันห้อยป้ายพนักงาน IT กูก็นึกว่าเป็นพนักงาน แล้วตอนกูด่าแม่มันมันก็ขำใหญ่เลยนะ หัวเราะเหมือนจะตาย กูเริ่มสังหรณ์ไม่ดีตั้งแต่ตรงนั้นแหละ แล้วแม่งก็จริงเลย”
“เฮ้อ... กูไม่รู้จะพูดยังไงเลย” อี้ชิงเองก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ความซวยระดับเทพของแบคฮยอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าจะปัดเป่ามันได้ยังไง
“นี่ แล้วแม่มันน่าหมั่นไส้มากเลยนะ
ตอนกูบอกว่ากูนึกว่ามันเป็นพนักงาน แม่มันบอกว่าไรรู้ปะ นางบอกว่าลูกนางมีสิทธิ์ห้อยป้ายทุกตำแหน่งในบริษัทนี้
โอ้ยยยย~ กูแบบ... อีดอก~ เวอร์ ~เวอร์ที่สุด~” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับย่นคิ้วาทำหน้าเหย นี่แบคฮยอนไม่ได้อยากจะนินทาเจ้านายหรอกนะ แต่เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
ตอนที่ได้ยินคำพูดนี้
“ฮ่าๆๆๆๆ อีเหี้ย ตลก แต่ถ้าบ้านมันรวยขนาดนั้นมันจะมาขโมยของมึงทำไม”
อี้ชิงหัวเราะร่วน
“ก็นั่นดิ อาจจะแบบพวกโรคจิตปะ โรคขี้ขโมยอะ
พวกที่ชอบขโมยของทั้งที่มีเงินซื้ออะ ทำแล้วตื่นเต้นไรเงี้ย”
“ถ้างั้นมันก็น่าสงสารอยู่นะเว้ย”
“แล้วกูไม่น่าสงสารใช่ปะ? โทรศัพท์กูโดนขโมย กูโดนหลอกให้คราง แถมโดนคาดโทษจากประธาน
กูไม่น่าสงสารเลยใช่ปะ?” เหลือบตาไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งขำอยู่ปลายเตียงก่อนจะเขวี้ยงหมอนใบใหญ่ไปใส่
แบคฮยอนได้แต่ถอนลมหายใจออกมากับความซวยซ้ำซ้อนที่เกินบรรยาย สุดท้ายสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ก็มีแต่ทำใจเท่านั้น
ตอนนี้แบคฮยอนชักจะไม่อยากทำงานในกรุงโซลแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะต้องเจอคนแบบนี้อีกแค่ไหน
“ช่างมันเหอะ ไม่ต้องสนใจหรอก
เค้าก็ยังไม่ได้บอกหนิว่าจะไม่ให้ทำงานอะ”
“แต่ก็ถือว่าเริ่มต้นได้ไม่ดี”
“นี่ มึงอย่าเซื่องซึมไป กูมีอะไรเด็ดๆ ให้มึงดูด้วย”
อี้ชิงว่าด้วยสีหน้าสุดตื่นเต้น เขาหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเข้าแอพหาคู่สนทนา
ก่อนจะคลานเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งพิงกำแพงอยู่
“อะไรวะ”
“มึงเห็นไอ้เด็กเฝ้าตึกข้างล่างปะ ไอ้หัวเกรียนๆ หน้านิ่งๆ อะ”
“เออ ทำไมวะ”
“ดูนี่ค่ะ!” จางอี้ชิงดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วโชว์ภาพเด็ดกีฬามันในมือถือให้เพื่อนตัวเล็กดูทันที
อยู่ๆ อนูความซึมเศร้าที่เคยแผ่กระจายอยู่รอบบริเวณก็มลายหายไปเหมือนมันไม่เคยมีอยู่
แบคฮยอนถึงกับอ้าปากร้องอุทานพร้อมกับตีมือลงกับที่นอนรัวๆ เมื่อได้เห็นภาพถ่ายสุดวาบหวิวของคุณโดในแอพ
grindr ความงามของกล้ามหน้าท้องเล็กๆ
และวีไลน์ตรงขอบกางเกงสีเขียวขี้ม้าทำแบคฮยอนร้อนจนไข้แทบขึ้น
นี่มันของดีในโรงแรม!
“อีสัส... มึงไปเจอจากไหน...” คนตัวเล็กอ้าปากค้าง เบิ่งตากว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ
แบคฮยอนรีบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดแอพพิเคชั่นบ้างทันที
“หาจากนี่แหละค่ะ มึงเขย่า เดี๋ยวมึงเจอแน่”
“อีเหี้ย... เห็นเข้มๆ กูนึกว่าแมนๆ โอ้โห... อีดอก แมนๆ...
เดี๋ยวมึงเสร็จกู” มือเล็กๆ ตบฉาดลงกับหน้าขา
แบคฮยอนลืมเรื่องที่ทำงานไปทันทีเมื่อได้เห็นกล้ามน้อยๆ ของคุณโดคยองซู เด็กหนุ่มที่เฝ้าหออยู่ข้างล่าง
แบคฮยอนยอมรับเลยว่านายคยองซูนี่แมนๆ ของแท้ เขาดูไม่ออกเลยว่าเด็กเฝ้าหอคนนี้มีรสนิยมเสพความเป็นชายเหมือนกัน
เห็นตัวเตี้ยๆ เล็กๆ แบบนี้ไม่คิดเลยว่าหุ่นจะงานดีจนน้ำลายเหนียว
แบบนี้มันต้องเจอ... แมนๆ ต้องเจอกับแมนๆ สักที...
“หู้ย~ โอโห... จุ๊ๆๆ ซ่อนรูปเหมือนกันนะเนี่ย แน๊ะๆๆ มีการยั่วยวน
จะถอดไม่ถอด ถอดไม่ถอด... แหม... ความสดใสของกูวันนี้”
คนตัวเล็กยิ้มกริ่มพลางหรี่ตามองภาพถ่ายคุณโดถกขอบกางเกงในลงโชว์แนวเส้นขนสวยๆ เหนือท้องน้อย
ขนาดเห็นแค่ขอบๆ ก็ยังรู้สึกเสียวไปถึงลำไส้ ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าถอดหมดมันจะขนาดไหน
“นี่ แล้วมีอีกคน อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ แซ่บเหมือนกัน เดี๋ยวเอาให้ดู” พออี้ชิงเริ่มเห็นว่าความหรรษาแบบกามๆ
เริ่มทำให้เพื่อนซี้ลืมความเศร้าเขาก็ไซโคอัดผู้ชายหล่อๆ เข้าไปต่อเนื่อง นี่ไม่ใช่ว่าอยากจะสนับสนุนให้เพื่อนเที่ยวนอนกับใครไปเรื่อยหรอกนะ
อย่างแบคฮยอนแค่ได้แลกรูป ได้เห็นโคยผู้ชายหล่อๆ เขาก็นอนฟินไปสามวันแล้ว
อย่างน้อยก็พอมีอะไรให้ทำในระหว่างที่รอให้บริษัทติดต่อกลับมา
แบคฮยอนจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่าน
“เดี๋ยวมึง ใจเย็นๆ กูแอดพี่โดกูไปละ มึงช้าก่อน นี่กูว่าแม่งต้องเป็นอะไรกับเจ้าของหอแน่เลยอะ
ใช้นามสกุลเดียวกันเลย” แบคฮยอนระบายยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย พอเห็นอี้ชิงยิ้มแบบเดียวกันก็เป็นอันว่าเข้าใจได้
“เออว่ะ... อาจจะเป็นลูกก็ได้นะ...”
“ถึงจะไม่ใช่ลูกเจ้าของบริษัทแต่ก็เป็นเจ้าของหอนะ”
“มึงคิดเหมือนกูปะวะบีสอง?”
“กูว่ากูคิดเหมือนมึงว่ะ...”
ติ๊ง!
พอเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากแอพพลิเคชั่นดัง แบคฮยอนก็ยิ้มมีความสุขเหมือนกับไม่เคยเจอเรื่องเสียใจมาเลยในวันนี้...
บางทีคนเราก็แค่ต้องการความสุขเล็กๆ ใช่ไหม
แบคฮยอนคิดว่านี่แหละคือความสุขเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของเขา
ความสุข 8 แปดนิ้ว ของแบคฮยอน...
#ฟิคกวาง
เดี๋ยวตอนหน้าเค้ามีสัมพันธ์กันแล้วค่ะ อย่าเพิ่งสาปส่ง ฮืออ 5555555 อย่าลืม #ฟิคกวาง นะคะ เอ็นจอยรีดดิ้ง :D
ความคิดเห็น