ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 : แม่มึง

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 62




    Bhxx0506 : ตลกมากปะ

    Bhxx0506 : เป็นโรคจิตหรอ

    Bhxx0506 : ไปหาหมอไหม


    Cyyyyyxx : เป็นไรคับ


    Bhxx0506 : เป็นไรป้ามึงดิ

    Bhxx0506 : ส่งลูกอมมาไม

    Bhxx0506 : แม่มึงตายหรอ

     

    Cyyyyyxx : ยังไม่ตายคับ


    Bhxx0506 : กวนตีนหรอ

    Bhxx0506 : ตกลงจะคืนปะ

    Bhxx0506 : พรุ่งนี้จะไปโซล

    Bhxx0506 : บอกราคามา จะได้จบๆ


     

    ด้วยความโมโหแบคฮยอนแทบจะโทรไปด่ากราดใส่ไอ้เด็กมิจฉาชีพ ถ้าไม่ติดว่ามันไม่ยอมรับสาย และสุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ส่งข้อความไปขู่ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ช่วยอะไรมาก ความไม่เอื้ออำนวยของสถานการณ์ทำให้แบคฮยอนไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงมากนัก เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมเป็นเหยื่อให้ไอ้บ้านี่กวนอีกต่อไป

    “มึงมีตังค์จ่ายอ่อวะ” อี้ชิงที่เห็นเพื่อนรักพิมพ์ข้อความโชว์ป๋าไปเอ่ยถามขึ้น ก็ไม่ได้อยากจะบอกว่าแบคฮยอนจนหรอก แต่พรุ่งนี้เขาต้องเอาเงินไปจ่ายค่าห้องเดือนแรกไม่ใช่หรอ

    “ไม่มีก็นัดมาแล้วเอาไม้ทุบแม่งให้สลบ ค่อยเอาโทรศัพท์คืน” คนตัวเล็กว่า

    “มึงจะบ้าหรอ ทำเป็นการ์ตูน”

    “ก็มันไม่มีทางไหนแล้วอะ! เงินกูก็ต้องใช้ปะวะ” คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันแน่น ริมฝีปากบางงอง้ำจนแทบจะทิ่มขึ้นไปถึงจมูก แบคฮยอนไม่ได้อยากจะรบเร้าเซ้าซี้ให้เรื่องมันยืดยาวหรอก แต่ว่านั่นมันโทรศัพท์ของเขาไม่ใช่หรอ ทำไมคนที่ตกเป็นเหยื่อต้องยอมจำนนให้กับมิจฉาชีพด้วยล่ะ

    “ก็มีอีกทางคือมึงทำใจแล้วก็ปล่อยมันไปเหอะ ดูแล้วมันไม่คืนมึงง่ายๆ หรอก” อี้ชิงงว่าแล้วก็ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    “กูเสียดายรูปอีจีจี้อะ กูไม่ได้สำรองเอาไว้ด้วย รูปกูอีก”

    “รูปมึงมึงถ่ายใหม่เอาก็ได้ปะ?”

    “ไม่ใช่ หลังเคสกูเก็บรูปตอนเด็กไว้อะ มันหาไม่ได้แล้ว แม่ง อุตส่าห์เอามาพกไว้เป็นเครื่องราง ยังไม่ทันไรซวยเลย” ได้แต่บ่นออกมาอย่างนึกเซ็ง แบคฮยอนเองก็กำลังคิดว่าถ้ารู้แบบนี้เขาเก็บรูปนั้นไว้ที่บ้านดีกว่า

    “เฮ้อ... งั้นก็คงต้องพึ่งโชคจากรูปอมนิ้วตีนของมึงแล้วแหละ”

    “รูปกูน่ารักนะเว้ย?”

    “เออ มึงก็ลองสวดมนต์ดู เผื่อมันอยากกลับมาหาเจ้าของ มึงจะได้ได้มือถือคืนไวๆ”


    .

    .

    .

     


    ในวันนัดพุธที่แสนเศร้า แบคฮยอนออกจากบ้านมาพร้อมกับเพื่อนรักด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยสดใสนัก เมื่อวานเขามัวแต่เสียเวลากับการชกหมอนไปประมาณร้อยครั้ง ไปนั่งกรี๊ดในตู้เสื้อผ้าอีกร้อยครั้ง หลังจากที่โดนไอ้หนุ่มหล่อเมืองหลวงหลอกซ้ำๆ ซากๆ

    นี่เป็นเช้าวันใหม่ที่แบคฮยอนยังถอดใจกับโทรศัพท์เครื่องเดิมไม่ลง เมื่อคืนเขานอนไม่หลับทั้งคืน ทั้งตื่นเต้นที่จะได้งาน ทั้งโมโหที่ไม่ได้โทรศัพท์คืน มันปนๆ นัวๆ กันจนทำให้นอนไม่หลับ สุดท้ายก็ต้องออกจากบ้านมาตั้งแต่รถไฟเที่ยวแรก แล้วก็นั่งหลับกับอี้ชิงมาจนถึงโซล...

    เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนอันตราย...

    “เฮ้อ... มึงทำใจให้โล่งๆ เหอะอิแบ้ก ไหนๆ ก็จะย้ายมาอยู่โซลแล้ว ลืมๆ แม่งไปเหอะ จะได้เริ่มต้นใหม่ด้วยความสดใส มึงเอาเวลามาส่องผู้ดีกว่า เค้าว่าเด็กโรงเรียนร้องเพลงเด็ดนะ มึงน่าจะได้เห็นตอนเย็นบ่อยๆ” อี้ชิงว่าในขณะที่ก้าวเท้าเดินไปตามฟุตบาทเพื่อมุ่งหน้าไปยังบริษัทโฮมแคร์ ตอนนี้นาฬิกาข้อมือของเขาบอกเวลาเก้าโมงเกือบครึ่งแล้ว

    แบคฮยอนจะต้องไปถึงสำนักงานตอน 10 โมงตรง เขาควรจะเริ่มกระตือรือร้นได้แล้ว

    “ก็กำลังทำอยู่นะ แต่นึกแล้วมันก็อารมณ์เสียอะ จะมาแกล้งกูทำไมวะ อยากจะขายก็ขายไปเลยตั้งแต่แรก จะได้จบๆ” สุดท้ายก็ได้แต่บ่นงึมงำออกมาอย่างนึกเซ็ง ตึกสูงในเมืองหลวงทำให้รับตัวเล็กอย่างแบคฮยอนดูตัวเล็กมากขึ้นไปอีก ไม่รวมเสื้อเชิ้ตของพ่อที่ยืมมาเพราะว่าเสื้อที่ซักตากเอาไว้ไม่แห้งด้วย

    “กูว่ามันคงตั้งใจแกล้งมึงนั่นแหละ ก็อย่างที่บอก อาจจะแบบพอเห็นว่าโทรศัพท์มันขายไม่ได้ราคาก็เลยเอามาแกล้งมึงดีกว่าไรเงี้ย” อี้ชิงว่า

    “แล้วแม่งก็เล่นโทรศัพท์กูซะเหมือนของตัวเองเลย เมื่อคืนนี่มีการเอาเฟสกูส่งสติ๊กเกอร์ทักแชทไปหาผัวเก่ากูด้วย กูก็เลยต้องบล็อคแม่งไปเลย” คนตัวเล็กเล่าอย่างนึกเซ็ง

    “ขนาดนั้นเลยอ่อ?”

    “ก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจหรอกมั้ง แบบเข้าไปส่องแล้วเผลอกดโดนไรเงี้ย แต่มันเคยเอาทวิตกูไปรีทวิตคนอื่นด้วยนะ เกี่ยวกับเพลงใหม่วงไรสักอย่างนี่แหละ เหมือนมันลืมอะว่าไม่ได้เล่นโทรศัพท์ตัวเองอยู่”

    “จริงปะ?” จางอี้ชิงเบิกตากว้างด้วยประหลาดใจ เท้าเขาถึงกับชะงักเมื่อได้ฟังข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยรู้

    “เออ พอมันรู้ตัวมันก็อันรีทวิตไป”

    “ทำไมมึงไม่บอกกูวะ!

    “ก็เห็นว่ามันไม่สำคัญอะ” แบคฮยอนย่นคิ้วทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก่อนที่อี้ชิงจะได้พูดอะไรเขาก็ดึงเพื่อนตัวเล็กให้เดินเข้าไปในบริษัทที่มีการเพ้นต์สีหน้าต่างเป็นตัวอักษรใหญ่ยักษณ์ว่า Home care “เลี้ยวๆๆๆ ตึกนี้แหละ”

    “ถ้างั้นแสดงว่ามันต้องมีทวิตส่วนตัวแน่เลย”

    “ก็ต้องมีอยู่แล้วแหละ แต่ใครจะไปหาวะ ชื่อชานยอลชื่อจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ กูพิมพ์หาชานยอลในกูเกิ้ลแม่งเจอเป็นร้อยเลย”

    “แต่ก็ไม่ใช่ชานยอลทุกคนที่หล่อปะวะ?”

    “ก็นั่นดิ แต่จะไปหาชานยอลหล่อๆ ได้จากที่ไหนอะ” แบคฮยอนยักไหล่ เขาหยิบบัตรประชาชนจากในกระเป๋าเสื้อออกมาแลกกับยาม ก่อนจะคล้องแขนเพื่อนรักแล้วพากันเดินเข้าไปในตึกบริษัทที่มีการออกแบบและประดับสวยงามสมกับเป็นบริษัทฮาร์ดแวร์ตกแต่งบ้าน

    มันดูไม่เหมือนกับตึกบริษัททั่วๆ ไปเลย แค่ชั้นล่างก็กว้างไปไกลสุดลูกหูลูกตา มีโซนที่นั่งต่างกันไปแต่ละแบบตามสไตล์บ้าน แม้แต่ร้านกาแฟ Starbuck หรือธนาคารก็ยังตกแต่งได้อบอุ่นเหมือนมานั่งทำธุระที่บ้านเพื่อน

    แบคฮยอนคิดว่าเขากำลังตกหลุมรักบริษัทใหม่...

    “เหี้ย... โคตรสวยเลยว่ะ... ”

    “มาก...”

    “ถ้าให้เป็นแม่บ้านกูก็ถูได้ทั้งวันอะอย่างเงี้ย มึงว่ากูจะได้ทำที่นี่ไหมวะ...” คนตัวเล็กว่าในขณะที่กวาดสายตาสาดส่องไปทั่วบริษัท

    “ก็ต้องลองดู เดี๋ยวกูไปนั่งรอตรงนั้นนะ มึงเสร็จแล้วก็โทรหากู มีไรก็ไลน์มา” อี้ชิงว่าพร้อมกับชี้นิ้วไปยังร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ติดประตูทางเข้า พอเห็นเพื่อนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักเขาก็เดินห่างออกไปทันที โดยที่ไม่ลืมหันมายิ้มเยาะข่มขวัญให้ด้วยหนึ่งที

    หลังจากที่เพื่อนซี้เดินจากไปแล้ว ก็เหลือแบคฮยอนคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับบุคลากรในองค์กรใหญ่ยักษ์ตามลำพัง มือบางบีบกระชับสายสะพายเป้ไว้แน่น แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วก้าวเท้าเดินอย่างมุ่งมั่นเข้าไปในลิฟท์ทันที

     

    ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งนาทีเศษ ว่าที่พนักงานใหม่ก็ขึ้นมาถึงชั้น 29 ที่เป็นสถานที่นัดหมาย ในขณะที่กำลังเดินไปตามทางเดินที่เงียบสงัด แบคฮยอนก็ได้แต่ถามตัวเองว่าห้องฝ่ายบุคคลมันอยู่สูงขนาดนี้เลยหรอ ไม่ใช่ว่าเขาเดินมาผิดชั้นหรอ?

    ยิ่งเดินไปยิ่งไม่เห็นใครใจยิ่งหวั่น แบคฮยอนเดินมาจนถึงสุดทางเดินแล้วแต่เขาก็ยังไม่เจอห้องที่เขียนว่าฝ่ายบุคคลเลย มันมีแต่ห้องประชุม ห้องประธานกรรมการ ห้องผู้บริหาร แบคฮยอนไม่คิดว่าห้องฝ่ายบุคคลจะมาอยู่ที่นี่

    “มาหาใครคะ”

    ในขณะที่กำลังยืนงกๆ เงิ่นๆ อยู่หน้าห้องประตูสีขาว เสียงเรียกของผู้หญิงจากด้านหลังก็ช่วยชีวิตแบคฮยอนเอาไว้ คนตัวเล็กรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาพนักงานหญิงในชุดสูทท่าทางใจดีทันที

    “เอ่อ มาหาฝ่ายบุคคลครับ คุณนายอน ไม่ทราบว่าอยู่ชั้นนี้หรือเปล่า” เอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆ ความหรูหราจากชุดสูทของพนักงานตรงหน้าทำแบคฮยอนประหม่าไปหมด

    “อ๋อ~ ใช่ค่ะ เชิญเข้ามาเลย ห้องนี้แหละ” หญิงสาวผมยาวว่าพร้อมกับใช้กระดาษในมือกวักเรียกชายหลงทางให้เข้ามาในห้อง

    พอรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้มาผิดชั้นแบคฮยอนก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เข้าก้มหัวโค้งให้กับเธอคนนั้นก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องทันที

    “พอดีห้องเก่าเค้าซ่อมอยู่ เพิ่งย้ายมาเลยยังไม่ได้ติดป้ายเลย คุณแบคฮยอนใช่ไหม” ฝ่ายบุคคลนายอนผายมือไปยีงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเองบ้าง “เอาเอกสารมาไหมคะ”

    “นี่ครับ” แบคฮยอนร้อนรนรีบเปิดกระเป๋าสะพายออก แล้วหยิบเอาเอกสารหนึ่งชุดมาวางไว้ตรงหน้า มือบางบีบกำเป็นระยะด้วยความรู้สึกประหม่า อยู่ๆ แบคฮยอนก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงวิ้งในหู เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว

    “ที่มาสัมภาษณ์เมื่อวันก่อน อือ... พักอยู่ชานเมืองใช่ไหม”

    “ครับ”

    “ถ้าให้ไปประจำฝ่ายขายที่ coex สะดวกไหม มันอยู่ใกล้ๆ กัน ไม่ห่างกันมาก”

    “สะดวกครับ” ไม่ว่าในความเป็นจริงจะสะดวกหรือไม่ แบคฮยอนก็จะตอบไปว่าสะดวก เขาเห็นคุณฝ่ายบุคคลพยักหน้าหงึกหงึกก่อนที่จะปิดแฟ้มลง

    “โอเค เป็นพนักงานขายโอเคนะ”

    “โอเคครับ”

    “ทดลองงาน 3 เดือน ถ้าผ่านโปรบริษัทจ้างต่อแล้วก็จะได้ขึ้นเงินเดือนกับสวัสดิการ ตอนนี้เป็นพนักงานขายที่ซัมซองไปก่อน เพราะว่าที่สำนักงานใหญ่มันยังไม่มีตำแหน่งว่าง ชั้นที่จะเปิดขายสินค้ายังไม่เสร็จ อาจจะเสร็จปีหน้า ถ้าถึงตอนนั้นก็อาจจะมีโอกาสได้มาทำงานที่นี่ก็ต้องขยันๆ ทำคะแนนเข้าไว้นะ” เธออธิบายพร้อมกับพยักหน้าให้กับว่าที่พนักงานขายคนใหม่ไปด้วย

    “ครับ”

    “วันนี้พอดีเลย พี่จะเข้าไปที่สาขานู้นด้วย เดี๋ยวจะพาไปดูที่ทำงาน อาจจะอีกสักพัก ไม่รีบกลับใช่ไหม?”

    “ไม่ครับ ไม่รีบครับ”

    “งั้นไปหาอะไรกินรอก่อนนะ เดี๋ยวสักเที่ยงๆ เที่ยงครึ่งเดี๋ยวโทรตาม”

    “ครับผม”

    ก๊อกๆๆ

    “เชิญค่ะ”

    เสียงเปิดประตูกับเสียงรองเท้าส้นสูงของผู้หญิงที่ดังมาจากด้านหลังบอกแบคฮยอนให้รู้ว่ามีแขกเพิ่มมาอีกหนึ่ง เขาไม่กล้าหันไปมองเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นคนสอดรู้สอดเห็น แต่อีกใจหนึ่งก็ลังเลว่าควรจะหันไปทำความเคารพดีไหม

    “มีแขกอยู่ด้วยหรอ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ กำลังจะเสร็จแล้ว ประธานมีอะไรไหมคะ”

    คำว่าประธานทำแบคฮยอนหูผึ่ง เขารีบลุกขึ้นเหมือนก้นติดสปริง ก่อนจะหันไปโค้งให้กับหญิงวัยกลางคนในชุดสีขาวมุกทันที ทว่าในจังหวะที่กำลังจะเงยหน้าขึ้น อยู่ๆ สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มคุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่ง กำลังยืนกดโทรศัพท์อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าประธาน

    เพียงแค่เสียววินาทีที่ได้สบตา แบคฮยอนก็จำได้ทันทีว่าผู้ชายตรงหน้าเขาคือใคร... ทั้งกลิ่นน้ำหอมที่ใช้ รวมถึงเสื้อฮู้ดตัวเดิม หรือแม้แต่โทรศัพท์เครื่องเดิมของแบคฮยอนที่อยู่ในมือนั่นก็ใช่...

    นี่มันนายซีวาย 9 นิ้ว ไม่ผิดคนแน่

    นี่แหละไอ้หัวขโมย!

    “ชานยอล...”

    “ครับ”

    เสียงเรียกชื่อจากท่านประธานยิ่งทำให้แบคฮยอนมั่นใจว่าเขาจำคนไม่ผิดแน่ ดวงตาเรียวรีจดจ้องไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา ชานยอลเองก็เหมือนจะรู้ตัว เขารีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า ก่อนจะปั้นหน้านิ่ง ทำทีเหมือนไม่เคยพบเคยเจอกันมาก่อน

    “วันนี้พาคุณนายอนไปร้านด้วยนะ แล้วก็เอาเอกสารที่บอกไปกลับมาด้วย”

    “ครับ”

    “เดี๋ยวขอคุยธุระด้วยหน่อยแป๊บนึง” ท่านประธานหญิงหันไปกล่าวกับ HR สาว

    “ได้ค่ะ ส่วนเธอออกไปได้แล้ว ไปหาอะไรกินก่อน เดี๋ยวเที่ยงๆ มาเจอกัน เอาเอกสารนี่ไปด้วย”

    “ได้ครับ” พอเห็นว่าฝ่ายบุคคลโบกมือไล่ แบคฮยอนก็ไม่รอช้า เขาหันไปโค้งลากับท่านประธานและหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะหยิบเอกสารใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไปทันที โดยที่ไม่ลืมหันไปส่งสายตาอาฆาตให้กับนายชานยอลด้วยหนึ่งดอก

    ไม่รู้จะเรียกว่าโชคชะตาได้ไหม แต่เรื่องสุดบังเอิญคราวนี้ทำแบคฮยอนถึงกับยิ้มไม่ออก ดูเหมือนว่านายชานยอลของเขาจะหนีไม่พ้นซะแล้ว อย่างน้อยก็ไม่พ้นคนที่ทำงานในบริษัทเดียวกัน และแน่นอนว่าไม่พ้นฝ่ายบุคคลแน่...

    แหม.... อะไรมันจะโชคเข้าข้างขนาดนี้ พอบทจะเจอก็เจอกันซะง่าย ทีตอนตามหาพยายามแทบตายไม่ยักเจอ แบบนี้สิเนื้อคู่ของแท้ ชักอยากจะเจอหน้าไวๆ ซะแล้ว อยากจะรู้จังว่าต่อหน้าเจ้านายในบริษัทเนี่ย ชานยอลจะเก่งได้สักแค่ไหน

    แอ๊ด

    ในขณะที่กำลังเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงเปิดประตูจากด้านหลังก็เรียกให้แบคฮยอนต้องหันกลับไปมองอย่างอดไม่ได้ และมันก็เหมือนสวรรค์ดลใจ เมื่อนายชานยอลที่เขาเฝ้าตามหากำลังเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางสบายๆ

    เมื่อโอกาสที่จะได้โทรศัพท์คืนอยู่แค่ตรงหน้าแบคฮยอนก็ไม่รอช้า เขารีบหันหลังก้าวเท้าเดินฉับๆ ตรงไปยังเป้าหมายทันที

    “นี่ จะไม่ทักกันหน่อยหรอ ไม่คุ้นหน้ากันบ้างหรอ?” คนตัวเล็กตีหน้าบึ้ง เดินตรงดิ่งเข้าไปผลักเด็กหนุ่มตรงหน้าเต็มแรง แบคฮยอนไม่คิดเลยว่าเขาอาจจะจำผิดคน ยิ่งได้กลิ่นน้ำหอมฉุนๆ เขาก็ยิ่งมั่นใจ

    “จะเอาอะไร?” ชานยอลถอดหูฟังออกพลางเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความสงสัย เขาแทบจะเผลอหลุดยิ้มออกมาตอนที่ได้เห็นสีหน้าประหลาดๆ ของพนักงานใหม่จากบางบูชอน

    “เอาโทรศัพท์คืน!

    “โทรศัพท์อะไร?”

    “โทรศัพท์กูอะ ตกลงมึงจะไม่คืนใช่ปะ?”

    “อ๋อ... ขายไปแล้วอะ เอาเงินไปแทนได้ปะ” คนตัวสูงว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ทำทีเหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ยิ่งชานยอลยักไหล่ ยกยิ้มทำลอยหน้าลอยตา เขาก็ยิ่งสังเกตได้ว่าแบคฮยอนโกรธมากขึ้น

    “เมื่อกี้กูยังเห็นมึงเล่นโทรศัพท์กูอยู่?” กล่าวเค้นออกไปเสียงเข้มก่อนจะฟาดกำปั้นทุบลงไปลาดไหล่ที่แข็งแรง แบคฮยอนจำได้ว่าเขาเห็นชานยอลเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องเมื่อกี้และมันไม่ผิดแน่

    “จำผิดแล้ว”

    “ถ้าจำไม่ผิดขอให้แม่มึงตายปะ?”

    “ก็แล้วแต่ บอกว่าขายไปแล้ว”

    ท่าทีสุดกวนประสาทของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำพนักงานตัวเล็กโกรธจนหัวแทบลุกเป็นไฟ แบคฮยอนเห็นนายชานยอลยังเอาแต่ยืนยิ้มแล้วก็หัวเราะทำอย่างกับมันมีอะไรให้ขำนักหนา ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังยืนอยู่ต่อหน้าคนที่ตัวเองเพิ่งไปขโมยโทรศัพทมาก็ตาม

    “ตกลงจะไม่คืนใช่ปะ? ยังไงก็ไม่คืนใช่แมะ?” ขึ้นเสียงใส่อีกครั้งพร้อมกับกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายให้ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลไม่กลัว แต่เขาก็จะพองตัวขู่เท่าที่ทำได้

    “เอาเงินมาดิ เดี๋ยวไปซื้อคืนให้”

    “มึงยังไม่ได้ขาย! กูเห็นมึงเล่นโทรศัพท์กูอยู่ในห้อง!

    “พูดเรื่องอะไรเนี่ย~” ชานยอลยังแสร้งทำเป็นเฉไฉ เขาขึ้นเสียงสูงพร้อมกับยักไหล่ก่อนจะเผลอส่งเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    “สัส! กูขอให้แม่มึงตาย!!

    ด้วยความโมโหที่อัดอั้นอยู่ในใจ แบคฮยอนเผลอตะโกนออกไปดังลั่น เขาผลักตัวนายชานยอลออกไปด้านข้างก่อนที่จะพบว่าท่านประธานบริษัทกับฝ่ายบุคคลกำลังยืนมองมาจากที่หน้าประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง...

    ....

    “เมื่อกี้ใรแช่งให้ดิฉันตายหรอคะ”

     


     

    .

    .

    .

    “กูโมโหกูก็เลยตะโกนไปว่า ขอให้แม่มึงตาย แต่กูก็ไม่รู้ว่าประธานยืนอยู่ข้างหลังมัน...”

    “อือ...”

    “แล้วกูก็ไม่รู้ด้วยว่าประธานเป็นแม่มัน...”

    “มึง....”

    “ฮึก... ชีวิตกูจบแล้วอีอี้ แม่งชิบหายไปหมดแล้ว...”

    บนเตียงนอนเดิมภายในห้องหมายเลขเดิม แบคฮยอนยังนั่งเซื่องซึมที่มุมหนึ่งของหัวเตียงโดยมีจางอี้ชิงเพื่อนซี้คอยเป็นที่รับฟัง

    หลังจากที่ดีใจเพราะได้ตำแหน่งพนักงานขายไม่นาน แบคฮยอนก็ต้องมานั่งเศร้าเมื่อการพิจารณาตำแหน่งงานของเขาถูกเลื่อนเพราะดันไปสาปแช่งประธาน แถมยังแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวในที่ทำงาน แบคฮยอนไม่คิดว่าชีวิตเขาจะพังไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ทุกอย่างมันพังไปหมดเพียงเพราะแค่โทรศัพท์เครื่องเดียวที่ถูกขโมยไป

    “แทนที่กูจะได้ไปดูที่ทำงานใหม่ ก็ต้องไปเข้าห้องเย็น แล้วก็ต้องรอการพิจารณาใหม่อีก... แม่ง...ทำไมมันซวยอะไรขนาดนี้วะ” นึกแล้วก็อยากจะร้องไห้ มือบางขึ้นลูบใบหน้าด้วยความรู้สึกเหลืออด แบคฮยอนล่ะอยากจะกระโดดหน้าต่างฆ่าตัวตายไปซะตอนนี้เลยจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ากลัวเจ้าของหอตามไปฆ่าซ้ำที่โลกหน้า

    “แล้วประธานเค้าว่าไงวะ”

    “เค้าเรียกกูไป เรียกลูกเค้าไปด้วย แล้วก็ถามว่ารู้จักกันหรอ กูก็ไม่รู้จะตอบยังไงอะ ถ้าตอบไปว่าเคยนัดเย็-กับลูกเค้าชีวิตกูคงจบเห่ กูก็อ้ำๆ อึ้งๆ บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แล้วชานยอลมันก็บอกว่ามันจับตูดกูเพราะคิดว่าเป็นคนรู้จักแล้วก็เลยทะเลาะกัน” แบคฮยอนเล่าออกมาด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก

    “เออ ถ้ายังงั้นแล้วทำไมยังต้องเลื่อนพิจารณางานมึงด้วยวะ” อี้ชิงขมวดคิ้วชักสีหน้าไม่พอใจกับเรื่องความไม่ยุติธรรมที่โคตรไร้สาระ เขาไม่นึกเลยว่าบนโลกนี้จะมีประธานที่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องจุกจิกแบบนี้ด้วย

    “กูว่าเค้าไม่เชื่อว่ะ เค้าไล่กูออกมา บอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับแล้วก็ให้ลูกเค้าอยู่ต่อ คงไปคุยอะไรกันแหละ แล้วเบี้ยน้อยอย่างกูก็พลอยซวยไง สัส... ใครจะไปรู้วะว่าแม่งเป็นลูกประธาน กูเห็นมันห้อยป้ายพนักงาน IT กูก็นึกว่าเป็นพนักงาน แล้วตอนกูด่าแม่มันมันก็ขำใหญ่เลยนะ หัวเราะเหมือนจะตาย กูเริ่มสังหรณ์ไม่ดีตั้งแต่ตรงนั้นแหละ แล้วแม่งก็จริงเลย”

    “เฮ้อ... กูไม่รู้จะพูดยังไงเลย” อี้ชิงเองก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ความซวยระดับเทพของแบคฮยอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าจะปัดเป่ามันได้ยังไง

    “นี่ แล้วแม่มันน่าหมั่นไส้มากเลยนะ ตอนกูบอกว่ากูนึกว่ามันเป็นพนักงาน แม่มันบอกว่าไรรู้ปะ นางบอกว่าลูกนางมีสิทธิ์ห้อยป้ายทุกตำแหน่งในบริษัทนี้ โอ้ยยยย~ กูแบบ... อีดอก~ เวอร์ ~เวอร์ที่สุด~” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับย่นคิ้วาทำหน้าเหย นี่แบคฮยอนไม่ได้อยากจะนินทาเจ้านายหรอกนะ แต่เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนที่ได้ยินคำพูดนี้

    “ฮ่าๆๆๆๆ อีเหี้ย ตลก แต่ถ้าบ้านมันรวยขนาดนั้นมันจะมาขโมยของมึงทำไม” อี้ชิงหัวเราะร่วน

    “ก็นั่นดิ อาจจะแบบพวกโรคจิตปะ โรคขี้ขโมยอะ พวกที่ชอบขโมยของทั้งที่มีเงินซื้ออะ ทำแล้วตื่นเต้นไรเงี้ย”

    “ถ้างั้นมันก็น่าสงสารอยู่นะเว้ย”

    “แล้วกูไม่น่าสงสารใช่ปะ? โทรศัพท์กูโดนขโมย กูโดนหลอกให้คราง แถมโดนคาดโทษจากประธาน กูไม่น่าสงสารเลยใช่ปะ?” เหลือบตาไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งขำอยู่ปลายเตียงก่อนจะเขวี้ยงหมอนใบใหญ่ไปใส่ แบคฮยอนได้แต่ถอนลมหายใจออกมากับความซวยซ้ำซ้อนที่เกินบรรยาย สุดท้ายสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ก็มีแต่ทำใจเท่านั้น

    ตอนนี้แบคฮยอนชักจะไม่อยากทำงานในกรุงโซลแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะต้องเจอคนแบบนี้อีกแค่ไหน

    “ช่างมันเหอะ ไม่ต้องสนใจหรอก เค้าก็ยังไม่ได้บอกหนิว่าจะไม่ให้ทำงานอะ”

    “แต่ก็ถือว่าเริ่มต้นได้ไม่ดี”

    “นี่ มึงอย่าเซื่องซึมไป กูมีอะไรเด็ดๆ ให้มึงดูด้วย” อี้ชิงว่าด้วยสีหน้าสุดตื่นเต้น เขาหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเข้าแอพหาคู่สนทนา ก่อนจะคลานเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งพิงกำแพงอยู่

    “อะไรวะ”

    “มึงเห็นไอ้เด็กเฝ้าตึกข้างล่างปะ ไอ้หัวเกรียนๆ หน้านิ่งๆ อะ”

    “เออ ทำไมวะ”

    “ดูนี่ค่ะ!” จางอี้ชิงดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วโชว์ภาพเด็ดกีฬามันในมือถือให้เพื่อนตัวเล็กดูทันที

    อยู่ๆ อนูความซึมเศร้าที่เคยแผ่กระจายอยู่รอบบริเวณก็มลายหายไปเหมือนมันไม่เคยมีอยู่ แบคฮยอนถึงกับอ้าปากร้องอุทานพร้อมกับตีมือลงกับที่นอนรัวๆ เมื่อได้เห็นภาพถ่ายสุดวาบหวิวของคุณโดในแอพ grindr ความงามของกล้ามหน้าท้องเล็กๆ และวีไลน์ตรงขอบกางเกงสีเขียวขี้ม้าทำแบคฮยอนร้อนจนไข้แทบขึ้น

    นี่มันของดีในโรงแรม!

    “อีสัส... มึงไปเจอจากไหน...” คนตัวเล็กอ้าปากค้าง เบิ่งตากว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ แบคฮยอนรีบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดแอพพิเคชั่นบ้างทันที

    “หาจากนี่แหละค่ะ มึงเขย่า เดี๋ยวมึงเจอแน่”

    “อีเหี้ย... เห็นเข้มๆ กูนึกว่าแมนๆ โอ้โห... อีดอก แมนๆ... เดี๋ยวมึงเสร็จกู” มือเล็กๆ ตบฉาดลงกับหน้าขา แบคฮยอนลืมเรื่องที่ทำงานไปทันทีเมื่อได้เห็นกล้ามน้อยๆ ของคุณโดคยองซู เด็กหนุ่มที่เฝ้าหออยู่ข้างล่าง

    แบคฮยอนยอมรับเลยว่านายคยองซูนี่แมนๆ ของแท้ เขาดูไม่ออกเลยว่าเด็กเฝ้าหอคนนี้มีรสนิยมเสพความเป็นชายเหมือนกัน เห็นตัวเตี้ยๆ เล็กๆ แบบนี้ไม่คิดเลยว่าหุ่นจะงานดีจนน้ำลายเหนียว

    แบบนี้มันต้องเจอ... แมนๆ ต้องเจอกับแมนๆ สักที...

    “หู้ย~ โอโห... จุ๊ๆๆ ซ่อนรูปเหมือนกันนะเนี่ย แน๊ะๆๆ มีการยั่วยวน จะถอดไม่ถอด ถอดไม่ถอด... แหม... ความสดใสของกูวันนี้” คนตัวเล็กยิ้มกริ่มพลางหรี่ตามองภาพถ่ายคุณโดถกขอบกางเกงในลงโชว์แนวเส้นขนสวยๆ เหนือท้องน้อย ขนาดเห็นแค่ขอบๆ ก็ยังรู้สึกเสียวไปถึงลำไส้ ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าถอดหมดมันจะขนาดไหน

    “นี่ แล้วมีอีกคน อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ แซ่บเหมือนกัน เดี๋ยวเอาให้ดู” พออี้ชิงเริ่มเห็นว่าความหรรษาแบบกามๆ เริ่มทำให้เพื่อนซี้ลืมความเศร้าเขาก็ไซโคอัดผู้ชายหล่อๆ เข้าไปต่อเนื่อง นี่ไม่ใช่ว่าอยากจะสนับสนุนให้เพื่อนเที่ยวนอนกับใครไปเรื่อยหรอกนะ

    อย่างแบคฮยอนแค่ได้แลกรูป ได้เห็นโคยผู้ชายหล่อๆ เขาก็นอนฟินไปสามวันแล้ว อย่างน้อยก็พอมีอะไรให้ทำในระหว่างที่รอให้บริษัทติดต่อกลับมา แบคฮยอนจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่าน

    “เดี๋ยวมึง ใจเย็นๆ กูแอดพี่โดกูไปละ มึงช้าก่อน นี่กูว่าแม่งต้องเป็นอะไรกับเจ้าของหอแน่เลยอะ ใช้นามสกุลเดียวกันเลย” แบคฮยอนระบายยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย พอเห็นอี้ชิงยิ้มแบบเดียวกันก็เป็นอันว่าเข้าใจได้

    “เออว่ะ... อาจจะเป็นลูกก็ได้นะ...”

    “ถึงจะไม่ใช่ลูกเจ้าของบริษัทแต่ก็เป็นเจ้าของหอนะ”

    “มึงคิดเหมือนกูปะวะบีสอง?”

    “กูว่ากูคิดเหมือนมึงว่ะ...”

    ติ๊ง!

    พอเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากแอพพลิเคชั่นดัง แบคฮยอนก็ยิ้มมีความสุขเหมือนกับไม่เคยเจอเรื่องเสียใจมาเลยในวันนี้...

    บางทีคนเราก็แค่ต้องการความสุขเล็กๆ ใช่ไหม แบคฮยอนคิดว่านี่แหละคือความสุขเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของเขา

    ความสุข 8 แปดนิ้ว ของแบคฮยอน...





    #ฟิคกวาง



     เดี๋ยวตอนหน้าเค้ามีสัมพันธ์กันแล้วค่ะ อย่าเพิ่งสาปส่ง ฮืออ 5555555  อย่าลืม #ฟิคกวาง นะคะ เอ็นจอยรีดดิ้ง :D 


     





    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×