คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : แก้เจ็บคอ
“แม่งไม่ยอมตอบกลับมาเลยว่ะ”
ตอนบ่ายสองโมง ณ ร้านขายของชำที่แสนเงียบเหงา สองกวางสาวที่กำลังตกที่นั่งลำบากได้แต่นั่งหน้ามุ่ยอยู่หน้าจอโน๊ตบุ้กเครื่องเดิม
พยอน แบคฮยอนเอาแต่ถอนหายใจออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่มันเช้าวันใหม่แล้วตั้งแต่เมื่อวานที่โดนขโมยโทรศัพท์มือถือไป แบคฮยอนยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทั้งโจรที่ขโมยโทรศัพท์เขา หรือแม้แต่การติดต่อแจ้งผลสัมภาษณ์งานจากบริษัท
เมื่อคืนเขาเอาแต่นั่งรอให้นายชานยอลตอบข้อความกลับจนหลับไป
พอเช้าก็มานั่งเฝ้าหน้าจออยู่กับอี้ชิงต่อ
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่แบคฮยอนก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรได้นอกจากรอ
“หรือมึงครางไม่เสียววะ?” อี้ชิงว่า
ดวงตาเรียวรียังคงจับจ้องไปยังหน้าจอทวิตเตอร์ที่ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ บางทีเขาคิดว่าแบคฮยอนน่าจะเลิกหวังว่าจะได้โทรศัพท์คืนได้แล้ว
“ก็บอกให้ครางกูก็ครางอะ แค่นี้มันยังตลกไม่พออีกหรอวะ?”
คนตัวเล็กมุ่ยหน้าพร้อมบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด ริมฝีปากที่ชี้งอนอยู่แล้วยิ่งงอง้ำมากขึ้นไปอีก
“มึงลองทักมันไปอีกทีไหม?”
“ทักไปว่าไรอะ?”
“อะไรก็ได้อะ แบบคิดได้ยัง
เตงตัดสินใจได้ยังไรเงี้ย” อี้ชิงเสนอความคิดเห็นพร้อมกับกรอกตาไปมาทำหน้าเหม็นเบื่อ
เขาคิดว่าป่านนี้ไอ้โจรหล่อนั่นมันคงเอาโทรศัพท์แบคฮยอนไปขายแล้วล่ะ
หรือไม่ก็คงจะเอารูปทั้งอัลบั้มไปโพสต์ลงเน็ตแล้ว
“ทำไมกูต้องไปง้อมันด้วยวะ โทรศัพท์ก็ของกู”
แบคฮยอนบ่นอุบเขาเอาแต่เลื่อนหน้าจอไปมาโดยที่ไม่กล้าทำอะไรเลย
มันรู้สึกเหมือนกับโดนจับตามองอยู่ตลอดเวลาอย่างไงอย่างงั้นแหละ
“มึงอย่าไปหวังมากเลยว่ะ กูว่าเผลอๆ
ป่านนี้แม่งเอาโทรศัพท์มึงไปขายแล้วแหละ กูว่ามึงไล่ลบข้อมูลก่อนดีกว่ารหัสเฟส
รหัสเมลอะเปลี่ยนให้หมด”
“อีดอก กูจำรหัสไม่ได้ กูจดรหัสไว้ในมือถือ
กูจำได้กูเปลี่ยนไปนานแล่ว” แบคฮยอนทุบมือลงกับโต๊ะด้วยความหงุดหงิดใจ
ถ้าเกิดว่าเขาจำพาสเวิร์ดบัญชีโซเชี่ยลของตัวเองได้ก็คงจะไม่มานั่งเครียดอยู่แบบนี้
“โอ้ยยยย~ กูละเชื่อมึงเลยจริงๆ”
อี้ชิงยกมือขึ้นตบหน้าผากพร้อมกับครางโหยหวนออกมาอย่างสุดทนกับความโง่ของเพื่อนรัก นี่ถ้าเกิดว่าเขาเป็นนายชานยอลล่ะก็ ป่านนี้คงเอาบัญชีต่างๆ
ที่ผูกกับบัตรเดบิตของแบคฮยอนไปใช้จนเงินหมดเกลี้ยงแล้ว
“ก็กูไม่รู้จะทำยังไงอะ
ตั้งแต่สมัครทวิตกูยังไม่เคยล็อคเอาท์เลย ถ้าออกก็เข้าไม่ได้แล้ว”
“กูว่าป่านนี้มันขายโทรศัพท์มึงไปแล้วแหละ
มึงปิดแอคทวิตเลยไหม จะได้เซฟๆ”
“กูเสียดายข้อความอะ มันก็มีรูปดีๆ อยู่บ้างปะวะ
ถ้าหายไปก็หาไม่ได้แล้วนะเว้ย” พูดแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา ดวงตาเรียวรีส่องประกายอย่างมีเลศนัย แบคฮยอนคลิ๊กเมาส์เข้าไปดูข้อความส่วนตัวจากนาย kji69 พร้อมกับเลื่อนสกอร์โชว์ตัวอย่างภาพดีๆ
ที่สมควรเก็บไว้ รวมถึงคลิปวิดีโอมากมาย
“โอ้ยอิดอก โทรศัพท์หายแทนที่จะกลัวข้อมูลส่วนตัวรั่ว
เสือกมัวแต่มานั่งเสียดายรูปโคย กูล่ะเชื่อมึงเลยจริงๆ”
“มันก็ไม่มีความลับอะไรมากปะวะในทวิตอะ
ก็รู้ว่ากูโชว์กูแลกรูปอะ เข้ามาส่องข้อความกูก็เจอแต่โคยทั้งนั้นแหละ”
“กูว่ามึงลองทักมันไปอีกที ถามไปเลยว่าเอาไง ก็ลองอ้อนๆ
หน่อย ถ้าคราวนี้ไม่ตอบอีกมึงคิดได้เลยว่ามันขายมือถือมึงไปละ” อี้ชิงว่าออกมาด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญ
เขาเขย่าตัวแบคฮยอนไปมาพร้อมกับชี้นิ้วไปยังข้อความส่วนตัวล่าสุดที่ถูกส่งมาโดยนายชานยอล
“งั้นลอง....”
ติ๊ง!
ยังไม่ทันจะได้แตะนิ้วลงบนคีย์บอร์ดเสียงเตือนข้อความเข้าจากคนที่กำลังรออยู่ก็ทำแบคฮยอนหูผึ่ง
เขารีบหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทพร้อมกับเบิ่งตากว้างด้วยความดีใจ ก่อนจะกดเข้าไปดูข้อความทันที
“มันตอบมาว่าไรวะ”
Cyyyyyxx :
ลดให้สามร้อย
“สัส ลดให้สามร้อย... กูครางไปห้าพันลดให้กูสามร้อย”
พอได้อ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาความดีใจที่เคยมีก็มลายหายไปจนหมด แบคฮยอนได้แต่มุ่ยหน้าอย่างนึกเซ็ง
ถ้าเกิดเขารู้ว่าเสียงครางเมื่อคืนจะมีค่าแค่ 300 คงไม่ตะเบ็งไปจนเจ็บคอแบบนี้หรอก
“ก็ยังดีนะเว้ย ถามดิ ห้าร้อยไม่ได้หรอ” ขงเบ้งแห่งวงการเฉาก๊วยว่า คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
Bhxx0506 : ห้าร้อยได้ไหมอะ
Cyyyyyxx : 300
Bhxx0506 : บอกให้ครางก็ครางแล้วอ่า
T_T
Cyyyyyxx : ไม่เสียว
Bhxx5006 : จะเอาเสียวแค่ไหนอะ
“เห็นแมะ กูบอกแล้วว่ามึงครางไม่เสียว มันเฟคเกิน
มึง มันเวอร์” จางอี้ชิงตบเข่าฉาด พร้อมพูดออกมาด้วยสีหน้าออกรส
“ก็มึงบอกให้กูครางเหมือนทุกทีอะ?”
คนตัวเล็กเถียงเสียงแข็ง ก็เมื่อวานอี้ชิงเป็นคนบอกแบคฮยอนเองว่าให้ครางเหมือนทุกที
เขาก็ครางเหมือนทุกที
“มึง มันไม่เรียล มันตลก! มึงต้องยั่วๆ มันก่อน ให้มันมีอารมณ์แล้วมึงค่อยคราง
มันต้องจริงกว่านี้ มึงเชื่อกู”
อี้ชิงพยายามสร้างความมั่นใจให้กับเพื่อนรักอีกครั้ง
พวกเขาดูเหมือนคนตาบอดที่คอยชักนำกันไปสู่หนทางแห่งความชิบหาย
“เออๆ งั้นเดี๋ยวลองเอาใหม่”
แบคฮยอนที่แสนว่าง่ายตกลงปลงใจไปอย่างง่ายดาย
เขารีบพิมพ์ข้อความตอบกลับนายชานยอลไปทันที
Bhxx0506 : ก็มันไม่มีอารมณ์อะ
Bhxx0506 : ขอดูโคยหน่อยดิ
จะได้มีอารมณ์
“อีแบ้ก...”
“เออ~ ก็นิดนึง~”
Bhxx0506 : มีอารมณ์แล้วเนี่ย
Bhxx0506 : โชว์หน่อยดิ
Cyyyyyxx : ให้โอกาสอีกรอบ
“มันบอกให้โอกาสอีกรอบว่ะ”
“งั้นคราวนี้มึงครางเบาๆ นะ เอาแบบเสียงแหบๆ
พร่าๆ เอาไมค์จ่อใกล้ปากหน่อยหายใจใส่ไมค์แรงๆ แล้วค่อยๆ เร่ง”
อี้ชิงว่าด้วยสีหน้าสุดตื่นเต้นเหมือนกำลังปฏิบัติภารกิจลับ
เขาเอื้อมมือไปหยิบเทปพันสายไฟมาปิดกล้องไว้ก่อนที่จะถอด small talk ออกมาจากมือถือตัวเองมาเสียบโน๊ตบุ้ก
“เอาแค่นี้ใช่ไหม”
“ไม่ๆ มันต้องมีจังหวะจะโคนมึง มันต้องมีเสียงซอยมันจะได้เนียนๆ”
“อ่ะๆ งั้นมึงคอยตบมือนะ”
“เออๆ อัดเลย”
เมื่อต่างฝ่ายต่างเห็นดีกันงามกับแผนครางล่อเหยื่อก็ไม่มีใครเบรกใคร
แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหันไปมองตาเพื่อนรักเพื่อส่งสัญญาณ
พออี้ชิงพยักหน้าเขาก็กดอัดเสียงทันที
“อือ... เตงช่วยหน่อยดิ อ๊ะ... อ๊ะ.... ฮ่ะ...
ซี๊ดดด... อ๊ะ... อ๊ะ...”
ปั่บๆๆๆๆๆๆ
“อ๊ะ... ฮ่า... ฮ่ะ... อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ! ฮ่ะ... ซี๊ด... ชานยอล... อ๊ะ
ชานยอล... อ๊ะ! อ๊ะ!”
ปั่บๆๆๆๆๆๆๆ
ในขณะที่แบคฮยอนเริ่มส่งเสียงครวญครางหนักหน่วงขึ้น
มือจังหวะของเขาก็ตบมือเร็วขึ้น กวางป่าสองตัวกำลังยิ้มกริ่มอย่างภาคภูมิใจกับความฉลาดของตัวเอง
พวกเขานั่งยิ้มพลางส่งเสียงครางพร้อมกับปรบมือใส่ small talk รัวๆ
อยู่หน้าร้านขายของชำที่เปิดโล่งโดยที่ไม่ได้นึกเลยว่าอาจจะมีคนเดินผ่านไปผ่านมา
“โอ๊ยยย… ฮ่ะ! ซี๊ดดดด... ช่วยหน่อยดิวะ
โอ๊ยย... อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ!”
ปั่บๆๆๆๆๆ!
“พี่เค้าทำไรกันวะ”
นักเรียนชายโรงเรียนประถมที่กำลังเดินกลับบ้านหันไปถามเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย
สีหน้าของหนุ่มน้อยเต็มไปด้วยความสับสนระคนแปลกใจ เมื่อเห็นพี่ชายร้านขายของชำสองคนกำลังนั่งยิ้มแล้วก็ตบมือใส่โทรศัพท์รัวๆ
เหมือนเชียร์อะไรสักอย่าง แถมยังส่งเสียงที่ฟังชวนขนลุกออกมาไม่หยุด
“กูก็ไม่รู้ว่ะ...”
ปิ๊บ!
วิดีโอสุดสยิวความยาว 1 นาทีถูกอัดจนเสร็จ
แบคฮยอนตบมือไฮไฟว์กับเพื่อนซี้ฉลองความสำเร็จพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
เขารีบกลับไปยังหน้าทวิตเตอร์แล้วส่งวิดีโอไปใหม่ทันที คราวนี้อย่างน้อยก็ต้องได้ส่วนลดสักห้าร้อยถึงหนึ่งพันล่ะ ก็เล่นทุ่มทุนสร้างจังหวะกันซะขนาดนี้
“คราวนี้โคยมึงต้องแข็งมั่งล่ะ”
แบคฮยอนว่าด้วยสีหน้าสุดมั่นใจ
พอวิดีโอถูกส่งไปเรียบร้อยก็ถือว่าส่วนหนึ่งของแผนสำเร็จลุล่วง
ในขณะที่กำลังจะเปิดแท็บโน๊ตบุ้กไปดูย่างอื่นต่อ
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าที่วางอยู่ข้างตัวก็ดังขึ้น คนตัวเล็กรีบหันไปชู่วปากบอกให้เพื่อนข้างๆ
เงียบเสียงลง ก่อนที่จะหยิบเอามือถือมากดรับ
“ฮัลโหลครับ”
กรอกเสียงเข้มลงไปด้วยความที่เห็นว่าเป็นเบอร์แปลก แบคฮยอนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเบิกตากว้างใส่เพื่อนซี้
“ครับ ใช่ครับ...”
[…………..]
“ครับ...”
[…………..]
“วันจันทร์ที่จะถึงนี้หรอครับ”
[…………..]
“ได้ครับ สะดวกพร้อมทำเลยครับ”
[…………..]
“ครับ... ครับ.... ขอบคุณมากครับ”
[………….]
“ครับ สวัสดีครับ”
“ใครวะ?”
ไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้วางสายอี้ชิงก็เอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ยิ่งเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กกำลังยิ้มกริ่มเขาก็รู้ได้เลยว่ามันต้องเป็นข่าวดีแน่
“คนโทรมาแจ้งผลสัมภาษณ์งาน กูได้งานทำแล้วโว้ยยยย!”
พออีกฝ่ายวางสายไปปุ๊บ แบคฮยอนก็ลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
เขากอดจางอี้ชิงเพื่อนรักแล้วก็พากันกระโดดพร้อมกับตะโกนไปมาอยู่หลังแผงผักด้วยความดีใจ
ดูเหมือนว่าในความเฮงซวยนี้จะมีเรื่องดีๆ
ซ่อนอยู่เหมือนกัน และแล้วพระเจ้าตัวจริงผู้มีตาก็ได้เมตตาสงเคราะห์ให้แบคฮยอนได้ทำงานในบริษัทที่อยากทำ
แถมยังเริ่มงานได้เลยทันทีแบบไม่ต้องรอ มันไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้แล้ว
“เหี้ย!! งั้นก็ทำวันจันทร์หน้าเลยหรอวะ! โอ้ยยย~ อิสัส ฟาดเคราะห์ไปก็ได้งานเลย มึงไม่ต้องห่วงโทรศัพท์แล้ว
ถ้าได้งานก็ซื้อใหม่ได้แล้ว” อี้ชิงเองก็ดีใจแทนเพื่อนซี้ไม่แพ้กัน
เขารีบวิ่งไปหยิบน้ำอัดลมในตู้เย็นมาเปิดดื่มฉลองให้กับว่าที่พนักงานใหม่ทันที
“กูได้บริษัทที่อยากทำด้วยแหละ! ดี! มาก!”
“บริษัทอะไรวะ ทำเกี่ยวกับอะไร”
“บริษัทโฮมแคร์ ขายพวกอุปกรณ์สร้างบ้าน ตกแต่งบ้าน ของใช้เกี่ยวกับบ้านคล้ายๆ อิเกียอะมึง” แบคฮยอนคว้ากระป๋องน้ำอัดลมมาดื่มแล้วเต้นส่ายเอวไปมาอย่างอารมณ์ดี เขาแทบจะลืมเรื่องที่ถูกขโมยโทรศัพท์และการแบล็คเมล์ไปเลยพอรู้ว่าได้งานใหม่หลังจากที่ตกงานมาเกือบปี
“ตำแหน่งอะไรวะ”
“ยังไม่รู้อะ
กูเขียนไปว่ากูสมัครทุกตำแหน่งที่ว่างอะ แต่เค้าจะเรียกไปคุยวันพุธนี้
แล้วเริ่มงานจริงวันจันทร์หน้า”
“งั้นก็ต้องย้ายห้องด่วนเลยดิ”
“ก็ไม่ด่วนมากหรอก ของกูจะมีไรมาก
กระเป๋าเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ก็มีที่หออยู่แล้ว ขาดเหลือค่อยทยอยย้าย”
พอเต้นแร้งเต้นกาแสดงความดีใจกันเต็มที่แล้วก็นั่งลงคุยกันแบบคนปกติ
แบคฮยอนเหลือบตาไปมองกล่องข้อความที่ยังไร้การตอบกลับเพียงแค่แว้บเดียว ก็หันไปสนใจเพื่อนตรงหน้าต่อ
“แล้วตกลงเรื่องหอคุณโดว่าไง?”
“เค้าบอกว่าเข้าไปคุยได้เลย
เซ็นสัญญาเสร็จก็ย้ายเข้าได้เลย ถ้าไปคุยงานวันพุธนี้ก็ไปทำสัญญาเช่าห้องเลย แล้วเสาร์อาทิตย์ค่อยย้าย”
“เออๆ เดี๋ยวกูไปช่วยย้ายห้องจะได้ไปดูสถานที่เกิดเหตุมึงด้วย”
อี้ชิงว่า ถึงจะรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่จะเหลือเวลาเมาท์มอยกับเพื่อนรักอีกเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์
แต่เขาก็ดีใจที่แบคฮยอนมีงานทำได้สักที
“โอ้ย~ นี่กูคิดว่าจะไม่มีเรื่องดีๆ
เกิดขึ้นกับกูแล้วนะเนี่ย แม่ง วินาทีสุดท้ายจริงๆ”
“เออ ขอบคุณสวรรค์เหอะ
ถ้าไม่นับเรื่องที่มึงโดนรูดทรัพย์แค่นี้ก็ถือว่าดี
บริษัทที่จะไปทำงานก็ขอให้มันดีๆๆๆ!”
.
.
.
ภายในห้องประชุมวางแผงเรื่องการตลาด
พนักงานฝึกงาน ปาร์ค ชานยอล เอาแต่นั่งหมุนเก้าอี้ไปมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เขาเอาแต่หยิบเอาโทรศัพท์เคสสีฟ้าขึ้นมากดดูฆ่าเวลาสลับกับมองนาฬิกาที่หน้าห้องประชุม
ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสี่โมงเศษๆ แล้ว
ชานยอลเบื่อจนแทบจะหลับกับการต้องมานั่งเป็นรูปปั้นในห้องประชุมแบบไร้ความหมาย ในหัวเขามีแต่เรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานทั้งนั้น
ชานยอลกำลังนึกว่าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านไปนอน อยากไปทำเพลงต่อแล้ว แล้วก็จะเล่นเกมด้วย
อยากออกไปกินกาแฟจัง เมื่อไหร่การประชุมที่แสนน่าเบื่อนี้จะจบลงสักที
“ค่ะ ที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นแผนที่จะกระตุ้นให้บริษัทลูกของเรามีบททบาทในตลาดมากขึ้น
เพื่อที่บริษัทจะได้มีกำไรมากขึ้น รวมถึงแผนขยายการผลิตสินค้าที่เป็นของเราเอง
เอกสารอื่นๆ ดิฉันแนบเอาไว้ให้ในแฟ้มเรียบร้อยแล้วค่ะ
ทุกท่านสามารถย้อนกลับไปอ่านได้”
“สำหรับวันนี้มีเท่านี้ใช่ไหมคะ”
หัวหน้าคณะกรรมการบริษัทเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ”
“อือ... ก่อนที่จะปิดการประชุม ดิฉันอยากให้ใครสรุปประเด็นให้ฟังอีกสักนิด
ทั้งเรื่องหัวข้อการประชุมและจุดประสงค์ รวมถึงเรื่องที่เราพูดกันไปว่าจะทำในปีหน้า
เรื่องแผนการงบประมาณ ดิฉันรบกวนคุณชานยอลค่ะ”
เสียงเรียกจากหัวหน้าคณะกรรมการที่เป็นประธานการประชุมในครั้งนี้เรียกวิญญาณ
ปาร์ค ชานยอล ให้กลับเข้าร่าง ลิงตีฉาบในหัวเขาหยุดทำงาน
ชานยอลเหลือบตาขึ้นมองหญิงสาววัยกลางคนที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะประชุมก่อนที่จะลุกขึ้นยืนตอบด้วยท่าทีสบาย
“เอ่อ... การประชุมเรื่องการตลาดปีหน้าสรุปว่าเราจะออกอีเว้นให้มากขึ้น ผลิตสินค้าเป็นของตัวเองให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับแบรนด์ใหญ่ๆ ให้มากขึ้น กระตุ้นบริษัทลูกให้เติบโต แล้วก็... ผลักดันบริษัทรับเหมาของเราให้มีบทบาทเทียบคู่กับแบรนด์”
“..........”
“ครับ?”
“เชิญนั่งค่ะ” ประธานองค์ประชุมว่า เธอยืนขึ้นรวบแฟ้มปึกใหญ่ส่งให้เลขาก่อนที่จะพูดต่อ
“วันนี้ดิฉันขอปิดการประชุมแต่เพียงเท่านี้ ทุกท่านเชิญพักผ่อนได้ เอ่อ... ยกเว้นคุณชานยอล
ขอบคุณทุกคนมากค่ะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
พนักงานในบริษัททั้งหัวหน้าฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด
และบุคลากรอันทรงคุณค่ามากมายพากันโค้งให้กับหัวหน้าคณะกรรมการบริษัทก่อนที่จะเก็บแฟ้มแยกย้ายกันออกไปจากห้องประชุม
เหลือเพียงแค่เด็กหนุ่มพนักงานฝึกงาน ที่ยังนั่งหมุนเก้าอี้ฟังเสียงลิงตีฉาบในหัวอยู่
ชานยอลได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ตอนที่เห็นหญิงวัยกลางคนยืนกอดอกมมองเขาด้วยสายตาที่แสนกดดัน
“ชานยอล”
“ครับ”
“แม่บอกกี่ทีแล้วว่าเวลาประชุมอย่าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น”
ปาร์ค ยูรินยกมือขึ้นกอดอก สายตาของเธอจับจ้องไปยังลูกชายที่ยังนั่งเหม่ออยู่ตรงหน้าไม่วางตา
“ผมรู้แล้ว” ชานยอลตอบแบบขอไปที
ในระหว่างที่ฟังแม่บ่นเขาก็ไม่ลืมหยิบเอาปากกามาหมุนเล่นไปด้วย
“แม่แค่ขอให้เรามานั่งฟังการประชุมด้วยยังทำได้ไม่เต็มที่
แล้วนี่แต่งตัวอะไร เมื่อเช้าแม่ไม่ได้บอกหรอว่าให้แต่งตัวสุภาพ มาก็สาย แถมยังใส่เสื้อฮู้ดกางเกงยีนส์มา
คราวหลังไม่ใส่ชุดนอนมาซะเลยล่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น
“ผมไม่ใช่พนักงานบริษัทแม่สักหน่อยอะ
แม่ให้ผมมานั่งฟังเฉยๆ ไม่ใช่หรอ”
“มันก็ควรจะต้องมีมารยาทบ้าง”
“คร้าบ คราวหลังจะแต่งตัวให้มันเรียบร้อย” พูดแล้วเด็กหนุ่มก็ยิ้มออกมาเหมือนไม่ได้กำลังรู้สึกรู้สาอะไรกับการถูกตำหนิ
ชานยอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ หยิบกระเป๋าเป้ใต้โต๊ะขึ้นมาสะพายบ่าเตรียมจะออกจากห้องโดยที่ไม่ลืมเก็บโทรศัพท์เคสสีฟ้าใส่กระเป๋าเสื้อฮู้ดไปด้วย
“ในโทรศัพท์นั่นมีอะไร” คนเป็นแม่เอ่ยถามขึ้น
ยูรินพยักพเยิดหน้าไปยังโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของลูกชายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันมาเลิกคิ้วทำหน้าเหมือนไม่รู้ว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
“ครับ?”
“แม่เห็นชานยอลเอาแต่นั่งจ้องโทรศัพท์ทั้งวัน
อยู่บ้านก็ดูแต่โทรศัพท์ มันมีอะไร”
“อ๋อ เปล่าครับ” คนตัวสูงไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“มีแฟนหรือไง มองแล้วก็ยิ้มอยู่ได้ อย่างกับคนบ้า”
“เปล่าครับ อันนี้ไม่ใช่โทรศัพท์ผม”
“เฮ้อ.... เอาเถอะ
วันนี้จะไปไหนต่อก็กลับบ้านให้มันเร็วๆ ด้วยแล้วกัน”
คุณนายยูรินได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะยกมือโบกไล่ลูกชายปล่อยให้เขาไปทำอย่างอื่นต่อได้
เธอไม่อยากจะสนใจความรักของเด็กหนุ่มที่ไม่จีรังหรอก
“ครับ เดี๋ยวจะรีบกลับ”
“อ้อ แล้วก็วันพุธมาเข้าบริษัทอีกทีนะ
คุณนายอนเค้ามาทำงาน แม่อยากให้ชานยอลมา”
“อีกแล้ว? ทำไมต้องผมอะ?” ชานยอลเอ่ยถามด้วยสีที่ไร้ซึ่งความแคร์ใดๆ
ถึงเขาจะรู้ถึงเหตุผลที่แม่อยากให้มาทำงานอยู่แล้วก็ตาม
“ก็แค่มาเฉยๆ เองน่า มาเหมือนมาเที่ยวแค่นั้นแหละ
มาให้เห็นเธอหน้า ทำเป็นเหมือนบังเอิญผ่านมากินกาแฟก็ได้” ยูรินหัวเราะขำ
“อา... ครับ ถ้าผมว่างผมจะมาแล้วกัน” ชานยอลยักไหล่ก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุมทันที
ติ๊ง
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากมือถือเครื่องบางทำเด็กหนุ่มตัวสูงเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ชานยอลรีบหยิบเอาหูฟังออกมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์ของตัวเองทันที ก่อนที่จะกดเปิดเข้าไปดูข้อความส่วนตัว...
.
.
.
Bhxx0506 : ตกลงจะคืนมือถือปะ
Bhxx0506 : ครางจนเจ็บคอหมดแล้วเนี่ย
Cyyyyxx : ...
Cyyyyxx : เอาที่อยู่มา
“อีอี้!!! อีเหี้ย!!! มึงมาดูนี่เร็ว!!!”
หลังจากที่รอข้อความตอบกลับมาเกือบสองชั่วโมงการรอคอยก็ไม่ไร้ค่า
แบคฮยอนกระโดดโลดเต้นร้องกรี๊ดๆ เป็นสาว พร้อมทั้งรีบตะโกนเรียกเพื่อนรักให้มาชื่นชมความสำเร็จร่วมกันอย่างชื่นมื่น
“อะไรวะ” อี้ชิงที่ได้ยินเสียงกรี๊ดของเพื่อนก็แทบจะทิ้งตะกร้าผ้าในมือ
เขาวิ่งมาหาแบคฮยอนแล้วชะโงกหน้าเข้าไปอ่านข้อความในจอก่อนที่จะร้องกรี๊ดออกมาอีกคน
กวางป่าสองตัวจับมือกันกระโดดเหมือนได้เป็นสองคนสุดท้ายบนเวทีนางงาม
กับดักเสียงครางของพวกเขาไม่ไร้สาระและมันได้ผล
ตอนนี้แบคฮยอนได้โทรศัพท์คืนแล้ว เขาได้ทั้งงานและก็ได้ความเป็นส่วนตัวคืน
มันไม่มีอะไรดีไปกว่านี่อีกแล้ว
“อีเหี้ย! โอ้ย! ทำไมวันนี้มันดีไปหมดอย่างงี้วะ!”
“มึง มันต้องฉลอง! อย่างงี้มันต้องฉลอง!!!”
แบคฮยอนซอยเท้าย่ำไปมาอยู่กับที่ด้วยความดีใจ เขารีบหันไปพิมพ์ที่อยู่ลงในกล่องข้อความทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
Bhxx0506 : พยอน แบคฮยอน 2237
ถนนนิคมกิลจู เมืองบูชอน เขตบางบูชอน
จังหวัดคยองกีโด 14790
Bhxx0506 : ขอบคุณนะ
“ได้โทรศัพท์คืนแล้ว! ได้งานคืน! ได้ชีวิตส่วนตัวคืน! โอ้ย! ทำไมมันดีแบบนี้!”
.
.
.
วันอังคารที่แบคฮยอนต้องเริ่มเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า
เขาจัดการยัดเสื้อยืดหลายสิบตัวใส่เป้ ในขณะที่อี้ชิงก็กำลังช่วยจัดกระเป๋าเดินทาง
พรุ่งนี้แบคฮยอนต้องเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทแต่เช้า
เขาพกความมั่นใจไปเต็มกระเป๋า เรื่องดีๆ
ที่เกิดขึ้นทำให้แบคฮยอนอารมณ์ดีจนรู้สึกเหมือนตัวเองจะสามารถผ่านทุกอย่างไปได้ง่ายๆ
เขาก็แค่ต้องไปทำงาน แค่ยิ้มเอาไว้เยอะๆ เค้าว่าอะไรก็ว่าตาม
แล้วทุกอย่างมันก็จะดีเอง
“พรุ่งนี้ไปเซ็นสัญญาเช่าห้องด้วยใช่ปะ
ต้องใช้เอกสารอะไรแมะ” อี้ชิงเอ่ยถาม เขารื้อเอาทั้งใบเกิด
และสูติบัตรของแบคฮยอนออกมาวางจนกระจัดกระจายเต็มไปหมด
“ไม่ต้องๆ ใช้แค่บัตรประชาชน”
“ที่ทำงานมึงไกลจากที่พักมากปะวะ”
“ก็ไกลนะ ถ้าทำที่สำนักงานใหญ่ก็ไกลอะ แต่ถ้าได้เป็นพนักงานขายก็ไม่ไกลมาก
เหมือนไปทำที่ห้างอะไรแบบนี้อะ” แบคฮยอนกล่าวหน้าชื่นตาบาน
“แล้วค่ารถไม่แพงหรอวะ?”
“ก็อาศัยนั่งรถเมล์เอา
เข้าไปในเมืองแล้วค่อยต่อรถไฟฟ้า เดินบ้างไรบ้าง อิดอก กูวิ่งไปทำงานได้ก็คงทำอะ
แถวนั้นค่าครองชีพแม่งแพงชิบหาย”
“ก็เมืองหลวงปะวะ”
“พรุ่งนี้มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ
กูไม่อยากไปคนเดียวอะ” คนตัวเล็กว่าเสียงอ่อยพร้อมกับหันไปทำหน้าตาน่าสงสารใส่เพื่อนรัก
มือบางยกขึ้นประกบกันที่กลางอก แบคฮยอนเองก็ไม่อยากยอมรับนักหรอกว่าตั้งแต่โดนรูดทรัพย์ไปอยู่ๆ
เขาก็รู้สึกกลัวคนในเมืองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“นี่มึงไปโรงเรียนหรือไปทำงาน?”
“มึง ก็มันน่ากลัวอะ หอพักที่จะไปเช่าก็น่ากลัว
ถ้ากูโดนรูดทรัพย์ไปอีกอะ” ทำเป็นมุ่ยหน้าว่าเสียงอ่อยก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนฟูกทำทีเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก
ที่จริงแบคฮยอนก็ไม่ได้อยากจะจากบูชอนบ้านเกิดไปหรอก แต่ว่ารายได้จากการทำงานในเมืองหลวงมันดีกว่า
ถ้าชีวิตนี้ยังต้องใช้เงินก็ช่วยไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
“เออ เดี๋ยวจะไปอยู่เป็นเพื่อน” สุดท้ายอี้ชิงก็ต้องตอบรับไปอย่างช่วยไม่ได้
พอเห็นสีหน้าเศร้าจ๋อยของเพื่อนรักแล้วเขาก็ปฏิเสธไม่ลง
“เย้!!”
“แล้วอีชานยอลไรนั่นมันตอบข้อความมึงกลับมามั่งปะล่ะ”
“ไม่นะ พอส่งที่อยู่ไปก็ไม่ตอบกลับมา
กูไม่อยากไปถามย้ำๆ อะ เดี๋ยวมันเปลี่ยนใจไม่คืน”
“อิดอก โทรศัพท์ก็ของมึง ยังต้องเกรงใจโจรที่ขโมยไปอีก
เวอร์ชิบหาย”
“ก็มัน...”
ปริ๊นๆ!
“พัสดุคร้าบ!”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบ เสียงบีบแตรจากคนส่งพัสดุก็เรียกแบคฮยอนที่กำลังงอแงให้ดีดตัวขึ้นจากที่นอนราวกับติดสปริง คนตัวเล็กหันไปมองหน้าเพื่อนซี้ด้วยสายตาเป็นประกายก่อนจะรีบวิ่งสับขาออกจากห้องนอนไปแบบฝุ่นตลบ
หัวใจดวงน้อยกระโดดโลดเต้นอยู่ในอกด้วยความยินดีปรีดา
แบคฮยอนรีบรับเครื่องแสกนมาเซ็นอย่างว่องไวพร้อมกับรับกล่องมาถือไว้ โดยที่ไม่ลืมโค้งขอบคุณให้กับคุณลุงที่คุ้นหน้าไปอีกหนึ่งที
“ขอบคุณครับ!”
พอได้รับพัสดุมาแล้วก็รีบวิ่งกลับไปยังห้องนอนอีกครั้งด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่ม
แบคฮยอนทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนใช้เล็บตะกุยเทปอย่างรีบร้อน เขาตื่นเต้นจนยิ้มไม่หุบ
เสียงฝ่ากล่องพัสดุถูกฉีกกระชากดังแควก! บางสิ่งที่ถูกห่ออยู่ในแผ่นกันกระแทกปรากฏสู่สายตา
“............”
“...........”
"..........."
"อะไรวะ...."
ไม่มีคำพูดใดออกจากปากแบคฮยอน อี้ชิงที่เห็นว่าอยู่ๆ เพื่อนตัวเล็กเงียบไปเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เขาเห็นแบคฮยอนกำหมัดแน่นก่อนจะหยิบเอาของข้างในออกมาปาใส่ผนังอย่างแรง
“มันส่งยาอมมา!”
ฮอลล์รสน้ำผึ้ง และยาอมแก้การเจ็บคอหลายห่อถูกเขวี้ยงใส่ผนังกำแพงอย่างแรง แบคฮยอนคว่ำหน้าลงกับหมอนร้องกรี๊ดๆ
แล้วก็ตีอกชกที่นอนเหมือนกับวันแรกที่โดนรูดทรัพย์ไปไม่มีผิด
รู้สึกเหมือนมีภูเขาไฟสักสิบลูกสุมอยู่ในอก สุดท้ายก็ได้แต่กรีดร้องแล้วดีดดิ้นไปมาเหมือนปลาขาดน้ำอยู่บนที่นอน
แบคฮยอนโกรธจนหน้าแดงกล่ำ เขาใช้กำปั้นชกใส่หมอนป้าบๆๆๆๆ!! แล้วก็ซุกหน้าลงกรี๊ดกับที่นอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สร้างความรู้สึกเวทนาให้กับผู้เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก
จางอี้ชิงที่ไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยอะไรเพื่อนรักได้ก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ
ออกมา เขาคลานไปหยิบเอาห่อมายาอมแก้เจ็บคอมาแกะออก ก่อนจะพบว่ามันมีการ์ดใบเล็กถูกแนบมาด้วย
“มันเขียนจดหมายถึงมึงด้วยว่ะ”
“กู! ไม่! อยาก! อ่าน!!” ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงไปกรี๊ดอัดหมอนอีกรอบ
แบคฮยอนทุบกำปั้นใส่ที่นอนจนฝุ่นฟุ้งไปหมด
“มันบอกว่า...”
‘แก้เจ็บคอ - Cyyyyyxx’
#ฟิคกวาง
ความคิดเห็น