คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : EP.1 กองร้อย 101
ปรี๊ด!!
เสียงเป่านกหวีดดังลั่นทั่วสนามลูกรัง
ฝุ่นดินแดงลอยคละคลุ้งไปทั่วอย่างกับสนามรบ นักเรียนทหารใหม่ประจำกองร้อย 101
หมู่ที่ 4 พยอน แบคฮยอนยืนหน้าแดงกล่ำอยู่กลางแถวในระหว่างที่ครูฝึกกำลังพูดถึงความสำคัญของการเป็นทหาร
ในหมู่ของเขาประกอบด้วย คัง ดงโฮ
นักกีฬาลักบี้ คิม จงอิน ไอ้นี่ขาโจ๋ พัค อูมิน นักกีฬาบาส
ชานซองลูกเจ้าของค่ายมวย จีฮวาน อินซอง และ ปาร์ค ชานยอลซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่กับพวกไม่สำคัญอีก
3 – 4 คน
และแบคฮยอนยืนเป็นหลุมคนเดียวอยู่กลางหมู่ที่ประกอบด้วยหนุ่มนักกีฬาสูง 180 อัพ
ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าตัวถ่วงขนาดไหน
“เห้ย! ไอ้ตัวเล็กตรงนั้นอะ”
“ค... ครับ”
“ครับอะไร!”
“เฮ้!”
กว่าจะรู้ตัวว่าถูกเรียกแบคฮยอนก็ลืมตัวคิดว่าอยู่ในวิชาพละซะแล้ว
เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากเพื่อนร่วมกองร้อย
ใบหน้าของครูฝึกโฮดงบูดเบี้ยวและดูกราดเกรี้ยวตลอดเวลา
เขาชี้นิ้วมาก่อนจะตวาดเสียงดุๆ ขึ้น
“ตุ๊ดหรือเปล่ามึงอะ!”
“ป... เปล่าครับ...” ตอบเสียงอ้อมแอ้มออกไป ในใจก็ได้แต่นึกว่าซวยแล้ว อยู่ดีๆ ก็โดนคุกคามเฉย
มือบางทั้งสองข้างกำแน่น แบคฮยอนกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่
เขาแอบเห็นอี้ชิงที่เข้าแถวอยู่หมู่ข้างๆ เหลือบตามามองด้วยท่าทีเป็นห่วง
“เออ มึงระวังตัวให้ดี
หัวหน้าหมู่! คุณมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบลูกหมู่ ดูแลกันให้ดี!
ถ้าโดนซ่อมพวกคุณโดนด้วยกันหมด เข้าใจไหม!!!”
“เฮ้!!”
“แต่ก่อนอื่น ผมจะเลือกคนถือธงก่อน
เห้ย! ไอ้รูปหล่ออะ ออกมานี่ดิ!” ครูฝึกผู้เป็นเจ้าของน้ำเสียงเกรี้ยวกราดตะโกนลั่น
พอ ปาร์ค ชานยอล หัวหน้าหมู่สี่ได้ยินอย่างนั้นเขาก็รีบวิ่งออกมายืนหน้าแถวทันที
ทำเอาครูฝึกที่เกร็งหน้านิ่งอยู่นานอดแซวและหัวเราะออกมาไม่ได้ “แหม กูเรียกแค่รูปหล่อมึงก็รู้ตัวเนาะ”
เสียงหัวเราะดังเบาๆ ไปทั่วกองร้อย 101
ครูฝึกหนุ่มใช้สายตามองนักเรียนทหารที่รูปหล่อและเด่นกว่าใครในชั้นอย่างพิจาราณา
ดูจากหน่วยกร้านแล้วนายคนนี้น่าจะหน้าเป็นตาของกองร้อยได้อย่างดี
“โตขึ้นอยากเป็นไรมึงอะ”
“เป็นตำรวจครับ” เด็กหนุ่มตัวสูงตอบออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ครูผู้ฝึกพยักหน้าเบาๆ
พลางปรายตาไปมองเด็กผู้ชายตัวเล็กสุดในกองร้อยแล้วตะโกนถามขึ้น
“แล้วมึงอะ ไอ้ตัวเล็กอะ”
“ครับ...” แบคฮยอนที่อยู่ๆ
ก็ถูกพูดถึงทำหน้าอึกอักพลางคิดในใจว่าซวยแล้วที่ความเตี้ยทำให้ตัวเองกลายเป็นที่จับตามองอย่างช่วยไม่ได้
หยาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มฝ่ามือ แก้มที่ถูกแดดเผาแดงเห่อ
“โตขึ้นอยากเป็นอะไร
หัวหน้าหมู่เค้าอยากเป็นตำรวจอะ”
“อยากเป็นเมียตำรวจคร้าบ~”
เสียงจีฮวานตัวกวนดังแหลมขึ้นแทรก เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี
แม้แต่ครูฝึกเองก็ยังแอบอมยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าจะมีแต่เจ้าตัวที่ถูกถามกับคนถูกพูดถึงเท่านั้นที่ขำไม่ออก
“เมื่อกี้ใครพูด
เดี๋ยวกูจับซ่อมทั้งหมู่เลย เอ้า! หมู่ที่ได้ถือธงประจำกองร้อยคือหมู่ที่สี่
ผมเลือกเพราะผมชอบมัน มันหล่อดี พวกคุณมีสิทธิ์ไปพักก่อนหมู่อื่น
แล้วก็ต่อไปเตรียมตัวเข้าฐานทดสอบกำลังใจ ผมขอให้ทุกคนโชคดี ทำให้เต็มที่
เข้าใจไหม!!!”
“เฮ้!!!!”
.
.
.
“หมู่สองไป! ไปๆๆๆๆ! ยืนรออะไรกัน
ไป!!”
น้ำเสียงดุดันของครูฝึกประจำฐานประกาศเกรี้ยว
นักเรียนทหารที่ยืนรออยู่ข้างฐานต่างก็เตรียมตัวเพื่อที่จะกลายเป็นกลุ่มต่อไปในการปีนข้ามกำแพงเตี้ย
แบคฮยอนที่ยืนอยู่กลางดงนักกีฬาถึงกับต้องยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
รู้สึกได้ถึงกลิ่นของความเป็นตัวถ่วงที่ลอยออกมาจากตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
ที่หน้ากำแพงสูงชันมีน้ำโคลนขังอยู่เต็มไปหมด
พอเพื่อนๆ หมู่สามข้ามกำแพงไปจนเสร็จก็ถึงตาของหมู่สี่กันบ้าง
“ไปเร็วๆๆๆ ไปๆๆๆ!”
ชานยอลรีบวิ่งไปเป็นฐานข้ามกำแพงให้กับเพื่อนๆ
ส่วนอีกฝั่งคือดงโฮที่รูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กัน
แบคฮยอนกัดฟันวิ่งเตาะแตะลุยน้ำโคลนเข้าไปอย่างห้าวหาญ
ยิ่งเห็นเพื่อนนักกีฬาในหมู่สามารถข้ามกำแพงไปได้อย่างง่ายๆ ก็ยิ่งกดดัน
เขาเกือบสะดุดล้มเพราะรองเท้าที่หนักอึ้ง แต่ก็ต้องทำใจแข็งไว้
“ขึ้นมาเร็วดิวะ” ชานยอลดึงเสื้อตัวอ่อนประจำทีมให้รีบเหยียบขาเขาขึ้นไปก่อนที่จะถูกซ่อมกันหมดทั้งหมู่
ฝ่ามือใหญ่คอยจับประคองเอวและดันสะโพกให้เพื่อนตัวเล็กเกาะกำแพงและข้ามขึ้นไปได้ง่ายๆ
ก่อนที่ตัวแองจะเหยียบขาเพื่อนคนอื่นขึ้นไปบ้าง
ด่านแรกของฐานทดสอบกำลังใจดูเหมือนจะผ่านไปได้ง่ายๆ
แบคฮยอนกัดฟันวิ่งตามเพื่อนของเขาไปที่ฐานสอง
ปีนขึ้นลงบันไดที่สุดแสนจะอีซี่ พอผ่านสะพานไม้ไปได้ก็ต้องเจอกับกำแพงสูงอีก
แบคฮยอนแทบเป็นลมเมื่อคิดว่าเขาจะขึ้นไปไม่ได้แน่ๆ
ตอนนี้โคลนเต็มขาแล้วแถมรองเท้ายังลื่นไปหมด
“เชี่ย... กูจะขึ้นไปยังไงวะ...”
“ไคๆ
มึงขึ้นไปก่อนแล้วมึงคอยดึงเพื่อนอยู่ข้างบน
มึงไปกับอินซองกูกับไอ้ดงโฮอยู่ข้างล่าง” ความยากลำบากไม่ได้ทำให้หัวหน้าหมู่ที่แสนฉลาดจนปัญญา
ชานยอลส่งลูกสมุนขึ้นไปบนกำแพงให้พวกเขาคอยดึงเพื่อนข้างล่าง
โดยที่ใช้ตัวเองเป็นฐานลองเหยียบ
ในเวลานี้แม้แต่คนที่เคยไม่ชอบหน้ากันก็ยังต้องร่วมมือร่วมแรงใจเพื่อที่จะผ่านด่านไปได้
“แบ้ก มึงไปก่อน” จีฮวานผลักหลังเพื่อนตัวเล็กให้ไปประเดิมกำแพงคนแรกเพราะดูเหมือนเขาจะอ่อนที่สุด
พอแบคฮยอนได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งไปเหยียบขาที่เลอะโคลนหนุ่มหล่อในดวงใจ และนั่นไม่ได้ทำให้ชานยอลหล่อน้อยขึ้นแต่อย่างใด
ตรงกันข้ามในเวลาที่เขาทำตัวเป็นผู้นำมันกลับยิ่งสะท้อนออร่าของความหล่อออกมาจนหลบแทบไม่ได้
“จับแน่นๆ ดิวะอีโล้น” จงอินพยายามดึงมือที่ชื้นเหงื่อของเพื่อนตัวเล็กเอาไว้
แต่ความอ่อนแรงของเขาก็ทำให้ฝ่ามือจับกันไม่อยู่สักทีจนชานยอลต้องใช้มือช่วยดันสะโพกแล้วเบี่ยงไหล่ให้เป็นฐานเหยียบเพื่อจะดันคนตัวเตี้ยขึ้นไปบนกำแพง
เกมทดสอบกำลังใจผ่านไปอย่างทรหด แบคฮยอนวิ่งๆๆๆ
วิ่งจนหอบต้องโหนเชือกข้ามบ่อน้ำโคลนตกน้ำแล้วตกน้ำอีกจนรองเท้าแฉะ
และตอนนี้มันก็เริ่มจะกัดเท้าเขาแล้ว แต่คนที่เหนื่อยยิ่งกว่าดูเหมือนจะเป็นชานยอลที่ต้องดันลูกทีมให้ผ่านได้ทุกคน
และนั่นทำให้เขาเท่มากกว่าใคร
“วิ่งสิวะ!! มึงรออะไรกัน!!”
เสียงครูฝึกที่ดังไล่หลังมาติดๆ เร่งกองร้อย 101
ให้ต้องรีบวิ่งกระโดดผ่านหลุมโคลนและนอนหงายเอาหลังไถลหลุมโคลนแบบเนื้อแนบเนื้อ
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติไปแล้วเมื่อร่างกายเปื้อนไปด้วยโคลน พอเห็นเพื่อนๆ ตั้งใจกันจะทำเหยาะแหยะก็ไม่กล้า ทั้งที่มือเจ็บไปหมด
หน้าด่านไต่เชือกข้ามสะพานขาเล็กๆ
ที่เหยียบอยู่บนเชือกสั่นระริก
การต้องใช้กำแลังแขนอย่างมากทำแบคฮยอนแขนล้าจนแทบประคองตัวไม่ไหว มือเขาแดงเถือก
เท้าที่ถูกถ่วงด้วยรองเท้าคอมแบตก้าวเหยียบลงบนเชือกเส้นหนา
เพียงแค่เสี้ยววินาทีเชือกก็พลิก
เสียงร้องกรี๊ดดังลั่นก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงน้ำดังตู้มเมื่อแบคฮยอนตีลังกาเอาหัวทิ่มลงน้ำไปแบบโง่ๆ
ทำเอาเพื่อนที่ยืนอยู่บนฝั่งหรือแม้แต่เพื่อนที่ตกน้ำด้วยกันหัวเราะครืน ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าหมู่อย่างชานยอลเอง
“ไปไต่มาใหม่!!
ไม่ผ่านมึงไม่ต้องกินข้าวทั้งหมู่!!”
"เฮ้!!"
“แฮ่กๆๆๆ”
กว่าจะผ่านฐานกิจกรรมแสนทรหดไปได้ก็เล่นคนพลังชีวิตน้อยอย่างแบคฮยอนแทบจะเป็นลม
การต้องลุยโคลนข้ามกำแพงอาจไม่เหนื่อยเท่าการต้องทำทั้งที่ยังแบกเป้หนักๆ ไปด้วย
บ่าเขาปวดร้าวไปหมดจนแทบจะยืนตรงไม่ขึ้น แถมมือแดงเถือก
กว่าจะเดินกลับมาถึงค่ายกองพันก็เล่นเอาขาล้าไปหมด
“เป็นไงมั่งวะ”
“กู... จะตาย...”
เป้หนักๆ ถูกวางลงบนโคนต้นไม้
แบคฮยอนนึกอยากย้อนเวลาเลือกไปกระโดดหอคอยกับคยองซูแทนถ้าได้รู้ว่าการเข้าฐานต้องเหนื่อยมากขนาดนี้
เท้าเขาโดนรองเท้ากัดจนเจ็บไปหมดแต่ก็ต้องกัดฟันอดทนเอาไว้เพราะอีกไม่นานก็จะถึงเวลาอาบน้ำนอนพักแล้ว
“มึงไปโดดหอก็จบแล้ว” คยองซูว่าขณะที่กัดไอติมรสเผือกไปด้วย
“แล้วอีอี้มันไปไหนวะ”
“ไปเข้าห้องน้ำ”
“เออ งั้นเดี๋ยวกูมานะ”
ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นเดินเหยาะแหยะไปยังร้านค้าที่มีนักเรียนยืนรุมกันอยู่ไม่มาก
แบคฮยอนมองเห็นพี่สุดหล่อของเขากำลังรอต่อแถวซื้อขนมอยู่
พอเห็นอย่างนั้นคนตัวเล็กก็รีบเข้าไปแทรกบ้าง ชานยอลหยิบเวเฟอร์เคลือบช็อคโกแลตไป 2 – 3 ชิ้น ฟิชโช่ 1
ห่อ กับขนมกินเล่น และสาหร่ายอีกสองแถว
แบคฮยอนเองเมื่อเห็นว่าคนที่ชอบกินอะไรเขาก็หยิบบ้างแล้วก็แอบฟินอยู่คนเดียวเงียบๆ
“25 บาทจ้า”
“เอาโค้กกระป๋องนึงด้วยครับ”
“เอาน้ำเปล่าขวดนึง”
เสียงที่ดังขึ้นพร้อมเรียกชานยอลให้ต้องหันไปมองเพื่อนตัวเล็กข้างๆ
เขาก้มลงมองขนมในมือแบคฮยอนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พอจ่ายเงินเสร็จก็แยกย้ายกันไปนั่งกับเพื่อนของตัวเอง
ชานยอลเดินไปนั่งพักอยู่กับเพื่อนแก๊งหล่อของเขาที่ใต้ต้นไม้
ส่วนแบคฮยอนก็มานั่งกับคยองซูที่เดิม หัวเหม่งๆ
ยื่นออกไปนอกต้นไม้ใหญ่ที่ใช้บดบังแสงแดด
แบคฮยอนแกะสาหร่ายเข้าปากในขณะที่ตาเขายังจ้องมองไปยังยอดดวงใจที่ถือถุงขนม
5 บาทห่อน้อยๆ ไว้ในมือใหญ่ๆ
ท่านั่งพิงต้นไม้เหยียดขาชันเข่าข้างเดียวทำให้ชานยอลดูเท่ยิ่งกว่าใคร
และที่น่าบันเทิงใจยิ่งกว่าคือไม่มีผู้หญิงมาคอยวอแวอยู่ใกล้ๆ ทั้งๆ
ที่เหนื่อยมากันทั้งวันแต่ชานยอลก็แทบไม่บ่นอะไร
เขาเป็นหัวหน้าหมู่และหัวหน้ากองร้อยที่ดีเหมือนกับที่เป็นหัวหน้าชมรมบาส
“แม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ...
ตัวใหญ่แต่หัวใจฟรุ้งฟริ้งสัส” พร่ำเพ้อออกไปพร้อมกับฉีกยิ้มหวานด้วยความลุ่มหลงก่อนจะยกสาหร่ายขึ้นกัดแก้เขิน
ขนมเด็กซองเล็กๆ ที่อยู่ในมือหนุ่มรด.รูปร่างสูงใหญ่ทำให้หัวใจคนมองเต้นตึกตักอย่างบอกไม่ถูก ชานยอลซื้อเยลลี่แบบเดียวกับที่แบคฮยอนชอบด้วย แล้วเขาก็ยังกินขนมไร้สาระดูขัดกับท่าทีเย็นชาและสีหน้าเรียบนิ่ง
“บ้าแล้วมึงอะ”
“มันกินเซี่ยงไฮ้ด้วยอะ...
เดี๋ยวกูเหมามากินมั่ง”
“ก็แค่แดกขนมปะวะ
ต่อให้มันแดกอย่างอื่นมึงก็กรี๊ดอยู่ดีแหละ”
“วันนี้แม่งโคตรแมน
แม่งช่วยกูตลอดเลยอะ”
“ก็มันเป็นหัวหน้าหมู่ปะ”
“เออ จริงๆ มันก็ช่วยทุกคนแหละ
แต่มึงดูหมู่กูดิ อีเหี้ย มีแต่นักกีฬาแล้วกูตัวเท่าหมา เข้าแถวทีกูเป็นหลุมเลยอะ
แล้วแม่งก็เอาแต่แซวกูอยู่นั่นแหละ” คนตัวเล็กบ่นอุบ
แบคฮยอนยังจำเหตุการณ์เมื่อเช้าได้ดีที่เขาถูกเพื่อนในห้องหัวเราะ
ยังโชคดีที่ครูฝึกไม่ได้ขยี้อะไรไปมากกว่านั้น ไม่งั้นคงได้เป็นลมตายอยู่กลางสนาม
“แล้ววันนี้มึงนอนกับใคร” ท่าทีอินเลิฟของเพื่อนรักทำคยองซูอดรำคาญไม่ได้
เขากระดกน้ำเปล่าลงคอพลางหลุบตาลงมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เข็มสั้นบนหน้าปัดชี้บอกเวลาบ่ายสองกว่าๆ
อีกประมาณ 15 นาทีก็คงถูกเรียกรวม
“ก็นอนกับอีอี้มั้ง
แต่ไม่รู้มันนอนกับใครอะ ถ้ามันไม่นอนกับกูมึงนอนปะ”
“เอาดิ”
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!
พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงนกหวีดเรียกรวมแถวก็ดังขึ้น
ทั้งที่ยังไม่ทันได้เคี้ยวขนมหมดปาก
แบคฮยอนรีบยัดซองขนมที่เหลือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วคว้าเป้หนักๆ
ของตัวเองวิ่งเหยาะแหยะกลับไปยังจุดรวมพลทันที
โดยที่ในใจก็ได้แต่คิดว่านี่มันอะไรกัน ยังไม่ทันจะได้พักจนหายเหนื่อยเลย
เวลาบ่ายกว่าๆ กองร้อย 101
ถูกจัดให้เรียงแถวตามหมวดหมู่เหมือนอย่างเคยท่ามกลางอากาศร้อนจัด
ครูฝึกประจำค่ายกำลังกล่าวเปิดพิธีการฝึก เหงื่อเม็ดเล็กๆ
เริ่มผุดขึ้นตามกรอบใบหน้า แบคฮยอนแอบหวังเล็กๆ ว่าถ้าโชคดีเขาอาจได้นอนกับชานยอล
แต่ดูแล้วชานยอลคงจับคู่กับจงอินหรือไม่ก็เพื่อนเขาตามเคย
การพูดที่แสนยืดยาวเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าที่ครูฝึกจะสั่งให้เทกระเป๋าออกมาเพื่อตรวจสิ่งของโดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง
10 วินาที
พอตรวจกระเป๋าเสร็จครบทั้งกองร้อยเสียงครูฝึกก็ประกาศให้เลือกคู่เข้าเต็นท์
แบคฮยอนพยายามจะหันไปมองหาเพื่อนเขา
แต่ยังไม่ทันจะได้เห็นใครชายร่างสูงใหญ่ที่อยู่แถวข้างๆ
ก็เดินเข้ามาคว้าคอเขาไปกอดอย่างงงๆ
“เฮ้ย อะไรวะ”
“มึงนอนกะกูละกัน”
เสียงนักเรียนชายที่แบคฮยอนเคยเห็นหน้าแต่ไม่รู้จักชื่อดังขึ้น
เขาพยายามจะมองหาเพื่อนสนิทอีกครั้งแต่พอได้ยินเสียงครูฝึกตะโกนเร่งก็พยักหน้าหงึกหงักตกลงตามไปอย่างช่วยไม่ได้
โดยคิดในใจว่ายังไงก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้ว
นักเรียนทหารที่ถูกจับเรียงเป็นคู่ถูกจัดให้เข้าเต๊นท์ตามโซน
แบคฮยอนได้เข้าเต็นท์ B12 เขาเห็นคยองซูจับคู่กับคนข้างๆ เหมือนกัน
อี้ชิงเองก็ด้วย และชานยอลจับคู่กับจงอินตามเคย แถมยังนอนไกลถึงเต็นท์ B21
คนตัวเล็กได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
กระเป๋าเป้ใบหนักถูกโยนเข้าไปในเต๊น
และทันที่ที่ผ้ายางถูกแหวกออกเขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเมื่อไม่เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ
เลยนอกจากผ้ายางสีดำที่วางอยู่บนพื้นลูกรัง มันช่างเป็นภาพที่แสนโหดร้ายและสะเทือนใจหลังจากที่ฝึกหนักมาทั้งวัน
“ปูผ้ายางกันคนละครึ่งแล้วกัน”
นายหน้าโหดว่าเสียงเหี้ยม
เขาเปิดกระเป๋าหยิบผ้ายางที่ได้รับออกมาอย่างคล่องแคล่วในขณะที่แบคฮยอนยังมัวแต่ยืนทำหน้างง
“นายชื่อไรอะ...” นิ่วหน้าเอ่ยถามเพื่อนร่วมเต็นท์ออกไปเสียงอ่อย คนตัวเล็กถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่เมื่อได้เห็นสายตาและสีหน้าไม่เป็นมิตรของหนุ่มผิวเข้มตรงหน้า
“อูยอง”
”อ่อ... เราแบคฮยอนนะ”
“มึงเป็นตุ๊ดปะเนี่ย”
คำถามที่ไม่อยากได้ยินที่สุดถูกเอ่ยขึ้น ดวงตาทั้งสองคู่สบจ้องกันท่ามกลางความเงียบ แบคฮยอนได้แต่หัวเราะแห้งๆ
ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยคำถามหยั่งเชิงออกไปพร้อมรอยยิ้มสุดขืน
“แฮะ... ทำไมอะ เกลียดตุ๊ดอ่อ”
“เปล่า...”
“.........”
“ชอบ...”
ตูม! ตูม!
ภายในห้องน้ำที่เต็มไปด้วยนักเรียนชายมากหน้าแก้ผ้าแย่งกันตักน้ำราดหัว
แบคฮยอนในชุดกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวพยายามจะเบียดกายฝ่าดงเข้าไปในหมู่ชายฉกรรจ์
แต่เนื้อตัวที่สัมผัสกันอย่างแนบแน่นก็ทำให้เขาขนลุกจนได้แต่ยืนถือขันนิ่งๆ
อยู่ด้านนอก มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเพื่อนในหมู่สักคน
ทุกอย่างมันไม่ตรงกับจินตนาการสักนิด ทั้งๆ
ที่ตอนแรกแบคฮยอนคิดว่าเขาจะได้คลุกเคล้าเริงลีลาอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มหุ่นล่ำ
แต่พอเอาเข้าจริงมันชวนให้หยึยกว่าที่คิดเยอะ
แถมพื้นกระเบื้องสกปรกมีคราบอะไรเต็มไปหมดจนอยากจะร้องไห้ แต่จะไม่อาบเลยก็ไม่ได้
“ไม่อาบก็ถอยดิ” แรงกระแทกที่ไหล่เบาๆ
เรียกคนตัวเล็กให้ต้องเงยขึ้นมองหัวหน้าหมู่ของเขาที่เดินเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับแผ่นอกขาวเปลือยเปล่าและขันน้ำสีเขียว
ชานยอลสวมเพียงกางเกงในขาสั้นสีดำตัวเดียวโชว์ท่อนขาสูงยาวและกล้ามเนื้อแน่นๆ
บริเวณต้นขาและแผ่นหลังกว้าง
วินาทีนั้นแบคฮยอนรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกระแทกตาเข้าอย่างจัง
โดยเฉพาะแผ่นอกขาวเปลือยและหน้าท้องที่มีมัดกล้ามน้อยๆ มันขาวซะจนเห็นไรขนเส้นเล็กๆ ที่โผล่ออกมานอกกางเกง
คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่
พอชานยอลเดินเข้ามาคนที่เบียดกันอาบน้ำอยู่ตรงอ่างปูนก็หลีกไปคนละทิศละทาง
แบคฮยอนที่เห็นว่าได้จังหวะก็รีบแทรกตัวเข้าไปแซงอย่างหน้าด้านๆ
เขาไม่มองตาชานยอลเพราะรู้ว่าต้องโดนด่าทางสีหน้าแน่ ก่อนจะรีบตักน้ำราดตัวเองรัวๆ
แล้วบีบสบู่หลวใส่มือเอามาถูปรื้ดๆ ตามแขนอย่างว่องไว
“เห้ย มึงรีบอาบกันดิวะ!”
เสียงนศท.หมู่อื่นที่เริ่มทยอยกันมาอาบน้ำดังขึ้น
แบคฮยอนไม่อยากสนใจมากเขารีบหลับหูหลับตาถูสบู่ไม่มองหน้าใครก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าถูกร่างกายใหญ่หนาของใครบางคนเบียดเข้ามาจากด้านหลังจนท้องชนกับขอบอ่าง
และในขณะที่กำลังก้มหน้าเอาน้ำราดหัวอยู่นั้นก็สัมผัสถึงมือฝ่ามือที่ลูบคลำยู่ตรงบริเวณก้น
แบคฮยอนสะดุ้งเฮือก หันหลังไปมองและกำลังจะอ้าปากด่าแต่พอเห็นว่าใครยืนอยู่ด้านหลังก็ได้แต่ต้องปิดปากเงียบ
ขนหน้าอกยุบยับของนายหมีอูยองที่เสียดอยู่กับแผ่นหลังทำแบคฮยอนรู้สึกเหมือนจะร้องไห้
ขนเปียกๆ มันเสียดสีไปกับหัวไหล่เขาเหมือนกับฝอยขัดหม้อ ยิ่งโดนน้ำสบู่ลื่นๆ
ก็ยิ่งทำให้รูู้สึกแบบ ว้าวว มันว้าวว จนอธิบายไม่ถูก
“เอ่อ...”
“อะไร”
เสียงทุ้มที่ฟังดูเกรี้ยวกราดจากชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่เป็นเพื่อนร่วมเต๊นท์ทำแบคฮยอนได้แต่ยืนนิ่ง
ฝ่ามือนั้นกำลังสาระวนอยู่ที่ก้นเขา ทำทีเหมือนปัดผ่านๆ ไม่ได้ตั้งใจ
และคนตัวเล็กก็ตัดสินใจว่าไม่อาบน้ำแล้วทั้งๆ
ที่ยังไม่ทันได้ล้างสบู่ด้วยซ้ำแถมขันก็หลุดลอยหายไปไหนไม่รู้
“เรา... ขอทางหน่อย”
“ก็ไปดิ” ชายร่างสูงใหญ่พูดทั้งที่ขยับตัวเข้ามาเบียดจนคนตัวเล็กแทบจะขยับไปไหนไม่ได้
แบคฮยอนขนลุกเกรียวไปหมดด้วยความสยิวกริ้ว
เขาพยายามจะส่งสายตามองหาคนช่วยเหลือแต่ก็พบว่าเพื่อนคนอื่นๆ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสระหัว
“เอ่อ...”
“แบค มึงมานี่”
ในขณะที่กำลังยืนตัวลีบด้วยความทรมานใจ อยู่ๆ
ก็มีเสียงสวรรค์ดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่หนาของใครบางคนที่เอื้อมมาดึงแขนให้ออกมาจากขอบอ่างด้านหน้าชายสูงท้วม
แผงอกขาวๆ ที่มีมัดกล้ามพอขึ้นให้เห็นจางๆ ในระดับสายตาทำแบคฮยอนหน้าร้อนเห่อไปหมด
ชานยอลดึงแขนเพื่อนร่วมห้องของเขาให้มายืนอยู่ด้านหน้า
โดยใช้ตัวเองเป็นกำแพงกันคนอื่นไว้
ความตัวเล็กของแบคฮยอนทำให้ใครต่อใครดึงร่างเขาไปได้ง่ายๆ
แต่พอมีชานยอลยืนซ้อนอยู่ด้วยก็ไม่มีใครกล้าเบียดตัวเข้ามาแทรก
“ขอบคุณ...” คนตัวเล็กกล่าวขอบคุณออกไปทั้งที่ยังก้มหน้างุด
ตอนนี้หัวใจแบคฮยอนเต้นรัวไปหมด เขากำลังยืนอาบน้ำอยู่ข้างหน้าชายหนุ่มที่หล่อที่สุดในโรงเรียน
สัมผัสของผิวเนื้อลื่นๆ ที่โดนกันทำให้รู้สึกราวกับโดนไฟช๊อตอยู่ทุกขณะ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความลำเอียงทางใจหรือเปล่า
ทุกครั้งที่ชานยอลโน้มตัวลงตักน้ำในบ่อแผ่นอกของเขาจะเสียดสีเข้ากับแผ่นหลังเนียนของเจ้าตัวอ้อแอ้
และน้ำที่สัมผัสโดนร่างชานยอลก็ไหลลงอาบโดนถึงแบคฮยอนด้วย
“รีบอาบดิวะ จะรอให้พ่อมึงมาอ่อ” เจ้าของร่างสูงใหญ่กล่าวเสียงเข้มเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กเอาแต่ยืนอ้ำๆ
อึ้งๆ ชานยอลได้ยินเสียงครูฝึกดังมาแต่ไกล
ก่อนที่ทุกคนจะรีบวิดน้ำเข้าตัวอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อที่จะได้รีบไปทำกิจกรรมแล้วพักผ่อนกันสักที
.
.
.
เวลาทุ่มเศษๆ
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดไปใส่เสื้อซับแล้วก็เป็นอันถึงเวลาพักก่อนเรียกรวมพลครั้งสุดท้าย
นักเรียนกองร้อย 101 ต่างออกมาพักผ่อนหย่อนใจกันอยู่ตรงโซนขายขนม
บางคนก็ซื้อข้าวกินเผื่อหิวตอนดึก ส่วนแบคฮยอนเองก็ไม่พลาดเช่นกัน
เขานั่งรวมอยู่กับเพื่อนที่มาจากห้องเดียวกันอยู่ใต้แสงไฟ
บางคนก็นอนพักบางคนก็คุยกันเรื่องฟุตบอล
และอีกเรื่องที่สนุกก็คงไม่พ้นเรื่องการฝึกวันนี้
“กองร้อยเราชื่อกองร้อยอินทรีย์ใช่ปะวะ”
“ชื่อแม่งเห่ยชิบหาย”
“แต่กูชอบนะเว้ย
กองร้อยอินทรีย์ชื่อแม่งเหมือนกองร้อยอีซี่ดี”
“คูราฮี!!”
เสียงพวกผู้ชายจับกลุ่มคุยกันดังระงมก่อนที่พวกเขาจะพูดขึ้นมาพร้อมกันเป็นการรับมุกแบบจังหวะซิทคอม
ส่วนตุ๊ดที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาก็ได้แต่นั่งกินขนมไปเงียบๆ
แบคฮยอนมองเห็นชานยอลกำลังนอนหนุนตักเพื่อนสนิทผิวดำของเขาอยู่ตรงใต้ต้นไม้
ดูท่าทางไม่สนใจใครเหมือนอย่างทุกที
“อิอี้ มึงอะทิ้งกูไปหาผู้ชาย
อีชั่ว” แบคฮยอนเอื้อมมือไปผลักหัวโล้นๆ
ของเพื่อนที่นั่งดึงหญ้าอยู่ข้างหน้า ริมฝีปากบางโด่งเชิดอย่างแสนงอน ทั้งๆ
ที่วันนี้ผ่านกิจกรรมอันแสนเหนื่อยมาแต่แบคฮยอนกลับไม่รู้สึกอยากเข้าเต๊นท์นอนเลยเพราะพี่ล่ำอูยองนั่นทำเขาระแวงไปหมด
“เห้ย~ กูเปล่า
ก็มันมาล็อคคอกูเข้าเต๊นท์กูก็ต้องเออออปะวะ กูไม่ได้ตั้งใจทิ้งมึง แล้วทีอิโด้อะ”
“กูคิดว่ามึงจะนอนกับอีอี้ปะ
กูก็เลยรับปากไอ้ยุทธไว้แล้ว”
“พวกมึงทั้งคู่แหละ แล้วมึงดูดิ
กูได้นอนกับใครก็ไม่รู้”
เสียงบ่นเบาๆ ของสามแม่มดดังเบาๆ
แบคฮยอนเอามือปัดไล่ยุงก่อนจะก้มลงมองเท้าที่แดงเพราะถูกรองเท้ากัดแถมยังถลอกเป็นรอย
คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันด้วยความเป็นกังวล
พรุ่งนี้เขาจะต้องใส่รองเท้าเดินทางเข้าป่าอีก มีหวังถอดออกมาอีกทีเท้าได้เน่าแน่
“เหี้ย มึงเอาแป้งโรยไปก่อนอิแบ้ก อีกแค่สองวัน อดทนเอา” จาง อี้ชิงย่นคิ้วเอื้อมมือไปจับปลายเท้าที่ถลอกจนเห็นเนื้อแดงของเพื่อนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง เขาว่าแบคฮยอนอาจไม่ไหวแน่ถ้ายังจะฝืนตัวเองอยู่แบบนี้ อย่างน้อยก็ควรจะไปหาครูฝึกเพื่อขอยา
“มึงไม่ไปหาครูฝึกวะ”
“ไม่เอาอะ
ยังไงก็ไล่กูไปพันแผลอยู่ดี ไม่ต่างกันหรอก ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน” คนตัวเล็กนิ่วหน้าว่าเสียงอ่อยก่อนจะแอบลอบถอนหายใจออกมาแล้วพูดต่อ “วันนี้ชานยอลแม่งก็ช่วยกูหลายอย่างและ หมู่กูแม่งก็มีแต่คนเก่งๆ
รู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วงเลยว่ะ”
“มันไม่คิดงั้นหรอก มันก็ช่วยมึงปะ”
“เออ ก็ไม่อยากทำไรเดือดร้อนใครอีก
เดี๋ยวคืนนี้คงทายาละนอน”
“อีกแค่สองวัน แป๊บเดียว”
“เฮ้อ... กูจะรอดไหมเนี่ย...”
.
.
.
ปรี๊ด!!!
เสียงเป่านกหวีดบอกเวลานอนดังลั่น
ภายในเต๊นท์ที่ไม่สามารถบรรยายได้ว่าอบอ้าวหรือหนาว
แบคฮยอนแอบหยิบเอาผ้าห่มคิดตี้สีชมพูออกมาพลางก้มลงมองเท้าที่เริ่มแดงของตัวเองก่อนจะเอนหัวลงนอนทับกระเป๋า
หันหลังให้พี่เบิ้มอูยองที่นอนหายใจหืดหาดอยู่ข้างหลัง
ความเป็นกังวลทำให้แบคฮยอนอนไม่หลับทั้งที่ร่างกายเหนื่อยแสนเหนื่อย
เขาต้องขยับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เพื่อร่วมเต็นท์รู้ว่า กูยังไม่หลับนะ
มึงอย่านะ การต้องแบกเป้หนักๆ แทบทั้งวันทำแบคฮยอนปวดบ่าร้าวไปหมด แถมวันนี้เขาพลาดตกน้ำตอนไต่เชือกเพราะแขนอ่อนแรงทำให้ทั้งหมู่ต้องเข้าฐานใหม่
แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีใครว่าอะไร
ในขณะที่นอนนึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ความเงียบก็เริ่มทำให้คนที่ฝึกหนักมาทั้งวันเริ่มรู้สึกง่วง
แบคฮยอนพยายามจะข่มตาให้หลับและใช้ผ้าขนหนูแสนรักของตัวเองห่อร่างกายไว้
ในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้คืนนี้ผ่านไปอย่างเรียบง่าย
“เห้ย... นายอะ”
ยังไม่ทันจะได้อถิษฐานในใจจนจบเสียงทุ้มๆ
ของเพื่อนร่วมเต็นท์ก็ดังขึ้น แต่ทว่าแบคฮยอนก็ไม่ได้ตอบอะไร
เขาแกล้งทำเป็นหลับต่อหวังให้นายอูยองเลิกสนใจไปเอง แต่แล้วอยู่ๆ ลมหายใจอุ่นๆ
ที่เป่ารดแก้มในความมืดก็ทำแบคฮยอนต้องสะดุ้งสุดตัว เขารีบคว้าไฟฉายแล้วเปิดส่องไปที่หน้าคนข้างๆ
พลางยกผ้าห่มขึ้นปิดหน้าอกทันที
“มึงทำไรอะ” เอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าแตกตื่น
คนตัวเล็กหอบหายใจฮั่ก
ไฟที่ฉายส่องหน้านายอูยองทำให้แบคฮยอนเห็นรอยยิ้มโรคจิตบนหน้าเขาอย่างชัดเจน
“เปล่า ก็ดูว่าหลับยัง”
“เชี่ย กูตกใจหมด”
“ทำไมรีบนอนจังวะ
ไม่อยากทำอย่างอื่นอ่อ” นายหมีรูปร่างสูงใหญ่ว่าพลางเลื่อนมือไปบีบเป้ากางเกงพร้อมกับยกยิ้มให้กับคนตรงหน้า
แบคฮยอนที่ได้เห็นท่าทางสุดน่ากระอักกระอ่วนก็ขนลุกเกรียว
เขารีบถอยกรูดไปติดผนังเต็นท์ก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมากอดเป็นเกราะป้องกัน
“ทำเหี้ยไรวะ”
“อมให้กูหน่อยดิ”
“มึงบ้าปะ กูไม่ได้เป็นตุ๊ดนะเว้ย!”
คนตัวเล็กนิ่วหน้าว่าออกไปเสียงแหลมทั้งที่ยังกอดผ้าห่มสีชมพูไว้แน่น
แบคฮยอนได้ยินเสียงเพื่อนร่วมเต็นท์ของเขาหัวเราะเบาๆ
ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าแล้วทิ้งตัวนอนลงบนกระเป๋าอีกครั้ง
“เดี๋ยวกูคอยดูคืนนี้แล้วกัน”
อูยองยิ้มอ่อนก่อนที่จะใช้เสื้อรด.คลุมหน้าเพื่อกันแสงไฟฉาย
ส่วนแบคฮยอนก็ได้แต่นั่งหน้าตื่น
เขาถามตัวเองว่ากำลังเจอกับอะไรก่อนที่จะปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้จอมล่าแต้มอีกครั้ง
ถ้าหากว่าอูยองได้นอนกับอี้ชิงก็คงจะพอได้อยู่
แต่สำหรับแบคฮยอนแล้วนอกจากชานยอลก็ไม่มีใครน่าพิศมัยทั้งนั้นโดยเฉพาะชายร่างหมีที่มีขนยุบยับ
ความเงียบเริ่มกลับเข้าสู่บรรยากาศอีกครั้ง
แบคฮยอนนอนกอดผ้าห่มลืมตาในความมืดด้วยใจเป็นกังวล ได้ยินเสียงดังปี๊บจากนาฬิกา
ดวงตาเรียวรีค่อยๆ หลับลงช้าๆ ลมหายใจผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
และในขณะที่ร่างกายกำลังเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง
สัมผัสที่ก้นก็ทำคนตัวเล็กต้องร้องออกมาอีกครั้ง
“เหี้ย!”
คราวนี้แบคฮยอนสะดุ้งเฮือกรีบดีดตัวออกมาจากเต็นท์ราวกับตูดติดสปริง เขากระโดดไปนั่งจุ้มปุ้กอยู่หน้าเต็นท์ผ้ายาง พอหันมองรอบตัวก็เห็นหัวหน้าหมู่ที่กำลังยืนเฝ้าเวรอยู่กับเพื่อนหันมามอง ชานยอลก้มลงคว้าไฟฉายแล้วเดินเข้ามาหาอย่างไม่ลังเล แบคฮยอนหัวใจเต้นตึกตัก รีบลุกยืนขึ้นปัดฝุ่นที่ก้นกางเกงด้วยสีหน้าสุดผวา
“มีไรวะ” คนตัวสูงเอ่ยถามเสียงเข้ม
ชานยอลหันมองรอบๆ เพื่อดูครูฝึกก่อนจะก้มลงมองคนตัวเล็กที่อยู่ๆ
ก็พรวดพราดออกมาจากเต็นท์
“เอ่อ...”
“มีอะไร”
“ไอเหี้ยเนี่ยมันลวนลามกูอะ
มันบอกให้กูอมให้ แล้วมันก็จับตูดกู” คนถูกกระทำนิ่วหน้าว่าออกไปพร้อมกับชี้นิ้วเข้าไปในเต็นท์
ในใจแบคฮยอนได้แต่หวังว่าชานยอลจะเชื่อเขาอย่างน้อยแค่เชื่อก็พอ
คนตัวสูงนิ่วหน้าน้อยๆ
ก่อนจะย่อตัวลงเปิดเต็นท์แล้วใช้ไฟฉายส่องเข้าไปยังเด็กหนุ่มห้องข้างๆ
ที่ทำทีเป็นนอนหลับอยู่ เขาเตะเท้าอีกฝ่ายเบาๆ พร้อมกับเรียกให้คนข้างในออกมา
“มึงออกมานี่ดิ”
มือหนาเอื้อมไปคว้าคอเสื้อคนที่ยังแกล้งทำเป็นหลับแล้วกระกระชากเบาๆ
อูยองส่งเสียงครางอึมครึมในลำคอพร้อมทั้งหยัดตัวลุกขึ้นนั่งทำสีหน้าเหมือนไม่พอใจเท่าไหร่ที่ถูกปลุกขึ้นมา
“มีอะไรวะ”
“มันบอกมึงจับตูดมันอ่ะ”
“ห้ะ? มึงบ้าปะ
ไอ้สัส มันอะมาขออมของกูแล้วกูถีบแม่งออกไปนอกเต๊นท์” ชายหนุ่มตัวสูงว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาและนั่นก็ทำให้แบคฮยอนแทบเม้งแตก
“เอ้า ทำไมมึงพูดงี้วะ!”
“เห้ย! เงียบดิ! มึงแลกที่นอนกับกู
ออกมา” ชานยอลใช้อำนาจหัวหน้ากองร้อยสั่งเสียงแข็ง
คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากัน เขาจ้องหน้าอูยองไม่วางตาจนกระทั่งอีกฝ่ายหันหลังไปยกกระเป๋ากับเสื้อแล้วคลานออกมาจากเต๊นท์ด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก “เร็วดิ จะรอให้พ่อมึงมาอ่อ”
พอนายอูยองออกจากเต๊นไปแบคฮยอนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะ
แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจเขาทำงานหนักยิ่งกว่าคือคำว่าแลกเต็นท์ที่ได้ยินออกมาจากพี่หัวหน้ากองร้อย
อยู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่เห่อขึ้นมาบนใบหน้าและเหงื่อในฝ่ามือที่ผุดขึ้นจนชื้นแฉะ
คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้าแล้วกล่าวขอบคุณออกไปอีกครั้งด้วยความประหม่า
“ขอบคุณนะ ”
“มึงไปนอนก่อน
กูเฝ้ายาม เดี๋ยวกูมานอน” คนตัวสูงว่าแค่นั้นก็เดินกลับไปยังกองไฟที่จุดตั้งอยู่หน้าเต็นท์แถวบี
แบคฮยอนที่หัวใจเริ่มชักรีบคลานกลับเข้าไปในยังที่นอน
เขายกผ้าห่มสีชมพูดขึ้นกัดแล้วซุกหน้าลงกับกระเป๋าพลางส่งเสียงหวีดร้องในใจออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรื่องนี้จะต้องไม่มีทางลืมแน่น
การได้นอนกับชานยอลในค่ายรด. แบคฮยอนจะไม่มีทางลืมแน่นอน
ตุ้บ!
เสียงกระเป๋าใบใหญ่ถูกโยนเข้ามาในเต๊นท์ปลุกคนตัวเล็กให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง
แสงของไฟฉายสาดส่องไปทั่ว กลิ่นหอมๆ ของบางอย่างและเสียงกุกกักบอกแบคฮยอนให้รู้ว่าเพื่อนใหม่ของเขาย้ายเข้ามานอนแล้ว
คนตัวเล็กแสร้งทำเป็นงัวเงียแล้วพลิกตัวหันหน้าไปทางพี่หัวหน้ากองร้อยที่กำลังเอนตัวล้มลงนอนกับกระเป๋า
ชานยอลใส่เสื้อซับในสีเขียวขี้ม้าของทหาร ใช้แขนรองศีรษะอีกชั้นโดยหันศอกชี้หน้ามาทางคนข้างๆ
ในความมืดถึงจะมองเห็นเพียงแค่ลางๆ แต่หัวใจของแบคฮยอนก็ทำงานอย่างหนัก ชานยอลคงไม่รู้ตัวว่าเขากำลังถูกแอบมองอยู่ คนตัวสูงหลับตาลงผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสมำเสมอ ความแคบของเต็นท์ทำให้แบคฮยอนได้กลิ่นโคโรญจน์อ่อนๆ ที่ลอยออกมาจากตัวคนข้างๆ ทรงผมสั้นรองหวีทำให้ชานยอลดูดีมากกว่าเดิมซะอีก
แบคฮยอนว่าเขาเริ่มจะรักการฝึกรด.แล้วเพราะอย่างน้อยก็มีแค่ตัวเขาที่ได้เห็นชานยอลในบทบาทนักเรียนทหารโดยที่ไม่ต้องมีสาวๆ
มาแย่งกรี๊ด
“มองอะไร”
เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
แบคฮยอนสะดุ้งน้อยๆ พอเหลือบตาขึ้นมองคนตรงหน้าเขาถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองมา
แถมไม่หลบตาซะด้วย ทั้งๆ ที่คิดว่าชานยอลจะหลับไปแล้วซะอีก
“เปล่า ก็มองเฉยๆ
ตัดผมสั้นแล้วหล่อดี”
“หล่ออยู่แล้ว”
“รู้ตัวด้วยอ่อ”
“เออ”
คนตัวสูงตอบออกไปแค่นั้นก็พลิกตัวหนัหน้าหนีไปอีกทาง
ปล่อยให้เพื่อนตัวเล็กได้แต่นอนยิ้มเขินอยู่กับแผ่นหลังกว้างของตัวเอง
การสนทนาที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรทำแบคฮยอนใจเต้นแรงจนต้องมุดหน้าเข้าหาผ้าห่ม
รอยยิ้มเล็กๆ
ของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นในความมืดซึ่งไม่มีใครมองเห็น
แบคฮยอนถลกผ้าห่มขึ้นคลุมร่างแล้วนอนฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นโครมครามไปพร้อมกับความสุขเล็กๆ
ที่มากจนล้นออกมาจากหัวใจ
แค่นี้ก็มีกำลังไปปฏิบัติภารกิจต่อแล้ว
สิ่งที่แบคฮยอนต้องการทั้งหมดมันก็มีแค่นี้จริงๆ
#แม่บ้านทหารบกcb
ใครจะเป็นนางเอกรด.
ความคิดเห็น