คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 : :)
เวลาเที่ยงกว่าๆ
หลังจากที่ผู้บริหารย้ายกันขึ้นไปประชุมที่ชั้นบน
แบคฮยอนที่แสนว่างก็ได้แต่เดินไปเดินมาอย่างไร้หลักแหล่ง
ผู้จัดการเขายังไม่วางเพราะต้องขึ้นไปประชุม ส่วนพนักงานคนอื่นๆ
ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป
วันแรกในที่ทำงานใหม่ของแบคฮยอนไม่มีอะไรให้ทำมากนัก
รองผู้จัดการโจควอนพาเขาเดินดูนู่นนี่ แล้วก็พาทักทายพนักงานบริษัทจนถึงเที่ยงพนักงานคนอื่นๆ
ก็เริ่มพากันทยอยผลัดกันพัก ถึงตอนนี้แบคฮยอนเริ่มคิดว่าเขาหลงรักงานที่นี่แล้วเพราะคนมันไม่เยอะเลย ส่วนใหญ่จะเยอะพนักงานที่ต้องคอยให้คำปรึกษาเสียมากกว่า และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านสุดหลากหลายก็ทำให้แบคฮยอนไม่รู้สึกเบื่อ
เขาเหมือนได้เปิดโลกใบใหม่
แบคฮยอนเจอผ้าปูที่นอนที่มีราคาตั้งแต่ 200 ไปจนถึง 20,000 และลูกค้าที่เข้ามาซื้อของแพงๆ
พวกนี้ก็ทำให้แบคฮยอนตื่นเต้นได้เสมอ เขาชอบที่จะเดาว่าลูกค้าคนนั้นทำงานอะไร
เขาทำกิจการไหม ทำไมถึงรวยจัง มีลูกชายหรือเปล่า มันก็สนุกดีที่ได้เจอคนใหม่ๆ
แล้วเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ก็น่ารักดี
“เดี๋ยวตอนเย็นพี่จะให้คนเอาคู่มือมาให้
แล้วแกก็กลับไปทำการบ้านมา มันไม่ยากหรอก ดีแล้วแหละที่ได้อยู่แผนกงานช่าง คนน้อย
ไม่ค่อยมีคนมาก ไม่วุ่นวายดี ดูแล้วแกน่าจะชอบ” รองผู้จัดการโจควอนว่า เขาหันไปจัดผมกับกระจกที่บานตู้เสื้อผ้าก่อนจะพูดต่อ
“แล้วสูทก็เอาไปคืนได้และ คงไม่ต้องใช้แล้วแหละ”
“ครับ”
“แล้วนี่ไปยืมสูทใครเค้ามา ตัวใหญ่เบอเร่อเลย”
โจควอนนิ่วหน้าหันไปมองพนักงานคนใหม่ในสูทตัวโคร่งก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา
“อ๋อ ของคนรู้จักครับ พอดีเจอกันหน้าบริษัท แหะๆ”
แบคฮยอนยิ้มขืน เขาได้แต่ก้มหน้าหลุบตาลงหลบสายตาของรองผู้จัดการที่เอาแต่มองมาด้วยสายตาแปลกๆ
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนมีความผิดที่กำลังกลัวว่าจะถูกจับได้เลย
“คนรู้จักท่าทางมีเงินเนอะ ใส่สูทซะแพงเลย”
“ก็ของปลอมแหละพี่ ไม่ใช่ของจริงหรอก”
“อือ... นี่ฉันว่าฉันคุ้นๆ หน้าแกนะ เป็นคนแถวนี้ปะ”
โจควอนเอ่ยถามพลางยกมือขึ้นกอดอก เขาขมวดคิ้วลงด้วยความสงสัยในขณะที่ใช้สายตาเรดาร์กวาดมองหนุ่มน้อยตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เปล่าครับ ผมคนบูชอน”
“ชอบข้างหน้าหรือข้างหลัง”
“ห้ะ?”
“อย่ามาห้ะ ฉันถามว่าชอบข้างหน้าหรือข้างหลัง”
โจควอนถามย้ำ มุมปากเขายกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย “ฉันเห็นแกมองลูกประธานนะ
ชอบมันใช่ไหมล่ะ มองตาก็รู้เลย”
“ลูกประธาน? คนไหนอะ?” แบคฮยอนแกล้งทำเป็นเฉไฉ
แค่มองดูตาพี่รองผู้จัดการเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่านางสาวตรงหน้าเป็นไทป์ไหน ความรู้สึกเคมีตรงกันของพวกเขาพุ่งซ่าน
ริมฝีปากบางเม้มแน่นเพื่อกลั้นไม่รอยยิ้มเผลอหลุดออกมา
“แหม ก็เห็นๆ อยู่ คนหล่อๆ ก็มีคนเดียว
ไม่ต้องเขินหรอก ใครเค้าก็ชอบกันทั้งนั้น” โจควอนส่งเสียงหัวเราะหึออกมาพร้อมกับยักไหล่
“เค้ามาที่นี่บ่อยหรอครับ?” คนตัวเล็กไม่ยอมตอบคำถามแต่เลือกที่จะถามกลับไปแทน
แบคฮยอนเห็นชานยอลยืนคุยกับผู้ชายตัวท้วมๆ อยู่ที่หน้าร้านกาแฟ พวกเขายืนกันอยู่แค่สองคน
ส่วนประธานกับผู้บริหารคนอื่นๆ ก็ยังไม่ลงมาจากที่ประชุมตั้งแต่ช่วงสาย
“ก็บ่อยแหละ ส่วนใหญ่จะมาเดินซื้อของวันหยุด
แต่ไม่ได้มาแบบทางการหรอก ปกติถ้ามาก็จะมีพนักงานประจำดูแล เราก็ไม่ต้องทำไรมาก”
“อ่อ แล้วคุณยูรินนี่เค้าเป็นประธานบริหารใช่ปะ
แบบตำแหน่งเค้าใหญ่สุดแต่ไม่ใช่เจ้าของบริษัทอะ?”
“ใช่ เค้าเป็นผู้บริหาร
แต่คนที่เป็นเจ้าของบริษัทอะแฟนเค้า ก็พ่อของผู้ชายคนหล่อๆ เมื่อกี้แหละ
ตระกูลเค้าเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นหุ้นใหญ่” รองผู้จัดการหนุ่มอธิบายพลางย่อเข่าลง
สอดสายตามองรอดผ่านชั้นวางของไปยังอีกฝั่งของเชลล์ เพื่อดูว่ามีคนอื่นยืนอยู่รอบๆ
ไหม
“บริษัทนี้มันใหญ่ไหมครับ พวกเครือข่ายเค้าอะ อย่างถ้าเทียบกับพวกห้างล็อตเต้เงี้ย”
“ก็ใหญ่นะ จริงๆ เค้าก็มีบริษัทลูกทำอีกหลายอย่างแหละ มันเป็นธุรกิจครอบครัวอะ หุ้นในบริษัทที่จ่ายออกไปก็ไม่พ้นญาติๆ เค้าเป็นคนดูแล แต่ว่ามันก็ยังเป็นบริษัทในประเทศ ไม่ได้ไปทำตลาดที่อื่น เดี๋ยววันประชุมผู้บริหารคอยดูดิ ถ้าไม่จัดที่สำนักงานใหญ่เค้าก็มาจัดที่นี่แหละ ผู้บริหารจะเดินกันว่อนเลย ก็ญาติๆ เค้าทั้งนั้น ยืนโค้งกันไม่หวาดไม่ไหว”
“แล้วพี่เคยเห็นเจ้าของบริษัทปะ พ่อคนที่หล่อๆ อะ
เค้าแก่ไหม ทำไมแฟนเค้ายังดูสาวๆ อยู่เลย” แบคฮยอนยังไม่หยุดสงสัยนู่นนี่
เขาเดินตามรองผู้จัดการไปยังแผนกขายม่านฝั่งข้างๆ ที่แทบจะไม่มีคนอยู่เลย
“ก็ไม่แก่มากนะ วันนี้เค้าก็มา แต่แกอาจจะไม่เห็น
เพราะมาถึงเค้าก็ขึ้นชั้นบนเลย
ที่จริงคุณยูรินเค้าเป็นเมียคนที่สองของเจ้าของบริษัทนะ แต่งงานกันใหม่แล้วก็มีลูก แต่ไม่รู้ว่าคนก่อนหน้าเลิกไปหรือยัง”
“แล้วผู้หญิงที่มากับประธานอะ
เค้าเป็นฝ่ายบุคคลของสำนักงานใหญ่ไม่ใช่หรอ ทำไมเค้าตามประธานไปทุกทีเลย” คิ้วเรียวขมวดย่นลงเล็กน้อย
แบคฮยอนเอนหลังพิงลงกับตู้แขวนผ้าม่านพลางกวาดตามองไปรอบๆ เขารู้ว่าตัวเองกำลังหาเหาใส่หัวด้วยการเมาท์เรื่องส่วนตัวของท่านประธาน
แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ
“แก อย่าพูดไป
เค้าลือกันว่าคนเนี้ยแหละไอเท็มลับแห่งความมั่นคงของบริษัทเลย เค้าว่าเป็นคนตรวจสอบทุจริต
รู้เรื่องทุกอย่าง ทุกความเคลื่อนไหวในบริษัท ตรวจสอบได้แม้กระทั่งทีมตรวจทุจริตเอง
ตำแหน่งเค้าขึ้นตรงกับประธานนะ ใครไล่ออกไม่ได้ ขนาดผู้จัดการใหญ่ยังต้องเรียกคุณนายอน”
โจควอนหันไปป้องปากพูดเสียงค่อยกับพนักงานขาเมาท์
ที่เข้ามาทำงานวันแรกก็พาเขาชวนคุยเรื่องหวาดเสียว หน้านิ่วๆ ของแบคฮยอนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เขาดูเหมือนกับหนูแฮมเตอร์ที่กำลังเดินสำรวจกรงใบใหม่
“แล้วเค้าเป็นอะไรกับคุณชานยอลอะ ทำไมดูสนิทกัน”
“อันนี้ไม่รู้วะ ก็คงเหมือนเลขาแหละมั้ง
เค้าเป็นคนสนิทประธานอะ จริงๆ มันไม่ใช่ธุระของเราก็ไม่ต้องไปรู้อะไรมากหรอก
แต่เตือนไว้ก่อนว่าอย่าไปยุ่งกับลูกเค้าดีกว่า ถ้าอยากทำงานแบบสุขสบาย
ชอบได้แต่อย่าคาดหวังให้มันเกินตัว ฉันเห็นมาหลายคนและ ไม่อยากเสียลูกน้องไปอีก”
ว่าแล้วรองผู้จัดการก็คว่ำปากทำหน้าแหย โจควอนไม่ได้อยากจะตัดมโนแบคฮยอนหรอก
แต่เขาเห็นมาเยอะแล้วพวกที่พยายามคว้าอะไรเกินตัว แล้วสุดท้ายก็ตกลงมาตาย
“ผมไม่ได้ชอบเค้าสักหน่อย” พนักงานแบคฮยอนโกหกคำโต
เขายักไหล่ก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นสีหน้าเหม็นเบื่อของพี่รองผู้จัดการ
แบคฮยอนไม่รู้หรอกว่าเขากำลังหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า
แต่แบคฮยอนก็เชื่ออยู่ดีว่าชานยอลที่เขาเห็นไม่ใช่ชานยอลอย่างที่ใครๆ คิด
ไม่รู้หรอกว่าเพราะถูกทำให้คิดอย่างนั้น หรือกำลังหลับตาข้างเดียวอยู่
แบคฮยอนไม่ได้อยากคิดว่าเขารู้จักชานยอลมากกว่าใคร
แต่ก็ไม่รู้สิ เขาแค่รู้สึกว่ากำลังถูกหัวขโมยชานยอลขโมยหัวใจไปอีกครั้ง แล้วเขาก็แค่บังเอิญเป็นคนรู้จักที่ทำงาน
“ถ้าไม่ชอบก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเจอเรื่องวุ่นวาย”
โจควอนยิ้มเยาะ เขาเบ้ปากใส่แบคฮยอนก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วพูดต่อ
“เดี๋ยวฉันจะไปกินข้าว แกก็เดินเล่นไปก่อนแล้วกัน อีกสักพักก็ค่อยไปพักได้ แล้วบ่ายๆ
ก็ค่อยกลับเข้ามา”
“ได้ครับ”
“ห้อยบัตรพนักงานไว้ด้วยนะ เผื่อใครถาม”
“ครับ” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก พอรองผู้จัดการว่าเสร็จเขาก็หันหลังเดินจากไปปล่อยแบคฮยอนให้ยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยว
‘ติ๊ง’
ในขณะที่กำลังสอดส่องสายตามองดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เสียงแจ้งเตือนข้อความจากมือถือก็ดังขึ้น แบคฮยอนรีบเดินหลบเข้าไปในซอกระหว่างชั้นวางของก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาดูทันที
Cyyyyyxx : ส่งรูปภาพ
Cyyyyyxx : เบื่อ
.
.
.
ภายในห้องประชุมที่ยังคงรักษาคอนเซ็ปน่าเบื่อได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ปาร์ค ชานยอลแอบลอบถอนลมหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเบื่อหน่าย เขาเอาแต่จ้องมองนาฬิกาข้อมือสลับกับมองหน้าจอมือถือเพื่อดูว่าจะได้พักหรือยัง
ในหัวชานยอลตอนนี้เหมือนมีลิงกำลังนั่งตีฉาบอยู่เป็นฝูง เขาแทบจะไม่รับรู้ข่าวสารจากการประชุมเลย ชานยอลเบื่อจนจะเป็นบ้า เขาเอนหลังพิงลงกับพนักเก้าอี้แล้วทำทีเป็นอ่านเอกสาร ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นโดยใช้แผ่นกระดาษบังด้านหลังไว้
Cyyyyyxx : เบื่อ
Cyyyyyxx : ส่งรูปภาพ
รูปถ่ายตลกๆ จากแอพพลิเคชั่น Snow ถูกส่งขึ้นไปในกล่องข้อความ
ชานยอลแอบเหลือบตามองดูผู้เป็นแม่ที่นั่งหันหลังให้เขา ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายภาพคนในห้องประชุม
แล้วใช้ปากกาสีแดงวาดเขาปีศาจลงไปบนหัวทุกคนไม่เว้นแม้แต่กับแม่
Cyyyyyxx : ส่งรูปภาพ
Bhxx0506 : มาเป็นพนักงานดิ
Bhxx0506 : สบาย 5555
Cyyyyyxx : เงินเดือนน้อย
Bhxx0506 : จะออกไปกินข้าวแล้วนะ
Cyyyyyxx : ยังไม่เลิกประชุมเลย
Bhxx0506 : เลิกตอนไหน
“ทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละครับ...”
เสียงปรบมือจากทีมผู้บริหารในห้องเรียกชานยอลให้ต้องละความสนใจออกจากโทรศัพท์มือถือ
เขาปรบมือตามคนอื่นไปเนียนๆ โดยที่ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน
ชานยอลเห็นแม่ของเขายืนขึ้นฉีกยิ้มพร้อมกับโค้งขอบคุณให้ผู้จัดการ และมันก็เป็นไปธรรมเนียม
แม่จะต้องเป็นคนกล่าวปิดประชุมเสมอ และชานยอลก็รู้ได้ทันทีว่าการประชุมนี้กำลังจะเสร็จสิ้นเมื่อแม่ยืนขึ้น
“กำไรของสาขาใหญ่ปีนี้เติบโตขึ้นมาก
และก็เป็นเพราะพวกเราทุกคน ดิฉันอยากขอบคุณทุกท่านที่อดทนฟังการประชุมชี้แจงผลกำไรนี้จนจบ
ถึงแม้จะมีบางคนที่เบื่อไปบ้าง งานประชุมคณะกรรมการเดือนหน้าจะจัดที่สำนักงานใหญ่
ดิฉันแจ้งรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้ว หวังว่าทุกท่านจะมา ขอกล่าวปิดการประชุมแต่เพียงเท่านี้
ขอบคุณค่ะ”
ทันทีที่ประธานยูรินกล่าวจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ทีมผู้บริหารพากันยืนโค้งให้เธอก่อนจะเริ่มลงมือเก็บเอกสารบางส่วน และในขณะที่ชานยอลกำลังจะลุกออกจากที่นั่งบ้าง
สายตาเย็นเยียบจากผู้เป็นแม่ที่จ้องมองมาก็หยุดสองขาที่กำลังจะก้าวเดินของเขาเอาไว้
สุดท้ายพนักงานพิเศษปาร์คก็ต้องทิ้งก้นนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
เขาได้แต่มองผู้บริหารคนอื่นพากันเดินออกไปหาข้าวกินตาละห้อย ยิ่งพอเห็นว่าแม้แต่นายอนเองก็ยังเดินออกไปข้างนอก
ชานยอลก็ยิ่งเซ็งใหญ่
ทันทีที่บานประตูปิดลงและความเงียบเข้าปกคลุมห้องประชุม
เด็กหนุ่มตัวสูงก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ชานยอลเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าห้อง
เขาทิ้งก้นนั่งลงบนเก้าอี้ผู้บริหารใหญ่ที่เป็นตำแหน่งของแม่ก่อนจะยกเท้าขึ้นวางพาดบนโต๊ะประชุม
“เมื่อกี้ชานยอลเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นใช่ไหม”
ประธานยูรินเอ่ยถามเสียงเรียบ เธอยกมือขึ้นกอดอกพลางใช้สายตามองกดดันลูกชายที่ยังคงวางท่าเหมือนไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร
เขาหยิบเอาขนมคุ้กกี้ขึ้นมากัดกินพลางตอบออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
“ครับ ผมเห็นว่ามันใกล้จบแล้วก็เลยเอาออกมาเล่น”
“ไม่ว่าจะใกล้จบหรือไม่ใกล้จบ
ถ้ามันยังไม่จบชานยอลก็ไม่ควรเอามือถือออกมาเล่น”
“ครับ” คนตัวสูงได้แต่พูดตอบรับไปส่งเดช ชานยอลไม่ใส่ใจจะมองหน้าแม่ด้วยซ้ำ
เขาเอาแต่หมุนเก้าอี้ไปมาจนผู้เป็นแม่ต้องใช้มือจับพนักพิงไว้
“อย่าทำเป็นเล่น
คราวหลังอย่าให้แม่เห็นอีกว่าชานยอลใช้มือถือในห้องประชุม”
“แล้วแม่จะไล่ผมออกหรอ?”
“ชานยอล นี่แม่ไม่ได้พูดเล่นนะ”
หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว เธอหลุบตาลงมองลูกชายแล้วต่อ
“แล้วแม่บอกให้เอาสูทมาใส่ก็ไม่เอามา
แล้วจะบอกได้ไหมว่าทำไมสูทเราถึงไปอยู่กับแบคฮยอน เรื่องนี้เรายังไม่ได้คุยกันนะ”
“แม่รู้ได้ไงว่านั่นสูทผม” ชานยอลว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
เขายกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออกก่อนจะชักเท้าลงจากโต๊ะประชุม
“แม่ไม่ได้โง่นะชานยอล เสื้อที่มีแค่ชานยอลคนเดียวที่ใส่ได้ไปอยู่บนตัวใครทำไมแม่จะไม่รู้”
“อือ... ครับ แล้ว...”
“แม่ไม่รู้หรอกนะว่าชานยอลไปรู้จักหรือไปสนิทกับเค้ายังไง
แต่ทีหลังห้ามทำแบบนี้อีก เราเป็นเจ้านาย อย่าถือหางลูกน้อง เค้าเป็นพนักงาน อย่าทำตัวสนิทสนมให้มันเกินไป
ใจดีได้แต่ให้มันมีขอบเขต คิดว่าถ้าคนอื่นรู้จะเป็นยังไง ใครจะถูกเอาไปพูดเสียหาย”
คำพูดของประธานบริหารผู้มีนโยบายดึงใจพนักงานทำเอาชานยอลแทบหลุดขำ
ตอนนี้ในหัวเขามีรายชื่อพนักงานสาวประมาณร้อยคนที่แม่เคยบอกให้ไปตีสนิทสนม เพื่อที่จะหวังให้พวกเธอทุ่มเททำงานให้บริษัทชนิดที่เรียกได้ว่าขายวิญญาณให้องค์กร
ชานยอลไม่ได้จะดื้อรั้น เขาแค่คิดว่าถ้าแม่ทำอย่างนั้นได้แล้วกับแบคฮยอนมันจะผิดอะไร
ที่จริงที่ชานยอลไม่ได้ทำเลยอะไรด้วยซ้ำ เขาแค่ให้แบคฮยอนยืมเสื้อใส่เอง
“เข้าใจที่แม่พูดไหม”
“ครับ”
“รับปากแล้วก็ทำให้มันได้จริงๆ นะ
ไม่ใช่แค่รับปากไปส่งๆ อย่าทำเป็นเรื่องเล่นๆ อย่าให้แม่ต้องจัดการเอง”
“ครับ” เด็กหนุ่มตัวสูงได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความเผด็จการของผู้เป็นแม่
ชานยอลทำได้เพียงแค่ต้องตอบปากรับคำไปอย่างไร้ซึ่งหนทางปฏิเสธ ถึงแม้ว่าในใจเขาจะไม่รู้สึกเห็นด้วยหรือยอมรับเลยแม้แต่น้อย
ชานยอลแค่อยากให้มันจบ
เขาเบื่อที่จะต้องทนนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว แล้วก็เบื่อจะตายกับการถูกห้ามให้ทำนู่นนี่อยู่ตลอดเวลา
“ไม่ต้องทำหน้าไม่พอใจ อย่าหาว่าแม่บังคับชานยอลเลยนะ
เรามีหน้าที่ มีตำแหน่ง ทั้งหมดนี้แม่ก็ทำเพื่อชานยอลทั้งนั้น”
“ผมรู้ครับ” ชานยอลไม่ได้เถียงอะไร เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มจางๆ
ให้กับผู้เป็นแม่ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดต่อ “ผมจะออกไปกินข้าวได้หรือยัง”
“อื้อ ก็ไปสิ แต่เย็นนี้อย่าลืมกลับไปบริษัทก่อนหกโมงนะ”
“ครับ”
“อ้อ แล้วก็เรื่องโคลอี้ เค้าได้บอกหรือยังว่าจะกลับมาตอนซัมเมอร์”
ประธานสาวว่าด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง ในขณะที่เดินไปเก็บเอกสารต่างๆ บนโต๊ะ
เธอเหลือบตาขึ้นมองลูกชายเพียงครู่ก็หันไปสนใจกองกระดาษต่อ
“เปล่าครับ ไม่ได้บอก” คนตัวสูงส่ายหน้าปฏิเสธ
คิ้วเรียวขมวดย่นลงเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ชานยอลเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะหันไปฟังผู้เป็นแม่พูด
“หรอ
เค้าบอกแม่ว่าส่งข้อความมาบอกชานยอลแล้วแต่ชานยอลไม่อ่าน โทรหาดึกๆ ก็ไม่ค่อยรับ
แม่นึกว่าคุยกันแล้ว”
“เปล่าครับ ผมเพิ่งรู้ เค้าจะกลับวันไหน”
“ประมาณเดือนหน้า แม่ให้ชานยอลลาหยุดได้นะ
จะได้มีเวลาเต็มที่” ยูรินเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ลูกชายที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
เธอส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะว่าต่อ “ถ้าอยากไปเที่ยวแม่จองโรงแรมเป็นการส่วนตัวให้ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมบอกอีกที”
ชานยอลพูดแค่นั้นก็ผลักประตูเดินออกจากห้องประชุมไป เขาหยิบเอาหูฟังออกมาต่อกับมือถือก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟท์เพื่อลงไปหาอะไรกินที่ชั้นล่างทันที
.
.
.
21:05
‘แกร๊ก’
“เฮ้อ...”
การนั่งรถที่แสนยาวนาน ละการทำงานที่แสนเหนื่อยล้าทำแบคฮยอนอดที่จะต้องถอนลมหายใจออกมาไม่ได้
คนตัวเล็กปิดประตูห้องลงพร้อมกับตบสวิทช์เปิดไฟก่อนจะเดินโซเซไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเหมือนคนใกล้ตาย...
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มเศษๆ แล้ว แบคฮยอนเพิ่งกลับถึงห้องหลังจากที่เลิกงานตั้งแต่ทุ่มครึ่ง เขาแทบจะฟุบหลับลงไปกับเตียงทันทีที่หัวแตะหมอน การทำงานในเมืองหลวงวันแรกทำแบคฮยอนงอมไปหมด รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลายเป็นถั่วงอกที่โดนซ้อมจนช้ำแล้วช้ำอีก แบคฮยอนไม่เคยคิดเลยว่าแค่การนั่งรถไปกลับที่ทำงานจะกินพลังงานมากขนาดนี้
“เฮ้อ...”
ลมหายใจอุ่นๆ ถูกถอนออกมาอีกครั้ง คนตัวเล็กหยัดร่างที่อ่อนปวกเปียกเป็นผักเน่าลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดพัดลม
แล้วจัดการเปลื้องผ้าออกจากร่างกาย เขาถอดทั้งเสื้อและกางเกงรวมถึงกางเกงในทิ้งเอาไว้ที่ปลายเตียงก่อนจะรีบเดินเข้าไปอาบน้ำทันทีเพื่อที่จะได้รีบออกมานอนพัก
วันนี้แบคฮยอนเหนื่อยสุดๆ พลังงานทั้งทางร่างกายและจิตใจเหลือศูนย์
แบคฮยอนต้องการที่จะชาร์จแบตเดี๋ยวนี้เลย…
.
.
.
Bhxx0506 : ทำงานวันแรกอย่างเหนื่อย
ผู้จัดการเอ็นดูหนูหน่อย
ภาพถ่ายไหปลาร้าเปลือยเปล่ากับภาพเสื้อเชิ้ตตกไหล่ที่ดูเหมือนจะไม่มีเกี่ยวข้องอะไรกับแคปชั่นถูกอัพโหลดลงบนทวิตส่วนตัว แบคฮยอนยกยิ้มกระหยิ่ม กลิ้งตัวไปมาบนเตียงอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่ได้ย้ายตัวเองเข้าสู่ Comfrot zone หรือที่เรียกว่าพื้นที่แห่งความอบอุ่น
ในวันที่เพื่อนสนิทไม่อยู่ห้องแบคฮยอนแบบนี้ก็มีอิสระที่จะทำอะไรได้หลายอย่าง
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเหงามากๆ จะโทรหาใครบางคนก็ไม่กล้าเพราะไม่รู้ว่าเขายุ่งอยู่หรือเปล่า
สุดท้ายก็เลยทำได้แค่นอนฟังเพลง หาดูอะไรที่มันเจริญหูเจริญตาไปพลางๆ
ในขณะที่กำลังนอนสำรวจโทรศัพท์เครื่องใหม่ไปเรื่อยเปื่อย
แบคฮยอนก็คอยเงียหูฟังการแจ้งเตือนจากมือถือเครื่องเก่าไปด้วย
เขาหันไปกดรีเฟสหน้าการแจ้งเตือนซ้ำเพื่อดูว่ามีใครทักทายมาหรือยังแต่มันก็ว่างเปล่า…
คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันด้วยความประหลาดใจ แบคฮยอนหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเช็คทวิตเตอร์ตัวเองอีกครั้ง
แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ารูปที่ตัวเองเพิ่งอัพโหลดไปเมื่อครู่ไม่มีอยู่แล้ว
ถึงจะพยายามกดโหลดซ้ำกี่ครั้งแต่ก็ยังไม่เจออยู่ดี
“อะไรวะ” คนตัวเล็กบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะตัดสินใจโพสต์รูปใหม่อีกครั้ง
คราวนี้แบคฮยอนรอดูจนแน่ใจแล้วว่าภาพถูกอัปโหลดเสร็จเรียบร้อย
พอเห็นว่าการโพสต์ทวิตเสร็จสมบูรณ์เขาก็ลองกลับไปที่หน้าหลักอีกครั้ง แต่แล้วโพสต์อันเดิมที่หายไปกับตาก็ทำให้เขาต้องแปลกใจ
“เอ้า เน็ตเป็นไรวะ”
ได้แต่บ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิดใจ ในขณะที่กำลังจะพิมพ์ด่าเครือข่ายอินเตอร์เน็ตลงในทวิตฯ
ความคิดบางอย่างที่แล่นเข้ามาในหัวก็หยุดมือที่กำลังกดแป้นพิมพ์เอาไว้
มันโพสต์ไม่ติดหรือโดนลบวะ…
อยู่ๆ แบคฮยอนก็รู้สึกเหมือนหน้าร้อนเห่อขึ้นมาเฉยๆ
เขาวางโทรศัพท์คว่ำลงกับเตียงก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอน
แล้วตีขาลงกับที่นอนด้วยความรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิด
แบคฮยอนกำลังพยายามบอกตัวเองว่า ‘อย่าคิดเข้าตัวเองสิ’ ‘มันไม่ใช่อย่างงั้นหรอก’ ‘อย่าเพ้อเจ้อสิแบคฮยอน’
แต่สุดท้ายความคิดเขาก็โอนเอียงไปตามทางที่ใจอยากคิดอยู่ดี
คนตัวเล็กตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความลงไปใหม่อีกครั้ง
พร้อมกับแนบลิ้งเพลงน่ารักๆ ความหมายตรงใจลงไปด้วย แบคฮยอนไม่รู้หรอกว่าชานยอลแอบดูโทรศัพท์ของเขาอยู่ไหม
แล้วก็ไม่อยากมั่นใจด้วย แต่มันคงทรมานมากถ้าต้องทนคิดไปเองคนเดียวทั้งคืน
เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือยังคงดังวนไปไม่หยุด
ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันหลายครั้ง แบคฮยอนรู้สึกเหมือนกำลังตกลงไปในเหวที่มีทุ่งดอกไม้เป็นก้น
ถ้าชานยอลกำลังอ่านอยู่และไม่โง่จนเกินไป เขาจะต้องรู้แน่ว่าแบคฮยอนกำลังหมายถึงใคร
‘ติ๊ง’
ยังไม่ทันจะได้วางโทรศัพท์ล งเสียงแจ้งเตือนเมนชั่นจากแอคเคาน์
Cyyyyyxx ก็ทำเจ้าของมือถือตาตื่น แบคฮยอนรีบกดเข้าไปดูทันที ก่อนที่จะต้องอุดหน้าลงกรี๊ดกับหมอนอีกครั้ง
‘ติ๊ง’
Direct Messege from @Cyyyyyxx
Cyyyyyxx : เดี๋ยวโทรหาครับ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”
ความคิดเห็น