คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : The Letter (END)
ตู้ม!!
ผืนดินแห้งกรังระเบิดตูมอย่างแรงเมื่อเฮริคอปเตอร์ปล่อยเจ้าหนูลงที่หน้าป้อม
ในสนามรบที่เต็มไปด้วยเสียงปืน แก้วหูของนายทหารชานยอลปวดอื้อ
ลูกกระสุนแม็กใหญ่ถูกบรจุใส่กระบอก เกี่ยวไกค้างเพียงแค่ครั้งเดียวปืนกลก็สาดกระสุนรัวใส่ทหารฝั่งตรงข้าม
ความร้อนและกลิ่นดินปืนลอยปะทะเข้าใบหน้า พ่วงด้วยเศษปลอกกระสุน
“ฮู่ว... ฮู่ว...”
ไอความเย็นพ่นออกมาจากลมหายใจที่ร้อนระอุ
ทันทีที่เสียงหวอทิ้งระเบิดเงียบลง ทหารอีกนายที่หลบอยู่หลังกระสอบทรายยกกล้องขึ้นส่องศัตรู
และในจังหวะนั้นเองที่กระสุนหัวแหลมเจาะทะลุหน้าผากเขา ร่างกายกำยำเอนล้มหงายลงราวกับตุ๊กตาไม้
นายทหารหนุ่มชาวเกาหลีกัดฟันแน่น
เขาคว้าปืนกลและยิงรัวออกไป กระสุนนับสิบพุ่งตรงเข้าร่างมือสังหาร ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงเมื่อสนามรบมีแต่ซากศพ
ควันจากการระเบิดปกคลุมทั่วบริเวณราวกับหมอก ชายหนุ่มเอนหลังพิงลงกับกระสอบทราย
ริมฝีปากแห้งผากสั่นระริกเพราะความหนาวเย็น
ภาพของเพื่อนร่วมหน่วยที่นอนตายอยู่ข้างๆ ฝังติดตา มือหนายกขึ้นจิกขยุ้มทรงผม
ก่อนที่กำปั้นใหญ่ๆ จะถูกซัดเข้าใส่เนินดินเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมด
“บ้าเอ้ย! บ้าเอ้ย!!”
.
.
.
ควันบุหรี่สีขาวพุ่งพวยออกมาพร้อมไอเย็นจากลมหายใจ
ชายหนุ่มใช้มีดเหลากิ่งไม้แล้วปักลงไปบนดินที่มีก้อนหินจำนวนหนึ่งจะถูกนำไปวางต่อเป็นชั้นแทนสุสานชั่วคราว
ในดวงตากลมมีแต่ความว่างเปล่า ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของความเหนื่อยล้า
ชานยอลทิ้งก้นบุหรี่ลงก่อนจะเดินกลับเข้าไปในค่ายพักทหาร
เศษซากของสงครามถูกทิ้งไว้ทั่วทุกที่ มันช่างเป็นภาพที่น่าเวทนากึ่งชวนให้ชินชา เบสพับแหวนห่อผ้าใส่ไว้ในกระเป๋าของเขา
เสียงฟืนแตกไฟเป็นสิ่งเดียวที่ดึงสมาธิของชายหนุ่มที่เพิ่งสูญเสียเพื่อนรักไปได้
“เฮ้ จดหมายนาย”
เสียงไปรษณีย์ประจำกองรบดึงความสนใจของทหารหนุ่มให้ละสายตาออกจากความเศร้า
รอว์นีย์เดินถือซองจดหมายและโปสการ์ดตรงเข้าไปหาเพื่อนทหารชาวเอเชีย
เขาส่งโปสการ์ดขอบยับๆ กับซองจดหมายที่รัดด้วยเชือกให้กับชานยอลก่อนจะเดินไปหาลอยด์
รอยยิ้มแรกของวันที่เหนื่อยล้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม
ชานยอลก้มลงสูดกลิ่นหอมที่แสนคุ้นเคยจากซองจดหมายก่อนที่จะปลีกตัวเดินไปนั่งตรงโขดหินก้อนใหญ่แล้วแกะมันออกด้วยความดีใจ
“เธอเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายนะ” หัวหน้ากองรบร่างใหญ่เดินมาแตะไหล่นักรักชาวเอเชียที่นั่งอมยิ้มมองซองจดหมายอยู่คนเดียว
ใบหน้าของเขาบ่งบอกได้ถึงความสุขที่เอ่อล้นได้อย่างดีทีเดียว
“ครับ”
“เธอสวยใช่ไหม”
“เธอสวยที่สุดสำหรับผม”
“หึ”
ซองจดหมายรักสีนวลถูกแกะออก
เพียงแค่ได้กลิ่นน้ำหอมที่เป็นกลิ่นประจำกายคนรักหัวใจที่แข็งกระด้างจากความโหดร้ายของสงครามก็อ่อนยวบ
ชานยอลรู้สึกเหมือนได้ซบหน้าลงกับหลังมือขาวนุ่มที่แสนคิดถึง ปลายนิ้วหยาบๆ
เปื้อนเขม่าดินปืนลูบไล้ไปตามขอบกระดาษยับย่น
ความรัก ความโหยหา หลั่งล้นออกมาเต็มหัวใจ...
“ภรรยาผมเป็นคนแสนดี” เขารำพึงรำพันออกมา
ตัวอักษรที่ถูกไล่เรียงถ่ายทอดความรู้สึกและเล่าเรื่องราวเปรียบได้ดั่งเชื้อเพลิงที่เติมพลังลงในจิตใจที่แห้งกร้าน
หัวหน้ากองรบอาวุโสตบบ่านายทหารหนุ่มพลางยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินจากไปเพื่อปล่อยให้เขาได้ใช้เวลาส่วนตัวดื่มด่ำไปกับจดหมาย
' 17 sep 1918
ถึงที่รัก ฉันได้รับจดหมายนี้เมื่อวันที่
16 กันยายน ไปรษณีย์มาส่งช้าเพราะติดเหตุความวุ่นวายในเมือง และฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ในคืนวันที่
17 เพื่อที่จะได้ส่งให้ทัน เพราะเมื่อวานต้องพาชาลีไปหาหมอ แกท้องอืดไม่ยอมทานอะไร
แต่ตอนนี้หายดีเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ยังคิดถึงนายเหมือนเดิม
ตั้งใจจะส่งเสื้อไปให้ก่อนหน้าหนาวแต่ใช้เวลาทำทั้งวันก็ยังไม่เสร็จสักที จึงแนบโปสการ์ดจากสวนสนุกที่ไปเที่ยวเมื่อวันอาทิตย์มาแทน
ฉันเพิ่งได้งานใหม่เมื่อต้นเดือนที่ร้านตัดเสื้อผ้า
วันหนึ่งเจอแต่คนตัดชุดสูทกับชุดเจ้าสาว หวังว่าจะได้เห็นนายใส่สักวัน และฉันจะเป็นคนตัดชุดนั้นด้วยตัวเอง
ที่นั่นหนาวบ้างหรือยัง หวังว่าชานยอลของฉันจะรักษาสุขภาพตัวเองอย่างดี
เมื่อวานอาทิตย์ที่แล้วแกรบเบรียลเพิ่งเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคลำไส้และตายเมื่อวานก่อน
ขอให้รักษาสุขภาพตัวเองด้วย หวังว่านายจะได้รู้ว่าพวกเราสุขสบายดีจากความเสียสละที่ยิ่งใหญ่
ถึงจะมีความไม่วุ่นวายในเมืองแต่ฉันก็ยังปลอดภัยดี
ไม่มีเหตุลุกลาม ขอให้ไม่ต้องห่วง ทางการกำลังส่งคนมาดูแล ชาลีแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
อีกไม่นานก็คงจะหายดีแล้ว ทุกครั้งเวลาได้ยินข่าวทิ้งระเบิดทีไรนอนไม่เคยหลับทุกที
ขอให้นายปลอดภัยจนกว่าจะได้กลับมาหาเราอีกครั้ง
จนถึงวันนั้นก็อยากให้ช่วยอดทนเอาไว้
ขอบคุณหินสลักที่ส่งมาให้สม่ำเสมอ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง แล้วจะเขียนมาอีกฉบับ
หวังว่าจะได้จดหมายตอบกลับอย่างเร็วที่สุด
ด้วยความโหยหาอย่างสุดซึ้ง จากก้นบึ้งของหัวใจ - Bh’
จดหมายรายงานความเป็นไปจากโลกภายนอกทำให้ชานยอลรู้สึกเหมือนได้หลุดออกจากค่ายทหารไปครู่หนึ่ง
เขาจ้องมองลายมือที่เขียนอย่างบรรจงก่อนที่จะหยิบเอาโปสการ์ดของสวนสนุกขึ้นมาดู
นายทหารหนุ่มพับจดหมายเก็บใส่ซอง เขาใช้เชือกผูกมันไว้คู่กันเหมือนเดิม
ริมฝีปากหยักประทับรอยจูบลงบนจ่าหน้าซองจดหมายก่อนที่มันจะถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ๊คเกตสีเขียวขี้ม้า
แค่ได้รู้ว่าแบคฮยอนยังสบายดี
ไม่มีเหตุความวุ่นวายใดๆ จิตใจของชานยอลก็สงบลงมาก รู้สึกได้ถึงความรักความห่วงหาที่ถูกอัดแน่นมาเต็มจดหมาย
และชานยอลเองก็คิดถึงคนรักของเขามากเหลือเกิน...
คนตัวสูงก้มลงเก็บหินก้อนขนาดพอดีมือขึ้นมาจากพื้น
ก่อนจะลุกขึ้นเดินมุ่งหน้าไปยังเพิงเสบียง
ควันจากระเบิดที่ถูกทิ้งลงกลางสนามรบเมื่อเช้ายังคงลอยฟุ้ง
ศพของนายทหารบางคนยังหาไม่พบ เกวียนขนเสบียงและอาวุธที่ถูกเผาเป็นเถ้าธุลี ทุกๆ
วันชานยอลยืนมองภาพนี้แล้วคิดว่าเมื่อไหร่เขาจะเป็นรายต่อไป
เมื่อไหร่ที่เพื่อนของเขาจะมายืนมองอยู่ตรงนี้ และเห็นร่างไร้ชีวิตของชานยอลถูกแบกออกจากสนาม...
กี่ปีแล้วนะที่อยู่ที่นี่...
กี่ปีที่อดทนทำทุกอย่าง ทั้งความรัก หน้าที่ หรือแม้แต่ความตายที่รออยู่ตรงหน้า...
เมื่อไหร่จะได้กลับบ้านสักที...
.
.
.
' 22 Oct 1918
ผมยังสบายดี
ดีใจที่ได้ยินว่าคุณอยู่สบาย นี่เป็นรูปที่กองทัพถ่าย ผมแอบขโมยมาจากห้องทำงานนาย
แค่หวังว่าคุณจะได้เห็นรูปผม และผมอยากบอกว่าผมคิดถึงคุณมากเหลือเกิน เดือนหน้าเยอรมันจะสั่งเพิ่มกำลังที่ชายแดน
แต่ผมขอให้คุณอย่าห่วง ผมจะเขียนจดหมายถึงคุณ มันใกล้จะจบแล้ว ได้โปรดรอผม
และผมจะกลับไปหาคุณ – park chanyeol’
ภายในห้องตัดเสื้อที่มีเพียงแค่แสงจากตะเกียง
ช่างตัดเสื้อหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามใบหน้าของคนรักที่ปรากฏอยู่ในรูปถ่ายข่าวดำ หยดน้ำตาเล็กๆ
ร่วงเผาะลงบนหลังมือ ใบหน้าที่ไม่ได้สัมผัสนานเนิ่นนานจนกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว
เพียงแค่ได้รู้ว่าคนรักยังมีความสุขดีแบคฮยอนก็ไม่ต้องการอะไรอีก
คนตัวเล็กยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะหยิบเอากระดาษอีกแผ่นมาวางใต้แสงตะเกียง
มือที่สั่นเทาเอื้อมไปหยิบปากกามาจรดลงบนหน้ากระดาษ
แบคฮยอนพยายามหายใจให้ลึกมากกว่าเดิม เขาจับมือข้างที่กำลังสั่นเอาไว้แน่น จากนั้นก็เริ่มเขียนจดหมายรักอีกฉบับ
เมื่อไหร่สงครามนี้จะยุติเสียที...
วี๊ด...
เสียงหวีดของกาต้มน้ำเรียกคนตัวเล็กที่กำลังนั่งเหม่ออยู่บนโต๊ะทานอาหารให้ต้องลุกขึ้นไปปิดไฟ
แบคฮยอนยกกาต้มน้ำลงจากเตาก่อนที่จะเดินไปหยิบแก้วกาแฟมาวางไว้ตรงหน้า
ดวงตาเรียวรีจ้องมองลงไปในแก้วกาแฟที่ว่างเปล่า
น้ำร้อนถูกรินลงในแก้ว ส่งควันรอยขึ้นปะทะอากาศเย็น
แบคฮยอนหยิบเอาขวดกาแฟมาเปิดฝาออกแล้วพยายามจะตักมันใส่ถ้วยโดยที่ไม่ให้หก
แต่มือที่สั่นไม่หยุดก็ทำให้กาแฟล้นออกจากช้อนจนได้ ยิ่งพยายามจะสั่งให้นิ่งมันก็ยิ่งสั่นมากขึ้นจนนึกรำคาญ
แบคฮยอนวางช้อนลงอย่างใจเย็นแล้วเริ่มตักกาแฟใส่แก้วอีกครั้ง
ตามด้วยน้ำตาลและนม อาการผิดปกติทางระบบประสาททำให้แม้แต่การจับช้อนก็ยังยาก
คนตัวเล็กถือแก้วกาแฟสองมือไปวางบนโต๊ะอาหารก่อนที่จะหันไปดูแลเจ้าตัวน้อยที่นอนอยู่ในรถเข็น
ดวงตากลมโตสีฟ้าของชาลีส่องสะท้อนกับแสงตะเกียงในยามที่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง
แบคฮยอนส่งยิ้มให้กับเด็กน้อยพลางเอื้อมมือไปลูบแก้มที่ขึ้นสีแดงเพราะอากาศเย็นจัด
ซองจดหมายที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน บิลค้างค่าเช่าบ้าน
ค่าน้ำ และจดหมายทวงหนี้จากธนาคารทำแบคฮยอนเครียดจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับ
ลมหายใจอุ่นๆ ถูกถอนออกมาเฮือกใหญ่ กวาดสายตามองไปทางไหนก็เจอแต่ความมืดมิด
ไม่มีทางไหนเลยจะสามารถแก้เรื่องนี้ได้
“ตื่นเช้าจัง”
เสียงทุ้มๆ จากด้านหลังเรียกคนตัวเล็กให้ละสายตาไปมองแฟนหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องครัว
ชานยอลตรงเข้าไปกอดคนรักของเขาจากทางด้านหลังพร้อมทั้งพรมจูบลงที่ข้างแก้มด้วยความรักใคร่
สีหน้าอมทุกข์ของแบคฮยอนกับจดหมายในมือทำให้ชานยอลต้องถอนหายใจออกมา
เขารวบเอาจดหมายนั้นออกมาจากมือคนรักก่อนที่เอ่ยขึ้น
“ให้ผมจัดการเอง”
“ฉันแค่...”
“ไม่เป็นไร ผมจะหาทางเอง” คนตัวสูงย้ำคำพูดหนักแน่น
ชานยอลรวบเอามือเล็กๆ ที่กำลังสั่นมากอบกุมไว้พร้อมกับยกมันขึ้นจูบด้วยความรักใคร่
เขาจะไม่มีทางปล่อยให้บ้านหลังนี้ถูกยึด และจะไม่ปล่อยให้เด็กชายตัวน้อยต้องถูกส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“ถ้ามันเกินรับไหว – ”
“ไม่ ผมโอเค” ช่างไม้หนุ่มพูดแค่นั้นก็เดินไปหยิบเอาแก้วกาแฟที่คนรักชงไว้ให้มาดื่ม
ถึงแม้ว่าชาลีจะเป็นแค่เด็กที่ใครก็ไม่รู้นำมาวางไว้ที่หน้าบ้านแต่ชานยอลก็ไม่คิดทอดทิ้งเขา
ชานยอลรู้ดีว่าการต้องดิ้นรนเอาตัวรอดคนเดียวนั้นเป็นยัง ไง และมันสำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้
“สิ้นเดือนนี้เราอาจจะโดนยึดบ้าน”
“...........”
“อึก... ฉันควรจะทำอะไรได้บ้าง” หยดน้ำตาร่วงหยดลงบนโต๊ะอาหาร
แบคฮยอนยกมือขึ้นปิดใบหน้าด้วยความละอาย ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินไม่มีใครอยากจ้างคนทำงาน
และแบคฮยอนก็รู้สึกว่าตัวเขาช่างไร้ค่าเหลือเกิน
“คุณเป็นกำลังใจให้ผม...”
“ฮึก...”
“ผมจะหาทางเอง...”
-
‘Military summons
Department of army, Office of the chief of army reserve ’
ซองกระดาษยับๆ สีน้ำตาลที่ถูกส่งมาจากสำนักงานกองกำลังทหารถูกเปิดผนึกออก ในเช้าที่ท้องฟ้าครึ้มฝนแบคฮยอนเปิดซองจดหมายแปลกตาที่จ่าหน้าถึงคนรักของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ภายในซองบรรจุเอกสารเรียกตัวจากกองทัพให้เข้าประจำการด่วนที่เขตชายแดน
ราวกับหัวใจถูกบีบกระชากอย่างรุนแรง แบคฮยอนพยายามจะสูดลมหายใจให้ลึก เขาหันหลังไป
และเจอกับแฟนตัวสูงที่ยืนเม้มริมฝีปากอยู่ด้านหลัง ใบหน้าของชานยอลดูไม่ต่างจากคนที่ถูกจับผิด
“นี่หมายความว่าไง” คิ้วเรียวย่นเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ
มือบางสั่นระริก แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไร
ชายตรงหน้าก็พุ่งเข้ามารวบตัวเขาเข้าไปกอดไว้แน่น
เพียงแค่นั้นแบคฮยอนก็รับรู้ทุกอย่างได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องมีคำอธิบายใด
หัวใจเขาเหมือนแตกสลายเมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มได้ทำสิ่งใดลงไป หยดน้ำตาไหลดิ่งออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ทั้งที่ชานยอลรู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้สงครามปะทุแค่ไหน
และเขากำลังส่งตัวเองไปตาย
“ผมตั้งใจทำ ผมอยากทำสิ่งนี้” ชานยอลกระซิบคำพูดลงที่ข้างกกหูคนรัก
เขาผละตัวออกก่อนจะยกมือขึ้นประคองใบหน้าคนตัวเล็กให้เงยขึ้นสบตา
ดวงตากลมโตจ้องมองลึกลงไปในแววตาที่กำสั่นไหวและมีหยดน้ำตาเอ่อล้น
ชานยอลรู้ว่ามันกระทันหันแต่เขาไม่มีทางเลือกแล้ว “ผมเคยฝึก ผมเอาไหว ผมจะกลับมา”
“แล้วถ้านายไม่ได้กลับมา...”
มือบางขยุ้มเสื้อแจ็คเกตชายหนุ่มตรงหน้าไว้แน่น
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียสิ่งสำคัญไปอีกอย่าง สิ่งที่มีค่ามากกว่าบ้านหรือทรัพย์สินอื่นใด
เขาอาจต้องเสียชานยอลไปในสนามรบ
“ผมจะกลับมา ผมสัญญา”
“นายไม่ต้องทำแบบนี้... ฮือ...”
หยดน้ำตาเริ่มไหลออกมาไม่ขาดสาย แบคฮยอนคิดว่าเขาจะทำใจไม่ได้เมื่อต้องได้ยินข่าวรายงานความเลวร้ายจากสงครามแทบทุกวัน
และทหารที่นั่นตายมากกว่าอยู่ ไม่นับรวมสงครามกลางเมืองที่ปะทุไม่แพ้กัน
“ผมต้องทำ... คุณจะได้รักษากับหมอที่ดีที่สุด
กินยาที่ดีที่สุด มีที่อยู่ แล้วชาลีก็จะได้รักษา คุณไม่ต้องลำบาก”
ชานยอลพยายามยิ้มออกมาถึงแม้ว่าในใจเขาจะเต็มไปด้วยความขมขื่น
ริมฝีปากหยักประทับจูบลงบนกลีบปากบางซ้ำๆ
ชานยอลไม่คิดว่าเขามีทางเลือกมากนักและนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
สวัสดิการของทหารจะทำให้แบคฮยอนอยู่รอดได้ อย่างน้อยพวกเขาทั้งคู่อยู่สบาย...
“ถ้านายไม่ได้กลับมา มันก็ไม่มีประโยชน์ ฮือ...”
แบคฮยอนรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดตอนนี้ ไม่มีอะไรที่จะสามารถแก้ไขได้แล้ว
เขามองลึกเข้าไปในสายตาของคนรักและก็เห็นทุกอย่าง
ชานยอลพยายามทำเพื่อครอบครัวอยู่เสมอ เขาเป็นผู้ชายเอเชียคนเดียวในเมืองนี้ที่โดดเดี่ยว
เป็นคนดี และสามารถเสียสละได้หลายอย่างเพื่อครอบครัว แต่มันไม่ควรเป็นสิ่งนี้
สงครามจะพรากชีวิตเขาไปจากครอบครัว...
“ให้ผมทำ... ผมตัดสินใจไปแล้ว”
“ฮึก...”
“ผมจะกลับมาหาคุณ...”
ในวันสุดท้ายที่จะได้เจอหน้าคนรัก แบคฮยอนทำได้เพียงแค่ยืนมองดูเรือที่กำลังพาหัวใจของเขาล่องไกลห่างออกไป
ทำได้เพียงจ้องมองดูใบหน้าที่แสนรักค่อยๆ หายไปจากสายตาด้วยเรือขนส่งทหาร...
สิ่งสุดท้ายที่แบคฮยอนมองเห็นมีเพียงแค่ปลายกระบอกปืนที่สะพายอยู่บนหลังเท่านั้นเอง...
.
.
.
ภายในโรงนอนที่มืดสนิท
เสียงไม้ขีดดังขูดกับกล่องกระดาษ ชานยอลใช้แสงไฟเพียงน้อยนิดส่องภาพจากรูปถ่ายที่คนรักส่งมาให้
ด้านหลังมีข้อความสั้นๆ ถูกเขียนไว้
การ์ดทุกใบจดหมายทุกฉบับถูกมัดรวมกันเอาไว้ด้วยเชือก
สภาพของมันดูแย่ไม่ต่างจากร่างกายของทหารผ่านศึก
ความเงียบทำให้ความคิดดังมากกว่าปกติ
ความรู้สึกอ้างว้างกัดกินจิตใจนายทหารหนุ่มไปทีละเล็กน้อย ชานยอลตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนแล้วใช้แสงไฟจากไม้ขีดนำทางไปยังกระเป๋าสัมภาระ
เขาหยิบเทียนออกมาจุดให้แสงสว่างก่อนจะหยิบเอากระดาษกับปากกาออกมาเตรียมเขียนจดหมายเพื่อส่งมันในวันพรุ่งนี้
ชานยอลแค่คิดว่าเขาจะต้องส่งมันให้ได้
แสงเทียนวูบไหวไปตามลม ปลายปากกาจรดลงบนแผ่นกระดาษยับๆ
ชานยอลมองรูปคนรักและลูกชายของเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะเขียนเนื้อความลงในจดหมาย
‘6 Nov 1918
ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่เขียนจดหมายฉับบนี้แต่ก็เกิดเปลี่ยนความคิด
และผมคิดว่าจะต้องเขียนให้ได้ พรุ่งนี้เยอรมันจะส่งกำลังทหารเข้ามาประชิดชายแดนเป็นครั้งสุดท้าย
แต่กว่าคุณจะได้รับจดหมายสงครามคงจบไปแล้ว และผมจะได้กลับบ้านสักที ผมจะทำตามสัญญา
ผมจะกลับไปกอดคุณและบอกคุณว่าผมรักคุณเหลือเกิน
ผมรักคุณ แบคฮยอน - park chanyeol’
ทหารหนุ่มสูดลมหายใจเข้าสุดปอด
ชานยอลพับจดหมายของเขาใส่ซองพร้อมกับเขียนจ่าหน้าก่อนที่จะสอดมันไว้ในปึกจดหมายและโปสการ์ด
เขาก้มลงจูบมันอีกครั้งแล้วเก็บจดหมายทั้งหมดใส่กระเป๋าแจ็คเกตด้านในเหมือนอย่างที่ชอบทำ
อีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว...
มันกำลังจะจบลงแล้ว...
แสงเทียนถูกดับลง ชานยอลคลานกลับไปนอนยังที่ของเขา
ดวงตากลมโตลืมยังคงลืมขึ้นท่ามกลางความมืดมิด จ้องมองลึกลงไปในความว่างเปล่าที่หนาวเย็น...
อีกไม่นานก็จะจบแล้ว... ให้มันจบลงสักที...
-
“เอาปืนไป ไปๆๆๆๆ!!!”
หัวหน้าใหญ่ของกองรบกล่าวเสียงดังเพื่อกระตุ้นให้เหล่าทหารตื่นตัว
ชานยอลเก็บระเบิดใส่กระเป๋าแล้วสะพายปืนใส่หลังก่อนที่จะหยิบเอาหมวกทรงครึ่งวงกลมขึ้นมาสวม
เขาเช็คอุปกรณ์ทั้งหมดแล้ววิ่งออกจากโรงเก็บอุปกรณ์ตรงไปยังศูนย์บัญชาการ
เสียงระเบิดยังดังสนั่นไม่หยุด อาการที่หนาวเย็นไม่อาจทำให้ไฟในสนามรบสงบลง ชานยอลวิ่งตรงไปหาเพื่อนสนิทของเขาก่อนที่จะหยิบเอาปึ้งกระดาษออกมาจากเสื้อแล้วแกะจดหมายส่งให้กับรอว์นีย์
“ฝากด้วย ต้องส่งให้ได้ นายต้องส่งให้ได้” ชายหนุ่มย้ำคำพูดหนักแน่น เมื่อเห็นเพื่อนรักพยักหน้ารับปากเขาก็ยิ้มออกมา
“ฉันจะส่งให้นายให้ได้”
“ขอบใจ”
กล่าวจบนายทหารหนุ่มก็วิ่งตรงไปขึ้นรถนำส่งทหารทันที ทันทีที่เท้าก้าวขึ้นท้าย
รถขนส่งทหารก็ขับเคลื่อนมุ่งตรงไปยังแดนรบทันที
มือหนากำปลายกระบอกปืนเย็นเฉียบไว้แน่น
สีหน้าของนายทหารแต่ละคนในรถนิ่งเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
แต่ชานยอลก็รู้ดีว่าพวกเขารู้สึกยังไง
ตู้ม!!
ระเบิดลูกแล้วลูกเล่าถูกยิงมาตกในสนามรบส่งเสียงดังสนั่นไปทั่ว
กำแพงป้องกันปืนใหญ่ที่เป็นด้านหน้าสนามเพลาะพังราบกลายเป็นซากปลักหักพัง
ในบังเกอร์ใต้ดินที่เป็นด่านสุดท้ายของสนามเพลาะแนวหน้า
ลังกระสุนจำนวนมากถูกเรียงรายมาวางกองไว้
ชานยอลช่วยเพื่อนเขาบันจุกระสุนใส่ปืนใหญ่แล้วยิงออกไปหลายสิบลูก
เสียงปืนยังคงดังไม่หยุด สัญญาณข้าศึกบุกผ่านปราการลวดหนามบอกให้ชานยอลเตรียมพร้อม
เขาปลดปืนออกจากหลังแล้วปืนขึ้นไปบนบันไดไม้ พลทหารชั้นแนวหน้าหลายสิบคนเข้าประจำตำแหน่ง
ชานยอลเหนี่ยวไกลยิงสกัดข้าศึกเยอรมันล้มลงที่กลางสนาม
“ไปเลย!! ออกไปเลย!!!”
เมื่อเห็นว่าการยิงสกัดด้วยปืนใหญ่แล้วปืนกลไม่พอยั้งฆ่าศึก
ชานยอลก็คลานออกจากหลุมเพลาะ เขาหมอบตัววิ่งไปหลบอยู่หลังป้อมปืนใหญ่ที่เหลือเพียงซากกำแพงหักๆ
ฝนที่ตกอย่างหนักเมื่อคืนทำให้สนามรบกลายเป็นดินโคลน
เขาเลี่ยงตัวออกจากบังเกอร์แล้วสาดกระสุนใส่ข้าศึกอีกหลายนัด
ลูกกระสุนปืนใหญ่สาดโคลนใสร่างชายหนุ่มจนชุ่ม พลทหารอีกสองนายจากด้านหลังวิ่งออกมาจากบังเกอร์ที่ถูกระเบิดจนพังเละ
ชานยอลหยัดตัวขึ้นยิงกระสุนสกัดให้กับเพื่อนของเขาจนทั้งคู่เข้ามาหลบในกำแพงเดียวกัน
“พวกมันมาเยอะเกินไป!”
“เรา... จะไม่ไหวแล้ว…”
“ใจเย็นไว้ๆ นายช่วยเค้าฉันจะยิงสกัดให้เอง”
ชานยอลหันไปบอกกับแพทย์สนามที่กำลังปฐมพยาบาลให้กับเพื่อนทหารที่ถูกยิง
เขายกปืนขึ้นยิงสกัดให้กับนายทหารอีกชุดที่วิ่งออกมาจากหลุมกำบังก่อนจะเบี่ยงปลายกระบอกปืนไปยังข้าศึกที่หลบอยู่หลังกำแพง
ตู้ม!!
เสียงระเบิดทำแก้วหูปวดร้าวไปหมด ลูกกระสุนที่สาดมาอย่างต่อเนื่องทำชานยอลแทบไม่มีโอกาสได้โผล่หัวขึ้นไปยิงตอบโต้
เศษดินลอยคละคลุ้งไปทั่ว ชายหนุ่มเบี่ยงตัวไปยิงข้าศึกล้มไปอีกสองศพ
ก่อนที่ลูกระเบิดสีดำจากฝั่งตรงข้ามจะถูกเขวี้ยงเข้ามาที่หลังกำแพง
วินาทีนั้นชานยอลไม่คิดอะไร
เขาก้มลงหยิบระเบิดแล้วยืนขึ้นปามันกลับไปยังอีกฝั่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกกระสุนของอีกฝ่ายพุ่งทะลุเข้าเจาะร่างอย่างจัง
.....
มันจุกจนชาไปหมด...
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที... ร่างสูงใหญ่เอนล้มลงหงายไปหลังกำแพง
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ชานยอลไม่รู้สึกอะไรนอกจากความจุกแน่นที่หน้าอก
ริมฝีปากหยักเผยออ้าพยายามจะสูดลมหายใจเข้าปากแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน...
ในวินาทีที่รู้ว่าตัวเองถูกยิงหลายนัด ชานยอลไม่คิดอะไร
การมารบคือการเผชิญหน้ากับความตาย เขารู้สึกเพียงแค่เสียดายและอยากขอโทษภรรยากับคำสัญญาที่รักษาไม่ได้
ด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย
มือหนายกขึ้นล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบเอาปึกซองจดหมายออกมา
ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังรูปถ่ายของภรรยาและลูกชายที่แสนน่ารัก
โดยหวังว่าจะได้จดจำมันเป็นครั้งสุดท้าย…
เขาประทับรอยจูบลงบนใบหน้าของคนที่แสนรักด้วยความรักสุดหัวใจ
ทดแทนความรู้สึกที่ไม่มีโอกาสจะได้พูดออกไป...
คุณช่างอยู่ไกล... อยู่ไกลจากอ้อมกอดผมเหลือเกิน...
ความหนาวเย็นแทรกซึมไปทั่วร่าง
น้ำตาหยดสุดท้ายไหลดิ่งออกจากหางตา ท่อนแขนทิ้งตกลงกับพื้น
อย่างน้อยสิ่งสุดท้ายที่ชานยอลได้เห็นก็ไม่ใช่ภาพความโหดร้ายของสงคราม...
ผมขอโทษ... ผมขอโทษที่กลับไปหาคุณไม่ได้...
.
.
ในเช้าที่มีหิมะตกลงปรอยๆ
แบคฮยอนออกไปยืนหน้าบ้านเพื่อรอจดหมายเหมือนอย่างทุกวัน
มือบางยกขึ้นถูเข้าด้วยกันเพื่อเรียกความอบอุ่น
เสียงรถไปรษณีย์ประจำหมู่บ้านขับมาจอดอยู่ที่บ้านข้างๆ
บาร์กคุยกับคุณนายทอมสันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอพุ่งเข้ากอดเขาพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
พอเห็นอย่างนั้นแล้วแบคฮยอนก็อดที่จะเดินไปพูดคุยด้วยไม่ได้
“สามีฉันปลดประจำการ ทอมปลดประจำการแล้ว
เค้าจะกลับถึงพรุ่งนี้” ยังไม่ทันได้เอ่ยทักทายอะไรสาวอ้วนก็หันมาอวดใหญ่ เธอเอาแต่ยิ้มไม่หยุด
ข่าวเรื่องเยอรมันยอมจบสงครามด้วยการเซนต์สัญญาสงบศึกสร้างความดีใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่รอคอยให้ทหารเหล่านั้นกลับบ้าน
“ดีจังเลย มีของฉันบ้างไหม”
คนตัวเล็กหันไปถามกับบุรุษไปรษณีย์คนคุ้นเคย เขาได้ยินบาร์กพึมพำบางอย่างก่อนจะหยิบเอาซองจดหมายในกระเป๋าย่ามออกมาค้นดู
“ของบ้านเลขที่ 26.... อือ... วันนี้ไม่มีครับ”
หนุ่มไปรษณีย์ส่ายหน้า บาร์กทำได้แค่ยิ้มฝืนๆ ให้ลูกค้าของเขาเมื่อได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า
“สักฉบับก็ไม่มีเลยหรอ...”
“ไม่มีครับ”
ราวกลับกำลังใจที่เตรียมมาได้หายไปจนหมด
แบคฮยอนใจหายวาบ หน้าเขาชาไปหมดเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้รับจดหมายปลดประจำการของแฟนหนุ่มจากกองทัพ
คนตัวเล็กพยายามคิดปลอบใจตัวเองว่าวันนี้จดหมายอาจจะมาไม่ถึง
และเขาจะต้องได้มันในวันพรุ่งนี้
ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองพื้นด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
แบคฮยอนหันหลังให้กับบุรุษไปรษณีย์แล้วเดินหนีเข้าบ้านไปเพื่อซ่อนสีหน้าและน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
ทันทีที่ประตูบานใหญ่ปิดลง คนตัวเล็กก็ทรุดตัวลงกับพื้นทันที
ความคิดมากมายวิ่งวุ่นวายอยู่ในหัว รู้สึกเสียวปลายเท้าและใจหวิวไปหมด
ไม่มีจดหมาย... ไม่มีแจ้งการตาย
หรือหมายปลดประจำการ...
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น
มือบางเริ่มสั่นอีกครั้งและมันรุนแรงมากกว่าครั้งไหนๆ
แบคฮยอนไม่แม้แต่จะควบคุมแขนตัวเองให้เอื้อมไปจับลูกบิดได้
ทำไมกัน... ทำไม...
.
.
.
ณ
สถานีรถไฟที่มีผู้คนมากมายมาแออัดกันเพื่อรอต้อนรับใครสักคนในครอบครัวกลับบ้าน
แบคฮยอนยืนหลบอยู่ด้านหลังชานชลาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกลัว มือบางบีบกำคันจับรถเข็นของเด็กชายตัวเล็กเอาไว้แน่น
ตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรง
เสียงระฆังเตือนรถไฟเข้าทำใจเขายิ่งตื่นตระหนก
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับจดหมายใดๆ
เลยแต่แบคฮยอนก็ยังมาที่สถานีรถไฟโดยที่ในใจก็หวังว่าจะได้เจอคนรักเหมือนอย่างคนอื่นๆ
ธงสหรัฐอเมริกาถูกยกขึ้นโบกเมื่อรถไฟจอดเข้าเทียบท่า
มันบดบังทุกสิ่งทุกอย่างจนหมด แบคฮยอนทำได้เพียงแค่ยืนชะเง้อคอมองจากทางด้านหลัง
เขาเห็นเหล่าทหารผ่านศึกเริ่มทยอยลงจากรถไฟ บางคนพุ่งตรงเข้ากอดลูกและภรรยาทันที
มันเป็นภาพที่ชวนให้ใจหายและรู้สึกหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน....
“ขอร้อง...”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ความอ่อนแอกัดกินจิตใจแบคฮยอนจนแทบจะทนไม่ไหว
อาการสั่นที่หายไปนานเริ่มกลับมาอีกครั้งเมื่อจิตใจของเขาไม่มั่นคง
ผู้คนยืนกันแออัดอยู่ตรงชานชลาและแบคฮยอนก็ทำได้เพียงแค่ยืนรอ
...เขามองคู่รักและครอบครัวเดินผ่านหน้าไปหลายต่อหลายคน
มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมานเหลือเกิน...
.
.
.
เวลาผ่านไปหลายนาทีจนผู้คนเริ่มบางลง
แบคฮยอนยังยืนร้องไห้อยู่ตรงที่เดิม ความหวังเริ่มลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ
ยิ่งเห็นว่าไม่มีใครลงจากรถไฟแล้วแบคฮยอนก็ยิ่งใจสลาย หยดน้ำตามากมายพากันไหลพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่ได้
แข้งขาอ่อนแรงจนแทบทรุดลง
มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความว่างเปล่า
ราวกับหัวใจได้ถูกบดขยี้ให้แหลกลงอีกครั้ง
แบคฮยอนไม่ทำใจไม่ได้กับเรื่องทั้งหมดนี้ เขาอยากบอกตัวเองให้หยุดคิดเรื่องไม่ดีแต่มันก็เหมือนการหลอกตัวเอง
ชานยอลไม่กลับมา... เขาไม่กลับมาจากสงคราม...
มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่ยังไหลไม่ยอมหยุด
ความอึดอัดใจฝังแน่นอยู่เต็มอก
หมวกแกรมเบอร์ที่แฟนหนุ่มเคยให้ไว้ร่วงหล่นลงจากศีรษะ แบคฮยอนยืนร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน
และคนที่เดินผ่านไปมาก็ทำได้แค่เพียงมองมาด้วยสายตาแห่งความสงสารกับผู้ชายที่กำลังใจสลายคนหนึ่ง
“คุณทำหมวกตก...”
เสียงทุ้มๆ ที่แสนคุ้นเคยเรียกแบคฮยอนให้ต้องหันไปมองด้านหลัง...
ราวกับแสงไฟจากหัวไม้ขีดที่ใกล้ดับเต็มทีได้สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงแค่ได้เห็นว่าชายคนนั้นเป็นใคร
ชายหนุ่มที่แสนคุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าที่แสนคิดถึง
ทุกอย่างทุกสิ่งของเขา สิ่งที่แบคฮยอนใฝ่หามากที่สุดในชีวิตนี้...
“ฮือ!”
คนตัวเล็กระเบิดเสียงร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายใครพร้อมกับโถมตัวพุ่งเข้ากอดแฟนหนุ่มที่เกือบคิดว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว
ทั้งกลิ่นกายที่คุ้นเคย สัมผัสที่เฝ้ารอ
มันราวกับปาฏิหาริย์จนแบคฮยอนไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย เป็นความรู้สึกที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้เลย
“ผมบอกแล้วว่าจะกลับมาหา...”
“ฮือ”
“และผมเป็นคนรักษาสัญญา...”
ชานยอลกอดแฟนตัวเล็กเอาไว้แน่นพร้อมกับก้มลงจูบบนศีรษะทุยด้วยความรักใคร่
ความโหยหา ความคิดถึงที่อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ ตอนนี้ได้ถูกระบายออกมาแล้ว นายทหารหนุ่มอุ้มร่างแฟนของเขาขึ้นด้วยสองแขนก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปประกบจูบบนริมฝีปากบางท่ามกลางสายตาของชาวเมืองที่มารอรถไฟเที่ยวถัดไป
มันเป็นภาพของความสวยงามที่ทำให้ผู้คนต้องหลั่งน้ำตา...
นายทหารคนหนึ่งที่แทบจะยืนด้วยขาเดียวไม่ไหวกอดภรรยาของเขาเอาไว้ด้วยความรักที่มีทั้งหมด
ด้วยทั้งความซื่อสัตย์ อดทน และรักเดียวใจเดียว...
“ผมคิดถึงคุณที่สุดเลย...”
ไม่มีสิ่งใดมีค่าไปมากกว่านี้อีกแล้ว...
ไม่มีอะไรมีค่ากว่าการได้กลับมาเจอกับคนรักอีกแล้ว...
ไม่มีอะไรที่จะสามารถทดแทนความรู้สึกนี้ได้อีกแล้ว...
END
#myfablecb
ความคิดเห็น