คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prolouge : มึงกะเทยอะ!
“ฮึก... ฮึก....”
เสียงร้องไห้ดังขจรขจายไปทั่วร้านตัดผม
สาวน้อยบอบบางที่แสนน่าสงสารหลั่งน้ำตาสะอื้นไห้ประดุจวันเสียตัวเมื่อเห็นเส้นผมของตัวเองที่อุตส่าห์ไว้มาอย่างยาวนานค่อยๆ
ล่วงหล่นลงบนพื้นเหมือนกับหยาดน้ำตา
“มึงจะร้องทำไมนักหนาวะ” โด
คยองซูเหลือบตาขึ้นมองเจ้าอ้อแอ้ของเขาที่ยังเอาแต่นั่งสะอื้นไม่หยุดถึงแม้ว่าจะไม่ช่วยอะไร
เมื่อช่างตัดผมเอาพัฟแป้งกลมๆ
จุ่มลงในตลับแป้งแคร์แล้วมาโปะหัวแบคฮยอนก็รู้สึกราวกับโลกของเขาได้ถล่มทลายลง
ริมฝีปากบางสั่นระริก ขอบตาเรียวรีแดงช้ำ
ภาพของเด็กชายหัวโปกในกระจกตอกย้ำจิตใจเขายิ่งกว่าสิ่งใด
ใบหน้าขาวเนียนกับทรงผมสั้นเกรียนและการเรียน
รด...
“ก็ผมมันไว้มาสามปี แล้วก็ต้องมาตัดเพื่อสามวัน...” จาง
อี้ชิงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง
เขายกมือขึ้นรูปหัวตัวเองที่เกรียนไม่แพ้กัน สัมผัสได้ถึงตอผมเล็กๆ
ที่รูดไปกับฝ่ามือ มันฟินเหมือนกับได้เห็นชายหล่อแก้ผ้าถ่ายรูปลง fb
“หัวมึงเกรียนจนเขียวเลยอีแบ้ก”
“แต่นี่เบอร์ยาวสุดแล้วนะ”
“หุบปาก!” เจ้าอ้อแอ้ประจำแก๊งสามแม่มดยืนขึ้นกัดฟันด้วยความรู้สึกสุดเจ็บแค้น
แบคฮยอนรีบหยิบหมวกมาสวมหัวทันทีด้วยความอาย
นับแต่นี้เขาคงไม่กล้าไปเจอหน้าใครทั้งนั้นจนกว่าผมจะยาว
“เอาวะ อย่างน้อยก็ได้ไปฝึกกับไอ้ชาน”
“ฮือ! ก็เพราะต้องไปฝึกกับมันไงอีเหี้ย กูจะกล้าเจอหน้ามันได้ไง
หัวกูเกรียนขนาดนี้อะ ฮือ!” ยังไม่ทันไรแบคฮยอนก็แหกปากร้องไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อมีคนไปพูดจาสะกิดใจเขา
ทำเอาเพื่อนๆ ปวดหัวกันไปหมด แม้แต่ลุงช่างตัดผมเองก็ยังส่ายหน้า
คยองซูรีบลุกขึ้นควักแบงค์ห้าร้อยออกมาจากกระเป๋าเพื่อจ่ายเงินเป็นค่าไถผมสำหรับสามหัว
เขานิ่วหน้าเหลือบตามองเพื่อนรักที่พยายามจะใช้ผ้าเช็ดหน้าคลุมหัวไว้แล้วใส่หมวกแก๊บทับ
มันตลกยิ่งกว่าหัวเขียวๆ ของเขาซะอีก
แบคฮยอนทำอย่างกับเป็นป้าที่ชอบโยนหน้ากากอนามัยใส่คนบนรถไฟฟ้า
ทั้งหมวก ทั้งผ้าเช็ดหน้าและแว่นดำ
คยองซูสาบานได้ว่าเขาจะไม่เดินใกล้แบคฮยอนถ้าเจ้าตัวออกไปจากร้านสภาพนี้
“มึงทำเหี้ยไรมึงอีแบ้ก” อี้ชิงเดินไปดึงหมวกในมือเพื่อนที่ตัวเล็กสุดในกลุ่มออก
ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว
ยังไงวันนี้หรือพรุ่งนี้แบคฮยอนก็ต้องโชว์หัวเขียวให้เพื่อนดูอยู่ดี
เขาจะอายไปทำไม
“กูอายอะ...” คนเรื่องมากว่าเสียงอ่อยพลางเกาะแขนเพื่อนรักแล้วเดินหลบหลังออกจากร้านตัดผมไป
หัวใจของแบคฮยอนถูกขยี้เป็นผุยผง
เพียงแค่นึกสภาพว่าจะต้องเดินเข้าห้องเรียนทั้งแบบนี้ขาแข้งมันก็แข็งไปหมด
“มึงจะอายอะไรวะ เค้าก็ตัดผมกันทั้งห้อง”
“กูไม่กล้าเจอชานยอลอ๊ะ...”
“โอ้ยยยย มันสนใจมึงตายอะ ร้อยวันพันปีกูไม่เห็นมันคุยกับมึง โว้ยยย!”
ความมากลีลาของเพื่อนรักทำอี้ชิงเริ่มอารมณ์เสีย
เขาทั้งฉุดทั้งดึงแบคฮยอนให้เดินเข้าโรงเรียนก่อนที่รั้วจะปิดเมื่อหมดเวลาพัก
มันจะอะไรนักหนากับเวลาเพียงแค่สามวันที่แลกกับการไม่ต้องเกณฑ์ทหาร
แบคฮยอนควรคิดว่ามันคุ้มสิ
“แล้วถ้ามันล้อกูอะ...” คนตัวเล็กนิ่วหน้าว่าออกไปด้วยความเป็นกังวล
ใครๆ ก็รู้ว่าแก๊งชานยอลเป็นแบบไหน
การต้องรู้สึกไม่มั่นใจต่อหน้าคนที่ตัวเองชอบมันก็แย่พออยู่แล้ว ทำไมใครๆ
ถึงไม่เข้าใจว่าการเรียนรด.มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนอย่างแบคฮยอน
“เออ ถ้ามันล้อมึงเดี๋ยวกูจัดการเอง” จางอี้ชิงยื่นคำขาดก่อนจะลากเพื่อนรักให้รีบเดินเมื่อเสียงออดหมดเวลาพักดังขึ้น
สองวันสุดท้ายก่อนการไปฝึกค่ายรด.บนเขา
เด็กผู้ชายกว่าครึ่งในโรงเรียนตัดผมสั้นเกรียนกันหมด เพื่อแลกกับการไม่ต้องจับใบแดงทหาร
นี่คือสิ่งคุ้มมากที่แบคฮยอนควรจะต้องพอใจ
.
.
.
เสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวดังไปทั่วห้องเรียนในคาบที่อาจารย์ไม่เข้าสอน
นักเรียนชั้น ม.5/3 เคาะโต๊ะร้องเพลง ร่อนกระดาษเล่นกันอย่างสนุกสนาน
ส่วนแบคฮยอนที่เคยสดใสร่าเริงก็กลายเป็นคนซึมเศร้าไม่พูดไม่จากับใครในบัดดล
ดวงตาเรียวรีจ้องมองไปยังแผ่นหลังกว้างใหญ่ของ my crush ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะแถวในสุดฝั่งริมประตู
“แล้วมึงไม่บอกกับจารย์ไปวะ เหี้ย แล้วเดี๋ยวงี้พวกกูก็เดือดร้อน”
เสียงทะเลาะกันของสองนักเรียนหนุ่มดังขึ้นท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าว
คิม จงอิน
ตัวแสบของห้องทำท่าไม่พอใจเมื่อเห็นแฮชานเพื่อนอีกคนของเขาแสดงสีหน้าลำบากใจเหมือนไปทำความผิดอะไรมา
“ก็กูไม่กล้าบอก จารย์เค้ายืนกันอยู่เต็ม เค้าโทรหาแม่กูได้นะเว้ย”
“น่ะ ไอ้เหี้ย มึงไม่ยอมรับผิดอะ มึงกะเทยว่ะ!” จงอินผลักไหล่เพื่อนเขาด้วยท่าทีหัวเสีย
คนถูกว่าเองก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไรเพราะรู้ดีว่าตัวเองผิดอยู่แก่ใจ
แต่เหมือนคำพูดของเขาจะทำให้ใครที่กำลังเศร้าเสียใจเดือดร้อนจนต้องลุกขึ้นตบโต๊ะ
“กะเทยแล้วทำไมวะ!” เสียงเล็กๆ ตวาดดังลั่นห้อง
แบคฮยอนลุกขึ้นตะโกนตบโต๊ะดังปัง เขาจ้องมองนายตัวดำอย่างหาเรื่อง
คำว่ากะเทยทำแบคฮยอนโกรธจนหูสั่นถึงเขาจะไม่ใช่กะเทยก็ตาม(?) ทำไมใครๆ ก็ต้องว่ากะเทยด้วย
“กูไม่ได้พูดกับมึง อีหัวโล้น!”
“หัวโล้นพ่อมึงดิ! มึงจะเอาใช่ปะ!”
มีใครบางคนกล่าวว่าความโศกเศร้าอาจทำให้คนเราเสียสติ
แบคฮยอนเชิดหน้าอย่างหาเรื่องจนเพื่อนสนิทต้องลุกขึ้นจับแขนไว้ทำทีเป็นเหมือนจะห้าม
เพราะรู้ว่าถ้าไม่รับมุกกันแบบนี้แบคฮยอนจะต้องหน้าแตกแน่
“มาดิ มึงจะเอาก็มาดิอีตุ๊ด!”
“มึงมาเดะ!”
“เห้ยๆ ใจเย็น” คยองซูรีบยกมือขึ้นคว้าไหล่เพื่อนของเขาที่ไม่เป็นตัวเองเท่าไหร่หลังจากที่ไปตัดผม
เขาเห็นแก๊งเพื่อนของจงอินหัวเราะใหญ่
ยิ่งกับนายชานยอลที่ใช้สายตากรุ้มกริ้มกับรอยยิ้มมุมปากแบบนั้นมองมาแล้วด้วย
“คำก็ตุ๊ดสองคำก็ตุ๊ด เดี๋ยวกูเ-็ดตูดแม่งเลย!!
“มาเอาดิ” ชานยอลซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังเพื่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ริมฝีปากเขายกยิ้มน้อยๆ
สายตาเจ้าเล่ห์จ้องมองไปยังเพื่อนรวมห้องตัวเล็กที่ไปตัดผมมาใหม่ซะเนียน
คนตัวสูงได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปราวกับถูกกดปิดสวิชต์
แบคฮยอนที่รู้สึกเหมือนร่างกายโดนสต๊าฟพูดไม่ออก หัวใจเขาเต้นแรงด้วยคำพูดจากน้ำเสียงนุ่มทุ้มเพียงแค่ประโยคเดียว แม้มันจะเป็นประโยคท้าทายก็ตาม ชานยอลที่เย็นชาอยู่เสมอ เขากำลังส่งยิ้มมาทางนี้ถึงจะเป็นแค่รอยยิ้มขบขัน มันทำแบคฮยอนสมองมันตื้อไปหมด ปากอยากจะอ้าด่าออกไปก็นึกคำพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งจ้องหน้าเขาไม่วางตา
“น่ะ อิแบ้กมึงเขินอะ! โฮ่~ มึงชอบชานยอลอะ”
“หิ้ว~!”
เสียงนักเรียนชายนายหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงโห่แซวรับเป็นจังหวะ คนตัวเล็กยิ่งรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดให้ได้ เขารีบหันไปตวาดไอ้ตัวชงใหญ่
แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดโอเวอร์เพื่อปกปิดอาการเขินของตัวเอง
“กูไม่ได้ชอบ!”
“โอ้ย~ เค้ารู้กันทั้งห้องแล้ว~”
“ฮ่าๆๆๆ”
และแล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง
แบคฮยอนหน้าร้อนเห่อ
เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนที่ถูกพูดถึงสุดท้ายก็ได้แต่ต้องกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำทีเป็นโมโหทั้งที่ข้างในเขินจนตัวแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
“อีแบ้ก มึงใจเย็น มึงหน้าแดง” หน่วยปฐมพยาบาลอี้ชิงรีบเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาโปะหน้าผากให้เพื่อนรักที่โดนหนุ่มหล่อของโรงเรียนแอทแทคอย่างรุนแรง
เขาจับแบคฮยอนให้นอนเงยหน้าก่อนที่เลือดกำเดาจะไหลออกมาเพราะร่างกายสูบฉีดเลือดมากเกินไป
“มึง อีเหี้ย... มันยิ้มให้กู....”
มือที่ชุ่มชื้นเหงื่อทั้งสองข้างกำแน่น
คนตัวเล็กกัดฟันกระซิบคำพูดเบาๆ ที่ได้ยินกันเฉพาะหมู่เพื่อน
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างพยายามกลั้นสติ ตอนนี้แบคฮยอนเขินจนจมูกบานไปหมด
ใจเขาเต้นตึกตัก ถึงจะรู้ว่ามันเป็นแค่รอยยิ้มขำขันแต่แบคฮยอนก็ยังดีใจอยู่ดี
ตอนนี้รู้สึกเหมือนหัวใจเขาจะกระเด็นออกมานอกอกแล้ว
ชานยอลที่โคตรเย็นชาและเอาแต่ทำหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลา
เขายิ้มให้กับแบคฮยอนด้วย
“มันเยาะเย้ยมึง มันไม่ได้ยิ้มให้มึง”
“นั่นแหละมึง มันยิ้มให้กู” ถึงเพื่อนรักจะบอกยังไงแบคฮยอนก็ไม่ยอมหลุดออกมาจากโลกแห่งความฝันและจินตนาการของตัวเอง
มือบางกำกางเกงนักเรียนแน่น
คำพูดเมื่อกี้ยังเอาแต่ดังวนเวียนอยู่ในหูคอยปั่นหัวใจให้เต้นผิดจังหวะ
นี่ขนาดนั่งอยู่ไกลกันยังกระทำได้รุนแรงขนาดนี้
แล้วถ้าได้ไปฝึกด้วยกันใช้ชีวิตคลุกคลีกันที่ค่ายสักสามวันแบคฮยอนไม่รู้เลยว่าสภาพเขาจะเป็นยังไง
อาบน้ำร่วมกับชานยอล
กินข้าวกับชานยอล และนอนกับชานยอล หรืออาจจะได้....กับชานยอล....
“หึ นี่ขนาดมันแค่แซวนะ ถ้ามึงยังไม่เลิกบ้าแบบนี้มึงไปค่ายกับมันมึงตาย”
“ยังไงกูก็ตายอยู่แล้วปะ ฮือ...” แบคฮยอนเอาแต่ส่งเสียงครางหงุงหงิงออกมาจากในลำคอเหมือนลูกหมา
ทำเอาเพื่อนที่นั่งฟังอยู่มองบนไปตามๆ กัน
แค่พรุ่งนี้อีกวันนักเรียนบางส่วนของชั้นม.
5 ก็จะต้องไปขึ้นเขาทำการฝึกภาคสนาม สามวันสำหรับการเรียน รด. นั่นหมายถึงการใช้ชีวิตแบบผู้ชายกับผู้ชายเป็นกองร้อย
และภารกิจทดสอบความเป็นชายอันแสนบากบั่น สำหรับบางคนนั่นอาจเป็นสนามรบหรือสนามรัก
แต่สำหรับกะเทยแล้วมันคือสมรภูมิหน้าไหม้ การผิวเสีย และความลำบากตรากตรำ
แต่ถ้าอย่างน้อยได้ผู้ชายสักคนนึงมาเป็นคู่กัน
มันก็อาจจะกลายเป็นเรื่องที่ดี...
“พรุ่งนี้ไปเข้าค่ายแล้วโว้ย!!!”
.
.
.
เวลาหกโมงเศษบนรถบัส
เสียงเพลงร้องเพลงที่แสนน่ารำคาญดังผสมกับเสียงพูดคุยไปทั่วทั้งคันรถ
กับนักเรียนชั้น ม.5 ที่หาทุกสิ่งทุกอย่างมาเคาะให้เกิดเสียงได้ มีเพียงสามชายน้อยกลุ่มเล็กๆ
ที่นั่งหน้ามุ่ยเบียดกันอยู่บนเบาะนั่ง แบคฮยอนเท้าคงลงกับหัวเขียวๆ ของเพื่อนคยองก่อนจะถอนลมหายใจออกมา
“รำคานว่ะ” คนตัวเล็กนิ่วหน้าบ่นออกมาอย่างนึกเซ็ง
การไปเข้าค่ายฝึกของนักเรียนรด.ปีสองที่เคยคิดว่าจะน่าสนใจเพราะมีแต่ผู้ชายมันไม่ใช่อย่างที่คิด
ผู้ชายที่แบคฮยอนเจอในคันรถมีแต่เพื่อนหน้าเดิมๆ ที่เคยเห็นกันมาตั้งแต่สมัยม.ต้น
“เออ... รำคาญสัส” อี้ชิงกล่าวสมทบ “แม่งไม่เหมือนที่คิดเลย...”
“โว้ยยยยย! มึงเงียบกันหน่อยได้ไหม!!” เมื่อทนไม่ไหวแบคฮยอนก็ยืนขึ้นตะโกนเสียงดังลั่นรถบัส
แต่แล้วก็กลายเป็นว่าเขาถูกกลุ่มที่นั่งเคาะถาดอยู่หลังรถพูดตามต่อกันเป็นทอดๆ
จนกลายเป็นเรื่องตลกก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้น
แล้วสุดท้ายรถก็ยังเสียงดังเหมือนเดิมอยู่ดี
“มันไม่ฟังมึงหรอก”
“แบ้ก คืนนี้มึงนอนกับกูป้าว!”
เสียงใครบางคนตะโกนขึ้นที่เบาะหลังก่อนที่เสียงโห่ฮิ้วจะดังตามมา
คนตัวเล็กได้แต่กรอกตาอย่างนึกเซ็งก่อนจะเดินออกจากที่นั่งเพื่อไปเข้าห้องน้ำ
ริมฝีปากบางขยับบ่นมุบมิบไปตลอดทาง เสียงพูดคุยดังๆ
และหัวข้อเรื่องฟุตบอลที่ฟังไม่เข้าใจทำให้แบคฮยอนยิ่งหงุดหงิดใหญ่
“แม่ง มีแต่พวกผู้ชาย”
“แล้วมึงไม่ใช่ผู้ชายอ่อ”
แรงปะทะเบาๆ
จากด้านหน้าเรียกคนตัวเล็กที่มัวแต่สนใจมองดูเสื้อผ้าให้ต้องเงยขึ้นมองเพื่อนร่วมชั้นตัวสูง
พอเห็นว่าตัวเองเดินชนเข้ากับใครแบคฮยอนก็ทำอะไรไม่ถูก
เขามัวแต่ยืนอึกอักอยู่หน้าเจ้าของรูปร่างสูงโปร่งในชุดฝึกรด.และใบหน้าหล่อเหล่า
ก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายจับบ่าแล้วดันให้เบี่ยงตัวหลบทาง ทางเดินแคบๆ
ของรสบัสทำให้ร่างของแบคฮยอนแทบจะถูกเบียดจมหายไปกับร่างกายสูงยักษ์ของพี่สุดหล่อประจำห้องตอนที่พวกเขาเดินผ่านกัน
หัวใจดวงเล็กเต้นตึกตัก
กลิ่นหอมจากโรลออนหรือน้ำหอมบางอย่างบนตัวชานยอลทำแบคฮยอนหน้าร้อนเห่อไปหมด
แม้ว่าเขาจะเดินผ่านไปแล้วก็ตาม
“ชานยอล มึงเอาเมียมึงไปนอนด้วยดิ!”
“เหี้ยใครแซวหัวหน้าวะ ”
“ฮิ้ว~!”
จีฮวานที่เห็นว่าเพื่อนตัวเล็กเอาแต่ยืนเขินเอ่ยแซวเสียงดัง
ก่อนที่จะถูกฝ่ามือบางฟาดหัวไหล่เข้าเต็มแรง เสียงร้องโห่ฮิ้วดังขึ้นอีกครั้งแต่คนคูลๆ อย่างชานยอลก็ฉลาดพอจะไม่ตอบโต้อะไร
เขาเพียงแค่กลับไปนั่งยังที่ประจำแก๊งหล่อของตัวเอง ส่วนแบคฮยอนก็ก้มหน้าเดินดุ่มตรงไปเข้าห้องน้ำโดยไม่พูดอะไร
ก็แค่เพื่อนกันทักทายกันเหมือนทุกวัน
ก็แค่เรียนห้องเดียวกัน ก็แค่ถูกดันให้หลบทาง แต่ทำไมมันเขินจัง หยุดสักทีแบคฮยอน
เป็นแบบนี้จะมีสติฝึกจนจบได้ยังไง!
เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงกับการนั่งรถมาถึงศูนย์ฝึกก่อนที่เหล่านักศึกษาวิชาทหารจะต้องต่อรถเล็กเข้าสู่สนามฝึก
แบคฮยอนถูกจับแยกให้นั่งรถคนละคันกับเพื่อนซี้ บนรถเขามีชานยอล จงอิน
กับเพื่อนอีกประมาณ 10 คนที่ไม่ค่อยสนิทนัก ตลอดการเดินทางที่แสนเงียบเหงา
นัยน์ตาคู่เรียวก็อดที่จะแอบเหลือบมองพ่อพระเอกของเขาที่นอนหลับอยู่ตรงที่นั่งฝั่งเยื้องขวาไม่ได้
ดวงตากลมโตของหัวหน้าห้องสุดหล่อหลับสนิท
เท้าเขาเหยียบกับพนักพิงเบาะหน้า สองมือกอดอกไว้หลวมๆ
หัวเอนพิงลงกับเบาะด้วยความเหนื่อยล้า
ชานยอลในชุดทหารดูหล่อกว่าชุดนักเรียนที่เขาใส่อยู่ประจำหลายเท่าเพราะนอกจากจะเข้ารูปแล้วก็ยังทำให้รู้สึกแข็งแกร่งอีกด้วย
บรรยากาศบนรถเต็มไปด้วยความเงียบ
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่าง ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเศษๆ
รถกำลังมุ่งหน้าสู่แดนทรหดหรือสนามเขาชนไก่ และมันยิ่งทำให้แบคฮยอนหวั่นใจขึ้นเรื่อยๆ
มองไปทางไหนก็มีแต่พวกนักเรียนขาโจ๋กับนักกีฬาตัวบึกๆ ไม่มีเพื่อนกะเทยสักคน
ขืนปากดีตอนนี้มีหวังตายศพไม่สวยแน่แบคฮยอน
ฝุ่นดินแดงจากถนนดินลูกรังลอยตลบอบอวลไปตลอดทาง
จนกระทั่งรถคันเล็กขับผ่านประตูหน้าค่ายมาจอดลงตรงกลางถนน มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเพื่อนนักเรียนบนรถที่มาถึงคันก่อนหน้ากำลังวิ่งกันฝุ่นตลบ
แบคฮยอนได้แต่หันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กไม่รู้จะทำอะไรก่อน
และก่อนที่จะได้คิดอะไรประตูรถก็เปิดออก
เสียงตะโกนดุดันดังขึ้นปลุกนักเรียนทหารที่นั่งหลับอยู่ให้สะดุ้งพร้อมกันทั้งคันรถ
“ลงมาได้แล้วพวกขี้เกียจ!!!!“
วันแรกของการฝึกรด.
เริ่มต้นขึ้นแล้ว
#แม่บ้านทหารบกcb
talk
นิสนึง เรื่องนี้เราลงไว้ในทวิตเตอร์ค่ะ ตามชื่อแท็ก #แม่บ้านทหารบกcb แต่ย้ายมาลงสำรองใน dek-d เพราะ twitlonger แก้คำผิดไม่ได้ แต่ก็ยังลงในทวิตเหมือนเดิม ลงก่อนแล้วค่อยย้ายมาลงใน dek d ทีหลัง
ยินดีต้อนรับสู่ซีรีส์สั้นสั่นประสาทที่ก็ไม่มีสาระอะไรเหมือนเดิม ใครจินตนาการชานแบคหัวเกรียนไม่ออก ก็จินตนาการแบบมีผมไปก็ได้ค่ะ
เอาตามที่สะดวกและสบายใจ มันก็เป็นฟิคเฉยๆ ฮ่าาา อ่านไปขำๆ ฆ่าเวลา ขอบคุณที่อ่านค่ะ :D
ความคิดเห็น