คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Because you're not' mine #3 [END]
.
.
.
เช้าวันอังคารที่อากาศเย็นมากกว่าทุกวัน ชานยอลมาถึงมหาลัยช้าไปเกือบชั่วโมงจนเข้าเรียนไม่ทันคาบแรก สุดท้ายเขาก็เลยต้องมาแกร่วอยู่ที่ม้านั่งในส่วนหย่อมเพื่อรอเรียนคาบต่อไป
ในขณะที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความหาแฟนสาว ชานยอลก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแบคฮยอนยังไม่ได้ตอบข้อความ แล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นเพื่อนตัวเล็กเลย
พอคิดได้ดังนั้นคนตัวสูงก็เปลี่ยนใจกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อนสนิทแทน รอแค่ไม่ถึงนาทีปลายสายก็กดรับด้วยน้ำเสียงสุดงัวเงีย
“ฮัลโหล”
[อือ... ว่า...]
“ยังไม่ตื่นอีกไง”
[อือ... ยัง... วันนี้ไม่สบายอะ]
“ไม่สบายอ่อ จะเข้ามาเรียนไหม”
[คงไม่ไปอะ ฝากจดเล็คเชอร์หน่อยดิ]
“เออ แล้วกินไรยังอะ”
[ยัง เพิ่งตื่น แต่เดี๋ยวจะลงไปหาไรกินละ]
“อือ อย่าลืมกินยาด้วยนะ ตอนเย็นกินอะไรเปล่า เดี๋ยวเข้าไปหา”
[ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวแทอูมันเอามาให้ เล็คเชอร์ก็เก็บไว้ที่มึงก่อน กูไปเรียนเดี๋ยวไปเอา]
“แล้วเป็นไรมากปะล่ะ”
[ไม่เป็นไรหรอก เป็นหวัดเฉยๆ แค่นี้นะ เดี๋ยวจะนอนแล้ว]
“เออ อยากได้อะไรก็โทรมาหานะ”
[ขอบใจมาก แค่นี้นะ]
“เออ งั้นแค่นี้แหละ...”
พูดยังไม่ทันจบประโยคปลายสายก็รีบกดตัดไปเสียดื้อๆ ชานยอลที่ไม่รู้ว่าจะสามารถทำอะไรได้ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองกำลังถูกขีดเส้นจำกัดความสัมพันธ์หรือเปล่า เหมือนเป็นการบอกทางอ้อมว่าอย่าเข้ามาล้ำเส้น เพราะเมื่อไหร่ที่ชานยอลเผลอแสดงความเป็นห่วงมากเกินไป เขาจะได้ยินชื่อแทอูเสมอ มันเหมือนเป็นการย้ำเตือนว่าตัวจริงของแบคฮยอนคือแทอู และต่อให้เขาเป็นคนที่เลวแค่ไหน ความจริงที่สุดก็คือแทอูเป็นแฟนแบคฮยอนไม่ใช่ชานยอล...
เพราะอย่างนั้น ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนชานยอลก็ไม่สามารถขยับเข้าไปใกล้พื้นที่ตรงนั้นได้เลย...
.
.
.
‘happy mansiversary CY & NH’
ในวันครบรอบความสัมพันธ์ 1 เดือนของคู่รักที่ดังที่สุดในมหาลัย หน้าฟีดเฟสบุ้กของแบคฮยอนเต็มไปด้วยข้อความอวยพรมากมาย
คนตัวเล็กตัดสินใจโพสต์รูปหัวใจลงในเฟสบุ้กพร้อมกับเขียนข้อความอวยพรสั้นๆ โดยที่ไม่ลืมแท็กเพื่อนซี้ไปด้วย และเพียงไม่นานเจ้าของวันครบรอบก็มากดไลค์รับรู้
ในวันที่ทุกอย่างเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่มีใครมองเห็น แบคฮยอนกำลังพยายามอย่างมากที่จะผ่านคืนวันอันแสนเลวร้ายไป หัวใจที่เต็มไปด้วยรอยร้าวของเขาถูกกระแทกให้แตกสลายลงอีกครั้ง และสิ่งเดียวที่แบคฮยอนสามารถทำได้คือการพยายามฝืนยิ้มทั้งน้ำตา
เขากดออกจากแอพพิเคชั่นโซเชี่ยลแล้ววางโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างหมอน ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นนั่งพิงหลังลงกับหัวเตียง
นี่มันผ่านไปกี่วันแล้ว...
กี่วันที่เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง...
กี่วันที่เอาแต่นอนร้องไห้ ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเศร้า...
แบคฮยอนไม่รู้ว่าเขาไม่ได้ไปมหาลัยมากี่วันแล้ว เวลารอบตัวหมุนผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนทำให้รู้สึกเหมือนว่ามันไม่ได้ขยับไปไหน
ทุกอย่างที่เหมือนจะโอเคก็ไม่ แบคฮยอนเหมือนตุ๊กตาฟางไร้ชีวิต เขาเอาแต่กินยานอนหลับแล้วก็นอนร้องไห้ซมไข้อยู่บนเตียง ไม่คิดแม้แต่จะลงไปหาอะไรกิน บรรยากาศรอบตัวมันดำมืดไปหมด เหมือนกับว่าไม่มีอะไรถูกต้องเลยสักอย่าง
ก่อนนอนก็ร้องไห้จนหลับ ตื่นเช้ามาก็ร้องไห้จนเพลียร่างกายผอมซูบจนแทบเดินไม่ไหว แถมที่ขายังมีรอยใบมีดกรีดบากหลายแผล
แบคฮยอนแค่รู้สึก... เหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรถูกต้องเลยสักอย่างและเขาต้องยอมรับมันถึงแม้จะรู้ว่าทุกอย่างมันผิดไปหมด แล้วสุดท้ายก็ได้นั่งนึกสมน้ำหน้าตัวเองอยู่คนเดียวด้วยความสมเพช
แบคฮยอนลงโทษตัวเองอย่างคนไร้ค่า และเขาคิดว่านั่นแหละคือสิ่งที่ตัวเองสมควรได้รับ...
.
.
.
บริเวณม้านั่งภายใต้ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ปาร์ค ชานยอล กำลังนั่งถอนลมหายใจอยู่คนเดียวกับความรู้สึกกระวนกระวายในใจที่ไม่สามารถหยุดได้
นี่เข้าสู่วันที่ 5 แล้วนับตั้งแต่ที่แบคฮยอนไม่มามหาลัย และชานยอลยังไม่ได้เจอหน้าเพื่อนเขาสักที โทรไปทีไรก็เอาแต่บอกว่าป่วย และชานยอลก็กำลังเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่ใส่ใจเพื่อนสนิทให้มากพอ
โทรศัพท์มือถือเครื่องบางถูกหยิบออกมาโทรหาเบอร์ที่คุ้นเคยซ้ำอีกครั้ง คนตัวสูงสั่นเท้าไปมาด้วยความเป็นกังวลในขณะที่รอให้อีกฝ่ายรับสาย นี่เป็นครั้งแรกที่ชานยอลรู้สึกว่าเสียงตู๊ดของสัญญาณช่างนานเหลือเกิน
ตู๊ด...ตู๊ด... ตู๊ด... ตู๊ด....
[ฮาโหล]
“เออ เป็นไงบ้าง หายดียัง”
[อือ ค่อยยังชั่วแล้ว เดี๋ยวก็หาย มีไรปะล่ะ]
“เปล่า เห็นไม่มาเรียนหลายวันก็เลยโทรมาถาม เดี๋ยววันนี้เข้าไปหานะ จะเอาไรเปล่า”
[วันหลังได้ปะ วันนี้แทอูมันจะพาไปหาหมออะ]
“งั้นเดี๋ยวแวะไปก่อน”
[อือ.... กูไม่สะดวกว่ะ เดี๋ยวกูก็ทะเลาะกับมันอีกอะ ไม่อยากทำมึงเสียอารมณ์อีก]
“มึงป่วยมันยังทะเลาะกับมึงอีกอ่อ”
[เรื่องเล็กเรื่องน้อยแหละ เดี๋ยวกูหายแล้วกูไปหา]
“.............”
[มึงได้ยินกูปะ]
“อือ ได้ยิน... แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นไร”
[เออ ป่วยนิดเดียวเอง ทำไม คิดถึงกูหรือไง]
“ไม่ได้โกหกอะไรกูใช่ปะ”
[โกหกไรวะ... แล้วไปเที่ยวนามิมาเป็นไงมั่งอะ]
“ก็ดี”
[อือ... หึๆ เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังแล้วกัน สัส หมั่นไส้คู่รักหวานแหวว]
“พรุ่งนี้กูไปหานะ”
[เดี๋ยวพรุ่งนี้กูบอกได้ปะ ไม่รู้จะอยู่บ้านไหมอะ]
“เออ เดี๋ยวตอนเย็นโทรหา”
[อือ.. แค่นี้ก่อนนะ จะลงไปข้างล่าง]
“อือ”
ชานยอลที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อได้แต่เสียงเสียงครางตอบรับออกไป... ความหวังดีของเขาถูกปัดทิ้งอีกครั้ง และถูกแทนที่ด้วยคนเดิมๆ เสียงหัวเราะที่แสนจอมปลอมของแบคฮยอนทำชานยอลรู้สึกหนักอึ้งไปหมด เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแบคฮยอน แต่มันทำให้ชานยอลรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย
“เฮ้อ...” สุดท้ายก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ชานยอลเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วหยิบสมุดลุกจากโต๊ะเดินออกจากตึกไป
ในขณะที่กำลังมองหาว่าจะย้ายที่ไปนั่งตรงไหนได้บ้าง สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นผู้ชายที่แสนคุ้นหน้าคุ้นตา เรียวคิ้วยาวขมวดย่นเข้าหากันแน่น ชานยอลมองเห็นแทอูกำลังเดินกับเพื่อนในภาควิชาเดียวกันกับเขา และชานยอลก็รู้ได้ทันทีว่ารินนาไม่เดินกับเพื่อนผู้ชายแน่
ไวเท่าความคิด ขายาวสาวก้าวเดินตรงไปยังรถแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิททันที ความหงุดหงิดทำให้ชานยอลไม่เป็นตัวเอง เขาเผลอผลักแทอูเต็มแรงจนอีกฝ่ายหงายหลังไปชนกับกระโปรงรถ
“เห้ย!”
“มึงมาทำอะไร” ชานยอลถามเสียงแข็ง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“อะไรของมึงเนี่ย”
“แฟนมึงป่วยมึงปล่อยให้แฟนนอนอยู่บ้านแล้วมาเดินกับผู้หญิงแบบนี้หรอวะ” มือหนาคว้าขยุ้มคอเสื้อแจ๊คเกตยีนส์ไว้แน่น ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าตากวนประสาทเขาก็ยิ่งหงุดหงิด
“เป็นไรอีกอะ โรคเรียกร้องความสนใจไง กูเลิกกับมันไปแล้วทำไมกูต้องไปดูแลมันด้วยวะ” แทอูสะบัดตัวให้คอเสื้อหลุดออกจากการการเกาะกุม ก่อนที่จะผลักตัวเพื่อนสนิทของอดีตแฟนให้ถอยออกห่าง เขาไม่สนหรอกว่าแบคฮยอนเป็นโรคอะไร ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายบอกเลิกเอง
“มึงหมายความว่าไง”
“มันไม่ได้บอกมึงไง มันบอกเลิกกูไปเป็นอาทิตย์แล้ว มึงไปดูแลมันเองเหอะ” ชายหนุ่มตัวสูงว่า ก่อนที่จะเดินผละออกไปขึ้นรถโดยที่ไม่ได้สนใจอดีตคนรู้จักที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม...
ทันทีที่รถคันหรูเคลื่อนตัวออกไป ชานยอลก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาหันหน้ามองนักศึกษารอบตัวที่กำลังมองมาด้วยความสนใจ ก่อนจะเดินปลีกตัวหายเข้าไปในสวนหย่อม
อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ชานยอลกำลังคิดว่าเขายอมปล่อยให้แบคฮยอนโกหกมาเกือบสัปดาห์ได้ยังไง และที่จริงเขาน่าจะรู้ตัวตั้งนานแล้วถ้าไม่มัวแต่ไปสนใจอยู่กับอย่างอื่น
คนตัวสูงตัดสินใจเดินออกจากมหาลัยทันทีโดยที่ไม่ได้บอกล่าวใคร ชานยอลไม่อยากคิดเลยว่าแบคฮยอนต้องจมอยู่กับความรู้สึกแบบไหน
ไม่อยากนึกเลยว่าแบคฮยอนใช้ชีวิตอยู่ยังไงในช่วงที่ผ่านมา...
.
.
.
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังๆ เรียกเจ้าของห้องที่กำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียงให้ละความสนใจออกจากจอมือถือ แบคฮยอนใช้ฝ่ามือเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะลุกขึ้นพยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงไปยืนอยู่หน้าประตู มือที่สั่นเทาบีบกำลูกบิดประตูไว้แน่นเพื่อค้ำยันร่างที่โงนเงนไม่ให้ล้ม ความรู้สึกหนักอึ้งทำแบคอยอนรู้สึกเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง
คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประตูออก
“.............”
“............”
ความรู้สึกอึดอัดที่แสนประหลาดเกิดขึ้นชั่วครู่ในวินาทีที่ต่างฝ่ายต่างได้เห็นหน้ากัน แบคฮยอนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เขากลืนก้อนน้ำตาลงคออึกใหญ่ก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูอ่อนล้าเหมือนคนเพิ่งตื่น
“มาทำไรวะ” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับเปิดประตูเรียกให้เพื่อนสนิทเดินเข้ามาด้านใน ถึงแม้ว่าแบคฮยอนจะไม่อยากให้ชานยอลเห็นสภาพร่างกายที่ย่ำแย่นี้มากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากทำตัวเองให้มีพิรุธไปมากกว่าเดิม
“มาเยี่ยม เห็นบอกว่าป่วย”
“อือ... ไม่ค่อยสบายแต่จะหายแล่ว ไม่เห็นต้องมา” แบคฮยอนเปิดไฟดวงใหญ่แล้วปิดประตู ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้งพร้อมกับถลกผ้าห่มขึ้นคลุมร่าง ทำทีเหมือนไม่พร้อมจะสนทนาเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามที่รู้ว่าต้องได้ยิน
“เป็นไรมากปะ”
“เป็นหวัดอะ แต่ไม่หายสักที ขี้เกียจไปเรียนด้วย ไปให้อาจารย์ด่า ค่อยไปตอนส่งงานทีเดียว”
“แล้วแทอูมันจะมาพาไปหาหมอเมื่อไหร่อะ” ชานยอลโยนกระเป๋าหนังสือไว้บนโซฟา เขาเดินไปทิ้งก้นนั่งลงบนเตียงข้างๆ เพื่อนตัวเล็กที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม ปลอกหมอนของแบคฮยอนมีแต่คราบน้ำตา ร่างกายเขาผอมสูบ แถมดวงตายังมีแต่รอยแดงช้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า 3 – 4 วันที่ผ่านมานี้เกิดอะไรขึ้นกับแบคฮยอน
“คงเย็นๆ แหละ”
“แล้วมันมาหามั่งเปล่า”
“ก็มาทุกวันอะ เอาข้าวมาให้”
ถึงแบคฮยอนจะพูดแบบนั้นแต่ชานยอลก็รู้ดีว่าเพื่อนเขากำลังโกหก ถังขยะในห้องไม่มีแม้แต่กล่องข้าวหรือถุงพลาสติก ชานยอลรู้ว่าแทอูไม่เคยมาที่นี่ตั้งแต่ที่พวกเขาเลิกกัน...
“แน่ใจ...”
“.............”
“มึงโกหกกูปะ”
“...........”
“มึงโกหกกูมาตลอดเลยใช่ไหม”
“..........”
คำถามที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังทำแบคฮยอนน้ำท่วมปาก อยู่ๆ น้ำตาที่พยายามจะกลั้นไว้ก็ไหลออกมาถึงแม้ว่าจะจิกแขนตัวเองไว้แล้วก็ตาม
“ตอบกู...”
“อือ... มันไม่ได้มาหา เลิกกันไปจะอาทิตย์แล้ว...”
“แล้วทำไมไม่บอกกูวะ มึงก็รู้ว่ากูเป็นห่วง”
“มันไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องรู้ปะวะ”
“นี่พูดจริงอ่อ?”
“กูไม่ได้ขอให้มึงเป็นห่วงกูปะ”
“ทำไมมึงพูดอย่างงี้วะ!”
“ช่างกูเหอะว่ะ... อึก...” กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า
แบคฮยอนไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเขากำลังเสียใจเพราะใครกันแน่ แต่พอชานยอลอยู่ตรงนี้ หัวใจพังๆ ที่พยายามจะประกอบขึ้นใหม่ก็แตกสลายไม่เป็นท่า
แบคฮยอนเกลียดตัวเองที่ดีแต่อ่อนแอ ทำไมเขาถึงเอาแต่ร้องไห้อยู่เรื่อยตอนที่อยู่กับชานยอล ทำไมถึงเอาแต่นึกถึงชานยอลตอนที่หันไปทางไหนไม่เจอใคร แบคฮยอนรู้สึกเหมือนเขาพึ่งพาตัวเองไม่ได้ และที่เจ็บปวดมากที่สุดคือการได้รู้ว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว
“เราไม่ใช่เพื่อนกันหรอวะ...” ชานยอลลดเสียงลงเมื่อรู้ตัวว่าเผลอตะคอกออกไป เขาขยับตัวเข้าไปหาเพื่อนตัวเล็กที่กำลังกอดหมอนนอนร้องไห้ ก่อนจะรั้งตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่น
“ฮึก... กู... กูไม่รู้.... กูไม่รู้อะชานยอล...ฮึก...”
เพียงแค่ได้รับอ้อมกอดที่แสนคุ้นเคย ป้อมปราการความแข็งแกร่งที่สร้างเอาไว้ก็พังทลายลง แบคฮยอนส่งเสียงร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่สามารถหักห้ามตัวเองได้ เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ความรู้สึกแตกร้าวที่ถูกเก็บกลั้นมาอย่างเนิ่นนานถูกปล่อยผ่านหยดน้ำตามากมาย
“มีอะไรทำไมมึงไม่บอกกูวะ”
“ฮึก... กู... ฮือ! กูไม่รู้อะ ฮือ!”
“มันทำเลวกับมึงขนาดไหน มึงยังต้องไปเสียน้ำตาให้มันทำไมอีก มึงก็รู้ว่ากูเป็นห่วงมึง มึงยังมีกูทั้งคน มึงจะไปแคร์มันทำไม” ชานยอลรู้สึกเหมือนเกาะป้องกันหัวใจของเขากำลังค่อยๆ ถูกทำลายลงทีละเล็กละน้อย เพียงแค่ความรู้สึกหวั่นไหวที่แทรกซึมเข้ามาเพียงนิดก็ทำลายความตั้งใจที่เคยมีจนหมด
หัวใจชานยอลกำลังเจ็บปวด... เขาไม่เคยทำให้แบคฮยอนร้องไห้เลยสักครั้ง แล้วทำไมผู้ชายที่เลวแบบนั้นถึงมีสิทธิ์มาทำร้ายหัวใจดวงนี้...
“ฮึก... กูไม่ได้เสียใจที่เลิกกับมัน ฮือ... กูไม่เสียใจเลยชานยอล... ฮือ…”
“แล้วอะไรทำให้มึงเสียใจขนาดนี้วะ มึงหันมาพูดกับกูดิ” ชานยอลค่อยๆ พลิกร่างเพื่อนตัวเล็กให้หันหาเผชิญหน้า เขาเชยปลายคางเรียวขึ้น ก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือปาดเช็ดหยดน้ำตาบนพวงแก้มซ้ำไปซ้ำมา
แพรขนตายาวที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดน้ำกับใบหน้าที่มีแต่ร่องรอยของความเจ็บปวดทำหัวใจชานยอลแทบแตกสลาย เขาไม่เคยคิดเลยว่าแทอูจะทำให้แบคฮยอนเสียใจได้มากขนาดนี้
“ฮึก... กูคิดถึงมึงชานยอล ฮือ กูคิดถึงมึง ฮือ!”
คำสารภาพถูกตะเบ็งออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่ดังปานจะขาดใจ แบคฮยอนซบหน้าลงปกเสื้อเชิ้ตที่มีกลิ่นแสนคุ้นเคยพร้อมกับปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลพรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก
ไม่อยากจะทนอยู่กับอะไรที่ผิดพลาดแบบนี้อีกแล้ว แบคฮยอนไม่อยากรู้สึกผิดอีกแล้ว ถึงจะรู้ว่าตัวเองผิดก็ไม่อยากแบกรับความรู้สึกนี้ไว้คนเดียวอีกแล้ว
“แล้วทำไมมึงไม่โทรหากู”
“ฮึก กูไม่อยาก... ฮือ... กูทิ้งมึงตลอด แต่พอกูเสียใจกูก็โทรหามึง ฮือ... กูไม่อยากทำแล้ว ฮือ…”
“.......”
“มึงดีกับกูทุกอย่าง กูก็ยังเหี้ยใส่มึงตลอด ฮือ... กูไม่อยากทำแล้วชานยอล... ฮึก... กูไม่อยากให้มึงคิดว่า... อึก... ถ้ากูโทรหามึงคราวนี้ พอไอ้เหี้ยแทอูมาเดี๋ยวกูก็ทิ้งมึงไปหามันอีก ฮือ...”
“มันเรื่องแค่นี้เอง... ความเป็นห่วงที่กูมีให้มึงมึงไม่นึกถึงมั่งหรอวะ”
ชานยอลยังคงใจดีอยู่เสมอ น้ำเสียงนุ่มทุ้มกับท่าทางใจเย็นของเขาก็ทำให้แบคฮยอนรู้สึกเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นได้ ถึงแม้ว่าหลายครั้งมันจะทำให้เขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว
“อึก... กูเป็นคนบอกให้มึงไปหาเขา พอมึงไปกูก็คิดถึงมึง ฮือ...”
“........”
“กูรู้ว่ามึงชอบกูกูก็ยังทำร้ายมึงอะ ฮือ... กูไม่อยากทำแล้ว... ฮือ!”
“มึงรู้...”
“ฮึก... กูก็รู้มาตลอดแหละ อึก... แต่กูไม่กล้าบอก... กูไม่อยากเสียมึงอะ ฮือ... มึงก็รู้ว่ากูเหี้ยขนาดไหน กูไม่อยากให้มึง... อึก... กูไม่อยากให้มึงทิ้งกู ฮือ...”
มันไม่ควรเป็นแบบนี้เลย... แบคฮยอนแค่คิดว่าชานยอลควรได้เจอกับคนที่ดี เขาแค่อยากให้ชานยอลมีชีวิตที่ดี ไม่ได้มีเจตนาจะผลักไส แต่พอเอาเข้าจริงๆ ตอนเห็นแผ่นหลังนั้นเริ่มเดินห่างออกไป หัวใจของเขาก็เอาแต่ร้องเร่า... และกว่าจะรู้ตัว แบคฮยอนก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสามารถเรียกร้องอะไรได้อีกแล้ว...
แบคฮยอนเป็นแค่คนเห็นแก่ตัวที่อยากจะเก็บชานยอลเอาไว้ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ดีพอ…
“ฮึก... กูรู้ว่ากูไม่ดี อึก... แต่กูก็อยากเก็บมึงไว้ กูอยากให้มึงอยู่กับกูไปนานๆ อะ ฮือ... กูไม่ได้ตั้งใจทำร้ายมึง ฮือ...”
“..........”
ชานยอลได้แต่หลับตาลงพร้อมกับถอนลมหายใจออกมา มือเขายังคงลูบศีรษะทุยของเพื่อนตัวเล็กเบาๆ หวังให้มันช่วยปลอบโยนจิตใจที่กำลังบอบช้ำ
ชานยอลรู้สึกเหมือน... ทุกอย่างมันผิดไปหมด และนั่นคือคำตอบของคำถามที่แบคฮยอนมักจะยกขึ้นมาพูด ‘ทุกอย่างมันผิดไปหมดเลย’
“มึงไม่เข้าใจหรอกชานยอล ฮือ... มึงไม่เข้าใจหรอก... ฮือ...” คนตัวเล็กยังคงเอาแต่ส่งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด แบคฮยอนรู้ตัวว่าเขากำลังทำให้ทุกอย่างพังอีกครั้ง และคราวนี้อาจเป็นชานยอลที่เดินจากไป เพราะการทำร้ายใครอย่างยาวนานด้วยเหตุผลที่สุดแสนจะเห็นแก่ตัวมันไม่ใช่เรื่องที่จะให้อภัยกันได้ง่ายๆ
แบคฮยอนไม่อยากอ้างแต่เขาเจ็บเหมือนกัน... เจ็บทุกครั้งที่ถูกแทอูทำร้าย จะตัดใจเลิกก็ไม่ได้ พวกเขามีความรักแบบบ้าๆ มันไร้เหตุผล แบคฮยอนเอาแต่รู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่สำคัญตลอดเวลา เขาเหงาอยู่ตลอด รู้สึกโดดเดี่ยวและดิ้นรนหาความรักเข้ามาเติมเต็มอย่างไม่รู้จักพอ
และไม่ว่าแทอูจะเป็นคนเลวยังไง เขายังเป็นคนเดียวที่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกสำคัญถึงมันจะเป็นแค่ความสำคัญที่จอมปลอม และชานยอลเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเกินกว่าที่จะเข้าใจ...
ชานยอลไม่เข้าใจว่าการไม่เป็นที่ต้องการมันเป็นยังไง เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกไม่เคารพตัวเองมันแย่แค่ไหน และแบคฮยอนมีแต่จะนำความดำมืดในชีวิตเข้าไปสู่ชานยอล
“ถามจริงๆ ขอคำเดียว...”
“ฮึก...”
“มึงรักกูอย่างที่กูรักมึงปะวะ...”
“กูไม่รู้... กูรู้แค่ว่ากูอยากรักมึง...”
“...........”
“แต่กูไม่อยากเสียมึงไป อึก... กูไม่อยากเลิกกับมึงถ้าคบกัน ฮึก... กูทำใจไม่ได้”
ฝ่ามือบางขึ้นประคองใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังหลับตารับฟังคำสารภาพที่แสนเลวร้าย จนถึงตอนนี้แบคฮยอนก็ยังคิดว่าเขาไม่คู่ควรกับชานยอลอยู่ดี และถ้ามันจะเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่เป็นไร
“ฮึก กูแค่ไม่อยากให้มึงเห็นกูเป็นคนเห็นแก่ตัว อึก... มึงเรียกหากูเมื่อไหร่ก็ได้ที่มึงต้องการ... แต่มึง... มึงไม่ต้องอยู่กับกูตลอดก็ได้... ฮึก... ที่กูทำกับมึง มึงทำกับกูได้เลยชานยอล” กล่าวพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจนแทบจับใจความไม่ได้
แบคฮยอนไม่ได้ประชดประชัน ชานยอลจะใช้เวลากับนาฮยอนทั้งวันก็ได้ และเมื่อไหร่ที่พวกเขาทะเลาะกันชานยอลก็โทรหาแบคฮยอนได้เสมอ นั่นแหละที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ สถานะเพื่อนที่ทำให้ความสัมพันธ์ยืนยาวว่ามากกว่า ‘แฟน’
ความสัมพันธ์ของแทอูกับแบคฮยอนเป็นเรื่องซับซ้อน พวกเขาอยู่ด้วยกันได้เพราะเป็นคนที่ขาดเหมือนกัน และบ้าเหมือนกัน มันไม่ใช่ความรัก... ทั้งคู่ต่างเป็นแค่สิ่งทดแทนในสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการ แต่ไม่สามารถครอบครองได้ ทว่าสำหรับชานยอล นาฮยอนอาจเป็นสิ่งที่ดีกว่านั้น
“แล้วทำไมมึงต้องไปคบกับแทอูวะ”
“มึงไม่ต้องคิดถึงเรื่องกูกับไอ้แทอูหรอก... มันไม่ใช่ความรัก แต่กูไม่รู้จะอธิบายให้มึงฟังยังไง... อึก... กูรู้ว่ามึงไม่เข้าใจ แต่มึงจะไม่ทิ้งกูไปใช่ไหมวะ”
“กูเลิกกับนาฮยอนแล้ว” ชานยอลไม่ได้ตอบคำถาม เขาก้มลงจูบหน้าหน้าผากมนก่อนที่จะถอนลมหายใจออกมา “เค้าบอกเลิกกู วันครบรอบ... เค้าบอกว่ากูไม่ได้รักเค้า”
“เพราะกูหรอวะ เพราะกูอีกแล้วหรอวะ...”
“ไม่ใช่เพราะมึงหรอก ทำไมต้องทำร้ายตัวเองด้วยวะ มึงไม่รักกูไม่เป็นไร แต่ทำไมไม่รักตัวเอง ทำไมต้องให้มันทำกับมึงอย่างงี้วะ”
“มึงไม่เข้าใจหรอกชานยอล กูไม่อยากอยู่คนเดียว”
“แล้วกูอะ กูไม่ได้อยู่กับมึงหรอ?”
“มันไม่ใช่อะ มันไม่เหมือนกัน ฮึก... เพราะแทอูมันเหี้ยไง กูถึงคบกับมัน เวลาที่กูงี่เง่าใส่มันกูจะได้ไม่รู้สึกผิด หึ...” พอพูดไปแล้วก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา แบคฮยอนรู้ว่าเขามันน่าสมเพช และเพราะว่าแบคฮยอนน่าสมเพช เขาถึงได้คบกับคนน่าสมเพชอย่างแทอู
“มันทำกูเสียใจมาก... แต่อย่างน้อยมันก็อยู่กับกู มันเลวกับกูทุกอย่าง หลอกกู โกหกกูสารพัด กูรู้แต่กูก็ยอมให้มันหลอก มันทิ้งกูกี่ครั้ง ปล่อยให้กูรอกี่ครั้ง แต่มันก็กลับมาทุกครั้ง... กูขาดมันไม่ได้ชานยอล...”
“ทำไมมึงไม่หาคนที่ดีกว่านี้วะ”
“คิดว่าคนที่ดีกว่านี้เค้าเอากูปะ หึ... ถึงมีกูก็ไม่เอาหรอก เพราะกูรู้ว่ากูรักษาใครไว้ไม่ได้ สุดท้ายกูก็เสียใจอยู่ดี”
“............”
“ทั้งชีวิตกูดีแต่จะทำชีวิตคนอื่นพัง... กูรู้ตัวเลยว่าถ้ากูคบกับมึงกูต้องทำทุกอย่างพังหมด แล้วมึงก็คงหายไปจากชีวิตกู กูทำไม่ได้อะ... ฮึก... ถึงมึงมีแฟน อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกัน... อึก... แค่มึงนึกถึงกูตอนทะเลาะกับแฟนก็ดีแล้ว” น้ำตาที่เหมือนจะเหือดหายแห้งไปกลับมาไหลอีกครั้ง แบคฮยอนไม่กล้าคิดเลย เขาไม่อยากนึกภาพตัวเองกำลังทำงี่เง่าใส่ผู้ชายที่แสนดี แล้วยืนมองดูทุกอย่างพังไปต่อหน้า ต่างเพียงแค่ว่าคราวนี้แบคฮยอนจะไม่เหลือใคร
“ทำไมมันเป็นแบบนี้วะ... มึงยังไม่ได้ลองดูเลย”
“แล้วถ้าวันนึงมึงไม่รักกูแล้วอะ ฮึก วันนั้นกูเหลือใครอะ ฮือ...”
“...........” ชานยอลได้แต่นิ่งเงียบฟังเสียงร้องไห้ที่กรีดหัวใจจนยับ เขาไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรดี ตอนนี้ชานยอลเข้าใจแล้ว ชานยอลคิดว่าเขาเข้าใจสิ่งที่แบคฮยอนรู้สึกแล้ว แต่ว่าแบบนี้มันไม่แฟร์เลย...
“กูไม่ได้ไม่รับรู้นะ... ฮึก ทุกอย่างที่มึงทำกูก็รู้หมด แต่กูกลัวว่าวันนึง... ถ้ามึงพูดออกมา แล้วกูให้สิ่งที่มึงต้องการไม่ได้ มึงก็จะหายไปจากชีวิตกู ฮือ...”
“...........”
“กูรู้ว่ากูเห็นแก่ตัว แต่ถ้ามึงทิ้งกูไป กูก็ไม่เหลือใครแล้วอะ... ถ้ายังงั้นกูยอมให้มึงเป็นของคนอื่นไม่ดีกว่าหรอวะ อึก... อย่างน้อยมึงก็ยังอยู่กับกู...”
“เหมือนที่มึงคิดว่ายอมให้แทอูมันทำร้ายดีกว่า ถึงมันทำเหี้ยกับมึงยังไงอย่างน้อยมันก็อยู่กับมึง”
“แล้วมันไม่จริงหรอวะ อย่างน้อยมันก็คบกับกูมาตั้งนาน... หึ”
“..........” ชานยอลพูดอะไรไม่ออกเลย เขาได้แต่กอดกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นก่อนที่จะก้มหน้าลงจนริมฝีปากชิดพวงแก้ม “มึงคิดแบบนี้ทั้งที่กูคิดตลอดว่าถ้าเป็นกูกูคงไม่ทำให้มึงร้องไห้...”
ชานยอลไม่รู้เลยว่าควรไปทางไหนต่อดี เขาคิดอยู่เสมอว่าถ้าวันใดได้กอบกุมฝ่ามือนี้ก็จะไม่มีวันปล่อยไปง่ายๆ ชานยอลคิดอยู่ตลอดว่าเขาจะไม่ทำให้แบคฮยอนร้องไห้ และเชื่อมาตลอดว่าแทอูทำให้แบคฮยอนเสียใจ
แต่ในความเป็นจริงแล้วแบคฮยอนต่างหากที่ทำร้ายตัวเอง...
ความแตกสลายของเขาดึงความรู้สึกอยากปกป้องของชานยอลออกมา แบคฮยอนที่เหมือนกับลูกนกน้อยเปียกปอนในวันฝนตก ชานยอลเอาแต่คิดว่าจะทำยังไงถึงจะปกป้องเจ้าลูกนกตัวนี้ได้ และความคิดนั้นไม่เคยหลุดออกจากหัว
เขาหลงรักทั้งความอ่อนแอ และความเข้มแข็งแบบผิดๆ ของแบคฮยอน ความไม่แยแสต่อโลกใบนี้ หรือแม้แต่ความปวดร้าวที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ ชานยอลไม่เคยคิดว่ามันน่าอาย ตรงกันข้ามยิ่งกลับอยากเป็นที่พักพิงที่แข็งแรงให้ ตราบเท่าที่มันทำให้แบคฮยอนรู้สึกปลอดภัย ชานยอลก็ยินดี...
บางทีความรักก็ไม่มีเหตุผล เหมือนอย่างที่คนเรามักอยากครอบครองสิ่งที่ไม่ได้เป็นของตัวเองเสมอ...
“มึงไม่เคยทำให้กูเสียใจ มึงไม่เคยทำเลยสักครั้งเดียว”
“ถ้าอย่างงั้น... ลองคบกันดูได้ไหมวะ...”
สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดสิ่งที่อยากพูดออกไป ถึงจะรู้ว่ายังไงก็คงไม่สมหวัง... ชานยอลรู้ว่าตอนนี้แบคฮยอนยังไม่พร้อม แต่เขาก็ยังดื้อรั้นที่จะหยิบฉวยโอกาสนั้นมาเป็นทางผ่านให้ตัวเอง... บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าชานยอลก็อยากเห็นแก่ตัวเหมือนกัน
“หึ... ทำไมกูถึงคิดวะว่ากูจะเก็บมึงไว้ได้ตลอด” คนตัวเล็กได้แต่ส่งสียงหัวเราะหึออกมาอย่างนึกสมเพชตัวเอง ทำไมแบคฮยอนถึงคิดนะ ว่าชานยอลจะยอมทนอยู่อย่างนี้ตลอดไปทั้งๆ ที่หัวใจเขาคิดไม่ซื่อ
“กู...”
“กูไม่โอเคหรอก ถึงมึงมีแฟนกูก็ไม่โอเคอยู่ดี แต่อย่างน้อยกูก็อยู่ได้”
“แล้วมันจะมีความสุขได้ยังไงวะ”
“ไม่มีหรอกความสุข แต่ก็ชิน ถ้าไม่มีมึงก็คงเสียใจมากกว่า”
“เหมือนถูกปฏิเสธเพราะดีเกินไปเลยว่ะ”
“หึๆ... ก็ถูกแล้ว”
“ลองดูได้ไหมวะ ถ้าไม่โอเคค่อยกลับไปเป็นเพื่อนกัน” ชานยอลถอนลมหายใจรดพวงแก้มที่อยู่ติดเพียงแค่ปลายจมูกเขา
ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับการสารภาพรักเลยที่แสนหวานเลย ชานยอลมองเห็นโอกาสริบหรี่จากที่ไม่เคยมี และเขาก็คว้าเอาไว้ทั้งที่ยังรู้สึกไม่มั่นใจอย่างนั้น ทุกอย่างมันดูง่อนแง่นไปหมดจนรู้สึกเหมือนจะพังได้ทุกเมื่อ
“แล้วถ้าวันนั้นกูกลับไปเป็นเพื่อนกับมึงไม่ได้แล้วอะ ถ้าต้องเลิกกันแล้วกูมองหน้ามึงไม่ลงอะ”
“ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ ถ้ายังไม่อยากตอบ”
“..............”
“หรือถ้ามันเป็นเป็นไปไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร”
แบคฮยอนไม่ยอมพูดอะไร เขากอดกระชับแผ่นหลังหนาของเพื่อนตัวสูงไว้แน่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
“กูไม่อยากให้มันค้างคา ยังไงก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
“ไม่เอา”
“ไม่ดีหรอวะถ้ามีกูเป็นแฟน ไม่มีใครตามใจมึงขนาดนี้แล้วนะ” ชานยอลได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ กับความเอาแต่ใจของเพื่อนรัก มือหนาเลื่อนมือลงไปลูบแผ่นหลังที่ผอมซูบจนสัมผัสได้ถึงรอยนูนของกระดูกสันหลัง ถ้าแบคฮยอนเป็นแฟนชานยอล อย่างน้อยเขาก็จะได้กินของอร่อยทุกวัน ดู frozen ได้อีกเป็นร้อยครั้งถ้าอยากดู
“ถ้าคบกันแล้วมันจะต่างไปจากเดิมยังไงวะ”
“ต่างดิ”
“เพราะมึงได้เอากูอ่อ?”
“ก็เรื่องนั้นด้วย ฮ่ะๆๆ”
“กูไม่มั่นใจเลยว่ะ... ถ้ามึงดีกับกูเกินไปกูคงอึดอัด คงไม่เป็นตัวเอง หรือถ้ากูทำไม่ดีกับมึง กูก็คงทำให้มึงเสียใจอีก กูไม่เป็นทั้งเพื่อนที่ดี แล้วก็ไม่ใช่แฟนที่ดีด้วย... ไม่รู้ดิ ถ้าวันนึงมึงเห็นกูมากกว่านี้ มึงอาจจะไม่ชอบกูก็ได้ กูอาจจะทำให้มึงผิดหวัง เสียใจ ทำนิสัยแย่ๆ กับมึง มึงอาจจะคิดว่าลองดูก็ได้ แต่ถ้ามึงรักกูน้อยลงเรื่อยๆ แต่กูรักมึงมากขึ้นทุกวัน...”
“คิดว่าสามปีที่รู้จักกันมันยังไม่พอหรอวะ”
“มันก็ในบทบาทของเพื่อนปะวะ หึ...”
“แล้วมันต่างกันยังไงอะ”
“ไม่รู้ดิ” เอาแต่ตอบว่าไม่รู้ๆ แล้วก็ซุกหน้าลงกับสาบเสื้อเพื่อหนีปลายจมูกโด่งที่เฉียดเข้ามาใกล้พวงแก้มเรื่อยๆ แบคฮยอนไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เขาแค่กังวลเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจถึงจะไม่ช่วยอะไรเลยก็ตาม
“ถ้างั้นก็ยังไม่ต้อง...”
“ลองดูก็ได้ ถ้ามันไม่โอเคค่อยกลับไปเป็นเพื่อนกัน”
รีบพูดแย้งออกไปโดยที่ไม่ทันได้คิดอะไรเพียงแค่ได้ยินอีกฝ่ายพูดเปิดทางให้ปฏิเสธ แบคฮยอนไม่อยากให้สถานการณ์มันอื้ออึงต่อไปแบบไม่รู้จุดจบ เขาคิดไม่ออกว่าถ้าไม่ตอบตกลงหรือปฏิเสธไปตอนนี้ ชานยอลในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง มันคงอึดอัดน่าดูเวลาที่ไม่รู้ว่าควรแสดงตัวเป็นเพื่อนหรือแฟน ควรดูแลอย่างที่เคยทำหรือต้องมากกว่านี้ แบคฮยอนทำให้ชานยอลอึดอัดใจมามากพอแล้ว
“แน่ใจนะ?”
“อื้อ แน่” กล่าวยืนยันอีกครั้งพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงัก แบคฮยอนสูดน้ำมูกฟืดใหญ่ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเลใจของเพื่อนซี้
“...........”
“หรืออยากให้เปลี่ยนใจ?”
“ไม่เอา...” คนตัวสูงรีบรับตอบทันทีก่อนที่โอกาสดีๆ จะหลุดลอยไป ชานยอลดึงร่างอดีตเพื่อนรักที่เพิ่งผ่านการเลื่อนสถานะหยกๆ มากอดไว้แน่น
ไม่รู้จะเรียกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีได้ไหม หรือว่าที่จริงแล้วมันเป็นเพราะความรู้สึกของคนสองคนที่เดินไปผิดทางตั้งแต่แรก สุดท้ายพวกเขาแค่วกกลับมาที่จุดเริ่มต้น แล้วเริ่มต้นเดินหนทางที่มันถูกต้อง? ชานยอลไม่รู้ว่านี่คือทางที่ดีที่สุดหรือยัง แต่สำหรับเขาตอนนี้มันดีที่สุดแล้ว
“ขอบคุณนะ”
“เรื่องอะไร”
“ทุกเรื่องเลย...”
ดวงตาเรียวรีค่อยๆ หรี่ลงช้าๆ แบคฮยอนที่แสนเหนื่อยล้ากับการทรมานตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจทิ้งตัวพักลงในอ้อมกอดที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยได้เสมอ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ชานยอลก็ยังอยู่ตรงนี้... และแบคฮยอนรู้ว่าแค่คำขอบคุณหรือคำขอโทษมันไม่เพียงพอกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำลงไป
ไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้ให้เท่าไหร่ หรือจะสร้างหนี้เพิ่มอีกเท่าไหร่ สำหรับแบคฮยอนตอนนี้แค่ไม่ต้องโกหกตัวเองก็พอแล้ว ไม่ต้องโกหกชานยอลไปมากกว่านี้ ไม่ต้องทำร้ายชานยอลไปมากกว่านี้... รู้ดีว่าถึงยังไงก็ไม่เพียงพอ แต่สำหรับคืนวันอันแสนหนักหนาที่ผ่านมา แบคฮยอนคิดว่าเขาลงโทษตัวเองมาเกินพอแล้ว...
.
.
.
ในวันที่ฝนตกหนักท้องฟ้าสีหม่นทำให้บรรยากาศในช่วงบ่ายดูเศร้ากว่าที่ควรเป็น หยดน้ำมากมายพากันกลั่นตัวดิ่งลงบนพื้นคอนกรีตจนน้ำเจิ่งนองพื้นถนน
รองเท้าผ้าใบสีขาวเขรอะฝุ่นสองคู่วิ่งย่ำผ่านทางมาลายขึ้นมาบนทางเท้าอย่างรีบร้อน ปาร์ค ชานยอลใช้แจ๊คเก็ตตัวโคร่งของเขาบังฝนให้กับเพื่อนตัวเล็ก ในขณะที่พากันวิ่งข้ามถนนมาหลบฝนอยู่ในตู้โทรศัพท์
เม็ดฝนที่ยังสาดซัดลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ละอองความชื้นกระจายตัวไปทั่วทุกทิศทาง ตอนนี้อากาศข้างนอกลดลงเหลือเพียง 12 องศา แบคฮยอนไม่มีเสื้อกันหนาวติดตัวมาสักชิ้น เขาสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งตอนนี้เปียกชุ่มไปหมด
แบคฮยอนไม่ชอบหน้าฝน…
“หนาวปะ”
“อื้อ”
ชานยอลส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ในขณะที่ใช้แจ็คเกตตัวโคร่งห่อคลุมร่างแฟนตัวเล็กเอาไว้ เขายืนหันหลังให้กับทางเข้าตู้โทรศัพท์เพื่อใช้แผ่นหลังกันเม็ดฝนที่ยังสาดเข้ามาไม่หยุด
ความเปียกชื้นที่กลืนกินพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้คนตัวสูงต้องเดินหน้ากระเถิบตัวเข้าไปชิดมุมตู้มากขึ้น อีกแค่นิดเดียวที่ว่างในตู้โทรศัพท์ก็จะไม่เหลือแล้ว และฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก
“หนาวปะ” แบคฮยอนว่าพร้อมกับยกมือขึ้นเสยผมที่ชุ่มไปด้วยหยดน้ำให้คนตรงหน้า เขาจับฝ่ามือที่เย็นเฉียบเพราะอากาศหนาวของชานยอลมาเป่าแล้วนำมันมาซุกเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเกต
“เมื่อกี้หนาว แต่ตอนนี้หายแล้ว...”
“โม้” คนตัวเล็กว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะเขย่งปลายเท้าเงยหน้าขึ้นไปกดจูบลงบนริมฝีปากแห้งผาก
สัมผัสนุ่มนวลกับความอุ่นของลมหายใจที่เป่าลดลงบนผิวกายเย็นเฉียบ ภายใต้แสงไฟถนนกับเม็ดฝนที่สาดซัดลงมา ทั้งฝ่ามือที่ถูกกอบกุมอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเกต ความหนาวเย็นไม่สามารถกัดกินหัวใจของแบคฮยอนได้อีกต่อ “จะได้หายหนาว...”
“หึ...”
“ยังหนาวอยู่ไหม”
“อื้อ... ยังหนาวอยู่”
“งั้นเข้ามาใกล้ๆ จะได้อุ่นกว่านี้...”
#myfablecb
ความคิดเห็น