ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter : 7 หมอนข้างพิเศษ

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 62


     


    ระหว่างทางที่ขับรถจากสวนสนุกมาถึงคอนโดแบคฮยอนเอาแต่หลับปุ๋ยตลอด เขาไม่ยอมตื่นมาบอกทางและชานยอลไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็เลยต้องมาจบลงที่นี่


    ปิ๊บ!


    ประตูรถถูกดล็อคด้วยรีโมท ชานยอลแบกกระเป๋าเป้สองใบกับกวาง 1 ตัวขึ้นหลังแล้วพาตรงไปยังลิฟของชั้นใต้ดินทันที ตอนนี้นาฬิกาข้อมือเขาบอกเวลาสองทุ่มเศษๆ แล้ว ชานยอลมี Misscall ประมาณร้อยสายจากแม่ที่ไม่ได้รับ และเขารู้ตัวเลยว่าถ้ากลับบ้านไปต้องโดนด่าแน่


    ใช้เวลาเพียงไม่นานลิฟก็เคลื่อนขึ้นมาจอดลงที่ชั้น 14 ชานยอลล้วงเอาคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วใช้มันเปิดประตูห้อง เขาผลักประตูเข้าไปก่อนจะพาร่างที่อ่อนปวกเปียกของเจ้ากวางตัวเล็กไปวางไว้โซฟา


    ท่าทางง่วงสะลึมสะลือของคนตรงหน้าทำเด็กหนุ่มตัวสูงอดที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ ชานยอลถอดแจ็คเกตกับเสื้อยืดออกแล้วโยนมันทิ้งไว้บนโต๊ะกระจก ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม


    เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วจัดการกดต่อสายไปยัง Misscall ล่าสุดทันที


    “ฮัลโหลครับ...”


    [………..]


    “ผมเพิ่งกลับ ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ก็เลยไม่ได้ยิน”


    [………..]


    “ผมไม่ได้อยู่บ้าน ผมอยู่คอนโด”


    [……….]


    “ครับ...”


    ชานยอลหยิบเอาน้ำอัดลม 2 กระป๋องออกมาจากตู้เย็นแล้วเดินกลับไปนั่งบนโซฟา ก่อนจะหยิบโน้ตบุ๊กออกมาจากกระเป๋าเป้


    ขายาวยกขึ้นพาดบนโต๊ะกระจก คนตัวสูงได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับเสียงบ่นของผู้เป็นแม่ที่ประดังเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ชานยอลทำได้เพียงแค่พูดครับตอบรับไปส่งๆ อย่างไม่ใส่ใจ เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ยังนอนขดอยู่บนโซฟา ก่อนจะโน้มตัวลงไปใช้กระป๋องน้ำอัดลมเย็นจัดจี้ที่ข้างแก้ม พอเห็นว่าแบคฮยอนสะดุ้ง เขาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา


    “ครับ ไปกับเพื่อน เพิ่งกลับ”


    [………..]


    “วันนี้ผมไม่กลับบ้าน”


    [………..]


    “ครับ.. เดี๋ยวสี่ทุ่มผมโทรหา”


    [..........]


    “ครับผม...”


    ตู๊ด... ตู๊ด...


    พอสายถูกวางไปชานยอลก็โยนโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ข้างตัว เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ค่อยๆ หยัดตัวขึ้นนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางงัวเงีย แบคฮยอนหรี่ตาลงหลบแสงไฟก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมที่ยุ่งเหยิง เขาหันมองรอบตัวไม่กี่ทีก็ล้มตัวลงกลับไปนอนที่เดิมอีก พอเห็นแบบนั้นแล้วชานยอลก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้


    “ลุกขึ้น ไปอาบน้ำ” คนตัวสูงว่าพร้อมกับใช้ฝ่ามือตบก้นโด่งๆ ปลุกแขกพิเศษให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ชานยอลหย่อนน้ำอัดลมอีกกระป๋องลงบนซอกคอขาวๆ ก่อนจะเขย่าตัวเรียกคนขี้เซาอีกครั้ง


    “อือ... นี่ที่ไหนอะ...” ความเย็นที่ซอกคอทำแบคฮยอนต้องหดคอหนี เขาส่งเสียงครางงึมงำออกมาเหมือนคนเมาแต่ก็ยังไม่ยอมลุกขึ้นจากโซฟา


    “คุกใต้ดิน”


    “หื้อ? ที่ไหนนะ?”


    “อยู่ห้องผม ถ้าจะนอนไปอาบน้ำก่อน ถ้าไม่อาบก็นอนโซฟา” ชานยอลว่า เขายกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่มก่อนจะผลักขาคนตัวเล็กให้หล่นลงจากโซฟา


    “ไม่มีชุดเปลี่ยนอะ”


    “เดี๋ยวหาให้”


    “งืม...”


    “ลุก”


    “ไม่รุก... รับอย่างเดียว”


    “หมายถึงให้ลุกไปอาบน้ำ”


    น้ำเสียงดุๆ กับแรงตบที่ก้นบังคับให้แบคฮยอนต้องดึงร่างที่ไร้วิญญาณขึ้นจากโซฟา ร่างกายของเขาอ่อนปวกเปียกจนแทบบังคับไม่อยู่ ความรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายทำแบคฮยอนนึกอยากจะถอดแขนขาทิ้ง เขาอ้าปากหาวออกมาวอดใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มเจ้าของห้องที่นั่งเปลือยท่อนบนเล่นโน้ตบุ๊กอยู่ข้างๆ


    “ห้องน้ำอยู่ไหนอะ” เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงสุดง่วงงุนก่อนจะลุกขึ้นถอดเข็มขัดกางเกงเตรียมตัวไปอาบน้ำ แบคฮยอนแทบจะบังคับให้ตัวเองยืนไม่ไหว ตัวเขาโงนเงนไปมา แถมมือก็ยังจับเข็มขัดแทบไม่อยู่


    “ห้องน้ำอยู่ข้างๆ ผ้าขนหนูอยู่บนชั้น เดี๋ยวผมเอาเสื้อไปวางไว้ให้”


    “อือ...” พอได้รับคำตอบแบคฮยอนก็เดินโซเซหายเข้าไปในทางเดินที่มีไฟเปิดอยู่สลัวๆ เขาตรงไปเปิดประตูบานเดียวที่มองเห็นแล้วก็พุ่งตัวเข้าไปทันที


    เสียงเปิดน้ำฝักบัวกับเสียงฮัมเพลงที่ดังออกมาให้ได้ยินเบาๆ บอกชานยอลว่าเพื่อนใหม่ของเขาได้เข้าไปอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว คนตัวสูงยกโน้ตบุ๊กวางไว้บนโซฟาก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดนอนที่แบคฮยอนพอจะใส่ได้


    เสื้อยืดสีขาวกับเกงวอร์มสมัยมัธยมถูกปลดลงมาจากราวแขวน ชานยอลนำมันไปวางไว้หน้าประตูห้องน้ำ ก่อนที่จะกลับไปนั่งที่เดิม


    .


    .


    .


    ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 5 นาที การอาบน้ำที่เหมือนกับการวิ่งผ่านน้ำของแบคฮยอนก็เสร็จสิ้น พอตาสว่างได้ที่แล้วเขาก็ย้ายตัวเองมานอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในขณะที่รอให้เจ้าของห้องอาบน้ำเสร็จ


    เสียงเพลงสากลเบาๆ ที่ดังออกจากโน้ตบุ๊กเครื่องสีเงินทำให้บรรยากาศของค่ำคืนนี้ไม่เงียบเหงามากนัก หลังจากที่แบคฮยอนส่งข้อความไปรายงานตัวกับแม่และเพื่อนซี้เสร็จ เขาก็ไม่ลืมใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปห้องคอนโดโพสต์ลงทวิตเก๋ๆ พร้อมกับใส่อีโมติค่อนยิ้มเยาะชวนให้ผู้คนคิดไปเอง


    ติ๊ง!’


    ในขณะที่กำลังนอนดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดึงสายตาของแบคฮยอนให้ต้องหันไปมอง อยู่ๆ ความคิดชั่วร้ายที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็วิ่งแว้บเข้ามาในหัว แบคฮยอนหันไปมองทางเข้าห้องน้ำก่อนจะลักลอบหยิบโทรศัพท์เจ้าของห้องขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะ


    คลิ๊ก


    ป้อนรหัสผ่าน


    ยังไม่ทันจะได้กดเข้าไปดูอะไร แค่แตะนิ้วลงไปบนปุ่มโฮมเจ้าโทรศัพท์เครื่องสีดำก็บอกให้ใส่รหัสผ่าน แบคฮยอนได้แต่มุ่ยหน้าอย่างนึกเซ็ง ก่อนจะวางมันทิ้งไว้ที่เดิมแล้วหันกลับไปสนใจมือถือตัวเองต่อ เขาได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าคนน่าเบื่ออย่างชานยอลคงไม่มีอะไรให้สนใจหรอก


    “เมื่อกี้เห็นนะ”

     

    เสียงทุ้มๆ กับร่างของเจ้าของมือถือที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำแบคฮยอนตกใจจนเกือบทำโทรศัพท์ร่วง ชานยอลเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาในขณะที่ใช้ผ้าเช็ดผมที่เปียกชื้น เขาไม่ได้ดูโกรธอะไร พอเห็นแบบนั้นแล้วแบคฮยอนก็ได้แต่ลอบถอนลมหายใจออกมาเงียบๆ


    “เห็นอะแระ?” แสร้งทำเป็นเฉไฉพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นทำทีเหมือนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงอะไร แบคฮยอนไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของชานยอลสักหน่อย เขาแค่อยากจะทำให้มันเท่าเทียมกันเอง


    “จะขโมยโทรศัพท์ผมหรอ?” เด็กหนุ่มตัวสูงว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างคู่ขาตัวเล็ก ชานยอลเอนหลังลงกับพนักพิงพลางใช้สายตาจ้องมองไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ของแบคฮยอนที่อยู่ในสภาพไม่ค่อยสู้ดีนัก


    ดูจากรอยถลอกที่ขอบตัวเครื่องก็รู้ว่าคงไม่ได้ซื้อมาใหม่...


    “ไม่ได้จะขโมยสักหน่อย แค่ดูเฉยๆ เอง ทีมึงยังเล่นโทรศัพท์กูได้เลย” ทำเป็นนิ่วหน้ากลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองกระทำก่อนจะรีบซ่อนโทรศัพท์ตัวเองเอาไว้ใต้เสื้อ แบคฮยอนไม่ยอมให้ชานยอลแอบดูโทรศัพท์ของเขาอีกหรอก


    “ถ้าพูดเพราะๆ เดี๋ยวจะคืนให้”


    “รู้ว่าไม่คืนหรอก”


    “หึ” ชานยอลไม่ได้ว่าอะไร เขาหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปลดล็อคก่อนจะพูดต่อ “ซื้อเครื่องใหม่มาเท่าไหร่”


    “ไม่ได้ซื้ออะ เอาเครื่องเก่ามาใช้ ใครจะไปซื้อโทรศัพท์บ่อยๆ วะ” คนตัวเล็กบ่นอุบ เขาไม่ได้รวยเหมือนชานยอลสักหน่อย ที่อยากจะซื้ออะไรก็ได้ตามใจนึก


    “ใช้โน้ตเอดจ์ปะ”


    “ไม่ใช้ แพง”


    “หมายถึงจะใช้ไหม มีเครื่องที่ไม่ได้ใช้อยู่” ชานยอลพูดย้ำ เขากดเข้าเกมในมือถือแล้วเอนหลังนอนลงบนโซฟาพลางยกเท้าขึ้นวางพาดบนตักคนข้างๆ


    “ทำแมะ? จะให้ไง”


    “ก็เอาไปใช้ก่อนจนกว่าจะได้โทรศัพท์คืน”


    “เอามาดิ” เมื่อมันเป็นของฟรีแบคฮยอนย่อมไม่ปฏิเสธ เขาทำท่าแบมือขอโทรศัพท์จากชานยอลแต่สิ่งที่อีกผ่ายยัดกลับเข้ามาในมือก็มีเพียงแค่เปลือกหมากฝรั่งเท่านั้น สุดท้ายก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความกวนของเด็กหนุ่มผู้ไม่เคยยอมให้อะไรง่ายๆ


    “ตอนนี้ไม่มี เดี๋ยววันจันทร์เอาไปให้” ชานยอลว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ตอนนี้เขาไม่มีโทรศัพท์เครื่องที่ว่านั่นอยู่กับตัว แบคฮยอนจะคิดว่าแกล้งก็ได้ แต่ชานยอลไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น


    “เอาเครื่องเก่าคืนมาก็จบแล้ว ไม่อยากได้เครื่องใหม่อะ อยากได้เครื่องเก่าคืน”


    “ไม่ให้”


    “เดี๋ยวไปแจ้งตำรวจนะ?”


    “ก็ไปแจ้งสิครับ” เด็กหนุ่มตัวสูงว่าอย่างไม่ใส่ใจ ที่จริงชานยอลคิดว่าแบคฮยอนน่าจะไปแจ้งความตั้งนานแล้ว เผลอๆ เขาอาจจะได้โทรศัพท์คืนไปนานแล้วด้วย


    “นิสัยไม่ดีเลย”


    “เพิ่งจะรู้หรอ...”


    คำพูดที่ฟังดูเย็นเยียบพิลึกกับรอยยิ้มสุดจอมปลอมทำแบคฮยอนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาได้แต่มุ่ยหน้าแล้วหลุบตาลงมองมือถือตัวเองด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมแบบไร้เหตุผล ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง แบคฮยอนไม่ชอบเลยที่ต้องรู้สึกกลัวความลึกลับของชานยอล


    “แล้วทำไมต้องพูดให้น่ากลัวด้วย” นิ่วหน้าว่าออกไปด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจ คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันแน่น แบคฮยอนพยายามบอกตัวเองว่าชานยอลก็เป็นแค่เด็กขี้เหงาเท่านั้น เขาไม่ได้ร้ายกาจอะไรเหมือนอย่างที่แสดงออก


    “พูดอะไร?”


    “ก็ทำอยู่เมื่อกี้อะ พูดเหมือนจะหลอกกูมาฆ่าเลย”


    “ฮ่ะๆๆๆ ” คำพูดสุดตีโพยตีพายไม่ได้ทำให้ชานยอลรู้สึกโกรธอะไร เขาเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะพูดต่อ “จะนอนยัง จะนอนก็ไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวตามไปทีหลัง”


    “อือ เดี๋ยวะจะไปนอนแล่ว”


    “งั้นก็ไปก่อนเลย”


    สุดท้ายก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับนิสัยชอบหลีกเลี่ยงการตอบคำถามเด็กหนุ่มที่มากไปด้วยความลับ แบคฮยอนทำได้เพียงแค่เก็บความรู้สึกเคลือบแคลงใจเอาไว้ ก่อนจะตัดสินใจลุกเดินไปเข้าห้องนอน


    ประตูไม้สีขาวถูกปิดลงอย่างเบามือ เสียงเครื่องปรับอากาศตัวใหญ่ทำงานดังวื้ด แบคฮยอนคลานขึ้นไปนอนบนเตียงนอนสีครีม โดยที่ไม่ลืมถลกผ้าห่มที่นุ่มที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยสัมผัสขึ้นคลุมร่าง


    ดวงตาเรียวรีหลับลงช้าๆ เสียงสุดท้ายที่แบคฮยอนได้ยินคือเสียงเจ้าของห้องกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ข้างนอก แต่ถึงจะพยายามเงียหูฟังเท่าไหร่ก็จับใจความไม่ได้เลย...


    .


    .


    .


    “อีอี้!!! หนีเร็ว!!! หนีเร็ว!!!


    นสถานการณ์ที่น่าระทึกขวัญ แบคฮยอนสาวเท้าวิ่งไปบนพื้นหิมะที่สูงขึ้นมาถึงเข่า เขาเอาแต่ตะโกนบอกให้เพื่อนรักวิ่งหนีไปเมื่อเจ้าหมียักษ์ขนดกวิ่งไล่กวดเข้ามาเรื่อยๆ


    “หนีไป!!!


    “ฮ่ะ... ฮ่ะ...”


    ควันสีขาวลอยฟุ้งออกจากริมฝีปากและจมูกที่หอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างหนักหน่วง แบคฮยอนสะดุดล้มลงบนกองหิมะ เขาได้แต่นอนหลับตาแน่นอยู่บนพื้นเพื่อไม่ให้เจ้าหมีรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ เงาร่างขนาดใหญ่ที่พาดทับลงมาทำหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก


    เจ้าหมียักษ์ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนทับร่างที่จมอยู่ใต้หิมะเอาไว้ แบคฮยอนนอนตัวแข็งทื่อ ความรู้สึกหนักๆ กดทับไปทั่วทั้งร่างกาย ในใจก็เขาได้แต่ภาวนาขอให้เจ้าหมีสีน้ำตาลตัวนี้ลุกหนีไปไวๆ

     


    “อือ...”


    คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันแน่น ความรู้สึกอึดอัดที่โอบรัดอยู่รอบกายปลุกแบคฮยอนให้ลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่กองหิมะหรือป่าสน มันคือผ้าม่านสีน้ำตาลตุ่นๆ


    คนตัวเล็กถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อพบว่าหมีร้ายในฝันนั้นคือชานยอลนั่นเอง แขนขายาวๆ ที่ก่ายทับขึ้นมาบนร่างทำแบคฮยอนอึดอัดจนฝันร้าย ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ในก้อนผ้าห่ม แล้วก็ถูกหมียักษ์กอดทับอีกชั้น บางทีชานยอลน่าจะรู้ตัวได้แล้วว่าความอบอุ่นของเขามันทำให้คนอื่นลำบากกาย


    “เฮ้อ...”

     

    Ring Ring Ring Ring Ring


    ได้แต่ถอนลมหายใจออกมา แต่ก่อนที่จะได้ขยับกายไปไหน เสียงร้องจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงก็เรียกแบคฮยอนให้ต้องละความสนใจออกจากคนข้างๆ เขาค่อยๆ สอดมือออกไปนอกผ้าห่มเพื่อหยิบโทรศัพท์มากดดูสายเรียกเข้าก่อนจะรีบกดรับทันที


    “ฮัลโหลครับ”


    [สวัสดีค่ะ]


    “ครับ”


    [อันนี้ใช่เบอร์คุณวูจินหรือเปล่าคะ ใช่คนที่ติดต่อมาเมื่อคืนหรือเปล่า]


    “เปล่าครับ ผมแบคฮยอน”


    [อ้าว คุณแบคฮยอนหรอคะ]


    “ใครอะ”


    เสียงทุ้มๆ ที่ดังอยู่ข้างหูเรียกแบคฮยอนให้ต้องหันไปชู่ปากใส่คนด้านหลัง นิ้วเรียวยกขึ้นจรดริมฝีปากเป็นเชิงให้อีกฝ่ายเงียบก่อน แบคฮยอนได้ยินเสียงคนทางปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมา


    [งั้นขอโทษทีค่ะสงสัยพี่จำเบอร์ผิด ขอโทษที่โทรมารบกวนนะคะ]


    “ครับ ไม่เป็นไรครับ”


    [ค่ะ สวัสดีค่ะ]


    ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไปฝ่ายบุคคลสาวจากสำนักงานใหญ่ก็ชิงตัดสายไปเสียก่อน แบคฮยอนจ้องมองดูโทรศัพท์ของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางมันเอาไว้ที่ข้างหมอน คิ้วเรียวขมวดย่นลงเมื่อถูกอ้อมกอดของคนด้านหลังบีบรัดเข้ามาเรื่อยๆ


    “ใครอะ” เจ้าของเสียงสุดทุ้มเอ่ยถาม ชานยอลซุกหน้าลงกับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มในขณะที่ดวงตายังคงหลับสนิท


    “คุณนายอนอะ โทรมาผิด”


    “ซวยละ” เขาว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอ น้ำเสียงที่ฟังดูเล่นทีจริงของเด็กหนุ่มตัวสูงทำให้คนรับโทรศัพท์อดสงสัยไม่ได้


    “ทำไมอะ? ทำไมซวย?”


    “เปล่า... ไม่มีอะไร” ชานยอลตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ เขากดปลายจมูกลงซุกไซ้เรือนผมที่มีกลิ่นหอมแชมพูอ่อนๆ ก่อนจะกอดกระชับท่อนแขนให้แน่น


    ความอบอุ่นจากร่างกายของคนตัวเล็กกับขนาดตัวที่พอเหมาะพอดีกับวงแขนทำให้ชานยอลไม่อยากลุกไปไหน เขาอยากนอนกอดหมอนข้างกวางรุ่นพิเศษนี้ไปจนถึงเช้าอีกวันเลย


    “เค้าจะจำเสียงได้อ่อ?”


    “อือ เดี๋ยวก็เอาไปบอกแม่อีก”


    “ทำไมต้องบอกด้วยอะ?” แบคฮยอนจอมขี้สงสัยยังถามไม่หยุด เขาพยายามจะดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของคนข้างๆ แต่ไม่ว่าจะขยับตัวไปท่าไหนก็หมุนไปได้ไม่พ้นอยู่ดี


    “ไม่รู้เหมือนกัน” คนตัวสูงว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ตอนนี้ชานยอลไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น เขากำลังตกหลุมรักหมอนข้างพูดมากอย่างจริงจัง ชานยอลคิดว่าเขาน่าจะจ้างแบคฮยอนให้เป็นหมอนข้างส่วนตัวซะเลย จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับอีก “รับงานพิเศษเพิ่มปะ จ้างเป็นหมอนข้างหน่อยดิ”


    “ห้ะ? พูดอะไรวะ” คำพูดที่ทำชวนให้คิดไปไกลทำคนตัวเล็กถึงกับหน้าร้อนเห่อ นี่ถ้าเกิดว่าคนพูดไม่ใช่ชานยอลแบคฮยอนคงจะคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วว่ากำลังถูกชวนให้มานอนด้วยอยู่


    “จ้าง นอนให้ก่ายเฉยๆ ไม่ทำอย่างอื่น”


    “ให้เท่าไหร่”


    “เอาเท่าไหร่อะ”


    “ห้าพัน แต่ถ้าทำอย่างอื่นด้วยไม่คิดตังค์”


    “ฮ่ะๆๆๆ” คนตัวสูงถึงกับหลุดหัวเราะออกมากับมุกตลกยามเช้าของเจ้ากวางที่แสนร่าเริง ชานยอลยกขาที่ก่ายออกปล่อยให้แบคฮยอนเป็นอิสระก่อนจะดีดตัวขึ้นนั่ง แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงมาตรวจเช็คความเคลื่อนไหว


    ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาสิบโมงเศษๆ แล้ว ท้องชานยอลเริ่มส่งเสียงดัง เขากดเข้าแอพพลิเคชั่นสั่งอาหารก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง


    “ทำไมตัวใหญ่จังวะ ตอนเด็กๆ แม่ให้กินไรเนี่ย” พอหลุดพ้นจากการกอดรัดมาได้แบคฮยอนก็มุ่ยหน้าบ่นอุบ เขาหยัดตัวขึ้นบิดขี้เกียจจนหลังงอ ท่อนแขนเล็กๆ บิดชูขึ้นกลางอากาศ


    “ถามทำไม”


    “ก็อยากรู้อะ เห็นตัวใหญ่ อยากตัวสูงๆ บ้าง นี่หยุดสูงมาตั้งแต่ม.ต้นละ”


    “ทำไมอะ? ตอนเด็กๆ แม่ไม่ให้กินนมหรอ?” ชานยอลไม่ตอบคำถามแต่ย้อนถามกลับไปแทน ท่าบิดขี้เกียจจนกระดูกแขนงอของแบคฮยอนทำให้ชานยอลเริ่มคิดจริงๆ แล้วว่าคนตรงหน้าเขาอาจจะไม่ค่อยได้กินนมจริงๆ


    “อือ ตอนเด็กๆ แม่บอกเรากินนมหมาก็เลยไม่โต” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ความทรงจำแสนเศร้าในวัยเด็กของแบคฮยอนคงไม่มีอะไรเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว “แม่บอกว่าอีมงรยงเลี้ยงเรามา เพราะเราดื้อแม่ก็เลยไม่ให้กินนม แล้วเราก็เลยต้องคลานไปกินนมหมาใต้ท้องรถแทน”


    “แล้วเชื่อปะ?”


    “เมื่อก่อนก็เชื่อนะ ก็เรียกอีมงรยงว่าแม่มงรยง แต่โตมาก็ไม่เชื่อละ”


    “พูดจริงดิ ฮ่ะๆๆๆ” ชานยอลถึงกับหลุดขำกับความซื่อที่มากเกินบรรยายของคนตรงหน้า เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบคฮยอนถึงได้ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นเพราะเขาเชื่อคนง่ายแบบนี้นี่เอง “หิวข้าวปะ”


    “อือ... หิว มีมาม่าปะ”


    “ไม่มี”


    “โจ๊กอะ”


    “มี แต่ไม่อร่อย”


    “สั่ง kfc มากินได้ปะ”


    “ทำไมชอบกินจั๊งค์ฟู้ด?”


    คำถามที่ไม่น่าถามและความเรื่องมากของเด็กหนุ่มลูกผู้ดีทำแบคฮยอนถึงกับต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า เขาหันไปมองชานยอลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถามออกมา


    “ไม่กินจั๊งค์ฟู้ดอ่อ?"


    "กินบ้าง แต่ไม่บ่อย"


    "แล้วส่วนใหญ่กินไรอะ?” ถึงมันจะเป็นคำถามที่ฟังดูโง่ แต่แบคฮยอนก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าชานยอลกินอะไรในชีวิตประจำวัน ของอร่อยส่วนใหญ่บนโลกนี้ก็เป็นอาหารขยะทั้งนั้น เขากินพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ้างไหม กินแฮมเบอร์เกอร์มั่งหรือเปล่า?


    “ก็กินข้าวปกติ” คนตัวสูงตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ ชานยอลไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเขาไม่กินอาหารขยะ แค่ไม่คิดว่ามันจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ของมื้อเช้า


    “ปกติกินมาม่ามั่งปะ


    “หึ ที่บ้านไม่มีมาม่า”


    “จริงดิ? ไม่มีเลยอ่อ? แล้วเวลาหิวดึกๆ ทำไงอะ?”


    “ก็กินข้าว กินขนมปัง”


    “พวกข้าวกล่องอะนะ?”


    “ข้าวที่บ้านนี่แหละ ไม่มีข้าวกล่อง แม่ไม่กินอาหารขยะ” ชานยอลว่า เขาเงยหน้าขึ้นมองคนขี้สงสัยก่อนจะส่งเสีงหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ "ก็มีข้าวกินอยู่แล้วจะซื้อข้าวกล่องกินทำไม"


    “แล้วกินขนมมั่งปะ?”


    “ก็กินบ้าง ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย”


    “พวกขนมธัญพืชแบบในรถอะนะ?”


    “อันนั้นแม่ซื้อไว้ให้ ไม่ได้ซื้อเอง”


    ดูเหมือนว่าแม่จะมีบทบาทอยู่ในเกือบทุกคำตอบของชานยอล และมันทำให้แบคฮยอนอดคิดไม่ได้ว่าประธานเนี่ยเป็นพวกผู้หญิงขี้บงการหรือเปล่า เขาเป็นพวกที่ห่วงลูกเกินเหตุไหม? ทำไมชานยอลดูได้รับอิทธิพลมาเยอะจัง ก็ไม่ได้อยากจะตัดสินใครจากการกระทำแค่เล็กน้อยหรอกนะ แต่มันทำให้รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้


    “หรอ... แล้วถ้างั้นจะกินอะไรอะ” แบคฮยอนยักไหล่ เขานึกไม่ออกว่าจะกินอะไรถ้าไม่ใช่ฟาสต์ฟู้ด แบคฮยอนรักอาหารขยะ มันราคาถูกแล้วก็อร่อยด้วย เขารัก kfc พอๆ กับพิซซ่า


    “เดี๋ยวสั่งมากิน” ชานยอลว่า เขาเลือกเข้าไปดูเมนูอาหารญี่ปุ่นในแอพ’ก่อนจะกดสั่งข้าวหน้าปลาและชุดซูชิมาอีก 2 – 3 หน้าโดยที่ไม่ลืมถามคนตัวเล็กด้วยว่าจะกินอะไร “จะกินอะไร จะสั่งเผื่อ มีอาหารญี่ปุ่น”


    “ไม่ต้องอะ เดี๋ยวลงไปหาไรกิน” แบคฮยอนรีบตอบปฏิเสธ เมื่อวานชานยอลเสียเงินเลี้ยงข้าวเขาไปหลายมื้อแล้ว แบคฮยอนไม่อยากจะรบกวนอีก แค่เขาอุตส่าห์พามานอนที่คอนโดมันก็มากเกินพอแล้ว


    “ข้างล่างมีแต่มินิมาร์ทนะ?”


    “งั้นเดี๋ยวค่อยกลับไปกินที่หอก็ได้ สั่งไปเลย” ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่กล้าพูดออกไปว่าอยากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่จริงแบคฮยอนแค่ต้องการอาหารขยะที่มันหนักท้อง เขาอยากเอามาม่ารสชีสมาคลุกกับรสเผ็ด ใส่ไก่ทอดกับฮอตด็อกโง่ๆ โปะชีสเข้าไปเยอะๆ ทำกะละมังใหญ่ๆ แบบสำหรับนั่งกินไปดูหนังไป


    แบคฮยอนต้องการแบบนั้น... แต่ว่าเอาไว้กลับไปกินกับอี้ชิงก็ได้ ดูท่าทางแล้วชานยอลไม่น่าชอบเท่าไหร่


    “แล้วอยากกินไร” คนตัวสูงชะงักมือที่กำลังจะกดสั่งอาหารไว้ ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองแบคฮยอนที่ทำสีหน้าอึกอักเหมือนไม่กล้าพูดว่าตัวเองต้องการอะไร


    “อยากกินไรก็สั่งไปเลย เดี๋ยวเราลงไปหากินข้างล่างเอา”


    “แน่ใจนะ...”


    “อือ สั่งเลย...”


    .


    .


    .


    ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาที มาม่าลาวาสูตรบางบูชอนก็เสร็จสิ้น แบคฮยอนใช้มาม่าสูตรเผ็ดพิเศษ 1 ห่อกับมามาชีสอีก 2 ห่อคลุกรวมกัน เขาโรยผงชีสลงไปเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง ตามด้วยข้าวโพด ชีสแผ่น และไส้กรอกโง่ๆ กับไก่ทอดอีก 3 ชิ้น เพียงไม่นานเมนูง่ายๆ แต่อลังกาลก็เสร็จสิ้น


    บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ในขณะที่ชานยอลยังรออาหารญี่ปุ่นของเขาอยู่แบคฮยอนก็เริ่มลงมือกินมาม่าในชามอย่างเอร็ดอร่อย


    ชานยอลผู้ใช้ชีวิตอยู่ในกฏเกณฑ์ของสุขภาพได้แต่นั่งมองชามอาหารที่เต็มไปด้วยโซเดียมของแบคฮยอนด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนจุกจิกเลยจนกระทั่งได้เห็นมาม่าสูตรทำลายล้างไตขั้นสูง ชานยอลไม่เห็นประโยชน์อะไรสักอย่างจากเมนูนี้เลย เขาเห็นแต่แป้งกับโซเดียมปริมาณสูง


    “กินอย่างงี้ไงถึงได้ไม่โต” พูดออกมาเหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดทีวีกับเครื่องเล่น ชานยอลหยิบรีโมทแล้วกลับมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง เขากดให้เครื่องดีวีดีเล่นแผ่นซีรีส์ต่อจากที่เคยเปิดเอาไว้ล่าสุด


    “มันอร่อยนะ ลองกินปะ” แบคฮยอนที่ยังไม่รู้สำนึกถึงปริมาณเกลือที่จะได้รับพูดออกมาทั้งที่ยังเคี้ยวเส้นเต็มปาก เขาคีบไก่ไปป้อนใส่ปากคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับไปกิน


    “กินมากๆ เดี๋ยวก็กระดูกผุ”


    “เนี่ย เราทำงี้ได้ด้วยนะ ทำอย่างงี้ได้ปะ” แบคฮยอนวางตะเกียบลงแล้วใช้กำปั้นกำนิ้วก้อยโชว์ให้คนข้างๆ ดู เขานำเสนอความสามารถสุดพิเศษด้วยความภาคภูมิใจ นอกจากจะใช้กำปั้นกำนิ้วก้อยแล้วก็ยังงอกระดูกแขนโชว์ด้วย พอชานยอลเห็นแบบนั้นแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาทำตามบ้าง


    นิ้วใหญ่ๆ ที่มองเห็นข้อกระดูกขึ้นเป็นป้องชัดเจนมีความแข็งแรงมากเกินกว่าจะหักลงได้ง่ายๆ ชานยอลพยายามจะใช้กำปั้นกำนิ้วก้อยของเขาแต่มันก็เปล่าประโยชน์ แถมยังดูเก้กังจนน่าตลก


    “เนี่ย ทำงี้ได้ด้วยนะ” คนตัวเล็กว่าแล้วก็งอนิ้วทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ก่อนจะกดปลายนิ้วชี้กับนิ้วก้อยเข้าหากัน และถึงชานยอลจะพยายามลองทำตาม แต่กระดูกที่ใหญ่เกินคนปกติของเขาก็ยังเป็นอุปสรรคอยู่ดี


    “ทำได้ไงวะ”


    “กินนมหมาดิ”


    กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกให้ทำเรื่องไร้สาระชานยอลก็เสียเวลาไปแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาพลางถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่ออาหารที่สั่งยังไม่มาส่งสักที


    เสียงอึกทึกจากซีรีส์ดังกระหึ่มไปทั่วห้อง ในขณะที่ชานยอลกำลังดูหนังอย่างตั้งใจ แบคฮยอนก็พยายามจะตั้งใจดูบ้าง แต่ทว่ามันก็เปล่าประโยชน์ ซีรีส์ภาษาอังกฤษที่ไม่มีซับก็ไม่ต่างอะไรจากละครใบ้ แบคฮยอนทำได้เพียงแค่นั่งมองภาพในจอไปเรื่อยเปื่อย เขาไม่ดูซีรีส์ฝรั่งเพราะไม่ค่อยชอบความลึกลับซับซ้อน แบคฮยอนชอบดูหนังเบาสมองมากกว่า


    ที่จริงจะบอกว่าดูก็ไม่ถูกนัก บางทีเขาก็แค่เปิดหนังทิ้งไว้เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกเหงา แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้สนใจดูเท่าไหร่


    “กินเสร็จแล้วเดี๋ยวผมไปส่ง” คนตัวสูงว่าในขณะที่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่บนจอทีวี ชานยอลแอบเหลือบตาไปมองคนข้างตัวเขาเพียงครู่เดียวก็หันไปสนใจซีรีส์ต่อ

    “อื้อ”

    ท่ากินที่ดูน่าอร่อยของแบคฮยอนทำชานยอลอดที่จะรู้สึกขำไม่ได้ เขาได้แต่เก็บซ่อนรอยยิ้มนั้นไว้ แล้วทำเป็นไม่สนใจคนที่กำลังกำลังเอาแต่กินอยู่อย่างไม่สนใจโลก


     












    #ฟิคกวาง




    ...  





    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×