คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter : 7 หมอนข้างพิเศษ
ระหว่างทางที่ขับรถจากสวนสนุกมาถึงคอนโดแบคฮยอนเอาแต่หลับปุ๋ยตลอด
เขาไม่ยอมตื่นมาบอกทางและชานยอลไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็เลยต้องมาจบลงที่นี่
ปิ๊บ!
ประตูรถถูกดล็อคด้วยรีโมท ชานยอลแบกกระเป๋าเป้สองใบกับกวาง
1 ตัวขึ้นหลังแล้วพาตรงไปยังลิฟของชั้นใต้ดินทันที ตอนนี้นาฬิกาข้อมือเขาบอกเวลาสองทุ่มเศษๆ
แล้ว ชานยอลมี Misscall ประมาณร้อยสายจากแม่ที่ไม่ได้รับ
และเขารู้ตัวเลยว่าถ้ากลับบ้านไปต้องโดนด่าแน่
ใช้เวลาเพียงไม่นานลิฟก็เคลื่อนขึ้นมาจอดลงที่ชั้น
14 ชานยอลล้วงเอาคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วใช้มันเปิดประตูห้อง
เขาผลักประตูเข้าไปก่อนจะพาร่างที่อ่อนปวกเปียกของเจ้ากวางตัวเล็กไปวางไว้โซฟา
ท่าทางง่วงสะลึมสะลือของคนตรงหน้าทำเด็กหนุ่มตัวสูงอดที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
ชานยอลถอดแจ็คเกตกับเสื้อยืดออกแล้วโยนมันทิ้งไว้บนโต๊ะกระจก ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม
เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง
แล้วจัดการกดต่อสายไปยัง Misscall ล่าสุดทันที
“ฮัลโหลครับ...”
[………..]
“ผมเพิ่งกลับ ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ก็เลยไม่ได้ยิน”
[………..]
“ผมไม่ได้อยู่บ้าน ผมอยู่คอนโด”
[……….]
“ครับ...”
ชานยอลหยิบเอาน้ำอัดลม 2 กระป๋องออกมาจากตู้เย็นแล้วเดินกลับไปนั่งบนโซฟา
ก่อนจะหยิบโน้ตบุ๊กออกมาจากกระเป๋าเป้
ขายาวยกขึ้นพาดบนโต๊ะกระจก
คนตัวสูงได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับเสียงบ่นของผู้เป็นแม่ที่ประดังเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
ชานยอลทำได้เพียงแค่พูดครับตอบรับไปส่งๆ อย่างไม่ใส่ใจ เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ยังนอนขดอยู่บนโซฟา
ก่อนจะโน้มตัวลงไปใช้กระป๋องน้ำอัดลมเย็นจัดจี้ที่ข้างแก้ม พอเห็นว่าแบคฮยอนสะดุ้ง
เขาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ครับ ไปกับเพื่อน เพิ่งกลับ”
[………..]
“วันนี้ผมไม่กลับบ้าน”
[………..]
“ครับ.. เดี๋ยวสี่ทุ่มผมโทรหา”
[..........]
“ครับผม...”
ตู๊ด... ตู๊ด...
พอสายถูกวางไปชานยอลก็โยนโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ข้างตัว
เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ค่อยๆ หยัดตัวขึ้นนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางงัวเงีย
แบคฮยอนหรี่ตาลงหลบแสงไฟก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมที่ยุ่งเหยิง
เขาหันมองรอบตัวไม่กี่ทีก็ล้มตัวลงกลับไปนอนที่เดิมอีก พอเห็นแบบนั้นแล้วชานยอลก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ลุกขึ้น ไปอาบน้ำ”
คนตัวสูงว่าพร้อมกับใช้ฝ่ามือตบก้นโด่งๆ ปลุกแขกพิเศษให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ
ชานยอลหย่อนน้ำอัดลมอีกกระป๋องลงบนซอกคอขาวๆ ก่อนจะเขย่าตัวเรียกคนขี้เซาอีกครั้ง
“อือ... นี่ที่ไหนอะ...” ความเย็นที่ซอกคอทำแบคฮยอนต้องหดคอหนี
เขาส่งเสียงครางงึมงำออกมาเหมือนคนเมาแต่ก็ยังไม่ยอมลุกขึ้นจากโซฟา
“คุกใต้ดิน”
“หื้อ? ที่ไหนนะ?”
“อยู่ห้องผม ถ้าจะนอนไปอาบน้ำก่อน
ถ้าไม่อาบก็นอนโซฟา” ชานยอลว่า เขายกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่มก่อนจะผลักขาคนตัวเล็กให้หล่นลงจากโซฟา
“ไม่มีชุดเปลี่ยนอะ”
“เดี๋ยวหาให้”
“งืม...”
“ลุก”
“ไม่รุก... รับอย่างเดียว”
“หมายถึงให้ลุกไปอาบน้ำ”
น้ำเสียงดุๆ
กับแรงตบที่ก้นบังคับให้แบคฮยอนต้องดึงร่างที่ไร้วิญญาณขึ้นจากโซฟา
ร่างกายของเขาอ่อนปวกเปียกจนแทบบังคับไม่อยู่
ความรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายทำแบคฮยอนนึกอยากจะถอดแขนขาทิ้ง เขาอ้าปากหาวออกมาวอดใหญ่
ก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มเจ้าของห้องที่นั่งเปลือยท่อนบนเล่นโน้ตบุ๊กอยู่ข้างๆ
“ห้องน้ำอยู่ไหนอะ”
เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงสุดง่วงงุนก่อนจะลุกขึ้นถอดเข็มขัดกางเกงเตรียมตัวไปอาบน้ำ
แบคฮยอนแทบจะบังคับให้ตัวเองยืนไม่ไหว ตัวเขาโงนเงนไปมา แถมมือก็ยังจับเข็มขัดแทบไม่อยู่
“ห้องน้ำอยู่ข้างๆ ผ้าขนหนูอยู่บนชั้น
เดี๋ยวผมเอาเสื้อไปวางไว้ให้”
“อือ...” พอได้รับคำตอบแบคฮยอนก็เดินโซเซหายเข้าไปในทางเดินที่มีไฟเปิดอยู่สลัวๆ
เขาตรงไปเปิดประตูบานเดียวที่มองเห็นแล้วก็พุ่งตัวเข้าไปทันที
เสียงเปิดน้ำฝักบัวกับเสียงฮัมเพลงที่ดังออกมาให้ได้ยินเบาๆ
บอกชานยอลว่าเพื่อนใหม่ของเขาได้เข้าไปอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
คนตัวสูงยกโน้ตบุ๊กวางไว้บนโซฟาก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดนอนที่แบคฮยอนพอจะใส่ได้
เสื้อยืดสีขาวกับเกงวอร์มสมัยมัธยมถูกปลดลงมาจากราวแขวน
ชานยอลนำมันไปวางไว้หน้าประตูห้องน้ำ ก่อนที่จะกลับไปนั่งที่เดิม…
.
.
.
ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 5 นาที
การอาบน้ำที่เหมือนกับการวิ่งผ่านน้ำของแบคฮยอนก็เสร็จสิ้น พอตาสว่างได้ที่แล้วเขาก็ย้ายตัวเองมานอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในขณะที่รอให้เจ้าของห้องอาบน้ำเสร็จ
เสียงเพลงสากลเบาๆ
ที่ดังออกจากโน้ตบุ๊กเครื่องสีเงินทำให้บรรยากาศของค่ำคืนนี้ไม่เงียบเหงามากนัก
หลังจากที่แบคฮยอนส่งข้อความไปรายงานตัวกับแม่และเพื่อนซี้เสร็จ เขาก็ไม่ลืมใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปห้องคอนโดโพสต์ลงทวิตเก๋ๆ
พร้อมกับใส่อีโมติค่อนยิ้มเยาะชวนให้ผู้คนคิดไปเอง
‘ติ๊ง!’
ในขณะที่กำลังนอนดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดึงสายตาของแบคฮยอนให้ต้องหันไปมอง
อยู่ๆ ความคิดชั่วร้ายที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็วิ่งแว้บเข้ามาในหัว
แบคฮยอนหันไปมองทางเข้าห้องน้ำก่อนจะลักลอบหยิบโทรศัพท์เจ้าของห้องขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะ
‘คลิ๊ก’
‘ป้อนรหัสผ่าน’
ยังไม่ทันจะได้กดเข้าไปดูอะไร
แค่แตะนิ้วลงไปบนปุ่มโฮมเจ้าโทรศัพท์เครื่องสีดำก็บอกให้ใส่รหัสผ่าน
แบคฮยอนได้แต่มุ่ยหน้าอย่างนึกเซ็ง
ก่อนจะวางมันทิ้งไว้ที่เดิมแล้วหันกลับไปสนใจมือถือตัวเองต่อ เขาได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าคนน่าเบื่ออย่างชานยอลคงไม่มีอะไรให้สนใจหรอก
“เมื่อกี้เห็นนะ”
เสียงทุ้มๆ กับร่างของเจ้าของมือถือที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำแบคฮยอนตกใจจนเกือบทำโทรศัพท์ร่วง
ชานยอลเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาในขณะที่ใช้ผ้าเช็ดผมที่เปียกชื้น เขาไม่ได้ดูโกรธอะไร
พอเห็นแบบนั้นแล้วแบคฮยอนก็ได้แต่ลอบถอนลมหายใจออกมาเงียบๆ
“เห็นอะแระ?”
แสร้งทำเป็นเฉไฉพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นทำทีเหมือนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงอะไร
แบคฮยอนไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของชานยอลสักหน่อย เขาแค่อยากจะทำให้มันเท่าเทียมกันเอง
“จะขโมยโทรศัพท์ผมหรอ?”
เด็กหนุ่มตัวสูงว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างคู่ขาตัวเล็ก
ชานยอลเอนหลังลงกับพนักพิงพลางใช้สายตาจ้องมองไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ของแบคฮยอนที่อยู่ในสภาพไม่ค่อยสู้ดีนัก
ดูจากรอยถลอกที่ขอบตัวเครื่องก็รู้ว่าคงไม่ได้ซื้อมาใหม่...
“ไม่ได้จะขโมยสักหน่อย แค่ดูเฉยๆ เอง ทีมึงยังเล่นโทรศัพท์กูได้เลย”
ทำเป็นนิ่วหน้ากลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองกระทำก่อนจะรีบซ่อนโทรศัพท์ตัวเองเอาไว้ใต้เสื้อ
แบคฮยอนไม่ยอมให้ชานยอลแอบดูโทรศัพท์ของเขาอีกหรอก
“ถ้าพูดเพราะๆ เดี๋ยวจะคืนให้”
“รู้ว่าไม่คืนหรอก”
“หึ” ชานยอลไม่ได้ว่าอะไร
เขาหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปลดล็อคก่อนจะพูดต่อ “ซื้อเครื่องใหม่มาเท่าไหร่”
“ไม่ได้ซื้ออะ เอาเครื่องเก่ามาใช้
ใครจะไปซื้อโทรศัพท์บ่อยๆ วะ” คนตัวเล็กบ่นอุบ เขาไม่ได้รวยเหมือนชานยอลสักหน่อย
ที่อยากจะซื้ออะไรก็ได้ตามใจนึก
“ใช้โน้ตเอดจ์ปะ”
“ไม่ใช้ แพง”
“หมายถึงจะใช้ไหม มีเครื่องที่ไม่ได้ใช้อยู่”
ชานยอลพูดย้ำ เขากดเข้าเกมในมือถือแล้วเอนหลังนอนลงบนโซฟาพลางยกเท้าขึ้นวางพาดบนตักคนข้างๆ
“ทำแมะ? จะให้ไง”
“ก็เอาไปใช้ก่อนจนกว่าจะได้โทรศัพท์คืน”
“เอามาดิ”
เมื่อมันเป็นของฟรีแบคฮยอนย่อมไม่ปฏิเสธ เขาทำท่าแบมือขอโทรศัพท์จากชานยอลแต่สิ่งที่อีกผ่ายยัดกลับเข้ามาในมือก็มีเพียงแค่เปลือกหมากฝรั่งเท่านั้น
สุดท้ายก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความกวนของเด็กหนุ่มผู้ไม่เคยยอมให้อะไรง่ายๆ
“ตอนนี้ไม่มี เดี๋ยววันจันทร์เอาไปให้”
ชานยอลว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ตอนนี้เขาไม่มีโทรศัพท์เครื่องที่ว่านั่นอยู่กับตัว
แบคฮยอนจะคิดว่าแกล้งก็ได้ แต่ชานยอลไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น
“เอาเครื่องเก่าคืนมาก็จบแล้ว ไม่อยากได้เครื่องใหม่อะ
อยากได้เครื่องเก่าคืน”
“ไม่ให้”
“เดี๋ยวไปแจ้งตำรวจนะ?”
“ก็ไปแจ้งสิครับ” เด็กหนุ่มตัวสูงว่าอย่างไม่ใส่ใจ
ที่จริงชานยอลคิดว่าแบคฮยอนน่าจะไปแจ้งความตั้งนานแล้ว เผลอๆ เขาอาจจะได้โทรศัพท์คืนไปนานแล้วด้วย
“นิสัยไม่ดีเลย”
“เพิ่งจะรู้หรอ...”
คำพูดที่ฟังดูเย็นเยียบพิลึกกับรอยยิ้มสุดจอมปลอมทำแบคฮยอนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เขาได้แต่มุ่ยหน้าแล้วหลุบตาลงมองมือถือตัวเองด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมแบบไร้เหตุผล
ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง
แบคฮยอนไม่ชอบเลยที่ต้องรู้สึกกลัวความลึกลับของชานยอล
“แล้วทำไมต้องพูดให้น่ากลัวด้วย”
นิ่วหน้าว่าออกไปด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจ คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันแน่น แบคฮยอนพยายามบอกตัวเองว่าชานยอลก็เป็นแค่เด็กขี้เหงาเท่านั้น
เขาไม่ได้ร้ายกาจอะไรเหมือนอย่างที่แสดงออก
“พูดอะไร?”
“ก็ทำอยู่เมื่อกี้อะ พูดเหมือนจะหลอกกูมาฆ่าเลย”
“ฮ่ะๆๆๆ ” คำพูดสุดตีโพยตีพายไม่ได้ทำให้ชานยอลรู้สึกโกรธอะไร
เขาเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะพูดต่อ “จะนอนยัง จะนอนก็ไปนอนก่อนเลย
เดี๋ยวตามไปทีหลัง”
“อือ เดี๋ยวะจะไปนอนแล่ว”
“งั้นก็ไปก่อนเลย”
สุดท้ายก็ได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับนิสัยชอบหลีกเลี่ยงการตอบคำถามเด็กหนุ่มที่มากไปด้วยความลับ
แบคฮยอนทำได้เพียงแค่เก็บความรู้สึกเคลือบแคลงใจเอาไว้ ก่อนจะตัดสินใจลุกเดินไปเข้าห้องนอน
ประตูไม้สีขาวถูกปิดลงอย่างเบามือ เสียงเครื่องปรับอากาศตัวใหญ่ทำงานดังวื้ด
แบคฮยอนคลานขึ้นไปนอนบนเตียงนอนสีครีม โดยที่ไม่ลืมถลกผ้าห่มที่นุ่มที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยสัมผัสขึ้นคลุมร่าง
ดวงตาเรียวรีหลับลงช้าๆ
เสียงสุดท้ายที่แบคฮยอนได้ยินคือเสียงเจ้าของห้องกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ข้างนอก
แต่ถึงจะพยายามเงียหูฟังเท่าไหร่ก็จับใจความไม่ได้เลย...
.
.
.
“อีอี้!!! หนีเร็ว!!! หนีเร็ว!!!”
ในสถานการณ์ที่น่าระทึกขวัญ แบคฮยอนสาวเท้าวิ่งไปบนพื้นหิมะที่สูงขึ้นมาถึงเข่า เขาเอาแต่ตะโกนบอกให้เพื่อนรักวิ่งหนีไปเมื่อเจ้าหมียักษ์ขนดกวิ่งไล่กวดเข้ามาเรื่อยๆ
“หนีไป!!!”
“ฮ่ะ... ฮ่ะ...”
ควันสีขาวลอยฟุ้งออกจากริมฝีปากและจมูกที่หอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างหนักหน่วง
แบคฮยอนสะดุดล้มลงบนกองหิมะ
เขาได้แต่นอนหลับตาแน่นอยู่บนพื้นเพื่อไม่ให้เจ้าหมีรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่
เงาร่างขนาดใหญ่ที่พาดทับลงมาทำหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก
เจ้าหมียักษ์ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนทับร่างที่จมอยู่ใต้หิมะเอาไว้
แบคฮยอนนอนตัวแข็งทื่อ ความรู้สึกหนักๆ กดทับไปทั่วทั้งร่างกาย ในใจก็เขาได้แต่ภาวนาขอให้เจ้าหมีสีน้ำตาลตัวนี้ลุกหนีไปไวๆ
“อือ...”
คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันแน่น ความรู้สึกอึดอัดที่โอบรัดอยู่รอบกายปลุกแบคฮยอนให้ลืมตาตื่นขึ้น
สิ่งแรกที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่กองหิมะหรือป่าสน มันคือผ้าม่านสีน้ำตาลตุ่นๆ
คนตัวเล็กถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อพบว่าหมีร้ายในฝันนั้นคือชานยอลนั่นเอง
แขนขายาวๆ ที่ก่ายทับขึ้นมาบนร่างทำแบคฮยอนอึดอัดจนฝันร้าย ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ในก้อนผ้าห่ม
แล้วก็ถูกหมียักษ์กอดทับอีกชั้น บางทีชานยอลน่าจะรู้ตัวได้แล้วว่าความอบอุ่นของเขามันทำให้คนอื่นลำบากกาย
“เฮ้อ...”
Ring Ring Ring Ring Ring
ได้แต่ถอนลมหายใจออกมา แต่ก่อนที่จะได้ขยับกายไปไหน
เสียงร้องจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงก็เรียกแบคฮยอนให้ต้องละความสนใจออกจากคนข้างๆ
เขาค่อยๆ สอดมือออกไปนอกผ้าห่มเพื่อหยิบโทรศัพท์มากดดูสายเรียกเข้าก่อนจะรีบกดรับทันที
“ฮัลโหลครับ”
[สวัสดีค่ะ]
“ครับ”
[อันนี้ใช่เบอร์คุณวูจินหรือเปล่าคะ
ใช่คนที่ติดต่อมาเมื่อคืนหรือเปล่า]
“เปล่าครับ ผมแบคฮยอน”
[อ้าว คุณแบคฮยอนหรอคะ]
“ใครอะ”
เสียงทุ้มๆ ที่ดังอยู่ข้างหูเรียกแบคฮยอนให้ต้องหันไปชู่ปากใส่คนด้านหลัง
นิ้วเรียวยกขึ้นจรดริมฝีปากเป็นเชิงให้อีกฝ่ายเงียบก่อน แบคฮยอนได้ยินเสียงคนทางปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมา
[งั้นขอโทษทีค่ะสงสัยพี่จำเบอร์ผิด
ขอโทษที่โทรมารบกวนนะคะ]
“ครับ ไม่เป็นไรครับ”
[ค่ะ สวัสดีค่ะ]
ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไปฝ่ายบุคคลสาวจากสำนักงานใหญ่ก็ชิงตัดสายไปเสียก่อน แบคฮยอนจ้องมองดูโทรศัพท์ของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางมันเอาไว้ที่ข้างหมอน คิ้วเรียวขมวดย่นลงเมื่อถูกอ้อมกอดของคนด้านหลังบีบรัดเข้ามาเรื่อยๆ
“ใครอะ” เจ้าของเสียงสุดทุ้มเอ่ยถาม ชานยอลซุกหน้าลงกับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มในขณะที่ดวงตายังคงหลับสนิท
“คุณนายอนอะ โทรมาผิด”
“ซวยละ”
เขาว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอ น้ำเสียงที่ฟังดูเล่นทีจริงของเด็กหนุ่มตัวสูงทำให้คนรับโทรศัพท์อดสงสัยไม่ได้
“ทำไมอะ? ทำไมซวย?”
“เปล่า... ไม่มีอะไร” ชานยอลตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ
เขากดปลายจมูกลงซุกไซ้เรือนผมที่มีกลิ่นหอมแชมพูอ่อนๆ ก่อนจะกอดกระชับท่อนแขนให้แน่น
ความอบอุ่นจากร่างกายของคนตัวเล็กกับขนาดตัวที่พอเหมาะพอดีกับวงแขนทำให้ชานยอลไม่อยากลุกไปไหน
เขาอยากนอนกอดหมอนข้างกวางรุ่นพิเศษนี้ไปจนถึงเช้าอีกวันเลย
“เค้าจะจำเสียงได้อ่อ?”
“อือ เดี๋ยวก็เอาไปบอกแม่อีก”
“ทำไมต้องบอกด้วยอะ?”
แบคฮยอนจอมขี้สงสัยยังถามไม่หยุด เขาพยายามจะดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของคนข้างๆ แต่ไม่ว่าจะขยับตัวไปท่าไหนก็หมุนไปได้ไม่พ้นอยู่ดี
“ไม่รู้เหมือนกัน” คนตัวสูงว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
ตอนนี้ชานยอลไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น เขากำลังตกหลุมรักหมอนข้างพูดมากอย่างจริงจัง
ชานยอลคิดว่าเขาน่าจะจ้างแบคฮยอนให้เป็นหมอนข้างส่วนตัวซะเลย จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับอีก
“รับงานพิเศษเพิ่มปะ จ้างเป็นหมอนข้างหน่อยดิ”
“ห้ะ? พูดอะไรวะ” คำพูดที่ทำชวนให้คิดไปไกลทำคนตัวเล็กถึงกับหน้าร้อนเห่อ
นี่ถ้าเกิดว่าคนพูดไม่ใช่ชานยอลแบคฮยอนคงจะคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วว่ากำลังถูกชวนให้มานอนด้วยอยู่
“จ้าง นอนให้ก่ายเฉยๆ ไม่ทำอย่างอื่น”
“ให้เท่าไหร่”
“เอาเท่าไหร่อะ”
“ห้าพัน แต่ถ้าทำอย่างอื่นด้วยไม่คิดตังค์”
“ฮ่ะๆๆๆ” คนตัวสูงถึงกับหลุดหัวเราะออกมากับมุกตลกยามเช้าของเจ้ากวางที่แสนร่าเริง
ชานยอลยกขาที่ก่ายออกปล่อยให้แบคฮยอนเป็นอิสระก่อนจะดีดตัวขึ้นนั่ง
แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงมาตรวจเช็คความเคลื่อนไหว
ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาสิบโมงเศษๆ แล้ว ท้องชานยอลเริ่มส่งเสียงดัง
เขากดเข้าแอพพลิเคชั่นสั่งอาหารก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง
“ทำไมตัวใหญ่จังวะ ตอนเด็กๆ แม่ให้กินไรเนี่ย” พอหลุดพ้นจากการกอดรัดมาได้แบคฮยอนก็มุ่ยหน้าบ่นอุบ
เขาหยัดตัวขึ้นบิดขี้เกียจจนหลังงอ ท่อนแขนเล็กๆ บิดชูขึ้นกลางอากาศ
“ถามทำไม”
“ก็อยากรู้อะ เห็นตัวใหญ่ อยากตัวสูงๆ บ้าง
นี่หยุดสูงมาตั้งแต่ม.ต้นละ”
“ทำไมอะ? ตอนเด็กๆ แม่ไม่ให้กินนมหรอ?” ชานยอลไม่ตอบคำถามแต่ย้อนถามกลับไปแทน
ท่าบิดขี้เกียจจนกระดูกแขนงอของแบคฮยอนทำให้ชานยอลเริ่มคิดจริงๆ แล้วว่าคนตรงหน้าเขาอาจจะไม่ค่อยได้กินนมจริงๆ
“อือ ตอนเด็กๆ แม่บอกเรากินนมหมาก็เลยไม่โต” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง
ความทรงจำแสนเศร้าในวัยเด็กของแบคฮยอนคงไม่มีอะไรเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว “แม่บอกว่าอีมงรยงเลี้ยงเรามา
เพราะเราดื้อแม่ก็เลยไม่ให้กินนม แล้วเราก็เลยต้องคลานไปกินนมหมาใต้ท้องรถแทน”
“แล้วเชื่อปะ?”
“เมื่อก่อนก็เชื่อนะ ก็เรียกอีมงรยงว่าแม่มงรยง แต่โตมาก็ไม่เชื่อละ”
“พูดจริงดิ ฮ่ะๆๆๆ” ชานยอลถึงกับหลุดขำกับความซื่อที่มากเกินบรรยายของคนตรงหน้า
เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบคฮยอนถึงได้ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นเพราะเขาเชื่อคนง่ายแบบนี้นี่เอง
“หิวข้าวปะ”
“อือ... หิว มีมาม่าปะ”
“ไม่มี”
“โจ๊กอะ”
“มี แต่ไม่อร่อย”
“สั่ง kfc มากินได้ปะ”
“ทำไมชอบกินจั๊งค์ฟู้ด?”
คำถามที่ไม่น่าถามและความเรื่องมากของเด็กหนุ่มลูกผู้ดีทำแบคฮยอนถึงกับต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า เขาหันไปมองชานยอลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“ไม่กินจั๊งค์ฟู้ดอ่อ?"
"กินบ้าง แต่ไม่บ่อย"
"แล้วส่วนใหญ่กินไรอะ?” ถึงมันจะเป็นคำถามที่ฟังดูโง่ แต่แบคฮยอนก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าชานยอลกินอะไรในชีวิตประจำวัน ของอร่อยส่วนใหญ่บนโลกนี้ก็เป็นอาหารขยะทั้งนั้น เขากินพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ้างไหม กินแฮมเบอร์เกอร์มั่งหรือเปล่า?
“ก็กินข้าวปกติ” คนตัวสูงตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ ชานยอลไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเขาไม่กินอาหารขยะ แค่ไม่คิดว่ามันจะเป็นตัวเลือกแรกๆ
ของมื้อเช้า
“ปกติกินมาม่ามั่งปะ”
“หึ ที่บ้านไม่มีมาม่า”
“จริงดิ? ไม่มีเลยอ่อ? แล้วเวลาหิวดึกๆ ทำไงอะ?”
“ก็กินข้าว กินขนมปัง”
“พวกข้าวกล่องอะนะ?”
“ข้าวที่บ้านนี่แหละ ไม่มีข้าวกล่อง แม่ไม่กินอาหารขยะ” ชานยอลว่า เขาเงยหน้าขึ้นมองคนขี้สงสัยก่อนจะส่งเสีงหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ "ก็มีข้าวกินอยู่แล้วจะซื้อข้าวกล่องกินทำไม"
“แล้วกินขนมมั่งปะ?”
“ก็กินบ้าง ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย”
“พวกขนมธัญพืชแบบในรถอะนะ?”
“อันนั้นแม่ซื้อไว้ให้ ไม่ได้ซื้อเอง”
ดูเหมือนว่าแม่จะมีบทบาทอยู่ในเกือบทุกคำตอบของชานยอล และมันทำให้แบคฮยอนอดคิดไม่ได้ว่าประธานเนี่ยเป็นพวกผู้หญิงขี้บงการหรือเปล่า เขาเป็นพวกที่ห่วงลูกเกินเหตุไหม? ทำไมชานยอลดูได้รับอิทธิพลมาเยอะจัง ก็ไม่ได้อยากจะตัดสินใครจากการกระทำแค่เล็กน้อยหรอกนะ แต่มันทำให้รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้
“หรอ... แล้วถ้างั้นจะกินอะไรอะ” แบคฮยอนยักไหล่
เขานึกไม่ออกว่าจะกินอะไรถ้าไม่ใช่ฟาสต์ฟู้ด แบคฮยอนรักอาหารขยะ
มันราคาถูกแล้วก็อร่อยด้วย เขารัก kfc พอๆ กับพิซซ่า
“เดี๋ยวสั่งมากิน” ชานยอลว่า
เขาเลือกเข้าไปดูเมนูอาหารญี่ปุ่นในแอพ’ก่อนจะกดสั่งข้าวหน้าปลาและชุดซูชิมาอีก 2 – 3 หน้าโดยที่ไม่ลืมถามคนตัวเล็กด้วยว่าจะกินอะไร “จะกินอะไร จะสั่งเผื่อ
มีอาหารญี่ปุ่น”
“ไม่ต้องอะ เดี๋ยวลงไปหาไรกิน” แบคฮยอนรีบตอบปฏิเสธ
เมื่อวานชานยอลเสียเงินเลี้ยงข้าวเขาไปหลายมื้อแล้ว แบคฮยอนไม่อยากจะรบกวนอีก แค่เขาอุตส่าห์พามานอนที่คอนโดมันก็มากเกินพอแล้ว
“ข้างล่างมีแต่มินิมาร์ทนะ?”
“งั้นเดี๋ยวค่อยกลับไปกินที่หอก็ได้ สั่งไปเลย” ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่กล้าพูดออกไปว่าอยากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ที่จริงแบคฮยอนแค่ต้องการอาหารขยะที่มันหนักท้อง เขาอยากเอามาม่ารสชีสมาคลุกกับรสเผ็ด
ใส่ไก่ทอดกับฮอตด็อกโง่ๆ โปะชีสเข้าไปเยอะๆ ทำกะละมังใหญ่ๆ แบบสำหรับนั่งกินไปดูหนังไป
แบคฮยอนต้องการแบบนั้น... แต่ว่าเอาไว้กลับไปกินกับอี้ชิงก็ได้
ดูท่าทางแล้วชานยอลไม่น่าชอบเท่าไหร่
“แล้วอยากกินไร” คนตัวสูงชะงักมือที่กำลังจะกดสั่งอาหารไว้
ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองแบคฮยอนที่ทำสีหน้าอึกอักเหมือนไม่กล้าพูดว่าตัวเองต้องการอะไร
“อยากกินไรก็สั่งไปเลย
เดี๋ยวเราลงไปหากินข้างล่างเอา”
“แน่ใจนะ...”
“อือ สั่งเลย...”
.
.
.
ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาที
มาม่าลาวาสูตรบางบูชอนก็เสร็จสิ้น แบคฮยอนใช้มาม่าสูตรเผ็ดพิเศษ 1 ห่อกับมามาชีสอีก
2 ห่อคลุกรวมกัน เขาโรยผงชีสลงไปเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง ตามด้วยข้าวโพด ชีสแผ่น และไส้กรอกโง่ๆ
กับไก่ทอดอีก 3 ชิ้น เพียงไม่นานเมนูง่ายๆ แต่อลังกาลก็เสร็จสิ้น
บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ในขณะที่ชานยอลยังรออาหารญี่ปุ่นของเขาอยู่แบคฮยอนก็เริ่มลงมือกินมาม่าในชามอย่างเอร็ดอร่อย
ชานยอลผู้ใช้ชีวิตอยู่ในกฏเกณฑ์ของสุขภาพได้แต่นั่งมองชามอาหารที่เต็มไปด้วยโซเดียมของแบคฮยอนด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนจุกจิกเลยจนกระทั่งได้เห็นมาม่าสูตรทำลายล้างไตขั้นสูง
ชานยอลไม่เห็นประโยชน์อะไรสักอย่างจากเมนูนี้เลย เขาเห็นแต่แป้งกับโซเดียมปริมาณสูง
“กินอย่างงี้ไงถึงได้ไม่โต”
พูดออกมาเหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดทีวีกับเครื่องเล่น ชานยอลหยิบรีโมทแล้วกลับมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง
เขากดให้เครื่องดีวีดีเล่นแผ่นซีรีส์ต่อจากที่เคยเปิดเอาไว้ล่าสุด
“มันอร่อยนะ ลองกินปะ” แบคฮยอนที่ยังไม่รู้สำนึกถึงปริมาณเกลือที่จะได้รับพูดออกมาทั้งที่ยังเคี้ยวเส้นเต็มปาก
เขาคีบไก่ไปป้อนใส่ปากคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับไปกิน
“กินมากๆ เดี๋ยวก็กระดูกผุ”
“เนี่ย เราทำงี้ได้ด้วยนะ ทำอย่างงี้ได้ปะ”
แบคฮยอนวางตะเกียบลงแล้วใช้กำปั้นกำนิ้วก้อยโชว์ให้คนข้างๆ ดู เขานำเสนอความสามารถสุดพิเศษด้วยความภาคภูมิใจ
นอกจากจะใช้กำปั้นกำนิ้วก้อยแล้วก็ยังงอกระดูกแขนโชว์ด้วย พอชานยอลเห็นแบบนั้นแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาทำตามบ้าง
นิ้วใหญ่ๆ ที่มองเห็นข้อกระดูกขึ้นเป็นป้องชัดเจนมีความแข็งแรงมากเกินกว่าจะหักลงได้ง่ายๆ ชานยอลพยายามจะใช้กำปั้นกำนิ้วก้อยของเขาแต่มันก็เปล่าประโยชน์
แถมยังดูเก้กังจนน่าตลก
“เนี่ย ทำงี้ได้ด้วยนะ” คนตัวเล็กว่าแล้วก็งอนิ้วทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู
ก่อนจะกดปลายนิ้วชี้กับนิ้วก้อยเข้าหากัน และถึงชานยอลจะพยายามลองทำตาม แต่กระดูกที่ใหญ่เกินคนปกติของเขาก็ยังเป็นอุปสรรคอยู่ดี
“ทำได้ไงวะ”
“กินนมหมาดิ”
กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกให้ทำเรื่องไร้สาระชานยอลก็เสียเวลาไปแล้ว
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาพลางถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่ออาหารที่สั่งยังไม่มาส่งสักที
เสียงอึกทึกจากซีรีส์ดังกระหึ่มไปทั่วห้อง ในขณะที่ชานยอลกำลังดูหนังอย่างตั้งใจ
แบคฮยอนก็พยายามจะตั้งใจดูบ้าง แต่ทว่ามันก็เปล่าประโยชน์ ซีรีส์ภาษาอังกฤษที่ไม่มีซับก็ไม่ต่างอะไรจากละครใบ้
แบคฮยอนทำได้เพียงแค่นั่งมองภาพในจอไปเรื่อยเปื่อย เขาไม่ดูซีรีส์ฝรั่งเพราะไม่ค่อยชอบความลึกลับซับซ้อน
แบคฮยอนชอบดูหนังเบาสมองมากกว่า
ที่จริงจะบอกว่าดูก็ไม่ถูกนัก
บางทีเขาก็แค่เปิดหนังทิ้งไว้เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกเหงา แต่พอเอาเข้าจริงๆ
ก็ไม่ได้สนใจดูเท่าไหร่
“กินเสร็จแล้วเดี๋ยวผมไปส่ง”
คนตัวสูงว่าในขณะที่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่บนจอทีวี
ชานยอลแอบเหลือบตาไปมองคนข้างตัวเขาเพียงครู่เดียวก็หันไปสนใจซีรีส์ต่อ
“อื้อ”
ท่ากินที่ดูน่าอร่อยของแบคฮยอนทำชานยอลอดที่จะรู้สึกขำไม่ได้
เขาได้แต่เก็บซ่อนรอยยิ้มนั้นไว้ แล้วทำเป็นไม่สนใจคนที่กำลังกำลังเอาแต่กินอยู่อย่างไม่สนใจโลก
ความคิดเห็น