ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Fable -Chanbaek-

    ลำดับตอนที่ #8 : Because you're not mine #2

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 60




    .

    .

    .


    วันเวลาผ่านไปล่วงเลยเข้ามาจนถึงช่วงสอบ แบคฮยอนเอาแต่ง่วนอยู่กับงานกองโตที่สะสางไม่จบไม่สิ้นและแฟนงี่เง่าของเขา


    บริเวณม้านั่งกลางสวนหย่อมหน้าตึกคณะ พยอน แบคฮยอนเอาแต่นั่งทำหน้างอแล้วก็บ่นมุบมิบไม่หยุดกับรายงานกองโตที่เขาไม่ยอมทำมาตั้งแต่ตอนที่อาจารย์สั่ง อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนความรู้ที่สั่งสมมาทั้งเทอมหายออกไปจากสมองดื้อๆ แบคฮยอนได้แต่นั่งอยู่หน้ารายงาน แล้วก็คิดว่าเขาจะลอกชานยอลยังไงไม่ให้อาจารย์จับได้


    “ถ้าทำแต่แรกก็เสร็จไปตั้งนานแล้ว” ชานยอลว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กทำหน้ายุ่ง เขาเลื่อนกระป๋องน้ำอัดลมไปให้คนตรงหน้าก่อนที่จะหยิบเอามือถือขึ้นมากดเล่น


    “ถึงย้อนเวลาไปได้กูก็ไม่ทำอยู่ดีอะ”


    “งั้นก็ช่วยไม่ได้ อย่าให้อาจารย์จับได้แล้วกัน”


    “ขอโทษนะคะ...”


    เสียงผู้หญิงที่ดังขึ้นเรียกทั้งชานยอลและแบคฮยอนให้เงยหน้าออกจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ ภาพของนาฮยอนสาวงามจากคณะการบินที่เดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนม และดอกไม้ดอกเล็กทำแบคฮยอนอึ้งจนพูดไม่ออก เขาเห็นเธอส่งยิ้มหวานให้กับเพื่อนซี้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนที่จะวางขนมและดอกไม้ไว้ตรงหน้าชานยอล


    “ครับ”


    “เอามาให้ค่ะ” เธอพูดแค่นั้นแล้วก็หันหลังเดินจากไปด้วยรอยยิ้มขวยเขิน ทิ้งให้ชายหนุ่มที่ได้รับดอกไม้กับขนมนั่งอมยิ้มอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าที่เขินไม่แพ้กัน


    ชานยอลได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เขาตามแผ่นหลังของเธอไปจนสุดสายตา จนกระทั่งหญิงสาวเดินหายเข้าไปในตึกเรียน


    “เชี่ย...” แบคฮยอนถึงกับต้องสบถออกมา เขาแอบเหลือบตาไปเห็นการ์ดเล็กๆ ที่แนบมากับดอกไม้ดอกน้อย แต่ก่อนที่เพื่อนตัวสูงจะได้หยิบไป คนมือไวอย่างแบคฮยอนก็รีบชิงคว้ามาเปิดอ่านก่อน


    “เห้ย เอามานี่เลย!


    “อย่า มา มี ความลับเหี้ย... มีสาวมาจีบด้วยว่ะ แหวะ หมั่นไส้อะ” เพียงแค่กวาดตาผ่านเร็วๆ แบคฮยอนก็อ่านข้อความในการ์ดเสร็จ เขาได้แต่เบะปากทำหน้าเบ้กับคำสารภาพรักสุดหวานแหววของหญิงสาวก่อนที่จะโยนการ์ดคืนไปให้เพื่อน


    แบคฮยอนไม่เข้าใจความลึกซึ้งของเด็กผู้หญิง เขาแค่คิดว่ามันประหลาดดี เพราะชานยอลไม่เคยถูกใครจีบมาก่อนเพราะเขาเอาแต่ทำตัวติดกับ พยอน แบคฮยอน ผู้ไม่น่าคบหา


    “อิจฉาอะดิ”


    “แหวะ เค้าแกล้งหรือเปล่าเหอะ”


    “ไม่รู้ดิ” ชานยอลพับการ์ดเก็บใส่กระเป๋าเสื้อก่อนที่จะหยิบเอาขนมกล่องเล็กๆ ตรงหน้าขึ้นมาเขย่า เขาหันไปมองหน้าตึกเรียนที่หญิงสาวเดินหายเข้าไปพร้อมกับระบายยิ้มออกมา


    “อย่ามาทำหน้าฝันหวาน รำคาญ”


    “อะไร? ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย?” ชานยอลเลิกคิ้วปฏิเสธ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นเขาก็ยังยิ้มอยู่ดี


    “มึงแน่ใจ?”


    “หึๆ ไม่รู้ว่ะ”


    “โอ้ย~ รำคาญ อยากคบก็ไปคบกันไกลๆ นู่นไป๊”


    “ฮ่าๆๆๆ”


    “เบื่อ!!!


    คนตัวเล็กกลอกตาไปมาทำสีหน้าเหม็นเบื่อก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา เพียงไม่นานการสนทนาก็เงียบลง ชานยอลหยิบเอาขนมที่ได้รับขึ้นมาดูทีละอัน ในขณะที่แบคฮยอนก็กลับไปสนใจรายงานต่อ


    อยู่ๆ ความรู้สึกอึดอัดก็แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณทั้งๆ ที่เสียงหัวเราะเพิ่งจะดับไปเมื่อครู่ แบคฮยอนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนอย่างทุกที เขาก้มหน้าทำรายงานต่อไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร


    ความเงียบทำให้ทุกอย่างรอบตัวผ่านไปอย่างเชื่องช้า ดวงตากลมโตยังคงแอบชำเลืองมองใบหน้าของเพื่อนตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขียนใบงานอยู่อย่างตั้งใจ ปลายจมูกเชิดรั้นกับพวงแก้มใส และขนตายาวที่ชานยอลชอบ รวมไปถึงริมฝีปากเล็กๆ ที่เม้มเข้าหากันทุกครั้งเวลาที่รู้สึกเป็นกังวล ทุกอย่างของแบคฮยอนยังคงดูดี...


    ชานยอลไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไร... เขาแค่รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่เพื่อนตัวเล็กกำลังปกปิดไว้ แต่ไม่ว่ามันคืออะไร การปกปิดส่วนที่อ่อนไหวของตัวเองก็เป็นสิ่งที่แบคฮยอนทำอยู่เสมอ


    บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้เริ่มต้นใหม่...


    ถึงยังไงอย่างน้อยก็ยังดีที่ได้เป็นเพื่อนกัน...



     

    .

    .

    .

     

     

     


    ในวันที่ฝนตกหนัก นักศึกษาบางส่วนยังติดแหงกอยู่ใต้คณะและแบคฮยอนก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาได้แต่นั่งมองเม็ดฝนตกกระทบพื้นคอนกรีตดังซู่ๆ ท้องฟ้าที่มืดมนทำให้บรรยากาศช่วงบ่ายดูเหมือนตอนเย็น


    โทรศัพท์มือถือเครื่องบางถูกยกขึ้นมากดปลดล็อคหลายต่อหลายครั้ง แต่พอเห็นว่าทุกอย่างยังคงว่างเปล่าแบคฮยอนก็ได้แต่ถอนหายใจแล้ววางมันคว่ำเอาไว้บนโต๊ะ


    “วันนี้กลับยังไง”


    ขณะที่กำลังนั่งเหงาคิดอะไรอยู่อยู่คนเดียว เสียงที่คุ้นเคยกับแรงกดที่บ่าก็ทำให้แบคฮยอนต้องยิ้มออกมา ชานยอลเป็นชายผู้มากับสายฝน... ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตัวติดกันตลอดเวลา แต่ช่วงที่ฝนตก ถ้ามีชานยอลอยู่ด้วยแบคฮยอนจะรู้สึกดีขึ้นเสมอ


    “นั่งรถเหมือนเดิม”


    “กลับพร้อมกันปะ”


    “แล้วไม่กลับกับแฟนอ่อ”


    “ไม่เป็นไร” ชานยอลตอบปัด เขาย้ายตัวเองไปนั่งเบียดกับเพื่อนตัวเล็กบนม้านั่งตัวเดียวกันก่อนที่จะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกมฆ่าเวลา


    ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสี่โมงเศษๆ วันนี้ชานยอลนัดนาฮยอนเอาไว้แต่เขาคิดว่าไม่เป็นไรถ้าจะขอเลื่อนนัด ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ตัดสินใจเลื่อนนัดไปง่ายเพียงเพราะแค่เห็นเพื่อนสนิทเอาแต่นั่งมองโทรศัพท์ทั้งวัน...


    “มึงไม่ต้องมาอยู่กับกูตลอดก็ได้นะเว้ย?” แบคฮยอนหันไปมองเพื่อนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว เขารู้ว่าชานยอลกำลังพยายามทำหน้าที่เพื่อนที่ดีอยู่ ด้วยการพยายามทำให้แบคฮยอนไม่รู้สึกว่าขาดอะไรหลังจากที่เขามีแฟน แต่ว่านั่นมันไม่จำเป็นเลย ชานยอลควรจะไปใช้เวลากับแฟนของเขาเพราะแบคฮยอนไม่เป็นไร


    ชานยอลชอบทำเหมือนกับว่าแบคฮยอนต้องมีคนดูแลตลอดเวลา เขาชอบทำตัวเป็นผู้ชายแสนดีที่ห่วงคนอื่นไปทั่วแทนที่จะแคร์ตัวเอง และนั่นคือสิ่งที่แบคฮยอนไม่ชอบเลย


    “ทำไมอะ”


    “ก็เปล่า.. มึงไปอยู่กับแฟนมึงมั่งก็ได้ มึงต้องการกูเมื่อไหร่มึงค่อยมาหา ไม่ต้องดูแลกูตลอดเวลาก็ได้”


    ชานยอลไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่หันไปมองหน้าคนด้านข้างด้วยสายตาที่แปลกประหลาดพอกัน


    ไม่รู้ว่าจะขำใครก่อนดี ชานยอลรู้ตัวว่าเขายังตัดใจไม่ได้ การได้เริ่มต้นใหม่กับฮยอนนาเป็นเรื่องที่ดี แต่ชานยอลก็รู้ตัวว่าส่วนลึกของเขายังเรียกหาแบคฮยอน และหวังเพียงให้เจ้าตัวเอ่ยปากขอ...


    ชานยอลมีเวลาเสมอถ้าแบคฮยอนต้องการ แม้แต่ในเวลาที่เขาบอกว่าไม่ต้องการ...


    “ก็ปกติเค้าก็ไปใช้เวลากับแฟนกันปะวะ เพื่อนอะเจอเมื่อไหร่ก็ได้ เดี๋ยวก็โดนหาว่าติดเพื่อนหรอก”


    “แล้ว?”


    “เอ้า ตามใจ มีแฟนไม่ไปอยู่กับแฟน พอไอ้แทอูมาเดี๋ยวก็หาว่ากูทิ้งมึง”


    แบคฮยอนได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเอนหัวลงไปพิงซบบนไหล่เพื่อนตัวสูง กลิ่นกายที่คุ้นเคยกับสัมผัสคุ้นชินทำให้แบคฮยอนรู้สึกดีขึ้นมากอย่างบอกไม่ถูก ช่วงนี้เขาไม่ค่อยจะได้เจอชานยอลเท่าไหร่เพราะความยุ่งจากทั้งงานและเรื่องส่วนตัว แล้วก็ไม่ค่อยจะได้อยู่ด้วยกัน พอได้มานั่งใกล้ๆ อีกครั้งแล้วก็รู้สึกดี


    ชานยอลยังเป็นคนดีที่คิดถึงคนอื่นเสมอ ช่างแตกต่างจากแบคฮยอนที่แสนจะเห็นแก่ตัว...


    เขาควรจะได้มีชีวิตที่ดี...


    “ยังทะเลาะกับแทอูอยู่เปล่า”


    “เหมือนเดิม”


    “เมื่อไหร่จะเลิกกับมันสักที”


    “เลิกไม่ได้หรอก หึ...” พอว่าแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะหึออกมาจากในลำคอ แบคฮยอนยังคงฝืนยิ้มเหมือนอย่างทุกที เขาไม่อยากให้ชานยอลมัวแต่มาสนใจปัญหาของคนอื่น แบคฮยอนคิดว่าเขาต้องการแบบนั้น


    “รู้ใช่ไหมว่าเป็นห่วง”


    “อื้อ”


    “คราวหลังมีอะไรโทรหานะ...”


    “อือ...”


    คำพูดเดิมๆ กับประโยคตอบรับเดิมๆ ที่ดึงความรู้สึกเดิมๆ กลับคืนมาทำให้ชานยอลรู้ว่าความรู้สึกเขาไม่เคยเปลี่ยนไป... ทุกวันยังคงรอให้แบคฮยอนโทรหา ยังหวังว่าจะได้ทำอะไรร่วมกัน


    ชานยอลอยากเริ่มต้นใหม่ และเขาก็คิดว่าแบคฮยอนต้องการให้ทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็ยังตัดใจได้ไม่ขาด... ทุกครั้งที่เห็นแบคฮยอนเดินกลับบ้านคนเดียว หรือนั่งคนเดียวอยู่ที่มุมห้อง จิตใจในส่วนลึกของชานยอลก็เอาแต่กู่ร้อง


    ใช้เวลานั่งรอโทรศัพท์ทั้งคืน คิดว่าแบคฮยอนอาจจะต้องการคนรับฟังปัญหาในช่วงเวลาแย่ๆ แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันยิ่งย้อนแย้งไปหมด


    “รู้ใช่ไหมว่ากูอยู่ข้างมึง”


    “กูไม่เป็นไรหรอก มึงมัวแต่ห่วงกูแบบนี้แล้วจะไปใช้ชีวิตได้ยังไงวะ”


    “รู้ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี”


    “หึ” แบคฮยอนแสร้งหัวเราะขำเหมือนอย่างที่ชอบทำ ก่อนที่จะเด้งตัวออกจากเพื่อนซี้เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง เขารีบหยิบมันมารับทันที ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงภายในเสี้ยววินาที


    “มึงอยู่ไหน”


    “.............”


    “มึงจะมาหรือไม่มารับกู มึงพูดแค่นั้น”


    “............”


    “มึงไม่ต้องอ้าง!


    “............”


    “กูให้เวลา 15 นาที”


    แบคฮยอนพูดแค่นั้นแล้วก็กดตัดสายไป พร้อมกับโยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี


    ดูเหมือนว่าบรรยากาศที่กำลังดีขึ้นจะกลับไปแย่ลงอีกครั้ง แบคฮยอนหันไปยิ้มให้กับเพื่อนของเขาก่อนที่จะหยิบเอากระเป๋าขึ้นมาเก็บกระดาษรายงาน


    เมื่อชานยอลเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กกำลังเก็บกระเป๋า เขาก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังจะถูกทิ้งอีกแล้ว... ชานยอลยังคงกลับไปเป็นคนโง่คนเดิมซ้ำๆ คนที่หวังว่าตัวเองจะสำคัญบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็สำคัญแค่เฉพาะเวลาที่แบคฮยอนไม่เหลือใคร


    ไม่รู้เมื่อไหร่จะจำสักที...


    ชานยอลรู้ดีว่าไม่มีใครขอร้องให้ทำแบบนี้แม้แต่กับแบคฮยอนเอง แต่เขาก็ไม่สามารถละสายตาออกจากแผ่นหลังที่แสนบอบบางได้ แล้วสุดท้ายก็ต้องเป็นคนที่เจ็บซะเอง


    ไม่เคยสำคัญจริงๆ สักทีไม่ว่าเมื่อไหร่ หวังจะได้ยินคำขอร้องจากแบคฮยอนสักครั้ง แต่เขาก็เอาแต่ขับไล่แล้วเดินหนีไปหาผู้ชายคนอื่น ทิ้งให้ชานยอลต้องทนอยู่กับความรู้สึกเดิมๆ ทุกครั้ง


    เมื่อไหร่จะรู้สึกตัวสักทีชานยอล...


    “ชานยอล”


    เสียงเรียกของหญิงสาวที่ดังมาจากหน้าประตู เรียกทั้งชานยอลและแบคฮยอนที่กำลังเก็บกระเป๋าให้ต้องหันไปมอง นาฮยอนในชุดกันฝนสีฟ้าถือร่มวิ่งเข้ามาในตึกคณะด้วยท่าทางรีบร้อน พอแบคฮยอนเห็นอย่างนั้นแล้วเขาก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมา


    “เอ้า แฟนมารับแล่ว” คนตัวเล็กว่าในขณะที่คว้าเป้สะพายขึ้นหลัง แบคฮยอนยิ้มทักทายให้กับแฟนของเพื่อนซี้ก่อนที่จะพูดต่อ “เราฝากมันกลับบ้านด้วยนะ มันไม่ยอมกลับบ้านสักที”


    “อื้อ เห็นบอกว่าอยู่กับแบคฮยอนก็เลยมาหา ตอนแรกคิดว่าจะกลับไปแล้วซะอีก” หญิงสาวว่า


    “เราจะกลับแล้วแหละ เราบอกให้ชานยอลกลับไปก่อนมันก็ไม่ยอมไป บอกจะอยู่เป็นเพื่อน”


    “อือ ก็เป็นแบบนี้แหละ ขี้เป็นห่วง ขี้กังวล แล้วแบคกลับยังไงอะ” นาฮยอนหัวเราะขำพร้อมกับเหล่ตาไปมองแฟนตัวสูงที่ยังนั่งงงอยู่บนม้านั่ง เธอวางร่มเอาไว้ก่อนจะถอดฮู้ดเสื้อกันฝนออก


    “เดี๋ยวแฟนเรามารับ”


    “อื้อ”


    “ทำไมตากฝนมาอะ ยังไม่กลับบ้านอีกอ่อ” ชานยอลขมวดคิ้วนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าแฟนสาวผมเปียกปอนไปหมด เขาลุกยืนขึ้นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนหัวเธอพร้อมกับดุเสียงแข็ง “คราวหลังไม่ต้องมาก็ได้ ไหนบอกว่าไม่สบาย”


    “ก็แวะมาดูเฉยๆ ถ้ายังไม่กลับจะได้ชวนกลับพร้อมกัน แล้วคุณอะจะกลับบ้านไหม เพื่อนเค้าจะกลับกับแฟนเค้า คุณจะไปกับเราหรือจะไปเป็น ก ข ค?”


    “งั้นเอากุญแจรถมา เดี๋ยวไปเอารถเอง” ชานยอลว่าแล้วก็ยื่นมือออกไปขอกุญแจรถจากหญิงสาว


    ภาพของคู่รักที่เหมาะสมที่สุดในมหาลัยทำให้แบคฮยอนอดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาล้วงมือซุกไว้ในกระเป๋ากางเกง ในขณะที่ยืนมองเพื่อนตัวสูงคุยกับแฟนสาวอย่างออกรส


    “เดี๋ยวเค้าไปยืนรอข้างหลัง ตัวจะได้ไม่ต้องขับรถไกล”


    “อือ ถ้าถึงแล้วก็โทรมานะ” ชานยอลหันไปพูดกับแบคฮยอนที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะหยิบร่มขึ้นมาแล้ววิ่งเหยาะออกไปทางประตูหน้าพร้อมกุญแจรถ


    แบคฮยอนเองก็ทำได้แค่พยักหน้ายิ้มรับไปส่งๆ เขาโบกมือบ๊ายบ่ายชานยอลแล้วหันกลับมากล่าวลากับแฟนสาวของเพื่อนซี้ ก่อนที่เธอจะเดินผ่านไปยังประตูอีกฝั่งของอาคาร

     

    อืด...


    แรงสั่นจากโทรศัพท์มือถือภายในกระเป๋ากางเกง ดึงสติแบคฮยอนให้กลับมาสนใจปัญหาของตัวเอง เขาล้วงเอามือถือขึ้นมากดเปิดอ่านข้อความก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะหึออกมาอย่างนึกสมเพช


    เอารถออกไปไม่ได้ ฝนตกแม่ไม่ให้เอารถออก – แทอู


    ไม่มีคำพูดใดอธิบายความรู้สึกที่แสนวุ่นวายของแบคฮยอนในตอนนี้ได้ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาบอกแบคฮยอนให้อดทนไว้


    คนตัวเล็กจัดการยัดโทรศัพท์ใส่ถุงพลาสติกที่เตรียมมาแล้วเก็บมันลงกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะเดินออกจากอาคารเรียนไปทั้งที่เม็ดฝนยังกระหน่ำตกลงมาอย่างกับพายุ


    มือเล็กๆ ที่แดงเพราะอากาศหนาวกำสายสะพายเป้ไว้แน่น แบคฮยอนส่งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครเพราะรู้ว่าจะไม่มีใครได้ยิน เขาใช้หยาดน้ำฝนอำพรางน้ำตาและเสียงร้องไห้ หวังให้มันชะล้างความเจ็บปวดออกไปจากหัวใจให้สิ้นซาก


    “ฮือ... ฮือ...”


    ไม่เจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว...


    หัวใจของแบคฮยอนช้ำไปไม่ได้มากกว่านี้อีกแล้ว...

     


    .

    .

    .

     



    ภายในห้องนอนที่มืดสนิท เสียงร้องไห้ยังคงดังระงมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง... แบคฮยอนโทรหาแฟนเขาหลายครั้งแต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับ อาการปวดหัวตัวร้อนจากพิษไข้ทำให้ทุกอย่างแย่ยิ่งกว่าเดิม


    น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลดิ่งลงบนปลอกหมอนจนเกิดคราบน้ำเป็นวงกว้าง คนตัวเล็กปล่อยตัวเองให้จมลงในห้วงความรู้สึกที่เหมือนกับหลุมดำ


    มือบางกดเลื่อนไปยังเบอร์ที่แสนคุ้นเคยซ้ำๆ แบคฮยอนตั้งใจจะกดโทรออกหลายครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องตัดใจกดปิดหน้าจอ


    ไม่อยากรบกวนชานยอลในเวลาแบบนี้...


    ที่จริงแบคฮยอนไม่ควรโทรหาชานยอลด้วยซ้ำ...


    Ring Ring Ring Ring


    “ฮัลโหล...”


    “...........”


    “อึก...”


    “...........”


    “มึงพอเหอะแทอู”


    “...........”


    “กูไม่ไหวแล้วว่ะ...”











    #myfablecb

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    #myfablecb

     

     

    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×