ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Fable -Chanbaek-

    ลำดับตอนที่ #7 : Because you're not mine #1

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 60


     

     

     

     

     

    Because you’re not mine…

    เพราะว่าคุณ ไม่ใช่ของผม...

     

     

    ในวันที่ฝนตกหนักท้องฟ้าสีหม่นทำให้บรรยากาศในช่วงบ่ายดูเศร้ากว่าที่ควรเป็น หยดน้ำมากมายพากันกลั่นตัวดิ่งลงบนพื้นคอนกรีตจนน้ำเจิ่งนองพื้นถนน

     

    รองเท้าผ้าใบสีขาวเขรอะฝุ่นสองคู่วิ่งย่ำผ่านทางมาลายขึ้นมาบนทางเท้าอย่างรีบร้อน ปาร์ค ชานยอลใช้แจ๊คเก็ตตัวโคร่งของเขาบังฝนให้กับเพื่อนตัวเล็ก ในขณะที่พากันวิ่งข้ามถนนมาหลบฝนอยู่ใต้ชายคาร้านสะดวกซื้อ

     

    เม็ดฝนที่ยังสาดซัดลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ละอองความชื้นกระจายตัวไปทั่วทุกทิศทาง ตอนนี้อากาศข้างนอกลดลงเหลือเพียง 9 องศา แบคฮยอนไม่มีเสื้อกันหนาวติดตัวมาสักชิ้น เขาสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งตอนนี้เปียกชุ่มไปหมด

     

    แบคฮยอนไม่ชอบหน้าฝนเขาไม่ชอบบรรยากาศซึมเศร้าและความชื้นแฉะของหน้าฝน...

     

    “มันจะมาตกอะไรตอนนี้วะ รออีกหน่อยก็ไม่ได้” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับชักสีหน้า ริมฝีปากบางเอาแต่บ่นมุบมิบไม่หยุด

     

    ตอนนี้ฝนเริ่มตกหนักมากขึ้น และพื้นที่ของกันสาดในร้านสะดวกซื้อก็มีน้อยเหลือเกิน น้ำฝนด้านนอกเริ่มสาดกินพื้นที่เข้ามาข้างในแล้ว มันกระเด็นเปียกรองเท้าแบคฮยอนไปหมด และอีกไม่นานฝนคงจะสาดมาโดนเขาทั้งตัวแน่

     

    “ก็มันจะตก ทำไงได้”

     

    “ก็ไม่อยากให้ตกตอนนี้อะ?”

     

    “หึ”

     

    คำพูดที่แสนเอาแต่ใจทำให้เพื่อนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ อดที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ ชานยอลสะบัดแจ๊คเกตผ้าร่มของตัวเอง 2 – 3 ที ก่อนที่จะนำมันไปคลุมหัวให้เพื่อนตัวเล็ก ดูเหมือนว่าฝนจะทำให้แบคฮยอนอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไมชานยอลถึงได้มีความสุข...

     

    “รอกูถึงบ้านก่อนก็ไม่ได้ แล้วมึงไม่ใส่หรอวะ? ไม่หนาวหรอ?”

     

    ชานยอลไม่ได้ตอบอะไร เขาทำเพียงแค่ระบายยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้า ก่อนที่จะยกมือขึ้นกอดอกเพื่อปกปิดอาการหนาวสั่นของตัวเอง

     

    “ที่จริงมันใส่สองคนก็ได้นะ เสื้อมัน...”

     

    “ไม่ต้องหรอก ใส่ไปเหอะ” ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้พูดจบเจ้าของแจ๊คเกตก็รีบออกปากปฏิเสธ ชานยอลคิดว่าเขาจะยอมกลั้นใจตายดีกว่าถ้าต้องใส่เสื้อกันหนาวตัวเดียวกับแบคฮยอน

     

    “เอ้า ตามใจ” แบคฮยอนไหวไหล่ เขารูดซิปเสื้อกันหนาวที่ใหญ่กว่าประมาณตัวสองเท่าขึ้นมาจนถึงคอ ก่อนที่จะล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมาใส่ไว้ในแจ๊คเก็ต

     

    ตอนนี้นาฬิกาข้อมือบอกเวลาบ่ายสามโมงเย็นแล้ว แบคฮยอนยังไม่ได้รับโทรศัพท์จากแฟนเขา และก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะติดต่อมา Misscall ของเขาว่างเปล่าพอๆ กับกล่องข้อความ

     

    “วันนี้จะนั่งรถกลับอ่อ” ชานยอลเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ภาพของแบคฮยอนที่หลุบตาลงมองพื้นด้วยความผิดหวังทำจิตใจของชานยอลปวดหน่วง

     

    “อะไรนะ ว่าไร เมื่อกี้ไม่ได้ยิน”

     

    “ถามว่าจะนั่งรถกลับหรอ”

     

    “อือ ก็คงนั่งรถแหละ ไอ้แทอูแม่งบอกจะมารับกูก็ไม่มา” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับชักสีหน้าทำทีเหมือนกำลังอารมณ์เสีย

     

    “ก็รู้อยู่แล้วปะ มันก็ผิดสัญญาตลอด”

     

    “อือ ก็รู้แหละ..” แบคฮยอนได้แต่ขืนยิ้มออกมาด้วยความสมเพชตัวเอง ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองพื้นก่อนที่จะเหลือบขึ้นมองตรงไปยังม่านฝนที่กลั้นระหว่างถนน เพียงแค่เสี้ยววินาทีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังก็แปรเปลี่ยนเป็นความเฉยชา

     

    แบคฮยอนไม่โทษใครนอกจากตัวเองที่ยังเชื่อคำพูดของแฟนหนุ่มที่ดีแต่โกหกซ้ำซาก เขารู้ว่าวันนี้แทอูจะไม่มารับ ถ้าโทรไปเขาจะปิดเครื่อง แล้วพอดึกๆ ก็จะโทรมาขอโทษอ้างว่าติดธุระนั่นนี่ แต่ว่าถึงจะรู้ดีก็ได้แต่สมเพชตัวเอง...

     

    “อือ...”

     

    “หึ... มันก็ทำแบบนี้กับกูตลอด”

     

    “มึงกลับกับกูก็ได้ ไปห้องกูปะล่ะ จะได้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” พอเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กกำลังรู้สึกเศร้า ชานยอลก็รีบเปลี่ยนบทสนทนา เขาเองก็ฝืนยิ้มออกมาถึงแม้ว่าในใจจะปวดหน่วงไม่แพ้กัน

     

    ยิ้มเจื่อนของแบคฮยอนทำชานยอลเจ็บร้าวไปทั้งใจ... เขารู้ว่าทุกอย่างมันไม่โอเค แต่แบคฮยอนก็ยังพยายามทำเหมือนรับมือกับมันไหว บางทีชานยอลแค่คิดว่าเขาต้องการเพียงโอกาสเล็กๆ ที่จะได้เข้าไปดูแลหัวใจที่บอบช้ำ แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยิ่งก้าวเท้าเข้าไปใกล้เข้าหัวใจเขายิ่งบอบช้ำซะเอง

     

    “อือ ไปดิ แต่ไม่มีชุดนะ”

     

    “ไม่เป็นไร ใส่ของกูก่อนก็ได้”

     

    แค่เพียงคำตอบสั้นๆ ก็ทำให้ชานยอลสามารถยิ้มออกมาได้อย่างจริงใจ...

     

    ดวงตากลมโตเอาแต่จับจ้องไปยังพวงแก้มใส และแพขนตายาวของเพื่อนสนิทที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหน้า ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันหลายครั้ง ชานยอลอยากจับมือเล็กๆ ที่แดงเพราะอากาศหนาวมากอบกุมไว้ แต่เขาทำได้เพียงแค่จับมือของแบคฮยอนในจินตนาการ...

     

    เพราะว่าฝ่ามือนั้นไม่ใช่ของชานยอล...

     

     

    .

    .

    .

     

     

    ตุบ!

     

    กระเป๋าเป้สีฟ้าถูกโยนทิ้งไว้ที่พรมหน้าโซฟา ก่อนที่เสื้อแจ๊คเก็ตสีเขียวขี้ม้าจะถูกโยนตามไปติดๆ แบคฮยอนรีบถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออกทันทีที่มาถึงห้องรวมถึงถุงเท้าที่เปียกชื้น

     

    เขารีบนำมันไปยัดลงเครื่องซักผ้าอย่างไม่ใยดี แล้ววิ่งหาผ้าขนหนูมาพันรอบกายเอาไว้ แบคฮยอนที่เกือบจะเปลือยกายล้อนจ้อนถอดกางเกงทิ้งไว้หน้าห้องน้ำอย่างไร้ระเบียบ เขาเดินเข้าไปเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นแล้วก็ออกมานั่งที่โซฟาด้วยสภาพกึ่งเปลือย

     

    การได้ปลดเสื้อผ้าเปียกชื้นออกจากร่างกายเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดในตอนนี้ คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาหมายเลขที่คุ้นเคยอีกครั้ง แต่ไม่นานเขาก็ต้องกดตัดสายและวางมันทิ้งไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา

     

    แบคฮยอนเบื่อฟังเสียงระบบฝากข้อความ จนถึงตอนนี้แฟนเขาก็ยังไม่โทรมา... ถ้าไม่มีชานยอลแบคฮยอนคงจะเดินร้องไห้ท่ามกลางสายฝนกลับไปจนถึงหอ

     

    “กินไรเปล่า เดี๋ยวทำให้” เจ้าของห้องที่กำลังยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเอ่ยถาม ชานยอลได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ กับภาพของเพื่อนตัวเล็กที่นั่งหน้างออยู่บนโซฟา

     

    จนถึงตอนนี้แบคฮยอนก็ยังทำหน้าบึ้งไม่เลิก ดวงตาเรียวรีเอาแต่จ้องมองไปยังโทรศัพท์มือถือที่ยังคงนิ่งสนิท มันยิ่งตอกย้ำกับชานยอลว่าเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในความสนใจของเพื่อนตัวเล็กตอนนี้

     

    “อยากกินไรร้อนๆ อะ”

     

    “ซุปเต้าหู้ปะ มีของเหลืออยู่เมื่อวาน”

     

    “เออ เอาดิ มึงไปอาบน้ำก่อนเลยก็ได้ กูยังไม่อยากอาบ”

     

    “อือ” ชานยอลพูดแค่นั้นก็หยิบผ้าขนหนูเดินหายเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้แบคฮยอนนั่งถอนหายใจอยู่บนเตียงกับหัวใจที่เปียกปอน...

     

     

     

    ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาที ชานยอลก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จ ในขณะที่เพื่อนตัวเล็กกำลังใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ เจ้าของห้องก็เริ่มจัดการเตรียมวัตถุดิบทำอาหารอยู่ที่ครัวเล็กๆ

     

    ชานยอลหั่นเต้าหู้ปลาที่แบคฮยอนชอบใส่ลงไปในหม้อหลายชิ้น และเลือกที่จะใส่ต้นหอมที่เป็นของโปรดของตัวเองลงไปน้อยๆ เพราะเขารู้ว่าแบคฮยอนไม่ชอบต้นหอมญี่ปุ่น

     

    ในขณะที่กำลังจัดการหั่นเต้าหู้อ่อน เสียงโทรศัพท์ที่คุ้นเคยก็ทำให้ชานยอลต้องชะงักมือ เขาหันไปมองโทรศัพท์มือถือในเคสสีแดงที่สั่นอืดๆ อยู่บนโต๊ะกระจกด้วยความรู้สึกที่แสนอึดอัด ก่อนที่จะถอนลมหายใจออกมา

     

    คนที่ชอบโทรมาในเวลาแบบนี้มันก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแทอู...

     

    คนตัวสูงเช็ดมือกับผ้าขี้ริ้วอย่างลวกๆ ก่อนที่จะเดินไปกดปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ แล้วปล่อยให้สายเรียกเข้าค้างอยู่อย่างนั้น ชานยอลรู้ว่ายังไงแบคฮยอนก็ต้องออกมาเห็นสายที่ไม่ได้รับแล้วโทรกลับ แต่อย่างน้อยขอให้ได้ยื้อเวลาไว้แค่สักนิดเดียวก็ยังดี

     

    แกร๊ก

     

    “มีคนโทรมาอ่อ?”

     

    ไม่ทันที่จะได้หันหลังเดินกลับไปยังครัว เสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น แบคฮยอนที่เพิ่งจะหายเข้าไปอาบน้ำได้ไม่ถึงห้านาทีเปิดประตูชะโงกหน้าออกมาถามทั้งที่หัวยังชุ่มไปด้วยฟองยาสระผม

     

    “อือ มันโทรมา แต่วางไปแล้ว” ชานยอลโกหกคำโต เขาปั้นสีหน้าเรียบเฉยแล้วเดินผ่านเพื่อนตัวเล็กไปโดยที่ไม่คิดแม้แต่จะสบตา ถึงจะรู้ดีว่าสุดท้ายทุกอย่างมันก็ออกมาเหมือนเดิม แต่ชานยอลก็ยังหลอกตัวเอง

     

    “อือ” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักแล้วก็หายกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างฟองยาสระผม แบคฮยอนเปิดน้ำจนแรงสุดเพื่อที่ฟองจะได้ออกจากหัวเร็วๆ

     

    เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีเขาก็คว้าผ้าเช็ดตัว ห่อตัวเดินออกมานอกห้องน้ำแล้วตรงไปหยิบโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาแฟนหนุ่มอีกที

     

     

     

     

     

     

    Because you’re mine…

     

     

     

     

     

    “มึงก็พูดแบบนี้ทุกทีปะ! มีกี่ครั้งที่มึงเคยรักษาสัญญากับกู! มึงไม่โทรมาบอกกูด้วยซ้ำ!

     

    “............”

     

    “มึงไม่ต้องพูดแทอู!

     

    น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวเริ่มสั่นไหว แบคฮยอนทรุดตัวนั่งลงกับโซฟา หยาดน้ำตามากมายพากันไหลหยดออกมาจากดวงตาที่แดงกร่ำ

     

    แบคฮยอนเอาแต่ตะคอกใส่มือถือจนหอบ เขานั่งสะอึกสะอื้นร้องไห้อยู่บนโซฟา ในขณะที่เพื่อนตัวสูงทำได้เพียงแค่ยืนมอง...

     

    เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำแบบนี้วะ... ฮึก...”

     

     

    “..............”

     

    “มึงรักกูจริงๆ ปะวะ... ฮึก”

     

    มือเล็กๆ ยกขึ้นปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่ว่าจะเช็ดยังไงมันก็ไม่หมดไปสักที แบคฮยอนรู้สึกเหมือนตกหลุมครั้งที่ร้อย เขาเอาแต่กลิ้งลงเหวซ้ำๆ กับเรื่องเดิมๆ เพราะคนเดิมๆ มันทั้งเจ็บและชินจนกลายเป็นความรู้สึกที่เหนือบรรยาย

     

    “ฮึก... อึก...”

     

    “...............”

     

    “อือ...”

     

    คำพูดสุดท้ายของการสนทนามีเพียงแค่เสียงครางจากในลำคอ แบคฮยอนโยนโทรศัพท์ไว้บนโซฟา สองมือยกขึ้นปิดใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องลอยของความปวดร้าว

     

    ไม่รู้ว่ามันคือความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไงอยู่...

     

    “มันว่าไง” ชานยอลเอ่ยถาม เขาได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กลุกขึ้นเก็บกระเป๋า คำตอบของคำถามนั้นเขารู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ชานยอลก็ยังอยากให้ความหวังเล็กๆ กับตัวเอง

     

    “มันจะมารับ อึก...”

     

    “อือ... จะมาเมื่อไหร่อะ”

     

    “กำลังมา ฮึก... ทำไมแม่งทำอย่างงี้กับกูตลอดเลยวะ ฮือ...” พูดไปน้ำตาก็ไหลนองหน้า แบคฮยอนยังไม่หยุดร้องไห้ตอนที่เก็บแฟ้มชื้นๆ ใส่กระเป๋า หัวของเขาหนักอึ้งไปหมด แบคฮยอนเกลียดตัวเองที่ยังยอมย้อนกลับไปยืนอยู่ที่จุดเดิมซ้ำๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันจะไม่มีอะไรดีขึ้น

     

    “แล้วจะไม่กินข้าวก่อนอ่อ”

     

    “เอาไว้ทีหลังแล้วกัน โทษที เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้เลี้ยงข้าว” แบคฮยอนกลืนก้อนสะอื้นลงคอก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับเพื่อนตัวสูงทั้งน้ำตายังนองหน้า “กูต้องไปคุยกับมันก่อน”

     

    “อือ จะไปยังอะ หรือว่ารอก่อน”

     

    “มันจะถึงแล้วเดี๋ยวลงไปรอข้างล่าง”

     

    “งั้นกลับๆ ดีแล้วกัน ถึงแล้วก็โทรมาบอก”

     

    “ขอบใจมาก กูขอโทษนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาชุดมาคืนให้” แบคฮยอนหันไปส่งรอยยิ้มขืนๆ ให้กับเพื่อนสนิทอีกครั้งในขณะที่สะพายเป้ขึ้นหลัง

     

    เขาหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดสุดแล้วลืมตาขึ้นใหม่ ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความโศกเศร้าบัดนี้มีเพียงความเฉยชาและสีหน้าบึ้งตึง แบคฮยอนยังคงฝืนทำเป็นเหมือนไม่รู้สึกอะไรทั้งที่ใบหน้าของเขามีแต่ร่องรอยของน้ำตา

     

    “ถ้าไม่อยากไปไม่ต้องไปก็ได้นะ” ชานยอลพูดขึ้น

     

    “กูไม่เป็นไร”

     

    คำพูดเดิมๆ ที่ได้ยินจากปากคนเดิมๆ... ชานยอลไม่รู้ว่าจะเชื่อมันได้ไหม ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนเดียวที่รู้ว่าทุกอย่างมันไม่โอเค แบคฮยอนไม่ควรกลับไป ไม่ว่ายังไงเขาไม่ควรกลับไปหาแทอู

     

    “อือ... งั้นกลับดีๆ มีอะไรก็โทรมา”

     

    “ขอบคุณมาก เดี๋ยวโทรหานะ”

     

    ชานยอลทำเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ หลังจากที่ได้ยินคำพูดเติมฝันก่อนที่แบคฮยอนจะเดินออกจากห้องไป...

     

    ทุกครั้งที่เริ่มคิดจะตัดใจคำพูดของแบคฮยอนก็มักจะคอยฉุดดึงชานยอลเอาไว้เสมอ...

     

    ไม่เคยเลิกรักแบคฮยอนได้เลย... ถึงจะรู้ว่าสิ่งที่ทำได้มากที่สุดคือการยืนเคียงข้างและหลอกตัวเอง ชานยอลก็ไม่สามารถเลิกรักแบคฮยอนได้เลย...

     

    ไม่เคยจะได้ปลอบโยนจิตใจที่แสนบอบช้ำ ไม่เคยได้ปกป้องแบคฮยอนอย่างเท่าที่อยากทำ เหมือนกับมองเห็นแต่ไม่สามารถสัมผัสได้เพียงเพราะแค่ชานยอลไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น... ที่ตรงนั้นของแบคฮยอนไม่เคยมีประตูสำหรับชานยอล

     

    ไม่ว่ายังไงก็ทำได้เพียงแค่ยืนมองคนที่ตนเองรักเจ็บปวดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เพียงเพราะว่าแบคฮยอนไม่ใช่ของชานยอล...

     

     

    .

    .

    .

     

     

    ไปดูเรื่องนี้กัน

     

    ไปดูกับแทอูมาแล้วงะ แต่ไปดูอีกรอบก็ได้ หนุกดี

     

    งั้นเรื่องนี้อะ

     

    เข้าวันพุธอะ วันพุธมีนัด

     

    อีกละ

     

    มาดูเรื่องนี้กัน มาหากูที่บ้าน

     

    หนังเก่าอะ

     

    เรื่องอื่นก็มี จะมาปะล่ะ

     

    ไป

     

    ฝากซื้อหนมหน่อยดิ

     

    เข้าไปแล้วเดี๋ยวบอก

     

     

    ภายในห้องนอนที่มีเพียงแค่ไฟสลัวๆ ส่องออกมาจากจอโทรทัศน์ ภาพสุดสยดสยองของการทรมานเหยื่อเคราะห์ร้ายอย่าทารุณทำแบคฮยอนแทบอ้วก ดวงตาเรียวรีหรี่ลงหนีภาพตรงหน้า ก่อนที่ใบหน้าจะหันไปซบไหล่เพื่อนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ

     

    ภาพยนตร์จิตหลุดโลกที่แบคฮยอนกลัวแสนกลัวแต่ก็ยังชอบดูอย่าง Saw ไม่ได้ทำให้ชานยอลสะทกสะท้านมากนัก จิตใจเขามัวแต่วุ่นวายอยู่กับการมีแบคฮยอนมานั่งเบียดอยู่ข้างๆ ภายใต้ผ้านวมผืนเดียวกัน

     

    “โอ้ย ไม่อยากดูแล้วอะ” คนตัวเล็กว่าพลางเบ้หน้า ภาพสุดสมจริงของกระดูกที่แทงทะลุท่อนแขนออกมายังติดอยู่ในหัวสมองของแบคฮยอน เขาซบหน้าลงกับไหล่ของเพื่อนซี้เพื่อหนีภาพสุดโหด แต่ทว่าเสียงร้องสุดโหยหวนก็ยังดังกังวานอยู่ในแก้วหูอยู่ดี

     

    “เป็นคนเลือกแผ่นมาเองแล้วก็กลัว”

     

    “ไม่อยากดูละอะ ปิดๆๆ ดูการ์ตูนเหอะ” แบคฮยอนดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังเครื่องเล่นทันทีเพื่อเปลี่ยนแผ่นดีวีดีโดยที่ไม่ได้สนใจความสมัครใจของเพื่อนร่วมดูสักนิด

     

    เขาเลือกเอาแผ่นการ์ตูน Frozen ที่ตัวเองชอบออกมาจากชั้น แล้วใส่มันลงไปแทนที่แผ่นหนังสยองขวัญก่อนที่จะวิ่งกลับขึ้นมาบนเตียง

     

    “ดูฟอร์เซ่นอีกและ”

     

    เพียงแค่เห็นโลโก้ Waltdisney ปรากฏขึ้นบนจอ ชานยอลก็รู้ได้ทันทีว่าแบคฮยอนเปิดการ์ตูนเรื่องอะไร เขาได้แต่บ่นพึมพำออกมาอย่างนึกเซ็งกับการดู Forzen รอบที่ร้อยสำหรับเดือนนี้ ชานยอลดูมันจนจำได้แล้วว่าตัวละครพูดอะไรบ้าง และทุกครั้งที่เอลซ่าร้องเพลงแบคฮยอนก็จะเอาแต่แหกปากเสียงดัง

     

    “ก็อยากดูอะ เมื่อกี้มันน่ากลัว” พูดออกไปด้วยน้ำเสียงหงุงหงิงก่อนที่จะคว้าแขนเพื่อนตัวสูงมากอดเอาไว้แน่น แบคฮยอนเอนหัวพิงกับไหล่หนาประจำที่เดิม  ดวงตาเรียวรีเอาแต่จับจ้องไปยังจอโทรทัศน์ที่กำลังฉายการ์ตูนสุดโปรดของตัวเอง

     

    “บอกว่ามีหลายแผ่นแต่ก็ชวนมาดูฟอร์เซ่นทุกที”

     

    “แล้วมึงดูปะล่ะ?”

     

    “หึ...”

     

    ชานยอลไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่บรรยากาศรอบตัวจะกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง มีเพียงแค่เสียงการ์ตูนจากในทีวีที่ยังคงดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน...

     

    นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ชานยอลคิดว่าเขาจะมีได้ แค่ได้นอนดูหนังเรื่องเดิมๆ กับแบคฮยอน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ชอบแต่ก็มีความสุขมาก

     

    Ring Ring Ring Ring

     

     เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขัดจังหวะหนังทำชานยอลถึงกับต้องลอบถอนลมหายใจออกมา เขาเห็นแบคฮยอนผละตัวไปหยิบเอาโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงมากดรับก่อนที่จะกลับมานั่งที่เดิม เพียงแค่ได้เห็นสีหน้าของเพื่อนตัวเล็กชานยอลก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา คนที่ทำให้แบคฮยอนเศร้าได้อยู่เสมอ ถ้าไม่ใช่แฟนหนุ่มของเขาก็คงจะไม่ใช่ใคร

     

    “ฮัลโหล...”

     

    “............”

     

    “อือ ดูหนังอยู่กับชานยอล”

     

    “............”

     

    “คุยได้ ทำไรอยู่”

     

    “...........”

     

    “ป่านนี้ยังทำไม่เสร็จอีกไงงานอะ”

     

    “..........”

     

    “ไปทำงานหรือไปทำอะไรวะ”

    “...........”

     

    “ก็อย่าให้กูรู้แล้วกัน”

     

    “...........”

     

    “พูดอีกที”

     

    “............”

     

    “เร็ว รักกูปะ พูดอีกที”

     

    “............”

     

    “ตอแหลมึงอะ”

     

    “...........”

     

    “อือ ถึงแล้วก็โทรมา”

     

    “..............”

     

    “อื้อ... มึงลืมอะไรเปล่า”

     

    “............”

     

    “ก่อนวาง”

     

    “............”

     

    “ก็แค่นี้แหละ”

     

    พอพูดจบประโยคแบคฮยอนก็กดวางสายไป ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ชานยอลไม่รู้ว่าจริงใจแค่ไหน ดวงตาเรียวรียังคงจับจ้องไปยังจอทีวีตรงหน้า ในขณะที่ใครอีกคนจิตใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับการดูหนังอีกต่อไป

     

    ชานยอลได้แต่ทนเก็บสีหน้าและความรู้สึกที่ถูกเยียบย่ำเอาไว้ เพียงแค่การสนทนาเล็กๆ ก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อยู่ๆ ความรู้สึกอึดอัดก็แผ่กระจายไปรอบตัวอย่างเงียบๆ

     

    ชานยอลแค่หวังว่าจะได้มีเวลาอยู่กับแบคฮยอน ถึงจะรู้ตัวว่าเป็นได้แค่คนคั่นเวลา...

     

    เมื่อไหร่ที่แทอูเดินเข้ามา ที่ตรงนี้ก็ไม่มีให้ชานยอลอีกต่อไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะตัดใจ ไม่ว่ายังไงก็ทำไม่ได้สักที...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    #myfablecb

     

     

    B
    E
    R
    L
    I
    N
                   
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×