คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : คนเหงา 2017
กริ๊ง... กริ๊ง...
สวัสดีค่ะ อี นายอน รับสายค่ะ”
[……………...]
“ค่ะ.... ย้ายพนักงานหรอคะ? เอกสารพนักงานฝ่ายขาย?”
[……………..]
“สักครู่นะคะ ดิฉันไม่ได้ส่งเอกสารอะไรไปนะคะ....”
[……………..]
“แบคฮยอน? ค่ะ...”
“อ่า... เดี๋ยวรอสักครู่นะคะ ขอตรวจสอบแป้บนึง”
อีนายอนกดปิดไมค์โทรศัพท์ก่อนจะเปิดหน้าอีเมลขึ้นมาค้นหาเอกสารสมัครงานของ
พยอน แบคฮยอน ที่ถูกอ้างว่าส่งไปจากทางนี้ คิ้วเรียวสวยขมวดย่นเข้าหากัน
ดวงตาเรียวรีภายใต้กรอบแว่นหรี่มองไปยังรายชื่อจดหมายขาออกจำนวนมากที่มีตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เธอเลื่อนสกอร์เมาส์ลงจนสุดแล้วเลื่อนขึ้นอีกครั้งเพื่อตรวจซ้ำ
ก่อนจะหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ
“ไม่มีอีเมลส่งไปจากทางนี้นะคะ”
[….…………]
“เป็นเมลของบริษัทใช่ไหมคะ? รบกวนขออีเมลด้วยค่ะ สักครู่นะคะ”
[……………..]
“ค่ะ... ค่ะ... ค่ะ....”
[…………….]
“ค่ะ รบกวนระงับเรื่องไว้ก่อนนะคะ ขอตรวจสอบก่อน แล้วยังไงจะแจ้งไป... ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ตู๊ด.... ตู๊ด....
ทันทีที่สายผู้จัดการจุนฮยองถูกวางไป
ฝ่ายบุคคลสาวก็ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นายอนมองรายชื่ออีเมลภายในที่ได้มาเมื่อครู่อยู่สักพัก
ก่อนที่จะกดหมายเลขต่อสายโทรเข้าไปยังแผนกไอทีทันที
.....
ภายในภัตตาคารอาหารจีนที่สุดจะน่าเบื่อ
เด็กหนุ่มตัวสูงเอาแต่ก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ในใจก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่ธุระที่แสนน่าเบื่อนี้จะจบลงซักที
ชานยอลเบื่อ...
เขาเบื่ออีกแล้วกับการต้องมานั่งรอแม่คุยธุระในร้านอาหารและถึงจะพยายามไม่สนใจมันเท่าไหร่
แม่ก็มักจะดึงชานยอลเข้าไปเกี่ยวเนื่องกับการสนทนาอยู่เสมอ
“ยังไงก็คอยดูผู้จัดการเอาไว้ด้วยนะ
ยิ่งได้ยินข่าวแปลกๆ มายิ่งไม่ไว้ใจ เค้าคบกับแผนกบัญชีอยู่ด้วยไม่ใช่หรอ”
“ใช่ค่ะ แต่แผนกบัญชีเป็นคนของเรา”
“อื้อ แต่อย่าประมาทก็แล้วกัน แล้วชานยอลล่ะ
งานที่แผนกชอบไหม” ยูรินหันไปถามลูกชายที่เอาแต่นั่งทำหน้าไม่สนใจโลกอยู่ข้างๆ
เธอใช้เท้าเตะขาเขาเบาๆ เป็นการส่งสัญญาณก่อนจะระบายยิ้มออกมา
“อ๋อ ครับ ก็ดี” เด็กหนุ่มยิ้มขืน แรงสั่นเบาๆ
จากในกระเป๋าเสื้อบอกชานยอลว่าโทรศัพท์ของเขามีความเคลื่อนไหว “ขอโทษนะครับ ผมไปเข้าห้องน้ำแป้บนึง”
คนตัวสูงว่าแล้วก็รีบลุกยืนขึ้นก้มหัวโค้งขอตัวกับแขกร่วมโต๊ะ
ก่อนจะเดินปลีกหายออกจากห้องอาหารทันที ปล่อยให้ผู้เป็นแม่กับฝ่ายบุคคลสาวได้แต่มองตากันอย่างอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรของเค้า” ยูรินว่า
เธอวางตะเกียบในมือลงแล้วพูดต่อ “เอ้อ... แล้วเรื่องแบคฮยอนล่ะ”
“แบคฮยอนหรอคะ อ๋อ ใช่ค่ะ
เมื่อเช้าฝ่ายบุคคลที่สาขาโทรมาแจ้งเรื่องพนักงานที่เราส่งไป บอกว่าตำแหน่งพนักงานขายเฟอร์นิเจอร์ไม่ว่าง
จะให้พนักงานที่ส่งมาทำแผนกฮาร์ดแวร์แทน แล้วนายอนไม่ได้เป็นคนส่งก็เลยถามว่าใครส่งเอกสารไป
พอเช็คไปเช็คมาปรากฏว่าเมลที่ส่งไปเป็นเมลของบริษัท แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครค่ะ กำลังตรวจสอบอยู่
เมื่อเช้าบอกให้คุณชานยอลช่วยดูแล้ว”
“อือ...” ยูรินพยักหน้า ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้นึกถึงหน้าลูกชายตัวเองขึ้นมาก่อนใคร
ถึงจะไม่ค่อยอยากยอมรับก็เถอะ มันคงมีไม่กี่คนหรอกที่เข้าถึงเอกสารของฝ่ายบุคคลได้
แถมยังสมัครอีเมลอีกเป็นร้อยได้
“จะให้ปฏิเสธไปไหมคะ”
“ยังไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะบอกเอง”
“ได้ค่ะ...”
.
.
.
Bhxx0506 : อยู่คุยกันก่อนดิ
Bhxx0506 : เหงาอะ
Cyyyyyxx : ทำไมไม่นอน
Bhxx0506 : หิวอะ เบื่อด้วย
Cyyyyyxx : ไปหาไรกิน
Bhxx0506 : ขี้เกียจลงบันได
Bhxx0506 : ฟังเพลงปะ เดี๋ยวร้องให้ฟัง
ก๊อกๆๆ
“ชานยอล...”
เสียงเคาะประตูกับเสียงเรียกคุ้นหูทำให้มือที่กำลังพิมพ์ข้อความหยุดชะงัก
ชานยอลละสายตาออกจากโทรศัพท์ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้กับผู้เป็นแม่
“ครับ”
“ไปเจอแม่ที่ห้องหน่อย”
“ฟู่ว.....”
คำพูดที่มักจะมาพร้อมกับปัญหาทำเด็กหนุ่มตัวสูงถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมาทางปาก
ชานยอลเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินตามหลังผู้เป็นแม่ไปเหมือนกับนักโทษที่กระทำความผิด
ความรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีทำชานยอลอยากแกล้งเป็นลมซะตรงนี้
ถึงจะรู้ดีว่าต่อให้เป็นลมยังไงก็ต้องตื่นมาโดนสอบสวนอยู่ดี สุดท้ายก็คงหนีไม่พ้น ถึงจะเตรียมใจเอาไว้แต่ก็ไม่ชินสักที...
“นั่งลงก่อนสิ” ยูรินว่า เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานก่อนจะหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม
“แม่มีอะไร” ชานยอลไม่ยอมยืดเยื้อเสียเวลา เขารีบตรงดิ่งเข้าประเด็นสนทนาทันทีเพราะรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะถูกซักเรื่องไหน
“วันนี้... มีคนใช้เมลบริษัทส่งข้อมูลภายในไปให้ผู้จัดการสาขาที่ซัมซองโดยไม่ผ่านฝ่ายบุคคล...
อยากบอกไหมว่าใครทำ” หญิงวัยกลางคนขยับแว่นพลางเชิดหน้าขึ้นมองลูกชายที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่กลางห้องด้วยท่าทีสบายๆ
เขายังดูไม่ทุกข์ร้อนเหมือนอย่างทุกที แถมยังยิ้มออกมาทำทีเหมือนเห็นมันเป็นเรื่องตลก
“ไม่ แต่ผมทำเอง” คนตัวสูงยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
ชานยอลไม่คิดว่ามันผิดอะไร ที่เขาช่วยส่งจดหมายสมัครงานให้แบคฮยอน
ยังไงที่นั่นก็ขาดคนทำงานอยู่แล้ว ก็แค่ช่วยส่งอีเมลเอง
“ทำไม...
แม่ตัดสินใจแล้วว่าเราจะไม่รับเค้าเข้าทำงาน”
“เพราะอะไร? เพราะผมหรอแม่ถึงไม่รับเค้าเข้าทำงาน?”
“เหมือนชานยอลจะเข้าใจผิดนะ...
แม่ไม่รับเค้าทำงานเพราะเค้ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
ไม่ใช่เพราะชานยอลไปยั่วยุเค้า...
จะเป็นฝ่ายขายแต่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ได้ยังไง
เวลาไปเจอลูกค้ายียวนเข้าจะทำยังไง” ยูรินกล่าวเสียงเข้ม เธอเห็นลูกชายเดินไปนั่งลงบนโซฟาก่อนจะยกเท้าขึ้นวางพาดบนโต๊ะกระจก
“แต่ถ้าผมไม่ไปกวนเค้า
แม่ก็คงไม่รู้” ชานยอลว่าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“อย่าลืมว่าเค้าอยู่ในที่ทำงาน
เค้าไม่ควรแสดงพฤติกรรมแบบนี้”
“หึ”
“ทำไมหรอ... ทำไมชานยอลอยากช่วยเค้าจัง
ไม่รู้หรอว่ามันผิดกฏ ไม่ได้มีอย่างอื่นนอกจากที่คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุหรอ?”
คำตอบของคำถามนี้ดูเหมือนว่ายูรินเองก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว เธอลุกขึ้นเดินไปหาลูกชายที่ยังคงนั่งนิ่งทำทีเหมือนไม่ได้รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับการกระทำของตนเอง
“แล้วมันสำคัญยังไง แม่ไม่สงสารเค้าหรอ แม่บอกเค้าว่าจะให้ทำงาน
ให้ความหวังเค้า แล้วก็ตัดความหวังเค้าทิ้ง ถ้าเค้าย้ายที่อยู่มาเพื่อทำงานล่ะ
ถ้าเค้าต้องจ่ายค่ามัดจำห้อง ถ้าเค้าลงทุนกับงานไปแล้วล่ะ” ชานยอลว่าด้วยสีหน้าสุดเรียบเฉย
เขาจ้องกลับเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของผู้เป็นแม่ก่อนจะลุกยืนขึ้น
“เหมือนชานยอลจะมีความลับกับแม่นะ...
รู้จักเค้าใช่ไหม”
“แล้วมันจะสำคัญยังไง”
“สำคัญสิ ถ้าแม่ไม่ให้เค้าทำงานล่ะ”
“ผม... ก็จะไม่ไปทำงาน” เด็กหนุ่มตัวสูงว่าแล้วก็ยิ้มออกมา
ชานยอลรู้ว่าแม่รู้ ว่ารอยยิ้มของเขามีความหมายแบบไหน
และชานยอลจริงใจกับแม่เสมอ...
“ดูเค้าสำคัญกับชานยอลจังเลยนะ
รู้ใช่ไหมว่าไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นในบริษัทแล้วแม่ไม่รู้...”
“มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นในบริษัทแล้วแม่ไม่รู้”
“อย่างงั้นหรอ” หญิงวัยกลางคนเบ้ปากพลางเลิกคิ้ว
“ถ้าแม่ไม่ให้เค้าทำงาน
ผมจะย้ายไปทำที่สาขานั้นแทน”
“งานชานยอลอยู่ที่นี่ จะย้ายไปทำไมในเมื่อทุกอย่างมันก็ดีอยู่แล้ว”
“งานอะไร ให้ผมไปคอยหลอกนายอนหรอ ไปให้ความหวังเค้า
หลอกให้เค้าทำงานให้แม่ เนี่ยหรองานผม?” ชานยอลว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขารู้ว่าแม่ไม่ชอบให้พูดแบบนี้แต่จะให้พูดแบบไหนในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง
“แม่ไม่ได้ให้ชานยอลหลอกเค้า
แม่แค่ให้ชานยอลคอยเป็นขวัญกำลังใจให้เค้า ชานยอลก็รู้ว่าเค้าทุ่มเททำงานให้เราขนาดไหน”
“หรือไม่แม่ก็หลอกให้เค้าทำงานหนัก”
“พอ!”
เจ้าของห้องทำงานขึ้นเสียงดังเมื่อรู้สึกว่าขีดจำกัดอารมณ์ของตัวเองถูกก่อกวน
เธอหันหลังให้ลูกชายแล้วเดินกลับไปยังเก้าอี้ประจำตำแหน่งก่อนจะถอนลมหายใจออกมา
“..........”
“แม่ไม่รู้นะว่าชานยอลมีอะไรกับแบคฮยอน
แต่สักวันแม่จะต้องรู้... ครั้งนี้ไม่เป็นไรแม่ยกให้ แม่จะให้เค้าทำงาน
แล้วชานยอลก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองด้วย”
“ครับ”
“แล้วทีหลังจำไว้ อย่าหงุดหงิด อย่าอารมณ์เสีย อย่าให้แม่เห็นอีกว่าชานยอลคุมสีหน้าไม่ได้
มันเสียมารยาท เข้าใจไหม เมื่อกี้เหมือนชานยอลกำลังด่าแม่ทางสายตาเลยนะ” ยูรินกล่าวเสียงเข้ม
เธอเห็นลูกชายก้มหน้าลงมองปลายเท้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดต่อด้วยสีหน้าที่อ่อนลง
“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้มันจะทำให้ใครเดือดร้อน”
“แม่รู้ว่าชานยอลเจตนาดี
แต่บางทีเราก็ใจดีกับทุกคนไม่ได้ เข้าใจแม่ใช่ไหม”
“ครับ ผมรู้”
“งั้นก็ไป แม่จะให้เค้าทำงาน”
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณพร้อมกับพยักหน้าอีกเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกโล่งใจ โดยที่ก่อนปิดประตูก็ไม่ลืมส่งยิ้มและบอกฝันดีให้กับผู้เป็นแม่ "ฝันดีครับ"
ชานยอลรู้ว่ามันทำให้แม่อารมณ์ดี…
และทันทีที่บานประตูปิดลงเขาก็ปรับสีหน้ากลับเป็นปกติตามเดิม
โทรศัพท์เครื่องหรูถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเพื่อพิมพ์ข้อความที่ค้างเอาไว้ต่อทันที
.
.
.
[ซี๊ดดดด อ่า... อ่า...
ถกเสื้อหน่อยดิ ถกหน่อย อ่า...]
“ถกพอยังอะ”
กล้องหน้าที่แสดงภาพเล็กในจอกำลังโชว์รูปเอวขาวบางกับหลุมสะดือเล็กๆ
ไม่รวมเสียงพูดหงุงหงิงที่ฟังดูออดอ้อน แบคฮยอนถลกเสื้อยืดสีขาวขึ้นก่อนจะไล่กล้องกลับมาที่ใบหน้าแล้วส่งยิ้มให้กับหนุ่มน้อยในจอ
[อ่าา... กัดปากหน่อย ซี๊ดดดด...
ทำหน้ายั่วๆ หน่อย อึก ยั่วหน่อย ฮ่าาา]
“แบบนี้อ่อ” แกล้งทำเป็นพูดอ่อยก่อนจะใช้ฟันขบริมฝีปากทำหน้ายั่วยวนให้ชายหนุ่มในกล้องสโตร์คจนมือถือสั่น
แบคฮยอนถลกเสื้อยืดของเขาขึ้นมาจนถึงใต้อก ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามหน้าท้องขาวๆ
แถมยังไม่ลืมถกขอบกางเกงนอนตัวบางให้ขยับล่นลงไปจนเห็นกระดูกเชิงกราน
[ซี๊ดดด... ตัวเล็กจังวะ ฮ่าาา...
บีบนมหน่อย เล่นนม เอาเสื้อขึ้นให้เห็นหน่อย ฮ่าาา ฮ่ะ]
“ตัวเล็กแล้วชอบปะล่ะ”
[ชอบดิ ซี๊ดดดด โคตรขาวเลย
เล่นนมหน่อย]
เสียงหอบครางของนาย Kji69 เริ่มหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ
ริมฝีปากบางที่แสนจิ้มลิ้มถูกฟันกัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าอ้อร้อกับลีลาการเล่นหูเล่นตาของแบคฮยอนจงอินเสียวจนขาสั่น
เสื้อยืดสีขาวถูกถลกขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นสัดส่วนขาวเนียนทีละเล็กละน้อย
แบคฮยอนไม่ยอมเปิดเสื้อขึ้น เขาล้วงมือเข้าใต้เสื้อแทนแล้วแกล้งขยับนิ้วมือพร้อมกับส่งเสียงครางออกมาเบาๆ
ให้พอกระเส่าหัวจิตหัวใจ
[อ่าาา~ ไม่ไหวแล้ว แบคยอน
ไม่ไหวแล้ว อึก!]
“อื๊อ... จะออกยัง ขอดูชัดๆ หน่อย ถ่ายใกล้ๆ
หน่อย ถ่ายตอนพุ่งให้ดูหน่อย”
[อึก! ฮ่าาาา!!]
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
ราวกับฝันสลายเมื่ออยู่ๆ ภาพความเป็นชายที่พาดอยู่บนหน้าท้องล่ำบึกก็ถูกแทนที่ด้วยรายชื่อจากสายเรียกเข้า
แบคฮยอนอ้าปากค้าง เขาเผลอสบถออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเสียอารมณ์เกินบรรยาย
“เอ้า! แม่งง! ห่านี่!” นิ่วหน้าพร้อมกับด่าออกไปด้วยความหงุดหงิด
ก่อนจะรีบกดรับเพื่อที่จะได้กลับไปทำกิจกรรมที่คั่งค้างเอาไว้ต่อ “ฮัลโหลครับ”
แบคฮยอนกรอกเสียงห้วนๆ ลงในมือถือ เขาเงียบไปครู่นึงเมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ
ของผู้ชายที่ฟังดูไม่คุ้นหู
“ครับ?”
[จากบริษัทโฮมแคร์สาขาซัมซองนะครับ
เรื่องสมัครงานพอดีว่าตอนนี้ตำแหน่งฝ่ายที่ว่างมีแต่พวกอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์
พวกเครื่องมือช่าง ไม่ทราบว่าพอจะถนัดไหมครับ]
“ครับๆ พอทำได้ครับ” อยู่ๆ น้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดในทีแรกก็เปลี่ยนเป็นกระตือรือร้น
แบคฮยอนดีดตัวขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความตื่นเต้น รอยยิ้มเล็กๆ
เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้า
[โอเคครับ งั้นเริ่มฝึกงานวันจันทร์หน้า
รายละเอียดอย่างอื่นเดี๋ยวผมส่งเข้าอีเมลไป]
“ครับ ขอบคุณมากเลยครับ”
[ครับผม สวัสดีครับ]
“ครับผม”
ตู๊ด... ตู๊ด....
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!”
พอสายโทรศัพท์ถูกวางไปแบคฮยอนก็ร้องกรี๊ดกระโดดเด้งบนเตียงด้วยความดีใจจนอี้ชิงที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ
สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจ
“กู!! ได้!! งาน!! แล้ว!!!
กูได้งานแล้ว!!” แบคฮยอนแหกปากลั่น เขาหันไปตะโกนใส่เพื่อนรักเสียงดังจนถูกหมอนฟาดหน้าดังตั้บแต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งความดีใจได้
คนตัวเล็กเต้นยักย้ายส่ายสะโพกไปมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความเพื่อบอกใครบางคนทันที
“โอ้ย!! เสียงดัง!”
“มึง!! กูได้งานแล้วนะเว้ย! อิเหี้ย! มึงดีใจกับกูหน่อยดิวะ!” พอส่งข้อความหาชานยอลเสร็จแล้วแบคฮยอนก็หันไปเล่นงานเพื่อนซี้ทันที เขาทิ้งตัวลงนอนทับอี้ชิงอย่างแรงก่อนจะแหกปากร้องเพลงเสียงดังอย่างสำราญใจ
“มึง! ขอกูนอน มึงจะทำไรก็ทำ จะครางก็ครางไปเบาๆ อย่าเสียงดังได้ไหม กูรำคาญ กูจะนอน” จางอี้ชิงนิ่วหน้าว่าด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด ความรำคาญที่สั่งสมมาตั้งแต่เมื่อเช้าระเบิดตู้มกลายเป็นโกโกครันช์ อี้ชิงสาบานได้ว่าตั้งแต่ที่ลุกขึ้นมาฉี่เขาก็ยังไม่เห็นแบคฮยอนหุบปากเงียบเลยสักนาทีเดียว
กลางคืนก็คุยโทรศัพท์จนดึกดื่น
กลางวันก็ตื่นมาครางแต่เช้า แล้วตอนนี้เขาก็กำลังร้องกรี๊ดเพราะได้งาน
“มึงได้ยินอ่อวะ”
“ขนกูลุกไปหมดแล้วเนี่ย”
“พี่อี้~”
“โอ้ย!! มึง! กูขอร้อง
ไปคุยกับผัวมึงนู่นไป!”
พอได้กวนอี้ชิงจนหงุดหงิดสมใจ แบคฮยอนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เขากลิ้งกลับไปนอนที่เดิมก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความอีกทีใกล้ๆ
Cyyyyyxx : ยินดีด้วยคับ
.
.
.
‘ค่ายูนิฟอร์ม 3 ชุด ใบตรวจสุขภาพ สวมรองเท้าสีดำสุภาพ
มีคูปองอาหารกลางวันให้ฟรี’
คืนวันพฤหัสที่แบคฮยอนนอนไม่หลับด้วยความตื่นเต้น
เขาทำต๊อกปกกิกินไปจนท้องอืด
แล้วก็ตามด้วยน้ำส้มกับขนมอีกหลายถุงก่อนจะมานอนเล่นมือถืออืดๆ อยู่บนเตียง
วันนี้เป็นคืนวันพฤหัสแล้ว อีก 3
วันแบคฮยอนก็จะต้องไปเริ่มงานแล้วก็จะได้ใช้ชีวิตเป็นเก้งเมืองหลวงอย่างเต็มรูปแบบ
เขาจะเหงาเปล่าเปลี่ยว โดนผู้ชายหน้าตาดีเข้ามาหลอก อาจจะถูกปอกลอก ไม่ก็โดนทิ้งเหมือนอย่างที่หลายๆ
คนโดน
นี่เริ่มเข้าสู่สัปดาห์ที่สองแล้วสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองหลวง
และแบคฮยอนก็ได้ค้นพบว่าเมืองโซลที่แสนวุ่นวายนั้นแท้จริงแล้วมันแสนเหงา.... เพราะไม่ว่าจะมีผู้คนห้อมล้อมเราอยู่มากเท่าไหร่
โซลก็ยังทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวได้เหมือนยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบที่เสียงดังยิ่งกว่าหวูดรถไฟ
Bhxx0506
: ส่งรูปภาพ
Bhxx0506 : กินปะ
Cyyyyyxx : ส่งรูปภาพ
Cyyyyyxx : น่ากินกว่า
Bhxx0506 : อันนี้ทำเอง
Bhxx0506 : .ใส่ลูกชิ้นปลา
Cyyyyyxx : อ้วน
Bhxx0506 : อร่อย 5555
Bhxx0506 : ทำไรอยู่
Cyyyyyxx : ออกมากินข้าว
Bhxx0506 : กลับเมื่อไหร่อะ
Cyyyyyxx : เดี๋ยวก็กลับ
Bhxx0506 : โทรไปได้ป่ะ
Cyyyyyxx : เดี๋ยวโทรไป
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือนานแค่ไหนแล้วที่การพูดคุยระหว่างผู้ชายสองคนที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วกลายเป็นเรื่องปกติ
แบคฮยอนคิดว่าตอนนี้ชานยอลเป็นคนเดียวที่เขาสามารถพูดคุยได้
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้วส่วนใหญ่ก็ไร้สาระ
แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ไม่รู้สึกเหงา...
แบคฮยอนไม่ชอบที่ต้องรับรู้ว่าตัวเองกำลังต่อสู้อยู่คนเดียวท่ามกลางสนามรบที่เปลี่ยวร้าง
ในกระเป๋าของเขาว่างเปล่า ไม่มีอาวุธใดๆ มีเพียงแค่ความกลัวและกำลังใจเล็กๆ
น้อยๆ ที่พ่อแม่ใส่มาให้
แบคฮยอนไม่ชอบที่จะต้องรู้สึกแบบนั้น
และเขามีความสุขมากกว่ากับการหากำไรเล็กน้อยให้ตัวเอง
“อีอี้...”
“หื้อ”
“กูอยากไปเที่ยวอะ”
“ก็ไปดิ”
“ไปไม่เป็น” มุ่ยหน้าพร้อมกับอย่างรู้สึกขัดใจเมื่อเพื่อนรักไม่ยอมเลิกสนใจมือถือแล้วหันมาคุยกัน
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนหลังเขากำลังมีรากงอกมายึดติดกับเตียงหลังจากที่แทบจะไม่ได้ขยับไปไหนเลยเป็นอาทิตย์
ห้องสี่เหลี่ยมทำแบคฮยอนอึดอัด แต่ข้างนอกก็ไม่มีทุ่งหญ้าให้เขาชื่นชม
“อือ...”
“มึงสนใจกูหน่อยได้ปะ?”
“มึงต้องการอะไร? กูบอกให้มึงออกไปข้างนอกบ้าง
ไปเปิดหูเปิดตาจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”
อี้ชิงถอดหูฟังออกแล้วหันไปบ่นเพื่อนตัวเล็กที่เอาแต่ทำหน้างอแล้วก็ดิ้นไปดิ้นมาบนเตียง
2 – 3 วันมานี้อี้ชิงไม่เห็นเพื่อนเขาจะทำอะไรเลยนอกจากบ่นว่าเบื่อๆๆ แล้วก็นอนคุยโทรศัพท์หรือแชทคุยกับนายชานยอลทั้งวันทั้งคืน
“กูไม่รู้จะไปไหนอะ ออกไปก็เสียตังค์ ไปก็ไม่ถูก”
“ไม่ให้ผัวมึงพาไปเที่ยวอะ”
“ผัวไหนวะ?”
“ผัวโจรมึงอะ อีชานยอลอะ ไม่ชวนมันออกไปเที่ยวอะ”
“ก็อยากชวนนะ แต่มันคงไม่ไปหรอก ไม่รู้ดิ ไม่อยากเจ๊าะแจ๊ะมากอะ
เดี๋ยวโดนหาว่างั้นงี้อีก” พูดไปก็ได้แต่บุ้ยปากอย่างนึกเซ็ง แบคฮยอนเองก็อยากชวนชานยอลไปเที่ยวหรอก
เขาอยากชวนชานยอลไปเที่ยวมาก แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะรบกวนเขา
หรือถูกคิดว่ากำลังพยายามตีซี้กับลูกเจ้านายอยู่
บางทีแบคฮยอนเองก็คิดว่าเขาน่าจะไม่รู้ดีกว่าว่าชานยอลเป็นใคร
อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเวลาที่จะบ่นเรื่องงาน
“อือ ก็จริง แต่ก็คุยกันทุกวันปะวะ?
มันก็ปกติปะถ้ามึงคุยกับใครสักคนทุกวันแล้วมึงอยากจะชวนเค้าไปเที่ยวอะ?”
อี้ชิงเลิกคิ้วสูง เขาหันไปมองเพื่อนตัวเล็กที่ยังเอาแต่นอนทำหน้ามุ่ยก่อนจะพูดต่อ
“มึงบริสุทธิ์ใจมึงจะคิดอะไร?”
“อือ... นั่นดิ หรือจะชวนดีวะ ถ้าชวนจะชวนไปไหนดีอะ
มันไม่ดูแปลกใช่ปะ?” แบคฮยอนยังไม่เลิกนิ่วหน้าด้วยความเป็นกังวล
เขาหยัดตัวลุกขึ้นนั่งจ้องมองเพื่อนซี้ตาละห้อยอย่างกับลูกหมาที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ
“มันยังมีแปลกกว่านี้อีกหรอวะ ก็ชวนไปเหอะ
ชวนไปไหนก็ได้ เอาไว้ให้มันตกลงว่าจะไปก่อนค่อยคิด”
“อือ งั้นเดี๋ยวถามมันก่อน”
พยักหน้าเอออออย่างว่าง่ายก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดข้อความส่งหาเด็กหนุ่มที่ตัวเองกำลังหลงใหลอยู่ทันที
หูฟัง small talk สีขาวถูกเสียบเข้ากับโทรศัพท์เครื่องบาง แบคฮยอนทิ้งตัวลงนอนกับเตียงอีกครั้ง
ในขณะที่เขากำลังจะเข้าแอพวิดีโอเพื่อไปหาอะไรดูแก้เบื่อ เสียง Calling
voice ของคาคาโอะทอล์คก็ดังขึ้นซะก่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร คนตัวเล็กรีบกดรับทันที
น้ำเสียงที่เคยฟังดูหงุดหงิดเมื่อครู่กลายเป็นหงุงหงิงขึ้นมาทันควันาราวกับเส้นเสียงพิการฉับพลัน
“ฮาโหล~”
[อื้อ ว่าไร ขับรถอยู่ไม่อยากพิมพ์]
“อ้าว ขับรถอยู่อ่อ ไม่รู้อะ ให้ถึงบ้านก่อนก็ได้นะเดี๋ยวโทรไป”
[ไม่เป็นไรคุยได้]
“จริงๆ ไม่มีไรหรอก
แค่ถามว่าวันไหนว่างไปเที่ยวกันเปล่า ไม่อยากอยู่ห้องอะ เดี๋ยวทำงานแล้วไม่ได้ไป”
[วันไหนอะ]
“วันไหนก็ได้ ได้หมด”
[งั้นเดี๋ยวบอกอีกที]
“คร้าบ”
[แล้วจะไปไหนอะ]
“ไปไหนก็ได้ แค่อยากออกไปข้างนอกเฉยๆ”
ใช้มือปั่นไรผมเล่นไปในขณะที่คุยโทรศัพท์กับจอมโจรที่กลายเป็นเพื่อนซี้คนใหม่ไปด้วย
แบคฮยอนอดที่จะเหลือบตาไปมองเพื่อนตัวเล็กที่นั่งทำหน้าเหม็นอยู่ข้างๆ ไม่ได้
แต่เขาก็แค่ยักไหล่แล้วส่งยิ้มเยาะไปให้
[ไปลอตเต้ปะ]
“ห้างอะหรอ”
[ไม่ใช่ สวนสนุก มีบัตรเข้าฟรี]
“ไป!!” แค่ได้ยินคำว่าฟรีแบคฮยอนก็รีบตอบตกลงทันที
เขาเผลอพูดออกมาเสียงดังจนต้องปิดปาก
และกว่าจะนึกได้ว่าเสียงเมื่อกี้มันห้าวขนาดไหนก็ไม่ทันซะแล้ว
[ฮ่ะๆ พรุ่งนี้ว่างหลังเที่ยง]
“ได้~ ได้หมดอะ พรุ่งนี้ก็ได้ ตกลงว่าพรุ่งนี้นะ”
[อือ ขับรถแป้บนึง เดี๋ยวโทรกลับ]
“คร้าบ~”
[ครับ]
พูดครับตอบรับออกไปเสียงใสก่อนจะรีบกดตัดสายไปทันทีเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะกำลังยุ่ง
แบคฮยอนดีดตัวขึ้นนั่งบนที่นอนพร้อมกับเต้นส่ายเอวไปมาอย่างร่าเริง
เขาชูโทรศัพท์ขึ้นแล้วก็เอาแต่พูดว่า ‘พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวแล้ว’ จนอี้ชิงอดหันมามองด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“แหม~ ชวนผัวไปเที่ยวได้นี่อารมณ์ดีเลยนะ” จางอี้ชิงว่าพลางกรอกตาทำหน้าเหม็น ท่าทางร่าเริงเกินปกติของแบคฮยอนทำเขาแทบจะกลั้นขำไม่ได้
สุดท้ายก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมากับความบ้านนอกเข้ากรุงของเพื่อนตัวเล็ก
เขากำลังจะไปเที่ยวกับกังนัมบอยทั้งๆ
ที่ไม่รู้จักลอตเต้ด้วยซ้ำ เดี๋ยวคอยดูเถอะ ถ้าพรุ่งนี้แบคฮยอนถูกแกล้งมาอีกอี้ชิงจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย
“บ้า~ ผัวที่ไหน มึงอะคิดมาก~”
“เอ้อ~ มึงจำไว้นะ มึงอย่าให้กูเห็นว่าซมซานคลานมาร้องไห้กับกูเพราะรักมันแล้วกัน”
“ก็อย่าแช่งเพื่อนได้ปะ”
พูดออกไปแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างนึกขำ แบคฮยอนล้มกลิ้งลงบนเตียงอีกครั้ง ใบหน้าของเขาดูสดใสแฮปปี้เหมือนตอนที่ได้เห็นรูปโคยชานยอลครั้งแรกไม่มีผิด
ไม่รู้ว่าไปเริ่มสนิทกับชานยอลตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็คุยกันทุกวันแล้ว
ซึ่งนั่นมันก็ดี ชานยอลทำให้แบคฮยอนไม่เหงา ถึงบางทีเขาจะเอาแต่พูด อือ อืม หรอ
แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะทุ้มๆ อย่างที่ชอบทำก็เถอะ
“มึงคุยอะไรกับมันทุกวันวะ” อี้ชิงเอ่ยถาม
เขาหันไปมองเพื่อนรักที่ยังเอาแต่นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้ามือถือ
ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าชีแฮปปี้ขนาดไหน
“ก็คุยไปเรื่อยเปื่อยแหละ ส่วนใหญ่กูหลอกดูจู๋มัน
แต่ถึงไม่คุยกับมันกูก็คุยกับคนอื่นอยู่ดี แค่ช่วงนี้ชอบคุยกับมัน” แบคฮยอนไหวไหล่
“ไม่ได้เกลียดมันแล้วหรอ?”
“กูไม่เคยเกลียดมันปะ? มันก็ชอบกวนตีนแหละ แต่บางทีก็นะ
ไม่รู้ว่ะ บางทีก็ชอบมัน” ว่าไปแล้วก็ย่นคิ้วนิ่วหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจในคำตอบของตัวเองนัก
คำว่าชอบของแบคฮยอนไม่ได้หมายถึงชอบแบบหลงรักชานยอลไปแล้ว บางทีเขาก็แค่รู้สึกว่านิสัยนิ่งๆ
กวนๆ ของชานยอลมันดูตลกดี
“มึงมีเฟสบุ้กมันปะ”
“ไม่อะ”
“ทวิตเตอร์อะ?”
“หึ มึง
แม้แต่คาทกที่ใช้คอลกับมันมันยังสมัครใหม่เลย”
“งั้นก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยดิ แบบด้านอื่นๆ
ในชีวิตมันอะ” อี้ชิงเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
เขาแปลกใจมากเลยที่แบคฮยอนยังไม่เคยเห็นตัวตนด้านอื่นๆ ของชานยอล นอกจากที่เขาอยากให้รู้
“ไม่อะ ก็ไม่อยากรู้ด้วยแหละ ขนาดแค่รู้ว่ามันรวยยังเกร็งๆ
เลย กูไม่อยากเห็นความแฟนตาซีของมันอะ มันอยากบอกเดี๋ยวมันก็บอกเองแหละ”
“ไม่ มึง มันแปลกนะเว้ย เหมือนมึงคุยกับใครก็ไม่รู้อะ
มึงรู้แค่ว่าเค้าเป็นลูกเจ้านายมึง แล้วมึงก็ไม่รู้อะไรอีกเลยอะ โอเคมันอาจจะไว้ใจได้ว่าไม่ได้มาหลอกเอาเงินมึง
แต่มันดูแปลกๆ ปะวะ เหมือนเป็นคนเหงานิรนามอะ”
“พวกนัดเย็-ก็เป็นคนนิรนามทั้งนั้นอะ”
แบคฮยอนหัวเราะขำ เขารู้ว่าอี้ชิงพูดถูกแต่นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ชานยอลต้องการก็ได้
เขาอาจแค่ต้องการคนคุยแก้เหงาระหว่างนั่งทำเพลงตอนดึกๆ
ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรของกันและกันมาก ความสัมพันธ์เหมือน Fuck buddy ที่ต่างฝ่ายต่างอยู่ในพื้นที่ที่แต่ละคนขีดเส้นกำหนดไว้ให้
“งั้นพวกมึงก็เป็นเหมือนคู่ขาที่คุยเล่นกันเรื่อยเปื่อยอะหรอ?
อารมณ์แบบเซ็กเฟรนด์?”
“ก็อาจจะอย่างงั้น ไม่รู้ดิ”
“มึง กูว่ามันไม่เหมือนนะ มันเหมือนมึงกำลังจีบกันอะ
ที่เค้าเรียกว่าคุยกันทุกวันแต่ไม่ได้เป็นอะไรกันแบบนั้นอะ”
“อือ ก็ถึงชอบคุยกับมันไง มันไม่ค่อยแย่งกูพูดดี
ไม่ใช่พวกแบบเอะอะชวนถอดอะ เวลาคอมฯ มีปัญหาอะไรมันก็สอนกูซ่อม กูว่ามันใจดีนะ แต่มันปากแข็งไปหน่อย
ความลับเยอะ ชอบกวนตีนด้วย แต่บางทีก็ชอบให้มันกวนแหละ”
“ถ้าไม่รู้ว่าเคยมีเรื่องกันมานี่เหมือนมันชอบมึงเลยนะ”
อี้ชิงย้ำคำพูดเดิม เขาไม่เคยเจอนายชานยอลแล้วก็ไม่เคยคุยด้วยสักครั้ง
เพราะอย่างนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าที่แบคฮยอนเล่ามาเขามโนไปเองหรือชานยอลเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“ไม่รู้ว่ะ ก็อาจจะงั้นแหละมั้ง มันก็ดูเป็นพวกซึนๆ
นะ อารมณ์แบบแกล้งเค้าพอเค้างอนก็มาง้อ กลัวเค้าไม่เล่นด้วยไรเงี้ยอะ ละเห็นอย่างงี้มันขี้งอนนะ”
“มึง มึงเชื่อปะว่าตอนเนี้ยมันไม่เป็นตัวเอง
อย่างน้อยก็ไม่เต็มร้อยอะ เหมือนมันกำลังดูเลยว่ามึงเป็นคนที่มันจะสามารถโชว์นิสัยลึกๆ
ให้เห็นได้ไหมอะ”
“เห้ย แต่มันเก่งนะเว้ย ก็ดูลึกลับดีอะ กูชอบ”
แบคฮยอนยิ้มกริ่ม เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะชานยอลเป็นคนมีความลับแบบนี้แหละ เขาถึงได้น่าสนใจ
“กูจะบอกให้นะ อีชานอะ ถ้ามันไม่เห็นมึงเป็นของเล่นแก้เบื่อ มันก็แค่พวกขี้เหงาที่ชอบทำเป็นซึนไปอย่างงั้นแหละ แล้วถ้ามันเป็นอย่างที่กูคิดไว้ เดี๋ยวคอยดูไปเรื่อยๆ เถอะ มึงปวดหัวแน่!”
ขงเบ้งจางอี้ผู้เชี่ยวชาญแห่งวงการกินเด็กยื่นคำทำนายเด็ดขาด
เขาชี้มือชี้ไม้ทำท่าจริงจังจนแบคฮยอนถึงกับต้องกรอกตาทำหน้าเหม็นเบื่อ
สำหรับอี้ชิงแล้วเขาเห็นชานยอลเป็นแค่เด็กมีปัญหาที่ชอบเรียกร้องความสนใจเท่านั้น เดี๋ยวคอยดูตอนเขาเป็นตัวเองเถอะ แบคฮยอนเป็นบ้าแน่ อี้ชิงขอเอายศเป็นเดิมพันเลย!
แถม
"เออ... แต่เดี๋ยวนะ... จะว่าไป วันนี้กูรู้สึกเหมือนกูลืมอะไรไปเลยว่ะ กูลืมอะไรวะ" แบคฮยอนนิ่วหน้า เขาลุกขึ้นเอาคลำมือไปตามกางเกงเพื่อดูว่ามีอะไรที่ลืมเอาออกจากกระเป๋าไหม แต่มันก็ว่างเปล่า
"ลืมอะไรวะ?"
"ไม่รู้ว่ะ เหมือนเมื่อเช้ากูลืมอะไรไปเลย"
"หื้อ?"
"............"
"............"
"อ๋อ กูนึกออกและ กูลืมไอ้จงอิน" พูดแล้วก็ขำออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมอะไรไว้ แบคฮยอนลืมไปซะสนิทเลยว่าเขากำลังทำอะไรกับจงอินอยู่เมื่อเช้าก่อนที่บริษัทจะโทรมา
"ลืมอะไรวะ?"
"กูลืมขอรูปมัน ฮ่าๆๆๆๆ"
#ฟิคกวาง
ฮ่าาา ชอบจัง เด็กหนุ่มนี่มัน
ปล. คิดว่าตอนหน้าจะมาเร็วๆ นี้แหละค่ะ เร็วๆ นี้คือ 2 - 3 วัน อย่างไวคือ 2 วันถ้าคึกโคตรๆ ก็จะมาแบบปุบปั่บหรือมาพร้อมกันสองตอนเลย ที่หายไปคือไปลบๆ แต่งๆ มาค่ะ 555555 แต่ว่าก็มาแล้ว เอ็นจอยรีดดิ้ง!
ปปล. อย่าลืม #ฟิคกวาง นะคะ :D
ความคิดเห็น