คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ ๕ :: หม่อมราชวงศ์ปุณณมา 100%
แสงเทียนในเงาจันทร์
______________
บทที่ ๕ :: หม่อมราชวงศ์ปุณณมา
“ชายปุณณ์
พายไปดูชุดงานหมั้นไม่ได้แล้วอะ” คนปลายสายทำน้ำเสียงเหมือนคนรู้สึกผิด
เธอไปไม่ได้จริงๆ เพราะงานโปรเจ็กต์จบของตัวเธอนั้นเหลืออีกเยอะมาก
ปลีกตัวไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ไม่งั้นเธอไม่จบเทอมนี้แน่ๆ วันๆ ก็คือนั่งเรนเดอร์แบบจนตาเกือบพัง ถ้าเครื่องแมคค้างก็คือบัดซบทันที
“เฮ้อ ทำไมพายยุ่งกว่าเจ้าของโรงแรมอย่างผมอีกเนี่ย”
ปุณณมาถอนหายใจด้วยท่วงท่าหนักใจเพราะจงใจแกล้งว่าที่คู่หมั้นสาว และเพราะเธอไม่เห็นหน้าของเขาตอนนี้เลยไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังกระตุกรอยยิ้มที่มุมปาก
นัยน์ตาพราวระยับเพราะกะจะหยอกเหย้าอีกฝ่าย
“ก็... ก็… มันไม่ได้จริงๆ อะ เค้าขอโทษ” สุดท้ายไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลยทำเสียงรู้สึกผิดกว่าเดิมอีกเท่านึงแล้วพึมพำขอโทษ
“ฮะๆ ไม่ต้องขอโทษแล้วครับ ผมไม่ได้ว่าอะไรพายสักหน่อย เลื่อนไปก่อนก็ได้” ชายหนุ่มลุกออกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปชิดผนังห้องที่เป็นกระจกก่อนจะทอดสายตามองออกไปบนฟ้าเหนือตึกสูงระฟ้าที่เขาเป็นเจ้าของตึกนี้ กระจกเงาสะท้อนรอยยิ้มมีความสุขในดวงตา ก่อนเขาจะต้องเหลียวกลับไปมองทางหน้าห้องเมื่อเลขาส่วนตัวเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ เขาหันไปพยักหน้ารับรู้ให้กันธิมาที่ทำงานร่วมกันกับเขามาได้ปีกว่าตั้งแต่เขาเพิ่งเริ่มต้นงานที่นี่และปล่อยให้เธอเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดคุยอะไรหลังจากที่มาส่งเอกสารไว้บนโต๊ะเรียบร้อย
ถึงแม้ว่าปุณณมาจะเรียบจบมาได้ไม่นานและยังทำงานไม่คล่อง แต่เพราะสายสัมพันธ์ความเป็นพ่อลูกล้วนๆ ไม่เจือปนด้วยคุณสมบัติอื่นก็ทำให้เขาได้รับห้องทำงานของรองประธานกรรมการ บมจ. มนณรา (มน-นะ-รา) โฮเทล โรงแรมชั้นนำระดับประเทศทันทีหลังจากเรียนจบเพียงปริญญาตรีสาขาบริหาร จะเป็นรองก็แต่เพียงคุณพ่อ และถือเป็นไฟลต์บังคับให้เขาต้องรีบเป็นงานให้เร็วที่สุดเพราะในอนาคตปุณณมาจะต้องรับสืบทอดดูแลบริหารงานโรงแรมต่อไป
“ไม่ ไม่เลื่อน เดี๋ยวเค้าให้น้องฝันไปเลือกแทน
ชายปุณณ์ไปกับน้องฝันได้ไหมคะ” เธอรู้ดีว่าปุณณมาต้องรีบหมั้นกับเธอเพราะว่าเขากำลังจะบินไปไกลถึงอีกซีกโลก เพื่อเรียนต่อปริญญาโทภาควิชาเศรษฐศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยเก่าแก่แห่งเกาะอังกฤษ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้แม้จะยุ่งแทบตายแต่เธอก็ต้องการจะหมั้นกับเขาให้เรียบร้อยตามความต้องการของเขาและเธอก่อนที่เขาจะบินไปเรียน
คำถามของหญิงสาวอันเป็นที่รักทำให้เขาเผลอย่นคิ้วเข้าหากันอย่างใช้ความคิด จริงๆ มันไม่น่ามีปัญหา ถ้าเพียงแต่ครั้งก่อนที่เจอกัน น้องสาวของพายหวานจะไม่ได้พูดจาประหลาดและมีท่าทีแปลกๆ กับเขา ชายหนุ่มเงียบอยู่นานและมองหน้าตัวเองที่สะท้อนในผนังซึ่งเป็นกระจก เขานิ่งคิดถึงจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวและความเกี่ยวข้องในสายเลือดพระจันทร์ของตนเอง คำพูดแว่วหวานแต่เบาหวิวจากทีปภาดังแผ่วอยู่ริมอกในวันนั้น “คิดถึงท่านจันทร์”
“ฮัลโหลๆ
ตัวเองยังอยู่หรือเปล่าคะปุณณ์” เสียงตามสายอันแสนคุ้นเคยจากณัฐฐิตาปลุกสติของปุณณมาให้ออกจากภวังค์ความคิด
เขากรอกเสียงตอบกลับไป
“อยู่ครับ โอเคครับพาย ให้ไปตามนัดวันเดิมหรือเปล่า”
“ค่ะ ขอโทษจริงๆ นะชายปุณณ์ ช่วงนี้ก็ยุ่งจนไม่ว่างเจอเลย ไว้มาเป็นสารถีให้พายเหมือนวันก่อนอีกนะคะ” พายหวานหมายถึงวันที่ปุณณมาได้เจอกับทีปภาครั้งแรกเพราะอาสามาขับรถให้เธอทั้งวันหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาร่วมสองอาทิตย์เพราะปริมาณงานของทั้งเธอและชายหนุ่มมากจนล้นมือ เขาไม่ได้ฟังสิ่งที่ณัฐฐิตาพูดเพราะมัวแต่คิดถึงน้องสาวของเธอ ตามนัดเดิมก็คือเย็นวันมะรืนที่จะถึงนี้ ความอบอุ่นจากกายนวลของหญิงสาวอีกคนยังคล้ายกับวนเวียนอยู่ที่กลางแผงอกกว้าง...
เมื่อว่างเว้นจากภารกิจหน้าที่ของตนในค่ำคืนนั้น ปุณณมาก็พลิกเปิดหนังสือเล่มหนาที่ทั้งแข็งแรงและใหญ่โตกว่าสองคนโอบ
หนังสือเล่มนี้เป็นของตระกูลอริยะสว่างวงศ์
เป็นหนังสือแสดงสาแหรกตั้งแต่ต้นตระกูลเท่าที่จะสืบได้และเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าตระกูลของเขานั้นสืบเชื้อสายจากหนึ่งในห้าราชวงศ์สมัยอยุธยา
สายตาคมเหลือบมองตัวอักษร “ราชวงศ์สุพรรณภูมิ” เขาเพิ่งหอบมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน
“ทำไมลูกยังไม่นอนอีก มัวดูอะไรอยู่หรือชายปุณณ์” ผู้เป็นแม่เดินตรงดิ่งมาใกล้และหยุดที่โต๊ะทำงานในห้องนอนส่วนตัวของชายหนุ่ม หญิงวัยกลางคนค่อนไปทางปลายแต่ยังมีหน้าตาและผิวพรรณสวยงามจากการดูแลเป็นอย่างดีระบายยิ้มให้ลูกชายคนเดียว ก่อนจะเหลือบมองหนังสือสาแหรกในมือของปุณณมา
“ดูนี่เพลินๆ
น่ะค่ะท่านแม่ เอ้อ... ชายอยากถามอะไรสักหน่อย” เกี่ยวกับเรื่องที่เขาข้องใจก็ดูจะหนีไม่พ้นไปจากหญิงสาวผู้เป็นน้องของว่าที่คู่หมั้น
“เอาสิ มีอะไรเหรอ
ดูสำคัญนะชายปุณณ์ถึงกับเอ่ยปากถาม”
“ไม่หรอกค่ะท่านแม่ ชายแค่อยากรู้ว่าทำไมต้นตระกูลเราถึงได้นับถือพระจันทร์ล่ะคะ
ชายคุ้นว่าท่านแม่เคยเล่าให้ชายฟังตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้ชายจำไม่ค่อยได้แล้ว”
หม่อมราชวงศ์ปุณณมารู้ดีว่าสายเลือดของตนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับพระจันทร์อย่างมาก ครอบครัวของเขานับถือพระจันทร์และบรรพบุรุษยังให้ความสำคัญกับพระจันทร์มากมาย ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูล และสร้อยจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวที่ทีปภาเอ่ยถามเขานั้นก็สำคัญกับเขามาก ท่านแม่เป็นคนให้เขากับมือและขอให้เก็บรักษาให้ดีเนื่องจากสร้อยเส้นนั้นถูกส่งต่อกันมาหลายช่วงอายุคนแล้ว
“เรามีธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับพระจันทร์ตลอดมาอย่างที่ลูกก็รู้ดีว่าทุกวันเพ็ญเมื่อพระจันทร์เต็มดวงเราจะบูชาพระจันทร์ด้วยของคาวหวาน 9 อย่างเพื่อเป็นสิริมงคลแก่วงศ์ตระกูล รวมถึงเป็นการแสดงความเคารพแก่สิ่งศักดิ์ศรีที่ปกปักษ์รักษาอริยะสว่างวงศ์ ด้วยนามสกุลของตระกูลเรา อริยะสว่างวงศ์ มีความหมายว่า ตระกูลที่ส่องแสงอันประเสริฐ และท่านตาบอกกับแม่ไว้ว่านั่นหมายถึงแสงของพระจันทร์” แม่ของหม่อมราชวงศ์ปุณณ์ผู้มีศักดิ์เป็นหม่อมเจ้าอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบฟังดูน่าเลื่อมใส แต่สิ่งที่ปุณณมาต้องการรู้นั้นดูเหมือนจะยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน
“แล้วทำไมล่ะคะท่านแม่
มันต้องมีเรื่องราวอะไรบางอย่างหรือเปล่าคะที่ทำให้วงศ์ของเราต้องนับถือพระจันทร์”
หนังสือเล่มโตที่เปิดค้างไว้ถูกงับปิดลงด้วยมือที่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อย ทุกอย่างเงียบเชียบอยู่ชั่วครู่ท่ามกลางสายตาจ้องเขม็งของชายหนุ่มผู้เป็นลูก
เขาสงสัยและต้องการคำตอบไม่ให้ค้างคาใจ
“อืม... มันมีบางเหตุการณ์ ที่จริงน่าจะยังไม่ถึงเวลาที่ชายปุณณ์ควรรู้นะ
แม่คิดว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ดึกมากแล้วนะเจ้าลูกชาย” หน้าตาที่ปรากฏแววใจดีอยู่เสมอของหญิงวัยกลางคนที่ปุณณมาแสนรักฉายชัดถึงความหนักใจ
หากเพียงครู่ก็หลีกลี้บทสนทนาออกไปทันที
“แต่ชายอยากทราบ...”
“ไว้วันหลังนะชายปุณณ์ แม่ขอสาแหรกเล่มนี้ไปเก็บที่ชั้นหนังสือของแม่นะ ส่วนชายก็เข้านอนได้แล้ว แม่ได้ยินมาว่าพรุ่งนี้มีบางคนต้องไปเตรียมตัวเป็นว่าที่เจ้าบ่าวไม่ใช่หรือ” ใบหน้าที่ยังเรียบเนียนไร้ร่องรอยของอายุที่มากขึ้นจนเกือบเข้าใกล้เลขหกอยู่รอมร่อฉายรอยยิ้มชัด ก่อนที่จะสั่งให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนำหนังสือเล่มหนาหนักนั้นไปเก็บที่ห้องนอนของผู้เป็นแม่ หล่อนวางมือลงบนไหล่ขวาของชายหนุ่มเป็นเชิงขอบคุณหลังจากที่เขาจัดเก็บหนังสือเล่มโตเรียบร้อย
“แต่อันที่จริงชายไปตอนเย็นๆ ค่ะ ไม่ต้องรีบนอนก็ได้” เขายิ้มกว้างเต็มทั้งปากและตาคมที่มักปรากฎรอยเย็นชาที่เคยคุ้นมากกว่าอารมณ์อบอุ่นอ่อนหวานที่เป็นอยู่ในยามนี้ แต่สายตาหยอกล้อถึงเรื่องอันน่ายินดีในวันพรุ่งจากบุพการีก็ทำให้ปุณณมาต้องรีบออกตัวแก้ต่างเพิ่มเติมอุตลุด
“แล้วอีกอย่าง... ชายแค่หมั้นนะคะ ยังไม่ได้จะแต่งนะคะท่านแม่”
ในนิทรากาลที่ไม่อาจบอกได้ว่าเขาดำดิ่งลึกลงไปสู่ได้อย่างไรกำลังทำให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นไหว เหตุมาจากความรู้สึกบางอย่างที่มากล้นไปด้วยความวาบหวาม
“เจ้าจะหนีข้าไปไหน” บุรุษหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายเขาและในความรู้สึก...นั่นคือเขาเอง กำลังรั้งข้อมือแบบบางของหญิงสาวห่มชุดไทยสไบเฉียงสีงาช้าง ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่จับจ้อง
เพราะที่ทั้งสองคนอยู่คือเรือนไทยยกสูงของหญิงสาวตรงหน้า
ท่านหญิงเทียนหอม เขารู้ว่าเธอชื่อนี้ แต่มิอาจรู้ว่ารู้ได้อย่างไร
“ปล่อยข้านะ
ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรกัน” หญิงสาวเจ้าของใบหน้างามล้ำและกรุ่นกลิ่นหอมดั่งชื่อเจ้าตัวอยู่ตลอดเวลา หล่อนบิดข้อมืออย่างยากลำบากเพราะไม่อาจหลุดจากการเกาะกุมแน่นหนานั้นได้
“ข้ามากับท่านพ่อ...” เป็นความสัตย์จริง และเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะทำให้เขาได้พบเจอกับหญิงประหลาดตรงหน้าอีกครั้งในวันนี้
ที่เรือนแห่งนี้ และที่สำคัญเหลือเกิน...จนหัวใจวัยหนุ่มฉกรรจ์เต้นระส่ำระสายก็คือ
ท่านพ่อของนางกับท่านพ่อของเขาเป็นสหายกัน
นั่นทำให้เขายิ้มกริ่มอย่างไม่รู้ตัวและอาจเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงอาการเยี่ยงนี้
“แล้วข้าก็บอกเจ้าครั้งก่อนแล้ว
ถ้าวันใดข้าเจอเจ้าอีก ข้าจะให้ท่านพ่อสู่ขอเจ้ามาเป็นเมียข้า” อีกหนึ่งความสัตย์จริงเช่นกัน ท่ามกลางความตื่นเต้นยินดีของเขา ความตะลึงงันของเธอ
และเกือบจะเป็นความแตกตื่นของข้าทาสในเรือนหญิงเทียน ทั้งหมดหารู้ไม่ว่าความปรารถนาของพระจันทร์หนุ่มนั้นมิอาจเป็นจริงได้เลย
เขากระตุกข้อมือตนเองเพียงหนึ่งครั้ง
เธอก็ร่วงหล่นลงสู่อ้อมแขนของเขาจนได้
“ปล่อยข้านะ!” อรชนอ้อนแอ้นดิ้นขลุกขลักบนแผงอกแกร่ง
แขนแข็งแรงล้อมรอบเธอจนมิอาจหลุดพ้นไปในทางใด ทำได้เพียงส่งเสียงอื้ออึงบ่งความไม่ยินยอมกับใบหน้างามงอนที่งอง้ำลง
“ไม่-ปล่อย”
เสียงที่หนักแน่นกล้าแกร่งกระซิบกระซาบริมหูซ้าย ริมฝีปากบางเฉียบของชายหนุ่มเฉียดผิวของร่างน้อย
กระนั้นสัมผัสผะแผ่วดังกล่าวก็ยังเรียกเลือดให้ซับจางๆ บนใบหน้างอง้ำจากความเขินอายทั้งเขินตนและเขินบ่าวไพร่ที่นั่งสลอนกันเต็มเรือน
แม้ชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้จะกำลังดื่มด่ำความหวานจากรสแห่งรักที่พันผูกก่อร่างสร้างขึ้นอย่างเนิบช้าในความรู้สึกแต่ละฝ่าย
ก็มิอาจทัดทานความจริงที่กำลังเกิดขึ้นได้เลย
การเจรจาเตรียมพิธีสมรส...แก่เขาและพี่สาวของเธอกำลังดำเนินไปโดยที่ทั้งคู่ไม่ล่วงรู้
ไม่แม้แต่จะสะกิดใจใดๆ
เจ้าสาวของเขาคือพี่สาวของเธอ ท่านหญิงแก้ว...
ไม่ใช่เธอ ท่านหญิงเทียน คนที่เป็นเหตุแห่งความหลงรักปักใจ
ตรงที่เกี่ยวกับพระจันทร์และราชวงศ์สุพรรณภูมินี่คือความมโนของคนเขียนล้วนๆ ค่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จริงนะคะ เป็นเพียงเรื่องแต่งเพื่ออรรถรสค่ะ แต่จะมีแอบบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์บ้างในบางช่วงนะ
แล้วก็หม่อมราชวงศ์ถือเป็นชั้นสามัญชนนะคะเลยไม่ใช้ราชาศัพท์
อธิบายเพิ่มเติมอีกนี้ดด คือชายปุณณ์ใช้นามสกุลฝั่งแม่นะคะ ส่วนพ่อเป็นนักธุรกิจเจ้าของโรมแรมจ้ะ
ความคิดเห็น