ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แสงเทียนในเงาจันทร์ (ย้อนยุคอยุธยา)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ ๓ :: ความรักที่เป็นไปไม่ได้ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 63


     

    แสงเทียนในเงาจันทร์

    ______________ 

     

    บทที่ ๓ :: ความรักที่เป็นไปไม่ได้

    ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเชื่องช้าและย้อมตัวเองจนกลายเป็นสีดำ สองข้างทางที่กำลังผ่านเต็มไปด้วยตึกแถวความสูงสี่ชั้นทอดเรียงกันเป็นแนวยาว รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นหยุดลงในชุมชนเก่าแก่ย่านฝั่งธนบุรี ก่อนที่หญิงสาวในชุดนิสิตจะเปิดประตูออกมาจากรถ ตามด้วยชายหญิงอีกคู่หนึ่งลงตามกันมา

    “หายดีแน่แล้วนะฝัน นายตะวันแวะมาตรวจเมื่อเช้าแล้วใช่ไหม” คนเป็นพี่สาวถามย้ำเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ พายหวานเอาแต่พูดซ้ำๆ แบบนี้มาตั้งแต่ตอนกินข้าวและตลอดทางบนรถ

    “ฝันบอกพี่พายแล้วไงว่าพี่ตะวันมาหาฝันแล้วเมื่อเช้า แล้วก็หายแล้วค่ะ หายจริงๆ เนี่ย” น้องสาวยิ้มกว้างแล้วกุมมือพี่สาวผู้ตัวเล็กกว่าไว้ทั้งสองข้างแล้วแกว่งเบาๆ

    “ตะวันบอกว่าไงมั่งนะ”

    “พี่ตะวันวัดไข้แล้ว ปกติดีค่ะ ฝันแค่ต้องนอนเยอะๆ ค่ะ แต่วันนี้ฝันไม่อยากโดดเลยแว้บไปม.”

    “งั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องไปนะ” พายหวานพยายามคัดค้านการดูแลตัวเองที่เธอเห็นว่ายังไม่ค่อยดีนักของลูกพี่ลูกน้องสาว ขณะที่หญิงสาวทั้งคู่โต้เถียงก็ตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มหนึ่งเดียว เขามองแฟนของตัวเองที่ยืนเถียงอีกคนเพราะความเป็นห่วงที ก่อนจะมองไปที่ญาติผู้น้องของแฟนสาวอีกที

    แต่ในนัยน์ตานั้นกลับว่างเปล่าอย่างที่คนเผลอหันไปสบสายตารู้สึกตัวชาไปหมด...

    เขาเหมือนมาก แต่เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เธอรัก เขาไม่ใช่ท่านจันทร์

    หากเพียงชั่วครู่หนึ่ง นัยน์ตาคมดุที่มักจะเย็นชานั้นกลับฉายแววบางอย่างจนเธอต้องหลีกสายตาหนีไปทางอื่น

    อะไรบางอย่างที่เหมือนกันกับเขาจนพาฝันรู้สึกใจเต้นแรง

    “อย่าไปบังคับน้องสิครับพาย น้องฝันดูแลตัวเองได้น่า” คุณชายปุณณ์บอกเสียงนิ่ม น้ำเสียงเอื้ออาทรก่อนจะส่งรอยยิ้มบางให้แฟนสาวและยิ้มส่งให้เลยมาถึงตัวคนที่กำลังแอบมองอย่างเธอด้วย

    “ไม่ได้นะชายปุณณ์ คุณไม่รู้หรอกว่าฝันดื้อจะตาย แล้วอยู่คนเดียวด้วย เกิดเป็นหนักขึ้นมาจะทำยังไง ไปอยู่บ้านพี่ดีกว่านะ พี่เป็นห่วงฝันอะ” พายหวานทำท่าคล้ายจะงอแงอย่างเอาแต่ใจตน ก็น้องสาวคนนี้ดื้อเป็นที่หนึ่ง ไม่ได้ดั่งใจเธอตลอดเลย แล้วยังชอบทำตัวให้คนอื่นเขาต้องเป็นห่วงอยู่เรื่อย ซึ่งคนอื่นที่ว่าก็คือตัวเธอเองนี่แหละ

    ความจริงแล้วพายหวานไม่ได้เป็นคนที่ชอบจู้จี้จุกจิกกับคนอื่น จะมีก็แต่พาฝันนี่แหละที่หญิงสาวร่างเล็กรู้สึกว่าน้องสาวคนนี้คือความรับผิดชอบของเธอ เพราะอาเจ็กหรือพ่อของพาฝันหย่ากับแม่ของพาฝันไปนานมากแล้วและเสียชีวิตลงเมื่อสองปีก่อนตอนที่พาฝันกำลังจะเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย

    อาจเพราะเธอรู้สึกว่าพาฝันไม่มีใครคนอื่นนอกจากเธอแล้ว

    แบบนี้ล่ะมั้ง เธอเลยบ่นมากเพราะเป็นห่วง

    “ใครบอกฝันอยู่คนเดียว” เสียงดังมาจากทางด้านหลังของหญิงสาวในชุดนิสิตจนพาฝันต้องเหลียวหน้าไปมองดูแล้วก็อดตะโกนเรียกชื่ออีกคนออกมาเพราะความดีใจไม่ได้

    “พี่ตะวัน!”

    “โธ่ นึกว่าใคร” เสียงจากหญิงสาวตัวเล็กอีกคนพึมพำแผ่วเบา เธอทำท่าทางหมั่นไส้ใส่นิสิตแพทย์ที่จู่ๆ ก็โผล่มาที่ด้านหลังของพาฝันด้วยการขยับปากล้อเลียนประโยคเมื่อครู่ของเขา

    ร่างเพรียวในชุดนิสิตตรงรี่เข้าไปหาชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่ เธอยิ้มกว้างแล้วเขย่ามือพี่ชายอย่างตื่นเต้น แสดงอาการดีอกดีใจอย่างไม่ปิดบัง

    “พอๆ เลยยัยฝัน จับไม้จับมือผู้ชายได้ไง นายตะวันก็ด้วย ห่างจากน้องสาวฉันเลย!” พี่สาวที่แสนดีตรงเข้าไปจับทั้งคู่แยกออกจากกันแล้วไม่ลืมทำท่าแยกเขี้ยวใส่ฝ่ายชาย เธอหวงน้องสาวอยู่แล้ว ยิ่งกับนายตะวันนี่หวงมาก!

    หลังจากทำท่าเขม่นกับนายตะวันคู่ปรับตัวดีอยู่สักพัก สายตาของพายหวานก็บังเอิญเห็นว่าที่คู่หมั้นมองมา เธอจึงเริ่มแนะนำให้คนไม่รู้จักได้รู้จักกัน

    “เอ่อ ชายปุณณ์ นี่นายตะวันเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของยัยฝันค่ะ อาเจ็ก เอ่อ พ่อของฝันท่านรักและไว้ใจนายตะวันมาก ฝันกับตะวันเลยสนิทกันมาตั้งแต่เด็กค่ะ” หลังจากอธิบายให้ทางปุณณมาฟังจบก็หันมาแนะนำกับทางคนสนิทของน้องสาว

    “นี่ว่าที่คู่หมั้นฉัน จะหมั้นในเดือนสองเดือนนี้แหละ”

    “อ้าว ไม่เห็นพายเคยบอก แต่ยินดีด้วยละกัน ยินดีด้วยนะครับคุณปุณณ์” ชายหนุ่มที่คล้ายกับจะเป็นไม้เบื่อไม้เมาของพายหวานตลอดมาทำท่ากวนประสาทเล็กๆ อย่างที่ทำมาเสมอก่อนจะหันไปแสดงความยินดีกับชายหนุ่มอีกคนตามหลักมารยาท

    พาฝันใจกระตุกเล็กน้อยเพราะฟังคำของพี่พายหวาน เธอลอบมองใบหน้าด้านข้างของปุณณมาอย่างเผลอตัว นัยน์ตาหวานเต็มไปด้วยความเว้าวอนอย่างที่ไม่ควรเป็น หากจู่ๆ หลังจากปุณณมาพยักหน้ายิ้มรับเสร็จ เขาก็เบนสายตามองมาที่เธอจนคนเผลอไผลต้องรีบหลบสายตาหนี

    จะว่าไป...หลายครั้งแล้วที่วันนี้พอปุณณมาสบตาเข้ากับหญิงสาวที่เป็นญาติผู้น้องของว่าที่คู่หมั้นแล้วมักจะพบสายตาประหลาด เขาสังเกตเห็นและแปลกใจจนเม้มริมฝีปากอย่างครุ่นคิด

    “หยุด! อย่ากวนประสาทฉัน! ถ้าจะค้างกับฝันมาตกลงกับฉันทางนี้ก่อนเลย ให้ตายสิ อาเจ็กไว้ใจนายได้ยังไงนะ” ร่างเล็กกะทัดรัดในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์บ่นพึมพำพลางดึงคนตัวสูงกว่าไปอีกทาง

    ถึงนายนี่จะมาค้างที่บ้านฝันบ่อยมากก็เหอะ แต่เธอก็จำเป็นจะต้องบอกข้อตกลงในการอยู่ร่วมบ้านกับน้องสาวของเธอ แม้มันจะเป็นรอบที่ล้านแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องย้ำกันอีกสักหน่อย!

    คนสองคนที่เหลืออยู่ยังคงอยู่ที่เดิม ทีปภาอยู่ในทีท่าเก้ๆ กังๆ เพราะดวงตาคมกล้าของปุณณมากำลังจ้องเขม็งมายังเธอที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งจนคางแทบชิดอก

    จิตใจของหญิงสาวว้าวุ่น คำถามมากมายทะลักล้นเข้ามาในความคิด

    หรือเขาจะเป็นท่านจันทร์จริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะจ้องเธอทำไมกัน ความคิดนี้ผ่านเข้ามาและทำให้พาฝันตัดสินใจดึงสายตาขึ้นมองไปที่เขาด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว ทันทีที่สายตาสอดประสาน ทั้งที่เตรียมใจมาแล้วระดับหนึ่งแต่ก็ราวกับอวัยวะในอกข้างซ้ายของร่างเล็กถูกกระตุกวูบอย่างรุนแรง

    “พี่เห็นฝันมองมาทางพี่บ่อยๆ ฝันมีอะไรหรือเปล่าครับ” สายตามองมาที่เธอแน่วแน่ ดวงตาแข็งกระด้างทำให้ใจของหญิงสาวเหน็บหนาว

    “ฝัน...” ริมฝีปากเล็กบางเม้มแน่นแล้วเสียงจากเธอก็ถูกกลืนหายไปในลำคอของตัวเอง

    “ครับ” เขานิ่งฟัง รอคอยคำตอบด้วยท่าทีที่ไร้ความอบอุ่นใด ทำให้เธอเผลอคิดเปรียบเทียบกับเขาคนที่อยู่ในชุดโบราณ เธอคิดถึงเสื้อคอกลมผ่าหน้าแขนยาว ผืนผ้าบางที่ใช้คล้องคอ และโจงกระเบนสีเข้มที่อยู่บนตัวของชายหนุ่มที่เธอทั้งรักและเทิดทูนคนนั้น คนที่มีหน้าตาและท่าทางเหมือนกับผู้ชายคนตรงหน้านี้

    หากพอมองชัดๆ ให้เต็มตาอีกครั้ง...ก็เหมือนจะไม่ใช่เลย

    “พี่ชายปุณณ์... ไม่สิ... ท่านจันทร์... ท่านคือท่านจันทร์ของเทียนหอม ใช่หรือไม่”

    “ครับ?” ท่าทางที่ตอบกลับมาคล้ายกับจะงุนงงทำให้ทีปภาลังเลที่จะถามต่อ แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อไป เธอไม่ต้องการสูญเสียความรักของเธอไป ถ้าเขาใช่...เธอจะไม่มีวันปล่อยเขาไป

    “ท่านจันทร์...จำข้าได้หรือไม่ ข้าคือเทียนหอมของท่าน...”

    “น้องฝันพูดอะไรครับ พี่ไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทไร้ลวดลายหรี่ตาลง เขาไม่เข้าใจและไม่ตลกกับสิ่งที่น้องสาวของแฟนพูด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

    "ข้าเป็นถึงจันทร์... ไยเจ้าไม่ไยดี แม้ไม่อาจจุดแสงเทียน เจ้าก็แอบอิงในแสงจันทร์ได้ ขอเพียงอยู่กับข้า ข้าจะปกป้องและภักดีต่อเจ้าเพียงผู้เดียว"

    พาฝันหรือเทียนหอมพูดประโยคที่เขาเคยพูดกับเธอเมื่อครั้งอดีตและตัวเธอนั้นจำได้ทุกคำโดยไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย ในช่วงเวลาที่คนตรงหน้านิ่งเงียบไป การรอคอยทำให้ดวงใจของหญิงสาวมีความรู้สึกคล้ายกับถูกยางเหนียวดึงรั้งอยู่ข้างใน หัวใจของเธอปวดหนึบ

    “น้องฝันท่องบทละครหรือครับ” คุณชายจากตระกูลดังเอ่ยข้อข้องใจออกไปในที่สุด เขาไม่เข้าใจและงุนงงอย่างมากกับสำนวนคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่

    หรือหญิงสาวคนนี้ตั้งใจจะลองใจเขาว่ารักพี่สาวของเธอจริงหรือไม่?

    “พี่ชายปุณณ์ไม่เข้าใจหรอคะ”

    “พี่ไม่เข้าใจครับ”

    “แล้วสิ่งนี้ล่ะคะ...” มือน้อยหยิบยกสายสร้อยในคอขึ้นมาตรงหน้าระหว่างทั้งคู่ โลหะเงินรูปพระจันทร์เสี้ยวส่องประกายสะท้อนแสงไฟข้างทาง

    “ครับ นี่เป็นของพี่ที่ให้พายไว้ พายคงเอาไปให้น้องฝัน”

    “มันมีความหมายอะไรกับพี่ชายปุณณ์คะ” เพราะเจ้าของดันเป็นคนๆ เดียวกัน จะต่างกันก็ตรงยุคสมัย งั้นแล้วจะเป็นไปไม่ได้เลยเหรอว่าเขาเคยเป็นท่านชายคนที่เธอรัก

    “เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูลครับ พี่ให้พายไว้คุ้มครอง”

    พาฝันได้แต่เม้มริมฝีปาก หยดน้ำใสเอ่อท้นคลอหน่วยในดวงตากลมโต เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะห้ามมัน แต่ทุกคำตอบของเขานั้นล้วนแล้วมีแต่ชื่อของพี่สาวเธอ เขารักพี่สาวเธอ เขาไม่ได้รักเธอ

    และเขาไม่มีทางใช่ท่านจันทร์ของเทียน... ไม่มีทางเลย

    เพราะท่านจันทร์ไม่เคยทำให้เธอต้องรู้สึกเศร้าสร้อยเช่นนี้ ท่านจันทร์ไม่เคยมีแม้สักคำที่จะทำร้ายจิตใจของเธอ เขาไม่ใช่...

    ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ใช่ แต่ทำไมหัวใจเธอถึงปวดหนึบเช่นนี้

    คนตัวเล็กกว่าก้าวเข้าไปใกล้กับชายหนุ่ม แขนบางเอื้อมออกไป ปลายนิ้วชี้เรียวสัมผัสที่ใบหน้าคมเข้ม ก่อนที่เจ้าของจะถอยหลบ สันกรามที่เธอแตะนั้น ความรู้สึกคุ้นเคยแล่นพล่านเข้าสู่หัวใจ

    ทำไมพวกเขาสองคนถึงเหมือนกันถึงเพียงนี้...เหมือนราวเป็นหนึ่งเดียวกัน

    “น้องฝันทำอะไร”

    “พี่ชายปุณณ์ไม่ใช่หรือคะ พี่ไม่ใช่จริงๆ หรือคะ”

    น้ำตาหยดน้อยไหลรินลงจากหางตา อาบแก้มใส หยดที่หนึ่งด้านซ้าย และตามด้วยหยดที่สองด้านขวา เพราะเห็นเธอร้องไห้ ปุณณมาเลยไม่กล้าตอบอะไร ชายหนุ่มเพียงใช้นิ้วโป้งเช็ดเบาๆ ไปที่แก้มนวลด้านขวาของเธอก่อนจะชะงักแล้วดึงมือออกราวกับต้องของร้อน ราวกับเขาเองเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอทำอะไรลงไป

    ดวงตาเว้าวอนของหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขาว้าวุ่นใจ ท่ามกลางความงุนงงของตัวเขาเอง

    เขาไม่เข้าใจ... แต่เขามั่นใจว่ามีบางอย่างไม่ถูกแล้วล่ะ

    หากจู่ๆ คนที่เอาแต่พูดจาแปลกหูก็โถมตัวมาที่เขา ใบหน้าแนบลงที่แผงอกของชายหนุ่ม และเสียงพึมพำกระซิบแผ่ว “คิดถึงท่านจันทร์”

    ปุณณมาไม่กล้าผลักออก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ กลายเป็นที่พักพิงให้กับหญิงสาวร่างเล็ก คิ้วเข้มขมวดแน่น เขาเริ่มครุ่นคิด... ความจริงแล้วชื่อของเขาก็แปลว่าพระจันทร์ และตระกูลของเขานั้นนับถือพระจันทร์มาเนิ่นนานตั้งแต่ต้นตระกูล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×