คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๑ :: พาฝันแค่ฝัน
แสงเทียนในเงาจันทร์
_____________
บทที่ ๑ :: พาฝันแค่ฝัน
07.13 น. กรุงเทพมหานคร
ร่างบอบบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางตกอกตกใจ เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผากเนียน ทั้งร่างสั่นไหวระริกราวกับถูกความกลัวเข้าครอบงำ มือน้อยยกขึ้นกำจี้ในสร้อยบนลำคออย่างรวดเร็ว เสียงหอบหายใจดังแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศรุ่นเก่า
"ฉันกลับมาแล้ว..." หญิงสาวพึมพำก่อนจะค่อยๆ ลุกออกจากเตียงตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ เธอมองเงาที่สะท้อนออกมา ภาพผู้หญิงในชุดนอนกระโปรงยาวสีอ่อนของศตวรรษที่ยี่สิบส่องกระทบตา คนในกระจกมีท่าทางกระฉับกระเฉงแม้จะดูซีดเซียวเล็กน้อย มันบ่งบอกชัดเจนว่าตอนนี้เธอคือทีปภา...
เธอเดินทางกลับมาสู่ปัจจุบันแล้ว ไม่มีหญิงสาวที่ชื่อเทียน ไม่มีท่านจันทร์ที่เธอหลงรักและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจอีกแล้ว นัยน์ตาหวานเศร้าสร้อยเพียงครู่ก่อนน้ำคำปลอบใจตัวเองจะดังแผ่วจากริมฝีปากเรียวได้รูป
“แต่มันเป็นเรื่องจริง จี้ที่ท่านจันทร์ให้เทียนไว้เดินทางผ่านกาลเวลามากับเทียนด้วย” ถึงเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนั้น แต่มันหมายถึงว่าความรักของเธอนั้นได้เกิดขึ้นจริงๆ
จี้รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวทำจากโลหะเงินสะท้อนอยู่ในกระจก เป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียวที่ยืนยันถึงความสัมพันธ์ของเธอกับชายหนุ่มคนที่แสนสำคัญ ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ในอดีตกาลก่อนหน้าปัจจุบันถึง 400 กว่าปี
“อ้าว ฝันลุกขึ้นมาทำไมคะ อาการฝันยังไม่ค่อยดีเลยนะ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมประตูห้องนอนที่เปิดออก หญิงสาวเหลียวหน้าไปมองก่อนจะระบายยิ้มกว้างบนวงหน้าเมื่อเห็นพี่ชายคนสนิทเดินเข้ามาพร้อมถาดใส่อาหาร
“พี่ตะวัน! ฝันคิดถึงพี่จัง!” ทีปภาแทบกระโจนพรวดเดียวถึงร่างสูงโปร่งของคนที่เธอเรียกชื่อว่าตะวัน มือบางล้อมรอบคอของคนตัวสูงกว่า
“กอดพี่ขนาดนี้ ถ้าพี่พายของฝันมาเห็นเข้าต้องด่าพี่ยับแน่ๆ” แม้ปากจะบ่นแต่ชายหนุ่มก็เอื้อมไปวางถาดใส่อาหารลงบนโต๊ะแล้วกอดตอบน้องสาวที่เขารักและเอ็นดูอย่างเต็มใจพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างขวางไม่แพ้หญิงสาว
“ช่างพี่พายสิ ฝันคิดถึงของฝันนี่” ร่างแบบบางยังกอดเขาไว้ไม่ปล่อยออกง่ายๆ
“ทำเหมือนไม่ได้เจอกันนาน เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เจอกันอยู่หยกๆ” พี่ตะวันยกมือขึ้นเคาะศีรษะของเธอเบาๆ ด้วยท่าทางเอ็นดู พาฝันชะงักไปเล็กน้อยแล้วคลายอ้อมกอดลง เธอมีสีหน้าครุ่นคิดจนพี่ตะวันของเธองุนงง ตามอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาของเธอไม่ทัน
เดี๋ยวนะ ฉันย้อนเวลาไปและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานเกือบปี จะบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในอาทิตย์เดียวงั้นเหรอ แล้วตอนนี้มันวันที่เท่าไหร่กันนะ
“พี่ตะวันคะ วันนี้วันที่เท่าไหร่” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวรุ่นน้องอย่างประหลาดใจในท่าทีของอีกฝ่ายแต่ก็ยอมตอบโดยดี
“วันที่ยี่สิบสองค่ะ ฝันถามทำไมคะ ป่วยนิดหน่อยนี่ถึงกับลืมวันลืมคืนเลยเหรอคะสาวน้อย” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือไว้ด้วยแววความรักใคร่เอ็นดู
“อะไรนะคะ!” หญิงสาวแสดงอาการตกใจสุดขีด เธอจ้องคนตอบคำถามเขม็งก่อนจะลุกลี้ลุกลนวิ่งไปหาเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะทำงาน
วันที่ตรงกับที่พี่ตะวันบอกเป๊ะ... พาฝันจ้องมองหน้าจอทัชสกรีนของโทรศัพท์เงียบๆ ความรู้สึกมึนงงเข้าโจมตีจนร่างกายก้าวถอยหลังอัตโนมัติ เธอรู้สึกช็อกเพราะไม่แน่ใจว่าทั้งหมดที่เธอรู้สึก ทั้งหมดที่เธอได้พบเจอ ทั้งหมดนั่น…คือเธอฝันไป?
ไม่สิ จี้พระจันทร์เสี้ยวนี้ล่ะ…
“พี่ตะวัน! พี่ตะวันเห็นจี้อันนี้มั้ยคะ” แม้คำถามเธอจะดูเพี้ยน แต่คนที่ถูกถามก็ยอมตอบทั้งที่ยังไม่เข้าใจ เขาสงสัยว่าน้องสาวคนสนิทของเขาคงยังเบลอจากพิษไข้
“เห็นสิคะ จี้อันนี้ พายเอามาให้ฝันใส่ พี่เป็นคนใส่ให้ฝันเองกับมือ พายบอกว่าแฟนของพายให้จี้นี้มาและมันคุ้มครองพายมาหลายทีแล้ว มันจะช่วยคุ้มครองฝันด้วย”
“คะ?” หญิงสาวในชุดนอนทำท่าราวกับถูกไม้หน้าสามตีแสกหน้า ก่อนจะค่อยๆ ทรุดกายลงบนเตียงนอนที่เธอเพิ่งลุกจากมันมาได้ไม่นาน
“ฝัน ฝันเป็นอะไร ไหนมาให้พี่เช็กดูหน่อย” ชายหนุ่มขยับตัวไปใกล้กับสาวน้อยที่นั่งจุมปุ๊กบนเตียงในอาการเหม่อลอย แม้เขาจะยังไม่ใช่หมอเต็มตัวแต่ก็พอดูอาการเบื้องต้นได้บ้าง หลังจากที่ฝันหลับไปเพราะพิษไข้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อน หนึ่งวันเต็มๆ ที่ร่างกายของหญิงสาวใช้ฟื้นตัวจากพิษไข้ และนั่นทำให้พายหวานมาจิกเขายิกๆ ให้เข้ามาดูอาการน้อง
‘นายตะวัน มาดูฝันให้หน่อยสิ’
‘ถึงเราจะเรียนหมอแต่เรายังไม่จบนะพาย แล้วเราก็ยุ่งมาก พายพาฝันไปหาหมอสิ’
‘ฉันค้างบ้านฝันเมื่อคืน โปรเจ็คจบฉันเลยยังไม่คืบหน้าอะ ฉันต้องเร่งทำเลยพาฝันไปไม่ได้ พรุ่งนี้เช้านายตะวันช่วยแวะไปดูน้องฉันนะ นะ’
‘เราก็ห่วงฝันนะ แต่เมื่อคืนวานเราดูแล้วไง ฝันแค่พักผ่อนไม่พอ นอนหน่อยก็หายแล้ว จริงๆ ถ้าเราว่างเราก็จะไปหาฝันอยู่หรอก’
‘แต่ฉันห่วงน้องนี่ : (’
‘ห่วงตัวเองเถอะแม่คุณ เอาล่ะๆ ไม่เถียงด้วยแล้ว เดี๋ยวเราเข้าไปหาฝันตอนเช้าเอง โอเคยัง'
‘เย่ ขอบคุณนะนายตะวัน : )’
เขานึกถึงบทสนทนาในแชทสีฟ้ายอดนิยมกับยัยว่าที่เต็ก*เมื่อคืนนี้ แล้วมองอาการเอ๋อๆ ของหญิงสาวตรงหน้า นับว่าพายหวานเข้าใจน้องสาวตัวเองเป็นอย่างดี มือแข็งแรงของชายหนุ่มคว้าปรอทที่ติดมาด้วยในถาดใส่อาหารมา ก่อนจะสั่งให้หญิงสาวอ้าปากแล้วอมปรอทไว้ใต้ลิ้นประมาณสองนาที เขาอ่านค่าที่ได้จากปรอทแล้วหันมาพูดกับคนที่เขาแสนเป็นห่วง
“หายไข้แล้วนี่นา ฝันเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าซีด ดูเหมือนช็อคกับอะไรบางอย่างหื้ม” ถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะลูบหัวของสาวน้อยแผ่วเบา
“พี่ตะวัน… ฝันคิดว่า อืม... พี่ตะวันคะ พี่ตะวันเคยเป็นอย่างนี้มั้ยคะ” พาฝันในอาการสับสนพยายามจะเริ่มต้นถามข้อข้องใจแต่เธอก็ยังเรียบเรียงเรื่องราวในหัวลำดับไม่ค่อยถูกต้องนัก
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ ค่ะ พี่นั่งฟังฝันอยู่ตรงนี้แล้ว ค่อยๆ พูดนะคะ” เขาพยายามทำให้เธอใจเย็นและมีท่าทีรอคอยอย่างตั้งใจ
“คือว่าฝัน... ฝันคิดว่าฝันฝันไป เออ ฝันคงฝันไปแหละค่ะ” แต่ฝันว่ารักกับใครก็ไม่รู้ในยุคกรุงศรีอยุธยาเนี่ยนะ หรือเราจะดูหนังมากไปนะ
แม้จะตอบคำถามตัวเองและพูดสรุปออกไปแบบนั้น หญิงสาวก็คล้ายกับจะยังไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดนัก ส่วนคนรอฟังก็ได้แต่งงหนักว่าเดิม ว่าที่หมอในอนาคตอมยิ้มกับท่าทางของร่างบอบบางตรงหน้าก่อนจะดึงร่างน้อยนั้นมากอดไว้อย่างปลอบประโลม
“ฝันฝันร้ายเหรอ ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ฝันตื่นแล้ว ไม่มีใครทำอะไรฝันได้แล้ว พี่ดูแลฝันอยู่ตรงนี้เองนะ” สาวน้อยยอมให้กอดอย่างไม่ถือตัว สองตาแป๋วจ้องมองแววตารักใคร่ของชายหนุ่มที่จ้องมองมา
เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้สึกว่าการทำแบบตอนนี้มันแปลกประหลาด แต่ตอนนี้ความรู้สึกของเธอขัดแย้งกับเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้บางอย่างในตัวเธอนั้นกำลังกรีดร้องตะโกนบ้าคลั่งว่าเธอไม่ควรปล่อยให้ชายใดมากอดเธอไว้แบบนี้ มีเพียงท่านจันทร์ของเทียนเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ได้
ท่านจันทร์... ท่านเป็นเพียงคนในฝันของพาฝันเท่านั้นเองหรือ
แล้วทำไมกันนะ ทำไมเราถึงไม่เชื่อว่านี่เป็นแค่ความฝัน
*เต็ก มาจาก Architect (อา-คิ-เต็ก) ใช้เรียกสถาปนิกหรือสถาปัตย์
พี่ตะวันน่ารักเนอะ แต่น้องพาฝันของเราจิตใจฝักใฝ่แต่ท่านเทียนคนเดียวแล้วอะสิ
ไม่เป็นไรนะพี่ตะวัน เดี๋ยวเค้าดูแลพี่ตะวันเองนะ ><
ความคิดเห็น