คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3
[3]
สวนสาธารณะ
เพราะไอ้บ้าพี่ชาเลย... คุณย่าถึงได้อบรมหนูลีเสียจนหูชาว่าทำตัวไม่สมกับเป็นกุลสตรีแล้วก็นั่งร่ายคุณสมบัติของผู้ดีอยู่อีกสามชั่วโมงเต็ม!
อย่าให้เจอวันนี้นะ หนูลีจะจัดให้หนักเลย
ความคิดแล่นไปไกลถึงคนที่เป็นสาเหตุให้วลีวิไลต้องฟังคุณย่าจนหูแฉะ ขณะที่เธออยู่ในชุดทำงานและกำลังจะไปเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาที่ห้องน้ำภายในสวนสาธารณะแห่งเดิม ยามเช้าก่อนไปทำงานเช่นเดิม
ดวงของเธอและปกรณ์คงสมพงศ์กันแปลกๆ เพราะไม่ทันขาดคำดีที่เธอท้าจะเจอเขาในใจ ปกรณ์ก็ปรากฏตัวขึ้นในม่านสายตาหวาน
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนริมฝีปากบาง หนูลีมาดหมายในใจถึงปฏิบัติการเอาคืนที่ความคิดร่างขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว
ที่ข้างๆ ต้นไม้ต้นใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้กับลานวงกลมซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุ มีร่างของหญิงสาวบอบบางยืนแอบอยู่เพื่อซุ่มรอผู้ชายคนหนึ่ง สายตาเจ้าเล่ห์มุ่งมาดที่จะเอาคืนให้สำเร็จ
ปกรณ์วิ่งเหยาะผ่านมาอย่างที่เธอรออยู่ รอยยิ้มหวานหยดเคลือบบนกลีบปากเล็ก เธอก้าวออกไปตามหลังปกรณ์ที่วิ่งตรงไปยังบ่อน้ำพุ วลีวิไลยิ้มหวานกว่าเดิมแล้วรีบก้าวเท้าเร็วๆ จนเกือบเป็นวิ่งไปใกล้เขาจากทางด้านหลัง สองมือบางยื่นออกไปหมายจะผลักแผ่นหลังกว้างของปกรณ์
ทว่าในเสี้ยววินาทีความผิดพลาดก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
ตู้ม!!
แทนที่จะเป็นปกรณ์ตกลงไปในบ่อน้ำพุอย่างที่วลีวิไลหมายใจไว้ กลับกลายเป็นเธอเองที่หล่นลงไปในบ่อจนน้ำกระจายไปรอบทิศทาง หญิงสาวเปียกปอนไปหมดทั้งตัวตั้งแต่เส้นผมยันปลายรองเท้า
คนที่ถูกประทุษร้ายในตอนแรกจึงหยุดวิ่งแล้วเหลียวหลังกลับมามอง เขาเดินกลับมาริมบ่อน้ำพุ แว้บหนึ่งวลีวิไลสาบานได้ว่าเธอเห็นเขาอมยิ้ม...
ปกรณ์เดินมาหยุดที่ขอบบ่อน้ำพุ เขายื่นมือมาตรงหน้าของเธอที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนหงายหลังอยู่ในน้ำ เธอสบตากับเขาแล้วยกมือขึ้นปัดมือเขาทิ้งก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นมายืนเอง
ส้นสูงสีขาวกระแทกลงบนหินที่เป็นขอบบ่อน้ำพุ ร่างบางเอนเอียงไปมาคล้ายจะตกเพราะทรงตัวได้ไม่ดี ชายหนุ่มตัดสินใจคว้าเอวบางไว้ทันทีเมื่อเธอตกลงมาจากขอบบ่อน้ำพุ
วลีวิไลแหงนหน้ามองปกรณ์อย่างเอาเรื่อง เธอถลึงตาใส่เขาก่อนจะสะบัดตัวหนีแล้วยืนด้วยตัวเองแทน
“ไม่ขอบคุณหรอกนะ ไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อย” หนูลีกอดอกแน่นแล้วหันหน้าหนี ทำตัวหยิ่งใส่อีกฝ่ายทั้งที่เนื้อตัวเปียกปอนไม่เหลืออะไรให้ดูดีสักนิด
สาบานได้อีกครั้งว่าหนูลีได้ยินเสียงหัวเราะ! เธอหันไปมองเขาตาขวางจนปกรณ์ต้องกลั้นหัวเราะแล้วเปลี่ยนไปอมยิ้มแทน
“ครับ ไม่ขอบคุณก็ได้ พี่ไม่ว่าอะไรหนูลีหรอก” เขาพูดพลางอมยิ้ม ก่อนจะล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้เธอ
“พี่ให้นะ เอาไว้เช็ดหน้าเช็ดตา” หนูลีมองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะถูกพี่ชายัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือพร้อมกับคำบอกลาสั้นๆ ง่ายๆ และเดินจากไป
“พี่ไปแล้วนะหนูลี บ๊ายบายครับ”
หนูลีมองตามไปพร้อมทั้งเม้มริมฝีปากแน่น แต่ในที่สุดเธอก็ยอมยกผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้มผืนนั้นขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาของตัวเองโดยดี
ที่สวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมือง ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวขจีที่ปลูกเรียงราย วลีวิไลปั่นจักรยานสีชมพูสดใสไปรอบๆ สวนตามทางที่มีไว้ให้สำหรับจักรยาน ในใจของหญิงสาวหมายมั่นปั้นมือถึงการกลั่นแกล้งเอาคืน ’เขา’ มากกว่าเก่า
ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าวันนี้เขาจะมาออกกำลังกายยามเช้าเหมือนทุกวัน เธอถึงได้ถ่อเอาจักรยานมาจากบ้านเพื่อมากลั่นแกล้งเขาโดยเฉพาะ
ต้องมาอยู่แล้วล่ะ หนูลีมั่นใจ!
ขณะที่ปั่นจักรยานรับลมเย็นยามเช้าไปได้ครึ่งสวนสาธาณะ วลีวิไลก็กระตุกยิ้มทันทีที่เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตา ที่เธอกำลังเฝ้ารออยู่...
จักรยานทะยานไปข้างหน้าอย่างเร็วเมื่อวลีวิไลปั่นจักรยานแบบมีแรงเท่าไรใส่ไปไม่ยั้งตรงไปยังปกรณ์ เธอไม่คิดจะเรียกหรือทักทายอะไรเขาใดใดทั้งนั้น
เพราะจุดมุ่งหมายของเธอคือ ชน!
เสี้ยววินาทีเดียวที่ล้อจักรยานด้านหน้าจะชนถูกหลังขาของชายหนุ่มซึ่งกำลังวิ่งอยู่ เขาก็เกิดเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้างจนทำให้เธอต้องเบิกตากว้างขึ้น เพราะเมื่อเขาหลบพ้นไปจากเส้นทางจักรยานของเธอ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาก็คือต้นไม้ใหญ่ที่แสนจะแข็งแรงกับระยะห่างที่เธอไม่มีทางหักจักรยานหลบพ้น
วลีวิไลจึงตัดสินใจเหยียดขาให้ตึงที่สุดแล้วยันไว้กับพื้นเพื่อเบรคจักรยานที่กำลังจะทะยานไปหาต้นไม้
“อ๊ากก..กก”
พลั่ก!
หน้าผากของวลีวิไลปูนโปดเป็นดวงกลมๆ สีแดงคล้ำ มือน้อยยกขึ้นแตะรอยช้ำพลางปากก็ร้องซีดซ๊าดไปด้วย
“ฮึ่ม! วันนี้ฉันต้องเอาคืนให้ได้!!”
หญิงสาวเดินหาคู่แค้นไปเรื่อยๆ ตามทางเดินในสวนสาธารณะ ขณะที่ไม่ยอมละมือออกจากรอยแผลฟกช้ำเลย และเธอก็เอาแต่บ่นไปตลอดทาง
นั่น...
จนในที่สุดก็เจอชายหนุ่ม ปกรณ์วิ่งเหยาะเหมือนในทุกๆ วัน เธอวางแผนไว้แล้วว่าวันนี้จะหลอกให้เขาหมดตัวให้ได้!
“พี่ชาคะ... พี่ชา”
“ครับ” ชายหนุ่มหันมาพร้อมกับขานรับก่อนจะพึมพำเบาๆ กับตัวเองว่า “อ้าว หนูลีนี่เอง”
วลีวิไลตัดสินใจส่งยิ้มให้เขาเพื่อแสดงถึงมิตรภาพ ก่อนจะพยายามพูดกับพี่ชาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่หวานที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
“พี่ชาดูสิคะ แผลที่เกิดเมื่อวานตอนที่หนูลีจะปั่นจักรยานไปทักพี่ชาแล้วดันไปชนต้นไม้น่ะบวมมากเลย”
“อืม หึๆ ไม่หรอกครับ เดี๋ยวก็หายนะ” ปกรณ์มองหน้าผากของหญิงสาวแล้วก็ต้องยิ้มกว้างออกมา เขาพยายามกลั้นหัวเราะเพื่อไม่ให้หญิงสาวงอนแต่ก็ทำได้ยากเต็มที
“เอ่อ พี่ชาคะ หนูลีหิวน้ำมากเลย เลี้ยงน้ำหนูลีหน่อยนะ”
“ตกลงครับ ไป...ไปซื้อกัน” หลังจากที่เขายอมตกลง เธอก็รีบพูดแทรกขึ้นทันที สำเร็จ! สำเร็จ!
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูลีไปซื้อเอง แล้วเดี๋ยวพี่ชาค่อยไปจ่ายเงินให้หนูลีตอนจะกลับก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมา” หญิงสาวแย้มยิ้ม
“อ่อ เอาอย่างงั้นก็ได้ครับ” ปกรณ์ตอบตกลงทั้งที่งงๆ อยู่ แต่ก็เลือกที่จะไม่คิดอะไรมากเพราะแค่หญิงสาวยอมญาติดีกับเขาเสียทีก็ดีมากแล้ว
วลีวิไลรีบแล่นไปที่ซุ้มขายน้ำดื่มกับของจิปาถะที่อยู่ติดกับลานจอดรถ เธอเจรจาบางอย่างกับเจ้าของร้านจนในที่สุดก็ได้น้ำดื่มมาถือไว้หนึ่งขวด...
รอยยิ้มแจ่มใสฉายบนดวงหน้าหวานเมื่อเธอผินหน้าออกมาจากร้านแล้วเดินกลับมาที่ที่ปกรณ์ยืนอยู่ ก่อนจะตะโกนออกไปว่า
“อย่าลืมมาจ่ายเงินนะคะพี่ชา”
ในขณะเดียวกันนั้นเจ้าของร้านเอาน้ำดื่มออกมาเรียงไว้บนโต๊ะและเขียนป้ายที่มีข้อความ “น้ำดื่มฟรี” วางไว้ด้านหน้า
หมดตัวแน่ๆ พี่ชาขา...
ผ้าม่านสีชมพูดอ่อนพลิ้วไสวตามแรงลมของยามค่ำคืน ใครคนหนึ่งยืนอยู่ริมระเบียงพร้อมทั้งคุยโทรศัพท์ไปด้วยอย่างออกรส
“พี่ชาของแฟน่ะสมควรจะโดนแบบนี้แล้วแหละ ชอบแกล้งเราดีนัก” หญิงสาวเจ้าของห้องนอนกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือที่แนบอยู่ข้างแก้มขาว ผมปลิวล้อไปกับแรงลม
“มีอย่างที่ไหน แกล้งพี่ชายแล้วมาเล่าให้น้องสาวฟังหือ!” เสียงที่ทำเป็นดุนี้เป็นของปิ่นสุดาหรือกาแฟ เพื่อนวัยเดียวกันที่สนิทสนมกันมากแม้ว่าตัวจะอยู่ไกลกันถึงคนละจังหวัดก็ตาม และอีกสถานภาพหนึ่ง ปิ่นสุดาคือน้องสาวของปกรณ์
“ก็เรารู้ว่ายังไงแฟก็ต้องเข้าข้างเรานี่นา” หนูลียิ้มอารมณ์ดี
“ใครบอกว่าเราจะเข้าข้างหนูลีล่ะ เนี่ย...เมื่อกี๊พี่ชาเพิ่งโทรมาบ่นเรื่องหนูลีกับเราเลย เขาฝากบอกว่าหนูลีน่ะแสบมากนะ ทำเอาเขาเกือบหมดตัว”
“เว่อร์ พี่ชาของแฟน่ะเว่อร์ใหญ่ละ เขาจะหมดตัวเพราะแค่น้ำดื่มไม่กี่โหลได้ยังไงหื้มมม”
“ฮ่าๆ ก็จริงของหนูลี แต่ก็เลิกแกล้งพี่ชาเขาได้แล้ว ถือว่าเจ๊าๆ กันไปนะ”
“ไม่ได้หรอก... ไม่มีทาง ฮ่าๆ”
“เอ้... หนูลีนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริง”
ก๊อกๆ
“ย่าเอานมมาให้จ้ะหนูลี” เสียงอบอุ่นของผู้สูงวัยทำให้วลีวิไลต้องรีบวางสายของปิ่นสุดาเพื่อนรัก
“แค่นี้ก่อนนะแฟ คุณย่ามาที่ห้องน่ะ เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะ” หลังจากวางสายและเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งก็พอดีกับที่คุณย่าวางแก้วนมสดลงบนโต๊ะทำงาน
“ขอบคุณค่ะคุณย่า ทำไมยกมาให้หนูลีเองเลยละคะ วันหลังใช้คนอื่นให้ยกมาให้นะคะ คุณย่าจะได้ไม่เมื่อย” วลีวิไลบอกเสียงออดอ้อนก่อนจะเข้าไปบีบๆ นวดๆ ท่อนแขนของรัมภา
“ก็ย่าอยากจะแวะมาหาหนูลีก่อนนอนนี่จ๊ะ แล้วเมื่อกี๊คุยอะไรกับแม่แฟอยู่เหรอ? เห็นคุยกันสนุกเชียว”
“เรื่องพี่ชาสุดที่รักของย่านั่นแหละค่ะ หนูก็แค่แกล้งอะไรพี่เขานิดหน่อย”
“อ้าว แล้วไปแกล้งพี่เขาทำไมล่ะลูก พี่เขาทำอะไรเราเหรอ?”
“ไม่รู้ ไม่ชี้ แกล้งไปแล้ว” หลานสาวพึมพำแล้วยักไหล่อย่างไม่ยอมเล่าให้คุณย่าฟังเต็มๆ เพราะเกรงว่าจะถูกคุณย่าสุดที่รักอบรมเหยียดยาวอีกครั้ง
หญิงสาวอ่อนวัยกว่ายกแก้วนมสดขึ้นมาก่อนจะดื่มเสียอึกใหญ่ ขณะที่หญิงสูงวัยกว่าเอ่ยถามหลานรักอย่างคาดคั้น
“เล่ามาให้หมดเลยนะหนูลี อย่าให้ย่าต้องเค้นถามนะ!”
หญิงสาวยังคงดื่มนมต่อไปอย่างเชื่องช้าจนถูกคุณย่าตีแหมะๆ ที่ต้นแขนไปหลายที เธอจึงยอมกระดกก้นแก้ว เทนมสดลงไปในคอให้หมดสักที
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ เล่าแล้วก็ได้”
วลีวิไลวางแก้วนมสดลงแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณย่าฟัง เธอบิดเบือนไปบิดเบือนมาจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิม แต่คุณย่าก็รู้ความจริงอยู่ดี เพราะว่าคนสูงวัยรู้ดีว่าหลานสาวชอบเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้เขาอื่น พูดอะไรก็ต้องเอาล้านไปหารด้วย
“โอ๊ย คุณย่าตีหนูลีทำไมคะ!”
“ก็เราน่ะแกล้งพี่เขาแรงไปนะ ต้องตีจะได้จำว่าไม่ควรทำแบบนี้” รัมภาขมวดคิ้วเป็นปม น้ำเสียงเข็มงวดทำให้วลีวิไลทำหน้างอ
“แกล้งแค่นี้เอง พี่เขาไม่เป็นไรหรอก แต่คุณย่าตีหนูลีแบบนี้หนูลีเจ็บนะคะ”
“เจ็บนี่แหละดี จะได้เลิกทำ ที่ย่าสั่งสอนเราไปเป็นกระบุงเมื่อวันก่อนนี่ไม่เข้าหัวเลยใช่ไหม?”
“โธ่ คุณย่าอะ หนูลีขอโทษก็ได้”
“ขอโทษไม่พอ สัญญากับย่าเลยว่าจะไม่แกล้งพี่ชาอีก”
“...”
“หนูลี”
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ หนูลีสัญญาว่าจะไม่แกล้งพี่ชาแล้วก็ได้”
พอได้ยินหลานสาวยอมตกปากรับคำอย่างนี้ คนเป็นย่าจึงพยักหน้าให้แล้วเลิกพูดเรื่องนี้ไปในที่สุด
ความคิดเห็น