ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก ป่วนใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : [1]___________ผู้หญิงแนวใหม่ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 58










    ผู้หญิงแนวใหม่





     
             

                    "สา"


                    "เอ้า มุ่ย มาแล้วหรอ" เหมือนปาร์ตี้นี้จะมีคนมาเพิ่ม แต่ผมไม่ได้สนใจไร นั่งฟังเพลงนั่งดื่มไปเรื่อย และขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน 
                    
                    เสียงดนตรีสดดังกระหึ่ม ได้ยินเบสหนักๆบวกกับออลกอฮอลล์ในกระแสเลือด หัวใจผมเต้นตึบตับแทบจะปวดช่องอกไปหมด เพราะเหตุนี้ผมถึงไม่ชอบเสียงดังๆ เจ็บน่าอกแล้วอาการปวดหัวตึบก็จะตามมาในที่สุด
                   ในคลับผู้คนเบียดเสียดกันแทบทุกอนูพื้นที่ของร้าน เรื่อยมากระทั่งทางเข้าห้องน้ำ ก็ยังเต็มไปด้วยคู่หนุ่มสาวเข้ามาหลบมุมคุยกันเงียบๆ ส่วนผมขอยืนนิ่งๆไกลจากลำโพงให้หัวใจได้พักเสียหน่อย




                   "อุ๊ย ขอโทษค่ะ"

                   ผมถูกกระแทกเบาๆด้วยร่างเล็กของใครบางคน ตรงนี้ค่อนข้างมืดมีแค่ไฟสว่างจากไฟห้องน้ำส่งลอดเข้ามาในทางเดินเล็กน้อยทำให้มองไม่เห็นคนคนนั้น ผมรู้แค่ว่าเธอตัวเล็ก เล็กกว่าผมมากแต่ก็นะ ผมสูงขนาดนี้ จะผู้หญิงคนไหนก็ตัวเล็กสำหรับผมทั้งนั้น
                  เธอเดินผ่านเข้าไปในห้องน้ำแล้วก่อนผมจะสังเกตเห็นว่ามีอะไรร่วงลงมาจากตัวเธอคนนั้น มันเป็นเศษกระดาษอะไรซักอย่าง แต่พอสังเกตดีๆมันไม่ใช่ หน้าตาแปลกจนผมต้องหยิบขึ้นมาดู มันคือกระดาษห่อหมากฝรั่ง...รูปแพนด้า แพนด้าสีเงิน หน้าตาตลก ไม่อยากจะเชื่อว่าของพวกนี้พับได้จริงออกมาเป็นสัตว์หน้าตาน่ารักแบบนี้ได้ด้วย
                  ผมยืนเล่นดูแพนด้ากระดาษอยู่พักใหญ่จนกระทั่งคนในร้านเริ่มซา ดนตรีเปลี่ยนแนวเป็นเพลงช้าคลาสสิค ขาเริ่มเมื่อย เดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมกับแพนด้าในมือ ก๊วนของผมก็ยังอยู่ครบเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เวลาล่วงมากว่าตีสองเข้าสู่ช่วงนั่งชิวยันร้านปิด แสงไฟสว่างขึ้นกว่าเมื่อครู่เล็กน้อยทำให้ผมสังเกตเห็นใครบางคนที่มาใหม่



                  "เฮ้ยวิน นั่นน้องใคร"

                  ผมสะกิดถามวินที่ตอนนี้มันใกล้สติหลุดเต็มทีแต่ยังพูดรู้เรื่องอยู่ ที่ผมพูดถึงคือผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งฝั่งตรงข้าม เธอดูเหมือนเด็กมหา'ลัยมากกว่าคนวัยทำงานแล้วอย่างพวกเราสิ่งที่ทำให้ผมสนใจอยากรู้ เพราะเธอกำลังหยิบจับบิลค่าเครื่องดื่มแต่ละรอบหลายแผ่นพับประกอบกัน บนโต๊ะตรงหน้าเธอเต็มไปด้วยเหล่าสัตว์ประหลาดตัวเล็ก ใหญ่ที่ทำมาจากกระดาษ ผมว่าผมรู้แล้วว่าแพนด้าหมากฝรั่งเป็นของใคร




                   "หืม น้องไหน" วินพยายามถ่างเปลือกตามองตาม



                   "นั่น คนนั้น ที่พับกระดาษอยู่"



                   "อ๋อ คนนี้หรอ พี่กึ้งชอบ ผมจัดให้"



                   "เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่ๆเว้ย ฉันแค่ถาม ไม่ได้จะจีบเขา นั่งลง" อยู่ๆไอ้วินก็ผุดลุกจากเก้าอี้ทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาเธอ ผมแทบรั้งแขนมันไว้แทบไม่ทัน หมอนี่เอะอะมันก็จะพุ่งลูกเดียว นี่ ขนาดแฟนนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้เกรงใจเลยนะ


                  "หืม หรอ เดี๋ยวนะ นั่นมันยัยมุ่ย มุ่ยนี่หว่า น้องใครที่ไหนกัน อายุเท่าผม อยู่ออฟฟิศเดียวกับสาน่ะสนิทกันด้วย โห่ พี่เกือบทำครอบครัวผมร้าวฉานแล้ว" 



                  "หึ ถ้าครอบครัวจะร้าวฉานมันก็เป็นเพราะนาย ไม่เกี่ยวกับฉัน" ผมล่ะหมั่นไส้มันจริงๆ
                  หันกลับไปมองเธออีกครั้ง ชื่อมุ่ย ซนๆสมตัวดี อายุเท่าวินก็ยี่สิบแปดแล้วแต่ดูไม่ใกล้เคียงอายุจริงเท่าไร เธอตั้งหน้าตั้งตาพับกระดาษขณะเดียวกันก็คุยกับเพื่อนๆ หัวเราะสนุกสนาน ไม่คิดว่าจะได้เห็นผู้หญิงคนไหนทำผมทรงนี้อีก เธอตัวเล็กหน้าก็เล็กแต่ผมกลับฟูฟ่องเพราะทำเป็นลอนเล็กถี่ยิบเหมือนขนมโปเต้ สีผมออกน้ำตาลแดงๆของเธอยิ่งทำให้ผมนึกถึงนางเอกการ์ตูนอเมชั่นเรื่องหนึ่งที่เป็นเจ้าหญิงผมส้มมีคันธนูเป็นอาวุธคู่กาย



                  "ผู้หญิงอะไรมาเที่ยวแบบนี้ไม่แต่งตัวไม่แต่งหน้า เหมือนเพิ่งไปปิคนิคมา ฉันนึกว่าเป็นน้องใคร"



                 "พูดแบบนี้แปลว่าสน มุ่ยก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ชอบแต่งตัวแต่งหน้า เหมือนเด็กผู้ชายผสมสาววัยใสในเวลาเดียวกัน เข้าใจยากแบบนี้ไม่ใช่แนวพี่หรอกครับ ฮ่าๆ" วินพูดอย่างอารมณ์ดีเพราะฤทธิ์เหล้า ยิ่งบอกไม่ใช่แนวยิ่งทำให้ผมสนใจ
               


                 
    "อย่างฉันมันต้องแนวไหนกัน" ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ยึดติดกับเรื่องพวกนี้ หากโตพอ เรื่องหน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอกคุณจะมองข้ามมันไปได้เหมือนผม อย่างที่ผ่านมาเป็นแค่กำไรหรือรางวัลพิเศษแถมมาเท่านั้น ที่พูดมาไม่ใช่เพราะอกหักจนแอนตี้ผู้หญิงสวยๆ ผมแค่คิดว่าเรื่องความงามไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อยู่ที่นิสัยต่างหากแต่ถ้าสวยด้วยก็....ถือเป็นเรื่องที่ดี

     



                  "โห่ ระดับนายฤทธา ต้องงง สูงงง ยาววววขาวสวยฟรุ้งฟริ้งสุดๆ แบบคนนั้น ไม่ก็หมวยเอ็กซ์เซ็กซี่มั่นนนนนฝุดๆ เหมือนสาวคนโน้นนนน ไม่ใช่พวกโอตาคุ คลั่งไคล้ซุปเปอร์ฮี่โร่ และรักเด็กแบบยัยมุ่ยหรอก" วินโหนไปโหนมาหลอกให้ผมมองตาม บรรยายสาวคนนู้นที คนนี้ที คนสุดท้ายที่เราพูดถึงดันหันมาสบตากับผมเข้าพอดี โปรยยิ้มให้แบบเปิดโอกาสซะงั้น




                 "ก็ไม่แน่ ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงสวย หมายถึงไม่จำเป็นต้องสวย" พูดแล้วก็เหมือนแก้ตัว


          
                "แน่ะ แปลว่าสนยัยมุ่ยใช่มั้ย ใช่มั้ยเนี่ย กิ๊วๆๆๆ ๆ" วินทำเสียงแบบรู้ทัน นิ้วชี้หน้ากระดิกยิกๆแทบจะทิ่มตาผมอยู่แล้ว เมาแล้วชักเรื้อน ผมไม่ได้ตอบว่าอะไรจะว่าสนก็สนจะว่าไม่ก็ไม่ ผมแค่....อืม ผมสนก็ได้ เมื่อไม่ได้รับการปฏิเสธอะไร รุ่นน้องตัวแสบหันไปกระซิบกระซาบบางอย่างกับแฟนสาว สาหัวเราะคิกหันมามองผมยิ้มๆแว๊บหนึ่ง ไอ้วินคงพูดอะไรอีก เธอหันไปสะกิดเพื่อนที่กำลังพับกระดาษอย่างมันมือให้หยุดก่อนแล้วหันมาทางเรา



               "มุ่ย ยังไม่เจอพี่กึ้งเลย"



                "เออนี่ พี่กึ้งพี่ฉันเอง พี่กึ้งนี่มุ่ยครับ" วินทำไก๋ผสมโรง หันไปทำหน้าพิลึกๆกับแฟนแต่ผมไม่สนใจ สนคนตรงหน้ามากกว่า


                 "สวัสดีค่ะ" เสียงเล็กอย่างกับแมวแต่ไม่ได้น่ารำคาญอะไร ผมรับไหว้เธอแล้วจบแค่นั้น ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ผมเองก็ไม่รู้จะคุยจะถามอะไร เธอก็กลับไปสนใจกระดาษในมือต่อ จนกระทั่งเจ้าภาพปาร์ตี้ครั้งนี้ที่กรึ่มใกล้ขั้นจอดับ ลุกขึ้นป่าวประกาศข่าวดีระหว่างตัวเองกะแฟนสาว เรียกเสียงเฮจากคนทั้งโต๊ะและทั้งร้านด้วย 
                   ถึงคราวฉลองชนแก้ว เล่นเกมส์ ดื่มฟรีไม่มีอั้นตามคอนเซปวินเลี้ยงวินจ่าย ผมลอบมองเธออยู่เนืองๆ ตอนนี้เธอเลิกพับกระดาษเพราะไม่มีอะไรให้พับได้อีก ตรงหน้าเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์น่ามหัศจรรย์ พอไม่มีอะไรทำแล้วเหลือก็มีแค่คุยกับดื่ม ผ่านไปซักระยะหลายๆคนเริ่มป้อแป้ เจ้าของงานจอดับคนแรกหลับพับคาเก้าอี้ไปแล้วด้วยสภาพอนาจไปในที่สุด ดีหน่อยที่สาไม่ได้ดื่ม เธอบอกว่าต้องคอยดูแลวิน น้องผมมันโชคดีจริงๆ
                   


                    






                     "นี่มุ่ย ฉันว่าพี่กึ้งเขามองแกอยู่แน่ะ" สาวิกาสะกิดเพื่อน ธนพรเหลือบมองผู้ชายฝั่งตรงข้ามแวบหนึ่ง เขาก็ดูปกติไม่ได้มอง แบบสนใจเธอเป็นพิเศษเสียหน่อย 



                    "มองที่ไหนกัน พี่เขาไม่เห็นจะมองอะไร แกอย่ามาเสี้ยมฉันนะ" 



                   "เสี้ยมที่ไหนกันล่ะ ก็วินบอกฉันเองว่าพี่กึ้งอยากรู้จักแก ถ้าเขาไม่สนแล้วจะอยากรู้ทำไม" สาวิกาพูด พอธาวินบอกว่าฤทธาอยากรู้จักธนพร เธอก็ลอบสังเกตอยู่เงียบๆ พี่ใหญ่ของเรามองธนพรจริงๆ อาจเพราะฤทธาเป็นผู้ใหญ่เขาจึงไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก ในสายสาวิกา เพิ่งเจอกันวันแรก ฤทธาดูสุภาพ นิ่งขรึมแต่ไม่ได้ถึงกับเย็นชาเพราะเขาพูดคุยหยอกล้อกับรุ่นน้องสบายๆ และหัวเราะอย่างเปิดเผย แถมตอนนี้ยังโสดเสียด้วย หากเขาสนใจธนพรจริงเธอจะยินดีมากที่เพื่อนสาวคนสนิทจะได้มีแฟนกับเขาเสียที 


           
                    "ตลกตายล่ะ อย่างพี่เขาจะมาชอบผู้หญิงแบบฉัน แกลองนึกภาพฉันกับเขาเดินด้วยกันสิได้ฮากลิ้ง เสาไฟฟ้า....กับหลักกิโลชัดๆ" คำพูดของธนพรทำให้สาวิกาปล่อยก๊ากออกมาเสียงดัง ทำเอาคนทั้งโต๊ะหันมามองรวมถึงฤทธาด้วย เขาหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี เพียงแค่เสี้ยววินาทีเธอต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีก่อนเพราะรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก 


     
                    "ก็ไม่แน่นะแกใครจะไปรู้ ถึงยังไง เสาไฟฟ้ากับหลักกิโลกมันก็อยู่คู่กันนะ ฮ่าๆ" สาวิกายังคงแหย่ไม่หยุดจนธนพรทนฟังไม่ได้ เธอไม่อยากฟุ้งซ่าน หลงไปตื่นเต้นอะไรกับหนุ่มรุ่นพี่จริงจังเพราะคำเพื่อน เพราะอยากหากไปกว่านี้ ผู้หญิงที่ไม่โสดมานานอย่างเธออาจหลวมตัวเข้าให้จริงๆก็เป็นได้



                    "โอ๊ย บ้า ฉันไม่คุยกับแกแล้ว ไปเข้าห้องน้ำก่อนล่ะ"  เธอเดินออกมาจากโต๊ะโดยไม่หันไปมองฤทธาเลยสักนิดเพราะกลัวจะไปสบตากับเขาอีก
                    เข้ามาถึงห้องน้ำ เธอหยุดมองพิจารณาตัวเองที่หน้ากระจก ตั้งแต่ผิดหวังกับความรักสมัยยังเป็นเฟรชชี่มหาวิทยาลัย เธอก็ไม่เคยชอบใครหรือมีใครเข้ามาคุยกับเธอจริงๆจังๆเลยจนกระทั่งตอนนี้ จากสภาพคนในกระจกคงเป็นเรื่องยากที่ผู้ชายอย่างฤทธาจะมาชอบ เขาทั้งดูเป็นผู้ใหญ่ ขรึมและอีกอย่างรูปร่างหน้าตาแบบเขาคงทำให้ผู้หญิงใจสั่นได้ไม่ยาก ผู้ชายแบบนั้นไม่มีทางมาหลงสนใจผู้หญิงบ้านๆที่มีแต่ตัว ไม่สวย ไม่รวยและดูไม่ฉลาดอย่างเธอเด็ดขาด
                    คิดได้อย่างนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ สลัดความคิดบ้าบอนั้นทิ้งก่อนจะเข้าไปทำธุระให้เสร็จแล้วเดินออกมาด้านนอก เธอมัวแต่เช็ดมืออยู่จนไม่ได้มองทาง ขาสะดุดขอบพื้นต่างระดับ ร่างเซไปชนกับใครคนหนึ่งที่กำลังจะเดินออกมาพอดี และจับตัวเธอไว้ที่ท่อนแขนได้ทันก่อนน่าจะคะมำลงไปด้านหน้าด้วยมือเพียงข้างเดียว




                   "เป็นอะไรรึเปล่า เดินไหวมั้ย?" เป็นฤทธาที่จับแขนเธออยู่ด้วยมือแข็งแรง เมื่อเธอพยายามดึงแขนออก เขายอมปล่อยแต่โดยดีพร้อมถามด้วยความเป็นห่วงในสายตาของเธอ มันดูเหมือนการถามตามมารยาทมากกว่า แม้กระนั้นประโยคที่พูดออกมากลับดูปกติ ไม่บ่งบอกเจตนาพิเศษ สีหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา 



                   "ไหวค่ะ มุ่ยแค่สะดุด ไม่ได้เมา" เธอพูด เพราะคิดว่าที่เขาถามเพราะคิดว่าเธอเมา สำหรับคนเพิ่งพูดคุยกันครั้งแรกฟังดูแล้วเหมือนเสียมารยาทแต่อีกฝ่ายกลับไม่ว่าอะไร เขาเดินออกมาพร้อมๆกับเธอ ก่อนเอ่ยถามชวนสนทนาไปตามปกติ




                  "ชอบพับกระดาษเหรอ"



                  "ค่ะ ก็ไม่เชิง คอลัมม์เดือนนี้มุ่ยเขียนเรื่องออริกามิ เห็นมันเจ๋งเลยลองมาพับเล่นดูบ้าง" คนตัวสูงพยักหน้ารับรู้ พอถึงโต๊ะทั้งเธอทั้งเขาต่างก็เงียบ ไม่มีใครถามอะไรอีกแม้จะนั่งอยู่โต๊ะเดียวกันฝั่งตรงข้าม แต่กลับไม่มีใครสบตาใครเลย เวลาผ่านไป สมาชิกค่อยๆพากันทยอยกลับทีละคู่ จนเลือกแค่สาวิกา ธาวิน ธนพรและฤทธาเท่านั้น
                 ทั้งสี่คนออกมาหน้าร้าน ธาวินหลับไปแล้ว เขาห้อยต่องแต่งโดยกอดคอสาวิกาไว้ ส่วนฤทธาก็ช่วยพยุง หยุดหารือกันว่าจะกลับอะไรกันยังไง


                  


          


                 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×